วานนี้ (3 มีนาคม) ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง ศิลปินชื่อดังเจ้าของน้ำเสียงเอกลักษณ์ ออกมาโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวถึงกรณีการยกเลิกการจัดงานแต่งงานครั้งที่ 2 ของเขากับภรรยา หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลถึงเรื่องราวในอดีตของเขา

ป๊อบกล่าวถึงการยกเลิกงานแต่งงาน และลักษณะนิสัยส่วนตัวของเขาในตอนนี้ที่มักจะต้องสร้างเกราะคอยคุ้มกันตัวเองจากบุคคลภายนอกที่ส่งผลต่อจิตใจของเขาอยู่เสมอ โดยมีข้อความดังนี้

“ขอบคุณทุกคนนะครับ จริงๆ แล้วผมก็หมดหวังกับการเข้าหาชาวเน็ตมานานละ ผมมีแผลข้างหลัง มีรูปร่างหน้าตาที่คนก็พร้อมจะบูลลี่ยังไงก็ได้ สุดท้ายผมมีเรื่องให้เค้าด่าได้เต็มไปหมด ซึ่งจริงๆ มันไม่สนุกหรอกการที่ออกมาเป็นเป้าให้คนเค้าด่าเค้าแช่ง ด่าพ่อล่อแม่ แต่บางครั้งผมมีเรื่องจะสื่อสาร และผมพยายามเลือกช่องทางที่จะสื่อสาร เพื่อให้คนในวงกลมของผมได้เข้าใจ ผมเลือก 1/365 รายการที่มันไม่ได้แมส การเล่าเรื่องที่คนทั่วไปไม่น่าจะหยุดดู ความน่าเบื่อของมันอาจจะทำให้คนที่ไม่ได้ชอบผมไม่กดเข้ามาดู ผมเลือกที่จะอธิบายแบบไม่ต้องตั้งไมค์สอบถามอะไรกันเพิ่มเติมแล้ว เพราะคนในวงกลมของผมคือคนที่ผมแคร์ที่สุด 

“ทุกครั้งทุกปีผมก็สรุปตัวเองให้ฟังกันเสมอว่าผมคิดอะไร รู้สึกยังไง เพื่อแฟร์กับผู้ที่ติดตามว่าผมมีโกลสิ่งใด บางครั้งผมสดใส บางครั้งผมดำมืด ผมคิดว่าสิ่งนี้ไม่เคยถูกปิดบังเมื่ออยู่ในช่องของผม ผมคิดว่าผมเฮลตี้พอที่คำบูลลี่ของคนเหล่านั้นไม่ได้ทำร้ายหัวใจส่วนลึกของผมได้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำร้ายหัวใจส่วนความเชื่อมั่นในเพื่อนมนุษย์ไปพอสมควร 

“เวลาใครที่ไม่รู้จักผมพยายามเข้ามาคุยผมจะมีเกราะป้องกันตัวเองขึ้นมาเสมอ เพราะการที่ทุกคนรู้สึกว่า ไอ้อ้วน ไอ้ดำ คนนี้มันด่าได้ทุกบริบท มันทำให้ผมกลัวการที่เจอคนที่เราไม่คุ้นเคย คนไทยเราถูกสอนให้ยอมรับในสิ่งที่เป็น มึงถูกบูลลี่เพราะมึงอ้วนไง มึงดำไง ผมยอมรับในข้อนึงละกันว่าผมไม่มีทางเปลี่ยนความคิดที่สังคมมีต่อผมได้ แต่สังคมก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดที่ผมมีต่อตัวเองได้เช่นกัน ผมโคตรรักใน ป๊อบ ปองกูล วันนี้เลย ผมโคตรมีความสุขในตัวเอง โคตรชอบสิ่งรอบข้างของผมตอนนี้เลย ให้ตายเหอะ”

ภาพ: pongkool / Instagram

อ้างอิง:

• https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1216819106467626&id=100044186451533 

The post “ผมโคตรรักใน ป๊อบ ปองกูล วันนี้เลย” ป๊อบ ปองกูล โพสต์ข้อความหลังถูกวิพากษ์วิจารณ์หลังยกเลิกจัดงานแต่งงานครั้งที่ 2 appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (16 สิงหาคม) ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง ศิลปินเจ้าของน้ำเสียงเอกลักษณ์ ผู้โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงไทยมาอย่างยาวนาน ได้ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวถึงการยุติบทบาทการเป็นศิลปินภายใต้ต้นสังกัดอย่าง GMM Grammy โดยไม่ได้มีการย้ายต้นสังกัดแต่อย่างใด

ป๊อบได้โพสต์ข้อความผ่าน Facebook และ Instagram ส่วนตัวถึงการเดินทางบนเส้นทางการเป็นศิลปินของเขา ทั้งกับวง Calories Blah Blah และการเป็นศิลปินเดี่ยว จนถึงการยุติบทบาทในวันนี้เอาไว้ โดยมีใจความบางส่วนดังนี้

“การที่บริษัทเพลงระดับนี้จะมาลงทุนกับนักร้องที่ต้นทุนติดลบเช่นผม มันมีความหมายในชีวิตผมมาก ผมถวายชีวิตทำทุกอย่างให้การลงทุนครั้งนั้นไม่สูญเปล่า และผมเชื่อว่าผมไม่ได้ติดค้างสิ่งนั้นกับใครเลย ผมสับตีนแตกให้กับทุกเป้าหมายของค่าย ถ้าเป็นมาราธอนผมคิดว่าผมคงลุยมาแล้วทุกระยะ

“แต่ตอนนี้ผมติดค้างกับตัวผมเอง ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่ผมจะหยุดชนเป้าหมายของมัน เพราะวันหนึ่งที่รู้สึกตัวระหว่างที่สับตีนแตกอยู่นั้น เสียงนกเสียงไม้ระหว่างทางมันเริ่มเบาบางลงไป ผมเข้าไปคุยกับ GMM Grammy ว่าผมจะขอหยุดวิ่งมาราธอนกับเขาแล้ว ผมจะไปวิ่งเหยาะๆ หาเสียงนกเสียงไม้ของผมแล้ว บางทีมันอาจจะเป็น Trophy เดียวที่ผมไม่เคยหยิบมันมาได้ตลอดชีวิตเลยก็เป็นได้ ขอบคุณสำหรับ 20 ปีของ Calories Blah Blah และ 12 ปีของ ป๊อบ ปองกูล นะครับ รักนะ GMM Grammy”

อ้างอิง:

• https://www.facebook.com/share/p/vzzHHj4xE1ZhuCPr/?mibextid=WC7FNe
• https://www.instagram.com/p/C-tuvZfSL0G/?igsh=aXQ0YnFlYm5xOW04

The post ป๊อบ ปองกูล โพสต์ ‘ขอบคุณและอำลา’ ยุติบทบาทการเป็นศิลปินในสังกัด GMM Grammy appeared first on THE STANDARD.

หลังจากที่ ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง ศิลปินเสียงลุ่มลึกจากค่าย White Music ในเครือ GMM Grammy ได้ปล่อยผลงานเพลงสุดซึ้งอย่าง สลักจิต ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มเต็มชุดใหม่ของเขาอย่าง Human Error ออกมาให้ผู้ฟังได้หวนคิดถึงความรักที่ยังสลักอยู่ในจิตใจกันไปแล้ว

ล่าสุดป๊อบกลับมาพร้อมกับซิงเกิลที่ 2 ในชื่อ เดือนชนเดือน ที่ขอปรับโหมดจากเพลงช้าซึ้งๆ มาเป็นเพลงจังหวะสามช่าสนุกๆ พร้อมชวนศิลปินรุ่นน้องอย่าง โจอี้-ภูวศิษฐ์ อนันต์พรสิริ เจ้าของเพลงฮิต ดวงเดือน และ นะหน้าทอง มาร่วมส่งกำลังใจให้กับคนสู้ชีวิตทุกคน

เดือนชนเดือน ยังคงได้ แอ้ม-อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ มารับหน้าที่เขียนเนื้อร้องและทำนองเช่นเดิม พร้อมด้วย กัส เชียงกง มารับหน้าที่เขียนท่อนบทพูด โดยมาพร้อมกับดนตรีจังหวะสามช่าที่ชวนติดหูตั้งแต่แรกฟัง และชวนให้เราโยกหัวไปตามจังหวะของเพลง

ด้านเนื้อหาของเพลงเล่าถึงเรื่องราวของผู้คนที่ต้องใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือน อีกทั้งยังต้องเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจที่ราคาข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างแพงขึ้นจนน่าปวดหัว ซึ่งแม้ว่าตัวเองจะมีความฝันที่อยากจะทำ แต่คงจะต้องเก็บความฝันนั้นเข้ากระเป๋าไปก่อน เพราะตอนนี้ต้องทำงานหาเงินเพื่อผ่านแต่ละเดือนไปให้ได้

ขณะเดียวกัน เดือนชนเดือน ยังเป็นเพลงที่สอดแทรกพลังบวกไว้ในเนื้อหาเช่นกัน เพราะแม้ว่าเงินในกระเป๋าของเราอาจจะน้อย แต่เราก็ยังมีเพื่อนพ้องน้องพี่คอยเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างกัน และไม่ว่าเราจะต้องเผชิญกับปัญหามากมาย แต่ทุกอย่างย่อมมีทางออกเสมอ เพลงนี้จึงเปรียบเสมือนเพลงแห่งกำลังใจจากป๊อบและโจอี้ ที่อยากมอบให้กับคนสู้ชีวิตทุกคนเช่นกัน

โดยป๊อบเล่าถึงที่มาที่ไปของเพลง เดือนชนเดือน ไว้ว่า “เพลงนี้ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับ โจอี้ ภูวศิษฐ์ เราวางแผนทำเพลงนี้กันมาร่วม 6 เดือน ตั้งแต่โจอี้ลองเล่นไลน์กีตาร์ ปรับเปลี่ยนไปมา จนได้ แอ้ม-อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ มาแต่งเนื้อร้องและทำนองให้ ส่วนท่อนพิเศษที่เป็นบทพูดในเพลงก็ได้ กัส เชียงกง มาช่วยเขียนให้ สุดท้ายก็ออกมาเป็นเพลงนี้ให้ทุกคนฟังกันในจังหวะสามช่าที่ย้อนไปในช่วงยุค 90 เป็นเพลงที่ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อย้อนถึงบรรยากาศสมัยผมวัยรุ่น ผมว่าเพลงแบบนี้เป็นเพลงที่ฟังกับเพื่อนสนุก และในตัวเนื้อหาก็ไม่อยากให้คนไปรู้สึกแย่อะไรกับชีวิตมาก ผมว่ามีหลายๆ คนที่ใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือนก็จริง แต่ว่ามันสามารถหาความสุขกับคนรอบข้างได้  อยากให้ทุกคนได้ทดลองฟังเพลงนี้กัน

“ส่วนเอ็มวีก็ได้กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับที่คุ้นเคย หลุยส์-ธชา คงคาเขตร จากมิวสิกวิดีโอเพลง ยิ้ม, กำนันทองหล่อ และ มนุษย์เอ๋ย เรื่องราวในมิวสิกวิดีโอนี้เรานำเสนอวิถีชีวิตใกล้ๆ ตัว ผมกับโจอี้ สวมบทเป็นคนขับแท็กซี่ที่ใช้รถคันเดียวกัน ต้องสลับกันขับกะกลางวัน กะกลางคืน ใช้ชีวิตหารครึ่ง แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานและความหวังถึงแม้การใช้ชีวิตมันจะอยู่แบบเดือนชนเดือน บรรยากาศในมิวสิกวิดีโอก็รู้สึกคุ้นเคยดี ทำให้นึกถึงตอนผมเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ๆ แต่ในวันนั้นเราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันลำบาก ก็สู้ชีวิตกันไป มีหลายคนที่อยู่ในความรู้สึกนี้แต่ก็ไม่ท้อถอย โอเค กูสู้วะ กูสู้โว้ย ชีวิตปัจจุบันจะมองว่าหนักก็หนัก จะมองเป็นความสนุกก็สนุกได้ ผมเป็นกำลังใจให้คนสู้ชีวิตทุกคน เชื่อว่าวันหนึ่งต้องดีขึ้นได้ครับ”

รับชมมิวสิกวิดีโอได้ที่นี่

The post เดือนชนเดือน เพลงฟังสนุกจาก ป๊อบ ปองกูล Feat.โจอี้ ภูวศิษฐ์ ที่อยากส่งกำลังใจให้คนสู้ชีวิตทุกคน appeared first on THE STANDARD.

เราเชื่อว่าทุกความทรงจำไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย คือปัจจัยสำคัญที่ประกอบสร้างและเปลี่ยนแปลงให้คนคนหนึ่งเติบโตขึ้นมาในลักษณะที่ไม่มีใครเหมือน เช่นเดียวกับที่ ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง ที่เพิ่งปล่อยเพลงช้าๆ ซึ้งๆ อย่าง ภาพจำ ให้ทุกคนได้ฟัง ใช้เวลาผ่านพ้นเรื่องราวทุกอย่างมาตลอด 36 ปี จนเขาก้าวขึ้นมาเป็นศิลปินร่างใหญ่ เสียงเพราะอารมณ์ดี และเป็นที่รักของใครหลายคนมาจนถึงทุกวันนี้

บางช่วงชีวิตเขาก็มีความสุข บางครั้งเขาก็เหงา เศร้า อกหัก เป็นเรื่องธรรมดา มีช่วงเวลาที่เกเรจนน่าตี มีช่วงเวลาซวยๆ ที่ไม่อยากจดจำ มีภาพฝันง่ายๆ เพียงแค่มีชีวิตต่อไปให้ยาวนานถึงวันแซยิด ซึ่งนอกจากมวลไขมันที่อัดแน่นอยู่ภายใต้ร่างกายที่หนักมากกว่า 100 กิโลกรัม ยังมีความทรงจำที่มีความหมายกับชีวิตซุกซ่อนอยู่ในอณูแห่งชีวิต

เพลง ภาพจำ ซิงเกิลล่าสุดของป๊อบ ปองกูลง

1. ภาพจำแรก ก่อนจะมาเป็นเพลง ‘ภาพจำ’ ของป๊อบ ปองกูล

อาจจะไม่เกี่ยวกับเพลงเท่าไรนะ แต่ตอนแรกเพลงนี้เกิดขึ้นมาจากภาพคุกครับ ตอนที่โทรไปคุยกับน้องแอ้ม (อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ นักแต่งเพลง) ผมบอกไปว่าอยากมีสักเพลงที่ตัวละครในนั้นอยู่ในคุก ที่เป็นสัญลักษณ์ของการถูกจองจำโดยอะไรสักอย่าง โดยมีคนหนึ่งอยู่ในคุก กับอีกคนที่ต้องใช้ชีวิตไปตามปกติ ซึ่งไม่มีฝั่งไหนผิดเลย เพียงแค่ทุกคนต้องมีชีวิตที่เปลี่ยนไป ฝั่งที่มูฟออนไปข้างหน้าก็ไม่มีความผิดอะไร ส่วนเรายังถูกขังอยู่ในคุกที่ชื่อความทรงจำ มันเป็นเรื่องของเราล้วนๆ

พอมีไอเดียแบบนี้ เลยเกิดเป็นภาพในมิวสิกวิดีโอขึ้นมาว่า อยากได้การแหกคุกแบบในซีรีส์ Prison Break ไมเคิล สกอฟิลด์ ต้องมา คิดฉากไว้เลยว่าพอพระเอกได้รับการ์ดแต่งงานจากนางเอก มันเลยต้องแหกคุกเพื่อจะออกไปบอกความรู้สึกอะไรบางอย่าง เป็นการแหกคุกเพื่อความรัก มีฉากซ่อนตัวอยู่หลังป้ายรถเมล์ ไฟแวบๆ วิ่งผ่าน โปรดักชันจัดเต็ม แต่พอจะทำจริงๆ มันแพงชิบเป๋งเลย บวกกับสภาพห้องขังในบ้านเราก็ดูจะน่ากลัวไปหน่อย ก็เลยเปลี่ยนใหม่ให้เป็นแบบที่เห็นกันในเอ็มวีนี้

2. ภาพจำเวลาอกหัก และคนหนึ่งในชีวิตต้องหายไป

เวลาอกหักภาพของผมง่ายมากเลยนะ คือภาพห้องในคอนโดฯ ของเราที่เคยอยู่ด้วยกัน เคยใช้ชีวิตด้วยกัน แล้ววันหนึ่งคนนั้นหายไป เหลือพื้นที่ว่างๆ ให้เราต้องอยู่ในห้องนั้นคนเดียว กินข้าวคนเดียว ใช้ชีวิตคนเดียว นอนคนเดียวในห้องที่เคยอยู่ด้วยกัน แค่นั้นก็แย่พอแล้ว

แต่เวลาอกหักผมจะไม่ค่อยฟูมฟายเท่าไรนะ ที่บอกกันว่าอกหักแล้วจะผอมกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ของผมนี่ยิ่งกินหนัก ยิ่งอ้วนเลย (หัวเราะ) ผมเป็นพวกชอบคิดอะไรในแง่ร้าย มองหา Worst Case ไว้ก่อน แล้วพอเริ่มเห็นสัญญาณก็จะเตรียมตัวเอาไว้ พอถึงเวลาจะได้ไม่เจ็บมาก แต่ข้อเสียคือเมื่อเกิดเหตุขึ้น ผมจะไม่พยายามเยียวยาเพื่อจะรักษาความสัมพันธ์นั้นเลย

ต่างกับบางคน เราอาจจะเห็นว่าเขาแย่มากเลยนะ ที่ต้องคุกเข่าอ้อนวอนคนรักต่างๆ นานา แต่สุดท้ายถ้าเขายื้อความสัมพันธ์ไว้ได้ มันก็อาจจะเป็นวิธีที่ดี แต่ผมเลือกที่จะปล่อยมันไปเลย  

3. ‘จดหมายถึงเธอ’ ตัวแทนเพลงเศร้าที่เยียวยาจิตใจได้ดีที่สุด

เพลงนี้ฟังได้หลายความรู้สึกนะ ในแง่หนึ่งอาจจะฟังแล้วเศร้า แต่ผมมองว่ามันคือเพลงเพื่อชีวิต ฟังแล้วน้ำตาไหลได้ นี่คือเพลงที่เข้าใจความรู้สึกในวันที่เราต้องจากกันจริงๆ แน่นอนว่าในอาทิตย์แรกเดือนแรกมันจะหนักหนาพอสมควรเลย แต่พอผ่านไปอีก 1 ปี 2 ปี มันจะดีขึ้น ไม่เจ็บเท่าเดิม

คำที่ใช้ในเพลงไม่ต้องประดิษฐ์อะไรมาก แต่ออกมาจากใจจริงๆ ฉันยังเป็นอย่างเดิมนะ ผ่านไป 2-3 ปีแล้ว ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ออกไปซื้อกาแฟ ทักทายคนนั้นคนนี้ เวลามันช่วยเยียวยาทุกอย่างไปแล้ว แต่ถ้าถามว่ายังคิดถึงอยู่ไหม ก็ตอบได้ว่ายังคิดถึงอยู่เหมือนเดิม แต่เราสามารถคิดถึงเขาในรูปแบบที่ยิ้มได้แล้ว

https://www.youtube.com/watch?v=ebX27zUIIX0

เพลง จดหมายถึงเธอ

4. จดหมายถึงเพื่อนเก่า ทะเล และกลิ่นหญ้าในสนามฟุตบอล

ตอนที่ผมต้องจากเพื่อนมัธยมที่ปราจีนบุรี (โรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง) ไปเรียนที่จังหวัดสงขลาคนเดียว (คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ) ผมต้องแยกจากเพื่อนที่สนิทกันฉิบหายวายป่วง เตะบอลกันทุกวันไปอยู่อีกที่ที่ไม่มีอะไรเลย

มันเป็น 1 ปีเต็มๆ ที่ต้องขับรถไปทะเลทุกวัน ไปนั่งฟังซาวด์อะเบาต์แล้วคิดถึงเพื่อนร่วมชั้นเก่าๆ จากนั้นกลับมาเขียนจดหมายหาเพื่อน “คิดถึงพวกมึงจริงๆ เลยว่ะ ไอ้เหี้ย กลิ่นหญ้าที่สงขลาไม่เหมือนกลิ่นหญ้าที่ปราจีนเลย” บลาๆๆๆ แล้วจบท้ายด้วย เฮ้ย ไปเตะบอลกันว่ะ น้ำเน่ามากเลยนะ แต่มันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

ซึ่งความคิดถึงในยุคนั้นมันมีค่ามากเลยนะ มันเต็มไปด้วยความถวิลหาที่ต้องอดทน รอคอยเป็นเดือนกว่าเขาจะเขียนกลับมาหาเรา ความรู้สึกใน 1 เดือนนั้นมันจะแห้งผากมาก แต่พอจดหมายมาถึง มันเหมือนน้ำที่หยดลงไปในทะเลทราย มันอิ่ม มันชุ่มชื่นมากๆ แต่พอยุคนี้เปลี่ยนเป็นติดต่อกันผ่านไลน์ ส่งข้อความไปหาใคร แค่ 20 นาที ถ้าเขาไม่ตอบกลับมานี่เป็นเรื่องใหญ่แล้ว

5. วันที่เอ็นทรานซ์เข้าสู่มหาวิทยาลัยที่เรียกว่า ‘วงการดนตรี’

เป็นอีกหนึ่งภาพที่สำคัญสำหรับผมมากเลยนะ วันแรกหลังจากปล่อยเพลง คนไม่เข้าตา ได้ไม่นาน แล้วได้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่สยามสแควร์ มันเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นแฟนเพลงของเราแบบชัดๆ มีคนมาฟังกันเต็มลานแล้วร้องเพลงของเราได้ ซึ่งภาพแบบนั้นผมไม่ได้ทำใจไว้ก่อน ถึงเวลาพอได้เห็น ความรู้สึกมันล้นมาก ร้องไห้ ร้องเพลงไม่จบ เพราะก่อนหน้าจะมีอัลบั้มแรก ชีวิตผมค่อนข้างมืดมนพอสมควร

ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนนักเรียนที่เอ็นทรานซ์ติดเลยนะ เวลาที่เหลือมันคือการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่ต่อให้เพลง ปล่อย หรืออีกหลายเพลงที่ออกมาต่อจากนั้นจะประสบความสำเร็จ มันก็เป็นแค่โปรเจกต์ในวิชาเรียน ที่ถ้าวันนั้นผมเอ็นทรานซ์ไม่ติด  ผมก็จะไม่มีวันได้ทำโปรเจกต์ในวิชาต่อมา

6. จำ ‘ป๊อบ ปองกูล’ ว่าเป็น ‘เพื่อน’ คนหนึ่งก็พอ

มีคนเคยถามผมเหมือนกันนะว่ารู้สึกยังไงบ้างที่บางคนอาจจะชอบความตลกของเรามากกว่าผลงานเพลงเสียอีก ซึ่งสำหรับผม ผมมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะนั่นเท่ากับว่าเขากำลังมองผมเป็นเพื่อน ทุกวันนี้เวลาผมออกเพลงใหม่ คนฟังคงไม่ได้ตื่นเต้นแบบ เฮ้ย Bodyslam ออกเพลงใหม่แล้วเว้ย ผมไม่ใช่ไอดอลแบบนั้น แต่มันจะเป็นอารมณ์แบบ ไอ้ป๊อบมันออกเพลงใหม่ว่ะ ไหนลองฟังเพลงมันหน่อยสิ ถ้าเพราะก็ดี ถ้าไม่เพราะก็ไปดูมันทำอะไรตลกๆ ต่อ

ช่วงแรกๆ อาจจะมีงงๆ กับฟังก์ชันทำเพลงเพราะกับทำตัวตลกให้คนขำอยู่บ้าง แต่พอผ่านไปเรื่อยๆ มันยิ่งสบายตัวมากขึ้น เพราะทุกอย่างที่พูด แสดง หรือร้องออกมา ผมพยายามให้อยู่บนพื้นฐานของธรรมชาติแบบที่ผมชอบและเป็นอยู่ อย่างคนมาบอกว่าชอบพี่ป๊อบในรายการ สามแยกปากหวาน หรือชอบเวลาไปออกรายการโน้นนี้จังเลย  พอได้ยินแบบนั้นผมก็ดีใจ เพราะว่ามันคือความตั้งใจที่ผมไม่ได้ไปหลอกลวงใครเลย มันเลยกลายเป็น 2 ฟังก์ชันที่มากองรวมกันตรงกลาง

ผมต้องบอกวงดนตรีของผมว่า เราจำเป็นต้องมีทั้งพื้นที่ให้กับคนที่ชอบในความตลกของเรา และพื้นที่สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงเพราะจริงๆ เพราะผมมองว่าทุกคนคือเพื่อนและไม่อยากสูญเสียใครไป

(ภาพจากเรื่อง คุโรมาตี้ ที่ป๊อบ ปองกูลชอบอ่านมาตั้งแต่เด็ก)

7. ชอบแซว การ์ตูนญี่ปุ่น คุโรมาตี้ แหล่งเพาะเลี้ยงหัวเชื้อแห่งความตลก

ผมมีพื้นฐานเป็นคนชอบแซว ชอบแกล้ง ชอบติเตียนเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งผมบอกไว้ก่อนว่ามันไม่ใช่นิสัยที่ดีครับ อย่างมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อตี๋ เรานั่งเรียนข้างกันตอน ม.2 แล้วพอขึ้น ม.3 อยู่ๆ ก็เกิดพุทธิปัญญาขึ้นมาว่า อยากเห็นไอ้ตี๋ร้องไห้ว่ะ ลองด่ามันเล่นดีกว่า ก็เริ่มเลย “ไอ้ตี๋ มึงรู้ไหมว่ากูนั่งข้างมึงแล้วอึดอัดแค่ไหน มึงแม่งกระจอก เลขก็ทำไม่ได้ แล้วกูจะลอกอะไรมึงได้วะ ถ้านั่งข้างไอ้อ๊อดนะป่านนี้กูทำได้ไปแล้ว” พูดวนแบบนี้อยู่เป็นชั่วโมง พอจบชั่วโมงไอ้ตี๋ร้องไห้จริงๆ แล้วหลังจากนั้นมันก็ย้ายที่นั่งไปตั้งแต่วันนั้นเลย งงเหมือนกันว่าทำไปแล้วได้ประโยชน์อะไร แต่คิดว่ามันคงเป็นอะไรบางอย่างที่สะสมและเราหยิบเอามาใช้ได้ในทุกวันนี้

อีกส่วนน่าจะมาจากการ์ตูน โดยเฉพาะการ์ตูนญี่ปุ่นที่ผมอ่านมาตั้งแต่เด็ก เพราะจังหวะในการ์ตูนญี่ปุ่นจะคมและชัดมาก ผ่าง เช้ง โป๊ะ ชั้วะ โดยเฉพาะ คุโรมาตี้ นี่คมที่สุดเลยนะ มันคือเทพแห่งแก๊กทางนี้เลยนะ มันคือแนวทางมองมุมกลับ ที่นึกจะเล่าอะไรก็เล่า อยู่ดีๆ ตัวละครก็นั่งคิดขึ้นมาว่า เฮ้ย นี่เราเรียนห้องเดียวกับหุ่นกระป๋องเหรอวะ พวกมึงไม่รู้สึกแปลกๆ อะไรบ้างเหรอวะ พอหันไปอีกทีก็เจอว่ามีกอริลล่านั่งเรียนอยู่ด้วย เชี่ย อะไรของพวกมึงวะเนี่ย ซึ่งไอ้ความ ‘อะไรของพวกมึง’ นี่ล่ะที่เอามาใช้ได้ดีมาก เชื่อไหมว่าตอนที่เรื่องนี้โดนตัดจบ ผมยังคิดอยู่เลยว่า นี่มึงโดนตัดจบจริงๆ หรือวางแผนอะไรมาหลอกกูอีกหรือเปล่าวะ (หัวเราะ) เพราะมันพร้อมที่จะหักมุม หรือเกิดอะไรขึ้นตลอดเวลาได้จริงๆ   

8. ภาพความผิดหวังที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะจำไปเพื่ออะไร

เรื่องนี้ไร้สาระมากเลยนะ ถ้าข้ามได้ข้ามไปเลยนะ (หัวเราะ) แต่น่าจะเป็นภาพของความล้มเหลวที่ชัดที่สุดในชีวิตของผมแล้ว คือตอน ม.6 ช่วงก่อนเอ็นทรานซ์ ผมต้องไปซื้อใบสมัครสอบโควตาที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ให้เพื่อนๆ ด้วยตัวคนเดียว เพราะคนอื่นไม่มีใครว่างเลย

เริ่มต้นดอกแรกตั้งแต่ออกเดินทางที่ขึ้นรถไฟผิดขบวน มารู้ตัวตอนที่รถขบวนที่ต้องนั่งกำลังจะออก เลยต้องรีบวิ่งขึ้นไปใหม่ ต่อด้วยดอกสอง พอนั่งไปถึงพระจอมเกล้า ลาดกระบังฯ ก็รีบซื้อใบสมัครให้เพื่อน แต่เพิ่งรู้ว่าคำนวณผิด เตรียมเงินไป 200 บาทก็หักไป 150 บาท เพื่อซื้อใบสมัครเพิ่มอีก 1 คน เท่ากับว่าเหลือ 50 บาท แต่ไม่เป็นไร ไปซื้อตั๋วรถไฟอีก 12 บาท เหลือ 30 กว่าบาท คิดว่าเหลือๆ เลยเอาไปซื้อของกินจนเหลือ 3 บาท พออิ่มท้องขึ้นไปนั่งบนรถไฟ คิดว่าทุกอย่างต้องจบ แต่พอรถไฟเริ่มเคลื่อนออกจากสถานี มองออกไปนอกหน้าต่าง เชี่ย นั่นมันถุงใบสมัครนี่หว่า! ดันวางลืมทิ้งไว้ ไม่ได้เอาขึ้นมาด้วย

รีบวิ่งไปดึงหวูดรถไฟก็ไม่ดัง เพราะมันใช้ไม่ได้จริง ตอนนั้นคิดว่าต้องกระโดดอย่างเดียว พอกำลังจะกระโดดก็มีพี่คนขายอาหารมาห้าม บอกว่าถ้าโดดไปนี่ตายเลยนะ โชคดีที่มีคนบอกให้ไปลงสถานีหน้าแล้วค่อยย้อนกลับมาใหม่

ตอนนั่งกลับไปนี่คิดตลอดว่า เชี่ยเอ๊ย ชีวิตมหาวิทยาลัยทำไมต้องสุดตีนขนาดนี้ ขนาดยังไม่ได้เริ่มเรียนเลยนะเนี่ย แถมไอ้ใบสมัครพวกนั้นไม่ใช่ของผมด้วยนะ ผมแค่มาซื้อให้เพื่อน

9. อยู่ให้ได้เห็นภาพในงานฉลองวันแซยิดก็เก่งมากแล้ว

ภาพเดียวง่ายๆ แค่นั้นเลย (หัวเราะ) ถือว่าประสบความสำเร็จมากแล้วนะสำหรับคนที่มีร่างกายแบบผม ตอนนี้ทุกอย่างก็ยังไม่มีปัญหาอะไรมาก เพราะผมก็พยายามคอนโทรลเท่าที่ทำได้ แต่ว่าถ้าพูดจริงๆ มันไม่มีทางจะดีได้หรอก หัวใจผมเล็กเท่าๆ พวกคุณแหละ แต่ต้องมาสูบฉีดเลือดกับร่างกายที่ใหญ่ขนาดนี้ เหมือนคุณเป็นรถยนต์ที่เครื่องเล็กมาก แต่ต้องไปแบกรถใหญ่แบบ 3,000 ซีซี ต่อให้วิ่งช้าแค่ไหน ระวังแค่ไหน มันก็อันตรายอยู่ดี

The post 9 ภาพจำของ ป๊อบ ปองกูล นักร้องที่มีเป้าหมายว่าอยู่ให้ถึงวันแซยิดก็ดีมากแล้ว appeared first on THE STANDARD.

     รวบรวมกิจกรรมดีๆ น่าสนใจที่ควรค่าแก่การออกนอกบ้านไปทำอะไรใหม่ๆ กันประจำวันที่ 22-28 กรกฎาคมนี้

Japanese Perspective

What: ‘Light & Black’ นิทรรศการศิลปะฝีมือศิลปินชาวญี่ปุ่น ฮาเซกาวะ ทาคุมิ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานเกี่ยวกับความหมายของชีวิต และมุมมองที่เขามองโลกใบนี้ โดยแรงบันดาลใจของเขามาจากผลงานของศิลปินคนอื่นๆ คือแจ็กสัน พอลล็อก และฮิโรชิ ซูกิโมโตะ งานนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย

When: 14-31 กรกฎาคม 2560 เวลา 10.00-22.00 น.

Where: Open House ชั้น 6 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี เพลินจิต ปทุมวัน กรุงเทพฯ

Why: ถือโอกาสไปนั่งกินข้าวพลางมองการออกแบบของ Open House ไปในตัว เพราะประดับไปด้วยงานศิลปะเล็กๆ น้อยๆ ที่ชวนมองตั้งแต่พื้นถึงเพดาน

Page: www.facebook.com/openhouse.ce

Stop: BTS สถานีเพลินจิต

Let’s Get Noisy

What: ‘Noise Market’ ตลาดขายของงานคราฟต์ และที่เที่ยวเล่นสำหรับคนรักเสียงเพลงไม่เมนสตรีมโดยเฉพาะกลับมาอีกครั้ง กับคอนเซปต์ ‘pre-cycling’ เน้นการนำเสนอสินค้าและงานดีไซน์ที่มุ่งให้นำกลับมาใช้ใหม่ และแน่นอนว่าต้องมีวงดนตรีสด หนังสือ แผ่นเสียง และสินค้ามือสองให้เลือกอีกเพียบ

When: 22-23 กรกฎาคม 2560 เวลา 13.00-21.00 น.

Where: หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ถนนพระราม 1 กรุงเทพฯ

Why: โอกาสเหมาะแก่การไปชมนิทรรศการในหอศิลปฯ ยามบ่าย ต่อด้วยการแวะชมของที่ตลาด และฟังเพลงยามเย็น

Stop: BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ

Electric Fantastic

What: Studio Lam เปิดฟลอร์วันเสาร์ให้คุณเหวี่ยงแรงๆ กับดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ฟังก์ ดิสโก้ ให้เต้นไปถึงดวงดาว จากดีเจ Stargazer และ Gramaphone Children

When: 20 กรกฎาคม 2560 เวลา 21.00-2.00 น.

Where: Studio Lam ถนนสุขุมวิท 51 กรุงเทพฯ

Why: เพลงดี ไม่เสียค่าเข้า และขึ้นชื่อว่ายาดองอร่อย จะช้าอยู่ไย

Page: www.facebook.com/studiolambangkok

Stop: BTS สถานีทองหล่อ

Let Art Replace Ads

What: ก๊วนผู้จัดเทศกาล Wonderfruit จัดแคมเปญ ‘Universal Connections’ ระดมทุนออนไลน์ได้สำเร็จ โดยนำเงิน 2,608,600 บาท ที่ได้มาจากการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนกรุง ด้วยการเปลี่ยนป้ายโฆษณาบนรถไฟฟ้าบีทีเอสให้เป็นงานศิลปะเคลื่อนที่ได้ไปรอบกรุง โดยผลงานนี้เป็นของอาจารย์คามิน เลิศชัยประเสริฐ ผู้ออกแบบงานภายใต้คอนเซปต์ Spiritual Fractal ที่ห่อรถไฟฟ้า และยังแทรกตัวอยู่ทั่วขบวนรถ โดยแทรกคติสอนใจอยู่ภายในผลงาน

When: 19-31 กรกฎาคม 2560 รถให้บริการเวลา 6.00-00.00 น.

Why: นับตั้งแต่การโฆษณาที่ฮาร์ดเซลถึงขนาดลามไปยังป้ายบอกสถานี คงดีไม่น้อยหากได้เห็นงานศิลปะสร้างสรรค์มาแทนที่ให้สบายสายตา ไม่รู้สึกยัดเยียดให้เสพสื่อจนเกินไปนัก และนี่คือเรื่องดีๆ ที่น่าสนับสนุน

Website: asiola.co.th/campaign/btsovertime

Stop: BTS สายสุขุมวิทและสายสีลมทุกสถานี

Thai Crossover

What: ครั้งแรกที่เหล่าศิลปินไทยและวงดนตรีบรรเลงในรูปแบบต่างๆ จะมารวมตัวอวดฝีมือกันที่งาน ‘Thai Crossover #1’ โดยครั้งแรกจะเน้นเป็นดนตรีแนวฟิวชันแจ๊ซ และแต่ละวงต่างมีประสบการณ์ผ่านเวทีระดับประเทศและระดับโลกกันมาแล้ว

When: 23 กรกฎาคม 2560 เวลา 18.30-00.00 น.

Where: Black Cabin ซอยฟาร์มวัฒนา ถนนพระรามสี่ กรุงเทพฯ

Why: หากเบื่อเพลงคัฟเวอร์ทั่วกรุงแล้ว ขอแนะให้มาฟังผลงานของแต่ละวงที่ล้วนมีผลงานของตัวเองทั้งนั้นได้ที่นี่ ไม่เสียค่าเข้าด้วยนะ

Contact: 06 1515 6989

Website: www.blackcabinbar.com

Stop: BTS สถานีเอกมัย หรือสถานีพระโขนง

Art Hours

What: ไปรังสรรค์ความอร่อยในภาพวาดกันกับ ‘เมนูใหม่สั่งได้ด้วยสีไม้’ โดย LooKs รวมกับศิลปินเจ้าของเพจ FAI ที่จัดเวิร์กช็อปสอนลงสีบนภาพอาหารด้วยสีไม้ไล่แสงและแรเงา โดยสอนตั้งแต่การเริ่มเลือกสีไม้ให้ถูก ร่างภาพ และจัดองค์ประกอบ ค่าเรียนพร้อมอุปกรณ์กลับบ้านคนละ 2,400 บาท (4,400 บาทหากมาเป็นคู่)

When: 23 กรกฎาคม 2560 เวลา 10.00-17.00 น.

Where: The CENT อารีย์ ถนนพหลโยธิน 9 กรุงเทพฯ

Why: ใครคิดเมนูเอาไว้ในหัว จัดขึ้นมาให้เป็นจริงได้เลย แถมงานนี้คนกำลังไดเอตก็ร่วมได้!

Contact: 09 2669 0045

Stop: BTS สถานีอารีย์

Play Time

What: เบียร์ Federbräu Red Feather Club ร่วมกับนิตยสาร Time Out Bangkok เสกโถงตึกเอ็มไพร์ทาวเวอร์ให้อบอวลไปด้วยความสนุก กลายเป็นสถานที่แฮงก์เอาต์หลังเลิกงานของคนทำงานย่านสาทร โดยนำภาพยนตร์สั้นจากเยอรมนีที่สถาบันเกอเธ่คัดเลือกมาให้แล้วว่าโดดเด่นและการันตีด้วยรางวัลมาฉาย บูธขายอาหารจากร้าน Hyde & Seek, All Six to Twelve ฯลฯ และยังมีมินิคอนเสิร์ตจากป๊อบ ปองกูล, สิงโต นำโชค, ETC. รวมไปถึงวงหน้าใหม่อย่าง My Life as Ali Thomas, Gym and Swim ฯลฯ

When: 24-27 กรกฎาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป

Where: Em Hall ตึกเอ็มไพร์ ถนนสาทร กรุงเทพฯ

Why: เลิกแกร่วกับฝนตกรถติดระหว่างกลับบ้าน มาแอ่วกับก๊วนเพื่อนที่นี่สนุกกว่าเป็นไหนๆ

Page: www.facebook.com/Federbrauofficial

Stop: BTS ช่องนนทรี

Wednesday Fun

What: จิบข้าวบาร์เลย์รสอร่อยกว่า 20 ชนิด เคล้าเสียงดนตรีจาก Lipta วงดนตรีอาร์แอนด์บี-ป๊อป ที่จะมาขับร้องเพลงเพลงดังอย่าง ไม่เป็นไร, ยัง ฯลฯ ให้ฟังกันในวันพุธ บัตรราคา 500 บาท

When: 26 กรกฎาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 21.00 น. เป็นต้นไป

Where: Beer Belly ชั้น G 72 Courtyard ทองหล่อ ซอยสุขุมวิท 55 กรุงเทพฯ

Why: แค่ได้มาจิบเบียร์เย็นๆ หลังเลิกงานวันพุธ แค่นี้ก็ทำให้อีกสองวันของสัปดาห์ที่เหลือสนุกขึ้นแล้ว

Contact: 0 2392 7700

Stop: BTS สถานีทองหล่อ

Throw Back Everyday!

What: สวมแว่นตาระยับกับเสื้อคอตั้ง แล้วออกมาซ่าย้อนเวลากับดนตรีเรโทรที่จะพาคุณกลับไปสู่ยุค 80s ที่งาน ‘Back to the 80s’ ที่กลิ่นอายดิสโก้และเพลงหวานเลี่ยนยังเพราะไม่สิ้น เคล้ากับค็อกเทลเก๋าจากเหล่าบาร์เทนเดอร์มือดี และไม่เสียค่าเข้าตลอดคืน

When: 28 กรกฎาคม 2560 ตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป

Where: Revolucion Cocktail Bangkok  ถนนสาทร 10 (ซอยศึกษาวิทยา) บางรัก กรุงเทพฯ

Why: หากคุณยังโหยหาลูกบอลกระจกและเพลงแสนจะเลี่ยน ศุกร์นี้แหละที่คุณจะเต้นไม่หยุด!

Contact: 0 2235 4823, 0 2235 4822

Stop: BTS สถานีช่องนนทรี

The post THE STANDARD Calendar: กิน ดื่ม เที่ยว กิจกรรมน่าทำระหว่าง 22-28 กรกฎาคม 2560 appeared first on THE STANDARD.

     รวมลิสต์กิจกรรมชวนออกจากบ้าน เผื่อควงแขนคนสนิทไปทำอะไรสนุกๆ กันประจำวันที่ 17-23 มิถุนายนนี้

Running in the Dark

What: สาดสีเทสีแบบได้เหงื่อไปด้วย ที่งานวิ่งเรืองแสง ‘Skechers Blacklight Run Thailand’ ธีมฟันรันระยะ 5 กิโลเมตร ที่มีแบล็กไลต์รัน 3 โซนด้วยกัน โดยผู้วิ่งจะถูกสาดสีด้วยแป้งนีออนเรืองแสงให้สว่างไสวไปด้วยสีสันในที่มืด

When: 17 มิถุนายน 2560 เวลา 17.00 น. เริ่มวิ่ง 18.45 น.

Where: สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ มักกะสัน กรุงเทพฯ

Why: ไม่ต้องตื่นเช้าเหมือนมาราธอนไหนๆ เพราะจัดช่วงเย็น และวิ่งเสร็จแล้วอย่าเพิ่งกลับ เพราะมีอาฟเตอร์ปาร์ตี้จากดีเจ Kenneth G ส่งตรงจากอัมสเตอร์ดัมมาเรียกจังหวะให้เต้นกันจนลืมเวลา

How: www.facebook.com/BlacklightRunThailand

Stop: MRT สถานีเพชรบุรี ทางออก 1, 3 และ แอร์พอร์ต เรล ลิงค์ สถานีมักกะสัน

Not a Battle, It’s a Collaboration

What: คอนเสิร์ตที่รวบรวมเอาศิลปินต่างขั้ว ต่างค่าย โคจรมาเจอกันแบบน่าเซอร์ไพรส์ เพราะเราคงไม่มีโอกาสบ่อยนักที่จะได้ชมพวกเขาเหล่านี้เล่นดนตรี หรือร้องเพลงด้วยกัน ‘GSB 2 TONE Concert’ ภายใต้การกำกับของเครือ Mono Group กับคอนเสิร์ตที่รวมสองความต่าง สองอารมณ์ไว้ด้วยกัน มาพร้อมโปรดักชันระดับคอนเสิร์ตใหญ่ในสเกลงานที่เล็กลงมานิด ศิลปินที่จะมาทำการแสดงในซีรีส์นี้ก็มีตั้งแต่ B5, ป๊อบ ปองกูล, บอย-ตรัย ภูมิรัตน, Polycat, ธีร์ ไชยเดช และอื่นๆ อีกมากมาย

When: การกลับมารวมตัวกันของ B5 (17 มิถุนายน), ป๊อบ ปองกูล พบกับ บอย-ตรัย ภูมิรัตน (2 กรกฎาคม), ธีร์ ไชยเดช พบกับ Greasy Café (16 กรกฎาคม), Polycat พบกับ Boom Boom Cash (29 กรกฎาคม), ป๊อด ธนชัย พบกับ สิงโต นำโชค (2 กันยายน) และ Room39 พบกับ สงกรานต์ (30 กันยายน)

Where: สตูดิโอ Mono 29 ถนนชัยพฤกษ์

Why: นี่คือคอนเสิร์ตเล็กๆ ที่เอ็กซ์คลูซีฟกว่า ให้คุณได้จ้องตากับเหล่าศิลปินแบบใกล้ชิดกว่า เพราะเขาจัดเพียง 450 ที่นั่งต่อรอบเท่านั้น

How: สามารถจองบัตรคอนเสิร์ตได้ที่ ticket.mthai.com

Stop: สถานที่จัดงานมีที่จอดรถ

Ice Cream + Beer

What: เคยลองชิมเบียร์โฟลตดูหรือยัง หากยังไม่เคยขอให้ไปลองที่ ‘Brain Freeze Part 2 – Beer meets Ice Cream’ ที่หนุ่มๆ Hair of the Dog จัดขึ้นด้วยการเติมไอศกรีมโฮมเมดนานาชนิดลงไปในเบียร์เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับการดื่มเบียร์

When: 17 มิถุนายน 2560 เวลา 14.00 – 01.00 น.

Where: Hair of the Dog ซอยสุขุมวิท 33/1 กรุงเทพฯ

Why: ไอศกรีมดาร์กช็อกโกแลตมอคค่าสไตล์โฮมเมด กับเบียร์สเตาท์รสเข้ม จะเข้ากันได้ดีแค่ไหน…อยากรู้ต้องลอง

How: www.facebook.com/hairofthedogbkkphromphong

Stop: BTS สถานีพร้อมพงษ์

Play Day

What: เปลี่ยนบรรยากาศโยคะในสตูดิโอมาสูดอากาศดีๆ ที่ริมสระน้ำ กับคลาสโยคะเพลินๆ ที่มีทั้งแบบตีลังกาและแบบโฟลวเบาๆ ให้สูดอากาศบริสุทธิ์ไป ฟังเพลงฮิปฮอปไปเพลินๆ มีให้เลือกทั้งแบบ Happiness Set Menu คลาสแอ็กทีฟ โยคะ โฟลว 45 นาที และแอโคร โยคะ 60 นาที ที่จบด้วยการคูลดาวน์ในสระ

When: 17 มิถุนายน 2560 เวลา 15.30 – 19.00 น.

Where: IfItIs ทองหล่อ 23 สุขุมวิท 55 กรุงเทพฯ

Why: สามารถพาสัตว์เลี้ยงมาได้ และไม่ต้องมีประสบการณ์มาก่อนก็สามารถมาเล่นโยคะได้

How: บัตรสำหรับผู้ที่จองก่อน ราคา 650 บาท (คลาสโยคะทั้งหมด + เครื่องดื่ม + ขนมขบเคี้ยว) และ 950 บาท (คลาสโยคะทั้งหมด + เครื่องดื่ม + ขนมขบเคี้ยว + อาหารโลว์คาร์บและสลัด) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 08 6889 8099 หรือ [email protected]

Stop: BTS สถานีทองหล่อ

Live with Peck

What: ‘เป๊ก ผลิตโชค’ วางหน้ากากจิงโจ้แล้วขนเพลงฮิตมาขับกล่อมแฟนๆ ให้ดื่มเบียร์เย็นๆ แล้วร้องคลอตามกันไปทั้งคืนกับ Beer Belly Live Band | Peck Palitchoke บัตรราคา 500 บาท รับฟรีเครื่องดื่ม 1 แก้ว

When: 20 มิถุนายน 2560

Where:  Beer Belly 72 Courtyard ทองหล่อ ซอยสุขุมวิท 55

Why: ถือเป็นเหตุผลดีๆ ที่ควรออกไปย่ำราตรีในวันอังคาร

How: สำรองที่นั่งได้ที่ 0 2392 7770

Stop: BTS สถานีทองหล่อ

Entering a Dream

What: หลุดไปในโลกแห่งจินตนาการ ‘Himmapan Avatar’ ไลฟ์โชว์แบบ 360 องศาครั้งแรกที่ทำจากฝีมือคนไทย โดยได้แรงบันดาลใจมาจากป่าหิมพานต์ในวรรณคดี และชูโรงด้วยเทคนิค 4 มิติ ให้เห็นรายละเอียดของสรรพสัตว์และแสงสีที่น่าตื่นตา จัดแสดงทุกวัน (ปิดวันอังคาร) สำหรับวันธรรมดา มี 1 รอบการแสดง เวลา 19.30 น. (ภาษาอังกฤษ) สำหรับวันเสาร์ รอบภาษาไทย เวลา 14.30 น. และ 19.30 น. วันอาทิตย์ เวลา 14.30 น. (ภาษาไทย) และ 19.30 น. (ภาษาอังกฤษ) แบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ โซน Deluxe ราคา 1,400 บาท, โซน VIP ราคา 1,700 บาท และโซน Gold ราคา 2,000 บาท

Where: ชั้น 4 ศูนย์การค้า Show DC พระราม 9

Why: เหมาะแก่วันว่างสำหรับทุกคนในครอบครัว

How: สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 09 6919 5005 สำรองที่นั่งได้ที่ www.thaiticketmajor.com

Stop: MRT สถานีพระราม 9

New Flavours

What: เปลี่ยนประสบการณ์ชิมไวน์เดิมๆ มาลิ้มลอง 2 ส่วนประกอบสำคัญแห่งโลกอาหาร นั่นคือ มะกอกและไวน์ กับชั่วโมงไวน์เทสติงที่จะให้ความรู้และเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ของการจิบไวน์คู่กับน้ำมันมะกอกว่าจะเข้ากันได้ดีเพียงใด ราคาคนละ 1,800 บาทถ้วน

When: 22 มิถุนายน เวลา 18.30 – 20.30 น.

Where: Riedel Wine Bar & Cellar ชั้น 2 เกษร วิลเลจ ปทุมวัน กรุงเทพฯ

Why: เปลี่ยนจากการชิมไวน์แบบเดิมๆ มาลองอะไรใหม่ๆ ก็น่าสนุกดีไหมล่ะ

How: สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2656 1133

Stop: BTS สถานีชิดลม

Tuscan Night in Town

What: ยกบรรยากาศแคว้นตอสกานามาไว้ถึงอโศก ที่มื้ออาหารค่ำไวน์ดินเนอร์ ‘Grande Tour of Tuscany Wine Dinner’ ห้องอาหาร Rossini’s ซึ่งเชฟเกตาโน่ พาลุมโบ จัดเต็มด้วยอาหารสไตล์ทัสคานี 5 คอร์ส อาทิ ทาร์ทาร์หอยเชลล์ เสิร์ฟคู่กับหน่อไม้ฝรั่งขาว คาเวียร์เห็ดทรัฟเฟิล หรือทาร์ทาร์เนื้อ เสิร์ฟคู่กับสลัดสปริงซัมเมอร์ ฯลฯ ดื่มเคล้ากับไวน์ทัสคานีจาก G Four ตลอดค่ำคืน ในราคาท่านละ 3,800++ บาท

When: 23 มิถุนายน 2560 ตั้งแต่เวลา 19.00 น.

Where: ห้องอาหาร Rossini’s โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท, เอ ลักซูรี คอลเล็กชัน โฮเทล กรุงเทพ

Why: อะไรจะดีไปว่าการหนีรถติดเย็นวันศุกร์มานั่งเนิบชิมไวน์กับอาหารอิตาเลียนรสเริ่ด

How: สำรองที่นั่งได้ที่ 0 2649 8364 หรือ [email protected]

Stop: BTS สถานีอโศก

Summer Tales

What: เพียงขวัญ คำหรุ่น ศิลปินเจ้าของและนักออกแบบผลิตภัณฑ์แบรนด์ ‘ขมิ้น’ จัดแสดงนิทรรศการศิลปะ ‘เรื่องเล่าของฤดูร้อน’ ที่ศิลปินอยากจะถ่ายทอดผลงานในแบบบันทึกไดอะรี โดยให้ผู้ชมได้รับรู้ผ่านทางภาพวาดสัตว์ประเภทต่างๆ แทนความรู้สึก ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

When: 23 มิถุนายน – 23 กันยายน 2560 เวลา 10.00 – 20.00 น.

Where: สกายล็อบบี้ ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

Why: รายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายผลงานจะนำไปร่วมสมทบทุนสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย

How: 0 2100 1234 ต่อ 6753-56

Stop: BTS สถานีสยามและสถานีชิดลม

The post THE STANDARD Calendar: กิน ดื่ม เที่ยว กิจกรรมน่าทำระหว่าง 17-23 มิ.ย. 2560 appeared first on THE STANDARD.