ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 30 Oct 2025 08:13:31 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘ไชยชนก’ ลาออก กมธ. MOU43-44 พ้นตำแหน่งประธาน ด้านภูมิใจไทย ชงตั้ง ‘ปานเทพ’ นั่งแทน https://thestandard.co/chaichanok-resigns-mou-committee-panthep-nominated/ Thu, 30 Oct 2025 08:13:31 +0000 https://thestandard.co/?p=1137441 ‘ไชยชนก’ ลาออก กมธ. MOU43-44 พ้นตำแหน่งประธาน ด้านภูมิใจไทย ชงตั้ง ‘ปานเทพ’ นั่งแทน

วันนี้ (30 ตุลาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไชยชนก ชิดชอบ ร […]

The post ‘ไชยชนก’ ลาออก กมธ. MOU43-44 พ้นตำแหน่งประธาน ด้านภูมิใจไทย ชงตั้ง ‘ปานเทพ’ นั่งแทน appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ไชยชนก’ ลาออก กมธ. MOU43-44 พ้นตำแหน่งประธาน ด้านภูมิใจไทย ชงตั้ง ‘ปานเทพ’ นั่งแทน

วันนี้ (30 ตุลาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา MOU43 และ 44 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา สภาผู้แทนราษฎร ได้ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมาธิการ

 

โดยที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติเห็นชอบให้ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เป็นกรรมาธิการฯ แทนในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา MOU43 และ 44 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา สภาผู้แทนราษฎร จะต้องมีการเลือกตำแหน่งประธานกรรมาธิการฯ ใหม่อีกครั้ง หลังไชยชนกได้ยื่นลาออกจากการเป็นกรรมาธิการ

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ไชยชนกได้รับเลือกเป็นประธานกรรมาธิการโดยมติของที่ประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติเลือก จักรภพ เพ็ญแข อดีตที่ปรึกษาเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธาน คนที่ 1 และ สฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส. กระบี่ พรรคภูมิใจไทย เป็นรองประธานกรรมาธิการ คนที่ 2

 

ภาพ: ฐานิส สุดโต (ไชยชนก ชิดชอบ เมื่อได้รับเลือกเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568)

The post ‘ไชยชนก’ ลาออก กมธ. MOU43-44 พ้นตำแหน่งประธาน ด้านภูมิใจไทย ชงตั้ง ‘ปานเทพ’ นั่งแทน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปานเทพแนะ ครม. ยกเลิก MOU43-44 ได้เอง ไม่ต้องรอผลประชามติ ย้ำต้องปกป้องอธิปไตยไทย https://thestandard.co/panthep-cancel-mou-thai-sovereignty/ Wed, 08 Oct 2025 09:19:56 +0000 https://thestandard.co/?p=1128129 ปานเทพแนะ ครม. ยกเลิก MOU43-44 ได้เอง ไม่ต้องรอผลประชามติ ย้ำต้องปกป้องอธิปไตยไทย

วันนี้ (8 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา ปานเทพ พัวพงศ์พันธุ์ ป […]

The post ปานเทพแนะ ครม. ยกเลิก MOU43-44 ได้เอง ไม่ต้องรอผลประชามติ ย้ำต้องปกป้องอธิปไตยไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปานเทพแนะ ครม. ยกเลิก MOU43-44 ได้เอง ไม่ต้องรอผลประชามติ ย้ำต้องปกป้องอธิปไตยไทย

วันนี้ (8 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา ปานเทพ พัวพงศ์พันธุ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดจัดการออกเสียงประชามติการยกเลิก MOU43 โดยระบุว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) สามารถยกเลิก MOU43 ได้ โดยอาศัยอนุสัญญาว่าด้วยไทย-ฝรั่งเศส 1969 มาตรา 60 ซึ่งระบุว่า การยกเลิกสนธิสัญญาจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด สามารถกระทำได้ทันที หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดละเมิดสนธิสัญญาอย่างร้ายแรง

 

ดังนั้น ไทยต้องแสดงปฏิกิริยาว่า ไทยถูกกระทำอย่างร้ายแรงในช่วงที่ผ่านมา เช่น เหตุกัมพูชาใช้อาวุธสงครามโจมตีประเทศไทย ดังนั้น หากตระหนักว่า เหตุรุนแรงจริง และคนไทยต้องการแสดงออก ก็อาศัยจังหวะใช้มติ ครม. ให้เร็ว ไม่จำเป็นต้องจัดประชามติ ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 ระบุว่า การยกเลิกสนธิสัญญาสามารถกระทำได้ โดยคณะรัฐมนตรี แต่การโยนให้ประชาชน ออกเสียงประชามติในวันเลือกตั้ง เท่ากับว่ารัฐบาลไม่ตัดสินใจ และโยนภาระให้รัฐบาลใหม่

 

“ผลการออกเสียงประชามติก็ไม่ได้มีผลผูกพันการตัดสินใจของรัฐบาล หรือหากรัฐบาลจะเดินหน้าจัดการออกเสียงประชามติ ผมในฐานะที่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับ MOU 43 ก็จะรณรงค์ให้ดีที่สุด เพื่อให้ยกเลิก MOU43 ปกป้องอธิปไตย บีบให้กัมพูชาเข้าสู่การเจรจาในสนธิสัญญาฉบับ หรือกรอบการเจรจาใหม่ ที่เป็นธรรม และทันสมัย” ปานเทพระบุ

 

ส่วนหากยกเลิก MOU 43 แล้วจะใช้กลไกใดในการเจรจาระงับข้อพิพาทดินแดนไทย-กัมพูชานั้น ปานเทพระบุว่า เขตแดนไทยตกลงเสร็จสิ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 บริเวณช่องบกถึงช่องสะงำ จังหวัดอุบลราชธานี บริเวณขอบหน้าผา ซึ่งไม่มีเขตแดน และใช้หน้าผาเป็นสันปันน้ำ มองด้วยตาเปล่าก็ทราบ และจบไปนานแล้ว ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แต่จะมาเปลี่ยนด้วย MOU43 รวมถึงแผนที่แนบ ทั้งที่ไม่ควรมีปัญหาใดๆ แล้ว เพราะก่อนปี 2542 ย้อนกลับไปถึงรัชกาลที่ 5 สยาม และกัมพูชา ก็สามารถอยู่ได้โดยไม่มี MOU แม้แต่ฉบับเดียว แต่การมี MOU ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา พบว่า กัมพูชารุกล้ำแผ่นดินไทย และใช้แผนที่ 1:200,000 ซึ่งไทยเสียเปรียบ มีการรุกล้ำทุกพื้นที่ตามเขตชายแดน บริเวณสันปันน้ำ

 

ปานเทพยังกล่าวถึงข้อห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ ตามที่ระบุใน MOU43 ว่า ฝ่ายไทยอาจจะใช้วิธีการประท้วง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นการห้ามเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม แต่ฝ่ายกัมพูชา กลับใช้พลเรือนนำหน้า และอำพรางด้วยทหารอยู่ด้านหลัง รุกแผ่นดินไทย และอ้างว่า ไม่ผิดตาม MO43U ข้อ 5 ซึ่งฝ่ายไทยนิ่งเฉย และบางส่วนได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ จึงไม่มีคนไทยเข้าไปในพื้นที่ แต่ฝ่ายกัมพูชากลับตัดไม้ ทำลายป่า และมีสิ่งปลูกสร้างตามแนวชายแดนไทย

 

“และตลอด 25 ปี กัมพูชารุกรานชายแดนไทยตลอด เมื่อไทยใช้กำลังปะทะกัมพูชาก็จะประท้วงว่าผิดเงื่อนไขข้อ 8 ของ MOU43 ที่จะต้องเจรจา ปรึกษาหารือด้วยสันติวิธี ซึ่งเป็นกับดัก 2 ชั้นของกัมพูชา ทั้งรุกทางกายภาพ ที่หากไทยไม่ยินยอม ก็จะพาไปเวทีโลก เพื่อยึดแผนที่ 1:200,000 ที่กัมพูชาได้เปรียบจากคดีเขาพระวิหาร และมีการระบุไว้ในเอกสารประกอบ MOU43 และหากไทยหลงประเด็น และปล่อยให้กัมพูชารุกล้ำแผ่นดินไทย เพื่อรอการตกลงเขตแดนและกัมพูชาถอยออกไป ก็จะต้องระมัดระวังรัฐธรรมนูญ มาตรา 2 ของกัมพูชาที่ระบุว่า อธิปไตยของกัมพูชาเป็นไปตามแผนที่ 1:100,000 ซึ่งเป็นการทำรายละเอียดจากแผนที่ 1:200,000 ซึ่งเป็นการเสียเวลาเปล่าของการรุกล้ำจากกัมพูชา”

 

ปานเทพกล่าวต่อไปว่า หากใช้เวลานับจากนี้ สิ่งปลูกสร้างของกัมพูชาจะมากขึ้น รวมถึงอาวุธด้วย และความเสียหาย ก็จะมากตามมา ดังนั้น โอกาสนี้จึงเหมาะที่จะยกเลิก MOU43 ที่สุดแล้ว และถอยออกมา เพื่อมาสร้างสิ่งใหม่ให้เข้าใจต่อกัน โดยใช้กลไกคณะกรรมาธิการ JBC ไทย-กัมพูชา

 

ขณะที่หากไม่มี MOU ฉบับดังกล่าว จะเป็นส่วนทำให้กัมพูชาดึงเรื่องไปศาลโลกหรือไม่ ปานเทพกล่าวว่า จะดึงเรื่องไปได้อย่างไร ในเมื่อประเทศไทยถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกศาลโลก ตั้งแต่ปี 2503 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2504 และคดีปราสาทเขาพระวิหารเป็นคดีสุดท้าย ดังนั้น ไม่มีใครลากไทยไปศาลโลก เพราะไม่มี MOU และทั่วโลกก็ไม่มีใครพาไปศาลโลก หากประเทศนั้นไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ซึ่งข้อคิดเห็นดังกล่าวที่บอกว่า หากไม่มี MOU แล้ว จะพาไทยไปศาลโลก เพราะต้องการให้ไทยกลัว และข่มขู่คนไทย ให้ดำรง MOU อยู่ เพราะว่าคนเหล่านั้นต้องการผลประโยชน์ที่อยู่ข้างใน ทั้งการตัดไม้ทำลายป่า ค้าของเถื่อน สร้างบ่อน คาสิโน

 

ปานเทพเชื่อว่า ต่อให้ไม่มี MOU ก็ยังมีกรอบการเจรจา เพราะก่อนมี MOU เรามี JBC ทำไมเวลานั้นถึงเจรจาได้ ซึ่งที่กัมพูชาวางทุ่นระเบิด ยิงใส่คนไทย ก็ถือว่าผิด MOU เช่นเดียวกันกับไทย หากสร้างรั้วชายแดน ก็ผิด MOU ซึ่งหากเราต้องการสร้างรั้ว โดยไม่ต้องละเมิด MOU เราต้องยกเลิก ไทยจึงจะสร้างรั้วชายแดนได้ และไม่ผิดเงื่อนไขในเวทีนานาชาติ ดังนั้น ควรมาเจรจาด้วยกลไก JBC, RBC และ GBC ต่างหาก

 

ส่วนความกังวลว่าจะมีประเทศที่สามเข้ามาไกล่เกลี่ยนั้น ปานเทพระบุว่า ไม่มีประเทศใดเข้ามาแทรกแซงได้ โดยที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอม เพราะเรื่องเขตแดนมีความขัดแย้งกันทั้งโลก ซึ่งเป็นเรื่องทวิภาคีที่นานาชาติคอยดูแค่ว่าอย่าปะทะด้วยความรุนแรง และอย่าเกินขอบเขต ซึ่งสิ่งที่พิสูจน์คือ 5 วันที่ผ่านมา ที่กัมพูชายิงใส่คนไทย ละเมิดวางทุ่นระเบิด ซึ่งวันนั้น มีชาติใดมาช่วยประเทศไทยบ้างหรือไม่ หากจะบอกว่าประเทศอื่นเข้ามาแทรกแซงได้ ซึ่งไม่มี เพราะเป็นเรื่องทวิภาคีที่เราต้องยืนบนลำแข้ง และผลประโยชน์ของชาติ หากมีประเทศที่สามมาแทรกแซงจริง ก็ยกตัวอย่างมา

The post ปานเทพแนะ ครม. ยกเลิก MOU43-44 ได้เอง ไม่ต้องรอผลประชามติ ย้ำต้องปกป้องอธิปไตยไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบโดรนและอุปกรณ์จำเป็น จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ส่งต่อให้ทหารแนวหน้า https://thestandard.co/maethap2-drone-donation/ Thu, 07 Aug 2025 04:28:58 +0000 https://thestandard.co/?p=1104683

วันนี้ (7 สิงหาคม) พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 […]

The post แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบโดรนและอุปกรณ์จำเป็น จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ส่งต่อให้ทหารแนวหน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (7 สิงหาคม) พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบอุปกรณ์โดรนลาดตระเวน เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็น จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน นำโดย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และจตุพร พรหมพันธุ์ เพื่อนำไปมอบให้กับทหารแนวหน้า 

 

พล.ท. บุญสินกล่าวว่า ในนามของกองทัพบก ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติโดยตรงขอบคุณที่ทำความดี เพื่อแผ่นดิน เพื่อส่วนรวมของประเทศชาติ อุปกรณ์ที่ได้มอบให้วันนี้เป็นความจำเป็น ซึ่งเราจะเห็นว่าเป็นการรบสมัยใหม่ ไม่มีเวลาที่จะไปจัดซื้อจัดหาตามระบบราชการ ซึ่งการเข้าสู่ระบบงบประมาณต้องใช้เวลานาน เมื่อได้อุปกรณ์เหล่านี้ จากกลุ่มพลังเพื่อแผ่นดิน ยามเฝ้าแผ่นดิน และประชาชนทั่วประเทศที่ได้มีส่วนร่วม ก็จะนำสิ่งเหล่านี้ไปใช้ในการปกป้องประเทศชาติ

 

พล.ท. บุญสินกล่าวอีกว่า สิ่งของเหล่านี้ตนจะรีบนำไปให้ทหารแนวหน้าใช้ป้องกันตัวเองในการลาดตระเวนรักษาเขตแดนประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องกองทัพอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของประเทศไทย ถ้าความมั่นคงไม่มี พี่น้องคนไทยก็อยู่ยาก ขอขอบคุณคนไทยที่มีความคิดในแนวทางในลักษณะทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ซึ่งตนจะนำเรื่องนี้ไปบอกเล่าให้ทหารแนวหน้าได้รับทราบ ว่ามีพี่น้องคนไทยที่อยู่แนวหลัง ส่งกำลังใจและอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นมาให้อย่างต่อเนื่อง จะได้ทุ่นแรงน้องๆ ได้เป็นอย่างดี พร้อมยืนยันว่า จากการที่ตนได้เยี่ยมทหารที่หน้าแนว พบว่ามีขวัญกำลังใจที่ดี

 

ทั้งนี้ ได้มีการประสานงานสอบถามความต้องการจากหน่วยในพื้นที่ พบว่าสิ่งของที่ขาดแคลนและจำเป็นในขณะนี้คืออุปกรณ์เทคโนโลยี และเครื่องนุ่งห่มสำหรับช่วงหน้าฝน

 

แม่ทัพภาค 2 รับมอบโดรน แม่ทัพภาค 2 รับมอบโดรน แม่ทัพภาค 2 รับมอบโดรน แม่ทัพภาค 2 รับมอบโดรน แม่ทัพภาค 2 รับมอบโดรน แม่ทัพภาค 2 รับมอบโดรน

The post แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบโดรนและอุปกรณ์จำเป็น จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ส่งต่อให้ทหารแนวหน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
แม่ทัพภาค 2 รับโดรนจากกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน แง้มจ่อปิดปราสาทตาเมือนธมขั้นต่ำ 7 วัน หากฝ่ายกัมพูชาฝ่าฝืนระเบียบ https://thestandard.co/border-drone-thailand/ Tue, 22 Jul 2025 05:17:36 +0000 https://thestandard.co/?p=1098327 border-drone-thailand

วันนี้ (22 กรกฎาคม) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 […]

The post แม่ทัพภาค 2 รับโดรนจากกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน แง้มจ่อปิดปราสาทตาเมือนธมขั้นต่ำ 7 วัน หากฝ่ายกัมพูชาฝ่าฝืนระเบียบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
border-drone-thailand

วันนี้ (22 กรกฎาคม) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน จาก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในฐานะ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วย นิติธร ล้ำเหลือ หรือ ‘ทนายนกเขา’ และ จตุพร พรหมพันธุ์ ตัวแทนจากกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เพื่อนำไปมอบให้กับทหารในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และในโอกาสต่อไปจะส่งมอบแอนตี้​โดรน​ 1 ลำ​ โดยขอให้แม่ทัพภาคที่​ 2 เป็นผู้เลือกเพื่อความเหมาะสมในพื้นที่

 

แม่ทัพภาคที่​ 2 กล่าวขอบคุณ​กลุ่ม​รวมพลังแผ่นดินฯ และประชาชนที่แสดงจุดยืนยึดแผ่นดินเป็นหลัก ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง พร้อมทั้งขอชื่นชม ซึ่งทหารตามแนวชายแดนยังขาดแคลนสิ่งที่จำเป็น​ พร้อมกับกล่าวย้ำว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และไม่ยอมให้เสียแผ่นดินเด็ดขาด แต่เรามีหลายวิธีและกำลังดำเนินการอยู่ ไม่จำเป็นที่จะต้องยกกำลังเข้าไปต่อสู้กัน

 

พล.ท. บุญสิน ยังกล่าวถึงกรณีสร้างรั้วกั้นชายแดนในบางจุดหากจำเป็น​ โดยระบุว่า ในพื้นที่กลุ่มปราสาทตาเมือน กัมพูชาไม่ยอมรับว่าเป็นของไทย​ ตอนนี้ทั้ง​ 2 ประเทศคุยกันคนละเรื่อง​ หากจะทำรั้วต้องยิงกันยึดพื้นที่กันให้ได้​ ไม่อย่างนั้นจะเกิดแรงเสียดทานจากกลุ่มมวลชน แม้เราจะยืนยันว่าเป็นของไทย แต่เขาไม่ยอมรับ นี่คือปัญหา​ที่เผชิญอยู่ในปัจจุบัน 

 

ขณะที่การจัดระเบียบการท่องเที่ยว แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า นักท่องเที่ยวทุกชาติสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ​ของไทย​ หากมีการก่อกวน​หรือมีเรื่องชกต่อย​ จะสั่งปิดปราสาททันที 1 สัปดาห์​เพื่อจัดระเบียบใหม่​ และขณะนี้มีตำรวจภูธรภาค 3 มาสนับสนุนกองร้อยควบคุมฝูงชน และเจ้าหน้าที่ทหารพรานเข้ามาช่วยในพื้นที่ และคัดกรองอาวุธต่างๆ ก่อนเข้าไปยังตัวปราสาท พร้อมยืนยันว่าขณะนี้มีแผนรองรับและแผนเผชิญเหตุอยู่แล้ว​ แต่ปัจจุบันยังมองในแง่ดีว่าไม่มีเหตุการณ์อะไร 

 

พล.ท. บุญสิน เปิดเผยว่า ทางกัมพูชาขอไม่ให้ปิดปราสาท และได้พูดคุยกับ พล.ต. เนี๊ยะ​ วงศ์​ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 42 ของกัมพูชา พร้อมเน้นย้ำ​ว่า ต้องควบคุมคนของตัวเองให้ได้ หากคุมไม่ได้ก็จะปิดปราสาทอย่างต่ำ 7 วัน เพื่อให้สถานการณ์​คลี่คลาย​ โดยจำกัดนักท่องเที่ยวบริเวณปราสาทให้ไม่เกินวันละ 100 คน

 

แม่ทัพภาคที่​ 2 ยืนยันว่า กองทัพไม่นิ่งเฉย​ แต่การเมืองก็ว่ากันไป​ แต่เราดูในเรื่องความมั่นคง​ กรณีที่ทหารเหยียบกับระเบิดก็เป็นอีกกรณีที่จะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหา​ แม้ว่าทางกัมพูชาจะออกมายืนยันว่า ไม่ได้เป็นผู้วางทุ่นระเบิด แต่เราก็รู้ดีว่าประเทศเพื่อนบ้านเราเป็นอย่างไร เขาก็พยายามดิ้นให้หลุด​ เพราะหากกระทรวงการต่างประเทศของไทยเดินหน้าเรื่องนี้เต็มที่​ ก็จะสร้างความเสียหายกับศักดิ์ศรีของประเทศกัมพูชาเช่นกัน จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องดำเนินการ 

 

สำหรับในส่วนของทหารก็ได้ดำเนินการประท้วงไปแล้ว​ แต่หลังจากนี้จะไม่ใช้การเดินลาดตระเวนแบบเก่า ไม่เอาลูกน้องไปเสี่ยง แต่จะใช้รถไถและจะดำเนินการตรวจสอบพื้นที่อื่นๆ ด้วยว่ามีอีกหรือไม่ 

 

ทั้งนี้ พล.ท. บุญสิน ยังกล่าวถึงบุคคลที่จะมารับช่วงเป็นภาคที่ 2 คนต่อไป โดยยืนยันว่า ต้องมีบุคลิกเป็นผู้นำ ทำหน้าที่ให้ดี และเป็นหลักให้ประเทศชาติ ประชาชน และลูกน้อง ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะเลือกคนที่ดี ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ในขณะที่ตนเองจะอยู่เบื้องหลัง คอยช่วยงานในฐานะพลเมืองที่ดี และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาในช่วงรอยต่อ

The post แม่ทัพภาค 2 รับโดรนจากกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน แง้มจ่อปิดปราสาทตาเมือนธมขั้นต่ำ 7 วัน หากฝ่ายกัมพูชาฝ่าฝืนระเบียบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปิดจบม็อบรวมพลังแผ่นดินฯ ชุมนุมอนุสาวรีย์ชัยฯ ย้ำพลังปกป้องอธิปไตยไทย ขับไล่ตระกูลชินวัตร https://thestandard.co/anti-shinawatra-rally-concludes/ Sun, 29 Jun 2025 02:40:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1090568

วานนี้ (28 มิถุนายน) กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยรว […]

The post ปิดจบม็อบรวมพลังแผ่นดินฯ ชุมนุมอนุสาวรีย์ชัยฯ ย้ำพลังปกป้องอธิปไตยไทย ขับไล่ตระกูลชินวัตร appeared first on THE STANDARD.

]]>

วานนี้ (28 มิถุนายน) กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อแสดงจุดยืนปกป้องอธิปไตยของชาติ โดยมีแกนนำและอดีตนักการเมืองชื่อดังร่วมปราศรัยโจมตีรัฐบาลและครอบครัวชินวัตร ประกาศยุติการจัดกิจกรรมในเวลา 21.40 น.

 

จตุพรปลุกม็อบเตรียมปักหลักยาว หากนายกฯ ไร้สำนึก

 

จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ขึ้นกล่าวปิดปราศรัย ว่า แผ่นดินรัชกาลที่ 10 จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ในอดีตที่เราแพ้พม่าเพราะเราไม่จัดการคนขายชาติ วันนี้มีประสบการณ์แล้ว ต้องจัดการคนขายก่อน

 

จตุพรกล่าวต่อว่า มีการพูดกันว่ากัมพูชาเสี้ยมให้ไทยแตกกัน แต่ส่วนตัวมองว่าคนไทยส่วนใหญ่รักชาติบ้านเมืองและสามัคคีกัน แตกแยกกับนายกรัฐมนตรี พ่อนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ดังนั้นเราเรียกร้องให้นายกฯลาออก แต่นายกฯก็ไม่ลาออก ไม่ยุบสภา เรียกร้องให้พรรคร่วมฯ ถอนตัว ก็ไปแบ่งตำแหน่งกัน

 

เมื่อนายกฯ วางแผนอย่างแยบยล รู้อนาคตตัวเองว่ามีชะตากรรมโดยศาลรัฐธรรมนูญ จึงปรับ ครม.ให้ตัวเองนั่งควบรัฐมนตรีวัฒนธรรม เหมือนในประวัติศาสตร์มีนายกฯ คนเดียวที่นั่งควบกระทรวงวัฒนธรรม คือจอมพล ป.พิบูลสงคราม เพราะหากตำแหน่งนายกฯถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ได้นั่งใน ครม.ต่อไป

 

จตุพรกล่าวถึงกรณีคลิปเสียงว่า เป็นเรื่องที่คนไทยไม่อาจรับได้ กัมพูชามันยังรู้ทันเลยว่า นายกฯ คนนี้คบไม่ได้พยายามปั่นกันว่า ที่ฮุนเซนไลฟ์ และโพสต์ เป็นการร่วมมือกับการชุมนุมในวันนี้ ขอยืนยันว่า ตนเองไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไร ผิดกับทักษิณ ชินวัตร เงียบปากตั้งแต่บัดนั้น ถ้ากัมพูชาบอกว่า มีเรื่องการหมิ่นสถาบันฯ หากคลิปนี้มีอยู่ อย่าว่าแต่แผ่นดิน น้ำ อากาศ คุณก็ไม่มีสิทธิ์อยู่แน่นอน เพราะคนไทยฟังแล้วไม่อาจจะรับได้

 

จตุพรกล่าวด้วยว่า ในวันที่ศาลฎีกาจะมีการพิจารณาเรื่องการรับโทษชั้น 14 และหากเปิดให้เข้าไปรับฟังประชาชนก็จะรู้ความจริงว่าขบวนการที่กราบบังคมทูลฯ อันเป็นเท็จ ถวายฎีกาเป็นเท็จ ไม่ตรงตามพระราชโองการ เป็นคนที่เอาไว้ไม่ได้ทั้งนี้เชื่อว่า หากแพทองธารถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ ภูมิธรรมจะต้องพ้นไปจากกรณี สว. และหาก ป.ป.ช. ดำเนินการเรื่องการใช้งบประมาณตาม มาตรา 144 ครม.ก็จะไปทั้งคณะ

 

“บ้านเมืองเราโชคดีที่สุด หากตระกูลชินวัตรไม่ทะเลาะกับตระกูลฮุน เราก็ยังโง่ แต่บัดนี้เราหูตาสว่างแล้ว และมีการพยายามปั่นว่าทะเลาะกันเพราะเรื่องบ่อนคาสิโน ผมยืนยันว่า 30-40 ปีที่ผ่านมา ทักษิณต้องพึ่งสมเด็จฮุน เซน แต่เมื่อมีความคิดจะทำเรื่องบ่อนคาสิโน จากเดิมที่รับปากว่าจะไม่ทำ ในที่สุดก็หักหลังระหว่างทาง จึงเป็นที่มาของคลิปหลุด เพราะความจริงบ่อนคาสิโนที่จะสร้างในประเทศไทยนั้น 50:50 กับทางกัมพูชา เหมือนแหล่งพลังงานที่เกาะกูด”

 

จตุพรกล่าวอีกว่า ตลอดการกลับมาของทักษิณ คนไทยได้เห็นตัวตน ได้เห็นทักษิณทำลายตัวเอง ก่อนหน้านี้ที่มีคนออกไปสู้เพื่อทักษิณ แต่วันนี้สารภาพแล้วว่ากระทำผิดจริง และบอกว่าสำนึกแล้ว แต่หลังจากได้รับการพักโทษ “คำพูดแรกบอกว่าเขายัดข้อหาให้ผมเยอะ และมาพูดอีกว่ารอ 6 เดือนกว่าจะนั่งเครื่องบินถึงบ้าน ต่อมาก็บอกว่าโกงพ่อมึงสิ อย่างนี้ได้หรือ”

 

จตุพรกล่าวต่อว่า เมื่อนักการเมืองตระบัดสัตย์ข้ามขั้ว ไม่ว่าสีใดก็ไม่เคยเห็นหัวประชาชน แต่ต้องการให้ประชาชนทะเลาะกัน แล้วก็ไปจับมือกัน และเมื่อข้ามขั้วกันแล้วก็ทยอยฆ่ากันเอง พรรคพลังประชารัฐโดนคนแรก พรรคภูมิใจไทยถอนตัวไปก่อน แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังหาทางรวมไม่ได้จนถึงวันนี้ มีความสุขกับสมบัติแบ่งกันชม ไทยจะเสียดินแดนก็ไม่เกี่ยว ได้ตำแหน่งไว้ก่อน ดังนั้นเราไม่ขอไว้ใจใคร ถ้าหากอยากให้ประเทศชาติดีขึ้น เราต้องเป็นผู้กำหนด

 

ส่วนที่มีคนบอกว่า วันนี้คนมาแค่ 3,000 คน ตนบอกว่าพอแล้ว เพราะคนที่เราจะจัดการมีแค่ 500 คน ขอส่งสัญญาณเตือนถึงรัฐบาล และบอกประชาชนให้พร้อมมาปักหลักค้างคืนจนกว่ารัฐบาลขายชาติจะออกไป

 

หากศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วยังไม่สำนึก เราก็จะประกาศยกระดับ ไม่เรียกร้องให้ลาออกหรือให้ถอนตัว แต่จะขับไล่สถานเดียว และหากปล่อยให้มีเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และปล่อยให้มีการพนันออนไลน์ถูกต้องตามกฎหมาย คาสิโนเข้าวันไหน เต็มหน้าสภาฯ วันนี้ประชาชนควรรวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จับมือไล่แพทองธารออกไปก่อน

 

‘แผ่นดินนี้มีเจ้าของ’ นิติธรติงพฤติการณ์ขายชาติ

 

นิติธร ล้ำเหลือ แกนนำกลุ่มฯ กล่าวว่า การรวมตัวของประชาชนในวันนี้มีความหมายอย่างยิ่ง เพราะเป็นการยืนยันว่าแผ่นดินไทยมีเจ้าของ ซึ่งประกอบด้วยชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชนผู้รักชาติ และทหารกล้าที่ทำหน้าที่ดูแลประเทศ

 

นิติธรย้ำว่า ทักษิณ ชินวัตร, แพทองธาร ชินวัตร หรือตระกูลใดก็ตาม จะไม่สามารถบงการหรือใช้อำนาจตามอำเภอใจในประเทศไทยได้ พร้อมวิจารณ์ที่แพทองธารระบุว่าไทยไม่เสียหายจากการสนทนากับสมเด็จฮุนเซน โดยมองว่าเป็นการขาดความเข้าใจ และมองว่าเทคนิคที่นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงคือสายลับ หรือไส้ศึก ซึ่งเป็นกระบวนการขายชาติ

 

นิติธรกล่าวเพิ่มเติมว่า บรรพบุรุษไทยไม่เคยอบรมลูกหลานให้มีพฤติกรรมขายชาติ และยืนยันว่าประชาชนที่ออกมารวมตัวกันในวันนี้ได้แสดงเจตนาร่วมกันแล้วว่าจะไม่ยอมเป็นพรรคพวกกับกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมดังกล่าว พร้อมชี้ว่าการเลือกตั้งหรือการรัฐประหารไม่เคยช่วยแก้ปัญหาของชาติได้ และประชาชนถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจมาโดยตลอด

 

“รัฐธรรมนูญระบุว่าทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แต่วันนี้มีจริงหรือไม่” นิติธรถาม พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนตั้งคำถามว่าจะยอมให้นักการเมืองเหยียบหัวต่อไปหรือไม่ พร้อมย้ำว่าหากไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ ประเทศจะล้มเหลวและล่มสลายในที่สุด

 

นอกจากนี้นิติธรยังเรียกร้องให้จับตาการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ที่จะมีการตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ของนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่าจะจับตาดูว่าศาลจะตัดสินในคดีขายชาติอย่างไร

 

พุทธิพงษ์ปลุกใจคนไทย ‘รักแผ่นดิน’ พร้อมชน ถึงไหนถึงกันสุดซอย

 

พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และอดีตแกนนำ กปปส. ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยเน้นย้ำถึงสิ่งที่คนไทยทุกคนมีเหมือนกันคือความหวงแหนแผ่นดินนี้

 

พุทธิพงษ์กล่าวชื่นชมผู้ชุมนุมที่แม้ฝนจะตกหรือต้องเหน็ดเหนื่อยก็ไม่ท้อถอย เพราะทุกคนรักและนึกถึงคุณของแผ่นดิน พร้อมระบุว่า “วันนี้แค่ซ้อมๆ ถ้ายังไม่ไปอีก ถึงไหนถึงกันสุดซอย”

 

ก่อนกล่าวถึงการที่นายกรัฐมนตรีไม่อยู่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากไปตรวจน้ำท่วม โดยให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากข้าราชการและทหาร พร้อมตอบโต้คำถามที่ว่าทหารมีไว้ทำไม ด้วยการยืนยันว่า “ถ้าไม่เข้าข้างทหารจะมีแผ่นดินให้เหยียบวันนี้เหรอ” และกล่าวเสริมว่าทหารที่อยู่แนวหน้าคือผู้ที่ปกป้องแผ่นดินเพราะเป็น ‘ทหารของพระราชา’

 

ปานเทพชำแหละ MOU 44 ชี้ นายกฯ ถูกฮุนเซนจับเป็นตัวประกัน

 

ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ หนึ่งในแกนนำคณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยไทย ได้ขึ้นปราศรัยโดยเริ่มจากการฉายภาพการชุมนุมในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่เรียกร้องแผ่นดินคืนจากฝรั่งเศสเมื่อ 85 ปีที่แล้ว พร้อมเล่าถึงการต่อสู้ในอดีต รวมถึงคดีเขาพระวิหาร และอธิบายถึง MOU 44 ที่ทักษิณ ชินวัตร และสมเด็จ ฮุนเซน เคยลงนามแถลงการณ์ร่วมกัน

 

ปานเทพวิจารณ์ว่ากัมพูชาเป็นประเทศที่สหประชาชาติระบุว่าเป็น สแกมเมอร์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี แต่รัฐบาลไทยกลับให้อำนาจกองทัพบกในการเปิด-ปิดด่านผ่านสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งทำให้ไม่มีคนไทยข้ามไปเล่นพนันและไม่มีคนไทยไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้แก๊งเหล่านี้หายไป

 

อย่างไรก็ตาม ปานเทพมองว่าการปฏิบัติของรัฐบาลต่อเมียนมานั้นแตกต่างออกไป เพราะนายกรัฐมนตรีประกาศตัดน้ำตัดไฟและหยุดส่งน้ำมันกับเมียนมาที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการพนันออนไลน์ แต่กลับให้กัมพูชาเลือกตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดเน็ตเอง

 

ดังนั้นปานเทพจึงมองว่านายกรัฐมนตรีและบิดาถูกสมเด็จ ฮุนเซนจับเป็นตัวประกันด้วยความลับและผลประโยชน์จำนวนมาก ซึ่งไม่เหมาะสมกับการเป็นนายกรัฐมนตรี เขาเรียกร้องว่าใครก็ตามที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นรัฐบาลที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชา และพรรคร่วมรัฐบาลต้องถอนตัวทันที

 

พร้อมเรียกร้องให้มีการยกเลิก MOU 44, ยกเลิกแผนที่ 1:200,000, และเรียกร้องให้มีการปิดด่าน รวมถึงตัดระบบสาธารณูปโภคที่ก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและคาสิโนในกัมพูชา ให้เหมือนกับการดำเนินการกับเมียนมาด้วย

 

The post ปิดจบม็อบรวมพลังแผ่นดินฯ ชุมนุมอนุสาวรีย์ชัยฯ ย้ำพลังปกป้องอธิปไตยไทย ขับไล่ตระกูลชินวัตร appeared first on THE STANDARD.

]]>
คณะรวมพลังแผ่นดินตรวจสถานที่จริงก่อนชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย. นี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ https://thestandard.co/thailand-sovereignty/ Sun, 22 Jun 2025 05:28:55 +0000 https://thestandard.co/?p=1087660 thailand-sovereignty

วันนี้ (22 มิถุนายน) คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย […]

The post คณะรวมพลังแผ่นดินตรวจสถานที่จริงก่อนชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย. นี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ appeared first on THE STANDARD.

]]>
thailand-sovereignty

วันนี้ (22 มิถุนายน) คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย นำโดย จตุพร พรหมพันธุ์ และ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เดินทางมาดูสถานที่ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิถุนายนที่จะถึงนี้ 

 

โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท เจ้าของพื้นที่ร่วมลงพื้นที่เดินดูจุดต่างๆ บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ เกาะพญาไท และบริเวณเกาะกลางอนุสาวรีย์ ซึ่งจะใช้เป็นจุดตั้งเวที

 

จตุพรกล่าวว่า ประเทศกำลังมีปัญหาที่จะนำไปสู่การเสียดินแดนที่นายกรัฐมนตรีของไทยไปเจรจากับประธานวุฒิสภาประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจตัวจริงของกัมพูชา ได้แสดงให้เห็นว่าเราไม่อาจไว้วางใจให้เขาทำหน้าที่ได้ต่อไป ฉะนั้น จะมาเริ่มต้นกันไม่ควรให้อับอายคนกัมพูชา ซึ่งในยุคโซเชียลมีเดีย แต่เรื่องความรักชาติบ้านเมืองประเทศกัมพูชามีประชาชน17 ล้าน แต่มีออกมาร่วมชุมนุมแสดงความรักชาติถึง 1.5 แสนคน ดังนั้น ประเทศไทยที่เป็นชาติเอกราชชาติเดียวในภูมิภาคนี้ต้องออกมาสำแดงพลัง อย่าให้อาย 

 

จตุพรยืนยันว่า การมาปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ใช่เป็นการเรียกร้องให้มีการรัฐประหาร ส่วนที่บอกว่าชุมนุมเป็นพวกหน้าเดิม ขอบอกว่าประเทศนี้มันก็ประเทศเดิม ปัญหาก็ปัญหาของชาติ ก็ยังเป็น ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงขอเชิญพี่น้องประชาชนทั้งแผ่นดินมาร่วมชุมนุมที่นี่ เวทีจะเริ่มต้น 16.00 น. ปิด 21.00 น. แต่ถ้ามาก่อนในช่วงบ่ายโมงจะมีศิลปินมาจัดกิจกรรมบรรเลงเพลง จากนั้น 16.00 น. เวทีจะเริ่ม ซึ่งหวังว่าจะไม่มีรัฐบาลมาสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานอื่นใดมาขัดขวาง

 

ขณะที่ปานเทพเปิดเผยว่า สาเหตุที่จัดกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเพราะเป็นสัญลักษณ์ถูกสร้างขึ้น หลังจากประเทศไทยสามารถยึดแผ่นดินที่ฝรั่งเศสเคยยึดจากแผ่นดินไทยไปกลับคืนมาได้เป็นครั้งแรก ปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นนี้เป็นการรวมพลังคนไทยทั้งแผ่นดินในการสำแดงความรู้สึกรักชาติรักแผ่นดินที่เคยมีผู้เสียชีวิตเพื่อปกปักรักษาแผ่นดิน แต่ขณะนี้มีขบวนการเตะตัดขาภาคประชาชนที่จะแสดงความรักชาติรักแผ่นดินโดยคิดจะดำเนินคดีกับแกนนำทั้งหมด ทั้งกฎหมายจราจรและสถานพยาบาลบริเวณใกล้เคียงไม่อนุญาตให้ดำเนินการ แต่จะแสดงให้เห็นว่าความรักชาติถูกขัดขวางโดยรัฐบาลที่รักชาติหรือขายชาติ พร้อมยืนยันว่าในการจัดกิจกรรมลำโพงทุกตัวจะหันไปยังฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลทั้งหมด เพราะไม่ต้องการให้เกิดความเดือดร้อนต่อโรงพยาบาล และจะเปิดช่องฉุกเฉินสำหรับการรับส่งผู้ป่วยด้วย 

 

ปานเทพกล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการแสดงอำนาจอธิปไตย แต่สิ่งที่นายกรัฐมนตรีเคยพูดไว้ว่า คนไทยจะมีใช้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี แต่วันนี้ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีคนนี้ ได้ถูกเหยียบย่ำดูถูกเหยียดหยามว่าเป็นผู้นำประเทศที่อ่อนแอที่สุดต่อหน้ากัมพูชา ทั้งนี้ไม่อยากให้ประชาชนหลงประเด็น ว่าความผิดไม่ได้เกิดแค่จากการปล่อยคลิป เสียงของกัมพูชา แต่ความผิดยังอยู่ที่เนื้อหาของการพูดและการกระทำของผู้นำไทยที่บอกว่าแม่ทัพภาคสองเป็นฝ่ายตรงข้าม และผลจากการสนทนาดังกล่าวทำให้เกิดข้อสงสัยว่าในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หลังจากนั้นมีวาระการตัดไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตกัมพูชาหายไป ทำให้สงสัยว่าการพูดดังกล่าวไม่ใช่การพูดทางเทคนิค แต่เป็นการเอื้อประโยชน์และปกป้องประโยชน์ของกัมพูชาทำให้ไม่สามารถไว้วางใจให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้ 

 

ขณะที่ แก้วสรร อติโพธิ กล่าวว่า จะไม่พูดคำว่าขอโทษ แต่อยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าคือปัญหาของประเทศชาติ ส่วนตัวไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีจะอยู่ต่อหรือไม่แต่มีความไม่สบายใจและวางใจไม่ได้เลยว่า สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังคงกุมความลับหรือมีการต่อรองอะไรกันเพิ่มเติมหรือไม่ ดังนั้น ปัญหาความมั่นคงของประเทศยังคงอยู่ดังนั้นกิจกรรมในครั้งนี้ ไม่ใช่การไล่นายกรัฐมนตรีแต่เป็นการปกป้องอธิปไตยของประเทศ แต่ถ้าคนของเราไว้วางใจไม่ได้ก็ขอให้ลาออกแต่จะไม่มีการไปยึดที่นั่นที่นี่ แต่เราจะแสดงพลัง และต้องขออภัยกับความไม่สะดวกที่อาจจะเกิดขึ้น 

 

แก้วสรรเปิดเผยว่า เมื่อวานมีคำสั่งให้ตรวจเส้นทางการเงินแกนนำ ดังนั้นในเรื่องของการเงินทางคณะมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินจะเปิดรับบริจาค สำหรับดำเนินกิจกรรมซึ่งคาดว่าจะใช้เงินพอสมควร ซึ่งตนเองจะร่วมเป็นผู้ลงนามในบัญชีเบิกจ่ายเพื่อความโปร่งใสด้วย ถึงจะติดคุกก็ไม่เป็นไร เพราะติดมาหลายหนแล้ว

 

ด้าน นิติธร ล้ำเหลือ หรือ ‘ทนายนกเขา’ กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้ไม่ใช่การชุมนุมแต่เป็นกิจกรรมที่ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ เพราะกิจกรรมทำงานไม่ได้เรียกร้องหรือขออะไรจากรัฐบาลแต่เป็นการแสดงพลังของภาพประชาชน ซึ่งตำรวจไม่มีสิทธิ์พิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาต แต่มีหน้าที่อำนวยความสะดวก ขอให้ประชาชนที่จะมาร่วมกิจกรรมสบายใจได้

 

ทั้งนี้ จตุพรตอบคำถามถึงกรณีกังวลเรื่องมือที่สามหรือความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่ ว่า ในวันพรุ่งนี้ที่จะไปหารือกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล ก็จะมีการตั้งจุดตรวจสอบร่วมกัน สำหรับบุคคลที่จะเข้ามาในพื้นที่เพื่อร่วมกิจกรรม ทั้งนี้เพื่อป้องกันมือที่ 3 และเท้าที่ 4 ส่วนเรื่องเงินในบัญชีที่จะเปิดรับบริจาค จะเปิดแค่วันที่ 28 มิถุนายน แล้วปิดบัญชีเลย ถ้าเงินเหลือก็จะนำไปบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 

 

ภายหลังการสัมภาษณ์แกนนำคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ได้ทำท่ารวมพลัง โดยการกำมือขวาทาบที่อกข้างซ้าย เพื่อแสดงในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

The post คณะรวมพลังแผ่นดินตรวจสถานที่จริงก่อนชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย. นี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘รวมพลังแผ่นดิน’ นักเคลื่อนไหวหลากสีกว่า 40 ชีวิต แถลงจุดยืนให้แพทองธารลาออก นัดชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย. นี้ https://thestandard.co/call-for-pm-resign/ Fri, 20 Jun 2025 06:57:29 +0000 https://thestandard.co/?p=1087199 call-for-pm-resign

วันนี้ (20 มิถุนายน) ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน […]

The post ‘รวมพลังแผ่นดิน’ นักเคลื่อนไหวหลากสีกว่า 40 ชีวิต แถลงจุดยืนให้แพทองธารลาออก นัดชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
call-for-pm-resign

วันนี้ (20 มิถุนายน) ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน กลุ่มอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, กปปส., นปช., คปท. รวมถึงนักวิชาการ ,ศิลปิน และนักแสดง กว่า 40 คน ได้รวมตัวกันแถลงข่าว ‘รวมพลังแผ่นดิน’

 

เพื่อแสดงจุดยืนเรียกร้องให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล สืบเนื่องจากกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กับผู้นำประเทศไทย

 

นิติธร ล้ำเหลือ เริ่มต้นอ่านแถลงการณ์ โดยระบุว่าตั้งแต่ปี 2475 ผู้บริหารและผู้บัญญัติกฎหมายไทยไม่ได้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยฯ และไม่ได้ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ทำให้เกิดวิกฤตการณ์รุนแรง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ กระบวนการยุติธรรม และความมั่นคง โดยมีสาเหตุจากการที่ผู้มีอำนาจไม่เคารพกฎหมาย ทุจริตฉ้อฉล และขาดความรับผิดชอบ นอกจากนี้ ยังมีขบวนการสมคบคิดที่ทำลายรัฐธรรมนูญ หลักนิติธรรม และอำนาจอธิปไตยของประเทศ

 

ที่เลวร้ายที่สุดคือ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความไร้ความสามารถอย่างชัดเจน และมีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะการกระทำที่อาจผิดประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร และขัดต่อรัฐธรรมนูญ มีหลักฐานสาธารณะที่บ่งชี้ถึงการสมคบคิดและใช้อำนาจเพื่อตอบสนองฝ่ายตรงข้าม ซึ่งมีเป้าหมายรุกล้ำอำนาจอธิปไตยและยึดครองประเทศไทย ถือเป็นการทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชนและขัดต่อคำถวายสัตย์ปฏิญาณ

 

แถลงการณ์จึงเรียกร้องให้ แพทองธาร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที เนื่องจากสิ้นความชอบธรรมแล้ว

 

ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน บ้านพระอาทิตย์ และตัวแทนของ สนธิ ลิ้มทองกุล ได้เป็นสักขีพยานและสนับสนุนการประกาศแถลงการณ์ของภาคประชาชน โดยย้ำว่าประชาชนที่มารวมตัวกันมีเป้าหมายเดียวกันคือปกป้องประเทศชาติ พวกเขาเชื่อว่าภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติเมื่ออยู่นอกประเทศ ก็ต้องกำจัดผู้ที่เป็นมิตรกับอริราชศัตรูด้วยเช่นกัน

 

จตุพร พรหมพันธุ์ กล่าวอย่างชัดเจนว่า “บัดนี้เป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับคนไทยและประเทศไทย นายกรัฐมนตรีเป็นคนของฝ่ายตรงข้าม”

 

ดังนั้นจึงไม่สามารถให้นายกรัฐมนตรีคนนี้บริหารประเทศต่อไปได้แม้แต่วันเดียว และพรรคการเมืองใดที่ฟังคลิปสนทนาระหว่างสมเด็จฮุนเซนกับ แพทองธาร แล้วยังต้องการร่วมรัฐบาลต่อ “พวกคุณเลยคำว่าพายเรือให้โจรนั่งไปแล้ว แต่คุณกำลังร่วมกันพายเรือไปขายชาติ พายเรือไปร่วมกันทรยศชาติ”

 

จตุพรย้ำว่าไม่เคยเจอนายกรัฐมนตรีคนไหนที่ตัดหัวแม่ทัพของตัวเองส่งบรรณาการให้กับประเทศกัมพูชา พร้อมกล่าวถึงการที่รัฐบาลไม่สามารถจัดการสถานการณ์ความมั่นคง และเรียกร้องให้ประชาชนจมเรือถ้าใครพายเรือไปขายชาติ พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนนี้ เวลา 16.00-21.00 น.

 

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงคลิปเสียงที่หลุดออกมา และชี้แจงความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องนักเรียนตำรวจ แต่ปัจจุบันต้องมายืนอยู่คนละฝั่ง เพราะเชื่อว่าทักษิณมีเป้าหมายที่จะเลียนแบบสมเด็จฮุนเซน ในการยึดอำนาจมาปกครองประเทศ

 

โดยเชื่อว่า ทักษิณ ต้องการนำระบบการเมืองแบบฮุนเซนมาใช้ในประเทศไทย แต่ยังไม่สำเร็จ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มองว่า ทักษิณ พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตนเองมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม และกล่าวว่า “สงสารประเทศไทยที่ได้นายกรัฐมนตรีที่ไม่มีความรู้ความสามารถ”

 

ย้ำว่าเรื่องคลิปเสียงเป็นเรื่องของประเทศชาติที่ทุกคนต้องผนึกกำลัง “เอารัฐบาลและนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีความสามารถออกไปให้ได้” และเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยระบุว่าตอนนี้มีเพียงพรรคภูมิใจไทยที่ชิงลาออก ซึ่งอาจถือโอกาสสวมบทเป็นพระเอก

 

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เชื่อว่าพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความไม่เหมาะสมในการบริหารประเทศได้ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นก่อน โดยเปรียบเทียบจากกรณี พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยของรุ่นน้า (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) มาจนถึงพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน

 

ทั้งนี้ประชาชนรับรู้มาตลอดว่านายกรัฐมนตรีขาดความรู้ความสามารถและสติปัญญาในการเป็นผู้นำประเทศ และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ความจริงเหล่านี้ก็ปรากฏออกมา พร้อมยกกรณีคลิปเสียงที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า “แม่ทัพภาคที่ 2 คือฝ่ายตรงข้ามของเรา ถ้าสมเด็จฮุน เซน ต้องการอะไรจะจัดการให้” ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ ไม่ดีและตั้งคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่กับการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะแสดงให้เห็นถึงความไร้ความสามารถและจิตใจที่ไม่ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลังประชาชน

 

สมชาย แสวงการ อดีต สว. กล่าวถึงการบริหารของรัฐบาลแพทองธารที่ล้มเหลว จึงเรียกร้องให้ แพทองธาร ลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลควรแสดงท่าทีชัดเจนโดยการถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล “เลิกเป็นวอลเปเปอร์ให้กับคนขายชาติ”

 

พิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. ย้ำว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นฝั่งกัมพูชา วันที่ 28 มิถุนายนนี้ จึงขอเชิญชวนประชาชน และข้าราชการทุกหมู่เหล่า มาแสดงพลังเป็นฝ่ายประเทศไทย พร้อมเชิญชวนนำธงชาติมาโบกสะบัดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

 

เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ก่อร่างสร้างบ้านเมืองนี้มานับเป็นพันปีไม่เคยมีผู้นำคนไหนที่กลัวกัมพูชามากไปกว่านี้อีกแล้ว คำพูดของนายกรัฐมนตรีสื่อให้เห็นว่าไม่เคยคำนึงถึงประเทศจากคลิปสนทนา เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำก่อนไล่เขมรคือไล่นายกก่อน

 

ปานเทพสรุปการแถลงข่าววันนี้ใน 3 ข้อ

 

  1. ประชาชนทั้งหมดที่มาร่วมในวันนี้เรียกร้องให้ แพทองธาร ชินวัตร ลาออกทันที
  2. เรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวออกทันที
  3. เรียนเชิญพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกสีเสื้อ ทุกอายุ ชุมนุมในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

 

โดยปานเทพย้ำว่า การขอรวมพลังครั้งนี้เป็นพลังแห่งความสามัคคีในการปกป้องอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยและทวงคืนแผ่นดินไทยที่ถูกลุกลามมาทั้งหมดให้เป็นของราชอาณาจักรไทย

 

ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมแถลงข่าว อาทิ จตุพร พรหมพันธุ์, นิติธร ล้ำเหลือ, พิชิต ไชยมงคล, นัสเซอร์ ยีหมะ, ใจเพชร กล้าจน, เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, แก้วสรร อติโพธิ, ขวัญสรวง อติโพธิ, ปรีดา เตียสุวรรณ์, สมชาย แสวงการ, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ประสาร มฤคพิทักษ์, จเด็จ อินสว่าง, ประพันธ์ คูณมี, พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส, พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม, พล.ท. กนก เนตรคเวสนะ, พล.ท. นันทเดช เมฆสวัสดิ์, พล.ต.นพ. เหรียญทอง แน่นหนา, กษิต ภิรมย์, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, ถาวร เสนเนียม, ถวิล เปลี่ยนศรี, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, รสนา โตสิตระกูล, ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์, คมสัน โพธิ์คง, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, เจษฎ์ โทณะวณิก, ไชยันต์ ไชยพร, นันทิวัฒน์ สามารถ, วีระ สมความคิด, เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์, สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, อัญชะลี ไพรีรัก, หฤทัย ม่วงบุญศรี (อุ๊ หฤทัย), ชัชชัย สุขขาวดี (หรั่ง ร็อคเคสตร้า), สาวิทย์ แก้วหวาน, มานพ เกื้อรัตน์, คมสันต์ ทองศิริ, ณีรนุช จิตต์สม, เสน่ห์ หงษ์ทอง และเครือข่ายองค์กรแรงงานรัฐวิสาหกิจ

 

รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง

รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง รวมพลังแผ่นดินเรียกร้องนายกฯลาออกจากตำแหน่ง

The post ‘รวมพลังแผ่นดิน’ นักเคลื่อนไหวหลากสีกว่า 40 ชีวิต แถลงจุดยืนให้แพทองธารลาออก นัดชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เมื่อปีที่ 3 ของการเสียชีวิตของ ‘แตงโม’ นำมาซึ่งการพิสูจน์ความจริง ตีขนานกับการยืนยันความจริง https://thestandard.co/death-tangmo-truth/ Thu, 16 Jan 2025 14:00:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1031241 death-tangmo-truth

คดีการเสียชีวิตของนักแสดงหญิง แตงโม-ภัทรธิดา (นิดา) พัช […]

The post เมื่อปีที่ 3 ของการเสียชีวิตของ ‘แตงโม’ นำมาซึ่งการพิสูจน์ความจริง ตีขนานกับการยืนยันความจริง appeared first on THE STANDARD.

]]>
death-tangmo-truth

คดีการเสียชีวิตของนักแสดงหญิง แตงโม-ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ ที่กำลังจะก้าวสู่การครบรอบ 3 ปีของการจากไป วันนี้ (16 มกราคม 2568) การสูญเสียที่เกิดขึ้นถูกหยิบยกมาพูดและจำลองเหตุการณ์ให้เสมือนวันที่เกิดเรื่อง (24 กุมภาพันธ์ 2565) อีกครั้ง

 

ด้วยฝั่งหนึ่งของสังคมมองว่าการเสียชีวิตของแตงโมยังไม่สามารถสรุปจบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการฆาตกรรม แตงโมยังไม่ได้รับความยุติธรรมอย่างแท้จริง

 

ขณะที่อีกฝ่ายซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อ 3 ปีก่อน และต่อมามีฐานะเป็นจำเลยในคดี มองว่าการจำลองที่จัดขึ้นเป็นเพียงละครให้ความบันเทิงที่ไม่ได้เล่าความจริงให้ประชาชนรับรู้ พร้อมขอให้หยุดซ้ำเติมแตงโม

 

ข้อเห็นต่างและการรื้อเรื่องราวคราวนี้จะส่งผลอย่างไรกับแฟ้มคดีแตงโม

 

เมื่อ 3 ปีก่อน เกิดอะไรขึ้นกับแตงโม

 

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 แตงโมกับเพื่อนรวม 6 คน นัดหมายลงเรือสปีดโบ๊ตที่อู่จอดเรือแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี เพื่อล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ชมวิว และรับประทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารในจังหวัดปทุมธานี หลังรับประทานอาหารเสร็จได้นั่งเรือชมวิวและแวะถ่ายรูปตามจุดต่างๆ 

 

ขณะเดินทางกลับอู่จอดเรือ บริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ตำบลสวนใหญ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เวลา 22.34 น. แตงโมตกจากเรือลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อมาเวลา 23.42 น. ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธร (สภ.) เมืองนนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุหญิงตกเรือลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานระดมค้นหา 

 

จนกระทั่งวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 13.40 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบร่างลอยอยู่ห่างจากท่าเรือพิบูลสงคราม 1 ประมาณ 235 เมตร แพทย์เริ่มขั้นตอนการชันสูตร ตำรวจเริ่มแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง 

 

ด้วยคดีนี้เป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งให้ พล.ต.ท. จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) เป็นผู้ควบคุมการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ พร้อมมีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนถึง 4 ฉบับ จากภูธรจังหวัดนนทบุรี 3 ฉบับ และภูธรภาค 1 อีก 1 ฉบับ 

 

ตลอดระยะเวลามีการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งบุคคล แวดล้อม ลักษณะทางกายภาพของที่เกิดเหตุ กล้องวงจรปิด ความเร็วเรือ ระบบ GPS และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ แบ่งเป็น

 

  • พยานบุคคล รวม 124 ปาก ได้แก่

พยานที่ติดต่อผู้ที่อยู่บนเรือ 26 ปาก

พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ 62 ปาก

พยานผู้เชี่ยวชาญ 16 ปาก

พยานเจ้าหน้าที่ 20 ปาก

 

  • พยานเอกสาร ได้แก่

ผลการตรวจต่างๆ 47 ฉบับ

พยานวัตถุ 88 ชิ้น

ไฟล์คลิปวิดีโอ 200 ไฟล์

เอกสารสำนวน 2,249 แผ่น

 

ชะตากรรมของคนบนเรือ

 

ต้องยอมรับว่าตั้งแต่หลังเกิดเหตุในคืนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อนร่วมเดินทางทั้ง 6 คนของแตงโมตกเป็นจำเลยของสังคมในทันที ด้วยข้อพิรุธหลายอย่างที่ปรากฏ เช่น การหายตัวไปหลังเกิดเหตุ การเข้าพบตำรวจล่าช้า ซึ่งต่อมาเปิดใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการทำตามคำแนะนำของทนายความท่านหนึ่งที่ทีแรกจะช่วยว่าความให้ ก่อนจะหันหัวเรือไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา สังคมตั้งคำถามถึงเพื่อนทั้ง 6 คน เช่น

แตงโมปัสสาวะที่ท้ายเรือจนเป็นเหตุให้พลัดตกจริงหรือไม่?

ความสัมพันธ์ของผู้ร่วมเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างไร?

หลังเกิดเรื่อง 6 คนที่เหลือทำอย่างไร?

เหตุใดทั้ง 6 คนไม่พบตำรวจในทันที?

 

ทั้งนี้ หลังตำรวจสืบสวนสอบสวนเป็นเวลาประมาณ 2 เดือนนับตั้งแต่เกิดเรื่อง จึงส่งฟ้องเพื่อนแตงโมทั้ง 6 คนต่ออัยการจังหวัดนนทบุรี ประกอบด้วย

 

  • ปอ-ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ 6 ข้อหา
  • โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ 4 ข้อหา
  • แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์ 1 ข้อหา
  • จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร 2 ข้อหา
  • กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ 2 ข้อหา
  • เอ็ม-ภีม ธรรมธีรศรี 2 ข้อหา

 

ข้อหา เช่น กระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่มีประกาศนียบัตรรับรองความถูกต้องตามกฎหมาย, ใช้เรือที่มีใบอนุญาตใช้เรือสิ้นอายุ และแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา

 

ต่อมา วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านคำพิพากษา หลังปอและโรเบิร์ตให้การรับสารภาพทุกข้อหาในชั้นศาล โดยศาลพิพากษาให้ปอจำคุก 2 ปี 9 เดือน ปรับ 64,000 บาท โดยให้รอการลงโทษเป็นเวลา 3 ปี และรายงานตัวบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมสาธารณะ

 

ส่วนโรเบิร์ตจำคุก 2 ปี 2 เดือน ปรับ 54,000 บาท โดยให้รอการลงโทษเป็นเวลา 3 ปี และรายงานตัวบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมสาธารณะ

 

ทีมจำลองเหตุการณ์

 

ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมด้วย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม, พ.อ. นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ ร่วมกันจำลองเหตุการณ์การตกน้ำของแตงโม

 

โดยอาสาสมัครที่เป็นตัวแสดงแทนแตงโมคือผู้ประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 7 คน จุดแรกที่จำลองคือท่าเรือโรงแรมริเวอร์ไรน์เพลส โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ จังหวัดนนทบุรี 

 

จุดที่ 2 คือท่าน้ำพิบูลสงคราม 1 โดยให้อาสาสมัคร 7 คน ตกน้ำคนละ 1 ครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้นจะเป็นตัวแทนของ แซน วิศาพัช ด้วย โดยตลอดการจำลองมีหน่วยกู้ภัยทางน้ำดูแลความปลอดภัย

 

พ.อ. นพ.ธวัชชัย ยืนยันว่า การจำลองเหตุการณ์ทำเพื่อพิสูจน์ความจริง ไม่ได้หิวแสงแต่อย่างใด เนื่องจากพบพิรุธจากคำให้การของคนที่อยู่บนเรือหลายอย่าง

 

ด้านณวัฒน์เปิดเผยว่า การที่มาร่วมกันจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้ เนื่องจากมีความไม่มั่นใจในการทำคดีของแตงโม อยากมาช่วยคืนความยุติธรรมให้กับแตงโม ค้นหาความจริงให้ได้ โดยส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม 100%

 

ขณะที่อาสาสมัครที่เป็นตัวแทนแตงโมตกน้ำต่างระบุว่า ดีใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการค้นหาความจริง อยากหาความชัดเจนกับคดีนี้ หวังว่าการจำลองเหตุการณ์ครั้งนี้จะมีประโยชน์ต่อคดี ซึ่งมีการเตรียมตัว เตรียมพร้อมเรื่องความปลอดภัย จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่

 

ทั้งนี้ มีรายงานว่าในการจำลองครั้งนี้ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มาร่วมสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งคณะผู้จัดงานครั้งนี้จะทำสรุปผลการจำลองเหตุการณ์ส่งให้ DSI เพื่อนำไปตรวจสอบ และให้คณะกรรมการคดีพิเศษพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ต่อไป

 

เวลา 14.04 น. เฟซบุ๊ก ‘ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์’ โพสต์ข้อความหลังเสร็จภารกิจว่า ผลการจำลองสถานการณ์ 1. ทุกคนเห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่เหมาะแก่การปัสสาวะท้ายเรือ และเปียกแน่นอน 2. ตกท้ายเรือตามคำให้การในสำนวนแห่งคดีไม่เกิดใบพัดดูด ไม่มีบาดแผลใดๆ

 

ทีมเรือลำเดียวกัน

 

ในวันเดียวกันกับที่จำลองเหตุการณ์ ปอ ตนุภัทร และ แซน วิศาพัช พร้อมด้วย ทนายตุ๋ย-พรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ให้สัมภาษณ์หลังจบการจำลองทันที 

 

ปอกล่าวขอบคุณและยอมรับว่าเห็นด้วยกับการจำลองการตกเรือของแตงโมที่ทำเพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้เห็นภาพที่ไม่ได้มโน แต่ส่วนตัวมองว่าการจำลองดังกล่าวไม่ตรงกับที่แซนเคยให้การไว้ในชั้นศาล เนื่องจากการตกไม่ตรงกัน 

 

“ตอนแตงโมตกจากเรือในระหว่างที่ปัสสาวะนั้น ก่อนที่จะพลัดตกแตงโมเกาะเบาะไว้เป็นเวลากว่า 10 วินาที และตกไปบริเวณฝั่งเครื่องยนต์ที่มีใบพัด เมื่อตกแล้วขายื่นมาถึงช่วงใบพัด จึงเชื่อว่าแตงโมถูกดูดเข้าไปบริเวณดังกล่าว เพราะฉะนั้นการตกจะต้องตกอยู่ข้างๆ เครื่องยนต์ ซึ่งการจำลองเหตุการณ์ตกเรือนั้น ผู้ที่เป็นคนจำลองระหว่างที่ตกดีดตัวออกจากเรือ 45 องศา” ปอกล่าว

 

ทั้งนี้ ตนเองอยากถามว่า ถ้าท่านจำลองและจำลองไม่เหมือนเหตุการณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่านจะจำลองทำไม ถ้าจะจำลองให้เหมือน ถามว่าจะจำลองแบบไหน

 

และจากที่ไปขอคัดพยานหลักฐานในสำนวน จึงทราบว่าเจ้าหน้าที่รัฐหรือตำรวจเคยจำลองเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว และได้ทิศทางแล้วว่าตอนที่ตกลงไปวัตถุถูกดูดไปทางไหน และเทน้ำสีแดงเพื่อทดสอบว่าน้ำหมุนไปในทางใด นอกจากนี้ยังมีการทดลองในหลายรูปแบบ ซึ่งผลก็ออกมาในลักษณะเดียวกัน 

 

“แม้ผมอยากจะให้จำลองให้เหมือนจริง แต่ก็ไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำรอย เนื่องจากสูญเสียเพื่อนไปแล้ว เหมือนเป็นการซ้ำเติมผู้เสียชีวิต ไม่อยากให้ผู้ใดนำการสูญเสียนี้มาเป็นกระแสหรือหาผลประโยชน์”

 

ด้านแซนกล่าวว่า ตนอยากฝากถึงคุณหมอและอัจฉริยะว่า ก่อนที่จะมาพูดหรือท้าอะไร สมควรที่จะปรึกษากับผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญก่อน จะได้ดูเหมือนกลั่นกรองมาแล้ว ส่วนเรื่องท้าด้วยจำนวนเงินนั้น ตนไม่ได้เล่นการพนัน แนะนำให้คนที่ท้าหากชอบการพนันให้ไปสนามมวย

 

เมื่อถามความคิดเห็นในการจัดจำลองเหตุการณ์ว่าเป็นอย่างไร แซนมองว่าเป็นละครเรื่องหนึ่งที่ไว้ดูเป็นความบันเทิง เพราะไม่ได้ใกล้เคียงและไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ตนเคยแนะนำไปแล้ว 4 ข้อ เพราะการตกเรือมีรายละเอียดยิบย่อยเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งตนเองไม่กังวลใจเรื่องคดี ยังยืนยันเหมือนเดิมว่ามั่นใจมาก ทั้งนี้ ตนไม่ทราบว่าจุดประสงค์หลักของการจำลองเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอย่างไร แต่ก็ทำให้ตนเองโดนทำลายชื่อเสียงเป็นอย่างมาก 

 

แซนกล่าวทิ้งท้ายว่า “อยากให้เสพข่าวอย่างมีสติ ก่อนที่เราจะไปด่าคนอื่น เราต้องเสพข่าวอย่างมีสติและคิดหลายมุม ไม่ใช่มุมเราคนเดียวหรือมุมกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คิดถึงหลักข้อเท็จจริง ถ้าไม่อย่างนั้นประเทศเราจะเป็นประเทศขวัญใจแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบนี้ ถ้าเราไม่คิดกัน”

 

ศาลเตี้ย

 

โบว์-ณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง โพสต์ข้อความถึงการจำลองเหตุการณ์แตงโมตกเรือว่า การใช้คนจริงในขณะเรือแล่น เป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบมาก เพราะคนแสดงมีโอกาสได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ หากไม่ได้เบี่ยงตัวออกข้างแบบที่ตั้งใจทำในการแสดง แม้จะใส่เสื้อชูชีพที่ทำให้ตัวลอยขึ้นได้ และไม่ได้เอามือเกาะกราบเรือหลังตกเรือตามคำให้การจริงก็ตาม

 

คิดด้วยสามัญสำนึก ถ้าใครจะแต่งเรื่องว่าแตงโมตกเรือ มันไม่จำเป็นต้องแต่งให้พิสดารขนาดนั้น แค่คนไปนั่งเล่นกินลมดื่มไวน์ที่กราบเรือ จังหวะกระแทกก็พลัดตกได้แล้ว

 

แต่คดีแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ใครควรให้ความเห็นกันมั่วซั่วแล้วตั้งตนเป็นศาลเตี้ย หน่วยงานที่ทำหน้าที่มีอยู่และสู้กันได้ถึง 3 ศาล ถ้ามีพยานหลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์มากพอ 

 

สื่อมวลชนก็ควรคิดเยอะๆ ก่อนจะให้พื้นที่กับพฤติกรรมสร้างกระแสด้วยวิธีการตลาดล่างแบบนี้

 

การเสียชีวิตของแตงโมจากเหตุที่เกิดขึ้นนับเป็นความสูญเสียของครอบครัว แฟนคลับ และวงการบันเทิง ซึ่งในทางคดีความ กระบวนการยุติธรรมกำลังเป็นไปตามระบอบที่กฎหมายกำหนดไว้ ขณะที่ทางความเห็นและมุมมอง ณ วันนี้ที่เวลากำลังจะล่วงเลยเข้าสู่ปีที่ 3 ก็ยังไม่มีอะไรมาลบความเคลือบแคลงสงสัยของสังคมอีกมุมหนึ่งว่า เหตุที่เกิดมีอะไรลึกซึ้งกว่าที่ตำรวจพิสูจน์ได้ 

 

จากนี้กลุ่มของผู้จำลองเหตุการณ์เตรียมเดินหน้าให้ DSI รับเรื่องไว้พิจารณา ขณะที่ประชาชนและสื่อมวลชนต้องติดตามต่อว่า คลื่นที่เกิดในวันนี้จะพัดเปิดแฟ้มคดีแตงโมได้จริงหรือไม่

The post เมื่อปีที่ 3 ของการเสียชีวิตของ ‘แตงโม’ นำมาซึ่งการพิสูจน์ความจริง ตีขนานกับการยืนยันความจริง appeared first on THE STANDARD.

]]>
นพดลโต้กลับปานเทพ ขอหยุดใส่ร้ายปมเขาพระวิหาร หลังศาลพิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้ปกป้องดินแดน ยืนยันทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ https://thestandard.co/noppadon-clarifies-khao-phra-wihan-accusations/ Mon, 30 Dec 2024 04:35:05 +0000 https://thestandard.co/?p=1025637 noppadon-clarifies-khao-phra-wihan-accusations

วันนี้ (30 ธันวาคม) นพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรว […]

The post นพดลโต้กลับปานเทพ ขอหยุดใส่ร้ายปมเขาพระวิหาร หลังศาลพิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้ปกป้องดินแดน ยืนยันทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
noppadon-clarifies-khao-phra-wihan-accusations

วันนี้ (30 ธันวาคม) นพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวต่อสื่อมวลชนถึงกรณี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กพาดพิงกรณีเขาพระวิหารว่า ตนคือผู้ปกป้องดินแดนเขาพระวิหาร โดยมีเอกสารและคำพิพากษาศาลยืนยัน

 

นพดลระบุว่า “ผมได้อ่านที่ปานเทพโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พาดพิงหลายประเด็น จึงขอบันทึกความจริงไว้ เพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนใส่ร้ายกันด้วยความเท็จ เพราะสังคมไม่ได้ประโยชน์ และสิ่งที่ผมบันทึกมีหลักฐานอ้างอิงเป็นเอกสารและคำพิพากษาของศาลยืนยัน ไม่ใช่การพูดความจริงครึ่งเดียวหรือเท็จทั้งหมด

 

“โดยจะเน้นเฉพาะประเด็นเขาพระวิหารที่ผ่านการพิสูจน์ในศาลแล้วว่าผมคือผู้ปกป้องดินแดนเขาพระวิหาร โดยขอตอบโต้ปานเทพแต่ละประเด็น ดังนี้

 

“1. ไทยยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาตั้งแต่ปี 2505 ปานเทพกล่าวถูกต้องแล้วที่ระบุว่า ในเดือนมิถุนายน 2505 (แม้ระบุวันที่ผิดเป็นวันที่ 5 จริงๆ คือวันที่ 15) ศาลโลกตัดสินให้ไทยแพ้คดี จึงต้องยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา

 

“2. ใส่ร้ายเท็จว่า นพดลยกปราสาทให้กัมพูชาไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก ปานเทพบังอาจกล่าวเท็จและบิดเบือนว่า “เมื่อปี 2551 นพดลลงนามในคำแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยกปราสาทพระวิหารและพื้นที่บนแผ่นดินให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว….” เป็นการกล่าวเท็จเนื่องจาก

 

“ก) ปานเทพก็ระบุไว้ตามข้อ 1. ข้างต้นอยู่แล้วว่า ไทยยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาตั้งแต่ปี 2505 แล้วผมจะยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาซ้ำอีกได้อย่างไร เพราะปราสาทพระวิหารและแผ่นดินที่ปราสาทตั้งอยู่เป็นของกัมพูชามา 46 ปีก่อนแล้ว

 

“ข) ที่บอกว่า นพดลยกปราสาทให้เป็นมรดกโลกของกัมพูชาฝ่ายเดียว ก็จงใจให้คนเข้าใจผิดและใส่ร้ายผม เพราะเมื่อปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาตั้งแต่ปี 2505 เขาจึงขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้ฝ่ายเดียวอยู่แล้ว และ

 

“ค) คำแถลงการณ์ร่วมนั้น ศาลปกครองกลางสั่งห้ามใช้ ดังนั้นไทยไม่สามารถใช้คำแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกฝ่ายเดียวได้ และกัมพูชาไม่ได้ใช้คำแถลงการณ์ร่วมที่ผมลงนามประกอบการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่อย่างใดทั้งสิ้น (อ้างอิง มติคณะกรรมการมรดกโลก ข้อ 5 วันที่ 7 กรกฎาคม 2551 (เอกสารอ้างอิงหมายเลข 1)

 

“3. ผมปกป้องดินแดนพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรสำเร็จ ในปี 2549 กัมพูชายื่น ก) ตัวปราสาทพระวิหาร และ ข) พื้นที่รอบตัวปราสาทหรือพื้นที่ทับซ้อน ไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่ผมเจรจาสำเร็จให้เขาตัดพื้นที่ทับซ้อนออก เพราะไทยอ้างสิทธิ จนเขายอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออก และยอมขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทพระวิหาร และต้องทำแผนผังใหม่ไปแทนแผนที่เดิมที่ผนวกพื้นที่ทับซ้อนเข้าไปด้วย ความสำเร็จนี้ถูกบันทึกไว้ในคำพิพากษาศาลโลก วันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 (เอกสารอ้างอิงหมายเลข 2)

 

“4. ใส่ร้ายเท็จว่ากระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ตัดสินความผิดทางอาญา ปานเทพจงใจใส่ร้ายผมที่ระบุว่า “นพดลเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนแรกในประเทศไทยที่กระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย…” ผมอยากจะให้ปานเทพทราบความจริงว่า ผมไม่เคยกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ

 

“คำตัดสินที่ปานเทพอ้างถึงนั้นเพียงแต่ตัดสินว่าคำแถลงการณ์ร่วมเป็นหนังสือสัญญาประเภทที่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนลงนาม ซึ่งเจ้าหน้าที่ในกระทรวงการต่างประเทศและผมไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน แต่ก็ต้องเคารพคำตัดสิน และไม่มีใครมีเจตนาฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ

 

“5. ศาลฎีกาตัดสินยกฟ้องนพดล และในคำพิพากษาระบุว่า ทำถูกต้องและประเทศจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่ทำ พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง, สนธิ ลิ้มทองกุล, ปานเทพ และแกนนำกลุ่มพันธมิตรหลายคน โจมตีกล่าวหาผมด้วยความเท็จว่า การที่ผมลงนามในคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ผมทำให้ไทยเสียดินแดนและทำให้ไทยเสียสิทธิในการทวงคืนปราสาทพระวิหาร

 

“อีกทั้งกล่าวหาพวกผมว่าขายชาติ ซึ่งต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปยื่นฟ้องผมต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และในวันที่ 4 กันยายน 2558 ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องผม และในคำพิพากษายังระบุว่า การลงนามในคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ของจำเลย (นพดล) ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จึงสมเหตุผลและถูกต้องตรงตามสถานการณ์ ทั้งมิได้กระทบกระเทือนถึงสิทธิในดินแดนของประเทศไทย

 

“รวมทั้งไทยจะได้ประโยชน์จากข้อตกลงในคำแถลงการณ์ร่วม (อ่านคำพิพากษาเต็ม คดีหมายเลขแดงที่ อม. 63/2558 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 132 ตอนที่ 111 ก วันที่ 23 พฤศจิกายน 2558 หน้า 17-35) (เอกสารอ้างอิงหมายเลข 3)

 

“ชัดไหมครับว่าผมคือผู้ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ เป็นผู้ปกป้องดินแดน ดังนั้นหยุดใส่ร้ายกันด้วยความเท็จครับ”

 

อ้างอิง:

The post นพดลโต้กลับปานเทพ ขอหยุดใส่ร้ายปมเขาพระวิหาร หลังศาลพิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้ปกป้องดินแดน ยืนยันทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สนธิบุกทำเนียบทวงคำตอบ หลังครบ 15 วันยื่นหนังสือยกเลิก MOU 44 บอกปี 68 เตรียมบุกสภา-กต.-กองทัพเรือ https://thestandard.co/sonthi-demands-after-15-days-submitting-letter-cancel-mou-44/ Tue, 24 Dec 2024 06:40:31 +0000 https://thestandard.co/?p=1023071 สนธิ

วันนี้ (24 ธันวาคม) สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรปร […]

The post สนธิบุกทำเนียบทวงคำตอบ หลังครบ 15 วันยื่นหนังสือยกเลิก MOU 44 บอกปี 68 เตรียมบุกสภา-กต.-กองทัพเรือ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สนธิ

วันนี้ (24 ธันวาคม) สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลชน เดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามคำตอบจากการยื่นหนังสือถึง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณียกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ซึ่งมีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระบรมราชโองการ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียเอกราช อำนาจอธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ของราชอาณาจักรไทย

 

สนธิกล่าวว่า ครบกำหนด 15 วันแล้ว ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการตามที่ได้ร้องขอตามหนังสือที่อ้าง ท่านกลับนิ่งเฉยและไม่ปรากฏคำสัมภาษณ์ว่าจะเสนอเรื่องต่อ ครม. หรือจัดให้ ครม. พิจารณา เพื่อเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังไม่ตอบรับใดๆ ว่าจะจัดให้มีเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้ในการตัดสินใจในปัญหาสำคัญของประเทศ ตามคำร้องขอในหนังสือตามที่อ้างถึง ซึ่งเป็นการกระทำที่สวนทางและขัดแย้งกับที่ท่านได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะพูดคุยกับข้าพเจ้าและมวลหมู่ประชาชน

 

ดังนั้นมวลหมู่ประชาชนจึงเห็นว่า หากท่านและ ครม. ยังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้อง จนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย รวมทั้งเห็นว่ามีพฤติการณ์บางประการที่ทำให้เห็นว่าได้ตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้ได้รับความเสียหาย มวลหมู่ประชาชนจะได้ดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายและตามที่เห็นสมควร เพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป

 

พร้อมเรียกร้องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง

 

จากนั้นสนธิ ปานเทพ และแกนนำ ได้ยื่นหนังสือพร้อมทวงถามความคืบหน้า โดยมี สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนรับหนังสือ

 

สนธิกล่าวด้วยว่า การมาวันนี้เพราะไม่ยอมรับคำตอบของรัฐบาลที่ตอบมาแบบง่ายๆ จากนี้จะรอให้ได้คำตอบ และการเดินทางของกลุ่มมวลชนจะมีต่อไป จะเรียกร้องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง เพราะมีหลายประเด็นที่เหมือนเอาเท้าขยี้กฎหมาย เช่น ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ปัญหาเขากระโดง และปัญหาต่างด้าว โดยมีพรรคประชาชนชักศึกเข้าบ้าน

 

ด้านปานเทพกล่าวว่า ในการหารือครั้งนี้ตนได้ตั้งคำถามไป 2 ข้อว่า

  1. ถ้าไม่มี MOU 2544 การเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชาจะเป็นไปตามกฎหมายทะเลสากลที่ระบุว่า ถ้าไม่มีเส้นเขตแดนอื่น ให้ใช้เส้นมัธยะหรือเส้นกลางเท่านั้น คือเส้นที่เป็นไปตามพระบรมราชโองการในสมัยรัชกาลที่ 9 ปี 2516 หรือไม่
  2. รัฐบาลบอกว่า ยังเป็นแค่กรอบการเจรจา แล้วพื้นที่พัฒนาร่วมตาม MOU 2544 ทำไมตกลงพื้นที่กันแล้ว ซึ่งรวมถึงพื้นที่ 16,000 ตารางกิโลเมตร จะยุติเรื่องผลประโยชน์ ทั้งๆ ที่ตรงนั้นมีพื้นที่ไหล่ทวีปของประเทศไทยอยู่ และไปแบ่งให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างไร

 

บอก นายกฯ ตอบไม่ตรงคำถาม

 

เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วได้คำตอบกลับมาว่าอย่างไร ปานเทพกล่าวว่า ตนได้รับหนังสือตอบกลับมา ซึ่งไม่ตรงกับคำถาม ขอให้รัฐบาลตอบกลับมาให้ตรงคำถาม หากกระทำความผิด ตนจะไปดำเนินคดีความต่อเอง วันนี้ได้รับคำตอบแค่ว่า เขารับรู้ว่าเราไม่เห็นด้วย นายกฯ เคยบอกว่า พร้อมจะพูดคุยกับสนธิ แต่เมื่อถึงเวลากลับบอกว่า เวทีสาธารณะไม่ต้อง เพราะมีศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่แล้ว ตกลงนายกฯ นอกจากอ่านภาษาไทยไม่รู้เรื่องแล้ว ท่านจำความสั้นด้วยหรือไม่

 

ส่วนจะมีเส้นตายหรือไม่ ปานเทพกล่าวว่า ไม่มีเส้นตาย เมื่อยื่นไปแล้วภายในสิ้นปีนี้ไม่มีคำตอบเป็นอย่างอื่น ก็แปลว่านายกฯ ไม่ตอบ วันนี้ไม่ได้เกณฑ์คนมายังมีประชาชนมาอย่างล้นหลาม ถ้าไม่ตอบคำถามและไม่ปฏิบัติไปเรื่อยๆ แสดงว่าอยากเห็นพวกเราลงถนนใช่หรือไม่ และในปี 2568 เราจะมีการนัดกัน 2 ที่ คือ รัฐสภา และกระทรวงการต่างประเทศ หากยังไม่คืบหน้าอาจไปที่กองทัพเรือ พร้อมฝากถึงนายกฯ ว่า “อ่านหนังสือให้เยอะๆ”

 

The post สนธิบุกทำเนียบทวงคำตอบ หลังครบ 15 วันยื่นหนังสือยกเลิก MOU 44 บอกปี 68 เตรียมบุกสภา-กต.-กองทัพเรือ appeared first on THE STANDARD.

]]>