ป.ป.ส. – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 16 Jun 2025 09:03:46 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ป.ป.ส. ขยายผลยึดทรัพย์เครือข่าย ‘ร.ต.ต. ป้ายแดง’ เอี่ยวขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด https://thestandard.co/oncb-seizes-assets-5m-drug-network/ Mon, 16 Jun 2025 09:03:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1085542

วันนี้ (16 มิถุนายน) พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิกา […]

The post ป.ป.ส. ขยายผลยึดทรัพย์เครือข่าย ‘ร.ต.ต. ป้ายแดง’ เอี่ยวขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (16 มิถุนายน) พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ได้สั่งการด่วนให้ขยายผลและตรวจสอบทรัพย์สินของเครือข่าย ‘ร.ต.ต. ป้ายแดง’ ที่ร่วมขบวนการขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด และถูกจับกุมได้ที่ด่านในจังหวัดเชียงราย โดยเบื้องต้นสามารถยึดทรัพย์สินได้แล้วกว่า 50 ล้านบาท

 

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวย้ำอย่างเด็ดขาดว่า ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบพลัน และยึดทรัพย์สินให้ตกเป็นของแผ่นดิน โดยจะไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาดของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร และข้อสั่งการของ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มุ่งเน้นการทำลายเครือข่ายและตัดวงจรทางการเงินของผู้ค้ายาเสพติด

 

คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 โดยความร่วมมือระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส., กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย คือ ณรงค์เดช ณ พัทลุง, สนธยา ศรีสุวรรณ และ โกมล บุญทอง พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 5,000,000 เม็ด ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

 

จากการสืบสวนพบว่า ณรงค์เดช ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร้อยตำรวจตรี (ร.ต.ต.) สังกัดศูนย์ฝึกตำรวจภูธรภาค 8 และเพิ่งสำเร็จการฝึกอบรมมาได้เพียง 3 เดือน ก่อนจะร่วมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด

 

พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ จึงได้สั่งการให้สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 8 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและยึดทรัพย์สินของณรงค์เดชโดยทันที ผลการตรวจค้นบ้านพัก 2 แห่งในแฟลตตำรวจศูนย์ฝึกฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี สามารถอายัดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบได้เป็นจำนวนมาก อาทิ เงินสด 200,000 บาท, ทองคำแท่ง 5 บาท, โฉนดที่ดิน 3 แปลง เนื้อที่รวม 44 ไร่, รถยนต์ 2 คัน และบัญชีธนาคารอีก 8 เล่ม รวมมูลค่าทรัพย์สินเบื้องต้นกว่า 50 ล้านบาท

 

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเน้นย้ำเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินที่ซุกซ่อนไว้ทั้งหมด เพื่อดำเนินการยึดอายัดเพิ่มเติม และขอย้ำเตือนไปยังเจ้าหน้าที่รัฐทุกคน หากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ว่าจะในฐานะผู้ค้า ผู้ลำเลียง หรือผู้ให้การสนับสนุน จะไม่มีการละเว้น จะถูกดำเนินคดีอาญาอย่างเฉียบพลัน มีโทษสถานหนัก และทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด จะถูกยึดให้ตกเป็นของแผ่นดินทั้งหมด เพื่อตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดให้สิ้นตามนโยบายของรัฐบาล

The post ป.ป.ส. ขยายผลยึดทรัพย์เครือข่าย ‘ร.ต.ต. ป้ายแดง’ เอี่ยวขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักวิชาการ มธ. กังวลคำพูด ‘ทักษิณ’ หลังประกาศจัดการว้าแดง เสี่ยงผิดกฎหมายระหว่างประเทศ https://thestandard.co/thaksin-wa-red-remarks-international-law-risk/ Wed, 28 May 2025 11:28:06 +0000 https://thestandard.co/?p=1079613 รศ. ดร.ม.ล.พินิตพันธุ์ บริพัตร เตือนคำกล่าวของทักษิณอาจกระทบความสัมพันธ์ไทย-เมียนมา

จากกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษา […]

The post นักวิชาการ มธ. กังวลคำพูด ‘ทักษิณ’ หลังประกาศจัดการว้าแดง เสี่ยงผิดกฎหมายระหว่างประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รศ. ดร.ม.ล.พินิตพันธุ์ บริพัตร เตือนคำกล่าวของทักษิณอาจกระทบความสัมพันธ์ไทย-เมียนมา

จากกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษาประธานอาเซียน ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ‘ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน‘ ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตอนหนึ่งว่า แหล่งผลิตยาเสพติดที่สำคัญอยู่ในพื้นที่ของกลุ่มกองกำลังติดอาวุธว้าแดง เขตรัฐฉาน อีกภายใน 1-2 เดือน รมว.การต่างประเทศ จะต้องเข้าไปพบปะกับผู้นำเมียนมาให้จัดการ หากทำไม่ได้ ประเทศไทยคงต้องขออนุญาตจัดการด้วยตนเอง และหากยังผลิตจะถือว่าเป็นศัตรู

 

รศ. ดร.ม.ล.พินิตพันธุ์ บริพัตร ภาควิชาการระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองและการต่างประเทศเมียนมา เปิดเผยว่า เห็นด้วยในหลักการว่าต้องมีการจัดการกับกลุ่มว้าแดงเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในประเทศไทย แต่ต้องเป็นการทำงานอย่างรัดกุมและคำนึงถึงประเด็นระหว่างประเทศที่มีความอ่อนไหวด้วย ส่วนตัวรู้สึกกังวลและไม่ค่อยเห็นด้วยกับการสื่อสารของคุณทักษิณที่พูดว่า หากรัฐบาลทหารเมียนมาจัดการไม่ได้จะขอเป็นฝ่ายเข้าไปจัดการด้วยตนเอง ตรงนี้อาจจะก่อให้เกิดการตั้งข้อสังเกตได้ว่าเป็นสัญญาณที่ออกมาจากรัฐบาลไทยหรือไม่ หรือเป็นสัญญาณที่ออกมาจากฝ่ายความมั่นคงไทยหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้อาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ในหลายๆ เรื่อง

 

รศ. ดร.ม.ล.พินิตพันธุ์ กล่าวว่า การใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดตามที่คุณทักษิณกล่าวอ้างนั้นอาจทำให้ผู้ฟังคาดเดาไปว่า ไทยอาจจะแทรกแซงโดยส่งกองกำลังฝ่ายความมั่นคงของไทยเข้าไปปราบปรามยาเสพติดหรือไม่ เรื่องนี้ควรต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะอาจเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของเมียนมา และสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอาจทำให้กองทัพเมียนมารู้สึกไม่ไว้วางใจ และหวาดระแวงว่า ทางการไทยจะมีนัยทางการเมืองในการเข้าไปสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมากลุ่มใดหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยที่พยายามจะเข้าไปมีบทบาทในการเป็นตัวกลางเจรจาสันติภาพระหว่างกลุ่มต่อต้านกับรัฐบาลทหาร

 

รศ. ดร.ม.ล.พินิตพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการผลิตยาเสพติดของกลุ่มว้าแดงอย่างมีนัยสำคัญมาราว 20 ปีก่อน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีหน่วยงานติดตามและดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับรัฐบาลและระดับท้องถิ่นที่ผู้บัญชาการกองกำลังต่างๆ เป็นผู้ดูแล รวมไปถึงบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศในการเรียกร้องกับรัฐบาลเมียนมาให้ช่วยบรรเทาและแก้ไขปัญหายาเสพติด ก็มีการทำมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

 

ทว่า รัฐบาลทหารเมียนมาก็มีข้อจำกัดในการเข้าไปบริหารจัดการ ด้วยรูปแบบการปกครองพื้นที่ของว้าแดงซึ่งมีความอิสระในการปกครองตนเอง เพราะได้ทำข้อตกลงหยุดยิงและมีการแบ่งสรรทางอำนาจต่างๆ กับรัฐบาลทหารเมียนมาอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 1990 มากไปกว่านั้นคือมิติของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและธุรกิจที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย จึงทำให้กองทัพไม่อยากเข้าไปกดดันหรือแทรกแซงว้าแดงมากนัก ยังไม่นับว่าภายหลังจากการรัฐประหารในปี 2021 เป็นต้นมา ได้ทำให้อิทธิพลของกองทัพลดน้อยถอยลงไปอย่างมากในบริเวณพื้นที่ชนกลุ่มน้อยต่างๆ ขณะที่กองกำลังติดอาวุธอย่างว้าแดงกลับมีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้น

 

ทั้งนี้ ช่องทางหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยทำมาโดยตลอดในทางการทูต คือการคุยกับรัฐบาลจีน โดยเฉพาะรัฐบาลท้องถิ่นซึ่งอยู่ในพื้นที่ยูนนาน ให้ช่วยดูแลและจัดการเรื่องยาเสพติดร่วมกัน และร้องขอรัฐบาลจีนให้หยุดส่งสารเคมีที่เป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบในการผลิตยาเสพติดให้กับกลุ่มว้าแดง 

 

มากไปกว่านั้น คือการบริหารจัดการพื้นที่ภายในประเทศในเรื่องการป้องปรามการเสพ การซื้อ และการลักลอบขนย้ายยาเสพติด และการใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการปราบปรามยาเสพติดบริเวณแนวชายแดนของกลุ่มผู้ค้ายา จะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเยียวยา บรรเทาผู้เสพยาเสพติด 

 

รศ. ดร.ม.ล.พินิตพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตัวแสดงที่สำคัญในการจัดการและแก้ไขปัญหายาเสพติดคือชนกลุ่มน้อยที่เป็นเครือข่ายของฝ่ายความมั่นคงไทย หรือเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยบริเวณตามแนวชายแดน ควรจะเป็นอีกหนึ่งกลไกที่สำคัญในการติดต่อประสานงาน และขับเคลื่อนร่วมกันเป็นเครือข่ายในการสนับสนุนการป้องปรามยาเสพติด รวมไปถึงการใช้กลไกที่สำคัญอย่างคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (TBC) ซึ่งเป็นเวทีในการหารือเรื่องความมั่นคง ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการพูดคุยแก้ไขปัญหาเรื่องยาเสพติด 

 

“สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ สิ่งที่คุณทักษิณพูดเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยดำเนินการมาโดยตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะต้องดำเนินการให้มีความเข้มแข็ง จับต้องได้ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการดำเนินการความสัมพันธ์ทางการทูตกับทั้งรัฐบาลกลางเมียนมา รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นของจีน สิ่งเหล่านี้ควรจะเป็นตัวเลือกในเบื้องต้นก่อนที่จะคิดถึงการใช้ความรุนแรง ที่อาจจะก่อให้เกิดการละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน” รศ. ดร.ม.ล.พินิตพันธุ์ กล่าว

The post นักวิชาการ มธ. กังวลคำพูด ‘ทักษิณ’ หลังประกาศจัดการว้าแดง เสี่ยงผิดกฎหมายระหว่างประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ป.ป.ส. แจง เชิญ ‘ทักษิณ’ ปาฐกถาปราบยาเสพติด ชี้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์ ปัดเชิญเป็นที่ปรึกษาทำงาน https://thestandard.co/oncb-invites-thaksin-drug-policy-speech/ Mon, 26 May 2025 12:31:54 +0000 https://thestandard.co/?p=1078782 ป.ป.ส.

วันนี้ (26 พฤษภาคม) พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ […]

The post ป.ป.ส. แจง เชิญ ‘ทักษิณ’ ปาฐกถาปราบยาเสพติด ชี้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์ ปัดเชิญเป็นที่ปรึกษาทำงาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ป.ป.ส.

วันนี้ (26 พฤษภาคม) พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ชี้แจงถึงกรณีการเชิญ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ ‘ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมอง และความท้าทาย ต่อการแก้ไขปัญหา อย่างยั่งยืน’ ในการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด (ครส.) ครั้งที่ 3/2568 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ณ สำนักงาน ป.ป.ส.

 

พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ กล่าวว่า การเชิญทักษิณมาปาฐกถาเป็นแนวคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธาน ครส. โดย ป.ป.ส. เป็นผู้ดำเนินการออกหนังสือเชิญในฐานะหน่วยงาน ซึ่งท่านมองว่าทักษิณเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ วิสัยทัศน์ และประสบการณ์ในการกำหนดนโยบายยาเสพติดของประเทศไทยจนประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นช่วงที่ประเทศไทยสามารถประกาศชัยชนะเหนือปัญหายาเสพติดได้

 

เลขาธิการ ป.ป.ส. ย้ำว่า ในฐานะข้าราชการประจำ ตนมองว่าการปาฐกถาของทักษิณจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และกรรมการ ครส. ในการรับฟังองค์ความรู้และแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต ซึ่งจะนำมาปรับปรุง แก้ไข และพัฒนากลไกของรัฐในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลไกการขับเคลื่อน ‘STOP SEAL SAVE’ และการเอ็กซเรย์พื้นที่ 12 จังหวัด เพื่อความปลอดภัยและความสุขของประชาชน

 

พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ ยอมรับว่าตนเองและผู้บริหารรุ่นปัจจุบันหลายคนยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวเมื่อ 30 ปีที่แล้ว จึงต้องการรับฟังจากปากของทักษิณโดยตรงเกี่ยวกับนโยบายประกาศสงครามยาเสพติด และการตัดตอนที่เคยได้ยินมา เพื่อทำความเข้าใจถึงแนวคิดและวิธีการดำเนินการในสมัยนั้นอย่างแท้จริง

 

เมื่อถูกถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์และการมองในมิติทางการเมือง พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ ยืนยันว่า ตนเป็นข้าราชการประจำ ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมองในมิติทางการเมืองแต่อย่างใด และไม่มีความกดดันจากการเชิญทักษิณมาปาฐกถา ท่านยังกล่าวเสริมว่า การรับฟังผู้มีประสบการณ์ที่เคยทำสำเร็จแล้ว จะเป็นประโยชน์ในการปรับปรุงและพัฒนาการทำงานของ ป.ป.ส. ให้ประสบผลสำเร็จ

 

เลขาธิการ ป.ป.ส. ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการเชิญทักษิณมาเป็นที่ปรึกษาหรือกรรมการในบอร์ด โดยกล่าวว่า “ตนมิบังอาจเชิญท่านมาเป็นที่ปรึกษา เพียงแค่ได้ฟังท่านมาให้คำแนะนำ ก็คงจะได้แนวคิดพอสมควรแล้ว”

 

การประชุมและปาฐกถาพิเศษจะจัดขึ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.30-16.30 น. โดย ทักษิณ ชินวัตร จะกล่าวปาฐกถาในช่วงเวลา 13.40-14.20 น. ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิตย์ อาคาร 2 ชั้น 3 สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง) กรุงเทพมหานคร และมีการประชุมทางไกลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในส่วนภูมิภาคด้วย

The post ป.ป.ส. แจง เชิญ ‘ทักษิณ’ ปาฐกถาปราบยาเสพติด ชี้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์ ปัดเชิญเป็นที่ปรึกษาทำงาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
รวบหนุ่มไทยลอบขนเฮโรอีน 17.6 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ซุกมากับอาหารสัตว์-กาแฟ ข้ามแดนหนองคาย https://thestandard.co/heroin-smuggling-nongkhai-border-arrest/ Sat, 17 May 2025 05:33:45 +0000 https://thestandard.co/?p=1075257 เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายตรวจยึด เฮโรอีน ซุกในอาหารสัตว์และกาแฟจากชายไทย

วานนี้ (16 พฤษภาคม) ด่านศุลกากรหนองคาย ร่วมกับหน่วยงานส […]

The post รวบหนุ่มไทยลอบขนเฮโรอีน 17.6 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ซุกมากับอาหารสัตว์-กาแฟ ข้ามแดนหนองคาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายตรวจยึด เฮโรอีน ซุกในอาหารสัตว์และกาแฟจากชายไทย

วานนี้ (16 พฤษภาคม) ด่านศุลกากรหนองคาย ร่วมกับหน่วยงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย, กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี, ตำรวจภูธรเมืองหนองคาย, หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตหนองคาย และตำรวจตระเวนชายแดน จับกุมหนุ่มไทยพร้อมเฮโรอีนน้ำหนักรวมกว่า 17.6 กิโลกรัม มูลค่าปลายทางกว่า 61 ล้านบาท

 

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 18.30 น. คุณากร (สงวนนามสกุล) ได้เดินทางจาก สปป.ลาว เข้ามายังประเทศไทยพร้อมกระเป๋าสัมภาระ 2 ใบ ซึ่งภายในบรรจุอาหารสัตว์ ถุงกาแฟ และของอุปโภคบริโภคต่างๆ เจ้าหน้าที่ศุลกากรสังเกตเห็นลักษณะบรรจุภัณฑ์ที่น่าสงสัย จึงได้นำกระเป๋าดังกล่าวเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ และพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายผงสีขาวบรรจุอยู่ในถุงกาแฟ 5 ถุง และถุงอาหารสัตว์ (อาหารแมว, อาหารกระต่าย) อีก 13 ถุง เมื่อนำตัวอย่างไปทดสอบด้วยน้ำยา ONCB051 พบว่าแสดงผลเป็นสีม่วง ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน)

 

จากการสอบสวนเบื้องต้น คุณากร ให้การว่า ตนเดินทางไปนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับน้องชายที่ถูกจับกุมใน สปป.ลาว ข้อหาครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ต่อมาได้รับการติดต่อจากหญิงชื่อ พิณทิพย์ (สงวนนามสกุล) หรือ อาย ผ่านทางแอปพลิเคชัน WhatsApp แจ้งว่าจะมีคนนำกระเป๋ามาให้

 

จากนั้นเวลาประมาณ 14.40 น. ของวันเดียวกัน มีชายผิวสี (ไม่ทราบสัญชาติ) นำกระเป๋าสัมภาระดังกล่าวมาให้ตน พร้อมสั่งให้นำกระเป๋าไปส่งที่บริษัทขนส่งภายในประเทศ โดยมีปลายทางที่จังหวัดสงขลา ซึ่งข้อมูลผู้รับจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหลังข้ามมาถึงประเทศไทยแล้ว ตนจึงนำกระเป๋าขึ้นรถประจำทางเดินทางกลับเข้าไทย เมื่อผ่านช่องตรวจของศุลกากรจึงถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจและพบยาเสพติดดังกล่าว

 

ยาเสพติดที่ตรวจยึดได้มีน้ำหนักรวมประมาณ 17.6 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าเบื้องต้นประมาณ 5,280,000 บาท แต่หากสามารถลักลอบนำไปจำหน่ายยังปลายทางได้ คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 61,000,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวคุณากรพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

The post รวบหนุ่มไทยลอบขนเฮโรอีน 17.6 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ซุกมากับอาหารสัตว์-กาแฟ ข้ามแดนหนองคาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ป.ป.ส. สั่งคุมเข้ม ‘กระท่อม’ ทั่วประเทศ ลุยปราบการใช้ผิดกฎหมาย กังวลเป็นบันไดสู่ยาเสพติดอื่น https://thestandard.co/thai-government-kratom-policy/ Thu, 08 May 2025 11:59:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1072542 thai-government-kratom-policy

วันนี้ (8 พฤษภาคม) พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการค […]

The post ป.ป.ส. สั่งคุมเข้ม ‘กระท่อม’ ทั่วประเทศ ลุยปราบการใช้ผิดกฎหมาย กังวลเป็นบันไดสู่ยาเสพติดอื่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
thai-government-kratom-policy

วันนี้ (8 พฤษภาคม) พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นประธานการประชุมผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ส. ครั้งที่ 4/2568 โดยมีประเด็นเร่งด่วนคือการแก้ไขปัญหาพืชกระท่อม ซึ่งแม้จะถูกถอดออกจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 แล้ว แต่ยังคงมีการควบคุมตามพระราชบัญญัติพืชกระท่อม พ.ศ. 2565

 

พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะมาตรา 24 และ 25 ที่ห้ามขายใบกระท่อมให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร รวมถึงการบังคับให้มีการติดป้ายประกาศ และห้ามขายในสถานที่หรือวิธีการที่กฎหมายกำหนด หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับเป็นพินัย นอกจากนี้ การนำเข้า-ส่งออกใบกระท่อมตามมาตรา 10 ซึ่งกฎกระทรวงอยู่ระหว่างการประกาศใช้ ก็ต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด

 

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึงกรณีการนำใบกระท่อมไปผสมกับวัตถุปรุงแต่ง สี กลิ่น รส หรือยาอันตราย เช่น ยาแก้ไอ ยาแก้แพ้ แล้วผลิตเป็นเครื่องดื่มเพื่อจำหน่าย ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 และ พ.ร.บ. ยา พ.ศ. 2510 ซึ่งมีโทษทางอาญาทั้งจำคุกและปรับ 

 

โดย พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งในประเด็นนี้ เนื่องจากเกรงว่าการใช้พืชกระท่อมในลักษณะที่ผิดกฎหมาย อาจนำไปสู่การเสพยาเสพติดประเภทอื่น ๆ โดยเฉพาะในบางพื้นที่ที่มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับพืชกระท่อมอย่างแพร่หลาย

 

ด้วยเหตุนี้ เลขาธิการ ป.ป.ส. จึงได้มีข้อสั่งการไปยังผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ส. กทม. และสำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 1-9 ให้ดำเนินการดังนี้:

 

 * ประสานงานกับฝ่ายปกครองและตำรวจในพื้นที่ เพื่อตรวจตราการจำหน่ายพืชกระท่อมให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากพบการฝ่าฝืน ให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ. พืชกระท่อมฯ หรือประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เพื่อบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายอาหาร หรือกฎหมายยา

 * สำรวจข้อมูลแหล่งผลิตน้ำต้มใบกระท่อม ลักษณะการขาย หรือการลักลอบจำหน่ายที่ผิดกฎหมาย และนำข้อมูลดังกล่าวไปเป็นเป้าหมายใน ‘ยุทธการเด็ดปีกนักค้ารายย่อย’ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ผลการปฏิบัติให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง

 

นอกเหนือจากประเด็นพืชกระท่อม ที่ประชุมยังได้รับทราบความคืบหน้าในประเด็นสำคัญอื่น ๆ เช่น ยุทธการเด็ดปีกนักค้ารายย่อย การตรวจสอบทรัพย์สิน กฎหมายและมาตรการควบคุมกัญชา และแนวทางการป้องกันการลักลอบขนส่งยาเสพติดผ่านระบบโลจิสติกส์

 

พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ ได้เน้นย้ำตอนท้ายการประชุมให้ผู้บริหารทุกท่านให้ความสำคัญกับการวางแผนการทำงานที่ชัดเจน และมุ่งมั่นพัฒนางานในความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจของสำนักงาน ป.ป.ส. บรรลุเป้าหมายและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน

The post ป.ป.ส. สั่งคุมเข้ม ‘กระท่อม’ ทั่วประเทศ ลุยปราบการใช้ผิดกฎหมาย กังวลเป็นบันไดสู่ยาเสพติดอื่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
ป.ป.ส. เตือนภัยยาเสพติด ‘ขนม-ลาบูบู้’ ระบาดช่วงสงกรานต์ คร่า 2 ชีวิต https://thestandard.co/oncb-warns-new-drug-labooboo-songkran/ Sun, 20 Apr 2025 03:54:59 +0000 https://thestandard.co/?p=1066227 ป.ป.ส.เตือนภัยยาเสพติดชนิดใหม่ "ขนม-ลาบูบู้" ที่ระบาดช่วงสงกรานต์ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย

วันนี้ (20 เมษายน) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม […]

The post ป.ป.ส. เตือนภัยยาเสพติด ‘ขนม-ลาบูบู้’ ระบาดช่วงสงกรานต์ คร่า 2 ชีวิต appeared first on THE STANDARD.

]]>
ป.ป.ส.เตือนภัยยาเสพติดชนิดใหม่ "ขนม-ลาบูบู้" ที่ระบาดช่วงสงกรานต์ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย

วันนี้ (20 เมษายน) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เตือนภัยยาเสพติดชนิดใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยมีชื่อเรียกในกลุ่มผู้เสพว่า ‘ขนม’ หรือ ‘ลาบูบู้’ หลังได้รับรายงานจากศูนย์พิษวิทยารามาธิบดีว่า พบผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยอาการหมดสติ กล้ามเนื้อเกร็ง หยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้น จำนวน 3 ราย ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการใช้ยาเสพติดดังกล่าว และเสียชีวิตแล้วถึง 2 ราย อีก 1 รายยังคงอาการสาหัสอยู่ในห้องไอซียู

 

พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า จากข้อมูลเบื้องต้นของศูนย์พิษวิทยาฯ คาดการณ์ว่าสารเสพติดขนมหรือลาบูบู้ อาจเป็นการผสมกันระหว่างยากลุ่มกระตุ้นประสาทและยากลุ่มกดประสาท ทำให้เกิดการเสริมฤทธิ์กันอย่างรุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการตรวจยืนยันชนิดของสารเสพติดจากห้องปฏิบัติการ

 

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์นี้มีความคล้ายคลึงกับกรณี เคนมผง ที่เคยคร่าชีวิตผู้เสพจำนวนมากเมื่อปี 2565 นอกจากนี้จากการตรวจพิสูจน์ของสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ยังพบยาอีที่มีลักษณะคล้ายตัวการ์ตูน ลาบูบู้ ซึ่งตรวจพบสาร MDMA (ยาอี), คีตามีน และกาเฟอีน โดยข้อสังเกตคือ ยาอีลาบูบู้ นี้มีปริมาณ MDMA ในความเข้มข้นสูงกว่ายาอีทั่วไป (พบ MDMA เพียง 40-50%) และมีการผสมคีตามีนและกาเฟอีน ทำให้ฤทธิ์ยาแรงขึ้นและเป็นอันตรายมากยิ่งขึ้น

 

พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ เตือนทิ้งท้ายว่า ยาเสพติดทุกชนิดเป็นอันตรายต่อร่างกายและสังคม พร้อมขอความร่วมมือประชาชน หากมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด แหล่งพักยา หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ให้แจ้งสายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยข้อมูลของผู้แจ้งจะถูกเก็บเป็นความลับ

 

อ้างอิง: 

The post ป.ป.ส. เตือนภัยยาเสพติด ‘ขนม-ลาบูบู้’ ระบาดช่วงสงกรานต์ คร่า 2 ชีวิต appeared first on THE STANDARD.

]]>
ป.ป.ส. เปิดห้องมั่นคง ตรวจรับยาเสพติด 27.82 ตัน เตรียมเผาทำลาย 10 เม.ย. นี้ ย้ำนโยบายรัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดจริงจัง https://thestandard.co/oncb-27-tons-of-drugs-destruction/ Tue, 08 Apr 2025 11:09:08 +0000 https://thestandard.co/?p=1061925

วันนี้ (8 เมษายน) ที่สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติ […]

The post ป.ป.ส. เปิดห้องมั่นคง ตรวจรับยาเสพติด 27.82 ตัน เตรียมเผาทำลาย 10 เม.ย. นี้ ย้ำนโยบายรัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดจริงจัง appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (8 เมษายน) ที่สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด (สวพ.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส. ) อภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นผู้นำในการเปิดห้องมั่นคงเพื่อดำเนินการตรวจรับยาเสพติดของกลางจำนวนมหาศาลกว่า 27.82 ตัน พร้อมด้วยคณะกรรมการตรวจรับยาเสพติดของกลาง และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อย., บช.ปส., กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, สพฐ.ตร. และหน่วยงานสนับสนุน

 

การเปิดห้องมั่นคงครั้งนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับการเผาทำลายยาเสพติดของกลางครั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 เมษายน 2568 โดยได้รับเกียรติจาก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี

 

อภิกิต รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การดำเนินการในวันนี้เป็นการเริ่มต้นกระบวนการทำลายยาเสพติดของกลางครั้งที่ 8 ของสำนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และเป็นครั้งที่ 3 ภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน โดยสอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ครบวงจร ตั้งแต่การสกัดกั้น ปราบปราม ไปจนถึงการจัดการยาเสพติดของกลางอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

 

ยาเสพติดของกลางที่นำมาตรวจรับในครั้งนี้มีน้ำหนักรวมกว่า 27.82 ตัน จาก 80 คดี ซึ่งเป็นผลจากการปฏิบัติงานอย่างหนักของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลจากปฏิบัติการ SEAL STOP SAFE ในพื้นที่ 51 อำเภอชายแดน ยาเสพติดทั้งหมดได้ผ่านการตรวจพิสูจน์ชนิดและปริมาณแล้ว และถูกเก็บรักษาอย่างปลอดภัยสูงสุด ประกอบด้วย ยาบ้า 126 ล้านเม็ด, ไอซ์กว่า 10.6 ตัน, เฮโรอีน, คีตามีน และยาเสพติดชนิดอื่นๆ

 

อภิกิตกล่าวต่อว่า กระบวนการตรวจรับและส่งมอบยาเสพติดของกลางจะดำเนินไประหว่างวันที่ 8-9 เมษายน 2568 โดยคณะกรรมการตรวจรับยาเสพติดของกลาง และคณะทำงานทำลายยาเสพติดของกลาง จะร่วมกันตรวจสอบชนิดและปริมาณยาเสพติดให้ตรงตามบัญชี ก่อนที่จะบรรจุลงหีบห่อและประทับตราภายใต้การรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง 

 

จากนั้นในช่วงเช้ามืดของวันที่ 10 เมษายน คณะทำงานฯ จะทำการขนย้ายยาเสพติดทั้งหมดไปยัง บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อดำเนินการเผาทำลายในเวลา 13.30 น. โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี

 

นอกจากนี้ ในวันที่ 13 เมษายน จะมีการตรวจสอบขี้เถ้าหลังการเผา เพื่อยืนยันว่ายาเสพติดทั้งหมดได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์

 

อภิกิตยืนยันว่า ทุกขั้นตอนการดำเนินการเป็นไปตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 อย่างเคร่งครัด โดยเน้นย้ำถึงความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่ายาเสพติดของกลางทั้งหมดจะถูกทำลายจนสิ้นซาก และไม่มีการรั่วไหลกลับเข้าสู่สังคมอย่างแน่นอน

The post ป.ป.ส. เปิดห้องมั่นคง ตรวจรับยาเสพติด 27.82 ตัน เตรียมเผาทำลาย 10 เม.ย. นี้ ย้ำนโยบายรัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดจริงจัง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ป.ป.ส. ยึดผงสีขาวกว่า 1,500 กิโลกรัมของบริษัทจีน ริมน้ำโขง จ.เชียงราย เร่งส่งพิสูจน์สารตั้งต้นยาเสพติด https://thestandard.co/oncb-seizes-1500kg-white-powder/ Tue, 11 Mar 2025 02:06:05 +0000 https://thestandard.co/?p=1050672 ผงสีขาว

ช่วงบ่ายวันที่ 10 มีนาคม เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามย […]

The post ป.ป.ส. ยึดผงสีขาวกว่า 1,500 กิโลกรัมของบริษัทจีน ริมน้ำโขง จ.เชียงราย เร่งส่งพิสูจน์สารตั้งต้นยาเสพติด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผงสีขาว

ช่วงบ่ายวันที่ 10 มีนาคม เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ร่วมกับตำรวจสถานีตำรวจภูธร (สภ.) เชียงแสน จังหวัดเชียงราย, ทหารเรือหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย, ทหารกองกำลังผาเมือง และด่านศุลกากรเชียงแสน ตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าเพื่อการส่งออกของเอกชน ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ติดกับแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว 

 

หลังจากสืบทราบว่าได้มีบริษัทเอกชนชาวจีนพยายามส่งวัตถุต้องสงสัยบรรจุในถุงกระสอบสีขาวขนาดใหญ่ 2 ใบ อ้างว่าเป็นเครื่องจักรจะนำไปส่งที่โรงโม่หินแห่งหนึ่งในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา แต่เจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วมีลักษณะต้องสงสัยจากการตรวจสอบไม่พบว่าเป็นเครื่องจักร อีกทั้งพบถังสีน้ำเงิน 6 ถัง แต่ละถังบรรจุผงสีขาวลักษณะสีขุ่นและมีกลิ่นฉุน รวมกว่า 1,500 กิโลกรัม

 

จากการใช้น้ำยาตรวจทดสอบเบื้องต้นผงสีขาวเปลี่ยนเป็นสีดำและสีฟ้าอ่อน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นสารเคมีชนิดใด จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างวัตถุดังกล่าวใส่ขวดพลาสติกจำนวน 7 ขวด ส่งไปตรวจที่สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อยืนยันว่าเป็นสารเคมีหรือเป็นสารตั้งต้นยาเสพติดให้โทษหรือไม่อย่างไรต่อไป

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบก่อน หากแน่ชัดว่าเป็นสารที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดจะมีการขยายผลการจับกุมต่อไป

 

อ้างอิง:

The post ป.ป.ส. ยึดผงสีขาวกว่า 1,500 กิโลกรัมของบริษัทจีน ริมน้ำโขง จ.เชียงราย เร่งส่งพิสูจน์สารตั้งต้นยาเสพติด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ป.ป.ส. เคยแจ้ง กฟภ. อายัดเงินหลักประกันซื้อขายไฟปี 65 แต่วันนี้ยังใช้อยู่! | THE STANDARD NOW https://thestandard.co/thestandardnow040268-2/ Wed, 05 Feb 2025 03:33:26 +0000 https://thestandard.co/?p=1038200 thestandardnow040268-2

เปิดหลักฐาน ป.ป.ส. เคยแจ้ง กฟภ. อายัดเงินหลักประกันสัญญ […]

The post ชมคลิป: ป.ป.ส. เคยแจ้ง กฟภ. อายัดเงินหลักประกันซื้อขายไฟปี 65 แต่วันนี้ยังใช้อยู่! | THE STANDARD NOW appeared first on THE STANDARD.

]]>
thestandardnow040268-2

เปิดหลักฐาน ป.ป.ส. เคยแจ้ง กฟภ. อายัดเงินหลักประกันสัญญาซื้อขายไฟบริษัทในเมืองบาปเมียนมาตั้งแต่ปี 65 แต่วันนี้ยังใช้อยู่!

 

คุยกับ พล.ท. ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ วีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.)

 

 

The post ชมคลิป: ป.ป.ส. เคยแจ้ง กฟภ. อายัดเงินหลักประกันซื้อขายไฟปี 65 แต่วันนี้ยังใช้อยู่! | THE STANDARD NOW appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดเอกสาร กฟภ. ถึง ป.ป.ส.-ปปง.-ตร.-ดีเอสไอ-กต. ปมตัดการขายไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนไทย https://thestandard.co/pea-docs-border-scam-electricity/ Thu, 30 Jan 2025 08:30:08 +0000 https://thestandard.co/?p=1036211

วันนี้ (30 มกราคม) หลังจาก อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐม […]

The post เปิดเอกสาร กฟภ. ถึง ป.ป.ส.-ปปง.-ตร.-ดีเอสไอ-กต. ปมตัดการขายไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (30 มกราคม) หลังจาก อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่ากระทรวงมหาดไทยเคยชงเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องการตัดการขายไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมาหากพบว่ามีการส่งไฟฟ้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่บัดนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนให้ความเห็นกลับมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ รับรองบริษัทคู่สัญญาจากเมียนมาให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับประเทศใกล้เคียงได้

 
จากการตรวจสอบข้อมูลจาก กฟภ. พบว่า กฟภ. เคยทำเรื่องขอความอนุเคราะห์พิจารณาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ รวมทั้งพิจารณาผลกระทบและเตรียมความพร้อมหากเกิดกรณีระงับการให้บริการจำหน่ายไฟฟ้าข้ามพรมแดนผ่านหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2567 แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ เช่น ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง, ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14, ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์, ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา, ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี, ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย, ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกาญจนบุรี, ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย, ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เป็นต้น

 
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 กฟภ. ยังทำหนังสือขอความอนุเคราะห์พิจารณาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศกรณีการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศไทยและใกล้เคียง ถึงผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก (ประธานคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา อำเภอแม่สาย)

 
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 กฟภ. ยังส่งหนังสืออีกฉบับถึงอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ เรื่องขอความอนุเคราะห์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา กำหนดมาตรการควบคุมกำกับดูแลการซื้อขายไฟฟ้า ณ จุดซื้อขายบริเวณบ้านวังผา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ประเทศไทย – ชเวโก๊กโก่ อำเภอเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

 
ขณะที่วันที่ 17 ธันวาคม 2567 กฟภ. ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ เรื่องขอความอนุเคราะห์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา กำหนดมาตรการควบคุมกำกับดูแลการซื้อขายไฟฟ้า ณ จุดซื้อขายบริเวณสะพานมิตรภาพและบ้านเหมืองแดง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย – อำเภอท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
 

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 กฟภ. ทำหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.), เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เรื่องขอความอนุเคราะห์พิจารณาตรวจสอบบริษัทผู้ขอซื้อไฟฟ้า และกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัท โดยมีประเด็นเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ายาเสพติดและกระบวนการฟอกเงินของผู้ได้รับสัมปทาน รวมถึงประเด็นความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของประเทศ แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบเช่นกัน

The post เปิดเอกสาร กฟภ. ถึง ป.ป.ส.-ปปง.-ตร.-ดีเอสไอ-กต. ปมตัดการขายไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>