พล.อ.​ ประวิตร ไปไหน?

คือคำถามที่นักข่าวถาม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.) หลังไม่พบ พล.อ. ประวิตร ในวันประชุม ครม. สัปดาห์ก่อนวันหยุดยาวสงกรานต์

ก่อนที่นายกฯ จะตอบติดตลกว่า “ไปหารายได้เสริมมั้ง” และบอกว่า ท่านลาไปดูแลสุขภาพ

วันนี้ (11 เม.ย.) คำถามเดียวกันถูกถามขึ้นโดย พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งเปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ให้คณะรัฐบาลและผู้นำทหารตบเท้ารดน้ำอวยพรสงกรานต์

“ป้อมไปไหน” พล.อ. เปรมถาม

พล.อ. ประยุทธ์ ตอบว่า “ท่านไม่สบาย ไปตรวจเช็กสุขภาพ เป็นเส้นเลือดหัวใจ ต้องไปบายพาส”

มีรายงานจากผู้สื่อข่าวสายทหารยืนยันว่า พล.​อ. ประวิตร ได้เข้ารับการทำบายพาสรักษาโรคหัวใจจริง แต่ไม่ยืนยันว่ารักษาตัวภายในประเทศหรือต่างประเทศ

ย้อนไปเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 3 ปีที่ คสช. ทำการรัฐประหาร ได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดขึ้นที่ห้องวงษ์สุวรรณ โรงพยาบาลพระมงกุฎ

ช่วงนั้นเองมีรายงานข่าวว่า พล.อ. ประวิตร นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ด้วยอาการเส้นเลือดหัวใจตีบ และมีการผ่าตัดบายพาสหัวใจ

ย้อนไปช่วงนั้น พล.อ. ​ประวิตร ไม่ปรากฏตัวเลยเกือบ 2 สัปดาห์ ก่อนจะกลับมาทำงานพร้อมถูกตั้งข้อสังเกตถึงความพร้อมของร่างกายในการทำหน้าที่ ณ เวลานั้น

The post ป๋าเปรมถามหาประวิตร ประยุทธ์ตอบ ไปรักษาตัว บายพาสหัวใจ appeared first on THE STANDARD.

ประตูบ้านสี่เสาเทเวศร์เปิดต้อนรับคณะรัฐบาลและผู้นำเหล่าทัพทุกคณะทุกปีในทุกวันสำคัญ จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง

สงกรานต์ปีนี้ก็เช่นกัน ประตูบ้านสี่เสาเทเวศร์เปิดอีกครั้งเพื่อให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) และผู้นำเหล่าทัพ ตลอดจนข้าราชการระดับสูง ตบเท้าเข้ารดน้ำอวยพร พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

นอกจากการรายงานสถานการณ์บ้านเมืองและการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลแล้ว สิ่งที่พล.อ. ประยุทธ์ เป็นห่วงมากที่สุดก็คือสุขภาพของ พล.อ. เปรม

ผมเป็นเพื่อนกับนายกฯ มาหลายสิบปี เดี๋ยวนี้เราก็ยังเป็นเพื่อน ผมก็ยินดี ภูมิใจมาก ที่นายกฯ ได้บริหารประเทศโดยพวกเราเป็นผู้สนับสนุน

ขณะที่ พล.อ. เปรม เปิดโอกาสให้ผู้นำรัฐบาลและผู้นำเหล่าทัพเพียง 9 คน รดน้ำตามประเพณี เนื่องจากปัญหาสุขภาพ นำโดยนายกรัฐมนตรี ตามด้วยรองนายกฯ สายทหาร 2 คน พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ ตามด้วยปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้นำ 3 เหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ทั้งนี้ พล.อ.​ เปรม ได้กล่าวขอโทษทุกคนที่ไม่สามารถให้รดน้ำได้ทั้งหมด แต่ว่าใจจริงนั้นเป็นเพื่อนกันเสมอ และจะเป็นเพื่อนตลอดไป

“ผมเป็นเพื่อนกับนายกฯ มาหลายสิบปี เดี๋ยวนี้เราก็ยังเป็นเพื่อน ผมก็ยินดี ภูมิใจมาก ที่นายกฯ ได้บริหารประเทศโดยพวกเราเป็นผู้สนับสนุน”

เช้าวันนี้ (11 เม.ย.) พล.อ.​ เปรม เปิดบ้านให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีและผู้นำเหล่าทัพ เข้าพูดคุยภายในบ้านสี่เสาเทเวศร์ ก่อนที่จะเดินออกมาพร้อมนายทหารติดตามเพื่อรับการอวยพร และกล่าวอวยพรผู้นำรัฐบาลและผู้นำเหล่าทัพ

พล.อ. ​ประยุทธ์ กล่าวว่า “เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ และวันขึ้นปีใหม่ไทยซึ่งถือว่าวาระมิ่งมงคล คนไทยทุกคนก็จะใช้โอกาสนี้ไปกราบคารวะเยี่ยมเยือนพ่อแม่ผู้มีพระคุณเพื่อกราบอวยพร

“ในวันนี้พวกเรามาในหลายฐานะด้วยกัน ฐานะแรกในนามของรัฐบาล ต่อไปก็เป็นส่วนของเหล่าทัพ และตลอดจนข้าราชการระดับสูงที่มาร่วมใจกันกราบอวยพรในวันนี้

“สิ่งที่พวกเราทำตลอดเราได้ยึดถือหลักการของ ฯพณฯ ท่านประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ก็คือเราเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ซึ่งอยู่ในจิตใจของเราทุกคนเสมอมา และก็จะถ่ายทอดไปให้คนรุ่นหลัง

“วันนี้สถานการณ์บ้านเมืองก็เปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควรจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เราต้องเตรียมความพร้อมกับประเทศชาติของเราให้พร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งภัยคุกคามรูปแบบเก่าและรูปแบบใหม่

“วันนี้มีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องของความขัดแย้ง โรคอุบัติใหม่ สภาวะอากาศโลกเปลี่ยนแปลง และสงครามเศรษฐกิจ ประเทศไทยต้องพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

“วันนี้บ้านเมืองเรากำลังก้าวหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล ขณะเดียวกันเราต้องเตรียมความพร้อมว่าเราจะเป็นประชาธิปไตยอย่างไร อันนี้คือสิ่งสำคัญที่สุด จะต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล โปร่งใส และเป็นธรรม วันนี้รัฐบาลต้องบังคับใช้กฎหมายอยู่หลายตัว แน่นอนความไม่พอใจย่อมมีอยู่บ้าง ในส่วนนี้วันหน้าทุกอย่างก็จะดีขึ้น เพราะกฎหมายเป็นหลักการที่ทำให้เกิดความเท่าเทียม ซึ่งไม่ได้หมายความว่าให้ทุกคนเท่ากันหมด มันเป็นไปไม่ได้ ความเท่าเทียมคือให้ทุกคนมีโอกาสที่จะเท่ากันในการดำรงชีวิต อาชีพ และรายได้ ที่เราเรียกง่ายๆ ว่าการจัดระเบียบ

“ประการสำคัญคือสื่อ โซเชียลมีเดีย ซึ่งเจริญเติบโตไปมาก ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี สิ่งที่พวกเราทำอยู่ตอนนี้คือการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ว่าเป็น คสช. หรือรัฐบาลใดก็ตาม แต่หากมุ่งมั่นใช้กฎหมายเพียงอย่างเดียวก็ไม่มีวันสำเร็จ ต้องร่วมมือกันคิดร่วมมือกันทำ ซึ่งตอนนี้รัฐบาลใช้แนวทางประชารัฐที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แน่นอนคงไม่ง่าย แต่ไม่ยากนัก ถ้าเกิดคนไทยทุกคนที่มีจิตใจเป็นคนไทยอย่างแท้จริงร่วมมือกัน เว้นแต่คนที่ไม่ใช่คนไทยโดยจิตใจที่แท้จริง ซึ่งก็มีอยู่พอสมควร

“สิ่งที่พวกเราเป็นห่วงอยู่เพียงอย่างเดียวคือสุขภาพร่างกาย ก็อยากให้แข็งแรง อยู่กับพวกเราไปให้นานเท่านาน

“วันนี้ก็มากราบอวยพรท่านประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษด้วยความคิดถึง ด้วยความห่วงใย ท้ายที่สุดผมขอขอบพระคุณที่ให้โอกาสพวกเรามาอวยพรในวันนี้”

ขณะที่ พล.อ. เปรม กล่าวว่า “ขอบคุณที่กรุณามีเมตตากับผม นำผู้บริหารประเทศ ผบ.เหล่าทัพ มาอวยพรในวันที่สำคัญของประเทศของเรา

“ขอชมเชยนายกรัฐมนตรี ที่กรุณาดำรงความเป็นไทยในปีใหม่ของไทย และก็มาให้พรซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่น่าชมเชยมาก นายกฯ ทำได้ดีมากในการที่รักษาประเพณีของไทยไว้

“สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนไทยนับถือ และนายกฯ ก็ดำรงความเป็นไทยไว้ได้ตลอดมา เพราะฉะนั้นนายกฯ ก็จะประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ เพราะนายกฯ ถือว่าเป็นคนไทยที่เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

“เป็นสิ่งที่ประเสริฐมาก ผมดีใจที่นายกฯ เป็นผู้นำที่ทำอะไรเป็นตัวอย่างแก่คนในชาติบ้านเมืองของเรา ให้เห็นว่าการรักษาความเป็นไทยเป็นสิ่งสำคัญ เป็นสิ่งที่คนไทยต้องยึดถือ

“ผมต้องขอโทษที่ไม่สามารถให้ทุกคนไปรดน้ำได้ ทั้งๆ ที่อยากคุยด้วย และตอนนี้นายกฯ งานก็เยอะ และผมก็ไม่มีเวลามากพอที่จะให้ทุกคนไปรดน้ำด้วย

“ในใจของผมนี้ เป็นพวกเราเสมอ ผมพยายามเฝ้าดูว่านายกฯ จะพาประเทศของเราไปได้สำเร็จ จะใช้เวลาสักเท่าไร อย่างไรก็ตามผมมั่นใจในนายกฯ และพวกเราทุกคน ว่าจะเป็นแรงสนับสนุนที่ดีของนายกฯ ให้สามารถดำเนินการบริหารประเทศของเราให้สำเร็จให้ได้

“ขอโทษอีกครั้งที่ไม่สามารถให้ทุกคนเข้ามารดน้ำได้ แต่ว่าใจจริงนั้นผมเป็นเพื่อนกับคุณเสมอ จะเป็นเพื่อนตลอดไป ผมเป็นเพื่อนกับนายกฯ มาหลายสิบปี เดี๋ยวนี้เราก็ยังเป็นเพื่อน ผมก็ยินดี ภูมิใจมากที่นายกฯ ได้บริหารประเทศโดยพวกเราเป็นผู้สนับสนุน”

The post ป๋าเปรมย้ำ เกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน บอกนายกฯ เป็นเพื่อนกันตลอดไป ประยุทธ์ห่วงสุขภาพ appeared first on THE STANDARD.

     ตำนานการเมืองที่ยังมีชีวิตอย่างแท้จริง สำหรับ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งจะมีอายุครบ 97 ปี ในวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคมนี้

     ผู้นำประเทศไม่ว่ายุคไหน ต้องตบเท้าเข้าอวยพร ‘ป๋าเปรม’ ในโอกาสสำคัญทั้งวันเกิดและวันสำคัญต่างๆ เช่น วันปีใหม่และวันสงกรานต์

     เช่นเดียวกับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ที่จะนำคณะรัฐมนตรีและผู้นำเหล่าทัพเรียงแถวเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิด ‘ป๋าเปรม’ ล่วงหน้าในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์

     เคยสงสัยไหมว่า ทำไมใครๆ ก็ต้องเคาะประตูบ้านอวยพร ‘ป๋าเปรม’ ในวันสำคัญ

ย้อนเส้นทางการเมือง พล.อ. เปรม

     พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 16 ของประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีจากคำเชิญของรัฐสภาถึง 3 สมัย ระหว่างปี 2523-2531 ครองตำแหน่งนายกฯ นานกว่า 8 ปี 5เดือน

     พล.อ. เปรม เริ่มเข้าสู่การเมืองตั้งแต่ยศพันเอก คุมกองกำลังทหารม้า ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502

     มีตำแหน่งในรัฐบาลครั้งแรกยุค พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดย พล.ท. เปรม (ตำแหน่งในเวลานั้น) ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ได้เป็น ‘รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย’

     และได้เป็น ‘รัฐมนตรีกลาโหม’ ควบตำแหน่ง ‘ผู้บัญชาการทหารบก’ ในสมัย พล.อ. เกรียงศักดิ์ เป็นนายกฯ ครั้งที่ 2

กองทัพดัน ‘พล.อ. เปรม’ นั่งเก้าอี้นายกฯ

     เบื้องหลังมติรัฐสภาที่เห็นชอบให้ ‘พล.อ. เปรม’ เป็นนายกฯ คืออิทธิพลของกลุ่ม จปร. 7 (นักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 7) มี พ.อ. จำลอง ศรีเมือง, พ.อ. มนูญ รูปขจร และพ.อ. ประจักษ์ สว่างจิตร เป็นแกนนำ

     นอกจากกองทัพแล้ว ยังมีพรรคการเมืองอีก 5 พรรค ได้แก่ ชาติไทย ประชาธิปัตย์ กิจสังคม ชาติประชาชน และสยามประชาธิปัตย์ สนับสนุนพล.อ. เปรม เป็นนายกรัฐมนตรี โดยหวังมีชื่อร่วมรัฐบาล

ย้อนตำนานฉายา ‘นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา’

     ในช่วงที่ พล.อ. เปรม เป็นนายกฯ มีความพยายามจะยึดอำนาจถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรก คือ วันที่ 1 เมษายน 2524 กลุ่มยังเติร์ก จปร. 7 ที่หนุนหลังพล.อ. เปรม เป็นนายกฯ ทำการรัฐประหารเสียเอง แต่ก็ล้มเหลว

     ข้อมูลเบื้องลึกในเวลานั้นระบุว่า พล.อ. เปรม มีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการรัฐประหารตัวเอง เพราะต้องการแก้ปัญหาความวุ่นวายของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ต่างฝ่ายต่างทะเลาะกันเพื่อแย่งผลประโยชน์

     แต่เกมมาพลิกทำให้ทหารที่ร่วมก่อการครั้งนั้นต้องเป็นกบฏ นักหนังสือพิมพ์จึงตั้งฉายาให้ พล.อ. เปรมว่า ‘นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา’

     ความพยายามจะรัฐประหาร พล.อ. เปรม ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2528 มีการอ้างชื่อพล.อ. อาทิตย์ กำลังเอก ผบ.ทบ. และนายทหารคนสนิทของพล.อ. เปรมเป็นผู้นำ แต่แผนการรั่วไหลก่อน จึงไม่สำเร็จ

     เหตุการณ์นี้มีการปะทะกันเสียชีวิต 5 คน บาดเจ็บ 59 คน ต่อมาความสัมพันธ์ระหว่างพล.อ. เปรม กับพล.อ. อาทิตย์ เริ่มตึงเครียด จนในที่สุดพล.อ. เปรม ปลดพล.อ. อาทิตย์ จากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก พร้อมแต่งตั้ง พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ เข้ารับตำแหน่งแทน

ลูกป๋ารวมสุดยอดเทคโนแครต

     จุดเด่นสำคัญของรัฐบาลพล.อ. เปรม คือ การมีทีมที่ปรึกษา หรือ ‘เทคโนแครต’ ชั้นยอดจำนวนมาก

     ทีมเศรษฐกิจที่โดดเด่นนำโดย เสนาะ อูนากูล อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ, ดร. วีรพงษ์ รามางกูร คณบดีเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งยังได้นายธนาคารอย่าง สมหมาย ฮุนตระกูล และนักบัญชีอย่าง สุธี สิงห์เสน่ห์ มาทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ตลอดช่วงเวลาในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลพล.อ. เปรม

     ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง อาทิ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ, พล.อ. มงคล อัมพรพิสิฏฐ์, พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ และน.อ.ต. ประสงค์ สุ่นศิริ

     ที่ปรึกษาด้านการเมืองและสังคม อาทิ ชัยอนันต์ สมุทวณิช, ทินพันธุ์ นาคะตะ และสุขุม นวลสกุล

อิทธิพลกองทัพค้ำบัลลังก์ พล.อ. เปรม

     ตลอด 8 ปี 5 เดือนของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ. เปรม ไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยสักครั้งเดียว

     หลายคนมองว่าพล.อ. เปรม เป็นต้นแบบของความซื่อสัตย์ แต่ข้อมูลในเวลานั้นมีการพูดถึงกันชัดเจนถึงกลวิธีต่างๆ ในการล็อบบี้ ส.ส. ทั้งบนดินและใต้ดิน รวมทั้งบทบาทสำคัญของกองทัพในการค้ำบัลลังก์พล.อ. เปรม

     ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด ช่วงพล.อ. เปรม เป็นนายกฯ ปี 2526 พรรคชาติไทย พยายามเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ. เปรม แต่ไม่สำเร็จ เพราะมี ส.ส. เข้าชื่อไม่พอ จนต้องจองโรงแรมดุสิตธานี จัดอภิปรายนอกสภาฯ ซึ่งก่อนการอภิปรายจะเริ่ม พล.ท. ชวลิต ยงใจยุทธ และพล.ต. พิจิตร กุลละวณิชย์ (ยศในเวลานั้น) เดินทางมาขออย่าให้มีการอภิปรายพล.อ. เปรม รุนแรง

สืบทอดอำนาจอย่างมั่นคงในฐานะ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

     จุดสิ้นสุดของรัฐบาลพล.อ. เปรม นอกจากความขัดแย้งกับพล.อ. อาทิตย์ ผบ.ทบ. และผู้บัญชาการทหารสูงสุดในเวลานั้นแล้ว กระแสความเบื่อพล.อ. เปรม เริ่มโดดเด่นขึ้นในปี 2530 ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลยกให้พล.อ. เปรม เป็นบุคคลอารมณ์บูดที่สุด

     นอกจากนี้ ชนชั้นนำและเทคโนแครตบางส่วนได้เข้าชื่อ 99 คนถวายฎีกาคัดค้านการครองอำนาจต่อไปของพล.อ. เปรม แม้การเลือกตั้งปี 2531 พรรคชาติไทย ประชาธิปัตย์ กิจสังคม และราษฎร จะเชิญพล.อ. เปรม เป็นนายกฯ อีกครั้ง แต่ด้วยกระแสคัดค้านที่เริ่มแรงขึ้น พล.อ. เปรมประกาศไม่รับตำแหน่งนายกฯ นับเป็นการยุติบทบาทการเมืองในฐานะนายกฯ มาสู่บทบาทการเมืองใหม่ในฐานะประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

     ถึงวันนี้แม้ ‘นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา’ จะพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ไปนานแล้ว แต่อำนาจทางการเมืองของพล.อ. เปรม ยังมีอยู่อย่างมั่นคง

     ทุกปีเราจะได้เห็นผู้นำประเทศและขุนพลทหารตบเท้าเข้าอวยพร พล.อ. เปรม ในช่วงเทศกาลสำคัญและวันคล้ายวันเกิดของท่าน

     ปีนี้ก็เช่นกัน

The post เปิดตำนาน ‘ป๋าเปรม’ ทำไมผู้นำประเทศ-ทหาร ต้องเข้าอวยพรวันเกิด appeared first on THE STANDARD.