ปิยะมิตร ศรีธรา – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 29 Dec 2024 09:06:20 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ชมคลิป: มหิดลแนะ กลไก ‘3E’ หนทางแก้อุบัติเหตุบนท้องถนนไทย | NEWS DIGEST #84 https://thestandard.co/news-digest-29122024/ Sun, 29 Dec 2024 09:06:20 +0000 https://thestandard.co/?p=1025432

อุบัติเหตุบนท้องถนนไทยยังคงสูงติดอันดับ 9 ของโลก สถิติผ […]

The post ชมคลิป: มหิดลแนะ กลไก ‘3E’ หนทางแก้อุบัติเหตุบนท้องถนนไทย | NEWS DIGEST #84 appeared first on THE STANDARD.

]]>

อุบัติเหตุบนท้องถนนไทยยังคงสูงติดอันดับ 9 ของโลก สถิติผู้เสียชีวิตเฉลี่ยต่อวันมากกว่ารถมินิบัส 1 คัน และสูงกว่าในช่วง 7 วันอันตรายด้วยซ้ำ

 

ศ. นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยกับรายการ NEWS DIGEST ถึงภาพรวมปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนไทยทั้งในเชิงสังคม เศรษฐกิจ และระบบสาธารณสุข พร้อมเสนอแนะกลไก 3E – Engineering Education Enforcement เพื่อให้ไทยหลุดออกจากวังวนปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน และเกิดการสูญเสียน้อยที่สุด

 

[ADVERTORIAL]

The post ชมคลิป: มหิดลแนะ กลไก ‘3E’ หนทางแก้อุบัติเหตุบนท้องถนนไทย | NEWS DIGEST #84 appeared first on THE STANDARD.

]]>
อธิการบดี ม.มหิดล เผย ‘3 เทรนด์สำคัญ’ เปิดพรมแดนใหม่ พลิกวงการสุขภาพในสังคมไทย https://thestandard.co/the-standard-economic-forum-2024-young-leaders-dialogue-8/ Wed, 13 Nov 2024 14:08:53 +0000 https://thestandard.co/?p=1008299

วันนี้ (13 พฤศจิกายน) ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธ […]

The post อธิการบดี ม.มหิดล เผย ‘3 เทรนด์สำคัญ’ เปิดพรมแดนใหม่ พลิกวงการสุขภาพในสังคมไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (13 พฤศจิกายน) ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ขึ้นกล่าวสปีชในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2024: BRAVE NEW WORLD เศรษฐกิจไทย ไล่กวดโลกใหม่ ในหัวข้อ The Next Frontier: Game-Changing Trends in Healthcare พรมแดนใหม่ เทรนด์พลิกวงการสุขภาพ โดยระบุว่า ‘ตัวเปลี่ยนเกม’ (Game Changer) ในวงการสุขภาพขณะนี้มีอยู่ 3 ด้านสำคัญ นั่นคือ

 

  1. นวัตกรรมการรักษา เทรนด์ใหม่น่าจับตาในวงการสุขภาพ

 

ตลาดยาและอาหารเสริมเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดยามีมูลค่าอยู่ที่ 2.2 แสนล้านบาท ขณะที่ตลาดอาหารเสริมมีมูลค่าสูงถึง 8.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่าค่าใช้จ่ายด้านเฮลท์แคร์ในปัจจุบัน

 

ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ชี้ว่านวัตกรรมการรักษาใหม่ๆ ที่ใช้ตัว ‘ยาใหม่’ ซึ่งเป็น Game Changer คือ ‘ยาที่มีชีวิต’ ที่เรียกว่า ‘Advanced Therapy Medicinal Products’ (ATMP) โดยนำเซลล์ในร่างกายคนมาใช้รักษาโรคผ่านการตัดต่อยีน เช่น การตัดต่อยีนในเม็ดเลือดขาว CAR T-cell Therapy เพื่อทำให้เม็ดเลือดขาวจัดการกับมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนนำไปสู่การจัดตั้งบริษัท Genepeutic Bio Company Limited (GNPT) โดยเป็นการร่วมทุนของ Thai Foods Group Public Company Limited กับ สวทช.

 

การตัดต่อยีนยังทำได้ในอีกหลายโรค เช่น ธาลัสซีเมีย โดยตัดต่อยีนธาลัสซีเมียให้ปกติแล้วใส่กลับไปในร่างกายคนเดียว เพื่อให้ผลิตเม็ดเลือดแดงที่ปกติได้ นอกจากนี้ Xenotransplantation ก็จะเป็นอีกหนึ่งแนวทางการรักษาที่น่าสนใจ โดยการนำอวัยวะหมูมาตัดต่อยีน เพื่อให้ความสามารถในการทำปฏิกิริยาจำเพาะ (Antigenicity) ของหมูลดลง เหมือนได้เนื้อเยื่อ (Tissue) ของคนมากขึ้น ในอนาคตไทยอาจมีฟาร์มหมูที่มีคุณภาพสูง มีการติดเชื้อน้อยมากๆ หรือเลี้ยงหมูปลอดเชื้อได้ ก็จะเป็นแหล่งผลิตอวัยวะสำคัญๆ อย่างหัวใจ ไต และตับ ให้กับพวกเราในอนาคต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลอง

 

ขณะที่สมุนไพรถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ เพราะไทยมีความหลากหลายทางสมุนไพรเป็นอย่างมาก และควรได้รับการสนับสนุน เพื่อลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ

 

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติจะผลักดันนโยบายเพิ่มการเบิกจ่ายสมุนไพรเพิ่มขึ้นอีก 10% ในปีนี้ และลดการเบิกจ่ายยาที่มีสรรพคุณด้านเดียวกันกับสมุนไพรลดลงอีก 5% เพื่อสนับสนุนให้คนมาใช้สมุนไพรมากขึ้น เช่น ขมิ้นชันที่มีสรรพคุณแก้ท้องอืดท้องเฟ้อได้ดี จากขมิ้นชันที่อาจมีมูลค่าราว 20 บาทต่อกิโลกรัม อาจเพิ่มขึ้นเป็น 80,000 บาทต่อกิโลกรัมได้ ถ้านำไปสกัดเป็น Facial Oil และเวชสำอางที่สำคัญ โดยการศึกษาล่าสุดของศิริราชพบว่าขมิ้นชันยังมีคุณสมบัติชะลอการแตกของเม็ดเลือดแดงในคนไข้ที่เป็นธาลัสซีเมียได้ อีกทั้งพืชสมุนไพรอย่างพรมมิยังมีสรรพคุณช่วยรักษาสมองเสื่อม ขณะที่ใบบัวบกสายพันธุ์ศาลายา 1 มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการผิวหนังอักเสบได้

 

นอกจากนี้ ยังจัดตั้งองค์กรอย่าง Clinixir ซึ่งเป็นความร่วมมือของ Bualuang Ventures และโรงเรียนแพทย์อีก 8 แห่ง โดยองค์กรนี้จะทำหน้าที่เป็น ‘ผู้จัดการในการทำวิจัย’ ให้เกิดการขึ้นทะเบียน จะเป็น Game Changer ของไทยที่ทำให้มีวิธีการผลิตยาใหม่ได้ตลอดขั้นตอน

 

  1. Wellness Center กับการแก้โจทย์ ‘สังคมผู้สูงอายุ’ ของไทย

 

ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ระบุว่าไทยต้องเน้นเรื่อง ‘ความเป็นอยู่ที่ดี’ (Wellness) ให้เพิ่มมากขึ้น เพราะในอีก 100 ปีข้างหน้า ประชากรไทยราว 66 ล้านคน ตัวเลขคาดการณ์จะเหลือเพียงแค่ราว 27 ล้านคนเท่านั้น

 

ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์อาเซียนในปี 2050 จะมีประชากรสูงอายุสูงถึง 21% แต่ถ้าดูเฉพาะประเทศไทยขณะนี้เรามีประชากร 20% ที่อายุเกิน 60 ปีแล้ว ไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีประชากรสูงอายุสูงมาก โดยในอีก 20 ปีข้างหน้า 1 ใน 3 ของประชากรไทยจะเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งจะตามมาด้วยค่ารักษาพยาบาลที่แพงมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การเปลี่ยนหรือซ่อมลิ้นหัวใจโดยไม่ผ่าตัด จึงทำให้แนวคิดที่อยากทำให้ผู้สูงอายุมาอยู่ร่วมกันหรือทำงานให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้กลายเป็นเรื่องสำคัญ ตัวอย่างที่จะนำมาใช้แก้โจทย์สังคมผู้สูงอายุของไทย เช่น การสร้าง Wellness Center อย่างที่พักผู้สูงอายุ รามาฯ-ธนารักษ์ รวมถึงส่งเสริมการอบรมและเสริมอาชีพ ‘นักบริบาล’ (Caregiver) และสนับสนุน Living Will ให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายเสียชีวิตที่บ้านแทนโรงพยาบาล

 

  1. เทคโนโลยีล้ำสมัยปฏิวัติการรักษาพยาบาล

 

ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร กล่าวว่าแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model: LLM) กลายมาเป็นผู้ช่วยการรักษาทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันมีการใช้ LLM รวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่าง ChatGPT มาใช้ในการช่วยรักษาและให้คำปรึกษาคนไข้ ทั้งยังพยายามสนับสนุนการรักษาทางไกล (Telemedicine) ส่งยาทางไปรษณีย์ และเพิ่มศูนย์เจาะเลือดตามจุดต่างๆ เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล

 

ศาสตราจารย์ นพ.ปิยะมิตร ยังระบุว่าในอนาคต Game Changer ที่สำคัญคงจะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนการรักษาแบบที่ต้องไปโรงพยาบาล เอารองเท้าไปเข้าคิวแบบในภาพยนตร์ หลานม่า มาเป็นการรักษาแนวใหม่ที่มี AI มาช่วยหมอในเรื่องต่างๆ เช่น อ่านฟิล์มเอ็กซเรย์ หรือแปลผลแล็บ

 

The post อธิการบดี ม.มหิดล เผย ‘3 เทรนด์สำคัญ’ เปิดพรมแดนใหม่ พลิกวงการสุขภาพในสังคมไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิศวะมหิดล-แพทยศาสตร์ รพ.รามา คิดค้นนวัตกรรมพิชิตมะเร็งสมอง ด้วยระบบส่งยาฉีดรักษามะเร็งสมองจากเจลชีวพอลิเมอร์ https://thestandard.co/mahidol-engineering-ramathibodi-hospital-medicine-inventing-brain-cancer-innovation/ Fri, 13 May 2022 04:05:51 +0000 https://thestandard.co/?p=628196 มะเร็งสมอง

ไม่นานมานี้ ทีมวิจัย 3 คนไทยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิท […]

The post วิศวะมหิดล-แพทยศาสตร์ รพ.รามา คิดค้นนวัตกรรมพิชิตมะเร็งสมอง ด้วยระบบส่งยาฉีดรักษามะเร็งสมองจากเจลชีวพอลิเมอร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
มะเร็งสมอง

ไม่นานมานี้ ทีมวิจัย 3 คนไทยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ประกอบด้วย รศ.ดร.นรเศรษฐ์ ณ สงขลา หัวหน้าทีมวิจัยและหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, รศ.นพ.อัตถพร บุญเกิด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมระบบประสาท ภาควิชาศัลยศาสตร์ และ ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล 

 

ร่วมกันคิดค้นนวัตกรรม ‘ระบบส่งยาฉีดรักษามะเร็งสมองจากเจลชีวพอลิเมอร์’ (Injectable Polymeric Drug Delivery System for Human Brain Cancer Treatment) ซึ่งเป็นการพลิกโฉมวิธีการรักษามะเร็งสมอง โดยการส่งยาเข้าถึงเป้าหมายมะเร็งในสมองได้ตรงจุด และยับยั้งเซลล์มะเร็งสมองโดยไม่มีพิษต่อร่างกาย ซึ่งทำการทดลองกับผู้ป่วยได้ผลดีในเฟสที่ 1 และกำลังเดินหน้าสู่เฟสที่ 2 และนวัตกรรมนี้ได้รับการจดสิทธิบัตรและได้รับการตีพิมพ์ในหลายวารสารต่างประเทศ เป็นความหวังของคนไทยที่จะได้เห็นผลงานวิจัยนี้ไปสู่การผลิตใช้จริงในการต่อสู้กับมะเร็งเพื่อช่วยชีวิตคนไทยและเพื่อนมนุษย์ทั่วโลกได้จำนวนมาก

 

ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มะเร็งเป็น 1 ใน 5 โรคร้ายแรงที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด โดยข้อมูลประเทศไทยปี 2563 พบผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเฉลี่ยวันละ 342 คน หรือ 124,866 คนต่อปี และมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มถึง 190,636 คน แม้ว่าผู้ป่วยมะเร็งสมองจะมีสัดส่วนน้อย เพียง 1% เมื่อเทียบกับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหมด แต่การแพร่ลามของเนื้อมะเร็งจากอวัยวะอื่นๆ ย่อมก่อให้เกิดภาวะความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งสมองได้เช่นกัน โรคมะเร็งสมองเป็นภาวะความผิดปกติของการเจริญเติบโตของเซลล์สมองที่มีการขยายตัวเจริญเติบโตอย่างผิดปกติ จนทำให้เกิดภาวะเริ่มแรกคือ ‘เนื้องอก’ ก่อนที่จะค่อยๆ ลุกลามไปกดทับเส้นเลือดหรือเส้นประสาทในสมองจนทำให้เกิดเป็นเนื้อร้ายในที่สุด และที่น่ากลัวคือมะเร็งสมองในผู้ใหญ่โอกาสหายขาดมีน้อยไม่ถึง 10% สิ่งเหล่านี้จึงนำไปสู่ความสำเร็จของการพัฒนานวัตกรรมระบบส่งยาฉีดรักษามะเร็งสมองจากเจลชีวพอลิเมอร์ ที่มาจากความร่วมมือวิจัยพัฒนาระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ กับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่มุ่งมั่นจะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในการต่อสู้กับมะเร็งสมอง และต่อยอดนำไปรักษามะเร็งชนิดอื่นๆ ในอนาคตด้วย

 

ด้าน รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า วิศวกรรมชีวการแพทย์ มีบทบาทสำคัญยิ่งในโลกของการแพทย์และความมั่นคงทางสุขภาพ นวัตกรต่างมุ่งการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีระบบส่งยาเข้าสู่ร่างกายมนุษย์เพื่อรักษาโรค หรือ DDS (Drug Delivery System) ซึ่งมีความต้องการและการเติบโตสูงมาก เพื่อคิดค้นวิธีการบำบัดรักษามนุษย์ให้แม่นยำตรงเป้าหมาย (Precision Medicine) เกิดประสิทธิผลในการช่วยชีวิตมนุษย์ได้มากยิ่งขึ้น และลดผลกระทบต่อระบบในร่างกายมนุษย์ 

 

ความสำเร็จในนวัตกรรมระบบส่งยาฉีดรักษามะเร็งสมองจากเจลชีวพอลิเมอร์ นับเป็นครั้งแรกในอาเซียนที่ถูกพัฒนาจากทีมวิจัยคนไทย โดยนวัตกรรมนี้จะสร้างประโยชน์ต่อชีวิตและสุขภาพของคนไทยและมนุษยชาติ ตลอดจนสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ในแต่ละปีมีผู้ป่วยทั่วโลกราว 2 พันล้านคนที่ต้องการใช้ ‘ระบบส่งยาเข้าร่างกายในการรักษาโรค’ รูปแบบต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพ ในทางเศรษฐกิจมีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และเชื่อมั่นว่าในอนาคตแนวโน้มของชีววัสดุ (Biomaterials) จะเปลี่ยนโฉมหน้าเฮลท์แคร์หรือการบำบัดรักษาไปสู่ยุคใหม่ โดยสอดคล้องกับเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติและประชาคม APEC

 

ขณะที่ รศ.ดร.นรเศรษฐ์ กล่าวถึงการคิดค้นพัฒนานวัตกรรมระบบส่งยาฉีดรักษามะเร็งสมองจากเจลชีวพอลิเมอร์ โดยเปิดเผยว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งสมองหรือเนื้องอกสมองนั้น กว่าจะได้รับการตรวจพบหรือรักษาทำได้ค่อนข้างช้า เนื่องจากอาการเบื้องต้นไม่เด่นชัดมากนัก เนื้องอกสามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นตามเวลา ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความกดดันภายในกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น ทำให้ปวดศีรษะ อาเจียน ประสาทตาบวม อาจหูหนวกหนึ่งข้าง ความคิดช้าลง บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง หรือมีอาการชักกระตุก เป็นต้น 

 

โดยอาการของโรคขึ้นอยู่กับว่าเนื้องอกอยู่ตำแหน่งใดของสมอง โดยปัจจุบันวิธีรักษาที่ใช้กับโรคมะเร็งเป็นหลัก ได้แก่ การทำเคมีบำบัด (Chemotherapy) การผ่าตัด และการฉายรังสี ซึ่งวิธีดังกล่าวยังมีข้อจำกัดและผลข้างเคียงสูง ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้ ทางทีมนักวิจัยจึงได้พัฒนานวัตกรรมระบบส่งยาฉีดรักษามะเร็งสมองจากเจลชีวพอลิเมอร์ที่สามารถส่งตรงยาหรือสารออกฤทธิ์ต่างๆ ไปยังเป้าหมายเซลล์มะเร็งหรือเนื้องอกในสมองได้อย่างตรงจุด ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียปริมาณยา รวมถึงลดการเกิดความเป็นพิษต่อเซลล์และอวัยวะปกติได้เป็นอย่างดี  

 

นอกจากนี้ ทีมวิจัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้คิดค้นและสังเคราะห์ชีวพอลิเมอร์ (Biopolymer) ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษขึ้นเองในห้องปฏิบัติการ และพัฒนาเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบส่งยาฉีดเพื่อรักษามะเร็งสมอง โดยไม่เป็นพิษต่อร่างกายและสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ โดยเลือกมาจากโคพอลิเมอร์ (Copolymer) ที่ประกอบด้วยพอลิเมอร์ที่คัดสรรชนิดต่างๆ มีคุณสมบัติแบบฉีดได้และสามารถจับตัวเป็นก้อนแข็ง ทำให้ฟังก์ชันการทำงานของระบบส่งยาฉีดรักษาเซลล์สมองมีประสิทธิผล โดยเมื่อฉีดยาเข้าสู่เป้าหมายเนื้องอกหรือมะเร็งในอวัยวะสมอง สารละลายพอลิเมอร์เข้าสู่ร่างกาย น้ำที่อยู่ในร่างกายจะแทรกซึมเข้าไป ทำให้เกิดการเปลี่ยนสภาพจากสารละลายเป็นสารกึ่งแข็งกึ่งเหลว หรือ ‘เจลชีวพอลิเมอร์’ ซึ่งจะทำหน้าที่กักเก็บยาต้านมะเร็งสมอง หรือที่เรียกว่า SN-38 ที่อยู่ภายในและค่อยๆ ปลดปล่อยเข้าสู่เป้าหมายมะเร็งในสมอง ได้นานกว่า 60 วัน และหลังจากนั้นจะย่อยสลายไป ในความสำเร็จของการวิจัยได้พัฒนาทดสอบ และได้ศึกษาวิจัยผลของการต้านมะเร็งที่มีต่อเซลล์ Glioblastoma U87MG ของมนุษย์และแบบจำลองของสัตว์

 

ส่วน รศ.นพ.อัตถพร กล่าวเสริมว่า ระบบส่งยารักษามะเร็งสมองจากเจลชีวพอลิเมอร์นี้เป็นทางเลือกที่ดีและตอบโจทย์ข้อจำกัดของวิธีการรักษาด้วยการผ่าตัด หรือวิธีผสมผสานการผ่าตัดกับการฉายรังสี ซึ่งยังมีอัตราการรอดชีวิตที่ต่ำเนื่องจากสมองเป็นอวัยวะที่มีความละเอียดอ่อน ซับซ้อน และอ่อนไหวต่อหลายระบบในร่างกาย ทำให้ยากลำบากต่อการผ่าตัดเอาเซลล์มะเร็งสมองออกมาให้หมดได้ เมื่อนำก้อนมะเร็งออกแล้ว สามารถใช้เจลชีวพอลิเมอร์ที่มีตัวยานี้วางรอบๆ ขอบเขตแผลผ่าตัดที่อาจมีเชื้อของเซลล์มะเร็งหลงเหลืออยู่ เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำได้

 

ด้าน ศ.นพ.สุรเดช กล่าวว่า การรักษามะเร็งสมองด้วยวิธีใหม่นี้จะสามารถช่วยทดแทนการทำเคมีบำบัด (Chemotherapy) ซึ่งมีข้อจำกัดในด้านความเป็นพิษสูง และความสามารถของยาในการเข้าไปสู่อวัยวะเป้าหมายนั้นต่ำ เนื่องจากการออกฤทธิ์ของเคมีบำบัดต้องผ่านหลายระบบต่างๆ ของร่างกาย ทำให้สูญเสียปริมาณยาไปกับระบบต่างๆ ในร่างกายจำนวนมาก อีกทั้งเกิดผลข้างเคียงกับเซลล์และอวัยวะต่างๆ สำหรับผลการวิจัยพบว่าระบบส่งยารักษามะเร็งสมองจากเจลชีวพอลิเมอร์สามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็งได้ และเหมาะกับมะเร็งชนิดที่อยู่กับที่ เช่น มะเร็งตามอวัยวะต่างๆ แต่ไม่เหมาะกับมะเร็งชนิดแพร่กระจาย 

 

ทั้งนี้ ได้ผ่านการทดสอบกับหนูได้ผลดี และทำการทดสอบกับคนในเฟสที่ 1 ปี 2564 ในผู้ป่วยมะเร็งสมองจำนวน 7 ราย ประสบผลสำเร็จน่าพอใจ พบว่าไม่มีพิษต่อร่างกาย และมะเร็งสมองมีการตอบสนองที่ดีกับระบบส่งยาที่ฉีดเข้าไป สำหรับแผนงานทดสอบเฟสที่ 2 ในผู้ป่วยมะเร็งสมองกลุ่มใหม่ 10 ราย ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 เป็นต้นมา หลังจากนั้นจะทดลองเฟสที่ 3 ต่อไป ซึ่งแนวโน้มคาดว่าผลการศึกษาผู้ป่วยมะเร็งสมองจะได้ผลลัพธ์ที่ดี การสนับสนุนทุนวิจัยขั้นต่อไปเป็นความหวังของคนไทยที่จะได้เห็นผลงานวิจัยนี้ไปสู่การผลิตใช้จริง ในการต่อสู้กับมะเร็งเพื่อช่วยชีวิตคนไทยและเพื่อนมนุษย์ทั่วโลกได้จำนวนมาก

 

ทั้งนี้ รศ.ดร.นรเศรษฐ์ ได้สรุปส่งท้ายถึง 7 จุดเด่น และประโยชน์ของนวัตกรรม ‘ระบบส่งยารักษามะเร็งสมองจากเจลชีวพอลิเมอร์’ มีดังนี้

 

  1. ลดการสูญเสียชีวิตจากมะเร็งสมองและมะเร็งชนิดอื่นๆ ให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงนวัตกรรม

 

  1. ลดความเสี่ยงของผู้ป่วยจากผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพจากพิษของวิธีการรักษามะเร็ง

 

  1. ชีวพอลิเมอร์ (Biopolymer) ช่วยเพิ่มประสิทธิผลการรักษามะเร็งสมอง สามารถทำละลายและกักเก็บยา โดยสามารถค่อยๆ ปล่อยสารออกฤทธิ์สู่อวัยวะได้ตรงเป้าหมายนานถึง 60 วัน

 

  1. ย่อยสลายได้และไม่มีพิษต่อร่างกาย

 

  1. มีความเข้ากันได้ทางชีวภาพต่อมนุษย์ตามมาตรฐานสากล

 

  1. ช่วยส่งเสริมพัฒนาเฮลท์เทคและเฮลท์แคร์เมดอินไทยแลนด์ และการก้าวเป็นฮับศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพในภูมิภาคโลก

 

  1. ประยุกต์ใช้นวัตกรรมนี้กับการรักษามะเร็งชนิดอื่นๆ ต่อไปในอนาคต ลดการนำเข้าเวชภัณฑ์ราคาสูง

The post วิศวะมหิดล-แพทยศาสตร์ รพ.รามา คิดค้นนวัตกรรมพิชิตมะเร็งสมอง ด้วยระบบส่งยาฉีดรักษามะเร็งสมองจากเจลชีวพอลิเมอร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>