ปิ่นสาย สุรัสวดี – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 09 Sep 2025 05:52:11 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ครม. ต่ออายุ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เหลือ 7% อีก 1 ปี https://thestandard.co/cabinet-approves-vat-extension/ Tue, 09 Sep 2025 05:52:11 +0000 https://thestandard.co/?p=1117251 cabinet-approves-vat-extension

วันนี้ (9 กันยายน) คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักก […]

The post ครม. ต่ออายุ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เหลือ 7% อีก 1 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
cabinet-approves-vat-extension

วันนี้ (9 กันยายน) คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่..) พ.ศ. …. ขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 7% ออกไปอีก 1 ปี

 

ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “โดยที่การขยายระยะเวลา

การลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 7% จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 กันยายน 2568 กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรตระหนักในความสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นและการสนับสนุนการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจประเทศ จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่..) พ.ศ. …. ขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569”

 

อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวเพิ่มเติมว่า “การขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว จะช่วยรักษาระดับการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ อันจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ตามเป้าหมาย”

 

ประเทศไทยได้กำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ 10% แต่ทั้งนี้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา คณะรัฐมนตรีจะออกพระราชกฤษฎีกาลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือ 7% เป็นประจำทุกปี

The post ครม. ต่ออายุ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เหลือ 7% อีก 1 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
บริจาคเงินให้วัดหรือมูลนิธิเพื่อลดหย่อนภาษีต้องผ่านระบบ e-Donation ของกรมสรรพากร มีผล 1 ม.ค. 2569 https://thestandard.co/donation-tax-deduction-e-donation-2026/ Mon, 18 Aug 2025 04:56:27 +0000 https://thestandard.co/?p=1108357 ภาพแสดงการบริจาคเงินผ่านระบบ e-Donation ของกรมสรรพากร

วันนี้ (18 สิงหาคม) ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ไ […]

The post บริจาคเงินให้วัดหรือมูลนิธิเพื่อลดหย่อนภาษีต้องผ่านระบบ e-Donation ของกรมสรรพากร มีผล 1 ม.ค. 2569 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภาพแสดงการบริจาคเงินผ่านระบบ e-Donation ของกรมสรรพากร

วันนี้ (18 สิงหาคม) ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ได้ส่งหนังสือลงวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่อง การพัฒนาวิธีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่วัดวาอาราม โดยให้ใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร 

 

ใจความหนังสือระบุว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) เพื่อยกระดับบริการภาครัฐให้ประชาชนได้รับความสะดวกและรวดเร็วเพิ่มขึ้น 

 

กรมสรรพากรในฐานะหน่วยงานที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้บริจาคให้แก่วัดวาอาราม จึงจะดำเนินการปรับปรุงกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้บริจาคแก่ วัดวาอาราม, มูลนิธิ, สมาคม, กองทุน และองค์กรที่ได้รับการประกาศโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้เป็นองค์กรหรือสถานสาธารณกุศล สามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส โดยไม่ต้องเก็บหลักฐานการบริจาคที่เป็นกระดาษ และได้รับเงินคืนภาษีเร็วขึ้น เพื่อลดภาระการจัดทำและเก็บหลักฐานการรับบริจาคสำหรับหน่วยรับบริจาค และส่งเสริมความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของหน่วยรับบริจาค

 

การปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวจะกำหนดให้การบริจาคให้แก่ วัดวาอาราม, มูลนิธิ, สมาคม, กองทุน และองค์กรต่าง ๆ ที่ผู้บริจาคได้รับสิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาคหรือหักรายจ่ายการบริจาค ต้องใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรเท่านั้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป

 

เพื่อสนับสนุนการพระศาสนาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาคหรือหักรายจ่ายการบริจาคได้ กรมสรรพากรจึงขอความร่วมมือจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในการประชาสัมพันธ์ไปยังวัดทุกแห่งที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 

 

หากวัดใดยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นผู้ใช้งานระบบ e-Donation ของกรมสรรพากร ขอได้โปรดดำเนินการดังนี้

 

  1. การตรวจสอบข้อมูลการมีเลขประจำตัวหน่วยรับบริจาคและลงทะเบียนเป็นผู้ใช้งานระบบ e-Donation

 

สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร (www.rd.go.th) โดยเข้าไปที่เมนู นิติบุคคล > หน่วยรับบริจาค > ตรวจสอบข้อมูลหน่วยรับบริจาค

 

หากตรวจสอบไม่พบข้อมูล สามารถติดต่อขอมีเลขประจำตัวหน่วยรับบริจาคได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่วัดตั้งอยู่

 

  1. การลงทะเบียนเป็นผู้ใช้งานระบบ e-Donation ของกรมสรรพากร

 

หน่วยรับบริจาคที่มีเลขประจำตัวแล้ว สามารถลงทะเบียนบนเว็บไซต์กรมสรรพากรได้เลย โดยขอความร่วมมือให้ผู้มีอำนาจกระทำการแทนวัด หรือผู้รับมอบอำนาจ มาแสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากร 

 

พร้อมยื่นเอกสารประกอบการลงทะเบียนดังต่อไปนี้ ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาที่วัดตั้งอยู่

 

  • ใบลงทะเบียนระบบ e-Donation พร้อมลงลายมือชื่อผู้มีอำนาจ

   

  • สำเนาหนังสือรับรองการจัดตั้งวัด พร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง หรือหนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัด

 

  • สำเนาหนังสือการแต่งตั้งผู้มีอำนาจกระทำการแทนวัด พร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง

   

  • หนังสือมอบอำนาจและสำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจกระทำการแทนวัด พร้อมลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง (กรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทน)

 

สำหรับวัดที่ได้ลงทะเบียนเป็นผู้ใช้งานระบบ e-Donation แล้ว ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่แต่อย่างใด 

 

ทั้งนี้ กรมสรรพากรได้มอบหมายให้สำนักงานสรรพากรพื้นที่อำนวยความสะดวกในการลงทะเบียน รวมถึงประสานงานกับธนาคารในพื้นที่เพื่อขอความร่วมมืออำนวยความสะดวกให้แก่วัดในการใช้งานระบบ e-Donation สำหรับการรับบริจาคผ่านธนาคาร (QR Code หรือ Bar Code)

The post บริจาคเงินให้วัดหรือมูลนิธิเพื่อลดหย่อนภาษีต้องผ่านระบบ e-Donation ของกรมสรรพากร มีผล 1 ม.ค. 2569 appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมสรรพากร รุกใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพ เก็บภาษี แทนออกภาษีใหม่ หลังประเมินการจัดเก็บรายได้จ่อ ‘ไม่ถึงเป้า’ ในปีงบ 68 https://thestandard.co/revenue-dept-ai-tax-collection/ Tue, 29 Jul 2025 11:57:39 +0000 https://thestandard.co/?p=1101439

กรมสรรพากร คาด การจัดเก็บรายได้ปีนี้เสี่ยง ‘ไม่ถึงเป้า’ […]

The post กรมสรรพากร รุกใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพ เก็บภาษี แทนออกภาษีใหม่ หลังประเมินการจัดเก็บรายได้จ่อ ‘ไม่ถึงเป้า’ ในปีงบ 68 appeared first on THE STANDARD.

]]>

กรมสรรพากร คาด การจัดเก็บรายได้ปีนี้เสี่ยง ‘ไม่ถึงเป้า’ แต่ยังไม่มีแผนออกมาตรการ ‘เก็บภาษี’ ใหม่ เหตุภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว จ่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีผ่านการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) แทน พร้อมตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปรับใช้ AI อย่างเต็มรูปแบบ ภายในปี 2570

 

วันนี้ (29 กรกฎาคม) ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากรกล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งสิ้นสุดในสิ้นเดือนกันยายนนี้ อาจไม่ถึงเป้าหมายที่ 2.37 ล้านล้านบาท ท่ามกลางความท้าทายในการจัดเก็บภาษี หลังผลกระทบของการค้าโลก

 

อย่างไรก็ตาม ปิ่นสาย เปิดเผยว่า รายได้ที่กรมสรรพากรจัดเก็บเองอาจแตะระดับ 1.7 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปีงบประมาณนี้ กระนั้น การนำส่งรายได้ของสรรพากรที่จัดเก็บโดยหน่วยงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมที่ดิน หรือหน่วยงานอื่นๆ อาจเผชิญความท้าทาย เนื่องจากต้องเผชิญผลกระทบของการค้าโลก

 

ตามข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงการคลังระบุว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 กรมสรรพากรจัดเก็บรายได้อยู่ที่ 1,353,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.5% แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมาย 0.6%

 

ปิ่นสายอธิบายว่า ผลประกอบการของภาคธุรกิจ เติบโตแตกต่างกันไปตามกลุ่มอุตสาหกรรม (Sector) โดยตามการตรวจสอบ ‘ภ.ง.ด. 51’ หรือแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับครึ่งรอบระยะเวลาบัญชี (6 เดือน) พบว่า มีภาคธุรกิจเพียง 2 กลุ่มเท่านั้น ที่มีผลประกอบการดี ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโมเดิร์นเทรด (Modern Trade) และกลุ่มธุรกิจการเงินส่วนใหญ่ 

 

ขณะที่กลุ่มธุรกิจเช่าซื้อ (Hire-Purchase) แม้จะอยู่ในภาคการเงิน แต่ก็มีผลประกอบการไม่ดีนัก ตลอดจนภาคธุรกิจส่วนใหญ่ เช่น ขนส่ง รถยนต์ ภาคการผลิตและโครงสร้าง ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) น้ำมันและปิโตรเคมี ก็มีผลประกอบการไม่ดีเช่นกัน

 

ไม่ออกภาษีใหม่ มุ่งเป้าใช้ AI ลดเวลา เพิ่มรายได้

 

ปิ่นสายกล่าวอีกว่า แม้รัฐบาลจะมีแผนปฏิรูปโครงสร้างภาษี แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว จึงยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมต่อการออกมาตรการจัดเก็บภาษีใหม่เพิ่มเติม กรมสรรพากรจึงต้องหันมามุ่งเน้น การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีผ่านการใช้ AI แทน

 

ซึ่งกรมสรรพากรหันมาจับมือกับ สวทช. และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อมุ่งเป้า สู่เป็นองค์กรที่ปรับใช้ AI อย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2570 

 

โดย สวทช. จะมีส่วนช่วยในเรื่องของเทคโนโลยี และการฝึกอบรมบุคลากร ขณะที่ธนาคารกรุงไทย มีส่วนช่วยด้านโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ซึ่งมี ‘วายุ คลาวด์’ เป็นพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว

 

ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาการประยุกต์ใช้ AI แล้ว 4 โครงการ ประกอบด้วย 

 

  1. AI แชตบอทช่วยตอบปัญหาเรื่องภาษี ซึ่งอนาคตจะปรับให้มีการตอบโต้ในรูปแบบเสียง 
  2. ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์การจัดเก็บภาษีจากฐานข้อมูลที่มีอยู่มหาศาล
  3. ช่วยสแกนเอกสารข้อมูลที่ยังเป็นกระดาษ เพื่อเติมข้อมูลเข้าระบบ ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการประมวลผลให้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
  4. ช่วยเรื่องข้อมูลหลังบ้านจัดระเบียบข้อมูลผู้ใช้งานให้เป็น One Portal, One Profile เพื่อติดตามพฤติกรรมการเสียภาษีรายบุคคล

 

ทั้งนี้ ปิ่นสายกล่าวว่าโครงการที่ดำเนินไปแล้วส่วนใหญ่เป็นงานสนับสนุน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า AIสามารถลดเวลางานลงเหลือเพียง 6 ชั่วโมง จากที่ต้องใช้แรงคนถึง 100 ชั่วโมง เมื่อทำงานตามวิธีปกติ 

 

สุดท้ายแล้ว ปิ่นสายหวังว่า กรมสรรพากรจะสามารถนำ AI มาช่วยหาแหล่งรายได้เพิ่ม รวมถึงหาฐานภาษีใหม่ เพื่อเพิ่มรายรับภาษีต่อไปในอนาคต

The post กรมสรรพากร รุกใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพ เก็บภาษี แทนออกภาษีใหม่ หลังประเมินการจัดเก็บรายได้จ่อ ‘ไม่ถึงเป้า’ ในปีงบ 68 appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิโรจน์ยืนยันไม่ทิ้งปมตั๋ว P/N นายกฯ ชี้ยังรอพิชัยตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการวินิจฉัยภาษี หากล่าช้าจ่อฟ้อง ป.ป.ช. https://thestandard.co/wiroj-on-pm-pn-ticket-case/ Wed, 11 Jun 2025 05:13:15 +0000 https://thestandard.co/?p=1083940

วันนี้ (11 มิถุนายน) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรา […]

The post วิโรจน์ยืนยันไม่ทิ้งปมตั๋ว P/N นายกฯ ชี้ยังรอพิชัยตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการวินิจฉัยภาษี หากล่าช้าจ่อฟ้อง ป.ป.ช. appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (11 มิถุนายน) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงความคืบหน้ากรณียื่นหนังสือให้กรมสรรพากร วินิจฉัยการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋ว P/N ในการซื้อหุ้นของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

 

วิโรจน์เปิดเผยว่าได้สอบถามไปยัง ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ว่า ถ้าตอนนี้มีประชาชนอยากทำตามนายกรัฐมนตรี แทนที่จะโอนเงินให้ลูก และจ่ายภาษีรับให้ ก็ให้ลูกออกตั๋ว P/N ทำทีเป็นซื้อได้หรือไม่ ก็ได้รับคำชี้แจงว่าไม่แนะนำ ให้ทำรอคำวินิจฉัยก่อน จึงได้ถามต่อว่าแล้วเมื่อไรจะวินิจฉัย เมื่อ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังไม่แต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร จึงไม่มีองค์ประชุมที่จะวินิจฉัยได้

 

ขณะนี้ผู้อำนวยการกองที่เกี่ยวข้องก็รวบรวมหลักฐานขอเอกสารจากทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. อยู่ ก็ไม่ทราบว่าเมื่อไรจะได้พิจารณาวินิจฉัยได้ แต่เราจะตามเรื่องอย่างต่อเนื่อง หากมีความล่าช้าจะร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่ สวนชี้มูลความผิดข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และหากพิชัย ยังไม่แต่งตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ก็จะร้องพิชัยด้วย ยืนยันว่าไม่ทิ้งแน่นอน แต่เราต้องให้เวลาตามระเบียบ เพื่อชี้ให้เห็นว่ากรมสรรพากรล่าช้า ทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนเวลา

 

“ต้องฝากถึงท่านพิชัย และอธิบดีกรมสรรพากรด้วย จังหวะนี้ความถูกต้องทำเถอะ ไม่เช่นนั้นชนวนก็จะถูกเผาไปเรื่อยๆ พอถึงเงื่อนเวลาพวกเราร้อง ป.ป.ช. ให้ดำเนินการกับท่าน ท่านก็ต้องเข้าใจพวกผมที่จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย” วิโรจน์กล่าว

The post วิโรจน์ยืนยันไม่ทิ้งปมตั๋ว P/N นายกฯ ชี้ยังรอพิชัยตั้งที่ปรึกษาคณะกรรมการวินิจฉัยภาษี หากล่าช้าจ่อฟ้อง ป.ป.ช. appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ไทยจัดเก็บภาษีต่ำไปจริงหรือไม่? เปิดแผนจัดเก็บรายได้กับ ‘อธิบดีกรมสรรพากร’ | Exclusive Interview EP.27 https://thestandard.co/wealth-exclusive-interview-ep-27/ Fri, 04 Apr 2025 06:57:57 +0000 https://thestandard.co/?p=1060657

ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจไทยชะลอตัว จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่ม […]

The post ชมคลิป: ไทยจัดเก็บภาษีต่ำไปจริงหรือไม่? เปิดแผนจัดเก็บรายได้กับ ‘อธิบดีกรมสรรพากร’ | Exclusive Interview EP.27 appeared first on THE STANDARD.

]]>

ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจไทยชะลอตัว จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้น สะท้อนว่า รัฐบาลไทยอาจมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี และนับเป็นการเพิ่มแรงกดดันในการหารายได้ของรัฐบาลด้วย

 

ร่วมพูดคุยกับ ‘ปิ่นสาย สุรัสวดี’ อธิบดีกรมสรรพากร ซึ่งเป็นกรมจัดเก็บรายได้อันดับหนึ่งของประเทศ ที่เปิดใจพร้อมตอบทุกคำถาม ไม่ว่าจะเป็น ไทยจัดเก็บรายได้น้อยกว่าศักยภาพจริงหรือไม่ เวลาใดที่เหมาะสมในการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไปจนถึงความเห็นเกี่ยวกับแผนปฏิรูปภาษี 15-15-15 ในช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนจบฤดูการยื่นภาษี (กรมสรรพากร เปิดให้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ถึงวันที่ 8 เมษายนนี้)

 

ติดตามได้ในรายการ Exclusive Interview วันศุกร์ที่ 4 เมษายนนี้ ผ่าน YouTube: THE STANDARD WEALTH

The post ชมคลิป: ไทยจัดเก็บภาษีต่ำไปจริงหรือไม่? เปิดแผนจัดเก็บรายได้กับ ‘อธิบดีกรมสรรพากร’ | Exclusive Interview EP.27 appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมสรรพากรยืนยัน การซื้อ-ขายหุ้นนอกตลาดฯ โดยออก P/N ต้องเสียภาษี https://thestandard.co/revenue-dept-clarifies-tax-on-off-market-shares/ Tue, 25 Mar 2025 13:27:25 +0000 https://thestandard.co/?p=1056512 หุ้นนอกตลาด

อธิบดีกรมสรรพากรยืนยัน การซื้อ-ขายหุ้นนอกตลาดฯ ‘ผู้ขาย’ […]

The post กรมสรรพากรยืนยัน การซื้อ-ขายหุ้นนอกตลาดฯ โดยออก P/N ต้องเสียภาษี appeared first on THE STANDARD.

]]>
หุ้นนอกตลาด

อธิบดีกรมสรรพากรยืนยัน การซื้อ-ขายหุ้นนอกตลาดฯ ‘ผู้ขาย’ มีหน้าที่เสียภาษี ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีซื้อหุ้นโดยออก P/N เป็นค่าหุ้นให้ผู้ขาย แล้วมี Capital Gains ถือเป็นเงินได้ของปี 2569 ต้องยื่นแบบฯ ในปี 2570

 

วันนี้ (25 มีนาคม) ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านมีการอภิปรายเรื่องของภาษีการรับให้ของนายกรัฐมนตรีว่า ถ้าในข้อเท็จจริงเป็นการทำธุรกรรมโดยออกตั๋ว P/N จะเปรียบเสมือนสัญญาเงินกู้ระหว่าง 2 ฝ่าย ได้แก่ ผู้ออกตั๋ว (ลูกหนี้) และผู้รับเงิน (เจ้าหนี้) ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ระบุว่าสามารถออกได้ 2 แบบ คือ ออกแบบกำหนดระยะเวลาที่จะชำระเงินชัดเจน หรือออกแบบไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการชำระเงิน ซึ่งการออกแบบที่ไม่ได้ระบุเวลาในการชำระเงินนั้นจะต้องจ่ายเงินทันทีเมื่อถูกเรียกหรือถูกทวงถาม

 

ส่วนเรื่องการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนั้นประมวลกฎหมายแพ่งฯ ระบุว่า จะกำหนดหรือไม่กำหนดก็ได้ หากมีการกำหนดจะต้องระบุไว้ที่หน้าตั๋ว P/N อย่างชัดเจน

 

กรณีการซื้อ-ขายหุ้นนอกตลาดฯ ผู้ขายมีหน้าที่เสียภาษี ซึ่งกรณีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะใช้เกณฑ์เงินสด ถ้าผู้ซื้อได้มีการออกตั๋ว P/N เพื่อเป็นสัญญาว่าจะชำระค่าหุ้นเต็มจำนวน การเสียภาษีจะเกิดขึ้นเมื่อมีการชำระตั๋ว P/N ด้วยเงินสด ซึ่งตามที่นายกรัฐมนตรีได้ระบุว่าในปีหน้า (2569) จะมีการชำระเงินกัน ผู้ขายหุ้นก็จะต้องชำระภาษี โดยถือเป็นเงินได้ของปี 2569 ซึ่งจะต้องยื่นแบบฯ ในปี 2570 ในประเภทเงินได้เกินกว่าที่ลงทุน (Capital Gains) ผู้ขายหุ้นให้แก่นายกรัฐมนตรีมีเงินได้ประเภทนี้ ก็ยื่นแบบฯ และชำระภาษีตามขั้นตอนปกติ

 

“ธุรกรรมลักษณะนี้มีภาระภาษี โดยขึ้นอยู่กับว่าต้องชำระภาษีเมื่อไร การออกตั๋ว P/N เมื่อมีการจ่ายเงินก็ต้องมีการชำระภาษี” ปิ่นสายกล่าว

The post กรมสรรพากรยืนยัน การซื้อ-ขายหุ้นนอกตลาดฯ โดยออก P/N ต้องเสียภาษี appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมสรรพากรจ่อลดภาษีเงินได้นิติบุคคล 10% (ของกำไรสุทธิ) ให้แก่บริษัทในเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นเวลา 10 ปี เพื่อหนุนการลงทุน https://thestandard.co/corporate-tax-reduction-special-zones/ Tue, 14 Jan 2025 07:18:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1030315

หวังเพิ่มการลงทุน! กรมสรรพากรเตรียมออกมาตรการลดอัตราภาษ […]

The post กรมสรรพากรจ่อลดภาษีเงินได้นิติบุคคล 10% (ของกำไรสุทธิ) ให้แก่บริษัทในเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นเวลา 10 ปี เพื่อหนุนการลงทุน appeared first on THE STANDARD.

]]>

หวังเพิ่มการลงทุน! กรมสรรพากรเตรียมออกมาตรการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทที่ผลิตสินค้าหรือให้บริการในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone: SEZ) เป็นเวลา 10 ปีบริเวณเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ชายแดน 10 แห่ง ได้แก่ จังหวัดตาก, มุกดาหาร, สระแก้ว, สงขลา, ตราด, หนองคาย, นราธิวาส, เชียงราย, นครพนม และกาญจนบุรี

 

วันนี้ (14 มกราคม) ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า “กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากร มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone: SEZ) อย่างต่อเนื่อง จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนใน SEZ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

โดยล่าสุดคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้ว

 

โดยมาตรการใหม่นี้เป็นการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 10% ของกำไรสุทธิให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการเป้าหมายตามที่คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษกำหนด ซึ่งมีสถานประกอบกิจการตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษไม่ว่าจะมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ ที่ใด สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นจากการผลิตสินค้าในเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือรายได้ที่เกิดจากการให้บริการและมีการใช้บริการในเขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นเวลา 10 รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ชายแดน 10 แห่ง ได้แก่ จังหวัดตาก, มุกดาหาร, สระแก้ว, สงขลา, ตราด, หนองคาย, นราธิวาส, เชียงราย, นครพนม และกาญจนบุรี

 

อธิบดีกรมสรรพากรกล่าวเพิ่มเติมว่า “มาตรการนี้จะทำให้การผลิตสินค้า การให้บริการ และการจ้างงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มขึ้น ส่งเสริมให้การผลิตสินค้าและการให้บริการในพื้นที่ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่เศรษฐกิจหลักและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ”

 

ภาพ: SevenMaps / Shutterstock

The post กรมสรรพากรจ่อลดภาษีเงินได้นิติบุคคล 10% (ของกำไรสุทธิ) ให้แก่บริษัทในเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นเวลา 10 ปี เพื่อหนุนการลงทุน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยประกาศเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติขั้นต่ำ 15% เริ่ม 1 ม.ค. 68 เข้าร่วม Global Minimum Tax หนุนระบบภาษีที่เป็นธรรมมากขึ้น https://thestandard.co/thailand-global-minimum-tax/ Sat, 28 Dec 2024 08:36:21 +0000 https://thestandard.co/?p=1025072

ไทยประกาศเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติขั้นต่ำ 15% เริ่มวันที่ […]

The post ไทยประกาศเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติขั้นต่ำ 15% เริ่ม 1 ม.ค. 68 เข้าร่วม Global Minimum Tax หนุนระบบภาษีที่เป็นธรรมมากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>

ไทยประกาศเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติขั้นต่ำ 15% เริ่มวันที่ 1 มกราคม 2568 เฉพาะกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีรายได้ไม่น้อยกว่า 750 ล้านยูโร ส่งผลให้ไทยกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้าร่วม Global Minimum Tax เพื่อช่วยสนับสนุน ‘การเก็บภาษีจากธุรกิจข้ามชาติที่เป็นธรรมมากขึ้น’

 

วานนี้ (27 ธันวาคม) ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า พระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้แก่นิติบุคคลข้ามชาติ (Multinational Enterprises: MNEs) ขนาดใหญ่ที่มีรายได้ไม่น้อยกว่า 750 ล้านยูโร (หรือราว 2.6 หมื่นล้านบาท ณ อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 28 ธันวาคม) สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง เสนอร่างพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 ต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนดดังกล่าวเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมีการจัดเก็บอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่อัตรา 20% อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จึงจะได้รับการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษี ทำให้การจ่ายอัตราภาษีที่แท้จริงต่ำกว่า 15%

 

ดังนั้นเมื่อพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่มมีผลบังคับใช้ บริษัทหลายแห่งจึงจะต้องถูกเก็บภาษีเพิ่ม (Top-Up Tax) เพื่อให้ถึงขั้นต่ำที่ 15%

 

ทำไมไทยต้องเข้าร่วม Global Minimum Tax?

 

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ธุรกิจข้ามชาติต่างๆ พยายามจัดสรรกำไรและกระจายเงินลงทุนในต่างประเทศที่มีมาตรการดึงดูดการลงทุนต่างๆ รวมถึงสิทธิประโยชน์ภาษีเงินได้นิติบุคคล ทำให้ประเทศต่างๆ แข่งขันกันลดภาษีให้กับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุน จนอัตราภาษีที่แท้จริงนั้นลดต่ำลงเรื่อยๆ

 

องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) จึงเสนอให้มีการปฏิรูประบบภาษีระหว่างประเทศ เพื่อให้ประเทศต่างๆ เก็บภาษีจากธุรกิจข้ามชาติให้เป็นธรรมมากขึ้น โดยไทยเป็นประเทศล่าสุดที่เข้าร่วม

 

แถลงการณ์ของกรมสรรพากรยังระบุว่า “การตราพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่มมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรักษาสิทธิในการจัดเก็บภาษี อันเป็นการรักษาประโยชน์แห่งชาติ เนื่องจากหากประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม จะสูญเสียรายได้ภาษีส่วนเพิ่มที่ควรจัดเก็บได้ให้แก่ประเทศอื่นที่มีกฎหมายจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มจนกว่าประเทศไทยจะมีกฎหมายดังกล่าว”

 

โดยประเทศที่บังคับใช้กฎหมายดังกล่าวแล้วตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2567 มี 28 ประเทศ เช่น กรีซ, เกาหลีใต้, แคนาดา, ญี่ปุ่น, เดนมาร์ก, ตุรกี, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, ฝรั่งเศส, ฟินแลนด์, เยอรมัน, สเปน, สวีเดน, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, อิตาลี, ไอร์แลนด์ และเวียดนาม

 

นอกจากนี้ ประเทศที่คาดว่าจะบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีปี 2568 เช่น มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย และฮ่องกง

 

บริษัทใดได้รับผลกระทบบ้าง?

 

พระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่มบังคับใช้เฉพาะกลุ่ม MNEs ขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทย ไม่ว่ากลุ่ม MNEs ของไทยที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือกลุ่ม MNEs ของต่างประเทศที่ลงทุนในประเทศไทย ที่มีรายได้ตามงบการเงินรวม (Consolidated Financial Statements) ของบริษัทแม่ลำดับสูงสุดไม่น้อยกว่า 750 ล้านยูโร อย่างน้อย 2 ใน 4 รอบระยะเวลาบัญชี ก่อนหน้ารอบระยะเวลาบัญชีที่พิจารณาหน้าที่การเสียภาษีส่วนเพิ่ม โดยให้เสียภาษีขั้นต่ำทั่วโลก (Global Minimum Tax) ในอัตราที่กำหนด เพื่อจำกัดการแข่งขันทางภาษี

 

ทั้งนี้ กรมสรรพากรยกร่างพระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่มตามแนวทางมาตรฐานที่ OECD จัดทำขึ้น การปฏิบัติตามกฎหมายภาษีส่วนเพิ่มของประเทศไทยจึงเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีส่วนเพิ่มของนานาประเทศ อันเป็นการลดภาระการปฏิบัติตามกฎหมายให้แก่กลุ่ม MNEs ที่ลงทุนในประเทศไทย

 

ปิ่นสายกล่าวอีกว่า “การจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มจะเป็นประโยชน์แก่การส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทยบนพื้นฐานของความยั่งยืนทางการคลัง หลังจากนี้กรมสรรพากรจะเสนอกฎหมายลำดับรอง กำหนดรายละเอียดต่างๆ ตามแนวทางมาตรฐานที่ OECD กำหนด สำหรับวิธีการยื่นแบบแสดงรายการภาษี, การชำระภาษี, การยื่น GloBE Information Return และการแจ้งข้อมูลนั้น กรมสรรพากรจะอำนวยความสะดวกให้ดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด และเพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามกฎหมายภาษีส่วนเพิ่ม กรมสรรพากรจะจัดสัมมนาและจัดทำบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) สร้างความรู้และความเข้าใจให้แก่ผู้เสียภาษีและผู้เกี่ยวข้อง เช่น ที่ปรึกษาภาษีและผู้สอบบัญชี จึงขอให้ติดตามข่าวสารจากเว็บไซต์และสื่อสังคมของกรมสรรพากร”

The post ไทยประกาศเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติขั้นต่ำ 15% เริ่ม 1 ม.ค. 68 เข้าร่วม Global Minimum Tax หนุนระบบภาษีที่เป็นธรรมมากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
Easy e-Receipt 2.0 ลดหย่อนค่าซื้อสินค้า-ค่าบริการ ตามจำนวนจ่ายจริง สูงสุด 50,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 https://thestandard.co/easy-e-receipt-2-0/ Tue, 24 Dec 2024 11:10:31 +0000 https://thestandard.co/?p=1023294 Easy e-Receipt

วันนี้ (24 ธันวาคม 2567) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการ […]

The post Easy e-Receipt 2.0 ลดหย่อนค่าซื้อสินค้า-ค่าบริการ ตามจำนวนจ่ายจริง สูงสุด 50,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Easy e-Receipt

วันนี้ (24 ธันวาคม 2567) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการมาตรการ 
Easy e-Receipt 2.0 ซึ่งเป็นการขยายผลจากมาตรการเดิม Easy e-Receipt เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศในปี 2568 โดยให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคล) หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 – วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง และสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท เฉพาะที่ได้รับ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt เท่านั้น

 

ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากร เห็นผลตอบรับที่ดีเยี่ยมจากมาตรการ Easy e-Receipt ในช่วงต้นปี 2567 จึงเดินหน้าสานต่อความสำเร็จนี้ เพื่อเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจไทยทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่นขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ออกมาตรการ Easy e-Receipt 2.0 ซึ่งมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

 

  1. ให้หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 – วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ได้สูงสุด 50,000 บาท ดังนี้ 
  • 1.1 หักลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้า หรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยต้องมีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ 
(e-Tax Invoice) แบบเต็มรูปเป็นหลักฐาน หรือผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยต้องมีใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เป็นหลักฐาน และ
  • 1.2 หักลดหย่อนได้เพิ่มอีกตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการดังต่อไปนี้ โดยต้องมี e-Tax Invoice แบบเต็มรูป หรือ e-Receipt เป็นหลักฐาน
    • ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว
    • ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร
    • ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียน
ต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม

 

ทั้งนี้ ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามข้อ 1.1 จะเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามข้อ 1.2 ก็ได้
 

 

  1. กรณีการจ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการดังต่อไปนี้
  • ค่าซื้อหนังสือ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร
  • ค่าบริการหนังสือ หนังสือพิมพ์ นิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book)
  • ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว
  • ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร
  • ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม

 

เปิดลิสต์สินค้า ‘ไม่รวมมาตรการ’

 

โดยค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการนี้ไม่รวมถึง

 

  • ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์
  • ค่าซื้อยาสูบ
  • ค่าซื้อน้ำมัน ค่าซื้อก๊าซ และค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับเติมยานพาหนะ
  • ค่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (รถจักรยานยนต์ รวมถึงรถจักรยานที่ติดเครื่องยนต์) และค่าซื้อเรือ 
  • ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ และค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต
  • ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการ และผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจากระยะเวลาของมาตรการ
  • ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
  • ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว และค่าที่พัก
โรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย หรือค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม

 

ย้ำ e-Tax Invoice และ e-Receipt ต้องระบุชื่อ นามสกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน) ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการด้วย

 

ปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวสรุปว่า ‘มาตรการ Easy e-Receipt 2.0’ จะช่วยสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจในภาพรวมขยายตัวได้ตามเป้าหมาย โดยคาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 70,000 ล้านบาท

 

 

ภาพ: seng kui Lim / 500px / Getty Images

The post Easy e-Receipt 2.0 ลดหย่อนค่าซื้อสินค้า-ค่าบริการ ตามจำนวนจ่ายจริง สูงสุด 50,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>
เปิดรายชื่อ 9 ผู้บริหารกระทรวงการคลัง หลัง ครม. มีมติโยกย้าย อัปเดตใครคุมหน่วยงานใดบ้าง https://thestandard.co/9-executives-of-the-ministry-of-finance/ Tue, 24 Sep 2024 13:06:19 +0000 https://thestandard.co/?p=987557

วันนี้ (24 กันยายน) จิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกร […]

The post เปิดรายชื่อ 9 ผู้บริหารกระทรวงการคลัง หลัง ครม. มีมติโยกย้าย อัปเดตใครคุมหน่วยงานใดบ้าง appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (24 กันยายน) จิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง และเพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการของกระทรวงการคลัง 9 ราย ได้แก่

 

  1. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต โยกย้ายไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์
  2. กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร โยกย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพสามิต
  3. ปิ่นสาย สุรัสวดี รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร
  4. วินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี กรมสรรพากร เป็นดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลัง
  5. ศุกร์ศิริ อภิญญานุวัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการคลัง
  6. พิมพ์เพ็ญ ลัดพลี ที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง เป็นดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง
  7. ธีรลักษ์ แสงสนิท ที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง
  8. อรรถพล อรรถวรเดช ที่ปรึกษาการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง เป็นดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง
  9. ชุติมา ศรีปราชญ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารเหรียญกษาปณ์และทรัพย์สินมีค่า กรมธนารักษ์ เป็นดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง

 

นอกจากนี้ ครม. มีมติแต่งตั้ง นลินี ทวีสิน และ ชัย วัชรงค์ เป็นผู้แทนการค้าไทย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2567

 

ขณะเดียวกันได้อนุมัติต่ออายุการดำรงตำแหน่งของ ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งจะครบวาระ 4 ปี ในวันที่ 30 กันยายนนี้ ต่อไปอีก 1 ปี (ครั้งที่ 1)

 

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

The post เปิดรายชื่อ 9 ผู้บริหารกระทรวงการคลัง หลัง ครม. มีมติโยกย้าย อัปเดตใครคุมหน่วยงานใดบ้าง appeared first on THE STANDARD.

]]>