วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดภู […]
The post พระอาทิตย์โผล่ขึ้นขอบฟ้า แสงสีทองส่องประกายเจิดจ้า เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความงามของพระอาทิตย์ดวงโตข้างเจดีย์ภูเขาทอง appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ช่างภาพทีมข่าว THE STANDARD ร่วมบันทึกภาพปรากฏการณ์ธรรมชาติของพระอาทิตย์ขึ้นที่จะเคลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางยอดภูเขาทอง (พระอาทิตย์เสียบยอดภูเขาทอง) ซึ่งจะเกิดขึ้นแค่ปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น
ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ขึ้นตรงยอดเจดีย์ภูเขาทองนี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ช่างภาพต่างเฝ้ารอชมความสวยงามและเก็บภาพมาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบฟ้า แสงสีทองส่องประกายเจิดจ้า ตัดกับสีทองของเจดีย์ภูเขาทอง
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจชมปรากฏการณ์พระอาทิตย์ขึ้นตรงยอดเจดีย์ภูเขาทองควรตรวจสอบข้อมูลวันและเวลาที่แน่นอนอีกครั้ง เนื่องจากตำแหน่งของพระอาทิตย์อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในแต่ละปี
เช่น ในการนี้ตำแหน่งของพระอาทิตย์คลาดเคลื่อนเล็กน้อย จึงทำให้ไม่ได้เห็นภาพ ‘พระอาทิตย์เสียบยอดภูเขาทอง’ ดั่งที่ใจหวัง โดยได้ภาพพระอาทิตย์ดวงโตขนาบข้างเจดีย์ภูเขาทองแทน
แม้ต้องพบกับความผิดหวังในเช้าแรกเริ่มของวัน แต่เราเชื่อว่าความไม่เพอร์เฟกต์เกิดขึ้นได้เสมอ และทุกคนแก้มือใหม่ได้เช่นกัน แล้วพบกันอีกครั้ง… พระอาทิตย์เสียบยอดภูเขาทอง
The post พระอาทิตย์โผล่ขึ้นขอบฟ้า แสงสีทองส่องประกายเจิดจ้า เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความงามของพระอาทิตย์ดวงโตข้างเจดีย์ภูเขาทอง appeared first on THE STANDARD.
]]>จังหวัดสุมาตราตะวันตกของอินโดนีเซียกำลังเผชิญน้ำท่วมใหญ […]
The post ลาวาเย็นในอินโดนีเซียคืออะไร อันตรายแค่ไหน appeared first on THE STANDARD.
]]>จังหวัดสุมาตราตะวันตกของอินโดนีเซียกำลังเผชิญน้ำท่วมใหญ่ มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายสิบคน และสูญหายอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากมวลน้ำแล้วยังมี ‘ลาวาเย็น’ (Cold Lava) ที่ไหลลงจากภูเขาไฟมาราปี ซึ่งยิ่งซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้ายด้วย
ลาวาเย็นคืออะไร อันตรายแค่ไหน?
‘ลาวาเย็น’ (Cold Lava) แปลจาก ‘ลาฮาร์’ ในภาษาอินโดนีเซียและตากาล็อก
ภาพ: Adi Prima / Anadolu via Getty Images
เกิดจากการผสมของส่วนประกอบภูเขาไฟและหินกรวด ไหลลงตามทางลาดภูเขาไฟพร้อมน้ำฝน
ภาพ: Dasril Roszandi / Anadolu via Getty Images
มีความหนืดคล้ายเทคอนกรีต อาจไหลเร็วและกว้างตามความชันภูเขาและกระแสน้ำ
ภาพ: Adi Prima / Anadolu via Getty Images
ข้อมูลจากสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐฯ (USGS) ระบุว่า ลาวาเย็นสามารถกลบทับสิ่งที่ไหลผ่าน และบางกรณีอาจทำลายล้างมากกว่าการไหลของลาวาปกติ
ภาพ: Adi Prima / Anadolu via Getty Images
อ้างอิง:
The post ลาวาเย็นในอินโดนีเซียคืออะไร อันตรายแค่ไหน appeared first on THE STANDARD.
]]>หลายคนอาจยังไม่ลืมปรากฏการณ์แปลกๆ เมื่อวั […]
The post กระแสลมวนขั้วโลก (Polar Vortex) กำลังหมุนกลับด้าน กระทบโลกอย่างไร appeared first on THE STANDARD.
]]>
หลายคนอาจยังไม่ลืมปรากฏการณ์แปลกๆ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2554 ที่จู่ๆ ตื่นเช้ามากลางฤดูร้อน อากาศก็หนาวเย็นลงฉับพลัน อุณหภูมิในกรุงเทพมหานครเช้าวันนั้นอยู่ที่ 18 องศาเซลเซียส ต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคเหนือยิ่งหนาวกว่านั้น ต่ำสุดคือ 12.0 องศาเซลเซียส ที่อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน เรียกว่าทำเอางงกันไปทั้งประเทศ
นั่นคือครั้งแรกๆ ที่เราได้ยินคำว่า ‘โพลาร์วอร์เท็กซ์’ (Polar Vortex) จากสื่อสำนักต่างๆ โดยเฉพาะสื่อต่างประเทศ เพราะปรากฏการณ์หนาวเย็นฉับพลันนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ไทย แต่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกา
โพลาร์วอร์เท็กซ์หรือกระแสลมวนขั้วโลกนั้น คือกระแสลมความเร็วสูงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ (Stratosphere) หรือที่ความสูงประมาณ 50 กิโลเมตรจากผิวโลก กระแสลมนี้จะพัดวนรอบขั้วโลกทั้ง 2 ขั้ว โดยในขั้วโลกเหนือ กระแสลมนี้จะหมุนทวนเข็มนาฬิกา
โดยปกติแล้ว โพลาร์วอร์เท็กซ์มีบทบาทในการเก็บรักษาอากาศหนาวเย็นเอาไว้ที่ภูมิภาคอาร์กติกไม่ให้ไหลออก รวมทั้งไม่ให้ความร้อนจากภายนอกไหลเข้าไปเมื่อกระแสลมนี้พัดเสถียร แต่หากปีใดกระแสลมโพลาร์วอร์เท็กซ์อ่อนแรงลงดังเช่นในปี 2554 ก็จะเกิดสภาพอากาศหนาวเย็นในละติจูดต่ำ เนื่องจากอากาศหนาวเย็นที่เก็บกักไว้ได้รั่วไหลลงมาจนทำให้เกิดอากาศหนาวในฤดูร้อนขึ้นกับหลายประเทศ (รูปด้านบนคือ ‘โพลาร์วอร์เท็กซ์’ ในสภาพปกติ)
องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือโนอา (NOAA) ตรวจพบเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ทิศทางของกระแสลมวนบริเวณขั้วโลกเหนือหรือโพลาร์วอร์เท็กซ์ เกิดการหมุนกลับด้าน นั่นคือเปลี่ยนจากการหมุนทวนเข็มไปเป็นการหมุนตามเข็มนาฬิกา โดยปรากฏการณ์นี้ค่อยๆ เกิดขึ้นจากการที่ความเร็วของกระแสลมโพลาร์วอร์เท็กซ์เริ่มลดต่ำลงจนเกือบหยุดนิ่งในช่วงหนึ่ง จากนั้นเครื่องมือของโนอาก็ตรวจพบในเวลาต่อมาว่า ความเร็วที่ลดลงนั้นกำลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่เป็นทิศทางตรงกันข้ามกับทิศทางปกติ โดยสามารถวัดค่าความเร็วได้สูงสุดถึง -20.5 เมตรต่อวินาที (เครื่องหมายลบหมายถึงหมุนถอยหลัง)
ดร.เอมี บัตเลอร์ ผู้นำทีมวิจัยโพลาร์วอร์เท็กซ์ของโนอา กล่าวถึงที่มาของปรากฏการณ์นี้ว่า เกิดจากการที่คลื่นรอสส์บี (Rossby Wave) ซึ่งเป็นคลื่นที่วนอยู่รอบโลกจากความแตกต่างของอุณหภูมิที่โดยปกติคลื่นนี้จะเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เกิดการหยุดชะงักลงที่ระดับความสูงระดับสตราโตสเฟียร์ ทำให้ชั้นบรรยากาศที่เป็นที่ตั้งเดียวกันกับกระแสลมโพลาร์วอร์เท็กซ์เกิดความอบอุ่นขึ้นกว่าปกติ ลักษณะดังกล่าวทำให้การหมุนวนของโพลาร์วอร์เท็กซ์เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย นั่นคือพัดย้อนกลับในทิศตรงกันข้าม ส่วนสาเหตุที่คลื่นรอสส์บีที่ระดับสตราโตสเฟียร์เกิดการหยุดชะงัก อาจเนื่องมาจากอุณหภูมิที่ผิวมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน อาจเข้ากันได้กับสภาพเอลนีโญรุนแรงที่เกิดในปีนี้ด้วย
โชคดีที่แม้หมุนกลับด้าน แต่กระแสลมวนขั้วโลกหรือโพลาร์วอร์เท็กซ์ยังมีความเร็วลมค่อนข้างสูง รวมทั้งมีการหมุนอย่างเสถียร ทำให้บทบาทของการเป็นกำแพงกั้นความเย็นจากขั้วโลกไม่ให้รั่วไหลลงมายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่เพิ่มมาคือเกิดการเคลื่อนย้ายโมเลกุลของก๊าซโอโซนจากแถบศูนย์สูตรไปสู่ขั้วโลก ทำให้บริเวณขั้วโลกมีโอโซนสูงกว่าปกติ โดยในขณะนี้ การเพิ่มขึ้นของโอโซนขั้วโลกหรือ ‘Ozone Spike’ มาถึงจุดสูงสุดนับย้อนไปถึงปี 1979
ฟังดูก็เป็นเรื่องดี เพราะโอโซนมีหน้าที่ป้องกันรังสีอันตรายจากอวกาศ ปัญหาคือการเคลื่อนย้ายในลักษณะนี้ อาจทำให้ปริมาณของโอโซนในแถบศูนย์สูตรที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นกว่าขั้วโลกลดปริมาณลง
“ปรากฏการณ์นี้จะเกิดไม่นาน” ดร.บัตเลอร์ อธิบาย “เวลานี้ค่าความเร็วของการหมุนของโพลาร์วอร์เท็กซ์กำลังลดลง ทีมงานเราคาดว่ามันจะกลับไปหมุนตามทิศทางเดิมใน 10 วันนับจากนี้ และหากเป็นตามที่คาด การเกิด Ozone Spike ของขั้วโลกก็จะกลับสู่สภาพปกติ”
ที่ควรกังวลไม่ใช่เรื่องของการเคลื่อนย้ายโอโซนไปมา ที่แม้จะเกิดขึ้นแล้วแต่ก็คงอยู่ไม่นานและยังไม่ส่งผลกระทบชัดเจน แต่ที่ต้องใส่ใจคือสภาวะโลกร้อนไปเร่งสภาพเอลนีโญจนทำให้ธรรมชาติของลมขั้วโลกเปลี่ยนแปลงไปได้ สิ่งนี้บอกเราว่ามนุษย์ทุกคนยังคงต้องใส่ใจในการลดต้นเหตุของโลกร้อนให้ได้ผลในเร็ววัน ก่อนที่มันจะส่งผลลามไปถึงระบบอากาศกว้างขึ้นหรือมากขึ้นกว่านี้
ภาพ: Scott Olson / Getty Images
อ้างอิง:
The post กระแสลมวนขั้วโลก (Polar Vortex) กำลังหมุนกลับด้าน กระทบโลกอย่างไร appeared first on THE STANDARD.
]]>ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ เหนือน่านฟ้าต […]
The post ปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์เหนือท้องฟ้าไทย ส่งท้ายปี 66 อัตราการตกเฉลี่ยสูงสุด 120 ดวงต่อชั่วโมง appeared first on THE STANDARD.
]]>ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ เหนือน่านฟ้าตำบลสระลงเรือ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี ในช่วงหลัง 00.00 น. ของวันที่ 14 จนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ฝนดาวตกจะปรากฏให้เห็นเป็นลำแสงวาบพาดผ่านทั่วท้องฟ้าเป็นบริเวณกว้าง ดูได้ด้วยตาเปล่าในที่มืดสนิท ซึ่งปีนี้ไร้แสงจันทร์รบกวน
ด้านสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) รายงานว่า ฝนดาวตกเจมินิดส์ปีนี้มีปริมาณมากสุดถึง 120 ดวงต่อชั่วโมง
ฝนดาวตกเจมินิดส์เกิดจากการที่โลกเคลื่อนเข้าผ่านสายธารของเศษหินและฝุ่นขนาดน้อยใหญ่ที่ดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) หลงเหลือทิ้งไว้ขณะเคลื่อนผ่านเข้ามาในระบบสุริยะชั้นใน เมื่อโลกโคจรผ่านสายธารดังกล่าว แรงโน้มถ่วงของโลกจะดึงดูดเศษหินและฝุ่นเหล่านั้นเข้ามาในชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดการเสียดสีและเผาไหม้ ปรากฏให้ผู้สังเกตการณ์บนโลกเห็นเป็นลำแสงคล้ายลูกไฟสว่างวาบเคลื่อนผ่านท้องฟ้า หรือในบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ เรียกว่า Fireball ซึ่ง ‘ฝนดาวตก’ จะแตกต่างจาก ‘ดาวตก’ ทั่วไป คือเป็นดาวตกที่มีทิศทางเหมือนมาจากจุดจุดหนึ่งบนท้องฟ้า เรียกว่า จุดศูนย์กลางการกระจาย (Radiant) เมื่อจุดศูนย์กลางการกระจายตรงหรืออยู่ใกล้เคียงกับกลุ่มดาวใด ก็จะเรียกชื่อฝนดาวตกตามกลุ่มดาวนั้นๆ
The post ปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์เหนือท้องฟ้าไทย ส่งท้ายปี 66 อัตราการตกเฉลี่ยสูงสุด 120 ดวงต่อชั่วโมง appeared first on THE STANDARD.
]]>คืนนี้ (30 สิงหาคม) มีปรากฏการณ์ ‘Super Blue Moon’ ดวงจ […]
The post ชวนดู Super Blue Moon คืนนี้ ดวงจันทร์ใกล้โลกในคืนจันทร์เต็มดวง appeared first on THE STANDARD.
]]>คืนนี้ (30 สิงหาคม) มีปรากฏการณ์ ‘Super Blue Moon’ ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลก ในคืนจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองของเดือน สามารถรับชมได้ตลอดคืน พร้อมกับมีดาวเสาร์ใกล้โลกปรากฏอยู่ใกล้เคียง
Super Blue Moon มาจาก Super Full Moon หรือดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในรอบปี กับคำว่า Blue Moon ที่ไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนสีของดวงจันทร์เป็นสีน้ำเงิน แต่ใช้เรียกการเกิดจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองของเดือนนั้นๆ
เนื่องจากดิถี หรือการเกิดข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์ 1 รอบ ใช้เวลาประมาณ 29.5 วัน หรือเกือบเท่ากับช่วงเวลาหนึ่งเดือนบนโลก ทำให้ในแต่ละเดือนมักมีคืนจันทร์เพ็ญแค่ 1 วัน แต่สำหรับเดือนสิงหาคม 2023 มีคืนจันทร์เต็มดวงครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ทำให้ในคืนนี้ (30 สิงหาคม) ถูกเรียกเป็น Super Blue Moon เนื่องจากเป็นคืนจันทร์เต็มดวงครั้งที่ 2 และระยะที่เข้ามาใกล้โลกที่สุดในคืนจันทร์เต็มดวง
ระยะห่างของดวงจันทร์จะอยู่ใกล้โลกสุดประมาณ 357,334 กิโลเมตร มีผลให้ดวงจันทร์มีขนาดปรากฏใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย โดยมีขนาดใหญ่กว่าราว 7% และสว่างกว่าปกติประมาณ 15%
ทั้งนี้ Super Full Moon สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ตลอดคืน และยังมีดาวเสาร์ที่อยู่ในช่วงใกล้โลกที่สุดในรอบปี (เข้าใกล้โลกที่สุดไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา) ปรากฏเป็นดาวสว่างดวงที่อยู่เคียงข้างดวงจันทร์ด้วย
นอกจากรับชมด้วยตาเปล่าแล้ว สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ NARIT ยังได้จัดจุดสังเกตการณ์หลักไว้ 4 แห่ง ได้แก่ อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร จังหวัดเชียงใหม่ และหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ของจังหวัดนครราชสีมา ฉะเชิงเทรา และสงขลา ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น.
ภาพ: Fernando Astasio Avila via ShutterStock
The post ชวนดู Super Blue Moon คืนนี้ ดวงจันทร์ใกล้โลกในคืนจันทร์เต็มดวง appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (8 พฤศจิกายน) ซึ่งตรงกับขึ้น 15 ค […]
The post ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์เคลื่อนเข้าไปในเงามืดของโลก คืนวันลอยกระทง appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (8 พฤศจิกายน) ซึ่งตรงกับขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 และวันลอยกระทง ทีม THE STANDARD บันทึกภาพความสวยงามของจันทรุปราคาเต็มดวง ปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์ทั้งดวงผ่านเข้าไปในเงามืดของโลก จากบริเวณสะพานพระราม 8 มาให้ร่วมชม
ในช่วงการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์จะไม่ได้หายไปจนมืดทั้งดวง แต่จะเห็นเป็นสีแดงอิฐ เนื่องจากมีการหักเหของแสงอาทิตย์เมื่อส่องผ่านชั้นบรรยากาศของโลก ทั้งนี้ สีของดวงจันทร์เมื่อเกิดจันทรุปราคาแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน
ในวันนี้ดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามัวของโลก เวลา 15.02 น. เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง เวลา 17.16 น. สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง เวลา 18.41 น. แม้ในช่วงหัวค่ำดวงจันทร์จะถูกเมฆบดบังทัศนียภาพ จนมองเห็นปรากฏการณ์นี้ได้ไม่ชัดเจน แต่จากนั้นรับชมได้ชัดขึ้น
หลังจากครั้งนี้ประเทศไทยสามารถสังเกตจันทรุปราคาบางส่วนได้ในเช้ามืดวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566 และจะมีโอกาสเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงได้อีกในคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 และหัวค่ำของวันอังคารที่ 3 มีนาคม 2569
อ้างอิง: สมาคมดาราศาสตร์ไทย
The post ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์เคลื่อนเข้าไปในเงามืดของโลก คืนวันลอยกระทง appeared first on THE STANDARD.
]]>ทุกวันนี้เราอาจคุ้นชินกับพายุลูกต่างๆ ที่มีชื่อเรียกให้ […]
The post ไฟป่าก็มีชื่อด้วย ทำไมคนอเมริกันต้องตั้งชื่อไฟป่า appeared first on THE STANDARD.
]]>ทุกวันนี้เราอาจคุ้นชินกับพายุลูกต่างๆ ที่มีชื่อเรียกให้จดจำ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าในสหรัฐอเมริกานั้น แม้แต่ไฟป่าก็มีการตั้งชื่อให้เรียกขานเช่นกัน
ก่อนอื่นเราควรมาทำความเข้าใจถึงความจำเป็นในการตั้งชื่อเรียกตัวต้นเหตุของภัยธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการเพิ่มความสะดวกในการออกข่าวและแจ้งเตือนให้ระวังภัย
ยกตัวอย่างเช่น หากเกิดการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนพร้อมกัน 2 ลูกขึ้นไป ถ้าไม่มีการตั้งชื่อให้เจาะจงแล้วก็ย่อมเป็นการลำบากและอาจสร้างความสับสนให้หน่วยงานกู้ภัย รวมทั้งสื่อมวลชนและประชาชนในการเฝ้าระวังว่าพายุลูกไหนจะขึ้นฝั่งที่ไหนก่อนกัน และเคลื่อนตัวไปทางไหน เวลาไหน
และแม้พายุได้เคลื่อนผ่านและสลายตัวไปแล้ว ชื่อของพายุก็ยังจำเป็นต้องใช้ในการอ้างอิงเพื่อทำเอกสารด้านประกันภัยและชดเชยความเสียหาย รวมทั้งขั้นตอนการเยียวยาต่างๆ
แต่โดยทั่วไปในเกือบทุกประเทศ ‘ไฟป่า’ เป็นภัยธรรมชาติที่ไม่นิยมตั้งชื่อเรียกอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เนื่องจากไม่ได้เป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยๆ หรืออาจเกิดเป็นพื้นที่เล็กๆ เป็นบริเวณไม่กว้างขวางนัก รวมทั้งมักเกิดเป็นเวลาไม่นาน
แต่สำหรับสหรัฐอเมริกากลับไม่เป็นเช่นนั้น หลายรัฐแถบชายฝั่งตะวันตกของประเทศมีไฟป่าเกิดบ่อยมากในทุกปี และมักเผาไหม้เป็นพื้นที่กว้าง รวมทั้งเกิดเป็นระยะเวลายาวนาน หรือบางครั้งอาจเกิด 2-3 แห่งพร้อมๆ กัน และมักสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
ดังนั้นคนอเมริกันจึงนิยมตั้งชื่อเรียกไฟป่าที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนแตกต่างกันไป และเนื่องด้วยไม่มีระบบการกำหนดชื่ออย่างเป็นแบบแผน ไฟป่าของสหรัฐอเมริกาจึงมักตั้งชื่อตามชื่อภูมิประเทศที่ศูนย์กลางของไฟป่าครั้งนั้นได้ก่อตัวขึ้น
ในยุคก่อนอาจเป็นชื่อของภูเขา แม่น้ำ หรือทะเลสาบ แต่ในสมัยนี้มักตั้งชื่อไฟป่าตามชื่อถนน ชุมชน
ยกตัวอย่างเช่น ไฟป่า Carr ที่เผาไหม้บ้านเรือนประชาชนไปกว่า 1,000 หลังและคร่าชีวิตผู้คนไป 8 ราย ช่วงเดือนกันยายนถึงสิงหาคม ปี 2018 ได้ชื่อมาจากชื่อถนน Carr Powerhouse และเลือกใช้ชื่อนี้โดยสื่อ San Francisco Chronicle
ไฟป่า Camp ที่ก่อตัวทางเหนือของแคลิฟอร์เนีย และเผาไหม้พื้นที่ป่าเป็นบริเวณกว้างกว่า 109,000 เอเคอร์ บ้านเรือนประชาชนตกอยู่ในกองเพลิงกว่า 6,453 หลัง คร่าชีวิตผู้คนไป 23 ราย ก็ถูกตั้งชื่อตามชื่อถนน Camp Creek โดยสื่อมวลชน KXTV
ส่วนไฟป่า Woolsey ในลอสแอนเจลิสที่กินบริเวณกว้างกว่า 83,275 เอเคอร์ คร่าชีวิตประชาชนไป 2 ราย และเผาผลาญบ้านเรือน 177 หลัง ตั้งชื่อตามชื่อถนน Woolsey Canyon โดย Los Angeles Daily News
หรือชื่อไฟป่า Dude ในเดือนมิถุนายน ปี 1990 ซึ่งคร่าชีวิตนักผจญเพลิงไปหลายนายก็มีที่มาจากยอดเขา Dude Creek ในแอริโซนา ไฟป่า Pumpkin ที่เผาผลาญพื้นที่ป่ากว่า 14,757 เอเคอร์แถบภูเขา Kendrick ก็ได้ชื่อมาจากชื่อชุมชน ขณะที่ไฟป่า Museum มาจากชื่อพิพิธภัณฑ์ Museum of Northern Arizona ใกล้ที่เกิดเหตุ
หรือหนึ่งในไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างไฟป่า Cedar ในซานดิเอโก ปี 2003 ที่คร่าชีวิตนักผจญเพลิงไป 1 ราย ประชาชน 14 รายก็ตั้งชื่อตามป่าบริเวณน้ำตก Cedar Creek ที่เป็นจุดก่อกำเนิดไฟ ตั้งโดยหน่วยงานผจญเพลิงและผู้บัญชาการเหตุการณ์
แต่กระนั้นก็มีหลายครั้งที่การตั้งชื่อจะเน้นความรวดเร็วเป็นหลักเพื่อการอ้างอิงในการบรรเทาสถานการณ์ ดังนั้นจึงมีการตั้งชื่อตามหน่วยงานแรกที่เข้าไประงับเหตุ เช่น ชื่อนักผจญเพลิงคนแรกหรือกลุ่มแรก จากผู้บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันภัย หรืออาจเป็นการตั้งชื่อจากสื่อมวลชนรายแรกที่นำเสนอข่าวไฟป่าครั้งนั้น
บางครั้งไฟป่าก็มีชื่อที่ออกแนวแปลก เช่น มีชื่อเป็นตัวเลขล้วนๆ อย่างชื่อของไฟป่า 416 ในอุทยานแห่งชาติซานฮวน รัฐโคโลราโด ชื่อนี้มีที่มาจากหน่วยงาน Columbine Ranger District หมายถึงเหตุการณ์เตือนภัยครั้งที่ 416 ของอุทยานแห่งชาตินี้ (ไม่ใช่ไฟป่าครั้งที่ 416 เพราะนับรวมสัญญาณเตือนผิดพลาดและอื่นๆ ด้วย) ไฟป่าครั้งนั้นเผาผลาญพื้นที่ป่าไปกว่า 50,000 เอเคอร์ แต่โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต เพราะเกิดในป่าที่อยู่ห่างไกลบ้านเรือนประชาชน
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ อย่าง National Multi-Agency Coordinating Group (NMAC) ก็พยายามเข้ามาควบคุมดูแลการตั้งชื่อไฟป่าเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับสังคมในภายหลัง
ยกตัวอย่างเช่น ห้ามตั้งชื่อไฟป่าที่มีวลีทำนอง ‘Dead Man’ หรือ ‘Deadman’ ห้ามตั้งชื่อเกี่ยวกับทรัพย์สินของเอกชน ชื่อที่เป็นการโฆษณาสินค้า ห้ามตั้งชื่อออกไปในทางล้อเลียน หรือออกแนวน่ารัก หรือตลกขบขัน เพราะอาจมีความสูญเสีย และผู้ประสบภัยคงไม่มีอารมณ์ขันร่วมด้วยกับชื่อไฟป่านั้นๆ
นอกจากนี้ยังห้ามตั้งชื่อคล้องจองปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่าง ‘Eclipse’ (ที่ใช้กับสุริยคราสหรือจันทรคราส) หรือการแข่งกีฬาซูเปอร์โบวล์ เพราะอาจก่อความสับสน และหากชื่อไฟป่าซ้ำกับที่เคยตั้งไปแล้ว ให้พ่วงท้ายเป็นหมายเลขลำดับ เช่น Horseshoe ในปี 1996 และ Horseshoe-2 ในปี 2011 หรืออาจใช้เลขปีต่อท้ายไปตรงๆ ก็ได้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
The post ไฟป่าก็มีชื่อด้วย ทำไมคนอเมริกันต้องตั้งชื่อไฟป่า appeared first on THE STANDARD.
]]>