หากคุณยังจำคลิปวิดีโอไวรัลจากหลายค่ายที่แสดงภาพขยะจำนวนมหาศาลในท้องทะล หรือภาพสัตว์ทะเลต่างๆ ที่ล้วนล้มตายด้วยขยะพลาสติก ในบรรดาขยะทั้งหมด หลอดพลาสติกและถุงพลาสติกคือ ตัวการร้ายที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมหาศาล เพราะซื้อขายง่าย เป็นที่นิยม ย่อยสลายช้า ทว่า เล็ดลอดเข้าสู่มหาสมุทรได้รวดเร็ว เมื่อกระแสรักษ์โลกกำลังมา ผู้คนต่างตระหนักถึงภัยชนิดนี้มากขึ้น เหล่าผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวจึงขอร่วมวง ลด ละ เลิกใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง และ THE STANDARD เห็นว่านักเดินทางทั้งหลายควรสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง

1. Six Senses Hotels Resorts & Spas

Six Senses เป็นแบรนด์หนึ่งที่ประกาศตั้งแต่แรกแล้วว่า สนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นตลอดระยะเวลา 15 ปี รีสอร์ตทั้งหมดในเครือไม่บรรจุน้ำใส่ขวดพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งเสิร์ฟแก่ลูกค้าเลย จะใส่ขวดแก้วหรือภาชนะใส่น้ำแบบรียูส เพื่อลดการสร้างขยะ ทั้งยังสั่งห้ามใช้หลอดพลาสติกใน Six Senses Zighy Bay ที่ประเทศโอมานด้วย

2. Hilton

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2018 Hilton ประกาศงดใช้หลอดพลาสติกทั้ง 650 พร็อพเพอร์ตี้ทั้งโลกภายในสิ้นปีนี้ พร้อมปรับนโยบายแบรนด์เสียใหม่ ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดภายในครึ่งปีแรกของปี 2030

3. Four Seasons Hotels & Resorts

แบรนด์โรงแรมหรูที่อยู่คู่นักเดินทางมามากกว่าครึ่งศตวรรษ ออกมาแสดงเจตจำนงว่า ตนเองจะร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม โดยยกเลิกให้บริการหลอดพลาสติกแก่แขกโรงแรมและรีสอร์ตในเครือทั้งหมด 110 แห่งทั่วโลก ภายในสิ้นปี 2018

4. AccorHotels

AccorHotels กลุ่มธุรกิจโรงแรมระดับโลกสัญชาติฝรั่งเศส ขอร่วมลดขยะในเฟสแรก ด้วยการแบนหรือห้ามใช้หลอดพลาสติกในพร็อพเพอร์ตี้ 125 แห่งในสหราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา

5. Anantara and AVANI Hotels & Resort

ทางด้านแบรนด์ไทยก็ไม่น้อยหน้า Anantara and AVANI Hotels & Resort กลุ่มโรงแรมในเครือไมเนอร์ กรุ๊ป ประกาศงดใช้หลอดพลาสติกในโรงแรมและรีสอร์ตที่ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2018 และบางแห่งยังทดลองใช้หลอดน้ำที่ทำจากไม้ไผ่หรือวัสดุท้องถิ่นทดแทนด้วย

6. Marriott International

เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2018 ทาง Marriott International ออกมาแสดงตนว่า โรงแรมและรีสอร์ตในเครือ 6,500 แห่งทั่วโลก จะไม่ให้บริการหลอดพลาสติกภายในโรมแรมภายในกรกฎาคม 2019 และยังทยอยเปลี่ยนเครื่องประทินผิว ยาสระผม สบู่เหลว โลชั่น ฯลฯ จากขวดพลาสติกขนาดเล็ก เป็นภาชนะอื่นแบบถาวรในโรงแรมและรีสอร์ต 1,500 แห่งในภูมิภาคอเมริกาเหนือ

7. Hyatt

Hyatt เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่กล่าวว่า พวกเราวางแผนงดใช้หลอดและขวดน้ำพลาสติก ในทุกพร็อพเพอร์ตี้ในเครือ โดยเริ่มเดือนกันยายน 2018

8. Uniworld

Uniworld แบรนด์ครุยส์ล่องแม่น้ำสัญชาติอเมริกัน สั่งแบนหลอดและขวดน้ำพลาสติกออกจากเรือทุกลำ โดยให้คำมั่นสัญญาว่า จะกำจัดการใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งให้หมดไปภายในปี 2022

9. Royal Caribbean

Royal Caribbean กลุ่มเรือสำราญอันดับต้นของโลก ตั้งใจงดใช้หลอดพลาสติกบนเรือทุกลำภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเอาหลอดกระดาษมาใช้งานแทน และพวกเขาอาจใช้หลอดที่ผลิตจากวัสดุอื่น เช่น ไม้ไผ่ หรืออาจงดใช้หลอดทุกชนิดเลยในอนาคต

10. Edition Hotels

หนึ่งในโรงแรมในเครือมาริออต วางแผนที่จะงดใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งทุกชนิดในทุกโรงแรม 11 แห่งในปี 2019

นี่คือ 10 แบรนด์ผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ออกมาสนับสนุนการลดใช้พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง เราเองที่เป็นนักเดินทางก็อย่าลืมสนับสนุนการคิดดีทำดีนี้ อย่างน้อยการพักผ่อนของคุณในครั้งนี้ก็ช่วยลดขยะได้ดีกว่าครั้งไหน หรือถ้าให้ดี ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ถุงและหลอดพลาสติกในชีวิตประจำวัน ลด ละ เลิกบ้าง ใช้ถุงผ้า หรือดื่มน้ำจากแก้วโดยตรงบ้าง เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้สามารถช่วยโลกเราได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน

ภาพประกอบ: Pantitra H.

The post 10 แบรนด์ท่องเที่ยวที่ประกาศเลิกใช้ ‘พลาสติกแบบใช้แล้วทิ้ง’ และเราควรสนับสนุน appeared first on THE STANDARD.

ผลการวิจัยของคณะนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยรัฐนิวยอร์กในเมืองฟรีโดเนีย พบว่า น้ำดื่มบรรจุขวดมากถึง 93% มีการปนเปื้อนอนุภาคพลาสติกขนาดเล็ก

คณะนักวิจัยในโครงการของ Orb Media ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ได้รวบรวมตัวอย่างน้ำดื่มบรรจุขวด 11 ยี่ห้อ จำนวน 259 ขวด ใน 9 ประเทศ ได้แก่ ไทย สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย บราซิล อินโดนีเซีย เม็กซิโก เลบานอน และเคนยา ซึ่งผลการตรวจวิเคราะห์พบว่า โดยเฉลี่ยน้ำดื่มแต่ละขวดจะมีไมโครพลาสติกปนเปื้อนปริมาณ 325 อนุภาคต่อลิตร มีเพียง 17 ขวดจากทั้งหมด 259 ขวดเท่านั้นที่ปราศจากการเจือปนของพลาสติก

สำหรับยี่ห้อน้ำดื่มที่นำมาเป็นตัวอย่างวิเคราะห์ในงานวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย Aqua, Aquafina, Bisleri, Dasani, Epura, Evian, Gerolsteiner, Minalba, Nestlé Pure Life, San Pellegrino และ Wahaha

สำหรับวิธีการศึกษานั้น นักวิทยาศาสตร์ได้ใช้เทคนิค Nile Red ในการย้อมสีอนุภาควัตถุขนาดเล็กเพื่อให้เรืองแสงในน้ำจนเห็นได้ชัด โดยสีย้อมดังกล่าวจะยึดจับผิวเศษพลาสติก แต่ไม่จับสสารทางธรรมชาติส่วนใหญ่

และเมื่อแยกวิเคราะห์ตัวอย่างด้วยเทคนิค Infrared Spectroscopy เพื่อหาเศษพลาสติกที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่กว่า 100 ไมครอนขึ้นไป หรือมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางพอๆ กับเส้นผมมนุษย์ พบว่าน้ำดื่มบางขวดมีระดับความหนาแน่นของอนุภาคพลาสติกสูงถึง 10,000 อนุภาคต่อลิตร และเฉลี่ย 10 อนุภาคต่อลิตรจากจำนวนตัวอย่างทั้งหมด

ส่วนอนุภาคที่เล็กกว่า 100 ไมครอนลงไปจนถึง 6.5 ไมครอน พบว่ามีในน้ำดื่มเฉลี่ย 325 อนุภาคต่อลิตร โดย 4% เป็นอนุภาคที่พบในสารหล่อลื่นของภาคอุตสาหกรรม

สำหรับไมโครพลาสติกที่พบในน้ำดื่มบรรจุขวดส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของเศษพลาสติกขนาดเล็ก (66%) รองลงมาคือเส้นใย ส่วนสัดส่วนชนิดของพลาสติกที่พบแบ่งเป็นโพลิโพรพิลีน (ซึ่งใช้ในฝาขวด) 54%, ไนลอน 16%, โพลิสไตรีน 11%, โพลิเอทิลีน 10%, โพลิเอสเตอร์/โพลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต 6% และอื่นๆ 3%

นอกจากนี้รายงานยังระบุด้วยว่า ไมโครพลาสติกที่พบในน้ำดื่มบรรจุขวดจะมีปริมาณมากกว่าที่พบในน้ำประปาถึงประมาณ 2 เท่า ส่วนสาเหตุของการปนเปื้อนของอนุภาคพลาสติกส่วนหนึ่งอาจมาจากกระบวนการบรรจุขวด หรือมาจากตัวขวดและฝาขวด  

ศาสตราจารย์เชอร์รี เมสัน อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีแห่งมหาวิทยาลัยรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่างานวิจัยชิ้นนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อเจาะจงยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ แต่จะแสดงให้เห็นว่าพลาสติกเป็นสิ่งที่กระจายอยู่รอบตัวเรา แม้แต่ในน้ำดื่มที่เราบริโภคอยู่ทุกๆ วัน

ศาสตราจารย์เมสันระบุว่าตัวเลขที่เห็นนี้ไม่ใช่ความหายนะก็จริง แต่ก็เป็นสิ่งที่น่าวิตกกังวล แม้ยังไม่มีหลักฐานบ่งชัดว่าการบริโภคไมโครพลาสติกขนาดเล็กมากเข้าไปในร่างกายจะมีอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์อย่างไร

“สำหรับความเสี่ยงนั้นจะมีตั้งแต่โอกาสเป็นมะเร็งบางชนิดไปจนถึงการเพิ่มภาวะโรคสมาธิสั้นและออทิซึม” ศาสตราจารย์เมสันกล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนแนะนำว่า สำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่มีสารมลพิษปนเปื้อนในน้ำประปาในปริมาณสูง การดื่มน้ำบรรจุขวดที่ผ่านกรรมวิธีที่ได้มาตรฐานอาจมีความปลอดภัยกว่า

ถึงแม้งานวิจัยดังกล่าวยังไม่ได้รับการประเมินโดยนักวิจัยระดับเดียวกันและตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ แต่ผู้เชี่ยวชาญในสาขาหลายคนระบุว่าผลการศึกษาชิ้นนี้มีความน่าเชื่อถือสูง โดย ดร.แอนดรูว์ เมเยส แห่งมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลียในสหราชอาณาจักร แสดงความเห็นว่า เขารู้สึกพอใจที่คณะวิจัยนำเทคนิค Nile Red มาใช้อย่างระมัดระวังด้วยกระบวนการที่เหมาะสม ดังนั้นจึงได้ผลวิเคราะห์ทางเคมีที่มีคุณภาพสูง

ขณะที่ ไมเคิล วอล์กเกอร์ ที่ปรึกษาสำนักงานนักเคมีของรัฐบาลและสมาชิกคณะกรรมการมาตรฐานอาหารแห่งสหราชอาณาจักร ระบุว่า คณะนักวิจัยมีขั้นตอนการศึกษาที่ดีมาก และมีความน่าเชื่อถือ

ส่วน แจ็กเกอลีน ซาวิตซ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่นโยบายประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือขององค์กรอนุรักษ์มหาสมุทรโอเชียนา ระบุว่า ผลการศึกษาดังกล่าวได้มอบหลักฐานที่หนักแน่นขึ้นว่าเราควรเลิกใช้ขวดน้ำดื่มพลาสติกอย่างแพร่หลายได้แล้ว เพราะเราทราบดีว่าปัจจุบันสัตว์ทะเลมีไมโครพลาสติกสะสมอยู่ในปริมาณสูง ดังนั้นผู้คนจึงมีความเสี่ยงที่จะรับสารเหล่านี้เข้าไปในร่างกายทุกวัน

“ถึงเวลาแล้วที่ขวดพลาสติกจะกลายเป็นอดีต” ซาวิตซ์กล่าวทิ้งท้าย

อ้างอิง:

• www.bbc.com/news/science-environment-43388870
• www.theguardian.com/environment/2018/mar/15/microplastics-found-in-more-than-90-of-bottled-water-study-says
• www.straitstimes.com/world/united-states/top-bottled-water-brands-contaminated-with-plastic-particles-report

The post งานวิจัยสหรัฐฯ พบน้ำดื่มบรรจุขวดกว่า 90% มีอนุภาคพลาสติกเจือปน appeared first on THE STANDARD.

กลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่าง A Plastic Planet ผุดไอเดียผลักดันการเปิดให้บริการซูเปอร์มาร์เก็ตปลอดพลาสติกขึ้นเป็นแห่งแรกของโลก เพื่อต่อสู้กับปัญหามลพิษที่อาจจะเกิดขึ้นจากพลาสติกจำนวนมหาศาลที่ย่อยสลายได้ยาก

Ekoplaza คือซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งแรกของโลกที่ปลอดการใช้พลาสติก ตั้งอยู่ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ โดยสินค้าทั้งหมดกว่า 700 ชนิดไม่ได้ถูกบรรจุในหีบห่อที่ทำจากพลาสติก สินค้าทั้งหมดมีบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติและย่อยสลายได้ แม้แต่ชั้นวางของเองก็เป็นมิตรต่อโลกและสิ่งแวดล้อม ไม่มีส่วนประกอบที่เป็นพลาสติกอยู่เลย

เมื่อช่วงต้นปี 2018 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นางเทเรซา เมย์ ได้กำหนดมาตรการในการต่อสู้กับปัญหาขยะระยะยาวแผนงาน 25 ปี ซึ่งการสนับสนุนให้ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆ กลายเป็นสถานที่ปลอดพลาสติกเป็นหนึ่งในประเด็นที่รัฐบาลอังกฤษให้ความสำคัญ โดยผลสำรวจล่าสุดพบว่า ผู้บริโภคชาวอังกฤษ 9 ใน 10 คน สนับสนุนมาตรการนี้

ในขณะที่ไอซ์แลนด์เองก็ผลักดันการสร้างซูเปอร์มาร์เก็ตปลอดพลาสติกนี้เช่นเดียวกัน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2023 โดย Ekoplaza จะเร่งปรับให้สินค้าของตนเป็นสินค้ารักษ์โลกและปลอดพลาสติกทั้งหมด 74 สาขาทั่วเนเธอร์แลนด์ ภายในปี 2018 นี้ รวมถึงจะยกระดับให้ซูเปอร์มาเก็ตแห่งนี้เป็นต้นแบบซูเปอร์มาร์เก็ตรักษ์โลกอย่างแท้จริง และช่วยให้ประชากรโลกตระหนักถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมกันมากยิ่งขึ้น

Photo: ekoplaza / Instagram

อ้างอิง:

• www.independent.co.uk/news/world/europe/plastic-planet-packaging-free-supermarket-ekoplaza-amsterdam-netherlands-recycling-pollution-a8232101
• www.theguardian.com/environment/2018/feb/28/worlds-first-plastic-free-aisle-opens-in-netherlands-supermarket
• eponline.com/articles/2018/03/05/plastic-free-supermarket.aspx

The post เนเธอร์แลนด์เปิดให้บริการซูเปอร์มาร์เก็ตปลอดพลาสติกแห่งแรกของโลก appeared first on THE STANDARD.