วันนี้ (2 พฤศจิกายน) ที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) พญาไท ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า, ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า พร้อมทีมทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบคำให้การเพิ่มเติมในคดีที่ สุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพญาไทว่า ทั้งสามคนโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นและเชิญชวนประชาชนร่วมชุมนุมทางการเมืองช่วงปลายปี 2563 เป็นการร่วมกันกระทำความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมาตรา 116 (3)

โดยก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งให้ฟ้องทั้งสามคนตามข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้มีความเห็นแย้งและส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด ซึ่งได้มีความเห็นชี้ขาดให้สั่งฟ้องทั้งสามคน และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) และความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 2, 6, 34, 49 และ 50 และให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหา และสอบคำให้การ ผู้ต้องหาทั้งสามให้ครบถ้วนตามฐานความผิดทั้งหมดก่อนยื่นฟ้องคดีต่อไป

โดยกระบวนการสอบคำให้การและแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกินเวลาราวหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จสิ้น โดยในส่วนของกระบวนการทางคดีจากนี้ ทางตำรวจจะส่งสำนวนให้อัยการได้พิจารณาต่อไป

The post ‘ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์’ รับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 5 มาตรา หลังพุทธะอิสระแจ้งความ โพสต์เฟซบุ๊กสนับสนุนเยาวชนชุมนุมปี 63 appeared first on THE STANDARD.

The post ศาล รธน. สั่งรับคำร้อง กรณีอดีตทนายความพุทธะอิสระขอให้วินิจฉัยว่าการหาเสียงเสนอแก้ ม.112 ขัด รธน.-ล้มล้างการปกครองหรือไม่ ให้พิธา-ก้าวไกลชี้แจงภายใน 15 วัน appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (5 พฤศจิกายน) สุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธะอิสระ ในนามเครือข่ายภาคีกองทัพประชาชนปกป้องสถาบัน พร้อมภาคีเครือข่ายประชาชน เข้ายื่นหนังสือคัดค้านการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญบทบัญญัติว่าด้วยพระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกมาตรา และคัดค้านการแก้ไขประมวลอาญา มาตรา 112 พร้อมด้วยรายชื่อประชาชนผู้คัดค้านการขอแก้ไข จำนวน 222,928 รายชื่อ ต่อชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่าน สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร

สุวิทย์กล่าวว่า ด้วยความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ หนึ่งในเสาหลักสำคัญของชาติ ที่มีคุณูปการต่อคนไทยมาอย่างยาวนาน และยังเป็นสถาบันที่ก่อเกิดศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีอันดีงามให้แก่คนในชาติ อีกทั้งยังทรงเป็นหลักชัย หลักใจ เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชาติ และนำพาประเทศให้พัฒนาเติบโตก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก นับแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน บัดนี้ มีกลุ่มบุคคลเพียงหยิบมือที่ไม่ได้เคยสร้างประโยชน์อันใดให้กับแผ่นดินเกิดของตน แต่กลับมาแสดงความกำเริบเหิมเกริม กระทำการจาบจ้วงล่วงเกิน หมิ่นประมาท ด้อยค่า จำกัดบทบาท และต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งยังปลุกระดมมวลชนโดยใช้เฟกนิวส์เรียกร้องให้ทำการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ เพื่อลิดรอนพระราชอำนาจ

“พวกเราในนามเครือข่ายภาคีกองทัพประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้มีความจงรักภักดี ได้รวบรวมรายชื่อผู้คัดค้าน เพื่อให้เกิดการยับยั้งการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติที่ว่าด้วยเรื่องพระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกมาตรา และคัดค้านการขอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116” สุวิทย์กล่าว

ด้านสมบูรณ์กล่าวว่า จะนำรายชื่อผู้คัดค้านทั้งหมดนำเรียนไปยัง ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณารับทราบต่อไป

The post อดีตพระพุทธะอิสระ หอบ 2 แสนรายชื่อ ยื่นประธานสภาฯ ค้านแก้ ม.112 – รธน. หมวดสถาบันทุกมาตรา ชี้เหิมเกริมล้มสถาบัน appeared first on THE STANDARD.

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จัดงานแถลงข่าวหลังเกิดกระแสข่าวว่าจะจับมือกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตพระพุทธะอิสระ เพื่อตั้งพรรคการเมือง โดยชี้แจงว่ากระแสดังกล่าวไม่เป็นความจริง เรื่องนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ตนถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ก็ได้พบปะพูดคุยกับทั้งนายสนธิและอดีตพระพุทธะอิสระในหัวข้อการหาทางออกให้ชาติบ้านเมือง แต่ไม่เคยคุยกันถึงเรื่องการตั้งพรรคการเมืองเลย

ซึ่งหากจะตั้งจริงก็เป็นไปไม่ได้ เพราะนายสนธิต้องโทษถึง 20 ปี ส่วนตนก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี โดยกระแสข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนและพูดถึงความประทับใจระหว่างเดินทางไปเยี่ยมตนในเรือนจำ ซึ่งตนได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับการพูดคุยกับทั้งสองคน ขอยืนยันว่ากระแสข่าวจับมือนี้เป็นเรื่องเท็จร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นการกุข่าวผสมผสานเรื่องจากเรื่องในจุดต่ำสุดของชีวิตที่ตนเล่าหลังออกมาจากเรือนจำ

นายจตุพรยังกล่าวถึงพรรคเพื่อชาติว่า พรรคเพื่อชาติก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2556 แล้ว มิใช่พรรคการเมืองใหม่ มิใช่พรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่ม นปช. แต่อย่างใด ด้วย นปช. ประกาศจุดยืนตั้งแต่ต้นว่าจะไม่มีการตั้งพรรคการเมือง ด้านตนก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง มีเพียงสิทธิ์เลือกตั้งได้เท่านั้น การที่พรรคเพื่อชาติเปิดกว้างรับคนในฝ่ายประชาธิปไตยเข้าร่วม โดยเฉพาะกลุ่ม นปช. ที่ไม่มีพื้นที่ในพรรคเพื่อไทยก็จะมาเข้าร่วมพรรคเพื่อชาติ เนื่องจากพวกตนคิดได้ภายหลัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ได้แยกอดีต กปปส. เป็น 5 พรรคการเมืองเพื่อรองรับกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พวกตนจึงได้แยกกันอยู่ในหลายๆ พรรคการเมือง ทั้งนี้ยังเป็นการสร้างสมดุลให้กับรัฐสภาอีกด้วย ให้มีทั้งฝ่าย กปปส. และ นปช. เข้าไปอยู่ในสภา ด้วยความที่รัฐธรรมนูญถูกเขียนมาให้สามารถเกิดวิกฤตได้ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องมีแผนการรองรับ

นายจตุพรกล่าวอีกว่าตนอยู่ในฐานะกองเชียร์เท่านั้น เพียงแค่เห็นด้วยและสนับสนุนพรรคเท่านั้นในเรื่องกระแสข่าวลือของชื่อหัวหน้าพรรคทั้ง นายนพดล ปัทมะ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ยังคงเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น การประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคจะเกิดขึ้นกลางเดือนพฤศจิกายน แต่จะมีการประชุมเพื่อแก้ไขข้อบังคับพรรคในวันที่ 14 ตุลาคม 2561 เวลา 8.30 น. ที่อิมพีเรียล สำโรง อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าการแบ่งเป็นหลายพรรคนั้นไม่ใช่การดึงคะแนนกัน เราควรห่วงบ้านเมืองมากกว่าห่วงคะแนนเสียง ทางอีกซีกหนึ่งเขายังแบ่งเป็น 5 พรรคได้เลย ไม่เคยมีใครมาอธิบายความกันว่าเป็นการดึงคะแนน ทุกคะแนนเสียงประชาชนล้วนเป็นคนตัดสิน

The post จตุพรโต้จับมือสนธิ-พุทธะอิสระตั้งพรรค ข่าวลวง 100% ย้ำจุดยืนขอเป็นเพียงกองเชียร์พรรคเพื่อชาติเท่านั้น appeared first on THE STANDARD.

เช้าวันนี้ (12 ก.ย. 61) เวลาประมาณ 9.00 น. นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม และแกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ

เดินทางมาที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก โดยศาลนัดสอบคำให้การนายสุวิทย์ (จำเลย) คดีทำร้ายตำรวจสันติบาลในม็อบ กปปส. แจ้งวัฒนะ หมายเลขดำ อ.2498/2561 เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือกระทำด้วยการใดให้เจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ฯ ให้รับอันตรายสาหัส, ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายฯ หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310 ประกอบมาตรา 83

โดยนายสุวิทย์ เดินทางมาโดยรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า อัลพาร์ด พร้อมผู้ติดตาม 2 คน โดยเมื่อลงจากรถตู้ต้องประคองลงมาเพื่อนั่งรถเข็น พร้อมผ้าปิดตาข้างขวา

มีรายงานว่านายสุวิทย์ให้การรับสารภาพในชั้นศาลตลอดข้อกล่าวหา โดยศาลมีคำสั่งให้สำนักงานคุมประพฤติสืบเสาะประวัติเเละพฤติการณ์ของนายสุวิทย์ประกอบทำคำพิพากษา และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 29 ตุลาคมนี้

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post อดีตพระพุทธะอิสระ รับสารภาพคดีทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาล ศาลนัดฟังคำพิพากษา 29 ต.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

เช้าวันนี้ (16 ส.ค.) สื่อมวลชนและลูกศิษย์ของอดีตพระพุทธะอิสระ หรือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ มาปักหลักรอการปรากฏตัวของอดีตพระพุทธะอิสระ หลังศาลให้ประกันตัวในคดีร่วมกับการ์ด กปปส. หน่วงเหนี่ยวกักขัง ใช้กำลังประทุษร้ายสองตำรวจสันติบาลขณะชุมนุม กปปส. เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 ตีราคาประกัน 2 แสนบาท โดยศาลนัดเบิกตัวอดีตพระพุทธะอิสระมาสอบคำให้การในวันนี้ เวลา 9.00 น.

อย่างไรก็ตาม อดีตพระพุทธะอิสระไม่ได้เดินทางมาที่ศาลในวันนี้ โดยนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ เปิดเผยว่าอดีตพระพุทธะอิสระขอเลื่อนเข้าสอบคำให้การเนื่องจากมีอาการป่วยจากกระดูกทับเส้นประสาท ปวดร้าวจนถึงสมอง และอยู่ระหว่างเตรียมผ่าตัด โดยขณะนี้อดีตพระพุทธะอิสระยังคงอยู่ในการดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เมื่อคืนที่ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครในช่วงเวลา 21.20 น. และวันนี้ทีมทนายได้นำใบรับรองแพทย์ในการรักษามายื่นต่อศาลด้วย

ส่วนตัวได้คุยกับนายสุวิทย์ถึงอาการเจ็บป่วยและแนวทางการต่อสู้คดีผ่านทางโทรศัพท์ และส่วนตัวเชื่อว่าศาลจะเมตตาให้เลื่อนสอบคำให้การในคดีทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาล และนายสุวิทย์อาจจะมาขึ้นศาลอีกครั้งในคดีทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาลพร้อมกับคดีกบฏในช่วงเดือนตุลาคม

นอกจากนี้นายธีรยุทธยืนยันว่าอดีตพระพุทธะอิสระยังคงสวมใส่ชุดขาวและมีแนวโน้มว่าจะกลับมาบวชอีกครั้ง เนื่องจากตอนเข้าไปในเรือนจำยังไม่ได้เปล่งวาจาสึก แม้ตามกฎหมายอาจขาดจากการเป็นพระตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ แต่ยังไม่ถือว่าขาดจากการเป็นพระตามพระธรรมวินัย

ส่วนเรื่องของกลุ่มศิษยานุศิษย์ นายสุวิทย์ระบุว่าไม่อยากให้มีการเคลื่อนไหวใดๆ จนกว่าจะหายจากอาการป่วย

สำหรับอดีตพระพุทธะอิสระถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2561 รวม 84 วัน หลังศาลยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราวการฝากขังในคดีทำร้ายตำรวจสันติบาลและคดีปลอมพระปรมาภิไธย โดยทั้งสองคดีครบกำหนดฝากขัง 7 ผัดเมื่อวานนี้ (15 ส.ค.)

โดยเมื่อวานนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้ยื่นฟ้องอดีตพระพุทธะอิสระเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขัง หรือกระทำด้วยการใดให้เจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ให้รับอันตรายสาหัสร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตราย หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310 โดยศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2498/2561

ขณะที่คดีปลอมพระปรมาภิไธยนั้น ตำรวจกองปราบปรามเพิ่งจะนำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องมายื่นต่ออัยการสำนักงานคดีอาญาในวันที่ 15 สิงหาคม ทำให้พนักงานอัยการยังไม่ได้มีการพิจารณาสำนวน แต่ทั้งนี้หากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องก็สามารถนำตัวมายื่นฟ้องในภายหลังได้

นอกจากนี้อดีตพระพุทธะอิสระยังเป็นจำเลยที่ 16 ในคดีกบฏ กปปส. ซึ่งอัยการฟ้องความผิดฐานร่วมกันกบฏ อั้งยี่ ซ่องโจร และข้อหาอื่นๆ จากการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

The post อดีตพระพุทธะอิสระอ้างป่วยหนักกระดูกทับเส้น ส่งทนายขอเลื่อนนัดศาลคดีทำร้ายตำรวจสันติบาล appeared first on THE STANDARD.

ศาลอาญามีคำสั่งเบิกตัว นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ และอดีตแกนนำ กปปส. ผู้ต้องหาคดีร่วมทำร้ายร่างกายตำรวจสันติบาล 2 นายบาดเจ็บสาหัส และคดีปลอมพระปรมาภิไธย เพื่อตรวจหลักฐานคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เป็นโจทก์ฟ้อง พร้อมกับ สุเทพ เทือกสุบรรณ และพวก ในคดีร่วมกันกบฏ อั้งยี่ ซ่องโจร

Photo: ฐิตินันท์ เสมพิพัฒน์

The post อดีตพระพุทธะอิสระขึ้นศาลคดีกบฏ อั้งยี่ ซ่องโจร appeared first on THE STANDARD.

จากกรณีที่มีผู้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ให้ตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) กองบังคับการปราบปราม บุกเข้าจับกุม นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระสุวิทย์ ธีรธัมโม (พระพุทธะอิสระ) เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2561 ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแจ้งว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2561 พนักงานเจ้าหน้าที่ของ กสม. ได้เข้าพบนายสุวิทย์เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ซึ่งนายสุวิทย์ได้แจ้งความประสงค์ขอสงวนสิทธิ์ในการร้องเรียน และไม่ยินยอมให้ผู้ใดนำเอาประเด็นดังกล่าวไปร้องเรียน

ล่าสุดในคราวประชุม กสม. ด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครอง กสม. เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมาได้พิจารณาข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว จึงมีมติไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้เป็นคำร้องเพื่อพิจารณา เนื่องจากนายสุวิทย์ซึ่งเป็นผู้เสียหายไม่ประสงค์ให้ กสม. ตรวจสอบ ทั้งนี้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 39(7) ประกอบระเบียบคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2561 ข้อ 17 วรรคสอง (4)

The post กรรมการสิทธิมนุษยชน มีมติไม่รับคำร้องกรณีบุกจับอดีตพระพุทธะอิสระ appeared first on THE STANDARD.

ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ (30 พ.ค.) อดีตแกนนำ กปปส. นำโดย นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายชุมพล จุลใส พร้อมกลุ่มศิษยานุศิษย์ อดีตพระพุทธะอิสระ และพระลูกวัด วัดอ้อน้อย ทยอยเดินทางมารวมตัวที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อเตรียมเข้าเยี่ยมอดีตพระพุทธะอิสระ

โดยนายสาทิตย์ระบุว่า ที่รวมตัวกันมาวันนี้เพื่อต้องการเข้าเยี่ยมให้กำลังใจอดีตพระพุทธะอิสระ เนื่องจากเคยสู้เพื่อบ้านเมืองมาด้วยกัน ส่วนในเรื่องของคดีความและการยื่นประกัน กปปส. เห็นว่ามีทีมทนายความคอยดูแลให้ความช่วยเหลืออยู่แล้วจึงไม่เป็นห่วงในเรื่องนี้ พร้อมมองว่าการทำงานของตำรวจกองปราบปรามในการเข้าจับกุมอดีตพระพุทธะอิสระนั้นเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ส่วนเหตุผลที่ต้องมาพร้อมกันในวันนี้เนื่องจากอดีตพระพุทธะอิสระระบุว่าจะให้เข้าเยี่ยมวันนี้เป็นวันสุดท้าย

สำหรับวันนี้ยังมีอดีตแกนนำ กปปส. เดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ อาทิ นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก, นายสมชัย กตัญญุตานันท์ หรือ ‘ชัย ราชวัตร’ นักวาดการ์ตูนชื่อดัง, นายวิทยา แก้วภราดัย, นางสาวจิตภัสร์ กฤดากร และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์

โดยนางสาวอัญชะลีระบุว่า เห็นภาพของอดีตพระพุทธะอิสระแล้ว รู้สึกผอมลง และเจ็บแผลกดทับจากการนอนตะแคง แต่ยังทนได้ พร้อมฝากให้กำลังใจ คสช. ปฏิรูปบ้านเมืองทุกเรื่อง ส่วนตัวยืนยันไม่เปลี่ยนคำพูดเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจกองปราบปรามว่าทำเกินกว่าเหตุในการเข้าจับกุม แม้อดีตพระพุทธะอิสระจะบอกไม่ให้ตำหนิการทำงานของเจ้าหน้าที่เพราะเข้าใจก็ตาม

ด้านทนายความของอดีตพระพุทธะอิสระ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร เปิดเผยว่า จากการเข้าเยี่ยมล่าสุด อดีตพระพุทธะอิสระได้ยอมรับว่ามีการอัญเชิญพระปรมาภิไธยมาใช้จริงโดยขออนุญาตด้วยวาจาผ่านทางราชเลขาธิการ แต่ที่ผ่านมายังให้การภาคเสธ คือรับสารภาพเพียงบางส่วนเท่านั้น

ทั้งนี้โดยส่วนตัวอดีตพระพุทธะอิสระอยากให้ทำตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ พร้อมยืนยันจะไม่ขอประกันระหว่างฝากขัง โดยจะยื่นประกันเมื่อสำนวนส่งฟ้องศาลเท่านั้น

The post รวมพลอดีตแกนนำ กปปส. เข้าเยี่ยมอดีตพุทธะอิสระ เผยสภาพผอมลง มีอาการเจ็บแผลกดทับ appeared first on THE STANDARD.

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อเนื่องจากกรณีที่ตำรวจกองปราบปรามบุกจับอดีต พุทธะอิสระ ที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม หลังพบความผิดฐานปลอมพระปรมาภิไธยและอั้งยี่ซ่องโจร ระหว่างชุมนุมกลุ่ม กปปส. เมื่อปี 2557 ซึ่งต่อมามีการเผยแพร่คลิปขณะบุกจับอดีตพุทธะอิสระ เรียกเสียงวิจารณ์จากลูกศิษย์และแกนนำฝ่าย กปปส. จนสองผู้นำรัฐบาลทั้งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ต้องออกมากล่าวคำขอโทษ

วันนี้ (28 พ.ค. 61) พลเอก ประยุทธ์ กล่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีการบุกจับอดีตพุทธะอิสระอีกครั้ง โดยได้ย้ำในที่ประชุม ครม. ถึงการทำงานของฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ว่าวันนี้เป็นโลก 4.0 เป็นโลกแห่งโซเชียลมีเดีย เพราะฉะนั้นต้องสร้างความรับรู้กับประชาชนในสิ่งที่ถูกต้อง ชี้แจงทันเวลา อะไรต่างๆ ก็ตามที่ประชาชนบ่นหรือร้องเรียนมาก็ต้องนำสู่การพิจารณาทั้งสิ้น

นี่คือการมีส่วนร่วมของประชาชนในทางพฤตินัย ไม่สนใจไม่ได้ เพียงแต่ว่าถ้าเป็นการทำเพื่อบิดเบือน หรือเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จลงในโซเชียลมีเดีย กฎหมายมีอยู่แล้ว ตนไม่มุ่งหวังทำร้ายประชาชน แต่ประชาชนก็ต้องไม่ทำร้ายประชาชนด้วยกัน

ขณะที่ช่วงท้ายนักข่าวถามถึงภาพถ่ายร่วมกับอดีตพุทธะอิสระซึ่งแชร์กันอยู่ในโซเชียลมีเดีย

พลเอก ประยุทธ์ ตอบว่า ตนก็เคารพพระทุกรูป ก่อนหน้านี้ก็ไปหลายวัด และทุกคนก็ไป เพราะสมัยก่อนการเมืองไม่ได้เป็นแบบนี้ วันนี้อย่าเอาเรื่องเก่ามาพัน ใครเชิญตนก็ไป

“วันนั้นเขาเชิญ ผบ.ทบ. 4 คน มีทั้ง 4 ผบ.ทบ. พระจะขลังหน่อย

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2555 โดยเป็นพิธีเททองหล่อพระเกตุมาลาพระนาคปรก ‘ปกเกล้า ปกแผ่นดิน’ และยกฐานองค์พระฯ ขึ้นประดิษฐานที่วัดอ้อน้อย

ซึ่งเวลานั้นพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ได้เชิญพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อดีตผู้บัญชาการทหารบก พลเอก สมทัต อัตตะนันทน์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และอดีต ผบ.ทบ. พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ และ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ร่วมเป็นประธาน

ขณะที่พลเอก ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเรียกร้องของ พล.ต.นพ. เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ที่ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งย้าย พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รวมถึงผู้บังคับบัญชาชุดปฏิบัติการที่บุกจับอดีตพุทธะอิสระ ว่าเรื่องนี้เป็นความคิดของคนคนเดียว และตนก็ขอโทษประชาชนไปแล้ว เพราะมีประชาชนบางส่วนที่ไม่เข้าใจก็ต้องขอโทษ ยืนยันว่าการบุกจับอดีตพุทธะอิสระไม่ส่งผลต่อรัฐบาล เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ ซึ่งบางทีก็ทำอะไรเกินเลยไป

เมื่อถามว่าโดยส่วนตัวเป็นลูกศิษย์อดีตพุทธะอิสระหรือไม่

พลเอก ประวิตร ตอบว่า รู้จักครั้งแรกตอนไปงานพิธีที่วัดอ้อน้อยเมื่อหลายปีก่อน  แบบนี้เรียกว่าเป็นลูกศิษย์หรือไม่

“ไม่เอาแล้ว จบ ผมไม่ตอบแล้ว” พลเอก ประวิตร กล่าวเมื่อนักข่าวกำลังจะถามต่อ

The post ประยุทธ์-ประวิตร แจงภาพคู่อดีตพุทธะอิสระ ยันไม่ได้เป็นลูกศิษย์ appeared first on THE STANDARD.