ปรากฏการณ์ธรรมชาติ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 10 Feb 2025 03:24:36 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 พระอาทิตย์โผล่ขึ้นขอบฟ้า แสงสีทองส่องประกายเจิดจ้า เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความงามของพระอาทิตย์ดวงโตข้างเจดีย์ภูเขาทอง https://thestandard.co/beautiful-sunrise-golden-chedi/ Mon, 10 Feb 2025 03:24:36 +0000 https://thestandard.co/?p=1040193 ภูเขาทอง

วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดภู […]

The post พระอาทิตย์โผล่ขึ้นขอบฟ้า แสงสีทองส่องประกายเจิดจ้า เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความงามของพระอาทิตย์ดวงโตข้างเจดีย์ภูเขาทอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภูเขาทอง

วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (วัดภูเขาทอง) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ช่างภาพทีมข่าว THE STANDARD ร่วมบันทึกภาพปรากฏการณ์ธรรมชาติของพระอาทิตย์ขึ้นที่จะเคลื่อนมาอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางยอดภูเขาทอง (พระอาทิตย์เสียบยอดภูเขาทอง) ซึ่งจะเกิดขึ้นแค่ปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น

 

ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ขึ้นตรงยอดเจดีย์ภูเขาทองนี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ช่างภาพต่างเฝ้ารอชมความสวยงามและเก็บภาพมาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นพ้นขอบฟ้า แสงสีทองส่องประกายเจิดจ้า ตัดกับสีทองของเจดีย์ภูเขาทอง

 

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจชมปรากฏการณ์พระอาทิตย์ขึ้นตรงยอดเจดีย์ภูเขาทองควรตรวจสอบข้อมูลวันและเวลาที่แน่นอนอีกครั้ง เนื่องจากตำแหน่งของพระอาทิตย์อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในแต่ละปี

 

เช่น ในการนี้ตำแหน่งของพระอาทิตย์คลาดเคลื่อนเล็กน้อย จึงทำให้ไม่ได้เห็นภาพ ‘พระอาทิตย์เสียบยอดภูเขาทอง’ ดั่งที่ใจหวัง โดยได้ภาพพระอาทิตย์ดวงโตขนาบข้างเจดีย์ภูเขาทองแทน

 

แม้ต้องพบกับความผิดหวังในเช้าแรกเริ่มของวัน แต่เราเชื่อว่าความไม่เพอร์เฟกต์เกิดขึ้นได้เสมอ และทุกคนแก้มือใหม่ได้เช่นกัน แล้วพบกันอีกครั้ง… พระอาทิตย์เสียบยอดภูเขาทอง

 

The post พระอาทิตย์โผล่ขึ้นขอบฟ้า แสงสีทองส่องประกายเจิดจ้า เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความงามของพระอาทิตย์ดวงโตข้างเจดีย์ภูเขาทอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ลาวาเย็นในอินโดนีเซียคืออะไร อันตรายแค่ไหน https://thestandard.co/what-is-cold-lava-in-indonesia/ Tue, 14 May 2024 07:14:55 +0000 https://thestandard.co/?p=933214

จังหวัดสุมาตราตะวันตกของอินโดนีเซียกำลังเผชิญน้ำท่วมใหญ […]

The post ลาวาเย็นในอินโดนีเซียคืออะไร อันตรายแค่ไหน appeared first on THE STANDARD.

]]>

จังหวัดสุมาตราตะวันตกของอินโดนีเซียกำลังเผชิญน้ำท่วมใหญ่ มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายสิบคน และสูญหายอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากมวลน้ำแล้วยังมี ‘ลาวาเย็น’ (Cold Lava) ที่ไหลลงจากภูเขาไฟมาราปี ซึ่งยิ่งซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้ายด้วย

 

ลาวาเย็นคืออะไร อันตรายแค่ไหน?

 

‘ลาวาเย็น’ (Cold Lava) แปลจาก ‘ลาฮาร์’ ในภาษาอินโดนีเซียและตากาล็อก

ภาพ: Adi Prima / Anadolu via Getty Images

 

เกิดจากการผสมของส่วนประกอบภูเขาไฟและหินกรวด ไหลลงตามทางลาดภูเขาไฟพร้อมน้ำฝน

ภาพ: Dasril Roszandi / Anadolu via Getty Images

 

มีความหนืดคล้ายเทคอนกรีต อาจไหลเร็วและกว้างตามความชันภูเขาและกระแสน้ำ

ภาพ: Adi Prima / Anadolu via Getty Images

 

ข้อมูลจากสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐฯ (USGS) ระบุว่า ลาวาเย็นสามารถกลบทับสิ่งที่ไหลผ่าน และบางกรณีอาจทำลายล้างมากกว่าการไหลของลาวาปกติ

ภาพ: Adi Prima / Anadolu via Getty Images

 

อ้างอิง:

  • BBC

The post ลาวาเย็นในอินโดนีเซียคืออะไร อันตรายแค่ไหน appeared first on THE STANDARD.

]]>
กระแสลมวนขั้วโลก (Polar Vortex) กำลังหมุนกลับด้าน กระทบโลกอย่างไร https://thestandard.co/polar-vortex-3/ Fri, 22 Mar 2024 09:59:39 +0000 https://thestandard.co/?p=914401

    หลายคนอาจยังไม่ลืมปรากฏการณ์แปลกๆ เมื่อวั […]

The post กระแสลมวนขั้วโลก (Polar Vortex) กำลังหมุนกลับด้าน กระทบโลกอย่างไร appeared first on THE STANDARD.

]]>

 

 

หลายคนอาจยังไม่ลืมปรากฏการณ์แปลกๆ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2554 ที่จู่ๆ ตื่นเช้ามากลางฤดูร้อน อากาศก็หนาวเย็นลงฉับพลัน อุณหภูมิในกรุงเทพมหานครเช้าวันนั้นอยู่ที่ 18 องศาเซลเซียส ต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคเหนือยิ่งหนาวกว่านั้น ต่ำสุดคือ 12.0 องศาเซลเซียส ที่อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน เรียกว่าทำเอางงกันไปทั้งประเทศ

 

นั่นคือครั้งแรกๆ ที่เราได้ยินคำว่า ‘โพลาร์วอร์เท็กซ์’ (Polar Vortex) จากสื่อสำนักต่างๆ โดยเฉพาะสื่อต่างประเทศ เพราะปรากฏการณ์หนาวเย็นฉับพลันนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ไทย แต่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ทั้งในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกา

 

‘โพลาร์วอร์เท็กซ์’ คืออะไร

 

โพลาร์วอร์เท็กซ์หรือกระแสลมวนขั้วโลกนั้น คือกระแสลมความเร็วสูงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์ (Stratosphere) หรือที่ความสูงประมาณ 50 กิโลเมตรจากผิวโลก กระแสลมนี้จะพัดวนรอบขั้วโลกทั้ง 2 ขั้ว โดยในขั้วโลกเหนือ กระแสลมนี้จะหมุนทวนเข็มนาฬิกา 

 

โดยปกติแล้ว โพลาร์วอร์เท็กซ์มีบทบาทในการเก็บรักษาอากาศหนาวเย็นเอาไว้ที่ภูมิภาคอาร์กติกไม่ให้ไหลออก รวมทั้งไม่ให้ความร้อนจากภายนอกไหลเข้าไปเมื่อกระแสลมนี้พัดเสถียร แต่หากปีใดกระแสลมโพลาร์วอร์เท็กซ์อ่อนแรงลงดังเช่นในปี 2554 ก็จะเกิดสภาพอากาศหนาวเย็นในละติจูดต่ำ เนื่องจากอากาศหนาวเย็นที่เก็บกักไว้ได้รั่วไหลลงมาจนทำให้เกิดอากาศหนาวในฤดูร้อนขึ้นกับหลายประเทศ (รูปด้านบนคือ ‘โพลาร์วอร์เท็กซ์’ ในสภาพปกติ)

 

ล่าสุดเกิดอะไรขึ้น

 

องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือโนอา (NOAA) ตรวจพบเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมาว่า ทิศทางของกระแสลมวนบริเวณขั้วโลกเหนือหรือโพลาร์วอร์เท็กซ์ เกิดการหมุนกลับด้าน นั่นคือเปลี่ยนจากการหมุนทวนเข็มไปเป็นการหมุนตามเข็มนาฬิกา โดยปรากฏการณ์นี้ค่อยๆ เกิดขึ้นจากการที่ความเร็วของกระแสลมโพลาร์วอร์เท็กซ์เริ่มลดต่ำลงจนเกือบหยุดนิ่งในช่วงหนึ่ง จากนั้นเครื่องมือของโนอาก็ตรวจพบในเวลาต่อมาว่า ความเร็วที่ลดลงนั้นกำลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่เป็นทิศทางตรงกันข้ามกับทิศทางปกติ โดยสามารถวัดค่าความเร็วได้สูงสุดถึง -20.5 เมตรต่อวินาที (เครื่องหมายลบหมายถึงหมุนถอยหลัง)

 

 

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น

 

ดร.เอมี บัตเลอร์ ผู้นำทีมวิจัยโพลาร์วอร์เท็กซ์ของโนอา กล่าวถึงที่มาของปรากฏการณ์นี้ว่า เกิดจากการที่คลื่นรอสส์บี (Rossby Wave) ซึ่งเป็นคลื่นที่วนอยู่รอบโลกจากความแตกต่างของอุณหภูมิที่โดยปกติคลื่นนี้จะเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ เกิดการหยุดชะงักลงที่ระดับความสูงระดับสตราโตสเฟียร์ ทำให้ชั้นบรรยากาศที่เป็นที่ตั้งเดียวกันกับกระแสลมโพลาร์วอร์เท็กซ์เกิดความอบอุ่นขึ้นกว่าปกติ ลักษณะดังกล่าวทำให้การหมุนวนของโพลาร์วอร์เท็กซ์เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย นั่นคือพัดย้อนกลับในทิศตรงกันข้าม ส่วนสาเหตุที่คลื่นรอสส์บีที่ระดับสตราโตสเฟียร์เกิดการหยุดชะงัก อาจเนื่องมาจากอุณหภูมิที่ผิวมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นจากภาวะโลกร้อน อาจเข้ากันได้กับสภาพเอลนีโญรุนแรงที่เกิดในปีนี้ด้วย

 

ผลของการหมุนกลับด้านคืออะไร

 

โชคดีที่แม้หมุนกลับด้าน แต่กระแสลมวนขั้วโลกหรือโพลาร์วอร์เท็กซ์ยังมีความเร็วลมค่อนข้างสูง รวมทั้งมีการหมุนอย่างเสถียร ทำให้บทบาทของการเป็นกำแพงกั้นความเย็นจากขั้วโลกไม่ให้รั่วไหลลงมายังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ที่เพิ่มมาคือเกิดการเคลื่อนย้ายโมเลกุลของก๊าซโอโซนจากแถบศูนย์สูตรไปสู่ขั้วโลก ทำให้บริเวณขั้วโลกมีโอโซนสูงกว่าปกติ โดยในขณะนี้ การเพิ่มขึ้นของโอโซนขั้วโลกหรือ ‘Ozone Spike’ มาถึงจุดสูงสุดนับย้อนไปถึงปี 1979

 

ฟังดูก็เป็นเรื่องดี เพราะโอโซนมีหน้าที่ป้องกันรังสีอันตรายจากอวกาศ ปัญหาคือการเคลื่อนย้ายในลักษณะนี้ อาจทำให้ปริมาณของโอโซนในแถบศูนย์สูตรที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นกว่าขั้วโลกลดปริมาณลง 

 

“ปรากฏการณ์นี้จะเกิดไม่นาน” ดร.บัตเลอร์ อธิบาย “เวลานี้ค่าความเร็วของการหมุนของโพลาร์วอร์เท็กซ์กำลังลดลง ทีมงานเราคาดว่ามันจะกลับไปหมุนตามทิศทางเดิมใน 10 วันนับจากนี้ และหากเป็นตามที่คาด การเกิด Ozone Spike ของขั้วโลกก็จะกลับสู่สภาพปกติ”

 

ที่ควรกังวลไม่ใช่เรื่องของการเคลื่อนย้ายโอโซนไปมา ที่แม้จะเกิดขึ้นแล้วแต่ก็คงอยู่ไม่นานและยังไม่ส่งผลกระทบชัดเจน แต่ที่ต้องใส่ใจคือสภาวะโลกร้อนไปเร่งสภาพเอลนีโญจนทำให้ธรรมชาติของลมขั้วโลกเปลี่ยนแปลงไปได้ สิ่งนี้บอกเราว่ามนุษย์ทุกคนยังคงต้องใส่ใจในการลดต้นเหตุของโลกร้อนให้ได้ผลในเร็ววัน ก่อนที่มันจะส่งผลลามไปถึงระบบอากาศกว้างขึ้นหรือมากขึ้นกว่านี้

 

ภาพ: Scott Olson / Getty Images

อ้างอิง: 

The post กระแสลมวนขั้วโลก (Polar Vortex) กำลังหมุนกลับด้าน กระทบโลกอย่างไร appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์เหนือท้องฟ้าไทย ส่งท้ายปี 66 อัตราการตกเฉลี่ยสูงสุด 120 ดวงต่อชั่วโมง https://thestandard.co/geminids-thailand-phenomenon/ Fri, 15 Dec 2023 05:38:24 +0000 https://thestandard.co/?p=877037 ฝนดาวตกเจมินิดส์

ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ เหนือน่านฟ้าต […]

The post ปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์เหนือท้องฟ้าไทย ส่งท้ายปี 66 อัตราการตกเฉลี่ยสูงสุด 120 ดวงต่อชั่วโมง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฝนดาวตกเจมินิดส์

ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ เหนือน่านฟ้าตำบลสระลงเรือ อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี ในช่วงหลัง 00.00 น. ของวันที่ 14 จนถึงรุ่งเช้าของวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ฝนดาวตกจะปรากฏให้เห็นเป็นลำแสงวาบพาดผ่านทั่วท้องฟ้าเป็นบริเวณกว้าง ดูได้ด้วยตาเปล่าในที่มืดสนิท ซึ่งปีนี้ไร้แสงจันทร์รบกวน

 

ด้านสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) รายงานว่า ฝนดาวตกเจมินิดส์ปีนี้มีปริมาณมากสุดถึง 120 ดวงต่อชั่วโมง

 

ฝนดาวตกเจมินิดส์เกิดจากการที่โลกเคลื่อนเข้าผ่านสายธารของเศษหินและฝุ่นขนาดน้อยใหญ่ที่ดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) หลงเหลือทิ้งไว้ขณะเคลื่อนผ่านเข้ามาในระบบสุริยะชั้นใน เมื่อโลกโคจรผ่านสายธารดังกล่าว แรงโน้มถ่วงของโลกจะดึงดูดเศษหินและฝุ่นเหล่านั้นเข้ามาในชั้นบรรยากาศ ทำให้เกิดการเสียดสีและเผาไหม้ ปรากฏให้ผู้สังเกตการณ์บนโลกเห็นเป็นลำแสงคล้ายลูกไฟสว่างวาบเคลื่อนผ่านท้องฟ้า หรือในบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ เรียกว่า Fireball ซึ่ง ‘ฝนดาวตก’ จะแตกต่างจาก ‘ดาวตก’ ทั่วไป คือเป็นดาวตกที่มีทิศทางเหมือนมาจากจุดจุดหนึ่งบนท้องฟ้า เรียกว่า จุดศูนย์กลางการกระจาย (Radiant) เมื่อจุดศูนย์กลางการกระจายตรงหรืออยู่ใกล้เคียงกับกลุ่มดาวใด ก็จะเรียกชื่อฝนดาวตกตามกลุ่มดาวนั้นๆ

 

   

The post ปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์เหนือท้องฟ้าไทย ส่งท้ายปี 66 อัตราการตกเฉลี่ยสูงสุด 120 ดวงต่อชั่วโมง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชวนดู Super Blue Moon คืนนี้ ดวงจันทร์ใกล้โลกในคืนจันทร์เต็มดวง https://thestandard.co/super-blue-moon/ Wed, 30 Aug 2023 06:31:20 +0000 https://thestandard.co/?p=835514 Super Blue Moon

คืนนี้ (30 สิงหาคม) มีปรากฏการณ์ ‘Super Blue Moon’ ดวงจ […]

The post ชวนดู Super Blue Moon คืนนี้ ดวงจันทร์ใกล้โลกในคืนจันทร์เต็มดวง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Super Blue Moon

คืนนี้ (30 สิงหาคม) มีปรากฏการณ์ ‘Super Blue Moon’ ดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลก ในคืนจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองของเดือน สามารถรับชมได้ตลอดคืน พร้อมกับมีดาวเสาร์ใกล้โลกปรากฏอยู่ใกล้เคียง

 

Super Blue Moon มาจาก Super Full Moon หรือดวงจันทร์เต็มดวงใกล้โลกที่สุดในรอบปี กับคำว่า Blue Moon ที่ไม่ได้หมายถึงการเปลี่ยนสีของดวงจันทร์เป็นสีน้ำเงิน แต่ใช้เรียกการเกิดจันทร์เต็มดวงครั้งที่สองของเดือนนั้นๆ

 

เนื่องจากดิถี หรือการเกิดข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์ 1 รอบ ใช้เวลาประมาณ 29.5 วัน หรือเกือบเท่ากับช่วงเวลาหนึ่งเดือนบนโลก ทำให้ในแต่ละเดือนมักมีคืนจันทร์เพ็ญแค่ 1 วัน แต่สำหรับเดือนสิงหาคม 2023 มีคืนจันทร์เต็มดวงครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ทำให้ในคืนนี้ (30 สิงหาคม) ถูกเรียกเป็น Super Blue Moon เนื่องจากเป็นคืนจันทร์เต็มดวงครั้งที่ 2 และระยะที่เข้ามาใกล้โลกที่สุดในคืนจันทร์เต็มดวง

 

ระยะห่างของดวงจันทร์จะอยู่ใกล้โลกสุดประมาณ 357,334 กิโลเมตร มีผลให้ดวงจันทร์มีขนาดปรากฏใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย โดยมีขนาดใหญ่กว่าราว 7% และสว่างกว่าปกติประมาณ 15%

 

ทั้งนี้ Super Full Moon สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ตลอดคืน และยังมีดาวเสาร์ที่อยู่ในช่วงใกล้โลกที่สุดในรอบปี (เข้าใกล้โลกที่สุดไปเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา) ปรากฏเป็นดาวสว่างดวงที่อยู่เคียงข้างดวงจันทร์ด้วย

 

นอกจากรับชมด้วยตาเปล่าแล้ว สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ NARIT ยังได้จัดจุดสังเกตการณ์หลักไว้ 4 แห่ง ได้แก่ อุทยานดาราศาสตร์สิรินธร จังหวัดเชียงใหม่ และหอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ของจังหวัดนครราชสีมา ฉะเชิงเทรา และสงขลา ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น.

 

ภาพ: Fernando Astasio Avila via ShutterStock

The post ชวนดู Super Blue Moon คืนนี้ ดวงจันทร์ใกล้โลกในคืนจันทร์เต็มดวง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์เคลื่อนเข้าไปในเงามืดของโลก คืนวันลอยกระทง https://thestandard.co/loy-krathong-lunar-eclipse/ Wed, 09 Nov 2022 01:08:11 +0000 https://thestandard.co/?p=706128 ปรากฏการณ์จันทรุปราคา

วันนี้ (8 พฤศจิกายน) ซึ่งตรงกับขึ้น 15 ค […]

The post ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์เคลื่อนเข้าไปในเงามืดของโลก คืนวันลอยกระทง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปรากฏการณ์จันทรุปราคา

วันนี้ (8 พฤศจิกายน) ซึ่งตรงกับขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 และวันลอยกระทง ทีม THE STANDARD บันทึกภาพความสวยงามของจันทรุปราคาเต็มดวง ปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์ทั้งดวงผ่านเข้าไปในเงามืดของโลก จากบริเวณสะพานพระราม 8 มาให้ร่วมชม 

 

ในช่วงการเกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์จะไม่ได้หายไปจนมืดทั้งดวง แต่จะเห็นเป็นสีแดงอิฐ เนื่องจากมีการหักเหของแสงอาทิตย์เมื่อส่องผ่านชั้นบรรยากาศของโลก ทั้งนี้ สีของดวงจันทร์เมื่อเกิดจันทรุปราคาแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกัน

 

ในวันนี้ดวงจันทร์เริ่มเข้าสู่เงามัวของโลก เวลา 15.02 น. เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง เวลา 17.16 น. สิ้นสุดจันทรุปราคาเต็มดวง เวลา 18.41 น. แม้ในช่วงหัวค่ำดวงจันทร์จะถูกเมฆบดบังทัศนียภาพ จนมองเห็นปรากฏการณ์นี้ได้ไม่ชัดเจน แต่จากนั้นรับชมได้ชัดขึ้น

 

หลังจากครั้งนี้ประเทศไทยสามารถสังเกตจันทรุปราคาบางส่วนได้ในเช้ามืดวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566 และจะมีโอกาสเห็นจันทรุปราคาเต็มดวงได้อีกในคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 และหัวค่ำของวันอังคารที่ 3 มีนาคม 2569

 

ปรากฏการณ์จันทรุปราคา ปรากฏการณ์จันทรุปราคา ปรากฏการณ์จันทรุปราคา ปรากฏการณ์จันทรุปราคา ปรากฏการณ์จันทรุปราคา

 

อ้างอิง: สมาคมดาราศาสตร์ไทย

The post ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ดวงจันทร์เคลื่อนเข้าไปในเงามืดของโลก คืนวันลอยกระทง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไฟป่าก็มีชื่อด้วย ทำไมคนอเมริกันต้องตั้งชื่อไฟป่า https://thestandard.co/how-fires-get-their-names/ Wed, 30 Oct 2019 08:39:07 +0000 https://thestandard.co/?p=299413 คนอเมริกันต้องตั้งชื่อไฟป่า

ทุกวันนี้เราอาจคุ้นชินกับพายุลูกต่างๆ ที่มีชื่อเรียกให้ […]

The post ไฟป่าก็มีชื่อด้วย ทำไมคนอเมริกันต้องตั้งชื่อไฟป่า appeared first on THE STANDARD.

]]>
คนอเมริกันต้องตั้งชื่อไฟป่า

ทุกวันนี้เราอาจคุ้นชินกับพายุลูกต่างๆ ที่มีชื่อเรียกให้จดจำ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าในสหรัฐอเมริกานั้น แม้แต่ไฟป่าก็มีการตั้งชื่อให้เรียกขานเช่นกัน

 

ก่อนอื่นเราควรมาทำความเข้าใจถึงความจำเป็นในการตั้งชื่อเรียกตัวต้นเหตุของภัยธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการเพิ่มความสะดวกในการออกข่าวและแจ้งเตือนให้ระวังภัย 

 

ยกตัวอย่างเช่น หากเกิดการก่อตัวของพายุ​หมุน​เขตร้อน​พร้อมกัน 2 ลูกขึ้นไป ถ้าไม่มีการตั้งชื่อให้เจาะจงแล้วก็ย่อมเป็นการลำบากและอาจสร้างความสับสนให้หน่วยงานกู้ภัย รวมทั้งสื่อมวลชนและประชาชนในการเฝ้าระวังว่าพายุลูกไหนจะขึ้นฝั่งที่ไหนก่อนกัน และเคลื่อนตัวไปทางไหน เวลาไหน 

 

และแม้พายุได้เคลื่อนผ่านและสลายตัวไปแล้ว ชื่อของพายุก็ยังจำเป็นต้องใช้ในการอ้างอิงเพื่อทำเอกสารด้านประกันภัยและชดเชยความเสียหาย รวมทั้งขั้นตอนการเยียวยาต่างๆ 

 

แต่โดยทั่วไปในเกือบทุกประเทศ ‘ไฟป่า’ เป็นภัยธรรมชาติที่ไม่นิยมตั้งชื่อเรียกอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เนื่องจาก​ไม่ได้เป็นภัยธรรมชาติ​ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ หรืออาจ​เกิดเป็นพื้นที่เล็กๆ เป็นบริเวณไม่กว้างขวางนัก รวมทั้งมักเกิดเป็นเวลาไม่นาน 

 

แต่สำหรับสหรัฐอเมริกากลับไม่เป็นเช่นนั้น หลายรัฐแถบชายฝั่งตะวันตก​ของ​ประเทศ​มีไฟป่าเกิดบ่อยมากในทุกปี และมักเผาไหม้​เป็นพื้นที่กว้าง รวมทั้ง​เกิดเป็นระยะเวลายาวนาน หรือบางครั้งอาจเกิด 2-3 แห่งพร้อมๆ กัน และมักสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน 

 

ดังนั้นคนอเมริกันจึงนิยมตั้งชื่อเรียกไฟป่าที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนแตกต่างกันไป และเนื่องด้วยไม่มีระบบการกำหนดชื่ออย่างเป็นแบบแผน ไฟป่าของสหรัฐอเมริกาจึงมักตั้งชื่อตามชื่อภูมิประเทศที่ศูนย์​กลางของไฟป่าครั้งนั้นได้ก่อตัวขึ้น 

 

คนอเมริกันต้องตั้งชื่อไฟป่า

 

ในยุคก่อนอาจเป็นชื่อของภูเขา แม่น้ำ หรือทะเลสาบ​ แต่ในสมัยนี้มักตั้งชื่อไฟป่าตามชื่อถนน ชุมชน 

 

ยกตัวอย่าง​เช่น ไฟป่า Carr ที่เผาไหม้บ้าน​เรือน​ประชาชน​ไปกว่า 1,000 หลังและคร่าชีวิตผู้คนไป 8 ราย ช่วงเดือนกันยายนถึงสิงหาคม ​ปี 2018 ได้ชื่อมาจากชื่อถนน Carr Powerhouse และเลือกใช้​ชื่อ​นี้โดยสื่อ San Francisco Chronicle

 

ไฟป่า Camp ที่ก่อตัวทางเหนือของแคลิฟอร์เนีย และเผาไหม้พื้นที่ป่าเป็นบริเวณกว้างกว่า 109,000 เอเคอร์ บ้านเรือนประชาชนตกอยู่ในกองเพลิงกว่า 6,453 หลัง คร่าชีวิต​ผู้คน​ไป 23 ราย ก็ถูกตั้งชื่อตามชื่อถนน Camp Creek โดยสื่อมวลชน KXTV

 

ส่วนไฟป่า Woolsey ในลอสแอนเจลิส​ที่กินบริเวณ​กว้างกว่า​ 83,275 เอเคอร์ คร่าชีวิตประชาชน​ไป 2 ราย และเผาผลาญบ้านเรือน ​177 หลัง ตั้งชื่อตามชื่อถนน Woolsey Canyon โดย Los Angeles Daily News

 

หรือชื่อไฟป่า Dude ในเดือนมิถุนายน ปี 1990 ซึ่งคร่าชีวิต​นักผจญเพลิงไปหลายนายก็มีที่มาจากยอดเขา Dude Creek ในแอริโซนา ไฟป่า Pumpkin ที่เผาผลาญ​พื้นที่ป่ากว่า 14,757 เอเคอร์​แถบภูเขา​ Kendrick ก็ได้ชื่อมาจากชื่อชุมชน ขณะที่ไฟป่า Museum มาจากชื่อพิพิธภัณฑ์ Museum of Northern Arizona ใกล้ที่เกิดเหตุ

 

หรือหนึ่งในไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างไฟป่า Cedar ในซานดิเอโก ปี 2003 ที่คร่าชีวิต​นักผจญ​เพลิง​ไป 1 ราย ประชาชน ​14 รายก็ตั้งชื่อตามป่าบริเวณน้ำตก Cedar Creek ที่เป็นจุดก่อกำเนิดไฟ ตั้งโดยหน่วยงานผจญเพลิงและผู้บัญชาการเหตุการณ์

 

คนอเมริกันต้องตั้งชื่อไฟป่า

 

แต่กระนั้นก็มีหลายครั้งที่การตั้งชื่อจะเน้นความรวดเร็วเป็นหลักเพื่อการอ้างอิงในการบรรเทาสถานการณ์ ดังนั้นจึงมีการตั้งชื่อตามหน่วยงานแรกที่เข้าไประงับเหตุ เช่น ชื่อนักผจญเพลิงคนแรกหรือกลุ่มแรก จากผู้บัญชาการเหตุการณ์ป้องกันภัย หรืออาจเป็นการตั้งชื่อจากสื่อมวลชนรายแรกที่นำเสนอข่าวไฟป่าครั้งนั้น

 

บางครั้งไฟป่าก็มีชื่อที่ออกแนวแปลก เช่น มีชื่อเป็นตัวเลขล้วนๆ อย่างชื่อของไฟป่า 416 ในอุทยานแห่งชาติ​ซานฮวน รัฐโคโลราโด ชื่อนี้มีที่มาจาก​หน่วยงาน Columbine Ranger District หมายถึงเหตุการณ์เตือนภัยครั้งที่ 416 ของอุทยานแห่งชาติ​นี้ (ไม่ใช่ไฟป่าครั้งที่ 416 เพราะนับรวมสัญญาณเตือนผิดพลาดและอื่นๆ ด้วย)​ ไฟป่าครั้งนั้นเผาผลาญ​พื้นที่ป่าไปกว่า 50,000 เอเคอร์​ แต่โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิต เพราะเกิดในป่าที่อยู่ห่างไกลบ้านเรือนประชาชน

 

คนอเมริกันต้องตั้งชื่อไฟป่า

 

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ อย่าง National Multi-Agency Coordinating Group (NMAC) ก็พยายามเข้ามาควบคุมดูแลการตั้งชื่อไฟป่าเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับสังคมในภายหลัง 

 

ยกตัวอย่างเช่น ห้ามตั้งชื่อไฟป่าที่มีวลีทำนอง ‘Dead Man’ หรือ ‘Deadman’ ห้ามตั้งชื่อเกี่ยวกับทรัพย์สินของเอกชน ชื่อที่เป็นการโฆษณาสินค้า ห้ามตั้งชื่อออกไปในทางล้อเลียน หรือออกแนวน่ารัก หรือตลกขบขัน เพราะอาจมีความสูญเสีย และผู้ประสบภัยคงไม่มีอารมณ์ขันร่วมด้วยกับชื่อไฟป่านั้นๆ 

 

นอกจากนี้ยังห้ามตั้งชื่อคล้องจองปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่าง ‘Eclipse’ (ที่ใช้กับสุริยคราสหรือจันทรคราส) หรือการแข่งกีฬาซูเปอร์โบวล์ เพราะอาจก่อความสับสน และหากชื่อไฟป่าซ้ำกับที่เคยตั้งไปแล้ว ให้พ่วงท้ายเป็นหมายเลขลำดับ เช่น Horseshoe ในปี 1996 และ Horseshoe-2 ในปี 2011 หรืออาจใช้เลขปีต่อท้ายไปตรงๆ ก็ได้ 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง: 

The post ไฟป่าก็มีชื่อด้วย ทำไมคนอเมริกันต้องตั้งชื่อไฟป่า appeared first on THE STANDARD.

]]>