ฟุตบอลโลก – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 03 Dec 2025 04:44:55 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 LEGO จะทำถ้วยบอลโลก? หลังปล่อยภาพ 4 ตำนานลูกหนังถือถุง LEGO https://thestandard.co/lego-world-cup-trophy-legends/ Wed, 03 Dec 2025 04:44:55 +0000 https://thestandard.co/?p=1150944 LEGO จะทำถ้วยบอลโลก? หลังปล่อยภาพ 4 ตำนานลูกหนังถือถุง LEGO

สะเทือนอีกครั้ง! เมื่อ LEGO ปล่อยภาพตำนานลูกหนัง 4 รายท […]

The post LEGO จะทำถ้วยบอลโลก? หลังปล่อยภาพ 4 ตำนานลูกหนังถือถุง LEGO appeared first on THE STANDARD.

]]>
LEGO จะทำถ้วยบอลโลก? หลังปล่อยภาพ 4 ตำนานลูกหนังถือถุง LEGO

สะเทือนอีกครั้ง! เมื่อ LEGO ปล่อยภาพตำนานลูกหนัง 4 รายที่เคยคว้าแชมป์โลก อิเกร์ กาซิยาส, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, ซามี เคดิรา และมาร์โก มาเตราซซี่

 

แต่สิ่งที่อยู่ในมือของพวกเขา ไม่ใช่ถ้วยเวิลด์คัพ หากเป็นถุง LEGO แทน ทำเอาโซเชียลตั้งคำถามทันที…หรือ LEGO กำลังเตรียมทำถ้วยฟุตบอลโลก ในเวอร์ชันตัวต่อกันแน่?

 

ก่อนหน้านี้ LEGO ได้เริ่มปล่อยทีเซอร์ชุดใหญ่บนโซเชียล พร้อมเผยโลโก้ธีมใหม่ในชื่อ LEGO Editions และระบุวันประกาศตัว 3 ธันวาคม 2025

 

และในปี 2026 ที่ฟุตบอลโลกจะกลับมาอีกครั้งในสหรัฐฯ-แคนาดา-เม็กซิโก ทุกสัญญาณจึงบ่งชี้ว่า นี่อาจเป็นการร่วมมือกันอย่างเป็นทางการระหว่าง LEGO × FIFA World Cup ที่เตรียมเปิดตัวในเวลาอันใกล้นี้

 

LEGO จะทำถ้วยบอลโลก? หลังปล่อยภาพ 4 ตำนานลูกหนังถือถุง LEGO 1
LEGO จะทำถ้วยบอลโลก? หลังปล่อยภาพ 4 ตำนานลูกหนังถือถุง LEGO 2
LEGO จะทำถ้วยบอลโลก? หลังปล่อยภาพ 4 ตำนานลูกหนังถือถุง LEGO 3
LEGO จะทำถ้วยบอลโลก? หลังปล่อยภาพ 4 ตำนานลูกหนังถือถุง LEGO 4

The post LEGO จะทำถ้วยบอลโลก? หลังปล่อยภาพ 4 ตำนานลูกหนังถือถุง LEGO appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชุดใหม่ ‘อาร์เจนตินา’ พร้อมใส่ลุยป้องกันแชมป์ฟุตบอลโลก 2026 https://thestandard.co/argentina-defends-world-cup-2026/ Fri, 07 Nov 2025 08:19:32 +0000 https://thestandard.co/?p=1140711 ชุดใหม่ ‘อาร์เจนตินา’ พร้อมใส่ลุยป้องกันแชมป์ ฟุตบอลโลก 2026

ทีมชาติอาร์เจนตินา เปิดตัวชุดเหย้าอย่างเป็นทางการสำหรับ […]

The post ชุดใหม่ ‘อาร์เจนตินา’ พร้อมใส่ลุยป้องกันแชมป์ฟุตบอลโลก 2026 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชุดใหม่ ‘อาร์เจนตินา’ พร้อมใส่ลุยป้องกันแชมป์ ฟุตบอลโลก 2026

ทีมชาติอาร์เจนตินา เปิดตัวชุดเหย้าอย่างเป็นทางการสำหรับศึกฟุตบอลโลก 2026 ภายใต้การออกแบบของ Adidas ที่มาพร้อมดีไซน์ใหม่ในโทนแถบไล่เฉดสีฟ้า-ขาว เพื่อรำลึกถึงเสื้อในยุคคว้าแชมป์โลกทั้ง 3 ครั้ง ปี 1978, 1986 และ 2022

 

ชุดใหม่นี้ยังคงเอกลักษณ์ของแถบแนวตั้งสีฟ้า-ขาว อันเป็นสัญลักษณ์ของทีม แต่เพิ่มความทันสมัยด้วยเทคนิค Gradient Stripe หรือการไล่เฉดสีในแต่ละแถบ จากฟ้าอ่อนสู่ฟ้าเข้ม เพื่อสะท้อนพัฒนาการของทีมที่ก้าวผ่านทุกยุคแห่งความสำเร็จ

 

ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ใช้โทนสีน้ำเงินกรมท่า (Navy Blue) ทั้งบริเวณหัวไหล่ แถบสามเส้นของ Adidas และขอบแขน พร้อมฟอนต์ชื่อ-หมายเลขใหม่ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับฟุตบอลโลก 2026

 

ชุดใหม่ ‘อาร์เจนตินา’ พร้อมใส่ลุยป้องกันแชมป์ ฟุตบอลโลก 2026 1
ชุดใหม่ ‘อาร์เจนตินา’ พร้อมใส่ลุยป้องกันแชมป์ ฟุตบอลโลก 2026 2
ชุดใหม่ ‘อาร์เจนตินา’ พร้อมใส่ลุยป้องกันแชมป์ ฟุตบอลโลก 2026 3
ชุดใหม่ ‘อาร์เจนตินา’ พร้อมใส่ลุยป้องกันแชมป์ ฟุตบอลโลก 2026 4
ชุดใหม่ ‘อาร์เจนตินา’ พร้อมใส่ลุยป้องกันแชมป์ ฟุตบอลโลก 2026 5
ชุดใหม่ ‘อาร์เจนตินา’ พร้อมใส่ลุยป้องกันแชมป์ ฟุตบอลโลก 2026 6
ชุดใหม่ ‘อาร์เจนตินา’ พร้อมใส่ลุยป้องกันแชมป์ ฟุตบอลโลก 2026 7

The post ชุดใหม่ ‘อาร์เจนตินา’ พร้อมใส่ลุยป้องกันแชมป์ฟุตบอลโลก 2026 appeared first on THE STANDARD.

]]>
JAPAN WAY เส้นทางแห่งทีมล้มแชมป์โลก https://thestandard.co/japan-way-world-champion-upset/ Fri, 24 Oct 2025 12:27:28 +0000 https://thestandard.co/?p=1135040 JAPAN WAY เส้นทางแห่งทีมล้มแชมป์โลก

🇯🇵⚽ ดูเหมือนเวลานี้…ญี่ปุ่นกำลังเขียนตำนานบทใหม่ข […]

The post JAPAN WAY เส้นทางแห่งทีมล้มแชมป์โลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
JAPAN WAY เส้นทางแห่งทีมล้มแชมป์โลก

🇯🇵⚽ ดูเหมือนเวลานี้…ญี่ปุ่นกำลังเขียนตำนานบทใหม่ของวงการฟุตบอลโลก กับแนวทางที่เรียกว่า ‘Japan Way’ ปรัชญาลูกหนังที่ผสมระเบียบ วินัย และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นพลังใหม่ที่ทำให้พวกเขา “ล้มแชมป์โลก” ได้อย่างต่อเนื่อง

 

ภายใต้การคุมทีมของ ฮาจิเมะ โมริยาสึ ทีมชาติญี่ปุ่นเพิ่งสร้างปรากฏการณ์อีกครั้ง ด้วยการพลิกเอาชนะ บราซิล ในเกมอุ่นเครื่องสุดมัน

 

และหากย้อนกลับไปในฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ พวกเขาเคยหักปากกาเซียนด้วยการโค่นทั้ง เยอรมนี และ สเปน สองอดีตแชมป์โลกในรอบแบ่งกลุ่มเดียวกัน
ก่อนจะตอกย้ำความเหนือชั้นด้วยชัยชนะ 4-1 เหนือ ‘อินทรีเหล็ก’ ในเกมอุ่นเครื่องปีถัดมา

 

ทั้งหมดนี้กำลังบอกโลกว่า แนวทาง ‘Japan Way’ ที่ใช้เวลาและความอดทนปลูกฝังมาหลายทศวรรษ กำลังออกดอกผลอย่างงดงาม บนเวทีฟุตบอลระดับโลก

 


 

JAPAN WAY เส้นทางแห่งทีมล้มแชมป์โลก 1 JAPAN WAY เส้นทางแห่งทีมล้มแชมป์โลก 2 JAPAN WAY เส้นทางแห่งทีมล้มแชมป์โลก 3 JAPAN WAY เส้นทางแห่งทีมล้มแชมป์โลก 4 JAPAN WAY เส้นทางแห่งทีมล้มแชมป์โลก 5 JAPAN WAY เส้นทางแห่งทีมล้มแชมป์โลก 6 JAPAN WAY เส้นทางแห่งทีมล้มแชมป์โลก 7

The post JAPAN WAY เส้นทางแห่งทีมล้มแชมป์โลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดลิสต์ทีมลุยบอลโลก 2026 (อัปเดต 15 ต.ค.) https://thestandard.co/world-cup-2026-teams-list/ Wed, 15 Oct 2025 05:53:37 +0000 https://thestandard.co/?p=1130780

เส้นทางสู่ฟุตบอลโลก 2026 กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ   […]

The post เปิดลิสต์ทีมลุยบอลโลก 2026 (อัปเดต 15 ต.ค.) appeared first on THE STANDARD.

]]>

เส้นทางสู่ฟุตบอลโลก 2026 กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

 

หลายชาติเริ่มการันตีตั๋วเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ทั้งทีมใหญ่จากยุโรปและแชมป์เก่าจากอเมริกาใต้ที่ยังคงยืนหยัดในเวทีนี้

 

แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังเหลืออีกหลายทีมที่ต้องลุ้นกันต่อในรอบคัดเลือกโซนต่างๆ โดยเฉพาะในยุโรป เพื่อแย่งชิงตั๋วสู่เวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกฟุตบอล

 

มาดูกันว่า… จนถึงตอนนี้ มีชาติใดบ้างที่ตีตั๋วสู่ฟุตบอลโลก 2026 ได้สำเร็จแล้ว

 

 

ภาพประกอบ: ธิดามาศ เขียวเหลือ

The post เปิดลิสต์ทีมลุยบอลโลก 2026 (อัปเดต 15 ต.ค.) appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้หญิงคนแรกของโลก! FIFA แต่งตั้ง มาดามแป้ง นั่งประธานคณะกรรมการพัฒนา FIFA https://thestandard.co/madam-pang-first-female-fifa-development-chair/ Wed, 08 Oct 2025 03:51:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1127964 FIFA มาดามแป้ง

มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไท […]

The post ผู้หญิงคนแรกของโลก! FIFA แต่งตั้ง มาดามแป้ง นั่งประธานคณะกรรมการพัฒนา FIFA appeared first on THE STANDARD.

]]>
FIFA มาดามแป้ง

มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการฟุตบอลโลก หลังได้รับการแต่งตั้งจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ให้ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการพัฒนา (Chairperson of FIFA’s Development Committee) วาระปี 2025-2029 และกลายเป็นผู้หญิงคนแรกของโลกที่ได้รับตำแหน่งนี้

 

การแต่งตั้งดังกล่าวได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากสภากรรมการ FIFA เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2025 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญทั้งในแง่บทบาทสตรีในวงการฟุตบอล และการยกระดับสถานะของประเทศไทยบนเวทีลูกหนังโลก

 

สำหรับคณะกรรมการพัฒนา หรือ Development Committee ถือเป็นหนึ่งในคณะกรรมการประจำ (Standing Committee) ของ FIFA ที่ขึ้นตรงต่อ จานนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่า และสภากรรมการทั้งหมด โดยมีหน้าที่สำคัญในการผลักดันโครงการพัฒนาฟุตบอลในระดับโลก ครอบคลุม 211 สมาคมสมาชิกทั่วโลก

 

ภารกิจหลักของคณะกรรมการนี้ คือการวางแผนและเสนอกลยุทธ์การพัฒนาฟุตบอลที่เหมาะสม ตรวจสอบและติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประเมินการสนับสนุนที่มอบให้แก่สมาคมสมาชิก สมาพันธ์ และองค์กรระดับภูมิภาค

 

โดยนอกจาก ‘มาดามแป้ง’ แล้ว เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สภากรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการใน คณะสมาคมสมาชิก (Member Associations Committee) ของ FIFA อีกด้วย

The post ผู้หญิงคนแรกของโลก! FIFA แต่งตั้ง มาดามแป้ง นั่งประธานคณะกรรมการพัฒนา FIFA appeared first on THE STANDARD.

]]>
adidas เปิดตัว TRIONDA ลูกฟุตบอลโลก 2026 https://thestandard.co/trionda-official-ball-fifaworldcup2026/ Fri, 03 Oct 2025 01:52:24 +0000 https://thestandard.co/?p=1125891

สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA และ adidas เปิดตัว TRIO […]

The post adidas เปิดตัว TRIONDA ลูกฟุตบอลโลก 2026 appeared first on THE STANDARD.

]]>

สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ FIFA และ adidas เปิดตัว TRIONDA ลูกฟุตบอลอย่างเป็นทางการที่จะใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก โดยทั้งหมดจะใช้ลูกบอลรุ่นนี้ตลอดทั้ง 104 นัด ใน 16 เมืองเจ้าภาพ

 

ชื่อ TRIONDA มาจากคำว่า “Tri” (สามเจ้าภาพ) และคำว่า “Onda” ในภาษาสเปนที่แปลว่า คลื่น หรือ บรรยากาศ สื่อถึงพลังและความร่วมมือของทั้งสามประเทศ

 

ดีไซน์ของ TRIONDA

แผงลูกบอลใช้โทนสีแดง เขียว และน้ำเงิน แทนสามเจ้าภาพ ตัดด้วยสีทองซึ่งสื่อถึงถ้วยแชมป์โลก

 

สัญลักษณ์นูนบนผิวลูกบอลแสดงถึงตัวแทนของแต่ละชาติ ได้แก่ ดาว (สหรัฐฯ), อินทรี (เม็กซิโก) และใบเมเปิ้ล (แคนาดา)

 

ลายกราฟิกถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกันเป็นรูปสามเหลี่ยมกลางลูกบอล สื่อถึงความเป็นเจ้าภาพร่วม

 

ลูกบอลรุ่นนี้จะถูกนำมาใช้ครั้งแรกในศึกฟุตบอลโลก 2026 ซึ่งถือเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมี 48 ทีมเข้าร่วม และนัดชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นวันที่ 19 กรกฎาคม 2026

 

ภาพลูกฟุตบอล TRIONDA อย่างเป็นทางการ ภาพลูกฟุตบอล TRIONDA อย่างเป็นทางการ

The post adidas เปิดตัว TRIONDA ลูกฟุตบอลโลก 2026 appeared first on THE STANDARD.

]]>
โอกาสของทีมไทย? เมื่อ FIFA ได้รับข้อเสนอ เพิ่มทีมบอลโลก 2030 เป็น 64 ทีม https://thestandard.co/world-cup-2030-64-teams-expanding/ Thu, 25 Sep 2025 04:37:42 +0000 https://thestandard.co/?p=1122591

ความเคลื่อนไหว ฟุตบอลโลก 2030 กำลังเป็นที่จับตาของแฟนบอ […]

The post โอกาสของทีมไทย? เมื่อ FIFA ได้รับข้อเสนอ เพิ่มทีมบอลโลก 2030 เป็น 64 ทีม appeared first on THE STANDARD.

]]>

ความเคลื่อนไหว ฟุตบอลโลก 2030 กำลังเป็นที่จับตาของแฟนบอลทั่วโลก หลังสมาพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ (CONMEBOL) เสนอไอเดียให้ฟีฟ่าขยายจำนวนทีมในรอบสุดท้ายจาก 48 ทีม (ซึ่งจะเริ่มใช้ครั้งแรกในฟุตบอลโลก 2026) เพิ่มขึ้นเป็น 64 ทีม เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีฟุตบอลโลก

 

การประชุมดังกล่าวมี อเลฮันโดร โดมิงเกซ ประธาน CONMEBOL เข้าพบกับ จานนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่า (FIFA) ที่นิวยอร์ก โดยยกเหตุผลว่า “ไม่มีใครควรถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และอยากเห็นชาติสมาชิกจำนวนมากขึ้นได้สัมผัสเวทีใหญ่ที่สุดของโลก”

 

อย่างไรก็ตาม ฟีฟ่ายังไม่ได้กำหนดว่าการเพิ่มทีมเป็น 64 จะถูกบรรจุในวาระพิจารณาอย่างเป็นทางการ แม้ฟีฟ่ามีหน้าที่ต้องรับฟังข้อเสนอจากชาติสมาชิก แต่ก็ยังมีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะจากยุโรปที่มองว่าการเพิ่มทีมมากเกินไปอาจลดคุณภาพการแข่งขัน และทำให้รอบคัดเลือกหมดความเข้มข้น

 

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ฟุตบอลโลกมีการขยายจำนวนทีม มาโดยตลอด โดยสามารถสรุปเป็นไทม์ไลน์ได้ดังนี้

 

◾ 1930-1978 ฟุตบอลโลกยุคแรกมีทีมเข้าร่วมไม่เกิน 16 ทีม (1930 ที่อุรุกวัยเริ่มด้วย 13 ทีม)
◾ 1982 (สเปน) เพิ่มเป็น 24 ทีม เพื่อเปิดโอกาสให้ชาติจากทวีปต่างๆ เข้าร่วมมากขึ้น
◾ 1998 (ฝรั่งเศส) ขยายอีกครั้งเป็น 32 ทีม กลายเป็นรูปแบบที่ใช้มายาวนานกว่า 20 ปี
◾ 2026 (สหรัฐฯ-แคนาดา-เม็กซิโก) จะเป็นครั้งแรกที่มี 48 ทีม เข้าร่วมแข่งขันในรอบสุดท้าย ซึ่งมากสุดในประวัติศาสตร์บอลโลก

 

ตามรายงานของ The Guardian ระบุว่า หากฟุตบอลโลก 2030 ขยายเป็น 64 ทีมจริง จะมีชาติกว่า 30% ของสมาชิกฟีฟ่า (211 ประเทศ) ได้สิทธิ์เข้ารอบสุดท้าย ซึ่งนั่นหมายถึงโควตาที่เพิ่มขึ้นของทุกทวีป รวมถึงเอเชีย ที่ปัจจุบันมี 8.5 ทีมในฟุตบอลโลก 2026 อาจเพิ่มขึ้นอีกพอสมควร

 

และนั่นนำไปสู่คำถามที่หลายคนสนใจคือ…นี่คือโอกาสทองของทีมชาติไทยหรือไม่?

 

เพราะที่ผ่านมา ทัพ ‘ช้างศึก’ ยังไม่เคยสัมผัสเวทีฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย แต่หากโควตาเอเชียเพิ่มขึ้น ในทางทฤษฎีก็ต้องยอมรับว่า โอกาสของไทยย่อมมากขึ้นกว่าที่เคย

 

ทว่าปัจจัยชี้ขาดยังคงอยู่ที่ผลงานในสนาม ทีมชาติไทยต้องแสดงศักยภาพให้ดีพอจะต่อกรกับขาประจำของทวีป และหาโอกาสแทรกตัวคว้าตั๋วลุยเวทีบอลโลกให้ได้

 

ทั้งนี้ ข้อเสนอเพิ่มจำนวนทีมเป็น 64 ชาติยังคงอยู่เพียงขั้นตอนการหารือเท่านั้น! และไม่ได้ถูกบรรจุเป็นวาระหลักในการประชุมสภาฟีฟ่าที่ซูริกในเดือนหน้า ซึ่งยังต้องติดตามท่าทีจากทุกฝ่ายต่อไป

 

ขณะเดียวกัน ฟุตบอลโลก 2026 ที่จะเปิดฉากกลางปีหน้าในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก กำลังจะกลายเป็นเวทีฟุตบอลโลกครั้งแรกที่มี 48 ทีมร่วมแข่งขันอย่างเป็นทางการ

 

อ้างอิง:

The post โอกาสของทีมไทย? เมื่อ FIFA ได้รับข้อเสนอ เพิ่มทีมบอลโลก 2030 เป็น 64 ทีม appeared first on THE STANDARD.

]]>
Divinity กาก้า เทพบุตรฟุตบอล มนุษย์คนสุดท้ายที่ได้บัลลงดอร์ https://thestandard.co/divinity-kaka-2002-world-cup-prediction/ Sun, 21 Sep 2025 01:40:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1120873 Divinity

ในช่วงก่อนถึงรายการฟุตบอลโลก 2002 หนึ่งใน “R” ของบราซิล […]

The post Divinity กาก้า เทพบุตรฟุตบอล มนุษย์คนสุดท้ายที่ได้บัลลงดอร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Divinity

ในช่วงก่อนถึงรายการฟุตบอลโลก 2002 หนึ่งใน “R” ของบราซิลอย่างริวัลโด กำลังถูกล้อมโดยกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ถามถึงประเด็นความพร้อมของอดีตแชมป์โลก 4 สมัยซึ่งผิดหวังจากการแพ้ในเกมรอบชิงชนะเลิศเมื่อ 4 ปีก่อนที่ฝรั่งเศส

 

“มีนักเตะดาวรุ่งมหัศจรรย์คนไหนที่เราควรต้องจับตาดูไหม” นักข่าวคนหนึ่งถาม

 

สตาร์แห่งทีมบาร์เซโลนา ผู้เคยพิชิตบัลลงดอร์มาแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเล่นให้กับทีมเซาเปาโล เขาชื่อว่า กาก้า เด็กคนนี้เล่นอยู่หลังกองหน้า 2 ตัว ในยุโรปเราไม่เคยได้ยินเรื่องของเขาหรอก แต่ลองดูว่าเขาจะได้รับเลือกติดทีมชาติไหม”

 

คำตอบของริวัลโด นำมาซึ่งเสียงหัวเราะคิกคักของนักข่าวบางคน

 

“แต่กาก้า มันแปลว่าอึ ในภาษาสเปนนะ”

 

ริวัลโด ยิ้มอ่อนๆ แทนคำตอบ “ผมรู้ แต่เชื่อผมเถอะว่าเขาไม่เป็นแบบนั้นหรอก เขามีความสามารถมากพอที่จะเป็นสตาร์ดังได้”

 

โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าสิ่งที่ริวัลโดบอกจะกลายเป็นความจริง

 

ไม่เพียงแต่ที่ ริคาร์โด กาก้า จะได้รับการเรียกตัวจากหลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ให้ติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ตะลุยฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นแล้ว เขายังก้าวสู่การเป็นซูเปอร์สตาร์ของโลกลูกหนัง และเป็นนักเตะมนุษย์ธรรมดาคนสุดท้ายที่ได้รางวัลบัลลงดอร์ก่อนที่โลกจะเข้าสู่ยุคของ “เมสซี vs. โรนัลโด: คู่ปรับฟ้าประทาน”

 

ย้อนรอยคำทำนายสุดทึ่ง! ก่อนฟุตบอลโลก 2002

 

ฟุตบอลโลก 2002 เป็นแหล่งรวมความทรงจำมากมายของแฟนบอล เพียงแต่หากจะเอ่ยถึง กาก้า แล้วอาจไม่มีอะไรให้นึกถึงและจดจำมากนัก

 

นั่นเพราะเขายังเด็กเกินไปที่จะแทรกตัวในทีมที่อุดมไปด้วยซูเปอร์สตาร์ทุกตำแหน่งของบราซิล ใครจะแทรกตรงกลางระหว่างโรนัลโด โรนัลดินโญ ริวัลโด ได้?

 

แต่ถึงอย่างนั้นการที่เขาถูกเรียกตัวเข้ามาติดทีมด้วย ก็เป็นตราประทับรับรองให้อย่างดีถึงฝีเท้าและพรสวรรค์ในการเล่นที่ทำให้ สโคลารี ให้โอกาสเข้ามาติดทีมเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากรุ่นพี่ ในแบบเดียวกับที่ คาร์ลอส อัลแบร์โต เคยเรียกตัวโรนัลโด ติดทีมฟุตบอลโลก 1994 แม้ว่าจะไม่มีโอกาสได้ลงสนามแม้แต่วินาทีเดียวเลยก็ตาม

 

ที่สโคลารี เรียกตัวกาก้ามาติดทีมนั้นเป็นเพราะเด็กคนนี้คือความมหัศจรรย์ใหม่ในรูปแบบที่แตกต่าง

 

ปกติแล้วฟุตบอลสไตล์บราซิลนั้นหัวใจอยู่ที่ความสวิงสวายที่เกิดจากปรัชญา “Ginga” การใช้ชีวิตอย่างลื่นไหลและสนุก นักเตะแซมบ้าจึงมีลีลาการเล่นที่เพลิดพลิ้ว เดาทางไม่ถูก หาตัวจับไม่ได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ โรนัลดินโญ ผู้เป็นนิยามของคำว่า “Joga Bonito” หรือการเล่นอย่างงดงาม

 

แต่สำหรับกาก้าแล้วเขามีความแตกต่างจากนักเตะในสไตล์แซมบ้าดั้งเดิมอยู่บ้าง

 

โดยลีลาการเล่นของกาก้า ไม่หวือหวาเหมือนคนอื่น ในทางตรงกันข้ามการเล่นของเขาเต็มไปด้วยความซื่อตรง โดยเฉพาะการกระชากลากบอลแหวกคู่แข่งแบบดื้อๆด้วยความเร็วสูง ความแข็งแกร่ง และการรักษาสมดุลที่ยอดเยี่ยม

 

เช่นกันกับการทำประตูหรือการผ่านบอลที่ไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคในระดับหลวงวิจิตรวาทการ แต่เป็นการยิงด้วยความหนักแน่น หรือจ่ายตามช่องแต่ด้วยน้ำหนักและความแม่นยำในระดับสูงสุด

 

สิ่งเหล่านี้ทำให้เอซี มิลาน ซึ่งยังเป็นมหาอำนาจของโลกลูกหนังในเวลานั้นทุ่มเงิน 8.5 ล้านยูโร (6 ล้านปอนด์ในช่วงเวลานั้น) เพื่อคว้าตัวเด็กมหัศจรรย์จากเซา เปาโลมาร่วมทีม โดยที่ ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี อดีตประธานสโมสรในตำนานไม่ลังเลเลยสักนิด

 

“เหมือนซื้อถั่วมาแทะเล่น” ดอน ซิลวิโอ เปรียบเทียบให้เห็นว่าสิ่งที่จ่ายกับสิ่งที่ได้จากนักเตะใหม่ของเขามันต่างกันแค่ไหน

 

ย้อนรอยคำทำนายสุดทึ่ง! ก่อนฟุตบอลโลก 2002

 

แบร์ลุสโคนีพูดไม่ผิด และริวัลโดก็พูดถูก กาก้า ค่อยๆ แทรกตัวเข้ามาสู่ทีมชุดใหญ่ของมิลานได้สำเร็จ แม้จะใช้เวลาอยู่บ้างเพราะต้องแข่งขันกับทีมที่มีกองกลางอย่าง คลาเรนซ์ ซีดอร์ฟ, อันเดรีย ปีร์โล, มัสซิโม อัมโบรซินี และเจนนาโร “ริโน” กัตตูโซ

 

ก่อนที่เขาจะพัฒนาไปถึงจุดที่ใกล้เคียงกับคำว่าไร้เทียมทานได้ในฤดูกาล 2004/05 ในบทบาทเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 ที่คอยปั้นเกมอยู่ข้างหลัง อังเดร เชฟเชนโก และเอร์นาน เครสโป อีกที

 

ฟอร์มการเล่นของกาก้าในเวลานั้นแทบไม่มีใครหยุดได้ ไม่นับความเป็นคนบุคลิกหน้าตาดีระดับเป็นดาราได้ ยิ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักเตะขวัญใจของแฟนฟุตบอลทั่วโลก

 

หนึ่งในเกมที่กาก้า ฝากผลงานไว้น่าประทับใจที่สุดคือเกมนัดชิงแชมเปียนส์ ลีก ในปี 2005 ที่สนามอตาเติร์ก สเตเดียม เมื่อมีส่วนกับการได้ประตูถึง 2 ลูก โดยเฉพาะประตูที่ 3 ของมิลานที่พลิกบอลหนีสตีเวน เจอร์ราร์ด ก่อนจะแทงทะลุช่องช็อตเดียวตัดแผงหลังลิเวอร์พูล ก่อนที่เครสโปจะใส่สกอร์ที่ทำให้ทีมรอสโซเนรีคิดว่าจะคว้าชัยได้แบบสบายๆ

 

น่าเสียดายสำหรับเขาและทีมที่เกิด “ปาฏิหาริย์แห่งอิสตันบูล” (Miracle of Istanbul) ลิเวอร์พูลโกงความตายกลับมาคว้าแชมป์ได้ ซึ่งยิ่งทำให้มิลานช้ำหนักเพราะในเซเรีย อา ก็จบฤดูกาลด้วยการเป็นรองแชมป์ต่อจากยูเวนตุส

 

แต่ในฤดูกาล 2006/07 กาก้า สามารถล้างตาให้กับตัวเองและทีมได้สำเร็จในนัดชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ ลีก ที่กรีซ ด้วยการเอาชนะลิเวอร์พูล และเกิดภาพระดับไอคอนิก เมื่อกาก้าถอดเสื้อทีมออกมาเปิดเผยให้เห็นเสื้อยืดที่มีข้อความด้านใน “I Belong to Jesus” โดยที่มี แฮร์รี คีลล์ และเจอร์ราร์ด สองนักเตะลิเวอร์พูลยืนขนาบข้าง

 

โดยเรื่องที่อยู่เบื้องหลังคือการที่เขาเคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรงในสระว่ายน้ำตอนอายุ 18 ปีที่เกือบจะทำให้เป็นอัมพาต โดยที่คุณหมอบอกให้ครอบครัวทำใจแล้วว่าอาจจะกลับมาไม่เหมือนเดิม แต่สุดท้ายเขาไม่ใช่เพียงแค่หายดีแต่ยังก้าวมาเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกหนังได้ด้วย

 

“หมอบอกว่าผมโชคดีมากที่กลับมาเดินได้ปกติ” กาก้าเคยกล่าวไว้ “พวกเขาพูดถึงโชคและครอบครัวของผมพูดถึงพระเจ้า เรารู้ว่าเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าที่ได้ช่วยเราไว้”

 

นี่คือนักฟุตบอลผู้เปี่ยมด้วยศรัทธา เป็นอีกหนึ่งภาพจำของทุกคนที่มีต่อเขา

 

พอๆ กับเรื่องเล่าว่าเขารักษาพรหมจรรย์ของตัวเองไว้ให้ภรรยาในคืนวันวิวาห์เท่านั้น

 

ย้อนรอยคำทำนายสุดทึ่ง! ก่อนฟุตบอลโลก 2002

 

แชมป์ยุโรปในฤดูกาลนั้นทำให้โลกไม่มีข้อสงสัยว่านักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในปีนั้นย่อมหนีไปจากนักเตะเทพบุตรคนนี้ไม่ได้

 

นักเตะที่คาร์โล อันเชล็อตติ เปรียบว่าเหมือน มิเชล พลาตินี, โซคราเตส ตำนานแห่งบราซิลยุค 80 เปรียบว่าเขาเป็นเหมือน ซิโก เพื่อนรักร่วมรุ่นในฟุตบอลโลก 1982 ขณะที่ เปเล มองว่าเขาคล้ายกับ โยฮัน ครอยฟ์ “นักเตะเทวดา” 

 

โดยที่ในปีนั้นกาก้า ได้รับรางวัลใหญ่ทั้งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของ FIFA (FIFA World Best Player) ซึ่งเปเล เป็นผู้เชิญรางวัลมาให้ในงานประกาศที่โรงละครโอเปรา ในกรุงซูริก และรางวัลเกียรติยศ “บัลลงดอร์” (Ballon d’Or) ลูกฟุตบอลทองคำที่มอบให้แก่นักเตะที่เก่งที่สุดที่เล่นในยุโรป (ตามกฎกติกาในเวลานั้น)

 

สิ่งที่น่าสนใจคือในปีดังกล่าวผู้ที่ได้รับรางวัลที่ 2 และที่ 3 คือ คริสเตียโน โรนัลโด และลิโอเนล เมสซี ที่กำลังอยู่ในระหว่างการไต่ระดับขึ้นมาสู่จุดสูงสุดของโลก

 

กาก้า จึงได้ชื่อว่าเป็นนักฟุตบอลผู้เป็นมนุษย์คนธรรมดาคนสุดท้ายที่ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคของ “คู่ปรับฟ้าประทาน”

 

อย่างไรก็ดีจากจุดสูงสุดในวันนั้นชีวิตของกาก้าในทางเกมลูกหนังตกต่ำลงโดยที่เราไม่ทันได้รู้สึกตัว

 

ในฤดูร้อนปีถัดมา แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่เพิ่งได้เจ้าของใหม่จากอาบูดาบีต้องการซื้อนักฟุตบอลสักคนที่เก่งที่สุดของโลกเพื่อมาเป็นสัญลักษณ์ของยุคสมัยใหม่ คนที่พวกเขาต้องการคือกาก้า ซึ่งแม้ว่าแบร์ลุสโคนีจะตั้งค่าตัวไว้ที่ 100 ล้านปอนด์ ซึ่งสูงมากในเวลานั้นแต่เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่มีทุนรอนไร้ขีดจำกัด

 

แบร์ลุสโคนี พิจารณาที่จะปล่อยตัวกาก้าออกไปอย่างจริงจังเพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่ ทำให้เกิดการประท้วงรุนแรงจากแฟนมิลาน แม้จะรู้ว่ายากที่จะยับยั้งการย้ายทีมครั้งนี้ได้

 

แต่สุดท้ายในวันที่ 3 ของกระแสข่าว อยู่ๆ กาก้า ก็ปรากฏตัวออกมาให้เห็นผ่านหน้าต่างในที่พักของเขา พร้อมชูเสื้อแดงและดำบอกกับแฟน ๆ ทุกคนที่มาเพื่ออ้อนวอนไม่ให้เขาย้ายไป ว่าตัวเขาเองจะไม่ย้ายไปไหนแน่นอน

 

กาก้า ขอบคุณพระเจ้าที่พยายามทำให้เพื่อนร่วมทีมทุกคนกล่อมไม่ให้เขาย้ายไปอังกฤษ และประตูบานนั้นได้ปิดตายลงไปตลอดกาล (ส่วนแมนฯ ซิตีหันไปคว้าเคร็ก เบลลามี มาร่วมทีมแทน)

 

อย่างไรก็ดีในปีถัดมากาก้า ก็ย้ายออกจากซาน ซิโร จริงๆ เมื่อฟลอเรนติโน เปเรซ คว้าตัวเขามาร่วมทีมด้วยค่าตัวสถิติโลก 56 ล้านปอนด์ ทำลายสถิติเดิมของซีเนอดีน ซีดาน 

 

เพียงแต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือหลังจากนั้นเปเรซ ได้คว้าตัวคริสเตียโน โรนัลโด มาจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดตามมาในเวลาห่างกันเพียงแค่สัปดาห์เดียวด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์

 

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบในชีวิตที่เคยสว่างไสวของเทพบุตรลูกหนัง ที่นอกจากจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บส่วนตัวที่รบกวนการเล่นมาตลอด ยังถูกบดบังด้วยรัศมีของโรนัลโด ผู้ใช้ความมานะพยายายามทลายขีดจำกัดของมนุษย์และไปได้ไกลยิ่งกว่าที่กาก้าเคยไปได้

 

ย้อนรอยคำทำนายสุดทึ่ง! ก่อนฟุตบอลโลก 2002

 

ภาพของกาก้า ค่อยๆ ถูกลบเลือนไปทีละน้อยจนเลือนรางจางลงไป

 

เขาย้ายไปออร์แลนโด ซิตี ในเมเจอร์ลีกสหรัฐ เป็นทีมสุดท้ายของชีวิต และมีโอกาสได้กลับไปเซาเปาโล ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แบบยืมตัวก่อนจะแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในปี 2017

 

ถึงอย่างนั้นกาก้า ยังคงเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่อยู่ในความทรงจำที่สวยงามของหลายคน

 

ด้วยภาพลักษณ์ของนักฟุตบอลที่วางตัวดี ประพฤติตัวเป็นแบบอย่าง มีน้ำใจนักกีฬา ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าพรสวรรค์ในการเล่นที่น่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาใครก็หยุดกาก้าไม่ได้

 

หนึ่งในเกมระดับตำนานคือเกมแชมเปียนส์ ลีก นัดไปเยือนแมนฯ ยูไนเต็ดที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่เขาแหวกผ่าน 3 นักเตะปีศาจแดงก่อนจะยิงผ่านเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ อย่างง่ายดาย จนกลายเป็นที่มาของเพลง “ผีกาก้า” ที่แฟนบอลในไทยที่เล่นเกม Winning Eleven คุ้นหูกันเป็นอย่างดี

 

ขณะที่ความทรงจำที่บันทึกไว้ในโลกฟุตบอลนั้น กาก้า เป็นหนึ่งในกลุ่ม “Fantasista” ชุดสุดท้ายของโลก

 

และความทรงจำส่วนตัวของผมเองคือการเดินเข้าร้านเครื่องกีฬา เพื่อซื้อรองเท้ารุ่นใหม่ที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์

 

ทุกวันนี้ Adipure คู่นั้นไม่อยู่แล้ว แต่ผมยังมี Adipure ที่ทำขึ้นใหม่เก็บไว้อย่างดีและใส่ลงสนามในบางทีอยู่เสมอ

The post Divinity กาก้า เทพบุตรฟุตบอล มนุษย์คนสุดท้ายที่ได้บัลลงดอร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
บทสัมภาษณ์ฉบับเต็มกับ Zico กับจิตวิญญานที่หายไปของบราซิล และ กับสิ่งที่เขาต้องการส่งต่อให้กับนักเตะรุ่นต่อไป https://thestandard.co/zico-brazil-football-interview/ Sat, 19 Jul 2025 05:00:14 +0000 https://thestandard.co/?p=1097550 ภาพซิโก้ ตำนานฟุตบอลบราซิลในงานสัมภาษณ์ที่ Club Med Kiroro Grand ญี่ปุ่น

“คุณคือ Carioca ใช่ไหม”   (Carioca คนที่มาจากเมือง […]

The post บทสัมภาษณ์ฉบับเต็มกับ Zico กับจิตวิญญานที่หายไปของบราซิล และ กับสิ่งที่เขาต้องการส่งต่อให้กับนักเตะรุ่นต่อไป appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภาพซิโก้ ตำนานฟุตบอลบราซิลในงานสัมภาษณ์ที่ Club Med Kiroro Grand ญี่ปุ่น

“คุณคือ Carioca ใช่ไหม”

 

(Carioca คนที่มาจากเมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล) 

 

ชายวัย 72 ปีพยักหน้าตอบเรา และ พูดเพียงสั้นๆว่า “Carioca” 

 

คนๆนี้คือ Zico หนึ่งในต้นฉบับของฟุตบอลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสไตล์สวยงามที่สุดในโลก และ การที่ทีมของพวกเขาไม่ได้แชมป์โลกในปี 1982 นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของฟุตบอลโลกเอง เพราะ ทีมชาติบราซิล 1982 ของเขา นับเป็นหนึ่งในทีมที่เล่นฟุตบอลได้สวยงามมากที่สุดชุดหนึ่งในประวัติศาสตร์ 

 

 

สิ่งนั้นหลายคนอาจรู้จักกันในสิ่งที่เรียกว่า Ginga คำที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตในแบบของคนบราซิลที่ใช้ชีวิตอยู่ใต้แสงอาทิตย์ ความสนุก สดใส ร่าเริง และ ทำให้ชีวิตมีสีสัน 

 

วันนี้คนๆนั้นได้นั่งอยู่ข้างหน้าเราใน Lounge ของ Club Med Kiroro Grand รีสอร์ตแบบ All Inclusive ที่นำพาเขามาทำ Zico 10 Camp แคมป์ฟุตบอลสำหรับเยาวชน ครั้งแรกใน Club Med ประเทศญี่ปุ่น และ THE STANDARD SPORT ได้โอกาสถามทุกคำถามที่อยากรู้กับบุคคลซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของวงการฟุตบอลทั้งบราซิล และ ญี่ปุ่นที่เขาได้มีโอกาสเป็นทั้งผู้เล่นในลีกสูงสุด และ โค้ชทีมชาติญี่ปุ่น 

 

  • ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณสำหรับโอกาสและเกียรตินี้ที่ได้มาอยู่ตรงหน้า ซิโก้ 

 

ขอบคุณครับ” 

 

  • คุณชอบอะไรมากที่สุดใน Club Med Kiroro Grand ในประเทศญี่ปุ่น? 

 

“มันเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่พวกเราที่มาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก เพื่อจัดการคลินิกฟุตบอล คลินิกที่เราทำในบราซิลมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2018 ที่ริโอและเซาเปาโล เรารู้ดีว่าที่คิโรโระนี้ ความพิเศษคือ สกี ผมไม่เคยตื่นเต้นกับการเล่นสกีเลย เพราะสำหรับอาชีพนักฟุตบอลของผม อุบัติเหตุใดๆ ก็เป็นปัญหา แต่เรามีโรงเรียนสอนฟุตบอลที่ญี่ปุ่น ที่ฮามามัตสึ ที่โทยามะ และเคยมีที่โอกินาว่าด้วย ส่วน คลินิกฟุตบอลระยะเวลาหนึ่งเดือนแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรก เราทำงานอย่างหนักเพื่อพยายามทำงานให้ดีและเพื่อ ทำให้สิ่งนี้เป็นสิ่งถาวรที่นี่ในอนาคต” 

 

 

  • อะคาเดมี่ของคุณมีบทบาทอย่างไรในการอนุรักษ์และส่งต่อสไตล์ฟุตบอลบราซิลที่สวยงามและสร้างสรรค์ให้กับคนรุ่นต่อไป?

 

“มันไม่ใช่แค่วงการฟุตบอลบราซิล มันเป็นเรื่องที่มากกว่านั้นคือ คุณค่าที่ฟุตบอลที่จะมีต่อโลก เราส่งต่อวัฒนธรรมของสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพที่สำคัญสำหรับผม 

 

“ซึ่งก็คือ พื้นฐานของฟุตบอลที่คุณต้องฝึกฝน และ ค่านิยมของฟุตบอล เช่น ความเคารพ วินัย ความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบ ความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณจะเจอข้างหน้า ค่านิยมเหล่านี้ไม่ได้มาจากฟุตบอลบราซิลเท่านั้น แต่มาจากฟุตบอลทั่วโลก ดังนั้น หากคุณต้องการเป็นนักฟุตบอล คุณต้องเรียนรู้ทั้งหมดนี้ตั้งแต่ยังเด็ก มันไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอลบราซิล แต่เป็นเรื่องของค่านิยมที่ฟุตบอลมีอยู่ในโลกที่นำมาใช้ได้และจำเป็นต่อการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เช่น ความเคารพ วินัย การมองว่าเป็นงาน ไม่ใช่แค่เพียงงานอดิเรก” 

 

  • ในฐานะคนที่กำหนดจิตวิญญาณของ Ginga และ Joga Bonito คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการพัฒนาของฟุตบอลบราซิลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา?

 

วันนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว นั่นเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว (หัวเราะ) 

 

เราอยากให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะสไตล์นี้ จิตวิญญาณนี้ คือสิ่งที่ทำให้บราซิลเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก แต่มันหายไปบ้างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

  • ทำไมจิงก้า ถึงหายไปจากฟุตบอลในบราซิล?

 

“จิงก้าหายไปเพราะปัจจัยหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ระดับเยาวชน ที่ความคิดสร้างสรรค์และความสามารถไม่ได้รับการให้ความสำคัญเท่าความแข็งแรง ความเร็ว หรือความสูง บราซิลเคยเป็นประเทศที่สิ่งแรกที่คุณต้องรู้คือการเล่นฟุตบอล มีความคิดสร้างสรรค์และอื่นๆ แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว

 

“วันนี้ มองไปที่ด้านร่างกาย ด้านของเยาวชน ดังนั้น บทบาททางแท็กติกจึงอยู่เหนือความสามารถ และความแตกต่างของฟุตบอลบราซิลคือ ความสามารถอยู่เหนือแท็กติกเสมอ และอย่างที่สองคือสภาพร่างกาย และตอนนี้โลกเปลี่ยนไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสภาพร่างกาย มันแปลกที่แทนที่จะเป็นความคิดสร้างสรรค์และความสามารถ ในบราซิลมันเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์และความสามารถเสมอ และไม่ใช่เรื่องของสภาพร่างกาย ดังนั้นตอนนี้มันเปลี่ยนไป”

 

“วันนี้คุณอาจถูกบังคับให้มีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่คุณไม่สามารถละทิ้งความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ไปได้ นี่คือสิ่งที่ตัดสิน นักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลกวันนี้คือเมสซี่ และเมสซี่ตัวเล็ก แต่เขาเล่นด้วยความสามารถของเขา มันไม่ใช่ปัญหาทางแท็กติก ไม่ใช่ปัญหาทางร่างกาย ตอนนี้ ที่นักเตะต้องวิ่ง 12 กม. 13 กม. เมสซี่อาจจะวิ่งไม่ถึง 7 กม.” 

 

  • นักเตะคนไหนในปัจจุบันที่ทำให้คุณนึกถึงการแสดงออกของ จิงก้า ที่นิยามยุคของคุณ โดยเฉพาะในฟุตบอลโลกปี 1982?

 

ซิโกไง! (หัวเราะ) 

 

  • แล้วปัจจุบันใกล้เคียงสุดคือใคร?

 

บราซิลเขาคือเนย์มาร์  แต่เขามีปัญหา มีปัญหาทางร่างกาย มีปัญหาบาดเจ็บ หายช้า ฟื้นตัวยาก แต่เขาเป็นนักเตะที่มี จิงก้า ของฟุตบอลบราซิล มีความสามารถ มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะ มีเทคนิค เขามีทั้งหมดนี้ 

 

 

  • คุณเชื่อว่าคาร์โล อันเชล็อตติ สามารถฟื้นฟูความคิดนี้และเล่นฟุตบอลบราซิลที่สวยงามได้หรือไม่?

 

“เขามีประสบการณ์มากมายกับนักเตะบราซิล และส่วนใหญ่เขาเคยเล่นกับนักเตะบราซิลสมัยที่เขายังเล่นอยู่ และเป็นโค้ชให้กับหลายทีมที่มีนักเตะบราซิลจำนวนมากดังนั้น นักเตะบราซิลเหล่านี้จึงเติบโตขึ้นมากเสมอเมื่อมีเขาเป็นโค้ช ดังนั้น เขารู้จักวิธีใช้แก่นแท้ของฟุตบอลบราซิล ดังนั้นผมหวังว่าเขาจะทำแบบนั้นกับทีมชาติ พวกเราทุกคนหวังแบบนั้น ผมเชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จกับทีมชาติได้ เพราะคาร์โลอยู่กับคนบราซิลเสมอ และเมื่อเขาเป็นโค้ช เขาก็มีนักเตะบราซิลกับเขาเสมอ และนักเตะทุกคนก็เติบโตขึ้น

 

 

“ตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุดคือ วินิซิอุส จูเนียร์ เขาได้กลายเป็น นักเตะที่ดีที่สุดในโลก 

 

  • คุณภาพใดบ้างที่คุณคิดว่านักฟุตบอลรุ่นเยาว์ต้องการในวันนี้เพื่อที่จะเป็นยอดนักเตะอย่างแท้จริง 

 

“ผมคิดว่าการจะเล่นฟุตบอลให้ดี คุณต้อง รู้จักใช้พื้นฐานที่สำคัญหกอย่าง การส่งบอล การครองบอล การยิง การโหม่ง การเลี้ยงลูก และการพาบอล นี่คือ พื้นฐานสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ คุณต้องรู้พื้นฐานทั้งหกอย่างนี้ และ ฝึกฝนอย่างมาก”

 

  • ความคิดสร้างสรรค์และอิสระในการพัฒนาสำคัญแค่ไหนต่อเยาวชน? 

 

 

“ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆ  สิ่งที่ สอนกันไม่ได้ คุณบอกวิธีเลี้ยงลูกผ่านนักเตะคนนี้ได้ สิ่งสำคัญคือคุณต้องเลี้ยงลูกผ่านคนนี้ แต่ แต่ละคนก็มีวิธีของตัวเอง นี่คือความแตกต่างของฟุตบอลบราซิล พวกเขาสามารถสอนคุณได้ว่าคุณต้องส่งบอล แต่มี ความคิดสร้างสรรค์ของคุณในการตัดสินใจ คุณสามารถส่งบอลจากด้านหนึ่งและไปอีกด้านหนึ่งได้ ส่งบอลจากข้างบนและไปอีกด้านหนึ่ง ข้างล่างและไปอีกด้านหนึ่ง ดังนั้น นี่คือพื้นฐานของฟุตบอลบราซิล พวกเขาสอนว่าโอเค คุณต้องทำ แต่มีหลายวิธีที่คุณจะทำ ตอนนี้มันเป็นสไตล์ของคุณเอง เช่น ความคิดสร้างสรรค์ที่คุณต้องการ

 

“แล้วนั่นก็เป็นเรื่องของคุณ เมื่อคุณจะเลี้ยงลูก คุณต้องดูว่าคุณจะเจออะไรต่อไป เพราะอาจมีสิ่งกีดขวางอื่น ดังนั้น ความคิดสร้างสรรค์ก็คือสิ่งนี้ คุณมีอีกคนหนึ่งอยู่ตรงนี้ คุณก็ทำแบบนี้แล้วกลับมาที่นี่ เข้าใจไหม ดังนั้น สิ่งนี้ที่คนบราซิลมี และหลายคนไม่มี” 

 

  • คำแนะนำสำหรับเยาวชนในประเทศไทยที่ฝันอยากเล่นฟุตบอลอาชีพด้วยพรสวรรค์เหมือนตำนานชาวบราซิล

 

“ทุกคนต้องมีโอกาสในการเข้าถึงฟุตบอล สิ่งที่ผมทำเมื่อมาถึงญี่ปุ่น 3 ปีสุดท้ายของอาชีพ เขาไม่ได้ทำเพื่ออาชีพของเขา เพราะมันจบลงแล้ว ผมต้องการนำจิตวิญญาณของทีมงานมืออาชีพมาสู่การทำงานจริง ผมคิดว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือการเริ่มทำงานกับเยาวชน และ มีผู้มีประสบการณ์ที่ต้องการช่วยเหลือ อย่างที่เราพูดกันไปก่อนหน้านี้

 

 

“ดังนั้นต้องเป็นไปเพื่อสิ่งนี้ เพราะ ระดับเยาวชนจำเป็นต้องมีผู้ที่มีความรู้ด้านฟุตบอลอย่างมาก เพื่อให้พวกเขาสามารถพัฒนาสิ่งที่เราพูดถึงเกี่ยวกับพื้นฐาน สิ่งที่พวกเขาจะเจอข้างหน้า สิ่งที่เราทำที่นี่ เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับคุณ ตั้งแต่เด็กๆ ที่จะ เริ่มชอบเล่นฟุตบอล ต้องการเล่นฟุตบอล และเรียนรู้การเล่นฟุตบอล เพื่อดูฟุตบอลมากขึ้น ดูนักเตะที่ยิ่งใหญ่ ดูว่าพวกเขาทำอย่างไร แล้วทำตามในขณะที่คุณฝึกซ้อม เข้าใจไหม

 

“เมื่อผมยังเด็ก รุ่นนั้นดีมากในปี 1970 บราซิลเป็นแชมป์โลก เปเล่, ทอสเทา, ริเวลลิโน, แจร์สัน ดังนั้นผมจึงเฝ้าดูว่าพวกเขาทำอย่างไรในสนาม และดู และ บนถนนผมก็ทำ และพยายามทำตาม พยายามเลียนแบบ ทำซ้ำหลายครั้ง วิธีที่ดีที่สุดในการครองบอลด้วยหน้าอก วิธีที่ดีที่สุดในการโหม่ง พวกเขาทำอย่างไร เล่นอย่างไร ผมเฝ้าสังเกตและ ในตอนฝึกซ้อม ผมก็ทำสิ่งเหล่านี้ซ้ำๆ เข้าใจไหม และนั่นคือวิธีที่คุณในฐานะเยาวชนเติบโต พัฒนา พวกเขาสามารถเห็นได้ว่าพวกเขาเป็นแชมป์โลก ดังนั้นพวกเขาจึงมองพวกเขาเป็นผู้นำและพวกเขาต้องการพยายามทำแบบเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงดูและพยายามทำแบบเดียวกัน และหลังจากนั้นตอนนี้ก็เหมือนกัน คุณเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และวิธีที่พวกเขาประสบความสำเร็จ แต่คุณต้องพยายามรู้ว่าจะทำอย่างไรและฝึกฝน

 

“เด็กทุกคนมีนักเตะคนโปรดบางคน ทั้งในตำแหน่งและวิธีการเล่น ดังนั้นในฐานะครู และผมส่งต่อสิ่งนี้ให้กับครูของผม ผมมักจะบอกว่า ‘คุณอยากเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ไหม? คุณชอบมิดฟิลด์คนไหน?’ ‘โอ้ ผมชอบดูโมดริชเล่น ผมชอบทำเหมือนโมดริชของเรอัลมาดริด’ ‘งั้นดูเขาในสนามแข่งว่าเขาทำอย่างไร เขาเคลื่อนที่อย่างไร เขาเล่นที่ไหน เขาจ่ายบอลอย่างไร เขามองอย่างไร เพื่อที่คุณจะได้มีแบบอย่าง” 

 

  • มองย้อนกลับไปในช่วงเวลาของคุณ ในยุคที่ติดทีมชาติบราซิล ช่วงเวลาไหนเป็นเวลาที่คุณภูมิใจที่สุด?

 

ช่วงเวลาของผม มันคือชัยชนะเหนืออาร์เจนตินาในฟุตบอลโลกปี 1982 เพราะอาร์เจนตินาเป็นคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ และอาร์เจนตินาเป็นแชมป์โลกในปี 1978 และยังมี มาราโดนา อีกด้วย ชัยชนะเหนือ มาราโดนา  มันเหมือนเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้น มาราโดนา เป็นเพื่อนที่ดีที่ผมได้จากการเล่นฟุตบอล 

 

 

  •  อะไรคือ mindset ที่คุณมี เมื่อคุณเจอความท้าทายมากมายตลอดอาชีพการค้าแข้ง 

 

 เป็นเรื่องราวของที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ที่อิตาลีที่ผมเล่นที่นั่น ดังนั้นโอกาสนี้จึงเกิดขึ้นที่อิตาลี เมื่อผมไปที่นั่น เป็นที่ที่นักเตะที่ดีที่สุดในโลก จากทุกประเทศ อยู่รวมกัน และเป็นช่วงสองปีที่ดีมาก เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก หลังจากนั้นผมก็กลับไปฟลาเมงโก และที่ญี่ปุ่นผมมาด้วยความคิดอีกแบบหนึ่ง ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องการเป็นนักฟุตบอลอีกแล้ว แต่เป็นการช่วยพัฒนาฟุตบอลอาชีพในญี่ปุ่น 

 

ดังนั้นเมื่อเขาไปอูดิเนเซ่เป็นเวลาหลายปี หลังจากนั้นเขากลับมาบราซิล และหลังจากนั้นความคิดของเขาก็เปลี่ยนไป เพราะเมื่อเขามาญี่ปุ่น เขาไม่ได้คิดที่จะเล่นแล้ว เขากลับคิดที่จะสร้างทีมอาชีพ ดังนั้นเขาจึงบอกว่าญี่ปุ่นเป็นเหมือนลูกของเขา เพราะก่อนที่เขาจะมาถึง ทุกคนที่เขาเล่นด้วย พวกเขามาเล่นฟุตบอลหลังเลิกงานประจำวัน และเขาพยายามทำให้พวกเขาเข้าใจว่าการเป็นนักฟุตบอลเป็นอาชีพ ไม่ใช่แค่งานอดิเรก ดังนั้นทีละเล็กทีละน้อย พวกเขาก็กลายเป็นเหมือนที่เรามีตอนนี้คือ ทีมอาชีพในญี่ปุ่นที่ทำงานของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงมาช่วยญี่ปุ่น มันเหมือนกับความท้าทายที่แตกต่างกัน มันไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงความคิด แต่เป็นโอกาสที่เขาได้รับ

 

  • สุดท้ายแล้วครับ มีคำแนะนำอะไรไหมครับให้กับไทยที่กำลังต้องการไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแบบญี่ปุ่น 

 

 ประเทศไทยต้องพร้อม เพราะมันเป็นงานที่ใช้เวลาหลายปี เพื่อให้เราบรรลุการพัฒนานี้ ดังนั้น ประเทศไทยมีนักเตะที่ดี นักเตะหลายคนก็มาเล่นที่ญี่ปุ่น แต่พวกเขายังไม่รู้วิธีที่จะสอนเยาวชนให้ก้าวขึ้นมาสู่ระดับนานาชาติ เพื่อให้สามารถไปถึงระดับอาชีพและโดดเด่นได้ ดังนั้นผมคิดว่างานนี้ เป็นงานที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ถึง 10 ปี ประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมที่จะพยายามสร้างนักเตะใหม่ด้วยความคิดใหม่ และควรใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ

 

สิ่งที่ขาดหายไปในไทย คือ ตัวอย่างที่เคยเห็นมาแล้ว ยกตัวอย่างเมื่อผมมาญี่ปุ่นในปี 1991 ยังไม่มีสโมสรอาชีพ หลังจากที่สโมสรอาชีพจัดตั้งขึ้นแล้ว ในสโมสรเหล่านั้น ยังไม่มีระดับเยาวชน เช่น U7, U15, U13 ซึ่งในบราซิลและยุโรปมี ดังนั้น วันนี้ในญี่ปุ่นมีทีมชาติ U15, U17 และนั่นคือที่ที่คุณเริ่มสร้างนักเตะ และผมคิดว่า นี่คือสิ่งที่ขาดหายไปในประเทศไทย เพื่อให้มีทีมชาติเหล่านี้ คุณต้องให้สโมสรมีระดับเหล่านี้ด้วย 

 

เพื่อให้มีผู้เล่นจำนวนมากพอที่จะถูกคัดเลือก ดังนั้นคุณต้องมีการแข่งขันสำหรับรุ่นเหล่านี้ ทุกวันนี้ญี่ปุ่นมีการแข่งขันรุ่นอายุต่ำกว่า13 ปี, 15 ปี การแข่งขันรุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปี บราซิลก็เช่นกัน ดังนั้นผู้เล่นจึงเริ่มปรับตัวเพื่อเผชิญกับความยากลำบากเหล่านี้ เข้าร่วมการแข่งขัน

 

  • สุดท้ายครับ คุณรู้ไหมว่าที่ไทยก็มีซิโก้? 

 

ผมรู้จักโค้ชทีมชาติไทยคนหนึ่ง เราเล่นด้วยกันที่ญี่ปุ่น อิชิซัง (มาซาทาดะ อิชิอิ) ใน คาชิม่า เขาเคยเป็นโค้ชของ คาชิม่า เขาเป็นรองแชมป์โลกระดับสโมสร แพ้เรอัล มาดริดในรอบชิงชนะเลิศ แล้วเขาก็ไปเป็นโค้ชของทีมไทย  

 

  • ฝากอะไรให้อิชิอิไหมครับ? 

 

“ขอให้เขารู้ว่าเขามีแฟนบอลตัวยง เพื่อให้เขาประสบความสำเร็จที่ดีที่ประเทศไทย โชคดีนะ อย่างที่เราพูดกันในญี่ปุ่นว่า กัมบะ (สู้ๆ) 

 

The post บทสัมภาษณ์ฉบับเต็มกับ Zico กับจิตวิญญานที่หายไปของบราซิล และ กับสิ่งที่เขาต้องการส่งต่อให้กับนักเตะรุ่นต่อไป appeared first on THE STANDARD.

]]>
Fevernova & Beckham Mania Adidas กับช่วงเวลาแสนดีในฟุตบอลโลก 2002 https://thestandard.co/brand-war-wc2002/ Sun, 06 Jul 2025 01:58:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1093365 brand-war-wc2002

คลับคล้ายคลับคลาเหมือนไม่กี่วันก่อนจะผ่านตากับคอนเทนต์ […]

The post Fevernova & Beckham Mania Adidas กับช่วงเวลาแสนดีในฟุตบอลโลก 2002 appeared first on THE STANDARD.

]]>
brand-war-wc2002

คลับคล้ายคลับคลาเหมือนไม่กี่วันก่อนจะผ่านตากับคอนเทนต์ “ฟุตบอลนัดหยุดเรียน” ใช่ไหมนะ

 

ตอนแรกเห็นแล้วก็รู้สึกอิ่มใจดีนะครับเพราะเป็นช่วงเวลาที่ดีและสวยงาม แต่อีกแวบก็คิดขึ้นมาได้ว่ามันผ่านมาตั้ง 23 ปีแล้วเหรอเนี่ย รอยตีนกาและความเหี่ยวย่นบนใบหน้าพยักหงึกๆ อย่างช้าๆ แทนการตอบว่าคนเขียนนั้นแก่แล้วจริงๆ

 

แต่ความทรงจำในช่วงเวลานั้นยังถูกเก็บและรักษาเอาไว้อย่างดี มีอะไรให้หยิบมาเล่าได้หลายเรื่องทีเดียวเชียว

 

หนึ่งในนั้นคือเกมนัดหยุดเรียน เพื่อให้เด็กๆ ในบ้านเราได้นั่งดูเกมฟุตบอลโลกนัดสำคัญระหว่างทีมชาติอังกฤษและบราซิล (สมัยนั้นไม่มี YouTube หรือระบบรับชมย้อนหลังเหมือนวันนี้ พลาดแล้วคือพลาดเลย)

 

เพียงแต่วันนี้คงไม่ได้หยิบเอาเรื่องของเกมในสนามมาเล่ากัน

 

ขอเป็นเล่าเรื่องของลูกฟุตบอล รองเท้าฟุตบอล และซูเปอร์สตาร์ กับชัยชนะในเกมนอกสนามของแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีก่อนนะครับ (เรื่องอื่นถ้าอยากอ่านรีเควสต์ได้นะ)

 

ลูกบอลและรองเท้าฟุตบอลในฟุตบอลโลก 2002

 

ฟุตบอลโลก 2002 ถือเป็นฟุตบอลโลกสมัยแรกในทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นทวีปที่ 4 ของโลกต่อจากอเมริกาใต้, อเมริกาเหนือ และยุโรป เป็นหนึ่งในฟุตบอลโลกที่คนจดจำและคิดถึงมากที่สุดครั้งหนึ่ง 

 

เพราะนอกจากมันจะเป็นฟุตบอลโลกที่สนุกตื่นเต้น (พอสมควร) เนื่องจากเป็น “ยุคทอง” (Golden generation) ที่มีนักฟุตบอลในระดับสุดยอดลงสนามชิงชัยกันอย่างมากมาย

 

ซีเนอดีน ซีดาน, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร, ริวัลโด, โรนัลดินโญ, โรนัลโด, โรแบร์โต คาร์ลอส, โอลิเวอร์ คาห์น, มิชาเอล บัลลัค, หลุยส์ ฟิโก, ชุนสุเกะ นากามูระ ไปจนถึงสตาร์ที่แจ้งเกิดในรายการอย่างเอล ฮัดจิ ดิยุฟ

 

เรียกว่าดารานักเตะมากมายเต็มไปหมด

 

เพียงแต่ฟุตบอลโลก 2002 ไม่ได้สนุกแค่เรื่องของเกมในสนามเท่านั้นครับ เพราะเกมนอกสนามเองก็ดุเดือดไม่ได้น้อยไปกว่ากัน เผลอๆ อาจจะเดือดกว่าด้วย

 

เหตุผลเพราะว่าเป็นฟุตบอลโลกหนแรกที่เริ่มมีการทำการตลาดแบบยุคใหม่อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการห้ำหั่นกันระหว่างยักษ์ใหญ่เจ้าวงการอย่าง adidas กับผู้ท้าชิงที่เริ่มจะครองพื้นที่ในหัวใจของแฟนฟุตบอลคนรุ่นใหม่อย่าง Nike

 

สิ่งที่เราได้เห็นคือการดวลกันแบบหมัดต่อหมัด ปลายสตั๊ดต่อปลายสตั๊ดเลยทีเดียว

 

อย่าง Nike นำมาโดยรองเท้า Mercurial Vapor ไซโลรองเท้าสายความเร็ว (Speed) ที่มีนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลกเวลานั้นอย่าง โรนัลโด เป็นพรีเซนเตอร์ และยังมีสายคลาสสิกอย่าง Tiempo ที่ได้โรนัลดินโญมาสวมใส่

 

ลูกบอลและรองเท้าฟุตบอลในฟุตบอลโลก 2002

 

แต่ทีเด็ดใหม่คือ Air Zoom T90 II ที่กำลังมาแรงและเป็นหนึ่งในรองเท้ารุ่น Iconic ของยุคสมัยซึ่งได้ หลุยส์ ฟิโก, พอล สโคลส์, ฟรานเชสโก ต็อตติ และโรแบร์โต คาร์ลอส มาใส่

 

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นผู้มีชัยในเกมนี้

 

ในมุมมองของคนในวงการ แชมป์ตัวจริงในฟุตบอลโลก 2002 ให้เป็น adidas ที่เฉือนคว้าชัยไปได้แบบเล็กน้อยครับ

 

เรื่องนี้มันมีเหตุผลอยู่ จากกลยุทธ์ของ adidas ในการผสมผสานระหว่างผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำนำสมัย, กลยุทธ์การตลาดที่แยบยล และที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือพลังของซูเปอร์สตาร์

 

โดยเฉพาะเจ้าพ่อลูกนิ่งที่เป็นเบอร์หนึ่งของพวกเขาในเวลานั้นอย่าง เดวิด เบ็คแฮม

 

แต่ก่อนจะไปถึงเบ็คแฮม adidas ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนฟุตบอลและคนในวงการด้วยลูกฟุตบอลประจำการแข่งขัน (Official ball) ในรุ่น “Fevernova”

 

ลูกบอลและรองเท้าฟุตบอลในฟุตบอลโลก 2002

 

ลูกฟุตบอล Fevernova นี้ถือเป็นการปฏิวัติวงการของลูกบอลเลยก็ว่าได้ ด้วยดีไซน์การออกแบบที่ฉูดฉาดสดใสสมชื่อ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากความเป็นเอเชีย (ตะวันออก) ที่แตกต่างจากลูกฟุตบอลแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น Tango มาจนถึง Tricolor (ในฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส) ที่เป็นลูกฟุตบอลแบบดั้งเดิมที่ดูสุภาพเรียบร้อย

 

ภาพลักษณ์ใหม่ของ Fevernova เป็นการเปิดประตูบานใหม่ให้กับวงการได้รู้ว่า เอ้อ ลูกฟุตบอลมันทำสีสันสดใสแบบนี้ก็ได้นะ

 

ที่สำคัญคือไม่ได้มีแค่งานออกแบบ แต่ยังมีเรื่องการใส่เทคโนโลยีเข้าไปเป็นจุดขายด้วย ซึ่งก็เป็นของดีที่ใช้งานได้จริง เป็นหนึ่งในผลงานการออกแบบลูกบอลที่ดีที่สุดของ adidas ที่ชวนคิดถึง

 

ลูกฟุตบอลดีก็ยังมาพร้อมกับรองเท้าฟุตบอล – ที่คนไทยเรียกกันว่า “สตั๊ด” – ที่ดีด้วย 

 

ท่ามกลางรองเท้าสตั๊ดมากมาย หนึ่งในรุ่นที่โดดเด่นที่สุดของรายการที่แฟนฟุตบอลยังจดจำและคิดถึงเสมอคือรองเท้า Predator Mania โดยเฉพาะรองเท้าของเดวิด เบ็คแฮม กัปตันทีมชาติอังกฤษ ที่เป็นรองเท้าในสีแชมเปญ (Champagne Mania)

 

ลูกบอลและรองเท้าฟุตบอลในฟุตบอลโลก 2002

 

ความเท่ของสตั๊ดขาวกับลิ้นแดง (ที่ปักชื่อ Brooklyn ลูกชายของเขาไว้บนนั้น ซึ่งเป็นเรื่องใหม่เพราะโลกยังไม่รู้จักการ Personalisation เลย) ทำเอาเด็กผู้ชายทั่วโลกคลั่งไคล้อยากจะได้ Predator มาใส่ไว้ปั่นฟรีคิกเท่ๆ แบบเบ็คแฮมบ้าง

 

โดยเบ็คแฮมในช่วงนั้นถือเป็นช่วงพีคด้วยฝีเท้า ประสบการณ์ และออร่าซูเปอร์สตาร์ โดยเฉพาะหลังการนำอังกฤษเข้ารอบสุดท้ายได้จากฟรีคิกสุดมหัศจรรย์ในเกมกับกรีซแล้ว (ตอนนั้นใส่รุ่น Predator Precision) ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจไอคอนในระดับโลก

 

ปรากฏการณ์ความคลั่งไคล้นี้ได้รับการเรียกกันเล่นๆว่า “Beckham Mania” ซึ่งส่งผลอย่างมากมายมหาศาล ที่ adidas ได้แต่ยิ้มกว้าง

 

เพราะถึงแม้ว่าทีมชาติอังกฤษของเบ็คแฮมจะพ่ายแพ้เสียที (และเสียท่า) ให้กับบราซิล และฟรีคิกลักไก่ในระดับตำนานของโรนัลดินโญ แต่ผลตอบรับที่ได้กลับมาจากกระแสที่เกิดขึ้นตลอดรายการ

 

โดยเฉพาะการเปิดตลาดในทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีขนาดใหญ่มาก โดยที่ adidas พยายามที่จะทำการตลาดอย่างเข้าใจในธรรมชาติของชาวเอเชียอย่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น

 

ตัวเลขที่น่าสนใจคือ adidas ใช้งบประมาณในการโปรโมตช่วงฟุตบอลโลก 2002 สูงถึง 25 ล้านปอนด์ โดยนอกจากการเป็นสปอนเซอร์ให้เบ็คแฮมแล้วยังเป็นสปอนเซอร์ให้กับซูเปอร์สตาร์อีกหลายคน รวมถึงซีเนอดีน ซีดานและอเลสซานโดร เดล ปิเอโร

 

10 จาก 32 ทีมในฟุตบอลโลกครั้งนั้นยังใช้เสื้อผ้าชุดแข่งของ adidas อยู่เลยในแคมเปญใหญ่ “Footballitis” (ขณะที่ Nike มี 8 ทีม)

 

ลูกบอลและรองเท้าฟุตบอลในฟุตบอลโลก 2002

 

ผลตอบแทนจากการลงทุนนี้คือยอดสั่งสินค้า 11 เปอร์เซ็นต์ ส่วนยอดขายนับเฉพาะในทวีปเอเชีย เพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 3 เป็น 177 ล้านปอนด์ และเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นที่ทำให้แบรนด์ติดตลาดมาจนถึงทุกวันนี้

 

นอกจากตำนานทรงผมไดโกโระของโรนัลโด ในนัดชิงชนะเลิศ การเข้ารอบตัดเชือกแบบน่ากังขาของเกาหลีใต้ ด้วยชัยชนะเหนือสเปนและอิตาลี รวมถึงอีกมากมายหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

รองเท้า Predator Mania สีแชมเปญของเบ็คแฮม ยังเป็นหนึ่งในรุ่นสุด Iconic ที่แฟนฟุตบอลจดจำได้มากที่สุดจากฟุตบอลโลก 2002 ที่ไม่ว่าจะมีการผลิตใหม่ (รีเมค) อีกกี่ครั้งก็ยังเป็นที่ต้องการของแฟนฟุตบอลเสมอ

 

นี่คือชัยชนะที่สำคัญที่สุดของ adidas

 

ไม่ใช่ชนะแค่ในเกม

 

แต่ชนะในใจคน และยังคงติดตรึงในความทรงจำจนถึงทุกวันนี้

The post Fevernova & Beckham Mania Adidas กับช่วงเวลาแสนดีในฟุตบอลโลก 2002 appeared first on THE STANDARD.

]]>