วันนี้ (30 กรกฎาคม) เครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัยพระจอมเ […]
The post #สามพระจอมจะยอมได้ไง อาชีวะไล่เผด็จการ ส่งไม้เวียนจัดแฟลชม็อบ ย้ำ 3 ข้อเรียกร้องเยาวชนปลดแอก appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (30 กรกฎาคม) เครือข่ายนักศึกษามหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าฯ 3 แห่ง ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ หรือ มจพ. ร่วมกับกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชน และกลุ่มอาชีวะโค่นเผด็จการ ที่ชูคำขวัญ ‘สืบสานเจตนารมณ์วีรชน 14 ตุลา’ จัดกิจกรรมแฟลชม็อบออนทัวร์ ภายใต้คำขวัญ ‘สามพระจอมจะยอมได้ไง’ ที่ลานเฉลิมพระเกียรติ มจพ. เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์และข้อเรียกร้อง 3 ข้อของกลุ่มเยาวชนปลดแอก สอดรับการเคลื่อนไหวของขบวนการเยาวชนในห้วงนี้ รวมถึงเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วย
โดยมีการเวียนกันไปจัดแฟลชม็อบในสถาบันของตัวเองและอีกสองมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วม เริ่มจาก มจพ. ก่อน พร้อมทั้งมีการ ‘ส่งมอบธงสัตยา’ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการรับไม้ต่อสำหรับจัดแฟลชม็อบครั้งต่อไปของ ‘สามพระจอม’ ในลักษณะทีมเหย้า-ทีมเยือนให้ครบทั้ง 3 แห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศให้ระมัดระวังในการใช้ถ้อยคำที่อาจหมิ่นเหม่หรือไม่เหมาะสม และขอให้มีมาตรการป้องกันโควิด-19 ด้วย โดยผู้จัดงานได้เตรียมหน้ากากผ้าและเจลแอลกอฮอล์ไว้ให้ผู้ร่วมกิจกรรมและสื่อมวลชน รวมถึงขอความร่วมมือให้เว้นระยะห่างด้วย
สำหรับกิจกรรม มีการนำป้ายผ้าให้ผู้ร่วมกิจกรรมเขียนแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นต่างๆ รวมถึงข้อความที่สะท้อนความยุติธรรมกรณีทายาทเครื่องดื่มชูกำลังไม่ถูกดำเนินคดีหลังขับรถชนตำรวจเสียชีวิต อย่างข้อความที่ว่า “อยู่ที่ไหนก็ไม่ดีเท่าอยู่วิทยา”
ส่วนการปราศรัยโดยแกนนำสามมหาวิทยาลัยได้เน้นใน 3 เรื่องหลักคือ ภาพรวมการบริหารงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว, ระบบ SOTUS ในโรงเรียนและสถาบันการศึกษา รวมถึงกฎระเบียบที่ละเมิดสิทธินักเรียน และสิทธิเสรีภาพในการเเสดงความคิดเห็นของประชาชน
ด้าน ภาณุพงศ์ จาดนอก จากกลุ่มเยาวชนปลดแอกกล่าวปราศรัยเป็นคนสุดท้าย ย้ำถึง 3 ข้อเรียกร้องของกลุ่มคือ ยุบสภา ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และหยุดคุกคามประชาชน โดยระบุถึงการพยายามตั้งคณะกรรมมาธิการวิสามัญรับฟังความเห็นเยาวชนและนักศึกษา ซึ่งหลายฝ่ายตั้งคำถามว่าผู้มีอำนาจต้องการยื้อเวลาการครองอำนาจออกไปให้ยาวนานที่สุดหรือต้องการแก้ปัญหาจริงๆ ซึ่งทางกลุ่มได้ปฏิเสธการเข้าร่วมไปแล้ว
ขณะที่กลุ่มแนวร่วมนวชีวินได้จัดกิจกรรม ‘Hamtaro Oak Oak Run’ ในบริเวณเดียวกัน เพื่อประณามการที่ตำรวจและครูในจังหวัดนนทบุรีคุกคามนักเรียนที่จัดและเข้าร่วมกิจกรรม ‘เด็กนนท์พร้อมชนเผด็จการ’ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา และเป็นกิจกรรมปิดท้ายแฟลชม็อบของ ‘สามพระจอม’ ด้วยการถือของเล่นบีบรูปตุ๊กตาไก่วิ่งล้อมวงไปพร้อมกับการร้องเพลงแฮมทาโร่ และใช้รหัสเปล่งเสียงสอดรับกันว่า “อะหรือ อะหรือว่าเป็น…เผด็จการ”
สำหรับแฟลชม็อบสามพระจอมครั้งต่อไปจะจัดที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยให้ผู้รักประชาธิปไตยและผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมติดตามวันเวลาและสถานที่จากเพจของกลุ่มนักศึกษาลาดกระบัง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
The post #สามพระจอมจะยอมได้ไง อาชีวะไล่เผด็จการ ส่งไม้เวียนจัดแฟลชม็อบ ย้ำ 3 ข้อเรียกร้องเยาวชนปลดแอก appeared first on THE STANDARD.
]]>เข้าสู่วันที่ 18 แล้ว (10 ก.ค.) สำหรับภารกิจช่วยชีวิตที […]
The post รู้จักฮีโร่กว่า 50 หน่วยงาน ร่วมช่วย 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง appeared first on THE STANDARD.
]]>เข้าสู่วันที่ 18 แล้ว (10 ก.ค.) สำหรับภารกิจช่วยชีวิตทีมฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สายและโค้ช รวม 13 คน ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือแข่งกับเวลา รวมแล้วไม่น้อยกว่า 50 หน่วยงาน มีจำนวนคนหมุนเวียนมาช่วยเหลือในพื้นที่แล้วนับหมื่นคน หรือวันละประมาณ 4 พันคน
เขาเหล่านี้แม้ไม่มีพลังวิเศษ แต่ก็เปรียบได้กับ ‘ฮีโร่’ ในชีวิตจริงที่ต่างคนต่างทำงานอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน โดยมีเดิมพันเป็นความปลอดภัยของทั้ง 13 ชีวิตที่กำลังรอคอยความช่วยเหลือ
ฮีโร่เหล่านี้เป็นใครกันบ้าง THE STANDARD รวบรวมมาให้คุณรู้จักกัน
The post รู้จักฮีโร่กว่า 50 หน่วยงาน ร่วมช่วย 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง appeared first on THE STANDARD.
]]>https://www.youtube.com/watch?v=6pwMHQMadfg& […]
The post พบแล้ว 13 ชีวิตติดในถ้ำหลวง: สรุปปฏิบัติการค้นหาทีมฟุตบอลเยาวชน 13 ชีวิตในถ้ำหลวง จ.เชียงราย appeared first on THE STANDARD.
]]>
https://www.youtube.com/watch?v=6pwMHQMadfg&t=3s
จากกรณีที่มีนักฟุตบอลเยาวชนทีม ‘หมูป่าอะคาเดมีแม่สาย’ และโค้ชรวมจำนวน 13 คนหายไประหว่างท่องเที่ยวบริเวณถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นที่มาของภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิตที่เต็มไปด้วยความกดดันท่ามกลางความหวัง THE STANDARD ประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมอัปเดตสถานการณ์ล่าสุด
2 กรกฎาคม 2561
19.54 น. 10 วัน กับ 13 ชีวิตภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน
ครบ 10 วัน หลังทีมนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชของทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สายหายตัวไประหว่างท่องเที่ยวบริเวณถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย
เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนรวมทั้งต่างประเทศ บูรณาการกำลังคนและอุปกรณ์ที่มีเร่งเข้าค้นหา
ความหวังหลักคือการเข้าไปหน้าปากถ้ำของหน่วยซีล แต่ยังติดอุปสรรคเรื่องระดับน้ำและช่องทางที่แคบและคดเคี้ยว ขณะที่ความหวังรองคือการสำรวจโพรงถ้ำเพื่อหาช่องทางเข้าไปค้นหาในถ้ำให้ได้
10 วันที่เจ้าหน้าที่เร่งทำงานอย่างทุ่มเท ทำทุกวิธีทั้งสูบน้ำ ผันน้ำ และปิดช่องทางที่น้ำไหลเข้าถ้ำ หวังเร่งระบายน้ำออกจากถ้ำ เปิดทางให้ซีลเข้าค้นหา
ขณะที่ชุดสำรวจโพรงถ้ำก็ปฏิบัติงานกันอย่างไม่หยุดหย่อน สัญญาณเริ่มดีขึ้นเมื่อปริมาณฝนเริ่มลดลง ทุกคนจึงยังมีความหวัง
ทีมงาน THE STANDARD ซึ่งลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์อยู่ร่วมสัปดาห์สัมผัสได้ถึงความรักความห่วงใยที่คนในพื้นที่ส่งถึงทั้ง 13 ชีวิต มองพวกเขาไม่ต่างจากลูกหลาน
เสียสละแม้กระทั่งผลผลิตทางการเกษตรที่ต้องเสียหายด้วยความเต็มใจ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศรัทธา หวังเพียงให้ท้ัง 13 ชีวิตปลอดภัยออกมา
ภาพ: ฐานิส สุดโต
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
12.22 น. เสียงหัวเราะที่หายไปของนักเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ เมื่อนักเรียน 6 ใน 13 ชีวิตติดอยู่ในถ้ำหลวง
13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง มีนักเรียน 6 จาก 12 คน ในนั้นเรียนอยู่ที่โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์
เสียงเฮลิคอปเตอร์บินผ่านโรงเรียนตลอดเวลา เสมือนสัญญาณย้ำว่าเพื่อน พี่ น้องของพวกเขาทั้ง 6 ชีวิตยังติดอยู่ในถ้ำ
หนึ่งในนั้นคือ ด.ช.ประจักษ์ สุธรรม หรือ โน้ต อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2/9 ซึ่งเพื่อนๆ ร่วมห้องต่างเฝ้ารอเขากลับมา
ด.ญ.อาทิตยา กุนะดอย เพื่อนร่วมชั้น ม.2/9 เล่าให้ฟังว่า เพื่อนๆ รู้ข่าวว่าโน้ตหายเข้าไปในถ้ำตั้งแต่ช่วงดึกของวันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน
ตั้งแต่คืนนั้นทุกคนในห้องจะพิมพ์ข้อความผ่านกรุ๊ปแชตห้อง พร้อมเมนชัน (Mention) ถึงประจักษ์ เพื่อรอวันที่เขาออกมา จะได้อ่านข้อความของเพื่อนๆ ทุกคนที่ส่งถึงเขา
โน้ตเป็นตัวฮาประจำห้อง พอเขาไม่อยู่ เสียงหัวเราะก็หายไป วันแรกๆ เสียงหัวเราะแทบไม่มีเลย ทุกคนคิดถึงเพื่อนและรอวันที่เขากลับมา
“ในกลุ่มแชตจะส่งข่าวสารที่เกี่ยวกับ #ถ้ำหลวง ถึงกันตลอด และจะมีข่าวผิดๆ ซึ่งบางคนก็ไม่ได้เป็นคนในพื้นที่แล้วไปพูดข่าวปลอม เราก็รู้สึกว่าทำไมถึงพูดกับเพื่อนเราแบบนี้”
ขณะที่ โกมิน อามอ นักเรียนชั้น ม.2/9 เพื่อนสนิทของโน้ตบอกกับเราว่า ปกติจะนั่งเรียนข้างกันตลอด ทุกคนรอเพื่อนกลับมา และทุกวันเพื่อนๆ ในห้องจะเว้นที่นั่งไว้ให้โน้ตเสมอ
ในจำนวนนักเรียนชั้น ม.2/9 เกือบทุกคนอาจจะเฝ้ารอการกลับมาของโน้ตเป็นพิเศษ
ส่วน สรวิศ ก้อนคำ หรือ วิศ ก็เป็นอีกคนที่นับวันรอการกลับมาของน้องชาย นั่นคือ ด.ช.ดวงเพชร พรมเทพ หรือ ดอม อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1/1
แม้ทั้งคู่จะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ แต่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องที่กินอยู่ร่วมชายคาเดียวกันมากว่า 10 ปี
ดอมเป็นนักฟุตบอล ส่วนวิศเป็นเด็กที่ชื่นชอบวิทยาศาสตร์และพูดน้อย ทีมข่าว THE STANDARD ใช้เวลานั่งทำความสนิทสนมอยู่นานจนเขายอมเผยความในใจ
“บางคืนผมก็นอนร้องไห้ เพราะปกตินอนห้องเดียวกัน แต่ตอนนี้หันไปไม่เจอน้อง ไม่ขอพูดอะไรมาก ปลอดภัยกลับมาก็พอแล้ว” วิศกล่าวถึงน้องชาย
ภาพ: ฐานิส สุดโต
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา วาติกันเผยว่า พระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขของศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ได้สวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้าขอให้สถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลกผ่านวิกฤตการณ์และปัญหาต่างๆ ไปได้ด้วยดี หนึ่งในสถานที่ดังกล่าวคือ ประเทศไทย โดยพระองค์ขอให้โค้ชและนักกีฬาฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย ผู้สูญหายทั้ง 13 คน ที่คาดว่าจะติดอยู่ภายในถ้ำหลวง ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย รวมถึงทีมช่วยเหลือทุกคนเดินทางกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย หลังเวลาผ่านไปนานกว่า 9 วัน
นอกจากนี้ พระสันตะปาปายังได้สวดมนต์ขอให้เหตุความรุนแรงภายในนิการากัว ซีเรีย รวมถึงการเจรจาสันติภาพระหว่างเอธิโอเปียและเอริเทรีย ที่มีประวัติศาสตร์และอัตลักษณ์ต่างๆ ร่วมกัน แต่กลับต้องกลายเป็นศัตรูกันนับตั้งแต่ปี 1998 ประสบผลสำเร็จ เพื่อยุติความขัดแย้งที่มีมายาวนานกว่า 20 ปี โดยพระสันตะปาปาระบุว่า นี่คือก้าวแรกแห่งความหวังสำหรับทั้ง 2 ประเทศ รวมถึงแอฟริกาทั้งทวีป
อีกทั้งวาติกันยังเผยอีกว่า พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีกำหนดการเดินทางเยือน เมือง Bari ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี รวมถึงชุมชนชาวคริสต์ในตะวันออกกลางในวันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคมนี้อีกด้วย
เรื่อง: ณรงค์กร มโนจันทร์เพ็ญ
1 กรกฎาคม 2561
17.30 น. เฮลิคอปเตอร์ MI-17 V-5 ขนอุปกรณ์สำรวจโพรง หาช่องช่วย 13 ชีวิตติด #ถ้ำหลวง
เฮลิคอปเตอร์ MI-17 V-5 จากกองพันบินที่ 41 ศูนย์การบินทหารบก ลพบุรี ทำการขนย้ายอุปกรณ์สนับสนุนภารกิจสำรวจและขุดเจาะโพรงถ้ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางของภารกิจค้นหา 13 นักเตะและโค้ชทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมีที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย
โดยเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 เวลา 17.00 น. พลตรี สุภโชค ธวัชพีระชัย รองแม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยความคืบหน้าการสำรวจและขุดเจาะโพรงถ้ำว่า ในทุกโพรงที่มีชาวบ้านแจ้งมาได้สำรวจทั้งหมดโดยไม่ตัดทิ้ง
โดยโพรงที่มีศักยภาพจะเข้าไปได้จะทำการสำรวจ ส่วนวิธีการเข้านั้นได้คำนวณมาว่าพิกัดใดน่าจะตรงกับพิกัดแนวถ้ำ และจะเจาะไปตามเส้นทางที่วิเคราะห์มา โดยได้เครื่องมือจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) มาช่วยสนับสนุน
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
17.00 น. ผู้ว่าฯ เชียงรายเผย ภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตในถ้ำหลวงคืบหน้าในทางที่ดี น้ำลดต่อเนื่อง ยืนยันไม่รับบริจาค เสบียงเพียงพอ
นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย แถลงความคืบหน้าการค้นหาและช่วยเหลือทั้ง 13 นักเตะและโค้ชทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมีที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ว่างานส่วนใหญ่คืบหน้าไปในทางที่ดีมากๆ ส่วนที่สูบน้ำทำได้ดีและน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง
การดำน้ำซึ่งนำโดยหน่วยซีลมีมนุษย์กบดำน้ำหน้างานเกือบ 60 นาย และได้สถาปนาพื้นที่โถง 3 เป็นจุดปฏิบัติงานของซีล
ส่วนการสำรวจช่องหรือโพรงบนดอยนั้นมีช่องที่มีศักยภาพอยู่ 3 จุด ยังอยู่ระหว่างการสำรวจเพื่อขยายผลเพิ่มเติม
นอกจากนี้ผู้ว่าฯ เชียงรายยังแถลงชี้แจงข่าวลือและกระแสข่าวต่างๆ โดยยืนยันว่างบประมาณการดำเนินการเพียงพอ ไม่มีการเปิดช่องทางบริจาคเงินอย่างเด็ดขาด หากพบว่าแอบอ้างจะทำการดำเนินคดีทันที ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการกับกลุ่มคนที่รับบริจาคไปแล้ว 2 รายใน 2 จังหวัดคือที่เชียงรายและพระนครศรีอยุธยา
ส่วนประเด็นที่มีกระแสในโลกออนไลน์เรื่องการดูแลหน่วยกู้ภัยจีนที่มาช่วยเหลือว่าให้รับประทานข้าวเปล่านั้นไม่เป็นความจริง เพราะหน้างานมีอาหารเลี้ยงคนได้ 3,000-4,000 คนต่อวัน พร้อมยืนยันไม่มีปัญหาในการทำงานร่วมกับทีมที่เข้ามาช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น
ขณะที่สื่อมวลชนที่ต้องการจะนำโดรนขึ้นบินต้องขออนุญาตก่อน เนื่องจากถ้ำหลวงเป็นพื้นที่ควบคุมการบินและใกล้ชายแดน อาจจะกระทบความสัมพันธ์ ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
ด้าน พลตรี สุภโชค ธวัชพีระชัย รองแม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่าการที่หน่วยซีลตั้งศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่โถง 3 ไม่ได้หมายความว่าเขาหยุดอยู่ที่เดิม แต่มีการทำแนวเชือกไปข้างหน้า ล่าสุดไปได้ไกลจากโถงที่ 3 ประมาณ 600 เมตร
นอกจากนี้ทีมสำรวจได้เปิดพื้นที่ใหม่ที่ถ้ำทรายทองเพื่อเร่งการระบายน้ำ ทั้งสูบออกและเจาะน้ำบาดาล
ขณะที่ พลตำรวจตรี ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 ชี้แจงกรณีเพจในโลกออนไลน์ทำคลิปเผยแพร่ข้อมูลว่ามีการจับผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่กว่า 1 ล้านเม็ด และพยายามเชื่อมโยงว่าการหายตัวไปของน้องทั้ง 13 คนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ยืนยันว่าถ้ำหลวงไม่เคยเป็นทางผ่านหรือทางลำเลียงยาเสพติด และถ้ำหลวงไม่ใช่พื้นที่สีแดง
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
10.30 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, พลเรือตรี อาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ซีล) และพลตำรวจตรี ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการค้นหาและช่วยเหลือทั้ง 13 นักเตะทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมีที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ว่ายังคงมี 4 แผน โดยแผนแรกคือการให้ซีลเข้าด้านหน้าถ้ำและนำตัวน้องออกหน้าถ้ำยังเป็นแผนลำดับแรก แต่ปัญหาคือติดน้ำ จึงต้องเร่งระบายน้ำออก โดยขณะนี้เครื่องสูบน้ำเดินได้เต็มที่ ในเบื้องต้นภารกิจหลักคือให้หน่วยซีลไปถึงตำแหน่งที่น้องทั้ง 13 คนอยู่ให้ได้
สิ่งที่จะดำเนินการในวันนี้คือการให้หน่วยซีลยึดโถง 3 เป็นศูนย์ปฏิบัติการ ปรับให้เป็นที่ตั้งของหน่วยซีล ซึ่งซีลต้องนำอุปกรณ์ทั้งอาหาร ไฟฟ้า และสายโทรศัพท์เข้าไปด้วย
ส่วนแผน 2 ซึ่งพยายามเข้าช่องทางอื่น วันนี้ได้สำรวจทุกพื้นที่แล้ว แจ้งกลับมาว่าพบโพรง 20-30 จุด ซึ่งสำรวจทั้งหมดแล้ว มี 2 โพรงที่ดำเนินการได้และกำลังสำรวจอยู่ ถ้ามีความคืบหน้าชัดเจนจะมาแจ้งอีกครั้ง
ขณะที่แผน 3 ด้านปลายถ้ำ ได้ทำการพร่องน้ำและเจาะบาดาล ทำให้น้ำไหลออกมามากและน้ำลดลงพอสมควร แต่ขณะนี้น้ำลงไปข้างล่างมาก กลัวว่าจะส่งผลกระทบกับชาวบ้าน จึงได้ส่งฝ่ายปกครองไปทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่
และสุดท้ายแผน 4 การเจาะผนังถ้ำ ซึ่งยังยากมาก เนื่องจากยังไม่สามารถขนย้ายอุปกรณ์เจาะผนังถ้ำขนาดใหญ่ไปตั้งบนภูเขาได้
ผู้ว่าฯ เชียงรายกล่าวด้วยว่า วันนี้ดีใจที่แดดออก และมีแผนแล้วว่าถ้าหากพบเด็กจะดำเนินการอย่างไร
ส่วนข่าวดีของวันนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยและได้พระราชทานหลอดไฟแอลอีดีแบบชาร์จไฟได้ เพื่อให้หน่วยซีลนำไปติดตั้งภายในถ้ำเพื่อเพิ่มแสงสว่าง
ขณะที่พลเรือตรี อาภากร กล่าวว่าวันนี้หน่วยซีลจะไปยึดโถง 3 เป็นที่ตั้ง ซึ่งตรงนี้เป็นที่มืดและมีน้ำ เป้าหมายเพื่อมุ่งไป 3 แยกและไปต่อที่พัทยาบีชเพื่อค้นหาน้องๆ โดยระยะทางจากโถง 3 ถึงพัทยาบีชประมาณ 3 กิโลเมตร
โดยทุกจุดจะเน้นความปลอดภัยเป็นสำคัญ ขณะนี้กำลังระดมนำถังอากาศไปผูกไว้ตามแนวเชือกทุกๆ 25 เมตร
สำหรับบรรยากาศบริเวณถ้ำหลวง มีการจัดระเบียบพื้นที่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรถพยาบาลเคลื่อนย้ายผู้ป่วย มีการจัดระเบียบจราจรพื้นที่โดยรอบ กำหนดจุดจอดรถใหม่ พร้อมยกรถที่จอดกีดขวางออกนอกพื้นที่
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
30 มิถุนายน 2561
https://www.instagram.com/p/BkpfJinAYWj/?hl=th&taken-by=artiwara
18.00 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย แถลงความคืบหน้าการค้นหาและช่วยเหลือทั้ง 13 นักเตะทีมฟุตบอลเยาวชนชนหมูป่าอะคาเดมีที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ว่าสัญญาณดีขึ้น เพราะน้ำลดลงเยอะมากและน้ำใส เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าระดับน้ำที่ไหลเข้าถ้ำคงที่ ประกอบกับการสูบน้ำออกจากถ้ำ ถือว่าน้ำลดลงอย่างรวดเร็วและเยอะมาก
ส่งผลให้ทีมซีลที่ดำน้ำตลอดทั้งวันจากโถงสามแยกสามารถเข้าไปได้อีก 200 เมตร โดยมีไกด์หลอดเพื่อขยายช่องและนำร่องเส้นทาง ซึ่งเวลาทีมอื่นเข้าไปก็สามารถเข้าไปได้ และนำถังออกซิเจนไปติดตั้งไว้เผื่อเวลาที่น้องๆ ออกมา
โดยขณะนี้กำลังสู้กับน้ำเก่า ซึ่งอัตราการสูบน้ำอยู่ที่ 30% หากนำเครื่องสูบที่มีแรงดูดสูงกว่านี้เข้ามาจะทำให้สามารถสูบน้ำออกจากถ้ำได้ 100% การทำงานของหน่วยซีลดำน้ำอยู่ตลอดเวลาจนถึงวันนี้ โดยมีการปักหมุดแสง หรือไกด์หลอด (แท่งเรืองแสง) ตามทางเข้าไปในถ้ำได้ไกลถึง 200 เมตร ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี เมื่อใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้ วันไหนที่เข้าไปอีกหรือคนอื่นเข้าไปก็จะทราบว่าบริเวณนี้ได้ทำการตรวจสอบแล้ว
ทั้งนี้สิ่งที่คืบหน้าเพิ่มเติมคือมีการผูกถังออกซิเจนทุกๆ 25 เมตรเพื่อให้หน่วยซีลสามารถทำงานได้สะดวก เมื่อพบทีมหมูป่าฯ ทั้ง 13 คนแล้ว น้องๆ สามารถใช้ถังออกซิเจนที่เตรียมไว้เพื่อออกมาจากถ้ำได้
ส่วนการค้นหาปล่องทางเข้าถ้ำและโรยตัว วันนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. พบ 2 จุดที่จะสามารถเข้าไปได้ จึงให้เฮลิคอปเตอร์ส่งกำลังบำรุงเข้าไปเสริมในพื้นที่
ประเด็นการทดสอบทางแพทย์เมื่อเช้า ขณะนี้ทางกรมการแพทย์ทหารบกนำเต็นท์โรงพยาบาลสนาม ซึ่งถือว่าเป็นภารกิจแรกที่ใช้เต็นท์ลักษณะนี้ โดยเต็นท์โรงพยาบาลสนามจะสามารถช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บได้ทุกภาวะวิกฤต
กรณีพบทั้ง 13 คน จะมีทีมแพทย์ฉุกเฉินที่ฝึกดำน้ำมาเข้าไปพร้อมหน่วยซีล นำอาหารเสริมชนิดพิเศษแบบเดียวกับที่นักบินอวกาศใช้เข้าไปให้ทั้ง 13 คนกิน พร้อมฟื้นฟูร่างกายให้ทั้ง 13 คนแข็งแรงก่อนจะพาออกจากถ้ำ
“ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ยังไม่มีการหยุดพัก มีการเตรียมความพร้อมทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการช่วยเหลือ การกู้ภัย และการส่งกลับ เหลือเพียงแค่หากหน่วยซีลส่งสัญญาณมาว่าสามารถช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตได้ หน่วยงานที่สแตนด์บายอยู่ด้านนอกก็พร้อมเข้าปฏิบัติหน้าที่ทันที“
ส่วนการปรับปรุงแผนการเคลื่อนย้ายทั้ง 13 ชีวิต จากการตรวจสอบบริเวณถนนที่ใช้เข้า-ออกบริเวณถ้ำหลวงไม่เป็นระเบียบ จึงจะมีการจัดระเบียบใหม่โดยไม่อนุญาตให้มีการจอดรถตลอดสองข้างทาง ตั้งแต่ทางเข้า ปากทางถนนใหญ่ จนถึงหน้าถ้ำ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายพร้อมจัดรถสองแถวให้มาบริการรับ-ส่งผู้ที่ต้องขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ จึงขอความร่วมมือกับทุกฝ่าย เนื่องจากทุกนาทีมีค่า อย่าให้เสียเวลากับการจราจร
ด้าน เอ๋ นรินทร ประกาศผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Narinthorn Na Bangchang เวลา 19.20 น. ขอรับบริจาคถังออกซิเจน (ถังเปล่า) พร้อม Regulator 200 ชุด ตามแผนที่ท่านผู้ว่าฯ ได้แถลงไว้ เพื่อนำไปวางไว้ทุกๆ 25 เมตรเป็นถังสำรองของนักประดาน้ำ
โดยหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ดำน้ำ พร้อมย้ำว่า ‘ใครที่มีของช่วยของ ใครที่ไม่มีของช่วยแชร์’ และงดรับเป็นเงินบริจาคเด็ดขาด ติดต่อบริจาคของได้ที่โทร. 09 4071 7217
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
18.39 น. ระหว่างเดินทางขึ้นดอยผาหมีเพื่อติดตามภารกิจการสำรวจโพรงหลังคาถ้ำ เราพบรุ่นน้องของ ชนินทร์ วิบูลย์รุ่งเรือง อายุ 11 ปี โรงเรียนอนุบาลแม่สาย หนึ่งในสมาชิกทีมฟุตบอลที่ติดอยู่ในถ้ำ หยา-จิรกร รุ่งสิริพิพัฒน์ ป.5/1, ตี๋-ชลวิทย์ พิทักษ์ริติกุล ป.5/2, และตง-มีชัย รุ่งประชารัตน์ ป.4/2 ทั้งหมดเป็นนักเรียนจากโรงเรียนอนุบาลแม่สาย โรงเรียนเดียวกับชนินทร์
ทั้งสามคนบอกว่าชนินทร์เป็นนักกีฬาฟุตบอลที่เก่งมากในโรงเรียน เนื่องจากเตะฟุตบอลด้วยกันเป็นประจำจึงรู้ฝีเท้าดี และทีมหมูป่าฯ ก็เป็นทีมที่เก่งในละแวกนี้ คนที่เตะฟุตบอลไม่มีใครไม่รู้จัก
หลังเกิดเหตุการณ์ ครูที่โรงเรียนบางคนร้องไห้ ขณะที่ครูหลายคนจะมารอชนินทร์ที่ปากถ้ำทุกวัน
เมื่อถามว่าคิดว่าพี่เขาจะได้กลับมาไหม พวกเขาตอบอย่างมั่นใจ
“ผมว่าพี่เขาต้องได้กลับมา”
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
เวลาประมาณ 9.00 น. ทีมงานแพทย์จากหลายภาคส่วนทั้งทหาร ตำรวจ และโรงพยาบาลในจังหวัดเชียงราย ซักซ้อมการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย นักฟุตบอลและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สายรวม 13 คน ซึ่งติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย
ขณะที่ช่วงบ่ายเวลา 13.00 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย แถลงข่าวในรายละเอียดการปฏิบัติว่า เมื่อเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยออกจากถ้ำจะมาส่งที่รถพยาบาล 1 คัน ต่อ 1 คน จากนั้นจะนำไปส่งที่โรงพยาบาลสนามเพื่อคัดแยกอาการหนักเบา จากนั้นจะนำขึ้นรถพยาบาลนำส่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อส่งไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ที่เตรียมพร้อมไว้ในจังหวัดเชียงราย รวมถึงโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ สำหรับผู้ประสบภัยที่อาการหนัก
อย่างไรก็ตาม การซักซ้อมดังกล่าวยังเจอปัญหาอยู่ จึงเตรียมที่จะปรับปรุงระบบและจัดระเบียบให้พื้นที่มีความพร้อมในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมากขึ้น
ขณะที่ความคืบหน้าภารกิจค้นหาซึ่งเข้าวันที่ 8 ที่ทั้ง 13 ชีวิตยังติดอยู่ในถ้ำนั้น ผู้ว่าฯ เชียงรายเปิดเผยว่าขณะนี้ระดับน้ำลดลงพอสมควร แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าลดลงกี่เซนติเมตร ถือว่าน้ำลดลงในระดับน่าพอใจ แต่ยังไม่เพียงพอที่หน่วยซีลจะสามารถผ่านไปถึงพัทยาบีชได้
ส่วนการสำรวจโพรงที่สามารถลงไปได้ 40 เมตรยังยืนยันที่ระดับเดิม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสำรวจ โดยแผนหลักยังคงเป็นการเร่งสูบน้ำออกจากถ้ำเพื่อให้หน่วยซีลเข้าไปค้นหา
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
29 มิถุนายน 2561
12.55 น. เจ้าหน้าที่ใช้แรงคนผนวกแรงเครื่องยนต์ ช่วยกันดันรถขุดเจาะน้ำบาดาลของสมาคมน้ำบาดาลไทย ซึ่งติดหล่มอยู่ในโคลน เพื่อย้ายไปจอดเตรียมปฏิบัติการขุดเจาะน้ำบาดาล หวังเพิ่มช่องทางการระบายน้ำออกจากถ้ำ เปิดทางให้หน่วยซีลเข้าไปค้นหาทั้ง 13 ชีวิต
ความคืบหน้าล่าสุดสำหรับการขุดเจาะบาดาลเพื่อระบายน้ำออกจากถ้ำ ขณะนี้ยังไม่สามารถดูดน้ำขึ้นมาได้ อยู่ระหว่างรอหัวเจาะใหม่เพื่อจะได้เจาะให้ลึกขึ้น
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
เมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 8.30 น. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก และคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ถึงสนามบินเชียงราย
จากนั้นได้เดินทางเข้าไปยังพื้นที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย เพื่อให้กำลังใจครอบครัวของทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย 13 คน ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่วันที่ 7 ของการค้นหาแล้ว พร้อมกับให้กำลังใจครอบครัว และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่ปฏิบัติการค้นหาและให้การช่วยเหลือ
ภายหลังรับฟังการบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ และลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าที่บริเวณหน้าถ้ำหลวง นายกฯ ได้เดินมายังบริเวณเต็นท์พักคอยของครอบครัว เพื่อพูดคุยให้กำลังใจ โดยกล่าวว่า “วันนี้มาเยี่ยม มาให้กำลังใจ มาให้ความหวัง นายกฯ ก็หวังมาหลายวัน วันนี้ผมมาดูแล้วก็พอใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ นี่ก็เป็นครั้งหนึ่งของไทยที่มีเหตุการณ์ใหญ่ขนาดนี้ มีทั้งไทยและต่างประเทศมาช่วย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานกำลังใจมาให้ด้วย
“อยากให้ติดตามข่าวด้วยความมีสติ นั่งสมาธิ หายใจเข้าออก ผมรู้ว่าทุกคนใจร้อน ถ้าเป็นครอบครัวผม ผมก็คงใจร้อนเหมือนกัน ผมทุ่มเททุกอย่างให้อย่างเต็มที่ ผมคิดว่าเขาน่าจะเเข็งแรง เป็นนักกีฬา เคยเข้าไปแล้ว เราต้องเชื่อมั่นในลูกเรา เชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ ทุกฝ่ายทำเต็มที่ ลูกอยากเป็นอะไรให้เป็นทุกอย่างที่เขาอยากเป็น ขอให้เขาได้ออกมาก่อนแล้วกัน”
นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า ถ้าออกมาเมื่อไร ให้พาไปเที่ยวพัทยา ผู้ว่าฯ จัดไป จะได้เห็นพัทยาของจริง จัดขบวนไปเลย พร้อมถามด้วยว่า อาหารการกินพอเพียงหรือไม่ ครอบครัวได้ตอบว่า “พอ” จากนั้นได้ถามสารทุกข์สุกดิบของครอบครัว
นายกฯ ยังบอกอีกว่า วันนี้ไม่ได้มาเพื่อทำข่าว การเมืองไม่มี นายกฯ คนนี้ไม่มีการเมือง จากนั้นนายกฯ ได้เล่าการทำงานให้กับครอบครัวฟัง โดยยกตัวอย่างถึงการไปเยือนต่างประเทศ ปัญหาราคาพืชพันธ์ุ เกษตรกร การทำเกษตรแบบอินทรีย์
ทั้งนี้ นายกฯยังบอกให้ครอบครัวไหว้ ขออโหสิต่อเจ้าแม่นางนอน ให้ขอทุกวัน ให้หาธูปเทียนบริการครอบครัว
จากนั้นนายกฯ ชวนครอบครัวนั่งสมาธิ โดยได้กำกับการนั่งของครอบครัว ให้สูดลมหายใจเข้า-ออก เป็นจังหวะ 4-6-8 พร้อมระบุว่าวันนี้เราต้องรวมพลังประชารัฐ ช่วยเหลือกัน ไม่มีการแยกกันทำ
นายกฯ กล่าวตอนท้ายว่า วันนี้เราไม่มีอะไรด้อยกว่า ประเทศนี้จิตใจเราเข้มแข็งไม่ด้อยกว่าใคร และได้ชวนให้ครอบครัวของคุณผู้ว่าฯ รมว.มหาดไทย ตำรวจ และหน่วยงานอื่นๆ โดยครอบครัวได้ปรบมือ และพร้อมกับกล่าวว่า “ขอบคุณค่ะ”
นายกฯ อธิบายถึงคำกล่าวที่มีคนถามว่าเป็นทหารได้อะไร โดยบอกว่า “นี่ไง ได้มาช่วยลูกหลานเรา” และยังกล่าวถึงการเลือกตั้งด้วยว่า “เป็นโอกาส เป็นอำนาจของท่าน เลือกให้ดี”
ท้ายที่สุด ครอบครัวได้ปรบมือให้กับนายกฯ และกล่าวว่า “ขอบคุณนายกฯ ค่ะ”
เรื่อง: ธนกร วงษ์ปัญญา
ภาพ: ฐานิส สุดโต
8.00 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้สัมภาษณ์ถึงแผนการค้นหานักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชของทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย รวม 13 คน ที่หายตัวไประหว่างท่องเที่ยวบริเวณถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ซึ่งนับเข้าสู่วันที่ 7 ของการค้นหา ว่า แผนการเข้าทางปากถ้ำ โดยหน่วยซีลยังคงเป็นแผนแรก ซึ่งขณะนี้เครื่องสูบน้ำทั้งหมดทำงานได้แล้ว แต่ปริมาณน้ำในถ้ำยังเท่าทุน คือไม่ได้ลดลงแต่ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากน้ำที่สะสมในถ้ำอยู่เดิมมีปริมาณมาก แต่วันนี้ได้เครื่องสูบน้ำเพิ่มจากกรุงเทพฯ 40 ตัว จึงหวังว่าจะทำงานได้โดยไม่มีอุปสรรค ซึ่งหากทั้ง 40 เครื่องทำงานได้วันนี้ ก็เชื่อว่าน้ำจะลดลงได้
ขณะที่การเจาะน้ำบาดาล เพื่อเพิ่มช่องทางระบายน้ำนั้น เมื่อคืนทำการเจาะ 2 จุดถึงเวลาตี 2 แต่โชคไม่ดีที่เจาะลงไปแล้วยังไม่เจอน้ำ แต่วันนี้ก็จะเดินหน้าเจาะต่อไป
ส่วนแผน 2 คือการสำรวจโพรงบนผนังถ้ำเพื่อเจาะช่องโรยตัวลงไป ล่าสุดมีทีมสำรวจทั้งหมด 32 ทีม พบโพรงที่จะลงไปได้ 4 โพรง ในจำนวนนี้มี 1 โพรงที่อาจจะมีโชค โดยวันนี้จะส่งทีมเพื่อหย่อนเครื่องสแกนด้านในถ้ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการ
ผู้ว่าฯ เชียงราย เผยด้วยว่า วันนี้หากการสูบน้ำออกยังไม่คืบหน้าไปมาก จะมีการประชุมและอาจจะยกระดับความสำคัญของแผน 2 หรือการเจาะโพรงบนหลังคาถ้ำให้เท่าเทียมกับแผนแรก อย่างไรก็ตาม การเจาะโพรงผู้เชี่ยวชาญบอกว่าโอกาสมีครั้งเดียว ถ้าเจาะลงไปแล้วต้องเจอ ถ้าไม่เจอก็เป็นแผนที่มีความเสี่ยง
ส่วนแผนสามคือ ‘การเข้าทางปลายถ้ำ’ ขณะนี้เปิดทางออกน้ำด้านปลายถ้ำได้เพิ่มขึ้น และทางปลายถ้ำก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในแผน
ขณะที่แผนที่ 4 คือการเจาะผนังด้านข้างถ้ำ ขณะนี้กำลังสำรวจโดยการสแกนผนังถ้ำ แต่อุปสรรคคือเครื่องเจาะผนังมีขนาดใหญ่หนักกว่า 2 ตัน และต้องตั้งวางให้ได้ระดับและมั่นคง ส่วนกรณีที่เห็นรถพยาบาลวิ่งในพื้นที่นั้น คือการทดสอบระบบกรณีพบน้องๆ ทั้ง 13 ชีวิต
“เมื่อวานมีสื่อช่องหน่ึงถามผมว่า ทำไมผมต้องยืนอยู่ตรงนี้ตลอด ผมบอกว่าเราเหมือนแม่ทัพ รบแล้วกำลังจะพ่ายแพ้ กำลังจะเสียพื้นที่ ถ้าเราไม่ยืนอยู่ข้างหน้า ใครจะไปช่วยแม่ทัพรบ เหน็ดเหนื่อยอย่างไรเราก็จะสู้” ผู้ว่าฯ เชียงราย กล่าว
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
28 มิถุนายน 2561
16.50 น. น้ำเพชรบาดาล ภาคเอกชนจากจังหวัดนครราชสีมา นำรถเจาะขนาดใหญ่พร้อมหัวเจาะ มาเตรียมเจาะถ้ำเพื่อขยายทางระบายน้ำ เจ้าของรถเจาะให้ข้อมูลว่า รถเจาะนี้สามารถเจาะถ้ำได้กว้างประมาณ 6 นิ้ว ลึก 20 เมตร โดยขณะนี้กำลังเคลียร์พื้นที่ และอยู่ระหว่างดูแผนที่ว่าควรจะเจาะถ้ำตรงจุดใด เป้าหมายคือเจาะเพื่อเพิ่มช่องทางระบายน้ำออกจากถ้ำ เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายเพื่อค้นหา 13 ชีวิตในถ้ำหลวง
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
14.30 น. พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แถลงแนวทางการค้นหานักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชของทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สายรวม 13 คน ที่หายตัวไประหว่างท่องเที่ยวบริเวณถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ครั้งแรกของวัน ซึ่งเข้าวันที่ 6 ของการค้นหา
พลเอก อนุพงษ์ กล่าวว่า ฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งคืนจนน้ำล้นออกมาปากถ้ำ เจ้าหน้าที่ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ดังนั้นส่วนที่น้ำล้นออกจากปากถ้ำก็ปล่อยให้ไหลไป แต่สิ่งที่เราจะทำคือสูบน้ำตามแอ่งระหว่างทางในถ้ำให้ออกมามากที่สุด
ทั้งนี้ ปั๊มน้ำของเรามีมาก เครื่องปั่นไฟมีเพียงพอ แต่ต้องเดินสายไฟเพิ่ม และติดสายไฟบนเพดานถ้ำ ไม่ให้มันลอยอยู่เหนือน้ำ ถ้าสถานการณ์เอื้ออำนวย และเดินสายไฟได้ตามแผน จะเริ่มปั๊มน้ำให้เร็วที่สุด ถ้าโชคดีไม่มีฝนมาเติม เมื่อน้ำลดหน่วยซีลจะเข้าไปพื้นที่เป้าหมาย หรือหาดพัทยาได้ทันที
ขณะที่หน่วยสนับสนุนจากอังกฤษ-สหรัฐฯ ทำงานร่วมกันอย่างดี และเห็นพ้องกัน ในหลักการว่าต้องรอระดับน้ำในถ้ำลดลงก่อนจึงจะเริ่มดำน้ำได้
ส่วนแนวทางการเข้าไปภายในถ้ำหลวง โดยใช้ช่องทางด้านบนหลังคาถ้ำนั้น พบว่าเข้าไปได้ 3 จุด โดยจุดที่ลงไปได้ลึกที่สุด คือ 50 เมตร จุดที่สองลงไปได้ 20 เมตร และจุดที่สามลงไปได้ 10 เมตร
ในส่วนนี้จะทำงานร่วมกันกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และกรมทรัพยากรธรณี ซึ่งมีเครื่องมือสอดลงไปดูว่าโพรงแต่ละจุดมีทิศทางอย่างไร และลงไปได้ลึกถึงระดับไหน
นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือในการสำรวจเพื่อทำแบบจำลองภูเขา แต่อยู่ระหว่างหารือถึงวิธีขนส่งเครื่องมือขึ้นไปสำรวจ
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีก 2 แนวทางที่จะเข้าไปในถ้ำหลวงเพิ่มเติม คือใช้วิธีเจาะด้านข้าง แต่ต้องรู้ข้อมูลก่อนว่า จุดใดพอจะเจาะได้
ส่วนอีกวิธีคือ ‘สุดปลายถ้ำ’ ซึ่งน้ำออกได้ ก็มีแนวคิดจะขยายช่องทางปลายถ้ำเพื่อเพิ่มวิธีการเข้าไปค้นหาอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ต้องใช้เครื่องมือซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 1 ตัน จึงต้องหาวิธีการขนย้ายเครื่องมือ
พลเอก อนุพงษ์ เชื่อว่า ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นภายในถ้ำจะไม่ส่งผลกระทบต่อเด็กทั้ง 13 ชีวิต โดยข้อมูลจากผู้ที่คุ้นเคยกับถ้ำหลวง บอกว่าน้ำส่วนใหญ่จะออกจากปากถ้ำ และเราก็ภาวนาให้น้ำส่วนใหญ่ออกจากปากถ้ำอย่างเดียว
ส่วนการดูแลญาติของเด็กทั้ง 13 คนนั้น ขณะนี้ได้ให้ญาติไปอยู่นอกพื้นที่ปากถ้ำ โดยให้อยู่ในจุดที่จัดไว้ เพื่อความสะดวกและรับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ จะได้รายงานสถานการณ์ และสื่อสารด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
11.42 น. ฝนยังตกลงมาต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงช่วงเช้า ขณะที่สายฝนเริ่มซาลง แต่ยังตกเป็นละอองสลับหยุด โดยตั้งแต่เวลา 9.00 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประชุมที่ศูนย์บัญชาการร่วมกับ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อหาแนวทางเข้าค้นหา เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดคืนทำให้น้ำในปริมาณถ้ำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หน่วยซีลยังไม่สามารถผ่านเข้าไปที่หาดพัทยาได้
อย่างไรก็ตาม วันนี้เราได้พบเห็นเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเริ่มทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ไทย โดยวันนี้มีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญด้านการบรรเทาสาธารณภัยของกองบัญชาการภาคพื้นอินโดแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกา (USPACOM) รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ฝ่ายสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมจาก ปตท. และนักธรณีวิทยาเข้าร่วมประชุมวางแผนที่ศูนย์บัญชาการด้วย
ส่วนอีกหนึ่งแนวทางการค้นหาคือการสำรวจโพรงบนหลังคาถ้ำที่ยังดำเนินการต่อเนื่อง โดยในวันนี้มีสุนัข K-9 เข้าร่วมภารกิจด้วย นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังนำโดรนสำรวจปิโตรเลียมมาร่วมค้นหาโพรงกรณีที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งด้วย โดยเจ้าหน้าที่กำลังเร่งทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าไปในถ้ำและค้นหาทั้ง 13 ชีวิตให้พบ
ขณะที่ญาติของทีมนักฟุตบอลยังคงเฝ้ารอด้วยความหวัง โดยช่วงเช้ามี พระแจ๊ส หรือ พระสรวีย์ ปัญญาวีโร อดีตมิสทิฟฟานี่ ปี 2009 ได้เดินทางมาสวดมนต์ให้กับญาติเด็กๆ ที่จุดพักญาติ
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
27 มิถุนายน 2561
https://www.youtube.com/watch?v=RmstahC5EU4
19.55 น. เมื่อน้ำลด ความหวังจึงเพิ่มขึ้น
เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ที่ขนมาจากกรุงเทพฯ โดยเครื่องบิน C-130 เริ่มทำหน้าที่ระบายน้ำจากถ้ำหลวงเมื่อเวลา 17.00 น. หลังใช้เวลาติดตั้งกว่า 7 ชั่วโมง เริ่มติดตั้งตั้งแต่เวลา 10.00 น.
หากเครื่องสูบน้ำยักษ์ทำงานได้เต็มที่ จะสามารถระบายน้ำได้กว่า 5,000 ลิตรต่อนาที แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยาวของสายสูบน้ำ
แม้ตลอดทั้งวันฝนจะตกลงมาต่อเนื่อง แต่เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาฟ้าฝนเริ่มเป็นใจ สอดรับกับการเริ่มทำงานของเครื่องสูบน้ำยักษ์
คาดว่าเครื่องสูบน้ำนี้จะระบายน้ำได้มากกว่าปริมาณน้ำที่ไหลเติมเข้าถ้ำ และทันทีที่น้ำลดระดับลงประมาณ 10-20 เซนติเมตร หน่วยซีลจะดำน้ำเข้าพื้นที่เป้าหมายทันที
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
16.00 น. ทีม THE STANDARD เกาะติดภารกิจการสำรวจช่องหรือโพรงถ้ำเพื่อหวังจะพบโพรงที่สามารถโรยตัวลงไปถึงพื้นถ้ำได้ ภารกิจนี้ดำเนินการโดย ‘ชุดเฉพาะกิจช่วยน้องกลับบ้าน’ ซึ่งเป็นการประสานกำลังร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และทีมกู้ภัยใจถึงใจ รวมถึงทีมกู้ภัยอื่นๆ ที่ได้รับการฝึกฝนมาเฉพาะ
หนึ่งในหัวหน้าทีมชุดกู้ภัยใจถึงใจ (ขอสงวนนาม) บอกกับเราว่า มีหลายคนสับสนเมื่อมีข่าวออกไปว่าพบ ‘ปล่องถ้ำ’ ซึ่งทำให้หลายคนสงสัยว่า เหตุใดเมื่อพบปล่องถ้ำแล้ว จึงไม่สามารถโรยตัวลงไปยังพื้นที่ถ้ำได้
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า โดยส่วนตัวมองว่าการใช้คำว่าปล่องถ้ำอาจทำให้คนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นช่องแนวตรงที่สามารถมองลงไปเห็นพื้นถ้ำได้ แต่ในความเป็นจริงสิ่งที่สำรวจพบเป็นเพียง ‘ช่อง’ หรือ ‘โพรง’ ซึ่งสามารถหย่อนตัวเข้าไปได้ ช่องนี้อาจเกิดจากการกัดเซาะของน้ำ ทำให้มีความคดเคี้ยวเป็นชั้นๆ จึงต้องทำการสำรวจดูว่าจะพบช่องใดบ้างที่สามารถค่อยๆ ฝ่าเจาะลงไปได้
การสำรวจช่อง หรือโพรงถ้ำนั้น ชุดเฉพาะกิจฯ ใช้เส้นทางบริเวณบ้านดอยผาหมี ซึ่งอยู่ด้านหลังเขาหลวงเป็นจุดปฏิบัติการ ใช้ทีมทหารขึ้นไปลาดตระเวนเพื่อชี้พิกัด ตามด้วยทีมกู้ภัยเพื่อสำรวจโพรงถ้ำ
สำหรับวันนี้มีโพรงถ้ำที่สามารถผ่านลงไปได้ 3 โพรง จากการตรวจสอบข้อมูลล่าสุดพบว่าโพรง 2 จุดเป็นทางตันไม่สามารถลงไปได้ ส่วนอีกโพรงสามารถลงไปได้แค่ 60 เมตร หากลงไปอีกต้องทลายทรายเพื่อเปิดช่อง แต่เนื่องจากสภาพโพรงเป็นทรายจึงกลัวถล่มลงไปในถ้ำ ดังนั้นจึงพักการสำรวจโพรงนี้ไว้ก่อน แต่ยังไม่ตัดทิ้ง ระหว่างนี้จึงต้องสำรวจหาโพรงอื่นๆ ซึ่งอาจจะเป็นตัวเลือกที่สร้างอันตรายน้อยกว่านี้
ช่วงหนึ่งทีม THE STANDARD ลงพื้นที่มาบริเวณซอยบ้านผาหมีซอย 5 โดยได้พบกับทีมสำรวจหาโพรงถ้ำเพิ่มเติม เราสะดุดตากับเสื้อกู้ภัยท่านหนึ่งซึ่งเขียนด้วยตัวอักษรที่ไม่คุ้นตา จึงเข้าไปสอบถาม
อาเย็น วิชินดารา หรือ เย็น อายุ 25 ปี คือเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่เดินทางมาจากเวียงจันทน์ ประเทศลาว เพื่อมาช่วยภารกิจนี้โดยเฉพาะ เขาคุยกับเราด้วยท่าทีเขินอาย ว่าคนลาวก็ให้ความสนใจกับข่าวนี้เช่นกัน และเมื่อต้นสังกัดถามว่าพร้อมมาช่วยปฏิบัติภารกิจที่ไทยหรือไม่ เขาก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล โดยเดินทางมาสมทบกับเพื่อนกู้ภัยชาวลาวที่อยู่ในถ้ำหลวงอยู่แล้วอีก 1 คน
“คนไทยก็คอยช่วยคนลาวเหมือนกัน เวลาคนลาวมีเหตุการณ์อะไรคนไทยก็ไปช่วย เวลาไทยมีเหตุการณ์คนลาวก็อยากช่วยเหมือนกัน” อาเย็น กล่าว
แสดงให้เห็นถึงน้ำใจของประเทศเพื่อนบ้านที่ส่งมาถึงพี่น้องชาวไทยในยามที่เกิดวิกฤตได้เป็นอย่างดี
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
12.40 น. THE STANDARD พบทีมวิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมอวกาศและทะเล สำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กำลังใช้โดรนยี่ห้อ DJI รุ่น Inspire 2 พร้อมติดตั้งกล้องตรวจจับความร้อน (Thermal Camera) ทำการบินสำรวจปล่องถ้ำบริเวณดอยผาหมี
ทีมงานบอกกับเราว่า ปัญหาที่พบคือขณะนี้พิกัดของแผนที่กับพิกัดของโดรนคลาดเคลื่อนกันนิดหน่อย และอุปสรรคสำคัญคือฝน ทำให้ทำการบินได้ลำบากและไม่เต็มศักยภาพ แต่ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ เพราะดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแล้วปล่อยให้เวลาผ่านไป
การใช้โดรนบินสำรวจเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งนอกจากการเดินเท้าลาดตระเวนและการบินโดยเฮลิคอปเตอร์ เนื่องจากโดรนมีความคล่องตัวกว่าเฮลิคอปเตอร์ สามารถเข้าไปในพื้นที่เล็กๆ ได้
ทั้งนี้ทีมงานพยายามสังเกตว่ามีสัตว์ปีกโดยเฉพาะค้างคาวบินออกจากโพรงถ้ำหรือไม่ เพราะถ้ามี นั่นหมายความว่าโพรงตรงนั้นสามารถเข้าไปในพื้นที่ถ้ำได้
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
10.25 น. THE STANDARD ติดตามภารกิจการสำรวจปล่องถ้ำบริเวณดอยผาหมี โดย ‘ชุดเฉพาะกิจช่วยน้องกลับบ้าน’ ซึ่งเป็นการรวมกันของทหาร, ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดกู้ภัยใจถึงใจ รวมถึงชุดกู้ภัยที่ได้รับการฝึกจากทหาร
บริเวณดอยผาหมีมี 3 ปล่องที่สามารถโรยตัวลงไปได้ โดยเมื่อวานนี้ได้มีการโรยตัวลงไปแล้ว 1 ปล่อง แต่ยังลงไปไม่ถึงก้นถ้ำ ขณะที่วันนี้จะสำรวจและโรยตัวลงไปอีก 2 ปล่อง
การปฏิบัติการจะใช้ชุดทหารนำลาดตระเวนเปิดทางเพื่อระบุพิกัดปล่อง จากนั้นจะประสานให้ทีมกู้ภัยมาโรยตัวลงสำรวจ
เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลกับเราว่า ปล่องถ้ำไม่ได้เป็นแนวดิ่ง แต่มีลักษณะเป็นชั้นๆ จึงต้องสำรวจลงทีละชั้น ขณะที่บางชั้นมีทรายและดินปิดอยู่ จึงต้องใช้เครื่องมือทะลวงลงไป
การสำรวจนี้ยังไม่ยืนยันว่าจะสามารถลงได้ลึกถึงก้นถ้ำได้หรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่จะลงไปให้ได้ลึกที่สุด ซึ่งอาจใช้เวลาทั้งวัน และหวังว่าจะพบปล่องที่สามารถลงไปถึงก้นถ้ำได้
สำหรับการสำรวจปล่องถ้ำเพื่อโรยตัวลงไปยังก้นถ้ำ ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการค้นหาทั้ง13 ชีวิต นอกเหนือจากการเข้าไปจากปากถ้ำของหน่วยซีล
ขณะที่เมื่อเวลา 10.00 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า ชุดค้นหาหน่วยซีลเดินทางเข้าถ้ำไปได้ลึกขึ้น โดยขณะนี้เข้าใกล้ถึงจุด ‘พัทยาบีช’ หรือ ‘หาดพัทยา’ แล้ว
ส่วนสภาพอากาศที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ฝนตกลงมาตลอดทั้งวัน โดยวันนี้ฝนตกลงมาหนักกว่าเมื่อวาน
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
26 มิถุนายน 2561
https://www.youtube.com/watch?v=qHfiIS-vlII
14.30 น. ฝนตกต่อเนื่อง ระดมกำลังลาดตระเวนอุดตาน้ำกันไหลเพิ่มเข้า
ฝนยังตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนวาน โดยช่วงบ่ายสายฝนเริ่มหนาเม็ดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ยังทำงานกันอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสายฝนและสภาพค่อนข้างทุลักทุเล
ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารราบที่ 17 กองพันที่ 4 ค่ายขุนจอมธรรม จังหวัดพะเยา ระดมกำลังทหารเเดินเท้าข้าลาดตระเวนพื้นที่รัศมี 4.5 ตารางกิโลเมตร เพื่อสำรวจตาน้ำและทำการปิดตาน้ำเพื่อกันไม่ให้น้ำไหลลงเขาหลวงเพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็จะทำการสำรวจปล่องถ้ำที่สามารถลงไปช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิตได้
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
14.00 น. เร่งเดินสายไฟสูบน้ำในถ้ำหลวง เปิดทางหน่วยซีลเข้าไปลึกกว่าเดิม เพื่อค้นหา 13 ชีวิต
THE STANDARD ลงพื้นที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนเพื่อติดตามความคืบหน้า พบว่าในพื้นที่มีฝนตกลงมาต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้สภาพถนนบริเวณทางเข้ากลายเป็นดินโคลนซึ่งเพิ่มความยากลำบากในการทำงาน
โดยเช้าวันนี้ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะเดินทางถึงจังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามการค้นหา 13 ชีวิตในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน
โดย พล.อ. อนุพงษ์ ได้พบกับครอบครัวของผู้ที่สูญหายเพื่อให้กำลังใจและพูดคุยถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือ และยืนยันเจ้าหน้าที่จะนำน้องๆ ออกมาให้ได้ จากนั้นได้เดินทางมายังอาคารที่ทำการวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เพื่อประชุมร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ทั้งทหาร เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ป่าไม้ และหน่วยซีล เพื่อรับฟังความคืบหน้าการติดตามผู้สูญหายและสถานการณ์ล่าสุด
ทั้งนี้ พล.อ. อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เนื่องจากน้ำสูงขึ้นจนถึงเพดานถ้ำและไม่ใช่น้ำธรรมดา แต่เป็นน้ำโคลน และน้ำยังไหลมาเติมตลอด การที่จะให้ดำลงไปในน้ำที่มองไม่เห็นในระยะทางหลายร้อยเมตรไม่สามารถทำได้
ดังนั้นสิ่งที่ทางหน่วยซีลต้องการคือ ต้องสูบน้ำออกให้น้ำลดระดับลงให้ได้ โดยขอให้มีช่องว่างระหว่างเพดานให้พอหายใจได้เท่านั้น ขณะที่หน่วยซีลก็จะเปลี่ยนเครื่องมือใช้ถังดำน้ำหมุนเวียนแบบที่ไม่มีฟองอากาศออกมา
“ขณะนี้ต้องเร่งเดินสายไฟและติดตั้งปั๊มน้ำให้ได้ จะต้องปั๊มอย่างไรก็ต้องทำ ช่วงนี้ยังโชคดีเพราะฝนยังไม่เต็มมาก ท่านแม่ทัพก็ยืนยันว่าจะเร่งเดินสายไฟให้เสร็จภายในวันนี้ ผมคิดว่าถ้าเราเดินสายไฟและปั๊มน้ำได้ เราน่าจะตอบสนองในสิ่งที่หน่วยซีลต้องการได้”
พล.อ. อนุพงษ์ กล่าวว่า วันนี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องถึงตัวเด็ก โดยชุดซีลพยายามเต็มที่ หมุนเวียนกันทำงานตลอดเวลา ขณะนี้ถือว่ายังมีสัญญาณบวก แต่เราจะไม่รอคอย ต้องตั้งเป้าให้ถึง มันจะเป็นอย่างไรก็ต้องถึงตัวเด็กให้ได้
THE STANDARD ได้พูดคุยกับ ชูชาติ เสนาธรรม ผู้จัดการไฟฟ้าสาขาอำเภอแม่สาย ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ลากสายไฟเข้าไปในถ้ำแล้ว 1 กิโลเมตร ขณะที่ช่วงเที่ยงวันนี้พยายามลากสายไฟเข้าไปเพิ่มเติมได้อีก 500 เมตร จากระยะทางทั้งหมด 3 กิโลเมตร แต่อุปสรรคของการลากสายไฟคือความมืดและน้ำ แต่ตั้งเป้าว่าจะลากสายไฟระยะทาง 3 กิโลเมตรให้ได้ภายในวันนี้ เพื่อนำไปต่อกับเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าที่เตรียมไว้ 3 เครื่อง
THE STANDARD ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่า ชุดค้นหาหน่วยซีลสามารถเข้าปากถ้ำไปได้ระยะทาง 3 กิโลเมตร จากนั้นไม่สามารถไปต่อได้เนื่องจากมีโคลนท่วมสูงมิดเพดานถ้ำ จึงจำเป็นต้องสูบน้ำออกก่อน
เมื่อระบายน้ำออกได้ตามแผน หน่วยซีลจะเดินลึกเข้าไปยังพื้นที่เป้าหมายซึ่งเป็นอีกโถงหนึ่งภายในถ้ำที่เรียกว่า ‘หาดพัทยา’ หรือ ‘พัทยาบีช’ เพราะคาดว่าเด็กและโค้ชจะเข้าไปหลบในจุดนั้น
เรื่อง: พลวุฒิ สงสกุล
ภาพ: ฐานิส สุดโต
25 มิถุนายน
15.26 น.ชุดโรยตัวจาก ฮ.เตรียมเข้าพื้นที่ ช่วยเหลือ ปล่องภูเขา #ถ้ำหลวง pic.twitter.com/CXO8XVma40
— Kowit_North (@kowit_ThaiPBS) June 25, 2018
https://www.facebook.com/ThaiSEAL/photos/a.1393158180807577.1073741828.1393136284143100/1618933988229994/?type=3&theater
https://www.facebook.com/ThaiSEAL/posts/1618834608239932
24 มิถุนายน
23 มิถุนายน
ขอบคุณภาพจาก: Thai Navy Seal, PR.Chiangrai ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
อ้างอิง:
The post พบแล้ว 13 ชีวิตติดในถ้ำหลวง: สรุปปฏิบัติการค้นหาทีมฟุตบอลเยาวชน 13 ชีวิตในถ้ำหลวง จ.เชียงราย appeared first on THE STANDARD.
]]>27 มิถุนายน 2561 เข้าสู่วันที่ 5 ของภารกิจค้นหานักฟุตบอ […]
The post ทีม มจพ. บินโดรนติดกล้องจับความร้อนสำรวจปล่องถ้ำ แต่ฝนยังเป็นอุปสรรค appeared first on THE STANDARD.
]]>27 มิถุนายน 2561 เข้าสู่วันที่ 5 ของภารกิจค้นหานักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชของทีม หมูป่าอะคาเดมีแม่สายรวม 13 คน ที่หายตัวไประหว่างท่องเที่ยวบริเวณถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย
THE STANDARD พบทีมวิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมอวกาศและทะเล สำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กำลังใช้โดรนยี่ห้อ DJI รุ่น Inspire 2 พร้อมติดตั้งกล้องตรวจจับความร้อน (Thermal Camera) ทำการบินสำรวจปล่องถ้ำบริเวณดอยผาหมี
ทีมงานบอกกับเราว่า ปัญหาที่พบคือขณะนี้พิกัดของแผนที่กับพิกัดของโดรนคลาดเคลื่อนกันนิดหน่อย และอุปสรรคสำคัญคือฝน ทำให้ทำการบินได้ลำบากและไม่เต็มศักยภาพ แต่ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ เพราะดีกว่าไม่ทำอะไรเลยแล้วปล่อยให้เวลาผ่านไป
การใช้โดรนบินสำรวจเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งนอกจากการเดินเท้าลาดตระเวนและการบินโดยเฮลิคอปเตอร์ เนื่องจากโดรนมีความคล่องตัวกว่าเฮลิคอปเตอร์ สามารถเข้าไปในพื้นที่เล็กๆ ได้
ทั้งนี้ทีมงานพยายามสังเกตว่ามีสัตว์ปีกโดยเฉพาะค้างคาวบินออกจากโพรงถ้ำหรือไม่ เพราะถ้ามี นั่นหมายความว่าโพรงตรงนั้นสามารถเข้าไปในพื้นที่ถ้ำได้
The post ทีม มจพ. บินโดรนติดกล้องจับความร้อนสำรวจปล่องถ้ำ แต่ฝนยังเป็นอุปสรรค appeared first on THE STANDARD.
]]>มีรายงานว่า วันนี้ (26 มิ.ย.) เวลา 7.00 น. ที่ท่าอากาศย […]
The post กองทัพอากาศส่งหุ่นยนต์ดำน้ำ-โดรนติดกล้อง ช่วย 13 ชีวิตติดในถ้ำหลวง เชียงราย appeared first on THE STANDARD.
]]>มีรายงานว่า วันนี้ (26 มิ.ย.) เวลา 7.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.อ. ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ จะทำพิธีส่ง เจ้าหน้าที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ และเจ้าหน้าที่ชุดช่วยเหลือผู้ประสบภัย จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ขึ้น C-130 ไปยังถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อช่วยเหลือเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สายที่สูญหาย 13 คนในถ้ำ โดยประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ จำนวน 13 คน หุ่นยนต์ดำน้ำ (ROV) จำนวน 1 เครื่อง และโดรนติดกล้องตรวจจับความร้อนสำหรับบินสำรวจ จำนวน 2 ลำ
The post กองทัพอากาศส่งหุ่นยนต์ดำน้ำ-โดรนติดกล้อง ช่วย 13 ชีวิตติดในถ้ำหลวง เชียงราย appeared first on THE STANDARD.
]]>