วันนี้ (26 กุมภาพันธ์) ที่อาคารรัฐสภา มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะตัวแทนรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้าน เตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ ในวันพรุ่งนี้ (27 กุมภาพันธ์) 

มนพรเผยว่า วันนี้ได้มีการหารือกันระหว่างวิปฝ่ายค้านและรัฐบาลแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีกี่คน แต่ก็ได้กำหนดกรอบเวลาคร่าวๆ ว่าจะใช้เวลาในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม ระหว่างวันที่ 24-28 มีนาคม และหลังจากนี้จะมาพิจารณาและกำหนดวันอีกครั้งว่าต้องใช้เวลาเท่าใด 

ส่วนที่ฝ่ายค้านขอเวลาอภิปราย 5 วันนั้น มนพรยอมรับว่า แม้จะไม่ถึงกับเป็นไปไม่ได้ แต่ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านก็ไม่เคยขออภิปรายถึง 5 วัน แต่ทั้งหมดก็ต้องหารือกัน โดยต้องดูจำนวนผู้ที่ถูกอภิปราย ทั้งนี้ ยืนยันว่ารัฐมนตรีทุกคนพร้อมจะตอบข้อซักถามของฝ่ายค้าน

“พรรคร่วมรัฐบาลได้มีการตกลงกันแล้วว่า อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน จะต้องนำไปสู่การลงมติด้วยความเป็นหนึ่งของรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังแน่นปึก” มนพรระบุ

จ่อถกญัตติเพื่อไทยส่งศาลตีความการแก้รัฐธรรมนูญ

ในวันเดียวกัน วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดเผยผลการหารือระหว่างวิป 3 ฝ่าย คือรัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา ว่าจะมีการนัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในวันที่ 5 มีนาคม​ 2568​ เวลา 09.30 น. โดยจะพิจารณา 4 เรื่อง คือ เรื่องรับรองพิธีการพิธีสาร​ฉบับที่​ 1​ เพื่อตกลงการค้าอาเซียน-ฮ่องกง​, ความตกลงด้วยข้อบังคับ ความปลอดภัยทางอาหารของอาเซียน​, ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ .. พ.ศ. …. และร่างข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา ฉบับที่ .. พ.ศ. …. 

นอกจากนั้น​ ได้มีการนัดประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งต่อไป​ ในวันที่ 17 มีนาคม​ 2568 เพื่อพิจารณาญัตติ ขอให้รัฐสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย การแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ ซึ่งเป็นญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ​ สว. และ วิสุทธิ์​ ไชยณรุณ​ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ​เพื่อหาข้อยุติว่า​ที่ประชุมเห็นด้วยที่จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งหากเห็นด้วย​ก็จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ต้องทำประชามติหรือไม่​และทำกี่ครั้ง

ทั้งนี้​ หากส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้วอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ รัฐสภา​ก็จะต้องชะลอการพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน ซึ่งคิดว่าคงไม่ช้า​ แต่หากคำวินิจฉัยออกมาเมื่อไร​ รัฐสภาก็พร้อมที่จะเปิดประชุมเพื่อพิจารณา​ โดยพยายามจะให้เสร็จทันในสมัยประชุมนี้

The post รัฐบาลวางกรอบเวลา 24-28 มีนาคม อภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วน 17 มีนาคม ถกญัตติเพื่อไทยส่งศาลตีความอำนาจแก้รัฐธรรมนูญ appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (29 มกราคม) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 12 สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 2 วาระพิจารณาเรื่องด่วน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ และร่างที่ สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และคณะ เป็นผู้เสนอ

มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงหลักการและเหตุผลร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนการให้บริการขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟ, รถไฟฟ้า, รถเมล์ และเรือโดยสาร ซึ่งจัดทำมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วมเป็นมาตรฐานกลาง มีการกำหนดอัตราโดยสารร่วม

รวมถึงจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม การกำหนดผู้ประกอบการที่จะมีสิทธิ์ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม โดยจะต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายฉบับนี้ และในกรณีที่มีความจำเป็น ให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบร่วม และต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายฉบับนี้

“เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยการใช้บัตรโดยสารใบเดียวเดินทางได้ทุกระบบของการบริการขนส่งสาธารณะ อันเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทาง จากขนส่งส่วนบุคคลมาเป็นการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ โดยเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาล” มนพรกล่าว

ด้านสุรเชษฐ์กล่าวถึงหลักการและเหตุผลของร่างกฎหมายที่เสนอ โดยสรุปถึงข้อแตกต่างระหว่างร่างของรัฐบาลและพรรคประชาชน เพื่อชี้ให้เห็นว่าเหตุใดจึงต้องใช้ร่างของพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก เช่น คำว่าตั๋วร่วมกับค่าโดยสารร่วม

สุรเชษฐ์ชี้ว่า คำว่า ‘ค่าโดยสารร่วม’ จะส่งผลโดยตรงกับชีวิตประชาชน หรือกรณีตั๋วร่วม 20 บาทของพรรคเพื่อไทย ซึ่งหมายถึงเฉพาะรถไฟฟ้า แต่ค่าโดยสารร่วมตามข้อเสนอของพรรคประชาชนมีราคา 8-45 บาท เพราะรวมทั้งรถไฟ, รถไฟฟ้า, รถเมล์ และเรือโดยสาร จึงต้องเขียนกฎหมายให้ครอบคลุมบริการสาธารณะทั้งหมดของประเทศ

“ร่างของพรรคประชาชนมีนิยามที่ชัดเจนขึ้น เพิ่มสัดส่วนผู้แทนประชาชนในคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม ร่างของพรรคประชาชนเพิ่มความชัดเจนและกลไกคำนึงถึงการบังคับใช้จริง เพิ่มหน้าที่ผู้ประกอบการระบบตั๋วร่วมให้เปิดเผยสถานะทางการเงิน เพิ่มความชัดเจนในการใช้เงินกองทุน โดยมุ่งหวังสร้างสมดุลการอุดหนุนบริการขนส่งสาธารณะ พร้อมคำนึงถึงภาระทางการคลังระยะยาว” สุรเชษฐ์กล่าว

จากนั้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้อภิปรายแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง ก่อนที่มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 2 ฉบับ ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 367 เสียง ไม่มีเสียงไม่เห็นชอบ และงดออกเสียง 1 เสียง

จากนั้นที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ 31 คน พิจารณาศึกษา ให้แปรญัตติภายใน 15 วัน และให้ใช้ร่างของ ครม. เป็นร่างหลักในการพิจารณา

The post ที่ประชุมสภาเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ที่เสนอโดย ครม. และพรรคประชาชน ด้วยเสียงเอกฉันท์ appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (12 มกราคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้ช่วยหาเสียง และแกนนำพรรคเพื่อไทย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, มนพร เจริญศรี, อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ร่วมลงพื้นที่จังหวัดนครพนม ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วย อนุชิต หงษาดี ผู้สมัคร นายก อบจ.นครพนม

ทั้งนี้ เมื่อแพทองธารและคณะเดินทางถึงสนามบินจังหวัดนครพนม มีมวลชนคนเสื้อแดงนับร้อยรอต้อนรับ โดยมวลชนกอดและผูกผ้าขาวม้าคาดเอวตามประเพณีชาวอีสาน พร้อมมอบดอกกุหลาบและตะโกนว่า ‘เรารักนายกฯ อุ๊งอิ๊ง’ รวมถึงขอเซลฟีด้วย

จากนั้นเวลา 10.00. น. แพทองธารเดินทางถึงสนามกีฬาเทศบาลตำบลนาแก อำเภอนาแก ซึ่งเป็นเวทีปราศรัยแรกให้กับผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม พรรคเพื่อไทย ด้วยรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน กท 888 กรุงเทพมหานคร ซึ่งตรงกับหมายเลขของอนุชิตที่ได้เบอร์ 8 ในการจับสลาก 

ทันทีที่มาถึงประชาชนที่รอรับฟังคำปราศรัยจำนวนมาก ตะโกนต้อนรับและโบกธงผู้สมัคร พร้อมกรูกันมาสวมมาลัยดอกดาวเรือง มอบดอกกุหลาบ และผูกผ้าขาวม้าที่เอวเป็นการต้อนรับ โดยแพทองธารเดินแหวกฝูงชนมายังเวทีปราศรัย ก่อนกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า “สวัสดีค่า สวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกคนเด้อ สบายดีบ่ กินข้าวหรือยัง คิดฮอดกันบ่ วันนี้ดีใจอย่างมาก ปีใหม่ได้มานครพนมจังหวัดแรก ตั้งแต่เดินเข้ามาได้รับการต้อนรับอย่างดี พรุ้งนี้วันจันทร์กลับไปมีกำลังใจจากพี่น้องนครพนมแน่นอน วันนี้อยากฝากอนุชิต เพราะทำงานหนัก เป็นคนนครพนมอย่างแท้จริง เข้าใจปัญหาของนครพนมอย่างแท้จริง อนุชิตเป็นคนนครพนมแท้ๆ และมีดีเอ็นเอเพื่อไทยแท้ๆ มาทีไรช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ 

แพทองธารกล่าวว่า ปัญหายาเสพติดต้องหมดไป พรรคเพื่อไทยมาทีไรใครจนอยู่ต้องรวยแน่นอน วันนี้ปัญหายาเสพติดหนักหน่วง ลูกหลานไปยุ่งเกี่ยวกับยาบ้า ที่ราคาถูกและเข้าถึงลูกหลานง่าย อนุชิตบอกว่าจะเอาคนติดยามาบำบัดเรียนรู้อาชีพ ให้กลับเข้าไปอยู่ในสังคม เพราะคนที่มีปัญหายาเสพติดไม่ใช่คนไม่ดี เพียงแต่อาจมีปัญหา เราพร้อมรับเขากลับมาหลังผ่านการบำบัดแล้ว เป็นสิ่งที่นายอนุชิตจะทำ อย่างไรก็ตาม ท้องถิ่นต้องประสานส่วนกลางเพื่อให้การทำงานสอดคล้องกันทั้งประเทศ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ขอให้กาเบอร์ 8 และมั่นใจว่าอนุชิตจะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน ขอบคุณพี่น้องชาวนครพนมเด้อ รักทุกๆ คนเด้อ 

ทั้งนี้ แพทองธารจะขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ต่อไปในเวลา 12.30 น. ที่หอประชุมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง มหาวิทยาลัยนครพนม อำเภอเมือง ก่อนจะออกเดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอศรีสงคราม ซึ่งจะขึ้นเวทีปราศรัยเวทีสุดท้ายในช่วงเวลา 14.00 น. ที่อาคารโดม สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ

The post แพทองธารนำทัพเพื่อไทย ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.นครพนม ช่วย ‘อนุชิต หงษาดี’ appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (4 มกราคม) มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ทันทีที่ทราบข่าวจากช่องทาง X ซึ่งผู้ใช้บัญชี @idcfuc ระบุว่า ถูกลวนลามบนรถโดยสารประจำทางวานนี้ (3 มกราคม) ตนประสานไปยังกรมการขนส่งทางบกทันที เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบกรณีดังกล่าว ซึ่งกรมการขนส่งทางบกดำเนินการตรวจสอบพบว่า เป็นชายใส่เสื้อสีแดงลวนลามผู้โดยสารที่มีที่นั่งติดกัน ทำให้ผู้โดยสารร้องตกใจ จึงแจ้งพนักงานบริการบนรถให้จัดการกับบุคคลดังกล่าว ซึ่งพนักงานบริการบนรถให้คนที่ถูกลวนลามย้ายที่นั่ง แต่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ กับบุคคลที่ก่อเหตุ และแนะนำให้ไปแจ้งความ

มนพรระบุอีกว่า ตนสั่งการให้กรมการขนส่งทางบกและบริษัทขนส่งประสานเจ้าทุกข์เพื่อแจ้งความดำเนินคดี นอกจากนี้ยังมอบหมายให้รถร่วม บขส. ทุกคัน ดำเนินการตามแผนรับมือเหตุการณ์การคุกคามทางเพศ ตามมาตรการที่ บขส. กำหนด คือให้ดำเนินการตั้งแต่เผชิญเหตุ ต้องช่วยเหลือผู้โดนคุกคาม และต้องขับรถไปสถานีตำรวจที่เกิดเหตุทันทีเพื่อดำเนินคดี รวมถึงการดำเนินการต่างๆ เพื่อลงโทษผู้คุกคามทางเพศตามกฎหมาย

The post รมช.คมนาคม สั่งจัดการ หากพบเหตุคุกคามบนรถโดยสาร รีบช่วยผู้โดนคุกคามและขับไป สน. แจ้งความทันที appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (25 ธันวาคม) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีจัดสรรเวลาเพื่อไปตอบกระทู้ในสภา โดยนายกรัฐมนตรียิ้มให้สื่อมวลชนก่อนจะกล่าวว่า “Merry Christmas”

ส่วนกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศที่เวทีหาเสียงนายก อบจ.เชียงใหม่ ว่าจะอยู่ครบเทอม ไม่มีการยุบสภา แนวทางของรัฐบาลจะเป็นแบบนั้นหรือไม่ แพทองธารระบุว่า “ยังไม่เห็นมีใครคุยกันเรื่องยุบสภาเลย ก็ยังงงว่าเรื่องนี้มาได้อย่างไร”

ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับสภา 

ด้าน มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการตอบกระทู้ด้วยวาจาของนายกรัฐมนตรีว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงแรงงานในเรื่องของการขึ้นค่าแรง ส่วนของกระทรวงคมนาคมจะเป็นเรื่องการขนส่งระบบรางจากกรุงเทพมหานครไปนครราชสีมา

มนพรยืนยัน รัฐบาลพร้อมให้ความสำคัญกับสภา พร้อมระบุว่ามีเรื่องที่จะต้องถามรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีรัฐมนตรีที่กำกับดูแลเข้าไปตอบกระทู้ ส่วนนายกรัฐมนตรีได้มีการจัดสรรเวลา แต่ในบางประเด็นที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีประจำกระทรวงโดยตรง นายกรัฐมนตรีจะมอบหมายให้รัฐมนตรีไปตอบ พร้อมย้ำว่าไม่มีปัญหาอะไร รัฐมนตรีทุกกระทรวงพร้อมตอบ

ส่วนที่ทักษิณพูดว่าจะไม่มีการยุบสภา มนพรกล่าวว่า ในส่วนของรัฐบาลและ สส. เองคงไม่มีใครอยากให้ยุบสภา เพราะเราได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน ก็ต้องทำงานให้ดีที่สุด อยู่ให้ครบเทอม และประชาชนเลือกเข้ามาต้องหวังว่ารัฐบาลจะทำงานให้พวกเขาครบทั้ง 4 ปี

The post นายกฯ ปัด เข้าสภาตอบกระทู้ บอก Merry Christmas – งงข่าวยุบสภา ด้านมนพรย้ำ รัฐบาลอยู่ครบเทอม appeared first on THE STANDARD.

วานนี้ (21 ธันวาคม) จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ สส. จังหวัดร้อยเอ็ด เขต 5 และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะ สส. จังหวัดนครพนม เขต 2 เดินทางลงพื้นที่อำเภอนาหว้า, อำเภอศรีสงคราม, อำเภอบ้านแพง และอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม เพื่อร่วมเวทีปราศรัยหาเสียงสนับสนุน เบียร์-อนุชิต หงษาดี ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครพนมของพรรคเพื่อไทย 

จิราพรกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาลมาเกือบ 10 ปี เมื่อจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จตามครรลองประชาธิปไตย จึงเร่งผลักดันนโยบายที่หาเสียงไว้กับพี่น้องประชาชน เช่น โครงการ 30 บาท รักษาทุกที่, โครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ ที่เห็นผลแล้วและกำลังเดินหน้าในเฟสต่อไป รวมถึงโครงการพักชำระหนี้เกษตรกร การลดราคาพลังงาน และการเดินหน้านโยบายพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นไปตามแนวทางของพรรคเพื่อไทย ที่มุ่งมั่นจะ ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส’ ให้พี่น้องประชาชนคนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

“จิราพรกล่าวเพิ่มเติมว่า หากท้องถิ่นสามารถเชื่อมโยงกับการผลักดันนโยบายรัฐบาลได้แบบไร้รอยต่อ ประโยชน์ก็จะตกอยู่กับพี่น้องประชาชน ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงภูมิใจนำเสนอ อนุชิต หงษาดี ว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม ให้เข้ามาทำงานรับใช้พี่น้องชาวจังหวัดนครพนม” 

จิราพรระบุว่า หากจะเปลี่ยนแปลงจังหวัดนครพนมให้ดีขึ้น จะต้องเริ่มจากการเปลี่ยนนายก อบจ.นครพนม ซึ่งตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จังหวัดนครพนมไม่มีนายก อบจ. จากพรรคเพื่อไทย จึงขอโอกาสพรรคได้เข้ามาทำงานเพื่อชาวนครพนม ช่วยสานต่อนโยบายของรัฐบาลสู่ระดับท้องถิ่น และช่วยยกระดับจังหวัดนครพนมให้เป็นจังหวัดน่าอยู่อันดับต้นๆ ของประเทศต่อไป

The post จิราพรและมนพร นำทีมปราศรัยพรรคเพื่อไทย หาเสียงช่วย ‘อนุชิต หงษาดี’ ชิงนายก อบจ.นครพนม appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (30 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา มนพร เจริญศรี สส. นครพนม พรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงภายหลังมีกระแสข่าวถูกพาดพิงว่าเป็นเทวดาอักษรย่อ ม. ในคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร สมัยที่แล้ว และเกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป

มนพรพา ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ซึ่งเป็นกรรมาธิการในขณะนั้น ร่วมให้สัมภาษณ์เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง พร้อมนำเอกสารแจ้งผลดำเนินการไกล่เกลี่ยเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้เสียหายให้ผู้สื่อข่าวด้วย 

ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวมีสาระสำคัญว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 คณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภคตั้งคณะอนุกรรมาธิการที่มีมนพรเป็นประธานขึ้นมาหารือเรื่องร้องทุกข์จากหญิงสาวคนหนึ่งที่ร้องเรียนว่า บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ชักชวนให้สมัครสมาชิกและซื้อสินค้าเป็นยาสีฟันจำนวน 211,115 บาท แต่กลับได้ยาสีฟันเพียง 50 หลอด โดยผลการดำเนินการของอนุกรรมาธิการพบว่า ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ดำเนินการไกล่เกลี่ย และทั้งคู่สามารถเจรจากันได้ โดยที่บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด คืนเงินทั้งหมด

มนพรกล่าวว่า ตัวย่อ ม. สองตัวนั้น ม. ตัวแรกคงหมายถึง มานะ มหาสุวีระชัย อดีต สส. ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย และอดีตประธานคณะกรรมาธิการ และ ม. ตัวที่สองคือตนเอง 

มนพรยืนยันว่า ในการพิจารณาข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว มีการเดินหน้าตามกระบวนการ ไม่มีการดองหรือเร่งให้จบเรื่อง เพราะเราคิดว่าคณะกรรมาธิการของสภาทุกคณะต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน เมื่อประชาชนเดือดร้อนต้องการเงินคืน เราก็เร่งรัดเพื่อเอาเงินคืนให้กับผู้ที่ร้อง ซึ่งเราใช้เวลาพิจารณาประมาณ 1 เดือนภายหลังรับเรื่องร้องเรียน

ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐพยายามจะเชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทย มนพรระบุว่า ไม่ทราบเจตนา แต่ในฐานะที่เป็น สส. ของพรรคเพื่อไทย มองว่าคนที่ให้ข่าวเขายังไม่เข้าใจระบบ เพราะอำนาจของกรรมาธิการไม่ใช่การชี้ถูกชี้ผิด ซึ่งตอนนั้นตนเองเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลด้วยซ้ำ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องไปสืบค้นต่อว่าบริษัทนี้มีลักษณะฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องไปตรวจสอบว่าสินค้ามีคุณภาพหรือไม่ อย่างไร 

เมื่อสื่อมวลชนถามว่า ในขณะนั้นมีคนติดต่อมาขอเคลียร์อะไรหรือไม่ มนพรกล่าวติดตลกว่า ไม่มี อาจเพราะเห็นหน้าพวกตน ก็คงไม่มีใครกล้ามาติดต่ออะไร

“ปกติคนที่ไม่ดีก็จะไปอ้างคนที่ดีเพื่อเป็นเกราะกำบังให้กับการกระทำความผิด ให้กับตัวเอง เพราะฉะนั้นต้องย้อนกลับไปดูตัวเองว่าทำอะไรไว้กับพี่น้องประชาชน เราเป็นนักการเมือง เราต้องกล้ายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และวันนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ สคบ. ติดตามคนที่กระทำความผิด รวมถึงกระทรวงการคลังก็เร่งรัดการออก พ.ร.บ. ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันการหลอกลวง” มนพรกล่าว 

สื่อมวลชนถามต่อว่า ในพรรคเพื่อไทยมีเทวดาหรือไม่ มนพรกล่าวว่า ไม่มี มีแต่ สส. และผู้บริหาร พร้อมย้ำว่า พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน 

“ขอให้ย้อนกลับไปดูเทวดาของท่าน ไม่ต้องมาคิดถึงเทวดาของพรรคเพื่อไทย เทวดาคงอยู่บนท้องฟ้า” มนพรกล่าว

เชื่อ ‘เทวดา’ ไม่ได้อยู่พรรคเพื่อไทย

ในวันเดียวกัน ดนุพร ปุณณกันต์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย ชี้แจงกรณีที่มีการพาดพิงถึงพรรคเพื่อไทยว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการหาข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น นายกรัฐมนตรีก็ได้สั่งการทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ลงไปดูแลพี่น้องประชาชนที่เสียหาย ส่วนเรื่องอักษรย่อต่างๆ นั้น เกิดขึ้นตอนสภาชุดที่ผ่านมา ซึ่งมนพรแถลงข่าวไปแล้ว

สำหรับอักษรย่อ ซ. ซึ่งเคยเป็นผู้สมัคร สส. พรรคเพื่อไทย ที่เป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาและถูกดำเนินคดีนั้น ดนุพรชี้แจงว่า ยุรนันท์สิ้นสภาพการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2565 เป็นเวลาประมาณ 3 ปีแล้ว ขณะที่อักษรย่อ ก. ซึ่งถูกเชื่อมโยงว่าเป็น ก้อง-อรรฆรัตน์ นิติพน พิธีกรรายการ อายุน้อยร้อยล้าน ซึ่งเป็นผู้สมัคร สส. กทม. ของพรรคเพื่อไทยนั้น ได้สอบถามไปแล้วและรับทราบว่าอรรฆรัตน์เคยทำรายการสัมภาษณ์ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ปจริงเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งก็คือช่วงเวลาก่อนที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย 

“โฆษกพรรคพลังประชารัฐนั้นท่านคงเป็นน้องใหม่ทางการเมืองที่เพิ่งเกษียณราชการมา จึงไม่ทราบถึงกระบวนการทำงานของสภา โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการ ซึ่งเข้าใจว่าที่ท่านออกมาพูดแบบนี้ แน่นอนว่าต้องการปัดความรับผิดชอบให้พ้นพรรคท่าน และท่านก็คงจะต้องทราบว่าที่ประชุมของรัฐสภาและ สส. มีมติส่งเรื่องคดีดิไอคอนกรุ๊ปให้กับคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร ไปพิจารณา 90 วัน” ดนุพรกล่าว

สำหรับกรณีนักการเมือง ส. ที่มีความเชื่อมโยงว่าอาจเกี่ยวข้องผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยนั้น ดนุพรระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่พรรคไหนก็ตาม ความผิดเรื่องนี้ปกป้องยากมาก เพราะเป็นจุดสนใจของสังคม เป็นเรื่องที่ประชาชนเสียหายเกือบ 10,000 คน และมูลค่าความเสียหายอาจจะถึง 1 หมื่นล้านบาท เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ หากเกี่ยวข้องกับท่านใดก็ตาม ต่อให้ลาออกไปแล้ว เกรงว่าคงจะปัดความรับผิดไม่ได้ 

ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าเทวดาตัวจริงอาจอยู่ในพรรคเพื่อไทยนั้น ดนุพรกล่าวว่า โฆษกพรรคพลังประชารัฐควรไปดูพรรคท่านเองหรือไม่ เพราะคนที่ออกมาจากคลิปเสียงก็มีความใกล้ชิดกับหัวหน้าพรรคท่าน ส่วนตัวไม่ทราบจริงๆ ว่าเทวดาจะอยู่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคพลังประชารัฐ แต่หากฟังจากคลิปเสียงแล้ว เชื่อว่าไม่น่าจะมาอยู่พรรคเพื่อไทย

The post มนพร-ดนุพรแจงทุกปม หลังโฆษกพรรคพลังประชารัฐพาดพิงพรรคเพื่อไทยโยง ‘ดิไอคอนกรุ๊ป’ ขอให้กลับไปดูเทวดาพรรคตัวเองก่อน appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (8 ตุลาคม) จิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการในที่ประชุมให้เร่งตรวจสอบรถโดยสารที่ติดแก๊ส CNG และ NGV ประมาณ 13,000 คัน ภายใน 60 วัน และให้หยุดเดินรถไปก่อนจนกว่าส่วนราชการอย่างกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อย 

ขณะเดียวกัน ให้กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงศึกษาธิการ ไปพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของผู้คน

ด้าน มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รายงาน ครม. ว่า ได้สั่งการกรมเจ้าท่าให้ตรวจสอบเรือโดยสารทั้งประเทศที่มีทั้งหมด 15,000 ลำ และเรือภัตตาคารที่วิ่งตามลำน้ำต่างๆ ทั้งหมด 108 ลำ ให้ไปตรวจสอบพลังงานที่ใช้ 2 ส่วน และกลับมารายงานต่อที่ประชุม คือ 1. พลังงานที่ใช้กับการทำครัว ซึ่งเป็นถังแก๊สต่างๆ ที่วางอยู่ในจุดที่ไม่เหมาะสม และ 2. พลังงานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ

The post นายกฯ สั่งหยุดเดินรถโดยสารติดแก๊ส CNG และ NGV เร่งตรวจสอบภายใน 60 วัน ด้านกรมเจ้าท่าเตรียมตรวจเรือโดยสาร-เรือภัตตาคารทั่วประเทศ appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (8 ตุลาคม) มนพร​ เจริญ​ศรี​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม​ เปิดเผยถึงกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณท่าเรือกรุงเทพ ( คลองเตย )​ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด​ว่า​ แพทองธาร​ ชิน​วัตร​ นายกรัฐมนตรี​ ได้เซ็นแต่งตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมี สุริยะ​ จึงรุ่งเรืองกิจ​ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม​ เป็น​ประธาน และตนเป็นรองประธานคนที่ 1 ฉะนั้นต้องรอว่าสุริยะจะนัดประชุมครั้งแรกเมื่อใด

ส่วนจะใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือไม่ มนพรระบุว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งต้องรอกฎหมายว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่เรื่องการย้ายท่าเรือกรุงเทพเป็นการปรับปรุงสถานที่ให้มีความเหมาะสม เนื่องจากมีพื้นที่กว่า 2,353 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็น Smart Port ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดย ประทีป อึ้งทรงธรรม ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป ได้เข้าพบเพื่อหารือร่วมกันในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยในชุมชน คลองเตย ของท่าเรือกรุงเทพดังกล่าว

เสนอ ครม. พิจารณาร่างกฎหมายต้นแบบตั๋วร่วม 20 บาทตลอดสาย

มนพรกล่าวอีกว่า จะมีการนำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขนส่งทางราง พ.ศ. …. เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา เนื่องจากเป็นกฎหมายเรื่องการเงิน เมื่อผ่านความชอบจาก ครม. แล้ว ก็จะเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ในสัปดาห์หน้า โดยร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ จะเป็นต้นแบบของการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าในราคา 20 บาทตลอดสาย และร่าง พ.ร.บ. ต่อไปที่จะดำเนินการคือเรื่องตั๋วร่วม คาดว่าจะสามารถเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรได้ทันในสมัยประชุมนี้

The post รมช.คมนาคม เผย นายกฯ ตั้งคณะกรรมการศึกษาใช้ประโยชน์ท่าเรือคลองเตย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน ปัดทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (25 กันยายน) จิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่อำนวยการ สั่งการในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยหารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี ได้แก่ ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

พร้อมด้วย พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, มนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และตัวแทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง 

จิรายุเปิดเผยว่า ศปช. รับนโยบายของนายกรัฐมนตรี และสั่งการให้ทุกส่วนราชการรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเร่งปฏิบัติการในส่วนที่มีเหตุการณ์สำคัญ และขอให้อำนวยความสะดวก จัดทำบัญชี ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ทันทีตามแนวทางที่กำหนด โดยไม่ต้องรอระยะเวลา ทั้งนี้ ขอให้จังหวัดทยอยส่งข้อมูลมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยเร็วตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด

สำหรับเอกสารที่ใช้ยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับเงินช่วยเหลือ ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมด้วยหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีเป็นบ้านพักอาศัยที่มีทะเบียนบ้าน) สัญญาเช่าบ้านหรือหนังสือรับรองการเช่าจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กรณีเป็นบ้านเช่า) หากเป็นกรณีอื่น อาทิ บ้านพักอาศัยประจำ แต่หากไม่มีทะเบียนบ้านจะต้องให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น ร่วมกับผู้นำชุมชน ตรวจสอบข้อเท็จจริงและลงนามรับรอง 

ขณะนี้กระทรวงมหาดไทยเปิดให้ทำบัตรประชาชนและออกทะเบียนบ้านใหม่ โดยผู้ประสบภัยไม่ต้องแจ้งความที่โรงพักแล้ว สามารถไปดำเนินการได้ที่อำเภอ สำนักงานเทศบาล หรือรถโมบายล์เคลื่อนที่ของกรมการปกครอง สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคาร สามารถไปลงทะเบียนพร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก

จิรายุกล่าวต่อไปว่า ประเสริฐ จันทรรวงทอง ดำเนินการระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติ หลังจากที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ประชาชนทุกคนจะต้องได้รับการแจ้งเตือนภัย

นอกจากนี้ กระทรวงมีการประชุมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเริ่มดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เมื่อวานนี้ (24 กันยายน) มีการแจ้งเตือนภัย โดย ปภ. แจ้งไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อส่งต่อไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ รวมถึงส่งไปยังกรมประชาสัมพันธ์ ทำให้ 4 ตำบลในอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง และจังหวัดอื่นๆ ที่ต้องเตรียมการรับมือได้รับทราบข้อมูล ซึ่งเป็นการเตือนภัยในระดับ 3 เป็นการแจ้งให้เตรียมพร้อมและเฝ้าระวัง ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนทั้งแบบ SMS รายการประกาศผ่านวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ จะส่งถึงประชาชนโดยตรง 

The post แพทองธารเชิญรัฐมนตรีหารือใน ศปช. ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด appeared first on THE STANDARD.