ประภัสร์ จงสงวน – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 08 May 2023 05:04:31 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เลือกตั้ง 2566 : เศรษฐาประกาศกลางวงแท็กซี่หลังรับฟังปัญหา พรรคเพื่อไทยจะไม่ยกกระทรวงคมนาคมให้ใคร เพราะมีนโยบายต้องสานต่อ https://thestandard.co/srettha-pheu-thai-taxi-union/ Mon, 08 May 2023 05:04:31 +0000 https://thestandard.co/?p=786847

วานนี้ (7 พฤษภาคม) แกนนำเพื่อไทยนำโดย เศรษฐา ทวีสิน แคน […]

The post เลือกตั้ง 2566 : เศรษฐาประกาศกลางวงแท็กซี่หลังรับฟังปัญหา พรรคเพื่อไทยจะไม่ยกกระทรวงคมนาคมให้ใคร เพราะมีนโยบายต้องสานต่อ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วานนี้ (7 พฤษภาคม) แกนนำเพื่อไทยนำโดย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย, พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร, ดนุพร ปุณณกันต์ รองประธานรณรงค์หาเสียงพื้นที่กรุงเทพมหานคร, ขัตติยา สวัสดิผล และ ประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พบปะผู้ให้บริการรถแท็กซี่และรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รับฟังการสะท้อนประเด็นปัญหาค่ารถแท็กซี่ขั้นต่ำและระบบการขนส่งสาธารณะ

 

ตัวแทนของกลุ่มสหกรณ์แท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ได้ผลัดเปลี่ยนกันสะท้อนปัญหา โดยปัญหาหลักคือการมีคู่แข่งเป็นแอปพลิเคชัน การที่คนขับแท็กซี่ไม่มีรัฐสวัสดิการรองรับ สิทธิ 30 บาทต้องใช้เพียงในจังหวัดตามภูมิลำเนา 

 

ด้านประธานกลุ่มสหกรณ์แท็กซี่กล่าวว่า หลังจากวิกฤตโควิด กลุ่มคนขับแท็กซี่พบเจอปัญหามากมาย ทั้งคนที่ไม่มีเงินจ่ายค่าไฟแนนซ์ ไม่มีหน่วยงานไหนเหลียวแล จนมีข่าวแท็กซี่ฆ่าตัวตายรายวัน น่าเสียดายที่ 4 ปีที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล เพราะตนเชื่อว่าหากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาทางตนและสหกรณ์ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของทักษิณ และในรัฐบาลของยิ่งลักษณ์มาโดยตลอด เช่น การประมูลการนั่งรถแท็กซี่ที่ขับเคลื่อนโดย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรและสหกรณ์ในขณะนั้น เพื่อนำเงินมาก่อตั้งกองทุนให้กับสหกรณ์ผู้ขับรถแท็กซี่

 

อีกทั้งในเรื่องของพลังงาน ที่ค่าน้ำมัน ค่าก๊าซแพงขึ้น แต่ค่ามิเตอร์ของแท็กซี่ยังคงเริ่มต้นที่ 35 บาทเท่าเดิมมา 10 ปี ทำให้ผู้ขับแท็กซี่ขาดทุน จากที่เคยขับแท็กซี่วันละ 8 ชั่วโมงก็มีรายได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย แต่ปัจจุบันต้องขับถึง 15 ชั่วโมงต่อวันเพื่อมีรายได้เพียงพอ

 

โดยตนเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อไทยจะได้รับชัยชนะและจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน จึงอยากฝากปัญหาทั้งหมดดังกล่าวให้ทางพรรคเพื่อไทยนำไปแก้ไขเชิงนโยบาย

 

ด้านเศรษฐากล่าวว่า แท็กซี่ถือเป็นกลไกเศรษฐกิจที่สำคัญ กระทบกับการท่องเที่ยว ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ หลังเลือกตั้งทางพรรคเพื่อไทยจะส่งคณะทำงานด้านคมนาคมกลับมารับฟังปัญหาของทางกลุ่มแท็กซี่อีกครั้ง 

 

โดยทางพรรคเพื่อไทยจะมีข้อเสนอการยกระดับและพัฒนาการบริการดีขึ้น รถสะอาดขึ้น สนับสนุนให้มีการใช้รถ EV เพื่อลดปัญหาทางด้านพลังงาน และข้อจำกัดของการลงทะเบียนของรถแท็กซี่อีกด้วย

 

ทั้งนี้เราจะมีการพูดคุยกับธนาคารออมสินเรื่องติดบูโร รวมไปถึงการแก้ไขระบบมิเตอร์ของแท็กซี่ให้มีความเป็นธรรมยิ่งขึ้น เช่น

 

  1. สวัสดิการ ทำอาชีพสุจริตมาตลอดก็ต้องมีการดูแล

 

  1. อัตราการเก็บค่าบริการ ซึ่งเชื่อมโยงกับป้ายดำ แอปที่จะทำให้เข้ามาเกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน การแข่งขันต้องมีความเป็นรรม เข้าถึงได้ทุกคน 

 

  1. เรื่องคุณภาพ สเปกของรถที่จะนำมาใช้เป็นแท็กซี่ 

 

  1. เรื่องพลังงานที่ไม่ใช่ปัญหาของแท็กซี่อย่างเดียว แต่เป็นปัญหาของพี่น้องทุกคน เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นรากฐานของปัญหา

 

  1. NPL แหล่งเงินทุน ซึ่งเกิดจากโควิด โดยไม่อยากให้ยึดแท็กซี่ เพื่อให้มีทำมาหากิน 

 

ช่วงหนึ่งตัวแทนของกลุ่มสหรณ์แท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ถามเศรษฐาว่า ถามคุณตรงนี้เลยว่าถ้าเพื่อไทยตั้งรัฐบาล คุณจะเอากระทรวงคมนาคมให้พรรคอื่นหรือไม่ 

 

เศรษฐาตอบว่า “ผมลงพื้นที่หาเสียงมา 60 กว่าวัน เป็นไข้มา 10 กว่าวัน กระทรวงคมนาคมเป็นกระทรวงสำคัญ เรามีนโยบายที่จะผลักดัน ผมพูดตรงๆ เราจะไม่ยกให้ใคร” ทำให้ตัวแทนของกลุ่มสหกรณ์แท็กซี่และวินมอเตอร์ไซค์ปรบมือให้กับเศรษฐา 

The post เลือกตั้ง 2566 : เศรษฐาประกาศกลางวงแท็กซี่หลังรับฟังปัญหา พรรคเพื่อไทยจะไม่ยกกระทรวงคมนาคมให้ใคร เพราะมีนโยบายต้องสานต่อ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: มีแต่คำถามเพิ่ม! ประภัสร์ชี้ ผู้ว่าฯ รฟท. ควรให้ข้อเท็จจริงปมเปลี่ยนป้าย 33 ล้านบาท | THE STANDARD https://thestandard.co/thestandardnow050166-2/ Fri, 06 Jan 2023 01:54:26 +0000 https://thestandard.co/?p=733403

มีแต่คำถามเพิ่ม! ประภัสร์ชี้ ผู้ว่าฯ รฟท. ควรให้ข้อเท็จ […]

The post ชมคลิป: มีแต่คำถามเพิ่ม! ประภัสร์ชี้ ผู้ว่าฯ รฟท. ควรให้ข้อเท็จจริงปมเปลี่ยนป้าย 33 ล้านบาท | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

]]>

มีแต่คำถามเพิ่ม! ประภัสร์ชี้ ผู้ว่าฯ รฟท. ควรให้ข้อเท็จจริงปมเปลี่ยนป้าย 33 ล้านบาท ชัดเจน หลังศักดิ์สยามตอบกระทู้สดไม่ตรงกับข้อชี้แจง รฟท. ก่อนหน้านี้

The post ชมคลิป: มีแต่คำถามเพิ่ม! ประภัสร์ชี้ ผู้ว่าฯ รฟท. ควรให้ข้อเท็จจริงปมเปลี่ยนป้าย 33 ล้านบาท | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

]]>
พงศกร-ประภัสร์ คัมแบ็กเพื่อไทย หลังก่อนหน้านี้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย หวังผนึกกำลังแลนสไลด์ https://thestandard.co/pongsakorn-annopporn-prapat-chongsanguan-back-into-pheu-thai/ Fri, 08 Jul 2022 04:44:23 +0000 https://thestandard.co/?p=651584 พงศกร-ประภัสร์

วันนี้ (8 กรกฎาคม) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษ […]

The post พงศกร-ประภัสร์ คัมแบ็กเพื่อไทย หลังก่อนหน้านี้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย หวังผนึกกำลังแลนสไลด์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
พงศกร-ประภัสร์

วันนี้ (8 กรกฎาคม) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดน่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับแกนนำพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวต้อนรับอดีตสมาชิกกลับมาร่วมงานกับพรรค ได้แก่ 

 

  • พงศกร อรรณนพพร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และอดีตประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่พรรคไทยสร้างไทย
  • พชรกร อรรณนพพร บุตรชายของพงศกร 
  • ประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย, อดีตผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และอดีตผู้อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พรรคไทยสร้างไทย 

 

นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเชื่อว่าทั้งสามท่านจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทย ให้เป็นความหวังและสร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพงศกร ที่จะเป็นกำลังสำคัญในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อไปสู่การแลนด์สไลด์ขอนแก่นในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง รวมไปถึงประภัสร์ที่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถทางด้านคมนาคมคนสำคัญ มาช่วยกันสร้างสรรค์นโยบายเพื่อพี่น้องประชาชน และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นการส่งสัญญาณถึงผู้มีอำนาจว่าพรรคเพื่อไทยมีความพร้อม และมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่จะนำพาอนาคตของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน 

 

ด้านพงศกรกล่าวว่า ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้โอกาสในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ซึ่งที่ผ่ามมาได้มีโอกาสพบปะพี่น้องประชาชน และได้รับเสียงสะท้อนขอให้กลับมายังพรรคเพื่อไทยให้เกิดแลนด์สไลด์อย่างถล่มทลายอีกครั้ง ซึ่งเราในฐานะที่เป็นตัวแทนประชาชน ต้องรับฟังเสียงสะท้อนของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก จึงตัดสินใจกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เพื่อความสุขของพี่น้องประชาชนอีกครั้ง

 

ส่วนประภัสร์กล่าวว่า ตนกับพรรคเพื่อไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาโดยตลอด เพราะเคยลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคพลังประชาชน ซึ่งภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ งานด้านการคมนาคมยังมีปัญหาอีกมากที่จะต้องเร่งแก้ไข เพื่อบรรเทาและแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน

 

สำหรับพงศกรและประภัสร์เคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ก่อนจะลาออกไปร่วมตั้งพรรคไทยสร้างไทยกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในช่วงปลายปี 2563 กระทั่งตัดสินใจกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง 

The post พงศกร-ประภัสร์ คัมแบ็กเพื่อไทย หลังก่อนหน้านี้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย หวังผนึกกำลังแลนสไลด์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
มากันครบทีม ‘สุดารัตน์-ศิธา-ประภัสร์’ ขอคะแนนคนจตุจักร เลือกศิธาเป็นผู้ว่าฯ กทม. แก้ปากท้อง หนี้นอกระบบ https://thestandard.co/bkk-election-2022-sudarat-sita-praphat/ Mon, 02 May 2022 02:48:18 +0000 https://thestandard.co/?p=623646 พรรคไทยสร้างไทย

เย็นวานนี้ (1 พฤษภาคม) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ปร […]

The post มากันครบทีม ‘สุดารัตน์-ศิธา-ประภัสร์’ ขอคะแนนคนจตุจักร เลือกศิธาเป็นผู้ว่าฯ กทม. แก้ปากท้อง หนี้นอกระบบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
พรรคไทยสร้างไทย

เย็นวานนี้ (1 พฤษภาคม) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย น.ต. ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พรรคไทยสร้างไทย เบอร์ 11 วิศาล กองเงิน ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตจตุจักร พรรคไทยสร้างไทย เบอร์ 6 ประภัสร์ จงสงวน ผู้อำนวยการกองการเลือกตั้ง พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร รับฟังเสียงของผู้ค้ารายย่อยและประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายใช้สอย

 

จากการลงพื้นที่ตลาดนัดจตุจักร น.ต. ศิธา ตั้งข้อสังเกตว่า ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเริ่มกลับมาเที่ยวตลาดนัดจตุจักรบ้าง แต่ก็ยังห่างไกลกับช่วงเวลาปกติ ทำให้รายได้หดหายจากเดิมไปหลายเท่า เป็นผลให้เงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจไม่เพียงพอ ผู้ค้ารายย่อยจำเป็นต้องหาแหล่งเงินกู้เพื่อให้กิจการเดินต่อไปได้ ผู้ค้าจำนวนมากต้องหันมาพึ่งพาหนี้นอกระบบ เพราะไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้หลักได้ และต้องรับภาระดอกเบี้ยที่แพงมหาโหด

 

น.ต. ศิธา กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยมีนโยบายที่ตอบโจทย์คนตัวเล็กใน กทม. โดยเล็งเห็นว่าปัญหาปากท้อง ปัญหาหนี้นอกระบบ จะต้องได้รับการแก้ไขให้เร็วที่สุด หากตนได้รับโอกาสจากคนกรุงเทพฯ ให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ตนพร้อมจะผลักดันกองทุนเครดิตประชาชนเพื่อคนตัวเล็กหรือกองทุนคนตัวเล็ก เพื่อแก้หนี้นอกระบบ และทำให้คนกรุงเทพฯ ตั้งตัวได้ทันที ซึ่งสามารถกู้ได้ในวงเงิน 5,000 บาท หากรักษาเครดิตได้ดีจะสามารถกู้ได้สูงสุด 50,000 บาท สามารถผ่อนจ่ายได้ตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 3 ปี ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน โดยไม่ต้องมีสินทรัพย์ค้ำประกัน

 

นอกจากนี้คุณหญิงสุดารัตน์ย้ำกับผู้ค้าและประชาชนที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในตลาดนัดจตุจักรว่า พรรคไทยสร้างไทยมีความตั้งใจจริง และมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ที่ผู้ว่าฯ กทม. คนก่อนเพิกเฉย ละเลย หาก น.ต. ศิธา ได้รับโอกาสจากคนกรุงเทพฯ ให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. 

 

“ดิฉันมั่นใจว่า น.ต. ศิธา จะพัฒนากรุงเทพฯ ให้ดียิ่งขึ้นทุกมิติ และจะทำในสิ่งที่ผู้ว่าฯ กทม. คนก่อนไม่เคยทำ และมั่นใจว่าทีม ส.ก. ไทยสร้างไทยทั้ง 50 เขต มีความพร้อมที่จะดูแลและแก้ไขปัญหาทุก 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ”

The post มากันครบทีม ‘สุดารัตน์-ศิธา-ประภัสร์’ ขอคะแนนคนจตุจักร เลือกศิธาเป็นผู้ว่าฯ กทม. แก้ปากท้อง หนี้นอกระบบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประภัสร์ ไทยสร้างไทย ขอคนกรุงเทพฯ เลือกผู้ว่าฯ ที่ทำงานจริง-ไม่สร้างภาพ ให้โอกาสศิธาช่วยพัฒนา กทม. https://thestandard.co/bkk-election-2022-thaisangthai-party/ Tue, 19 Apr 2022 07:48:17 +0000 https://thestandard.co/?p=618871 ประภัสร์ จงสงวน

วันนี้ (19 เมษายน) ประภัสร์ จงสงวน ผู้อำนวยการกองการเลื […]

The post ประภัสร์ ไทยสร้างไทย ขอคนกรุงเทพฯ เลือกผู้ว่าฯ ที่ทำงานจริง-ไม่สร้างภาพ ให้โอกาสศิธาช่วยพัฒนา กทม. appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประภัสร์ จงสงวน

วันนี้ (19 เมษายน) ประภัสร์ จงสงวน ผู้อำนวยการกองการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.)  ของพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย ประพนธ์ เนตรรังษี คณะกรรมการบริหารพื้นที่ และ ภัทร ภมรมนตรี ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 6 กทม. ลงพื้นที่รณรงค์หาเสียงช่วย พาริส เจริญศิลป์ ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตราชเทวี ลงพื้นที่ตลาดสถานีรถไฟมักกะสัน และบ้านพักพนักงานรถไฟมักกะสัน พร้อมรับฟังปัญหาร่วมกับชุมชนริมทางรถไฟมักกะสัน 

 

ประภัสร์กล่าวว่า กรณีที่การรถไฟเข้าเซ็นสัญญาการทำสร้างรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งมีที่ดินบ้านพักพนักงานรถไฟมักกะสัน แต่กลับไม่มีมาตรการรองรับพนักงานการรถไฟว่าจะให้ไปอยู่แห่งใด เพราะต้องเข้าใจว่าไม่ใช่คิดจะย้ายคนออกก็สามารถทำได้เลย มีทั้งเรื่องโรงเรียนและที่พักอาศัย ที่ต้องมีเวลาเตรียมการ จึงเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่ารัฐไม่ได้ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน แต่เป็นการเอื้อให้กลุ่มทุนเข้ามาตักตวงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความสงสัยว่ามาตรฐานการจัดการเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไร หรือว่าคนรถไฟไม่ใช่ประชาชนหรือ

 

ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบว่ามีปัญหาด้านความปลอดภัยของคนในชุมชน ทั้งสายไฟ และปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจำเป็นจะต้องพัฒนาและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุม เพื่อให้คนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางให้ได้ใช้บริการอย่างปกติทัดเทียมให้มากที่สุด 

 

ประภัสร์กล่าวต่อไปว่า พรรคไทยสร้างไทย โดย น.ต. ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 11 และผู้สมัคร ส.ก. ไทยสร้างไทยยกทีม มีนโยบาย Bangkok Creative City ที่จะยกระดับการพัฒนาชุมชน โดยการกระจายงบประมาณไปยังชุมชน เพื่อดึงศักยภาพของพื้นที่ โดยเฉพาะชุมชนริมทางรถไฟที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถสร้างความน่าสนใจของชุมชน สร้างโอกาสในการทำมาหากิน จากวัฒนธรรม วิถีชุมชน และสถาปัตยกรรม รวมถึงของดีของอร่อยเฉพาะถิ่นในพื้นที่มาสร้างจุดเด่นได้ โดยเฉพาะชุมชนประวัติศาสตร์การรถไฟมักกะสันที่มีเรื่องราว สามารถเป็นแหล่งชุมชนการท่องเที่ยวได้ แต่น่าเสียดายว่าชุมชนดังกล่าวอยู่ในข่ายที่ต้องให้ออกจากพื้นที่ตามสัญญาการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน 

 

“ผมขอเน้นย้ำพี่น้องประชาชนและคนทำงานการรถไฟให้พิจารณาผู้สมัครฯ เลือกคนที่ทำงานจริงจัง อย่าหลงกลคนที่สร้างภาพไปวันๆ ทั้งที่ตัวเองไม่ใช่คนทำงาน ซึ่งได้ทำมาอย่างเป็นกระบวนการมาโดยตลอด ที่คำพูดกับการกระทำสวนทางกัน เพื่อสร้างความนิยมให้ตัวเองมีคะแนนสูงขึ้น แต่ลับหลังกลับไปทำอีกอย่าง ผมจึงไม่เชื่อว่าคนเพียงคนเดียวจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที จำเป็นต้องมีทีม ส.ก. คอยสนับสนุนการทำงาน”

 

ประภัสร์ยืนยันว่า ความตรงไปตรงมาจึงเป็นหัวใจสำคัญที่แสดงออกถึงความจริงใจกับพี่น้องประชาชน จึงขอโอกาสให้พี่น้องประชาชนไว้วางใจเลือก น.ต. ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 11 ที่มีตัวตน คิดต่างเพื่อคนกรุงเทพฯ และผู้สมัคร ส.ก. ไทยสร้างไทยยกทีม ที่สำคัญจะได้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และประภัสร์ จงสงวน เข้ามาช่วยพัฒนากรุงเทพมหานครด้วย

The post ประภัสร์ ไทยสร้างไทย ขอคนกรุงเทพฯ เลือกผู้ว่าฯ ที่ทำงานจริง-ไม่สร้างภาพ ให้โอกาสศิธาช่วยพัฒนา กทม. appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยสร้างไทยตั้ง ‘ประภัสร์ จงสงวน’ เป็น ผอ.เลือกตั้ง กทม. เตรียมเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ และ ส.ก. 30 มี.ค. นี้ https://thestandard.co/thaisangthai-set-up-prapat-director-of-the-election-of-bangkok/ Tue, 29 Mar 2022 07:14:35 +0000 https://thestandard.co/?p=611694 ไทยสร้างไทยตั้ง ‘ประภัสร์ จงสงวน’ เป็น ผอ.เลือกตั้ง กทม. เตรียมเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ และ ส.ก. 30 มี.ค. นี้

วันนี้ (29 มีนาคม) สุธา ชันแสง ผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย […]

The post ไทยสร้างไทยตั้ง ‘ประภัสร์ จงสงวน’ เป็น ผอ.เลือกตั้ง กทม. เตรียมเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ และ ส.ก. 30 มี.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยสร้างไทยตั้ง ‘ประภัสร์ จงสงวน’ เป็น ผอ.เลือกตั้ง กทม. เตรียมเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ และ ส.ก. 30 มี.ค. นี้

วันนี้ (29 มีนาคม) สุธา ชันแสง ผู้บริหารพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า พรรคไทยสร้างไทยได้เปิดกองอำนวยการการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่า ฯ กทม.) และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ของพรรคไทยสร้างไทย โดยมี ประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. 

 

ดร.โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการ ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย เป็นผู้อำนวยการนโยบายพัฒนา กทม. และ สุธา ชันแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่ภาค กทม.

 

ประภัสร์กล่าวว่า พรรคไทยสร้างไทยภายใต้การนำของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย มีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างยิ่งในการสร้างกรุงเทพฯ ให้ดีที่สุด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเศรษฐกิจที่รุ่งเรืองของชาวกรุง จึงได้คัดสรรผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่มี DNA ของพรรค สามารถนำนโยบายของพรรคไปสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นบ้านที่มีความสุขของคนกรุง

 

พร้อมคัดสรรผู้สมัคร ส.ก. ที่มีความรู้ มีคุณภาพ และมีจิตวิญญาณของผู้รับใช้ประชาชน เพื่อมารับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ ซึ่งที่ผ่านมาว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. ของพรรคได้ลงพื้นที่ดูแลความทุกข์ยากให้พี่น้องประชาชนอย่างจริงจังในทุกวัน โดยเฉพาะช่วงวิกฤตโรคระบาดโควิดที่ผ่านมา ว่าที่ผู้สมัครได้ดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องชาว กทม. อย่างแข่งขัน ทั้งการลงพื้นที่ตรวจ ATK ตามชุมชน ประสานงานรับ-ส่งผู้ป่วยโควิดไปยังโรงพยาบาล เพื่อลดผู้ป่วยสีเขียวที่อาจกลายเป็นผู้ป่วยสีเหลืองรวมหลายหมื่นคน รวมถึงประสานงานฉีดวัคซีน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนตามชุมชนต่างๆ ทั่ว กทม.

 

สุธาแสดงความมั่นใจว่า ผู้สมัครผู้ว่า ฯ กทม. และผู้สมัคร ส.ก. ของพรรค จะเป็นผู้รับใช้ที่ตอบโจทย์ชาว กทม. ได้ เพราะได้คัดเลือกผู้สมัครเป็นอย่างดี โดยเฉพาะคุณสมบัติที่ต้องมี DNA ตรงกับที่พรรคต้องการ นั่นคือการทำงานจริงจัง ฟังเสียงประชาชน มุ่งยุติความขัดแย้ง รับฟังความเห็นต่าง มุ่งสร้างเศรษฐกิจ โดยเน้นการขจัดอุปสรรคจากรัฐราชการอำนาจนิยมที่กดทับประชาชน สร้างพลังให้ประชาชน(Empower) และปลดปล่อย (Liberate) เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาทำมาหากินได้เร็วที่สุด แข็งแรงที่สุด 

 

ซึ่งจะมีการเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าราชการฯ กทม. และ ส.ก. อย่างเป็นทางการ รวมถึงนโยบายของพรรคในการพัฒนา กทม. ในวันที่ 30 มีนาคมนี้ 

 

โดยยืนยันว่าพรรคไทยสร้างไทยมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาว กทม. หลังต้องเผชิญวิกฤตในหลายด้าน ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง วิกฤตเศรษฐกิจ การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้พี่น้องชาวประชาเกิดความทุกข์ยาก พรรคไทยสร้างไทยจึงพร้อมทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทรัพยากรทั้งหมดที่มี ร่วมกับพี่น้องประชาชน สร้างกรุงเทพฯ ที่ดีที่สุดอีกครั้ง โดยเฉพาะการสนับสนุนให้พี่น้องชาว กทม. สามารถทำมาหากินและดำรงชีวิตผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ไปให้ได้ ตามปณิธานของพรรคที่มุ่งมั่นจะร่วมกันสร้างกรุงเทพฯ ที่ดีที่สุด เพื่อความสุขของชาว กทม.

The post ไทยสร้างไทยตั้ง ‘ประภัสร์ จงสงวน’ เป็น ผอ.เลือกตั้ง กทม. เตรียมเปิดตัวผู้สมัครผู้ว่าฯ และ ส.ก. 30 มี.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
มองย้อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 9 ปี ศึกชิงเมืองกรุงภายใต้การเมือง 2 พรรคใหญ่ ฝ่ายค้าน vs. รัฐบาล https://thestandard.co/9-years-history-of-bangkok-governor-election/ Mon, 28 Mar 2022 08:34:57 +0000 https://thestandard.co/?p=611275 มองย้อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 9 ปี ศึกชิงเมืองกรุงภายใต้การเมือง 2 พรรคใหญ่ ฝ่ายค้าน vs. รัฐบาล

ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) […]

The post มองย้อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 9 ปี ศึกชิงเมืองกรุงภายใต้การเมือง 2 พรรคใหญ่ ฝ่ายค้าน vs. รัฐบาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
มองย้อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 9 ปี ศึกชิงเมืองกรุงภายใต้การเมือง 2 พรรคใหญ่ ฝ่ายค้าน vs. รัฐบาล

ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ปี 2547 จำนวนผู้มาใช้สิทธิคือ 2,472,486 คน คิดเป็นร้อยละ 62.5 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 3,955,855 คน

 

ครั้งนั้น อภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้สมัครหน้าใหม่ เบอร์ 1 จากพรรคประชาธิปัตย์ คว้าชัยด้วย 911,441 คะแนน ชนะอันดับ 2 คือ ปวีณา หงสกุล เบอร์ 7 คู่แข่งสำคัญที่ถูกมองว่าได้รับการสนับสนุนจากพรรคฝั่งรัฐบาลไทยรักไทยเวลานั้น ได้ 619,039 คะแนน และอันดับ 3 คือ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากคนกรุงถึง 334,168 คะแนน ในสนามนี้ยังมีผู้สมัครที่ได้เสียงเกิน 100,000 คะแนน อีก 3 คน คือ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง, ร.ต.อ. นิติภูมิ นวรัตน์ และ พิจิตต รัตตกุล 

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 


 

หลังจบการเลือกตั้งครั้งนี้ ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้สำรวจในเรื่อง ผู้ว่าฯ คนใหม่ของชาวกรุงเทพฯ ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 1 กันยายน 2547 


ต่อคำถามเรื่อง เหตุผลในการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม. นั้น กลุ่มเป้าหมายที่เลือก อภิรักษ์ โกษะโยธิน ร้อยละ 27.2 ตอบว่าเลือกเพราะชื่นชอบในนโยบายและทีมงาน ร้อยละ 17.8 ชอบที่เป็นคนหนุ่มไฟแรง ขณะที่ร้อยละ 6.6 ตอบว่าเลือกเพราะชอบพรรคประชาธิปัตย์ และร้อยละ 4.2 ตอบว่าต้องการให้มาถ่วงดุลอำนาจรัฐบาล

 

ส่วนกลุ่มเป้าหมายที่เลือก ปวีณา หงสกุล มีเหตุผลหลักๆ คือ ชื่นชอบผลงานในอดีตที่ทำงานเพื่อส่วนรวม (ร้อยละ 35.6)  รองลงมาคือ ต้องการให้โอกาสผู้หญิงได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. (ร้อยละ 23.1) 

 

ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ยังได้นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจสำหรับการวิจัยครั้งนี้คือ สาเหตุที่ ปวีณา หงสกุล ไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. นั้น กลุ่มตัวอย่างถึงร้อยละ 46.5 เชื่อว่าเป็นผลมาจากข่าวที่ว่ามีพรรคไทยรักไทยให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

 

อย่างไรก็ดี ชัยชนะอย่างเป็นทางการของการส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ในรอบ 29 ปี นับตั้งแต่ปี 2518 นั้นไม่ใช่การชนะในทุกเขตเลือกตั้ง แม้ว่าเขตชั้นในอย่างพระนคร, ป้อมปราบศัตรูพ่าย, ปทุมวัน, สัมพันธวงศ์, บางรัก, ยานนาวา, สาทร และบางคอแหลม จะชนะขาดลอย แต่ยังมีมากกว่าสิบเขตที่ไม่ได้ทิ้งห่างอันดับสองมากนักอย่างบางกะปิ, ลาดพร้าว, วังทองหลาง, บึงกุ่ม, สวนหลวง, วัฒนา, ดินแดง, จตุจักร, จอมทอง, คลองสาน, ธนบุรี, บางกอกน้อย, บางแค และทวีวัฒนา

 

ในขณะที่มีถึง 5 เขตที่ปวีณาชนะขาดลอย ได้แก่ บางเขน, ดอนเมือง, หนองจอก, สายไหม และลาดกระบัง ซึ่งปัจจุบันก็ยังดูเป็นเขตหลักของเจ้าแม่เมืองหลวง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อยู่ด้วย 

 

แต่การเลือกตั้งสมัยต่อมา ในปี 2551 อภิรักษ์ โกษะโยธิน นอกจากจะรักษาเก้าอี้เจ้าพ่อเมืองกรุงไว้ได้ด้วยคะแนนเสียง 991,018 คะแนน จากจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิร้อยละ 54.18 % ทิ้งห่าง ประภัสร์ จงสงวน จากพรรคพลังประชาชน (ก่อนจะถูกยุบพรรค และปัจจุบันเป็นพรรคเพื่อไทย) ที่ได้ 543,488 คะแนน และ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ได้ 340,616 คะแนน ซึ่งในเวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) อยู่ถึง 34 คน จาก 57 คน ส่วนพรรคไทยรักไทยมี 19 คน และมีสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร (ส.ข.) พรรคประชาธิปัตย์ 204 คน พรรคไทยรักไทย 138 คน จากทั้งหมด 357 คน 

 

ในการเลือกตั้งสมัยที่ 2 นี้ แคนดิเดตจากประชาธิปัตย์ยังได้คะแนนชนะเป็นอันดับ 1 ในทุกเขตเลือกตั้ง เกือบทุกเขตทิ้งห่างขาดลอย มีเขตที่ชนะไม่ขาดลอยเพียง 3 เขต ได้แก่ สายไหม ดอนเมือง ที่ห่างกันประมาณ 3,000 คะแนน และดุสิตที่ห่างกันประมาณ 1,600 คะแนน

 

ในปี 2552 มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อีกครั้ง เมื่อ อภิรักษ์ โกษะโยธิน ลาออก หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดในคดีจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิง ซึ่งประชาธิปัตย์ส่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร มาลงเลือกตั้งรักษาเก้าอี้ให้พรรคไว้ได้ แต่ในคราวนี้ประชาธิปัตย์ก็ถูกเจาะพื้นที่ได้ถึง 4 เขต ได้แก่ ดุสิต, ดอนเมือง, สายไหม และลาดกระบัง

 

แต่ในศึกสำคัญที่ชนกันระหว่างสองพรรคอย่างชัดเจนที่สุดคือ การเลือกตั้งในปี 2556 ที่พรรคเพื่อไทยส่ง พล.ต.อ. พงศพัศ พงษ์เจริญ แม้จะพ่ายแพ้ แต่เพื่อไทยก็เอาชนะได้ถึง 11 เขต โดยในเวลานั้นพรรคประชาธิปัตย์มี ส.ข. ถึง 210 ที่นั่ง จากทั้งหมด 256 ที่นั่ง และมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) อีก 23 คน จาก 33 เขต ใน กทม. 

 

ที่สำคัญการเลือกตั้งเชิงสัญญะครั้งนี้มีผู้มาใช้สิทธินับว่ามากที่สุดคือ ร้อยละ 63.98 ซึ่งต้องไม่ลืมว่าอัตราผู้มาใช้สิทธิที่เกิน 60% นั้นมีแค่ 2 ครั้งเท่านั้น โดยครั้งแรกคือ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปี 2547 ส่วนครั้งอื่นๆ ที่เกินร้อยละ 50 ก็มีเพียง 2 ครั้ง และเกินร้อยละ 40 อีก 1 ครั้ง ที่เหลือก็ต่ำกว่าร้อยละ 40 ทั้งสิ้น 

 

แม้ชัยชนะครั้งนี้ยังเป็นของประชาธิปัตย์ แต่ก็เรียกได้ว่าชนะแบบหืดขึ้นคอ ด้วยคะแนนระหว่าง 1,256,349 ต่อ 1,077,899 ประชาธิปัตย์ถูกเพื่อไทยเจาะพื้นที่เพิ่มจากการเลือกตั้งปี 2552 ถึง 7 เขต โดยมีถึง 5 เขตที่เพื่อไทยชนะขาดลอย ได้แก่ ดุสิต, บางเขน, ดอนเมือง, สายไหม และลาดกระบัง 

 

ส่วนอีก 6 เขตที่ยังไม่ห่างมาก ได้แก่ หลักสี่, บางซื่อ, คลองสามวา, คันนายาว, หนองจอก และหนองแขม และยังมีอยู่ 3 เขตที่หายใจรดต้นคอคือ ภาษีเจริญ, ราษฎร์บูรณะ และตลิ่งชัน ที่ก็ห่างกันไม่ถึงพันคะแนนด้วย ซึ่งการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ก็เป็นที่ชัดเจนว่าไม่ใช่การเลือกเพื่อหาคนเข้ามาทำงาน ทีมรองผู้ว่าฯ จึงไม่ได้ถูกนำเสนอเท่าที่ควรอีกเช่นเคย 

 

สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 ยังไม่มีแคนดิเดตรายไหนเปิดตัวทีมรองผู้ว่าฯ โดยมีเปิดให้เห็นกันบ้างแล้วถึงทีมงานและเครือข่ายสนับสนุน

 

ต้องติดตามกันต่อไปว่าเสียงส่วนใหญ่ของคนกรุงครั้งนี้จะเลือกผู้ว่าฯ อยู่บนฐานคิดแบบไหน และผู้สมัครอิสระหรือสังกัดพรรคจะคว้าชัยในสนามเลือกตั้งรอบนี้

 

เกาะติดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่ Facebook: THE STANDARD

The post มองย้อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 9 ปี ศึกชิงเมืองกรุงภายใต้การเมือง 2 พรรคใหญ่ ฝ่ายค้าน vs. รัฐบาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประภัสร์ จี้การรถไฟฯ แจงความชัดเจนจัดการหัวลำโพง ย้อนที่มา ร.5 ทรงสร้างเพื่อประชาชน ไม่ใช่การพาณิชย์ https://thestandard.co/prapat-announced-bangkok-train-station-build-for-citizen-not-for-commercialize/ Fri, 19 Nov 2021 04:58:40 +0000 https://thestandard.co/?p=561652 หัวลำโพง

วันนี้ (19 พฤศจิกายน) ประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการร […]

The post ประภัสร์ จี้การรถไฟฯ แจงความชัดเจนจัดการหัวลำโพง ย้อนที่มา ร.5 ทรงสร้างเพื่อประชาชน ไม่ใช่การพาณิชย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
หัวลำโพง

วันนี้ (19 พฤศจิกายน) ประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ดำเนินรายการโดย ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และ อมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ เผยแพร่ทางช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30

 

กรณีมีข่าวสับสนเรื่องการพัฒนาสถานีรถไฟหัวลำโพงจะมีการทุบหรือไม่ จะหยุดเดินรถไฟเข้าหัวลำโพงหรือไม่ ความจริงจะมีการจัดการอย่างไรกับหัวลำโพง 

 

ประภัสร์กล่าวว่า เรื่องสถานีรถไฟหัวลำโพงมีการพูดกันตั้งแต่เริ่มก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ ในหลักการเราคำนึงถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสถานีรถไฟหัวลำโพง ความจำเป็นของประชาชนที่นั่งรถไฟสายยาวเข้ามาถึงหัวลำโพง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและสะดวกกับประชาชน เพราะการเดินทางมาเส้นทางนี้ส่วนใหญ่จะมีสัมภาระเยอะ หากจะให้ลงสิ้นสุดเส้นทางที่บางซื่อก็เห็นว่าไม่เหมาะสม จึงให้เฉพาะรถขบวนยาววิ่งมาถึงหัวลำโพง รถไฟเข้าช่วงเช้า หากประชาชนจะต้องขนสัมภาระขึ้นรถไฟฟ้าช่วงเช้าซึ่งมีผู้โดยสารแน่นอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยทั้งการขนสัมภาระและค่าเดินทาง

 

แนวคิดการเริ่มสร้างสถานีกลางบางซื่อ คือจะมีทั้งสถานีกลางบางซื่อ และยังมีขบวนยาวที่มาหัวลำโพง 

 

ต่อมามีการเปลี่ยนแปลง ตอนแรกข่าวค่อนข้างสับสน โดยมีข่าวว่าจะทุบหัวลำโพง ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องกับรถไฟ ทราบประวัติความเป็นมาเป็นไป เกิดคำถามว่าทำไมต้องทุบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบอกว่าทุบเพื่อไปพัฒนาทางธุรกิจ มันยิ่งไปกันใหญ่เลย ถามว่าเราไม่คำนึงถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาตรงนี้เลยหรือ 

 

ตรงนั้นเป็นสถานที่สำคัญ เป็นสถานที่ที่รัชกาลที่ 5 ท่านทรงตอกหมุดของรถไฟ เราจะไม่นึกถึงตรงนี้กันเลยหรือ ถ้าเราจะเอาแต่เพียงว่าเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการเงินของรถไฟ จริงๆ แล้วการรถไฟฯ มีที่ดินในกรุงเทพฯ หลายที่ที่สามารถพัฒนาได้ เอาง่ายๆ แถวคลองเตยมีที่ 100 กว่าไร่เหมือนกัน เป็นที่ผืนใหญ่อยู่ริมแม่น้ำ ถ้าอยากจะได้พื้นที่ที่สวยงามตรงข้ามบางกระเจ้าเลย ทำไมไม่ใช้พื้นที่ตรงนั้น ทำไมต้องเอาที่หัวลำโพง ทำไมต้องมาพูดถึงเรื่องการทุบ แล้วพอมีข่าวออกไป ก็เปลี่ยนเรื่องการทุบเป็นว่าไม่ทุบจะคงส่วนหนึ่งไว้ แล้วอีกส่วนก็จะไปพัฒนาเป็นอาคารสูง

 

“ผมถามว่าแถวนั้นอาคารสูงมันไม่เยอะเกินไปแล้วหรือครับ ถนนพระราม 4 อย่างเดียวมีโครงการตั้งกี่โครงการแล้ว วันนี้ถนนพระราม 4 เองก็แน่นจนไม่รู้จะแน่นอย่างไรแล้ว มีปัญหาทั้งเรื่องการจราจร ปัญหาเรื่องการระบายน้ำ ทุกครั้งที่ฝนตกหนัก แถวนั้นน้ำท่วมหมด คือเราคิดอะไรของเราอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงนั้นเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ แล้วก็กระทบกระเทือนจิตใจของคนที่รักรถไฟ 

 

“ผมว่าทางนโยบายน่าจะลองคิดทบทวนสักนิด การรถไฟฯ มีที่ตั้งเยอะในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดก็มี ถ้าท่านอยากจะพัฒนาจริงๆ พัฒนาให้ความเจริญไปสู่ข้างนอกบ้าง น่าจะดีกว่าไหม ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนรอบๆ ก็ได้

 

“หลักการเดิมรถไฟคือเข้ามาสู่ใจกลางเมือง จะเห็นได้ว่าทุกจังหวัดที่รถไฟผ่าน จุดที่เป็นสถานีคือใจกลางของจังหวัด ถ้ามีปัญหาเช่นนี้ ต่อไปในอนาคตก็คงจะมีการบอกให้ย้ายสถานีรถไฟจากกลางเมืองซึ่งที่ราคาสูงออกไปข้างนอกทั้งหมด แล้วไม่นึกถึงพี่น้องประชาชนที่ต้องใช้เดินทางเลยหรือ ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ

 

“อย่างที่เรียน วันนี้ข่าวยังค่อนข้างจะสับสน แต่อยากจะให้ผู้บริหารชี้แจงทางกระทรวงคมนาคมว่าความเป็นมา จะเกิดผลกระทบอย่างไร โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับผลกระทบควรจะได้รับการพิจารณามากที่สุด เพราะรัชกาลที่ 5 ท่านสร้างรถไฟมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ไม่ใช่บอกให้มาทำเรื่องการพาณิชย์” ประภัสร์กล่าว

 

ผู้ดำเนินรายการถามว่า มีข่าวสับสนจะปิดการเดินรถเข้า-ออกหัวลำโพงทุกขบวนตั้งแต่ 24 ธันวาคมนี้ ขณะเดียวกันมีแหล่งข่าวเป็นใครก็ไม่ทราบบอกว่าจะพัฒนาหัวลำโพงเป็นศูนย์คมนาคมกลางเมืองและแหล่งท่องเที่ยวใหม่เชิงวัฒนธรรมร่วมสมัย ถ้าเป็นศูนย์คมนาคมกลางเมืองแสดงว่ายังต้องมีการเดินรถอยู่ใช่หรือไม่ สรุปแล้วจะมีการเดินรถหรือไม่ 

 

ประภัสร์กล่าวว่า ข่าวที่ออกมาเป็น ‘แหล่งข่าว’ ตลอด บางทีเป็นแหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมบ้าง แหล่งข่าวจากการรถไฟฯ บ้าง ทุกคนก็สับสนหมด เพราะถ้าจะมีการปิดจริง ถามว่ามีการเตรียมการอะไรบ้างสำหรับประชาชนที่ต้องเดือดร้อน หรือมีข่าวลอยๆ ว่าให้ไปใช้รถไฟฟ้าเสียเงินเพิ่มอีกคนละ 40 กว่าบาท หรือใช้รถเมล์ 

 

“ผมถามว่าท่านคิดถึงหัวอกประชาชนไหมที่เขาเดินทาง โดยเฉพาะช่วงเช้ากับเย็น กว่าจะเดินทางระหว่างบางซื่อกับหัวลำโพง ไป-กลับใช้เวลากี่ชั่วโมง ถ้าไปรถไฟฟ้าชั่วโมงเร่งด่วนเป็นเรื่องยากมากที่จะขึ้นรถไฟฟ้าแล้วไปต่อรถไฟ เรื่องพวกนี้มีการคิดหรือเปล่า หรือเพียงแต่ว่าปล่อยข่าวออกมาให้ประชาชนรู้กันเอง ถึงเวลาก็ทำกันไป ถึงเวลาก็ช่วยไม่ได้ อ้างว่าบอกแล้ว ผมว่ามันไม่ค่อยถูกในเชิงการบริหารประเทศ ผมขอเรียนว่า การรถไฟฯ เองต้องทำความชัดเจน จริงๆ แล้วการรถไฟฯ มีหน้าที่ที่จะต้องชี้แจงให้ทางกระทรวงคมนาคมทราบถึงภารกิจหลักของการรถไฟฯ คืออะไร” 

 

ผู้ดำเนินรายการถามว่า ทำไมการรถไฟฯ และกระทรวงคมนาคม มีความลับไม่เปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ

 

ประภัสร์กล่าวว่า ทุกเรื่องกลายเป็นความลับ รวมถึงรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินก็เป็นความลับ วันนี้มีใครได้เห็นสัญญาจริงๆ จังๆ บ้าง หมายถึงตัวสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบินของ CP และเอกสารแนบท้ายสัญญาทั้งหมด มีใครเห็นบ้าง สื่อมวลชนเคยเห็นไหม 

 

“หัวใจอยู่ที่เอกสารแนบท้ายสัญญา เพราะเอกสารสัญญาไม่มีอะไร ส่วนใหญ่รายละเอียดจะอยู่ในเอกสารแนบท้ายสัญญา วิธีการทำสัญญาประเภทนี้ทุกอย่างจะเอาไว้ในเอกสารท้ายสัญญา รายละเอียดอะไรตกลงกันอย่างไร ทั้งหมดต้องไปดูในนั้น 

 

“วันนี้ท่านนายกฯ เองก็มีนโยบายเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินการ จึงอยากเห็นการนำนโยบายของนายกฯ ไปปฏิบัติอย่างจริงจังในทุกหน่วยงานว่ามีแผนทำอะไรกันแน่ การปล่อยข่าวให้สังคมรับรู้กันอย่างไม่เป็นทางการไม่ใช่วิธีการบริหารราชการที่ดี” ประภัสร์กล่าวในที่สุด

The post ประภัสร์ จี้การรถไฟฯ แจงความชัดเจนจัดการหัวลำโพง ย้อนที่มา ร.5 ทรงสร้างเพื่อประชาชน ไม่ใช่การพาณิชย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยรักษาชาติเดินหน้าปราศรัยที่ชัยนาท ชวนคนใช้สิทธิเลือกฝ่ายประชาธิปไตย สกัดสืบทอดอำนาจ https://thestandard.co/thailandelection2562-thai-safe-the-nation-party-23/ https://thestandard.co/thailandelection2562-thai-safe-the-nation-party-23/#respond Tue, 26 Feb 2019 02:39:22 +0000 https://thestandard.co/?p=208745

(25 ก.พ.) พรรคไทยรักษาชาติลงพื้นที่และเปิดเวทีปราศรัยที […]

The post ไทยรักษาชาติเดินหน้าปราศรัยที่ชัยนาท ชวนคนใช้สิทธิเลือกฝ่ายประชาธิปไตย สกัดสืบทอดอำนาจ appeared first on THE STANDARD.

]]>

(25 ก.พ.) พรรคไทยรักษาชาติลงพื้นที่และเปิดเวทีปราศรัยที่จังหวัดชัยนาท พื้นที่ของ นายสมชาย สิทธิบรวงษ์ ผู้สมัคร ส.ส. ชัยนาท เขต 1 ของพรรค นำโดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจ และนายประภัสร์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์

 

โดยนายจาตุรนต์ปราศรัยถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นการกำหนดอนาคตประเทศแล้วยังเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ย่ำแย่ของประชาชนให้หลุดพ้นจากอำนาจของ คสช.

 

ส่วนพรรคพลังประชารัฐที่ตั้งไว้รองรับการสืบทอดอำนาจนอกเหนือจาก ส.ว. แต่งตั้ง 250 คนนั้นกระแสกำลังตกต่ำ และพรรคนี้มีนโยบายเหมือนกับรัฐบาลที่ดำเนินการมา ทั้งยังวางยุทธศาสตร์ชาติไว้อีก 20 ปี จึงต้องสกัดการสืบทอดอำนาจให้ได้

 

นายจาตุรนต์ยังไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ. ข้าวที่จะทำให้นายทุนขนาดใหญ่ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ข้าว และเห็นว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไม่ควรออกกฎหมายอะไรออกมาอีก เพราะใกล้จะหมดวาระแล้ว แต่ก็ดึงดันออกกฎหมาย เพราะไม่สนใจความชอบธรรมและประชาชน เนื่องจาก สนช. ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

 

พร้อมย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีรัฐบาลประชาธิปไตยเข้าไปแก้ปัญหาให้ประชาชนทั้งประเทศ และเจรจากับต่างชาติเกี่ยวกับการค้าการลงทุนต่างๆ รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับการประมงที่จะต้องต่อรองเพื่อให้ชาวประมงทำมาหากินได้ หลังถูกบีบรัดจนต้องสูญเสียอาชีพจากนโยบาย คสช. และกลายเป็นปัญหาจนกระทั่งปัจจุบัน

 

ขณะที่นายณัฐวุฒิกล่าวว่าบรรยากาศการหาเสียงเข้มข้นขึ้นในโค้งสุดท้ายสำหรับการเลือกตั้งที่มีเวลาเหลืออีกไม่ถึง 1 เดือน และประชาชนแสดงออกชัดเจนว่าจะเดินหน้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ไม่เอาการสืบทอดอำนาจ

 

ขณะเดียวกันก็จะเห็นอาการของฝ่ายผู้มีอำนาจและแกนนำพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจที่พูดจาหยาบคาย ไม่ให้เกียรติประชาชน เป็นลักษณะคล้ายกับหัวหน้า คสช. ที่ใช้คำหยาบคาย ท้าทายคนให้มาไล่ออกจากตำแหน่ง พร้อมยืนยันว่าการต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตยคือใช้ปากกาเลือกผู้แทน ไม่ใช่การใช้อาวุธห้ำหั่นหรือการท้าตีท้าต่อย

 

นายณัฐวุฒิปราศรัยอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งบริหารประเทศด้วยระบอบอำนาจนิยมที่ไม่ฟังเสียงประชาชน สร้างรัฐราชการ ทำให้อำนาจรัฐใหญ่ขึ้น และประชาชนตัวเล็กลง โดยเฉพาะจากกฎหมายที่ออกมาหลายฉบับ

 

รวมถึง พ.ร.บ. ข้าวที่ สนช. กำลังผลักดัน ซึ่งนายณัฐวุฒิเสนอว่าผู้มีอำนาจควรสั่งถอนร่างกฎหมายนี้ออกไปทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมกับย้ำว่าจะปล่อยบ้านเมืองให้อยู่กับกลุ่มผู้มีอำนาจปัจจุบันต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ดังนั้นประชาชนต้องร่วมกันใช้สิทธิเลือกฝ่ายประชาธิปไตยเข้าไปแก้ปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่

 

The post ไทยรักษาชาติเดินหน้าปราศรัยที่ชัยนาท ชวนคนใช้สิทธิเลือกฝ่ายประชาธิปไตย สกัดสืบทอดอำนาจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/thailandelection2562-thai-safe-the-nation-party-23/feed/ 0