พร้อมพงษ์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 28 Jun 2024 13:04:46 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 จิบเครื่องดื่มและปล่อยใจไปกับเครื่องเสียงวินเทจที่ CCC Listening Bar https://thestandard.co/life/ccc-listening-bar Sat, 29 Jun 2024 01:00:08 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=951370

บาร์สำหรับคนรักเครื่องเสียง   วันนี้เราอยากจะมาแนะ […]

The post จิบเครื่องดื่มและปล่อยใจไปกับเครื่องเสียงวินเทจที่ CCC Listening Bar appeared first on THE STANDARD.

]]>

บาร์สำหรับคนรักเครื่องเสียง

 

วันนี้เราอยากจะมาแนะนำบาร์ลับย่านพร้อมพงษ์ ที่อยากจะชวนทุกคนมาดื่มเครื่องดื่มที่ชอบไปพร้อมกับฟังเพลงจากเครื่องเสียงวินเทจ ที่นี่คือ CCC Listening Bar บาร์ลับเล็กๆ บนตึกในซอยสุขุมวิท 22 เขาเป็นบาร์ที่เปิดตอนเย็น ขายทั้งชา กาแฟ และค็อกเทล ใครชอบดื่มอะไรที่นี่มีหมด และอีกจุดเด่นของที่นี่คือเขาจริงจังด้านระบบเสียงมากๆ เขาใช้เครื่องเสียงยุควินเทจจับคู่กับการเปิดเพลงจากแผ่นเสียงไวนิล

 

 

The Vibe

 

ด้วยเหตุผลที่ร้านนี้จริงจังเรื่องเสียงมาก เขาจึงเลือกใช้วัสดุหลักในการตกแต่งร้านเป็นไม้ เพื่อการดูดซับเสียงที่ดี กันเสียงสะท้อน และส่งผลให้บาร์นี้เป็นบาร์ที่ดูอบอุ่น เหมาะกับการมาเดต ส่วนเสียงเพลงที่สร้างบรรยากาศในร้านทั้งหมดมาจากเครื่องเสียงยุควินเทจ เหมือนที่โรงภาพยนตร์ใช้ในอดีต จับคู่กับเพลงวินเทจจากแผ่นเสียงไวนิล ทำให้ภาพรวมดูคลาสสิกสุดๆ

 

 

The Taste

 

เมนูของที่นี่จะเน้นไปทางเครื่องดื่มเป็นส่วนใหญ่ โดยจะมีทั้งชา กาแฟ ค็อกเทล อาจจะสงสัยว่าร้านจริงจังเรื่องเสียงขนาดนี้จะมีเครื่องชงกาแฟได้อย่างไร ที่นี่เขาเป็นสโลว์บาร์ง่ายๆ ให้คนได้ค่อยๆ ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มและบรรยากาศ ทุกเมนูที่นี่จะใช้วัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิกอีกด้วย

 

 

วันที่เราไปเราได้ลองชาหนึ่งตัวที่สร้างความประหลาดใจมากๆ คือชา Mango Sticky Rice (250 บาท) หรือก็คือชากลิ่นข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งมันเหมือนมากจริงๆ ใครชอบชาแปลกๆ อยากให้ลอง

 

 

ส่วนค็อกเทลก็มีหลายตัวที่มีความสดชื่น เพราะใช้ส่วนผสมหลักเป็นผลไม้อย่างเช่น Pineapple Express หรือจะเป็น Watermelon Gin & Tonic แต่ถ้าใครชอบเครื่องดื่มที่มีรสชาติแน่นๆ หน่อย แนะนำเป็น Espresso Martini (ค็อกเทล 380-450 บาท) จริงๆ ทางร้านก็มีอาหารและขนมอีกเล็กๆ น้อยๆ และจะเน้นใช้วัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิก

 

 

Good for

 

ร้านนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ชื่นชอบการฟังเพลงจากเครื่องเสียงวินเทจ หรืออยากจิบเครื่องดื่มในบรรยากาศที่คลาสสิกและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน 

 

CCC Listening Bar

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-01.00 น.

Address: สุขุมวิท 22 

Budget: 200-500 บาท

Map:

 

 

The post จิบเครื่องดื่มและปล่อยใจไปกับเครื่องเสียงวินเทจที่ CCC Listening Bar appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bottomless S33 ร้านกาแฟสำหรับทุกสายที่จะเป็นเช็กพอยต์ใหม่ย่านพร้อมพงษ์ https://thestandard.co/life/bottomless-s33 Tue, 21 Nov 2023 07:34:22 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=868005 Bottomless S33

สาขาใหม่ล่าสุดของ Bottomless เราว่าเขาไม่ได้มาเล่นๆ เพร […]

The post Bottomless S33 ร้านกาแฟสำหรับทุกสายที่จะเป็นเช็กพอยต์ใหม่ย่านพร้อมพงษ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bottomless S33

สาขาใหม่ล่าสุดของ Bottomless เราว่าเขาไม่ได้มาเล่นๆ เพราะทั้งโลเคชัน การออกแบบ และกาแฟที่ไม่ต้องพูดเยอะก็เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้กันดี ว่าที่นี่ก็เป็นอีกร้านที่จริงจังมานาน เพียงแต่ว่าอาจเพราะที่ผ่านมา Bottomless เปิดร้านนอกเมืองเสียมากกว่า หลายคนจึงไม่ได้แวะไปบ่อยๆ

 

ทว่าตอนนี้สาขาใหม่ของ Bottomless S33 มาตั้งอยู่ในย่านพร้อมพงษ์ เปลี่ยนจากผับเก่าให้กลายเป็นร้านกาแฟใหญ่โต แถมเดินทางง่ายด้วย เพราะอยู่ห่างจากต้นทางแค่อึดใจเดียวเท่านั้นเอง

 

Bottomless S33 Bottomless S33 Bottomless S33 Bottomless S33 Bottomless S33

 

The Vibe

 

Bottomless S33 อยู่ในซอยสุขุมวิท 33 ใครเดินผ่านก็ต้องสะดุดตาด้วยตัวร้านทรงกล่องที่ครอบด้วยอิฐแดง แต่ดูไม่เด่นทึบ เพราะมีการเล่นมุมให้ดูมีมิติ มองเข้าไปผ่านกระจกดำยังสามารถเห็นร้านกาแฟด้านในได้อยู่

 

ร้านมีทั้งหมด 3 ชั้น ด้านล่างเป็นโซนชงและเสิร์ฟกาแฟ แน่นอนว่ามีทั้ง Slow Bar และ Espresso Machine มีที่นั่งทั้งโต๊ะปกติ หน้าเคาน์เตอร์บาร์ และขั้นบันไดเหล็กที่ทำให้ร้านดูเท่ขึ้นมาสุดๆ

 

ส่วนชั้นสองเป็นพื้นที่นั่งดื่มกึ่ง Co-working Space และชั้นบนสุดเป็นดาดฟ้าที่ทุกคนต้องไม่ลืมขึ้นไปเช็กอิน

 

Bottomless S33 Bottomless S33 Bottomless S33

 

The Taste

 

หมู นพพล เจ้าของแบรนด์ Bottomless บอกว่า สำหรับ Bottomless S33 มีทั้งเมนูใหม่และเมนูพิเศษเยอะขึ้นมาก เพราะตั้งใจทำให้หลายๆ อย่างสนุกขึ้น โดยเฉพาะเมนู Slushy ที่เราว่าร้านดูเอาจริงเอาจัง เพราะครีเอตเมนูมาให้ทุกคนเลือกได้เลย แต่ก็สามารถ Custom เพิ่มได้อีก

 

อย่างเช่น Fat Mountain (150 บาท) สลัชชี่รสนมราดซอสคาราเมล สลับชั้นด้วยครัมเบิล และท็อปด้วยคัสตาร์ดเนื้อนุ่มนิ่ม

 

“ตอนนี้เรามีสลัชชี่ 3 รสชาติ คือ มะพร้าว ส้ม และนม ใครอยากสั่งไปทำเมนูอะไรก็ได้ ท็อปช็อตได้ ใส่ท็อปปิ้งอื่นๆ ก็ได้ แต่รสมะพร้าวกับส้มจะท็อปช็อตได้อย่างเดียว” 

 

ส่วนกาแฟของร้านก็รับรองว่าไม่ผิดหวังทั้งคอกาแฟตัวจริงหรือสายคาเฟ่ฮอปปิ้ง เพราะมีเมล็ดให้เลือกเยอะ หลายระดับ และหลายเกรด ใครชอบแบบไหนลองถามบาริสต้าได้เลย โดยเบลนด์ประจำร้านจะมีให้เลือก 6-7 แบบ เช่น Brix Blend ซิกเนเจอร์ที่ร้านใช้มานาน 10 ปี เป็นเมล็ดผสมระหว่างไทย โคลัมเบีย กัวเตมาลา หรือ Latte Art Blend เป็นกาแฟลาวผสมบราซิล

 

Bottomless S33

 

สำหรับราคากาแฟจะเริ่มต้น 120 บาท เช่น Americano, Latte และ Flat White ส่วนกาแฟดริปราคา 150 บาททั้งร้อนและเย็น

 

แต่ถ้าใครชอบเมล็ด Single Origin ร้านก็จะสลับมาให้ลองเรื่อยๆ มีประมาณ 10-20 ตัว และถ้าหากใครโชคดีวันนั้นก็อาจมีเมล็ดกาแฟเกรดสูงสุดให้ลองด้วยนะ เป็นเมล็ดปานามา ราคาแก้วละ 1,200 บาท

 

“ผมว่ากระแสที่คนชอบ Flavoured coffee (กาแฟแต่งรส) มันเริ่มซาแล้ว ตอนนี้ทุกคนอยากได้กาแฟที่ผ่านขั้นตอนธรรมชาติ ไม่เติมอะไรลงไป ซึ่งมันเป็นคอนเซปต์ของร้านเราตั้งแต่ต้น เราไม่ทำเมล็ดกาแฟอินฟิวส์ ถ้ากาแฟอร่อยก็อร่อยด้วยตัวเขาเอง เราแค่พยายามคั่วดึงศักยภาพของเขาออกมาให้ได้มากที่สุด” 

 

นอกจากกาแฟ ร้านก็ยังมีเมนูไร้คาเฟอีนและบรันช์ให้สั่งด้วย เช่น Premium Chocolate (150 บาท) สามารถผสมสลัชชี่นมหรือใส่ท็อปปิ้งเพิ่มได้, Egg Avocado (200 บาท) แซนด์วิชซาวโดวจ์ท็อปด้วยอะโวคาโดและไข่ต้ม หรือของหวานอย่างโทสต์ Grilled Banana and Ice Cream (180 บาท) ก็มีเช่นกัน

 

Bottomless S33 Bottomless S33 Bottomless S33 Bottomless S33

 

Good for

 

เราดีใจที่ใจกลางเมืองมีร้านกาแฟสเปเชียลตี้บรรยากาศดีเพิ่มขึ้นมาอีกแห่ง หากวันไหนนึกอยากนั่งจิบกาแฟชิลๆ มีขนมหรืออาหารให้รองท้อง หรืออยากนัดเจอเพื่อนแล้วค่อยลุกไปเดินเล่นพร้อมพงษ์ต่อด้วยกัน เราก็จะแวะมาที่นี่อีกแน่นอน

 

Bottomless S33 

Address: ซอยสุขุมวิท 33

Open: เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.

Contact: Bottomless S33

Budget: 150-500 บาท

Map: 

 

The post Bottomless S33 ร้านกาแฟสำหรับทุกสายที่จะเป็นเช็กพอยต์ใหม่ย่านพร้อมพงษ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Tonkatsu Koseki ทงคัตสึกรอบฟูสไตล์เกียวโต ที่จะทำของทอดที่ดีที่สุดให้ทุกคนชิม https://thestandard.co/life/tonkatsu-koseki Sun, 21 May 2023 02:35:40 +0000 https://thestandard.co/?p=793200 Tonkatsu Koseki

ความกรอบฟูไม่อมน้ำมันที่เข้ากันได้ดีกับซอสรสเข้มข้นและก […]

The post Tonkatsu Koseki ทงคัตสึกรอบฟูสไตล์เกียวโต ที่จะทำของทอดที่ดีที่สุดให้ทุกคนชิม appeared first on THE STANDARD.

]]>
Tonkatsu Koseki

ความกรอบฟูไม่อมน้ำมันที่เข้ากันได้ดีกับซอสรสเข้มข้นและกลมกล่อม เนื้อสัมผัสนุ่มแน่นด้านในที่เต็มปากเต็มคำ ก่อนตัดเลี่ยนด้วยกะหล่ำปลีและซุปมิโซะร้อนๆ เราว่านี่คือสิ่งที่จะทำให้ทุกคนติดใจ Tonkatsu Koseki ร้านทงคัตสึสัญชาติญี่ปุ่นแห่งใหม่ในย่านพร้อมพงษ์ โดยเจ้าของชาวญี่ปุ่นแท้ๆ

 

Tonkatsu Koseki Tonkatsu Koseki Tonkatsu Koseki

 

The Vibe

 

Tonkatsu Koseki เปิดอยู่ในตึก Neighbor 24 ในซอยสุขุมวิท 24 ซึ่งดูเหมือนจะเป็นแหล่งรวมร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งใหม่สำหรับชาวพร้อมพงษ์ โดยร้านทงคัตสึจะอยู่บนชั้น 3 เป็นร้านขนาดกำลังดี จัดโต๊ะดูโปร่ง สบาย แบ่งที่นั่งเป็นสัดส่วน และตกแต่งแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่

 

Tonkatsu Koseki Tonkatsu Koseki

 

The Taste

 

Kentaro Koseki หรือ โคเซกิซัง เจ้าของร้าน Tonkatsu Koseki เล่าให้ฟังว่า เขาเคยทำงานร้านทงคัตสึในเกียวโตมาเกือบ 20 ปี ก่อนมาดูแลร้านทงคัตสึเจ้าดังเจ้าหนึ่งในไอคอนสยาม แล้วเห็นว่าคนไทยก็ชอบกินทงคัตสึเยอะเหมือนกัน เขาจึงตัดสินใจออกมาเปิดร้านของตัวเองร้านแรก ซึ่งก็คือที่นี่ โดยตั้งใจเสิร์ฟทงคัตสึสไตล์เกียวโต จับคู่กับซอสประจำร้านที่หาชิมจากที่อื่นไม่ได้ และใช้เครื่องมือทอดแบบพิเศษที่ทำให้อาหารไม่อมน้ำมันด้วย

 

พูดถึงเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้าน โคเซกิซังบอกว่า คนส่วนใหญ่มาจะสั่ง ‘คัตสึกุ้ง’ เพราะร้านใช้กุ้งลายเสือตัวใหญ่ กัดไปแล้วเนื้อแน่นเต็มปากเต็มคำ หรือ ‘คัตสึหมู’ ที่โคเซกิซังเลือกใช้หมูคุโรบูตะเกรดเนื้อนุ่ม ใกล้เคียงกับสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่เขาอยากได้มากที่สุด ก่อนนำมาชุบแป้งและเกล็ดขนมปังชนิดพิเศษที่ทำให้ผิวกรอบฟู แล้วนำลงทอดในน้ำมันจากญี่ปุ่น

 

แต่ละเซ็ตเสิร์ฟพร้อมกะหล่ำปลี ซุปมิโซะ และข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Koshihikari ที่ประเทศต้นตำรับนิยมมากที่สุด โดยร้านนำมาหุงผสมกับข้าวบาร์เลย์ด้วย

 

ซอสทงคัตสึเป็นอีกตัวละครสำคัญที่ใช้ตัดสินได้เลยว่าร้านไหนเด็ดจริง โดยซอสของ Tonkatsu Koseki เบสจะทำมาจากแอปเปิ้ลและอินทผาลัม มีให้เลือก 2 แบบ คือ ‘ซอสเดมี่’ รสหวานเปรี้ยวจากมะเขือเทศ และ ‘ซอสชูโน’ รสเข้มข้นจากเครื่องเทศ ใครจะผสมอย่างไรก็ตามสบายเลย

 

โคเซกิซังบอกว่า ซอส 2 รสชาตินี้ส่งตรงมาจากโรงงานของเพื่อนที่ญี่ปุ่น เป็นซอสที่ทำขึ้นเพื่อร้าน Tonkatsu Koseki โดยเฉพาะ

 

Tonkatsu Koseki

 

วันนี้เราได้ลองความกรอบฟูตั้งแต่ ชุดคัตสึกุ้งยักษ์และหมูสันใน (600 บาท) เหมาะกับคนที่อยากลองซิกเนเจอร์ทั้งสองอย่างพร้อมกันทีเดียว แต่ถ้ากลัวอิ่มเกินไปจะสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณ 430 บาท ถ้าไม่อิ่มค่อยสั่งของทอดมากินเล่นเพิ่ม เช่น โคโรเกะครีมปู (180 บาท), คัตสึแซลมอน (180 บาท) หรือ คัตสึฟองเต้าหู้ห่อผักตามฤดูกาล (130 บาท)

 

ร้านมีข้าวแกงกะหรี่ด้วยนะ และเราติดใจ ข้าวหน้าแกงกะหรี่หอยนางรมชุบแป้งทอด (340 บาท) เพราะไม่คิดว่าหอยนางรมจะยังคงนุ่ม ฉ่ำ แถมตัวโต กินแล้วเข้ากับซอสแกงกะหรี่ที่เผ็ดอ่อนๆ กำลังดีเลย

 

Tonkatsu Koseki Tonkatsu Koseki Tonkatsu Koseki Tonkatsu Koseki Tonkatsu Koseki

 

Good for

 

เราเชื่อว่าคนรักของทอด โดยเฉพาะเมนูทงคัตสึ ต้องอยากรีบพุ่งตัวไปแน่นอน เพราะทงคัตสึของ Tonkatsu Koseki ใช้เครื่องมือพิเศษช่วยให้ไม่อมน้ำมันด้วย หลายคนต้องกินสนุกมากขึ้นและรู้สึกผิดน้อยลงแน่ๆ โดยเชฟผู้ดูแลอาหารก็เป็นชาวญี่ปุ่นเช่นกัน รับรองสัมผัสได้ถึงความใส่ใจและความตั้งใจเลือกวัตถุดิบในทุกเมนูเลย

 

Tonkatsu Koseki

Open: เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.

Address: ชั้น 3 ตึก Neighbor 24 ในซอยสุขุมวิท 24 

Contact: @tonkatsukoseki (ใส่ลิงก์ https://www.instagram.com/tonkatsukoseki/)

Budget: 500-1,000 บาท

Map:

 

The post Tonkatsu Koseki ทงคัตสึกรอบฟูสไตล์เกียวโต ที่จะทำของทอดที่ดีที่สุดให้ทุกคนชิม appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bark คาเฟ่สุดอบอุ่นสไตล์เกาหลีในบ้านร่มรื่นใจกลางพร้อมพงษ์ https://thestandard.co/life/bark-bangkok Thu, 04 May 2023 02:00:05 +0000 https://thestandard.co/?p=784743

อาจต้องเข้าซอยมาลึกสักหน่อย แต่เราเชื่อว่าทุกคนที่อยากน […]

The post Bark คาเฟ่สุดอบอุ่นสไตล์เกาหลีในบ้านร่มรื่นใจกลางพร้อมพงษ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

อาจต้องเข้าซอยมาลึกสักหน่อย แต่เราเชื่อว่าทุกคนที่อยากนั่งจิบกาแฟชิลๆ ในบรรยากาศสงบๆ ร่มรื่น ต้องชอบความโฮมมี่ของ ‘Bark Bangkok’ คาเฟ่สไตล์เกาหลีในซอยสุขุมวิท 49 ที่มีเจ้าของเป็นชาวเกาหลีใต้แท้ๆ แต่เขาพูดไทยคล่องปรื๋อ เพราะอยู่ที่นี่มานาน 5 ปีแล้ว

 

“ชื่อร้านว่า Bark มาจากนามสกุลของผม เพราะจริงๆ แล้วนามสกุล ‘พัค’ ของคนเกาหลีต้องสะกดด้วยตัว B ผมเลยเอานามสกุลมาตั้งเป็นชื่อร้าน” พัคซังฮยอบ เจ้าของคาเฟ่เล่าให้ฟังหลังจากปล่อยให้พวกเราชิมหลายเมนูจนอิ่ม

 

 

The Vibe

 

Bark Cafe เปิดอยู่ในบ้านสองชั้นใจกลางพร้อมพงษ์ ที่นี่มีทั้งความร่มรื่น พื้นที่โปร่งกว้าง และต้นไม้สีเขียวทุกมุมที่ทำให้บ้านหลังนี้ดูสงบ น่านั่งจิบกาแฟ เอาหนังสือมาอ่านด้วยสักเล่ม

 

ส่วนด้านในตกแต่งสไตล์ Mid-Century ที่กำลังนิยม เน้นใช้เฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้ ผสมเฟอร์นิเจอร์งานดีไซน์ต่างๆ ที่ทำให้คาเฟ่มีหลายมุมขึ้นมา และเมื่อถึงช่วงค่ำก็จะกลายเป็นร้านนั่งจิบไวน์

 

แล้วในพื้นที่เดียวกันยังมีร้านทำเล็บ ชั้นบนเป็นพิลาทิสสตูดิโอแบบส่วนตัว (Namu Pilates) ที่สอนโดยแฟนเจ้าของร้านเอง Bark เลยเป็นเหมือนกึ่งคอมมูนิตี้ที่น่าชวนเพื่อนมานั่งแฮงเอาต์ด้วยกันได้ทั้งวัน

 

 

The Taste

 

Bark Cafe จะเน้นเมนูกาแฟ เบเกิล และอาหารเกาหลี พัคซังฮยอบ บอกว่าคนเกาหลีใต้ชอบดื่มกาแฟครีมมาก ถ้าไปเกาหลีใต้จะเจอแทบทุกร้าน แต่เพราะในกรุงเทพฯ ยังไม่ค่อยมีเท่าไร เขาเลยทำกาแฟครีมเป็นเมนูซิกเนเจอร์ คือ Bark Coffee (130 บาท) กาแฟลาเต้ใส่ครีม และ Bark Coffee Black (140 บาท) กาแฟลาเต้ครีมงาดำ ซึ่งเราชอบอันหลัง เพราะมีรสหอมหวานจากงาดำด้วย กินคู่กับ Madeleine (45-55 บาท) แล้วเข้ากันดีเลย โดยเฉพาะมาเดอลีนยักกวา เป็นขนมโบราณของเกาหลีใต้ที่กำลังมาแรงสุดๆ

 

แต่ถ้าใครอยากลองกาแฟคลาสสิกก็มีเช่นกัน ราคาเริ่มต้น 80-140 บาท ส่วนกาแฟดริปที่ใช้เมล็ดจากเกาหลีใต้ต้องลองถามร้าน เพราะขึ้นอยู่กับเมล็ดกาแฟ

 

เบเกิลเป็นสูตรของร้านเอง พัคซังฮยอบบอกว่าเขาปรับให้เป็นแบบที่ชอบ กินง่าย ไม่แห้งหรือนุ่มเกินไป Bagel (60-80 บาท) ของร้านจะมีให้เลือก 3 แบบ สั่งได้ทั้งสไตล์ เบเกิลแซนด์วิช (280 บาท) หรือกินคู่กับครีมชีสที่มีให้เลือก 4 รสชาติ (50-60 บาท)

 

เราชอบอาหาร เจ้าของร้านบอกว่าเป็นรสชาติสไตล์ Home Recipe ที่เขาทำกินเองจริงๆ รสชาติจึงไม่เหมือนตามร้านอาหารเกาหลีทั่วไป เช่น ข้าวผัดกิมจิ (240 บาท) ที่รสเข้มข้นน้อยกว่า แต่รสชาติกินง่ายกว่า ไม่เค็มไปหรือหวานเกินจำเป็น อีกเมนูก็คือ ข้าวหมูบุลโกกิซอสโคชูจัง (260 บาท) ที่เข้มข้นสไตล์เกาหลี มีทั้งความเค็มหวาน ทั้งสองเมนูมาพร้อมไข่ดาว

 

 

Good for

 

เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่บรรยากาศดีที่เราอยากกลับไปนั่งดื่มกาแฟ อ่านหนังสือในวันหยุดชิลๆ เพราะที่นี่มีครบทั้งอาหาร กาแฟ ของกินเล่น แถมยังพาสัตว์เลี้ยงมาได้ด้วย แล้วในอนาคต พัคซังฮยอบบอกว่าเขาจะเปิดเป็นร้านนั่งดื่ม เสิร์ฟไวน์ เบียร์ และวิสกี้ หรือถ้าใครเรียกหาโซจูมาดื่มคู่อาหารเกาหลี เขาก็มีเหมือนกัน โดยจะเริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็นเป็นต้นไป แต่จะเริ่มเมื่อไรต้องรอติดตาม

 

 

ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์

 


 

Bark Bangkok

Open: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 08.00-17.00 น.

Address: ซอยสุขุมวิท 49

Contact: @bark.bangkok

Budget: 200-500 บาท

Map: https://goo.gl/maps/s2Za7qGJbuMaNR556?coh=178573&entry=tt

 

 

The post Bark คาเฟ่สุดอบอุ่นสไตล์เกาหลีในบ้านร่มรื่นใจกลางพร้อมพงษ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Hinoiri Bar บาร์ลับสไตล์ญี่ปุ่นแถวย่านพร้อมพงษ์ https://thestandard.co/life/hinoiri-bar-phrom-phong Fri, 24 Feb 2023 12:00:16 +0000 https://thestandard.co/?p=754719 Hinoiri Bar

หากใครกำลังมองหาบาร์เปิดใหม่ในย่านพร้อมพงษ์อยู่ละก็ เรา […]

The post Hinoiri Bar บาร์ลับสไตล์ญี่ปุ่นแถวย่านพร้อมพงษ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Hinoiri Bar

หากใครกำลังมองหาบาร์เปิดใหม่ในย่านพร้อมพงษ์อยู่ละก็ เราอยากให้คุณไปลองบาร์ลับสไตล์ญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Hinoiri Bar (ฮิโนอิริ) บาร์นี้ตั้งอยู่กลางซอยสุขุมวิท 26 แต่เมื่อได้ชื่อว่าเป็นบาร์ลับตัวร้านก็ถือว่าลับจริงๆ เพราะร้านซ่อนตัวอยู่บริเวณชั้น 2 ของร้าน Mokuzou Juutaku ถ้าใครมารับประทานอาหารอยู่แล้ว แนะนำให้ลองแวะขึ้นไปที่ชั้น 2 ดู รับรองว่าเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก

 

 

The Vibe

 

ร้านนี้เป็นค็อกเทลบาร์ที่หยิบเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่นมาทำให้ล้ำสมัยมากขึ้น ด้วยการเลือกใช้แสงไฟและโทนสีที่ให้ความรู้สึกเหมือนโลกอนาคต แต่แกนหลักในการตกแต่งร้านนี้คือ พระอาทิตย์ เนื่องจากคำว่า Hinoiri แปลว่าแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตก จึงทำให้คอนเซปต์ของบาร์เป็นพื้นที่สังสรรค์ในช่วงเวลาหลังพระอาทิตย์ตก ทางร้านยังบอกอีกว่าอีกเหตุผลที่เลือกใช้พระอาทิตย์ เพราะเราสามารถมองเห็นความสวยงามได้ทุกวัน 

 

ในเรื่องของเพลงในร้านต้องบอกเลยว่าพิเศษมากๆ เพราะเพลงที่ดีเจเลือกเปิดจะมีความหลากหลาย ทั้ง Pop, Jazz, Hip-Hop ไปจนถึง Oldies 70-80 เลยทีเดียว 

 

 

The Taste

 

จากคอนเซปต์ว่าด้วยเรื่องช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตก ไม่ได้จบแค่การตกแต่งร้านเท่านั้น ยังส่งต่อมาถึงเมนูเครื่องดื่มแต่ละเมนูอีกด้วย 

 

เริ่มต้นที่แก้วแรกมีชื่อว่า After Sunset (ราคา 400 บาท) โดยชื่อมาจากความตั้งใจที่อยากให้แก้วนี้เป็นแก้วที่ดื่มหลังจากอาหารเย็น เป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ๆ จะตกดิน เมนูนี้อาจมีความแรงสักเล็กน้อยเพราะมีส่วนผสมหลักเป็น Rum Infused Vanilla แต่จะได้ความหอมจาก Malai Syrup และมีการ Smoke ก่อนจะเสิร์ฟ ทำให้แก้วนี้มีความหวานหอม ถ้าใครที่ชอบดื่ม Old Fashioned แต่อยากติดหวานแนะนำให้เริ่มที่เมนูนี้เลย

 

 

แก้วต่อมาที่ร้านแนะนำให้ลองสั่งคือเมนู Before Sunrise (ราคา 400 บาท) ที่แปลว่าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ที่มาคือทางร้านอยากให้แก้วนี้เป็นเครื่องดื่มแก้วท้ายๆ ที่จะสั่งก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นแล้วต้องแยกย้ายกันไปนอน เมนูนี้มีส่วนผสมหลักเป็น Shochu แล้วเติมความสดชื่นด้วยน้ำผลไม้ต่างๆ ทั้ง เสาวรส ส้มยูซุ และแก้วมังกรแดง ทำให้ภาพรวมแก้วนี้ถือว่าดื่มง่าย สดชื่น เหมือนดื่มน้ำผลไม้

 

 

มาถึงเครื่องดื่มเมนูสุดท้ายที่ร้านบอกว่าเป็น ‘Obarkase’ (โอมากาเสะเครื่องดื่ม) เราเลยอยากให้ทางร้านคิดเครื่องดื่มที่ดื่มง่าย ดื่มได้เรื่อยๆ ทั้งคืน ทางร้านเลยเสนอเมนู Purple Forest (ราคา 350-400 บาท) เครื่องดื่มสีม่วงที่มีเบสเป็น Gin และเติมสีม่วงด้วยลาเวนเดอร์และอัญชัน ภาพรวมแก้วนี้ออกมาในโทนที่ดื่มง่าย ดื่มได้เรื่อยๆ คล้ายกับน้ำผลไม้แต่จะได้ความหอมจากดอกไม้ เหมาะกับเป็นเครื่องดื่มระหว่างคืนนั้นจริงๆ

 

 

ถ้ามาบาร์นี้แล้วไม่ได้สั่งอาหารถือว่าพลาดมาก เพราะแต่ละเมนูทางร้านเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีมากๆ หรือบางอย่างที่สามารถทำขึ้นมาเองได้ทางร้านก็จะทำ เช่น ชีสบางตัวในเซ็ตโคลด์คัต ซอสที่ใช้จิ้มกับของทอด ไปจนคิดสูตรที่ดิปกับนาโชส์

 

 

Good for…

 

โดยรวมแล้วบาร์นี้เหมาะกับคนที่ชอบฟังเพลงที่มิกซ์กันสนุกๆ ไปพร้อมๆ กับเครื่องดื่มที่ถูกคิดขึ้นเพื่อคุณแบบที่ไม่เหมือนใครตามคอนเซปต์ ‘We Craft Your Own Drink’ หรือไม่ก็อาจจะเหมาะกับคนที่ชอบเสพบรรยากาศล้ำๆ ออกแนว Sci-Fi นิดๆ เพราะที่นี่ใช้การฉายแสงและกราฟิกที่ล้ำมากจริงๆ ใครมารับรองว่าได้สัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่มที่ดีในบรรยากาศล้ำๆ และได้รูปกลับไปแน่ๆ

 

 

Hinoiri Bar

Open: เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-00.00 น.

Address: ชั้น 2 ของร้าน Mokuzou Juutaku กลางซอยสุขุมวิท 26 

Facebook: Hinoiri Bar 

Budget: 400-1,000 บาท

Map: https://goo.gl/maps/MmCJHGvJwugqxTeJ9 

 

The post Hinoiri Bar บาร์ลับสไตล์ญี่ปุ่นแถวย่านพร้อมพงษ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เตรียมเปิด IKEA แห่งที่ 4 ในประเทศไทย ปักหลักตรง Emsphere ใจกลางย่านพร้อมพงษ์ https://thestandard.co/ikea-emsphere-phrom-phong/ Fri, 25 Mar 2022 10:10:00 +0000 https://thestandard.co/?p=610003 IKEA

IKEA ร้านขายเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้านจากสวีเดน เต […]

The post เตรียมเปิด IKEA แห่งที่ 4 ในประเทศไทย ปักหลักตรง Emsphere ใจกลางย่านพร้อมพงษ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
IKEA

IKEA ร้านขายเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในบ้านจากสวีเดน เตรียมเปิดช็อปแห่งใหม่ แห่งที่ 4 ในประเทศไทย บนถนนสุขุมวิท ต่อจากบางนา บางใหญ่ และภูเก็ต โดยปักหลักยังห้างสรรพสินค้าใหม่ Emsphere จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายของอาณาจักรห้างสรรพสินค้า EM District ในเครือ The Mall Group

 

“IKEA และพันธมิตรจะประกาศรายละเอียดของความร่วมมือในครั้งนี้ เร็วๆ นี้” IKEA กล่าวในแถลงการณ์

 

รายละเอียดเบื้องต้น ทาง IKEA เปิดเผยแต่เพียงว่า สโตร์แห่งนี้จะตั้งอยู่บน Emsphere ห้างสรรพสินค้าแห่งล่าสุดใจกลางกรุงที่กำลังใกล้แล้วเสร็จ โดย Emsphere เป็นห้างสรรพสินค้าสูง 27 ชั้น มีพื้นที่รวมทั้งหมด 193,000 ตารางเมตร  ตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 22 และ 24 บริเวณพื้นที่สวนสนุกไดโนซอร์แพลนเน็ตเดิม ศูนย์การค้าแห่งใหม่นี้ ถูกวางให้เป็นศูนย์รวมของนวัตกรรม และความบันเทิงในย่านพร้อมพงษ์ รองรับการจัดงาน คอนเสิร์ต การประกาศผล และมอบรางวัลต่างๆ 

 

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของ IKEA แห่งที่ 4 หากมีอะไรคืบหน้าเราจะมาอัปเดตแน่นอน 

 

แต่ที่แน่ๆ ชาวสุขุมวิทเตรียมตัวรถติดได้เลย

 

ภาพ: IKEA

The post เตรียมเปิด IKEA แห่งที่ 4 ในประเทศไทย ปักหลักตรง Emsphere ใจกลางย่านพร้อมพงษ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>