ปวีณา หงสกุล – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 24 Nov 2025 10:08:48 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘ปวีณา’ พายาย-ป้าเด็กหญิงวัย 12 ปี พบรอง ผบ.ตร. เร่งติดตามคดีแม่พาค้าบริการที่ญี่ปุ่น ตำรวจเผยเด็กปลอดภัย เตรียมรับกลับไทย https://thestandard.co/paveena-police-rescue-girl-japan/ Mon, 24 Nov 2025 10:08:48 +0000 https://thestandard.co/?p=1146888 ‘ปวีณา’ พายาย-ป้าเด็กหญิงวัย 12 ปี พบ รอง ผบ.ตร. เร่งติดตามคดีแม่พาค้าบริการที่ ญี่ปุ่น ตำรวจเผยเด็กปลอดภัย เตรียมรับกลับ ไทย

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปวีณา ห […]

The post ‘ปวีณา’ พายาย-ป้าเด็กหญิงวัย 12 ปี พบรอง ผบ.ตร. เร่งติดตามคดีแม่พาค้าบริการที่ญี่ปุ่น ตำรวจเผยเด็กปลอดภัย เตรียมรับกลับไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ปวีณา’ พายาย-ป้าเด็กหญิงวัย 12 ปี พบ รอง ผบ.ตร. เร่งติดตามคดีแม่พาค้าบริการที่ ญี่ปุ่น ตำรวจเผยเด็กปลอดภัย เตรียมรับกลับ ไทย

วันนี้ (24 พฤศจิกายน) ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้นำยายและป้าของเด็กหญิงวัย 12 ปี เข้าพบและประชุมร่วมกับ พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ เพื่อติดตามความคืบหน้าทางคดีและแนวทางการช่วยเหลือ กรณีเด็กหญิงถูกแม่แท้ๆ พาไปค้าประเวณีที่ประเทศญี่ปุ่น

 

โดยการเข้าพบครั้งนี้สืบเนื่องจากครอบครัวมีความกังวลใจอย่างมาก หลังสื่อญี่ปุ่นรายงานข่าวเหตุดังกล่าว ขณะที่แม่ของเด็กถูกจับกุมที่ไต้หวัน ทำให้ทางบ้านขาดการติดต่อและไม่ทราบชะตากรรมของเด็ก

 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ยายและป้าได้เดินทางมาร้องทุกข์ต่อมูลนิธิปวีณาฯ เพราะเป็นห่วงหลานสาววัย 12 ปี ซึ่งหลังรับเรื่อง ปวีณาได้ประสานไปยังกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติทันที จนได้รับยืนยันว่าขณะนี้เด็กหญิงปลอดภัยแล้วและอยู่ในการคุ้มครองของทางการญี่ปุ่น ซึ่งปวีณายอมรับว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากที่เด็กอายุน้อยขนาดนี้ถูกพาเข้าสู่กระบวนการค้าประเวณี

 

ป้าและยายของเด็กหญิงเปิดเผยว่า ทราบเรื่องจากนักข่าวญี่ปุ่นที่ลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์ถึงบ้านพัก ยอมรับว่าช่วงแรกมีความกังวลใจมาก แต่เมื่อทางมูลนิธิปวีณาฯ และตำรวจเข้ามาช่วยเหลือประสานงานจนทราบว่าหลานสาวอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย ก็รู้สึกอุ่นใจและคลายความกังวลไปได้มาก ตอนนี้สิ่งที่ต้องการที่สุดคืออยากให้หลานสาวเดินทางกลับเมืองไทยโดยเร็ว เพราะทุกคนทางบ้านคิดถึงและเป็นห่วงมาก

 

ในส่วนของการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.ต.อ.ธัชชัย เปิดเผยว่า ขณะนี้เด็กหญิงอยู่ในความดูแลของทางการญี่ปุ่น สามารถปรับตัวได้ดีและปลอดภัย ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้กำชับให้เร่งประสานงานเพื่อนำตัวเด็กกลับประเทศไทยให้เร็วที่สุด คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนในการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายและการสอบสวนขยายผลก่อนส่งตัวกลับคืนสู่ครอบครัว

 

สำหรับทางด้านคดีความ พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า ได้มีการประชุมหารือร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ ไทย ญี่ปุ่น และไต้หวัน โดยขณะนี้แม่ของเด็กถูกจับกุมอยู่ที่ไต้หวันและกระบวนการทางกฎหมายที่นั่นเสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างรอการส่งตัวจากไต้หวันไปให้ทางการญี่ปุ่นสอบปากคำขยายผล เนื่องจากเหตุเกิดที่ญี่ปุ่น

 

ส่วนทางการไทย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนออกหมายจับแม่เด็กเรียบร้อยแล้ว ในข้อหาเป็นธุระจัดหาและการค้ามนุษย์ โดยจะมีการสืบสวนขยายผลเพื่อเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเครือข่ายนี้เพิ่มเติมต่อไป

The post ‘ปวีณา’ พายาย-ป้าเด็กหญิงวัย 12 ปี พบรอง ผบ.ตร. เร่งติดตามคดีแม่พาค้าบริการที่ญี่ปุ่น ตำรวจเผยเด็กปลอดภัย เตรียมรับกลับไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
จเรตำรวจแห่งชาติประชุมร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ ติดตามกรณีหญิงไทยถูกกลุ่มทุนจีนบังคับขายไข่สืบพันธุ์ที่จอร์เจีย เร่งรวบรวมข้อมูลช่วยคนที่เหลือ https://thestandard.co/police-paweena-egg-harvesting/ Sat, 08 Feb 2025 04:04:20 +0000 https://thestandard.co/?p=1039659

วานนี้ (7 กุมภาพันธ์) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปวีณา หง […]

The post จเรตำรวจแห่งชาติประชุมร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ ติดตามกรณีหญิงไทยถูกกลุ่มทุนจีนบังคับขายไข่สืบพันธุ์ที่จอร์เจีย เร่งรวบรวมข้อมูลช่วยคนที่เหลือ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วานนี้ (7 กุมภาพันธ์) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พา 4 หญิงไทยที่ได้รับการช่วยเหลือกลับมาจากประเทศจอร์เจีย เข้าพบ พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

เพื่อให้ข้อมูลการถูกหลอกไปอุ้มบุญ ขายไข่สืบพันธุ์ โดยมีกลุ่มทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง โดยปวีณามอบเอกสารข้อมูลของผู้เสียหายต่อ พล.ต.อ. ธัชชัย และร่วมประชุมกัน

 

พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า กรณีนี้ตำรวจจอร์เจียต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร ส่วนการขยายผลจะให้กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) สืบสวนขยายผลถึงจะตอบได้ว่ากลุ่มขบวนการนี้มีความผิดหรือไม่ อย่างไร แต่ในลักษณะการโฆษณาเชิญชวนให้ไปอุ้มบุญ ขายไข่สืบพันธุ์ เข้าข่ายมีความผิดอยู่แล้ว และต้องพิจารณาว่าขอบเขตอำนาจในการสอบสวนอยู่นอกราชอาณาจักรหรือไม่

 

ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสียหายที่สามารถช่วยกลับมาจากประเทศจอร์เจียจะไม่ถือว่ามีความผิดอะไร ในลักษณะนี้คนไทยต้องช่วยคนไทยด้วยกัน และในโอกาสนี้ขอให้ทางปวีณาช่วยประชาสัมพันธ์ให้สังคมรับทราบว่าการไปขายไข่มีความสุ่มเสี่ยง ไม่มีหน่วยงานใดรับรองว่าจะได้ค่าตอบแทนตามที่ตกลงกัน เรื่องแบบนี้ต้องไม่ให้ใครตกเป็นเหยื่ออีก เรื่องนี้ ปคม. รับดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนตำรวจกองการต่างประเทศจะประสานทางการจอร์เจียต่อไป

The post จเรตำรวจแห่งชาติประชุมร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ ติดตามกรณีหญิงไทยถูกกลุ่มทุนจีนบังคับขายไข่สืบพันธุ์ที่จอร์เจีย เร่งรวบรวมข้อมูลช่วยคนที่เหลือ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปวีณา-พมจ.สมุทรปราการ เข้าช่วยเหลือหญิงเร่ร่อน กินนอนที่สนามบินสุวรรณภูมินาน 2 เดือน อ้างรอแม่มารับ https://thestandard.co/suvarnabhumi-airport-homeless/ Sat, 22 Oct 2022 07:20:07 +0000 https://thestandard.co/?p=698714 หญิงเร่ร่อน

วันนี้ (22 ตุลาคม) สืบเนื่องจากกรณีที่ตำรวจรถไฟฟ้า แอร์ […]

The post ปวีณา-พมจ.สมุทรปราการ เข้าช่วยเหลือหญิงเร่ร่อน กินนอนที่สนามบินสุวรรณภูมินาน 2 เดือน อ้างรอแม่มารับ appeared first on THE STANDARD.

]]>
หญิงเร่ร่อน

วันนี้ (22 ตุลาคม) สืบเนื่องจากกรณีที่ตำรวจรถไฟฟ้า แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สุวรรณภูมิ แจ้งไปที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หลังพบเห็นหญิงเร่ร่อนรายหนึ่งมีพฤติกรรมพักอาศัยอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่อาคารผู้โดยสารสนามบินชั้น 1 ประตู 4 เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน 

 

หลังรับเรื่อง ปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานไปยัง วรรณภา สุขคง เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) สมุทรปราการ, ชรินทร์ ขาวสุด ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสมุทรปราการ ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที

 

หลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ให้การช่วยเหลือหญิงรายดังกล่าว ซึ่งลักษณะที่พบร่างกายซูบผอม และเดินขอข้าว ขอเงินจากผู้โดยสาร

 

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง หญิงรายดังกล่าวให้ข้อมูลวกวน ไม่สามารถบอกที่พักอาศัยและข้อมูลของญาติได้ อ้างว่าแม่ให้มารออยู่ที่สนามบินหลังจากกลับมาจากเที่ยวที่ต่างประเทศ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามบินให้ข้อมูลว่า หญิงรายดังกล่าวมีพฤติกรรมเดินขอเงินผู้โดยสาร และไปขโมยของที่ร้านสะดวกซื้อ 

 

จากนี้ พมจ.สมุทรปราการ และศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดสมุทรปราการ จะดูแลและคุ้มครองสวัสดิภาพตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง 2557 ระหว่างรอการประสานติดตามหาญาติและให้การช่วยเหลือตามกระบวนการต่อไป

The post ปวีณา-พมจ.สมุทรปราการ เข้าช่วยเหลือหญิงเร่ร่อน กินนอนที่สนามบินสุวรรณภูมินาน 2 เดือน อ้างรอแม่มารับ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชัชชาติจับมือปวีณาหาเสียงสายไหม-บางเขน ชูนโยบายบริหารจัดการดี ‘โปร่งใส ไม่ส่วย ไม่เส้น’ ย้ำคอร์รัปชันใน กทม. ต้องเป็นศูนย์ https://thestandard.co/bkk-election-2022-chatchat-paweena/ Wed, 27 Apr 2022 04:30:37 +0000 https://thestandard.co/?p=621969 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

วันนี้ (27 เมษายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครรับเลือก […]

The post ชัชชาติจับมือปวีณาหาเสียงสายไหม-บางเขน ชูนโยบายบริหารจัดการดี ‘โปร่งใส ไม่ส่วย ไม่เส้น’ ย้ำคอร์รัปชันใน กทม. ต้องเป็นศูนย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

วันนี้ (27 เมษายน) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 8 ลงพื้นที่หาเสียงเขตสายไหมและบางเขนพร้อมกับ ปวีณา หงสกุล พบปะประชาชนและรับฟังปัญหาในพื้นที่ เช่น ปัญหาสัตว์จรจัดในวัดเกาะสุวรรณาราม จากนั้นขึ้นขบวนรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมปวีณาหาเสียงจากซอยวัดเกาะไปตลาดยิ่งเจริญ พร้อมสำรวจแนวทางจัดการขยะและน้ำเสียของตลาดด้วย

 

โดยชัชชาติกล่าวว่า ตลาดยิ่งเจริญเป็นตัวอย่างการจัดการปัญหาขยะและน้ำเสียตั้งแต่ต้นทาง กทม. ต้องเข้ามาดูแลเรื่องขยะและน้ำเสีย สามารถเริ่มต้นจากตลาดเป็นพื้นที่นำร่อง เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตขยะและน้ำเสียจำนวนมาก โดยวางมาตรการการคัดแยกขยะในพื้นที่ตลาดของ กทม. และเอกชน พร้อมจัดการระบบบำบัดน้ำเสียให้ทันสมัยและได้มาตรฐาน 

 

นอกจากนี้ชัชชาติยังย้ำความสำคัญของนโยบาย ‘บริหารจัดการดี’ ซึ่งเป็นหัวใจของนโยบายพัฒนา กทม. ให้เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน โดยเฉพาะแนวคิด ‘โปร่งใส ไม่ส่วย ไม่เส้น’ คือมุ่งจัดการปัญหาคอร์รัปชันภายใน กทม. อย่างจริงจัง มีมาตรการตรวจสอบและลงโทษผู้ที่กระทำความผิดทั้งในระดับผู้บริหารและระดับปฏิบัติการ พร้อมพัฒนาระบบติดตามการขออนุญาตต่างๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าพนักงาน 

 

“ข้าราชการ กทม. ต้องหันหลังให้ผู้ว่าฯ และหันหน้าให้ประชาชน ข้าราชการ กทม. ต้องเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เราต้องเป็นผู้ว่าฯ สัญจร ขณะที่ผู้อำนวยการเขต รองผู้ว่าฯ และทีมงานเจ้าหน้าที่ ต้องลงไปดูปัญหาประชาชนและแก้ไขปัญหา ต้องเปลี่ยนวิธีคิด ต้องกระจายอำนาจ และฟังประชาชนให้เยอะ สิ่งเหล่านี้จริงๆ แล้วมันทำได้เลย ไม่ต้องรองบประมาณ เพราะมันคือเรื่องประจำวันอยู่แล้ว ผมคิดว่าอันนี้ 100 วันแรกจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เลย” ชัชชาติกล่าว

 

ชัชชาติยังได้กล่าวเพิ่มเติมถึงปัญหาเรื่องส่วยของเทศกิจว่า การเก็บส่วยของเทศกิจต้องเป็นศูนย์ และตนจะไม่อดทนต่อการทุจริตคอร์รัปชัน หากจับได้จะต้องมีการลงโทษอย่างรุนแรง ข้าราชการและลูกจ้าง กทม. ต้องไม่เอาเปรียบประชาชน รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งต้องโปร่งใส เพื่อจัดการกับต้นตอของปัญหา มองว่าการจัดการปัญหาดังกล่าวไม่ใช่เรื่องยากและสามารถดำเนินการได้ทันที

The post ชัชชาติจับมือปวีณาหาเสียงสายไหม-บางเขน ชูนโยบายบริหารจัดการดี ‘โปร่งใส ไม่ส่วย ไม่เส้น’ ย้ำคอร์รัปชันใน กทม. ต้องเป็นศูนย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
มองย้อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 9 ปี ศึกชิงเมืองกรุงภายใต้การเมือง 2 พรรคใหญ่ ฝ่ายค้าน vs. รัฐบาล https://thestandard.co/9-years-history-of-bangkok-governor-election/ Mon, 28 Mar 2022 08:34:57 +0000 https://thestandard.co/?p=611275 มองย้อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 9 ปี ศึกชิงเมืองกรุงภายใต้การเมือง 2 พรรคใหญ่ ฝ่ายค้าน vs. รัฐบาล

ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) […]

The post มองย้อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 9 ปี ศึกชิงเมืองกรุงภายใต้การเมือง 2 พรรคใหญ่ ฝ่ายค้าน vs. รัฐบาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
มองย้อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 9 ปี ศึกชิงเมืองกรุงภายใต้การเมือง 2 พรรคใหญ่ ฝ่ายค้าน vs. รัฐบาล

ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ปี 2547 จำนวนผู้มาใช้สิทธิคือ 2,472,486 คน คิดเป็นร้อยละ 62.5 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 3,955,855 คน

 

ครั้งนั้น อภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครหน้าใหม่ เบอร์ 1 จากพรรคประชาธิปัตย์ คว้าชัยด้วย 911,441 คะแนน ชนะอันดับ 2 คือ ปวีณา หงสกุล เบอร์ 7 คู่แข่งสำคัญที่ถูกมองว่าได้รับการสนับสนุนจากพรรคฝั่งรัฐบาลไทยรักไทยเวลานั้น ได้ 619,039 คะแนน และอันดับ 3 คือ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนกรุงถึง 334,168 คะแนน ในสนามนี้ยังมีผู้สมัครที่ได้เสียงเกิน 100,000 คะแนน อีก 3 คน คือ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง, ร.ต.อ. นิติภูมิ นวรัตน์ และ พิจิตต รัตตกุล 

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 


 

หลังจบการเลือกตั้งครั้งนี้ ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้สำรวจในเรื่อง ผู้ว่าฯ คนใหม่ของชาวกรุงเทพฯ ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 1 กันยายน 2547 


ต่อคำถามเรื่อง เหตุผลในการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม. นั้น กลุ่มเป้าหมายที่เลือก อภิรักษ์ โกษะโยธิน ร้อยละ 27.2 ตอบว่าเลือกเพราะชื่นชอบในนโยบายและทีมงาน ร้อยละ 17.8 ชอบที่เป็นคนหนุ่มไฟแรง ขณะที่ร้อยละ 6.6 ตอบว่าเลือกเพราะชอบพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 4.2 ตอบว่าต้องการให้มาถ่วงดุลอำนาจรัฐบาล

 

ส่วนกลุ่มเป้าหมายที่เลือก ปวีณา หงสกุล มีเหตุผลหลักๆ คือ ชื่นชอบผลงานในอดีตที่ทำงานเพื่อส่วนรวม (ร้อยละ 35.6)  รองลงมาคือ ต้องการให้โอกาสผู้หญิงได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. (ร้อยละ 23.1) 

 

ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ยังได้นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจสำหรับการวิจัยครั้งนี้คือ สาเหตุที่ ปวีณา หงสกุล ไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. นั้น กลุ่มตัวอย่างถึงร้อยละ 46.5 เชื่อว่าเป็นผลมาจากข่าวที่ว่ามีพรรคไทยรักไทยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

 

อย่างไรก็ดี ชัยชนะอย่างเป็นทางการของการส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ในรอบ 29 ปี นับตั้งแต่ปี 2518 นั้นไม่ใช่การชนะในทุกเขตเลือกตั้ง แม้ว่าเขตชั้นในอย่างพระนคร, ป้อมปราบศัตรูพ่าย, ปทุมวัน, สัมพันธวงศ์, บางรัก, ยานนาวา, สาทร และบางคอแหลม จะชนะขาดลอย แต่ยังมีมากกว่าสิบเขตที่ไม่ได้ทิ้งห่างอันดับสองมากนักอย่างบางกะปิ, ลาดพร้าว, วังทองหลาง, บึงกุ่ม, สวนหลวง, วัฒนา, ดินแดง, จตุจักร, จอมทอง, คลองสาน, ธนบุรี, บางกอกน้อย, บางแค และทวีวัฒนา

 

ในขณะที่มีถึง 5 เขตที่ปวีณาชนะขาดลอย ได้แก่ บางเขน, ดอนเมือง, หนองจอก, สายไหม และลาดกระบัง ซึ่งปัจจุบันก็ยังดูเป็นเขตหลักของเจ้าแม่เมืองหลวง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อยู่ด้วย 

 

แต่การเลือกตั้งสมัยต่อมา ในปี 2551 อภิรักษ์ โกษะโยธิน นอกจากจะรักษาเก้าอี้เจ้าพ่อเมืองกรุงไว้ได้ด้วยคะแนนเสียง 991,018 คะแนน จากจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิร้อยละ 54.18 % ทิ้งห่าง ประภัสร์ จงสงวน จากพรรคพลังประชาชน (ก่อนจะถูกยุบพรรค และปัจจุบันเป็นพรรคเพื่อไทย) ที่ได้ 543,488 คะแนน และ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ได้ 340,616 คะแนน ซึ่งในเวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) อยู่ถึง 34 คน จาก 57 คน ส่วนพรรคไทยรักไทยมี 19 คน และมีสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร (ส.ข.) พรรคประชาธิปัตย์ 204 คน พรรคไทยรักไทย 138 คน จากทั้งหมด 357 คน 

 

ในการเลือกตั้งสมัยที่ 2 นี้ แคนดิเดตจากประชาธิปัตย์ยังได้คะแนนชนะเป็นอันดับ 1 ในทุกเขตเลือกตั้ง เกือบทุกเขตทิ้งห่างขาดลอย มีเขตที่ชนะไม่ขาดลอยเพียง 3 เขต ได้แก่ สายไหม ดอนเมือง ที่ห่างกันประมาณ 3,000 คะแนน และดุสิตที่ห่างกันประมาณ 1,600 คะแนน

 

ในปี 2552 มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อีกครั้ง เมื่อ อภิรักษ์ โกษะโยธิน ลาออก หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดในคดีจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง ซึ่งประชาธิปัตย์ส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร มาลงเลือกตั้งรักษาเก้าอี้ให้พรรคไว้ได้ แต่ในคราวนี้ประชาธิปัตย์ก็ถูกเจาะพื้นที่ได้ถึง 4 เขต ได้แก่ ดุสิต, ดอนเมือง, สายไหม และลาดกระบัง

 

แต่ในศึกสำคัญที่ชนกันระหว่างสองพรรคอย่างชัดเจนที่สุดคือ การเลือกตั้งในปี 2556 ที่พรรคเพื่อไทยส่ง พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ แม้จะพ่ายแพ้ แต่เพื่อไทยก็เอาชนะได้ถึง 11 เขต โดยในเวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์มี ส.ข. ถึง 210 ที่นั่ง จากทั้งหมด 256 ที่นั่ง และมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อีก 23 คน จาก 33 เขต ใน กทม. 

 

ที่สำคัญการเลือกตั้งเชิงสัญญะครั้งนี้มีผู้มาใช้สิทธินับว่ามากที่สุดคือ ร้อยละ 63.98 ซึ่งต้องไม่ลืมว่าอัตราผู้มาใช้สิทธิที่เกิน 60% นั้นมีแค่ 2 ครั้งเท่านั้น โดยครั้งแรกคือ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปี 2547 ส่วนครั้งอื่นๆ ที่เกินร้อยละ 50 ก็มีเพียง 2 ครั้ง และเกินร้อยละ 40 อีก 1 ครั้ง ที่เหลือก็ต่ำกว่าร้อยละ 40 ทั้งสิ้น 

 

แม้ชัยชนะครั้งนี้ยังเป็นของประชาธิปัตย์ แต่ก็เรียกได้ว่าชนะแบบหืดขึ้นคอ ด้วยคะแนนระหว่าง 1,256,349 ต่อ 1,077,899 ประชาธิปัตย์ถูกเพื่อไทยเจาะพื้นที่เพิ่มจากการเลือกตั้งปี 2552 ถึง 7 เขต โดยมีถึง 5 เขตที่เพื่อไทยชนะขาดลอย ได้แก่ ดุสิต, บางเขน, ดอนเมือง, สายไหม และลาดกระบัง 

 

ส่วนอีก 6 เขตที่ยังไม่ห่างมาก ได้แก่ หลักสี่, บางซื่อ, คลองสามวา, คันนายาว, หนองจอก และหนองแขม และยังมีอยู่ 3 เขตที่หายใจรดต้นคอคือ ภาษีเจริญ, ราษฎร์บูรณะ และตลิ่งชัน ที่ก็ห่างกันไม่ถึงพันคะแนนด้วย ซึ่งการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ก็เป็นที่ชัดเจนว่าไม่ใช่การเลือกเพื่อหาคนเข้ามาทำงาน ทีมรองผู้ว่าฯ จึงไม่ได้ถูกนำเสนอเท่าที่ควรอีกเช่นเคย 

 

สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 ยังไม่มีแคนดิเดตรายไหนเปิดตัวทีมรองผู้ว่าฯ โดยมีเปิดให้เห็นกันบ้างแล้วถึงทีมงานและเครือข่ายสนับสนุน

 

ต้องติดตามกันต่อไปว่าเสียงส่วนใหญ่ของคนกรุงครั้งนี้จะเลือกผู้ว่าฯ อยู่บนฐานคิดแบบไหน และผู้สมัครอิสระหรือสังกัดพรรคจะคว้าชัยในสนามเลือกตั้งรอบนี้

 

เกาะติดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ Facebook: THE STANDARD

The post มองย้อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 9 ปี ศึกชิงเมืองกรุงภายใต้การเมือง 2 พรรคใหญ่ ฝ่ายค้าน vs. รัฐบาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ซูเปอร์โพลเผย ‘ตูน บอดี้สแลม’ คว้าบุคคลแห่งปี ด้านช่วยเหลือสังคม – ‘ประวิตร’ แก้ปากท้อง – ‘หมอยง’ คว้าหมอแห่งปี https://thestandard.co/super-poll-good-people-of-society-of-2021/ Sun, 26 Dec 2021 10:45:36 +0000 https://thestandard.co/?p=576083 คนดีของสังคมแห่งปี 2564

วันนี้ (26 ธันวาคม) ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนัก […]

The post ซูเปอร์โพลเผย ‘ตูน บอดี้สแลม’ คว้าบุคคลแห่งปี ด้านช่วยเหลือสังคม – ‘ประวิตร’ แก้ปากท้อง – ‘หมอยง’ คว้าหมอแห่งปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
คนดีของสังคมแห่งปี 2564

วันนี้ (26 ธันวาคม) ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (Super Poll) เสนอผลสำรวจ เรื่อง บุคคลของสังคมแห่งปี 2564 ในใจประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,124 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 21-25 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา

 

คนดีของสังคมแห่งปี 2564 ที่มีบทบาทสำคัญช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ด้อยโอกาส ระดมทุนบริจาคเพื่อความดีส่วนรวมของสังคม พบ 3 อันดับแรก ได้แก่

 

อันดับที่ 1 ตูน บอดี้สแลม อาทิวราห์ คงมาลัย ร้อยละ 44.1 เพราะเป็นผู้จุดกระแสการช่วยเหลือ/แบ่งปันจากคนทุกระดับ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่า ‘คนไทยไม่ทิ้งกัน’ ไม่หวั่นไหวในการทำความดี ช่วยเหลือผู้อื่น ยอมเสียสละทั้งแรงกายและแรงใจ

 

อันดับที่ 2 ได้แก่ ปวีณา หงสกุล ร้อยละ 29.4 เพราะเป็นผู้ที่ช่วยเหลือผู้หญิงและเด็ก ด้านกฎหมาย ด้านการเงิน จุดประเด็นปัญหาสังคมให้เป็นประเด็นสาธารณะ และนำไปสู่การแก้ไข จนเกิดภาพจำว่า ‘แม่พระคนยาก โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก’ เธอทำงานด้านนี้อย่างต่อเนื่อง เสมอต้นเสมอปลาย

 

และอันดับที่ 3 ได้แก่ บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ร้อยละ 25.9 เพราะช่วยเหลือคนยากคนจน ผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยที่ผ่านมามีผลงานลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้คนจนเข้าตากรรมการ ได้ใจเพราะคำพูดที่แรงแต่ตรง จนเกิดภาพจำ นางฟ้าขาลุย ไม่หวั่นไหวจากคำปรามาสของผู้อื่น ตั้งมั่นว่าการทำความดีจากความตั้งใจมั่นคือความงามของคนในสังคม

 

ส่วนคุณหมอของสังคมแห่งปี ช่วยวิกฤตโควิด พบ 3 อันดับแรก ได้แก่

 

อันดับที่ 1 หมอยง ภู่วรวรรณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร้อยละ 39.9 เพราะเป็นแพทย์คนแรกที่ออกมาทำให้สังคมไทยรู้และเข้าใจเรื่องโควิดและวัคซีน ส่งผลให้ประชาชนดูแลตนเองให้ปลอดภัยและเปลี่ยนจากความตระหนกเป็นความตระหนัก

 

อันดับที่ 2 ได้แก่ หมอเหรียญทอง แน่นหนา โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ร้อยละ 36 เพราะเป็นแพทย์ในกลุ่มต้นๆ ที่ออกตัวช่วยเหลือประชาชนผู้ติดเชื้อโควิดและจัดสรรพื้นที่ให้ผู้ป่วยหนัก รวมถึงได้ภาพจำของนายแพทย์ผู้ปกป้องรักษาสถาบันหลักของชาติ คนจริงพูดตรงไม่กลัวใคร

 

และอันดับที่ 3 ได้แก่ หมอนิธิ มหานนท์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ร้อยละ 22.2 เพราะเป็นหมอที่ช่วยบริหารจัดการและคลี่คลายสถานการณ์เรื่องวัคซีนโควิด ที่อธิบายเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่าย เช่น วิธีการจัดคิวการรับวัคซีนที่ไม่ซ้ำซ้อนกับทางราชการและช่วยเหลือคนเดือดร้อนชายขอบได้จริง เช่น คนงานต่างด้าว และทำให้การนำเข้าวัคซีนมีความคิดที่ชัดเจนและพูดตรงจากความรอบรู้ทางการแพทย์และการบริหารจัดการที่ดี

 

นอกจากนี้บุคคลแห่งปีที่ช่วยเหลือแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนและปัญหาสังคม หนี้นอกระบบ ที่ดินทำกิน แหล่งน้ำ และอื่นๆ ลดความเดือดร้อนปัญหาปากท้องของประชาชน พบ 3 อันดับแรก ได้แก่

 

อันดับที่ 1 พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและรองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 40 เพราะเป็นรองนายกฯ ที่ดูแลใส่ใจแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยเฉพาะความเดือดร้อนทุกข์ยากของคนฐานราก เช่น หนี้นอกระบบ ที่ดินทำกิน ปัญหาค้ามนุษย์

 

อันดับที่ 2 ได้แก่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร้อยละ 36.4 เพราะเรื่องปากท้องเป็นความสำคัญอันดับแรกๆ ของคนทุกระดับ ที่ถูกแก้ปัญหาแบบครบเครื่องทั้งเรื่องเกษตรและพาณิชย์

 

อันดับที่ 3 ได้แก่ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร้อยละ 19.3 เพราะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการออกมาตรการเยียวยาความทุกข์ยากของประชาชนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ที่เข้าใจบริบทสังคม ไม่พูดมาก และทำงานทุ่มเท

 

ด้านบุคคลแห่งปีที่เป็นผู้ใหญ่ ผู้มีบารมีทางการเมือง พบ 3 อันดับแรก ได้แก่

 

อันดับที่ 1 ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ร้อยละ 48.7 เพราะเป็นผู้อาวุโส พี่ใหญ่ทางการเมืองมืออาชีพ เป็นนักกฎหมายที่มีความลุ่มลึกและแม่นระเบียบ จึงคุมเกมในสภาได้อย่างละมุนละม่อม

 

อันดับที่ 2 ได้แก่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและรองนายกรัฐมนตรี ร้อยละ 32.6 เพราะภาพใหญ่ของการเมืองไทยมาจากกลุ่มอิทธิพลทางการเมืองที่หลากหลาย แต่บารมีของ พล.อ. ประวิตรไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เพราะเป็นผู้มีคอนเน็กชันหลายระดับ โดยเฉพาะในกองทัพทุกรุ่น

 

อันดับที่ 3 ได้แก่ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 17.9 เพราะภาพจำมือปราบตงฉิน วีรบุรุษนาแก ที่ยังคงมีผลนำมาใช้ในทางการเมือง ทำการเมืองให้สะอาดเป็นของขวัญปีใหม่ถูกใจประชาชนได้

 

ผศ.ดร.นพดลกล่าวว่า บุคคลแห่งปี 2564 ในผลการศึกษาครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าสังคมไทยส่วนใหญ่ยังเห็นการทำดี ทำประโยชน์ให้สังคมเป็นเรื่องสำคัญที่สังคมไทยยังให้การยอมรับ เห็นคุณค่า และยกย่องเชิดชู เห็นได้จากยังมีคนดีของสังคมที่พยายามผลักดัน ช่วยเหลือสังคมในความสามารถของเขาเองในทุกโอกาส มีคุณหมอที่ทุ่มเทเสียสละเป็นหลักและที่พึ่งของสังคมยามที่ประชาชนสับสน ตื่นตระหนกจากโรคระบาดใหม่ มีผู้ใหญ่ใจดีที่คอยดูแล เป็นที่พึ่งแก้ปัญหาปากท้อง หนี้สินนอกระบบ น้ำและที่ดินทำกินในภาพรวม เพื่อช่วยให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ใกล้เคียงกัน มีคนผู้ใหญ่ที่เป็นหลักของบ้านเมือง คอยดูแลความปลอดภัยส่วนรวมและความสงบเรียบร้อยของสังคม มีนักการเมืองที่เป็นผู้ใหญ่และมีบารมีพอ เป็นที่พึ่งสร้างบรรทัดฐานที่ดีและจริยธรรมทางการเมือง และมีเจ้าสัวที่ได้ประโยชน์จากธุรกิจ ยังพอมีน้ำใจช่วยเหลือจุนเจือสังคมและส่วนรวมในโอกาสต่างๆ

The post ซูเปอร์โพลเผย ‘ตูน บอดี้สแลม’ คว้าบุคคลแห่งปี ด้านช่วยเหลือสังคม – ‘ประวิตร’ แก้ปากท้อง – ‘หมอยง’ คว้าหมอแห่งปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
อีสานโพลเผยผลสำรวจครึ่งปี 28.3% ยก ‘คุณหญิงสุดารัตน์’ เป็นนักการเมืองแห่งปี https://thestandard.co/e-saan-poll/ Sat, 03 Aug 2019 12:21:02 +0000 https://thestandard.co/?p=276029 สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

เมื่อวานนี้ (2 ส.ค.) อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธ […]

The post อีสานโพลเผยผลสำรวจครึ่งปี 28.3% ยก ‘คุณหญิงสุดารัตน์’ เป็นนักการเมืองแห่งปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

เมื่อวานนี้ (2 ส.ค.) อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เผยผลสำรวจเรื่อง ‘เก็บคะแนนรางวัลแห่งปีของคนอีสานครึ่งปีแรก 2562’ โดยการสำรวจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนอีสานเกี่ยวกับบุคคล องค์กร และผลงานที่มีความโดดเด่นที่สุดแห่งปี ในสาขาต่างๆ 15 รางวัล โดยสำรวจระหว่างวันที่ 27-29 กรกฎาคม 2562 จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,057 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน โดยผลสำรวจเบื้องต้นมีดังนี้

 

นักการเมือง/ผู้บริหารภาครัฐแห่งปี

  1. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 28.3
  2. ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ร้อยละ 26.6
  3. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 11.9
  4. อื่นๆ ร้อยละ 25.8

ส่วนร้อยละ 7.4 เห็นว่ายังไม่มีผู้เหมาะสม

 

ผู้บริหารภาคเอกชนแห่งปี

  1. ธนินท์ เจียรวนนท์ ร้อยละ 16.2
  2. ปัญญา นิรันดร์กุล ร้อยละ 13.4
  3. ตัน ภาสกรนที ร้อยละ 9.2
  4. อื่นๆ ร้อยละ 23.7

ส่วนร้อยละ 37.5 เห็นว่ายังไม่มีผู้เหมาะสม

 

นักเคลื่อนไหวเพื่อสังคมแห่งปี/NGO แห่งปี

  1. อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน บอดี้สแลม) ร้อยละ 37.9
  2. บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ร้อยละ 11.5
  3. ปวีณา หงสกุล ร้อยละ 10
  4. อื่นๆ ร้อยละ 17.8

 

สถานีโทรทัศน์แห่งปี

  1. ไทยทีวีสีช่อง 3 ร้อยละ 44.4
  2. ช่อง 7 ร้อยละ 27.6
  3. ช่อง Workpoint ร้อยละ 8.0
  4. อื่นๆ ร้อยละ 19.8

ส่วนร้อยละ 0.2 เห็นว่ายังไม่มีที่เหมาะสม

 

หนังสือพิมพ์/เว็บไซต์ข่าวแห่งปี

  1. ไทยรัฐ ร้อยละ 45.8
  2. เดลินิวส์ ร้อยละ 9.5
  3. มติชน ร้อยละ 7.1
  4. อื่นๆ ร้อยละ 37.7

ส่วนร้อยละ 6.9 เห็นว่ายังไม่มีที่เหมาะสม

 

ละครจอแก้วแห่งปี

  1. กลิ่นกาสะลอง ช่อง 3 ร้อยละ 23.4
  2. ผู้บ่าวอินดี้ ยาหยีอินเตอร์ ช่อง 7 ร้อยละ 14.1
  3. กรงกรรม ช่อง 3 ร้อยละ 13.8
  4. อื่นๆ ร้อยละ 41.7

ส่วนร้อยละ 7.0 เห็นว่ายังไม่มีที่เหมาะสม

 

พระเอกแห่งปี

  1. เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ ร้อยละ 26.8
  2. เจมส์ มาร์ ร้อยละ 12.6
  3. มาริโอ้ เมาเร่อ ร้อยละ 11.2
  4. อื่นๆ ร้อยละ 47.7

ส่วนร้อยละ 1.7 เห็นว่ายังไม่มีผู้เหมาะสม

 

นางเอกแห่งปี

  1. ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ร้อยละ 30.0
  2. เบลล่า-ราณี แคมเปน ร้อยละ 16.6
  3. คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส ร้อยละ 6.4
  4. อื่นๆ ร้อยละ 45.7

ส่วนร้อยละ 1.3 เห็นว่ายังไม่มีผู้เหมาะสม

 

ทั้งนี้ยังมีการเผยผลสำรวจในสาขาอื่นๆ อีกมากมายรวม 15 สาขา ซึ่งสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘อีสานโพล’

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

The post อีสานโพลเผยผลสำรวจครึ่งปี 28.3% ยก ‘คุณหญิงสุดารัตน์’ เป็นนักการเมืองแห่งปี appeared first on THE STANDARD.

]]>