ปฏิรูปตำรวจ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 16 May 2024 13:28:05 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘ปฏิรูปตำรวจ’ วาทกรรมฟุ้งฝันที่อาจเป็นจริงได้ หากไร้ซึ่งนายกฯ-การเมืองครอบงำ https://thestandard.co/key-messages-police-reform-possible/ Thu, 16 May 2024 13:28:05 +0000 https://thestandard.co/?p=934466 ปฏิรูปตำรวจ

จากเวทีหารือหัวข้อ ‘ปฏิรูปตำรวจ โดยตำรวจและประชาชน’ ที่ […]

The post ‘ปฏิรูปตำรวจ’ วาทกรรมฟุ้งฝันที่อาจเป็นจริงได้ หากไร้ซึ่งนายกฯ-การเมืองครอบงำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปฏิรูปตำรวจ

จากเวทีหารือหัวข้อ ‘ปฏิรูปตำรวจ โดยตำรวจและประชาชน’ ที่จัดขึ้นในวันที่ 16 พฤษภาคม โดยสมาคมตำรวจ ร่วมกับสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ชมรมพนักงานสอบสวนตำรวจ และภาคประชาชน

 

คีย์เวิร์ดหลักที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะทำให้วาทกรรมที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยจนแทบจะเป็นเรื่องฟุ้งฝันประสบความสำเร็จได้คือ การที่ตำรวจต้องไร้ซึ่งการเมืองครอบงำ

 

โดยคำว่า ‘ไร้’ หรือไม่มีในที่นี้หมายถึงการปราศจากซึ่งอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของฝ่ายการเมือง เข้ามาบริหารจัดการ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กำหนดทิศทาง ตัดสินความเป็นไปขององค์กรตำรวจที่มีฟันเฟืองมากกว่า 2 แสนชีวิต

 

ในเวทีหารือครั้งนี้ประกอบด้วยอดีตข้าราชการตำรวจ นักวิชาการ และภาคประชาชน

 

  • พล.ต.อ. วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ ประธานชมรมพนักงานสอบสวน
  • พล.ต.อ. วินัย ทองสอง นายกสมาคมตำรวจ
  • พล.ต.อ. ศักดา เตชะเกรียงไกร นายกสมาคมโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
  • พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ ที่ปรึกษาชมรมพนักงานสอบสวน
  • พ.ต.ท. กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี และประธานกรรมการ คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต
  • นพดล กรรณิกา คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัย SUPER POLL 
  • ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLaw 

 

ความเป็นมาก่อนการหารือร่วมกัน

 

เพราะที่ผ่านมาประชาชนขาดความศรัทธาในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และตำรวจ ผู้ซึ่งถือว่ามีบทบาทในการปฏิบัติตามกฎหมายและทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 

 

แต่กลับถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรงจากกรณีที่ผู้บริหาร 2 คน ถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์และการฟอกเงิน จนนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ทั้ง 2 คนออกจากรั้ว ตร. ไปปฏิบัติหน้าที่ในสำนักนายกรัฐมนตรี 

 

สมาคมตำรวจและภาคีเครือข่ายที่ตามสังเกตการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ตกตะกอนแล้วว่าเหตุทั้งหมดไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นเรื่องการบริหารงานภายในองค์กร หากไม่ได้รับการแก้ไขก็จะมีแต่ทำให้องค์กรเสื่อมความศรัทธา

 

ฉะนั้นวัตถุประสงค์ของการเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปตำรวจในครั้งนี้ เพื่อผลักดันให้มีการแก้ไของค์ประกอบของ ก.ตร. โดยต้องกำหนดให้ประธานมาจากการเลือกตั้งของข้าราชการตำรวจเท่านั้น 

 

จัดตั้งคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ กองบัญชาการ (ก.ตร.บช.) ให้มีขึ้นในกองบัญชาการต่างๆ เพื่อกำกับดูแลการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจภายในอำนาจของกองบัญชาการนั้นๆ โดย ก.ตร.บช. ประกอบด้วย 14 คน คือ

 

  1. ประธาน ก.ตร.บช. มาจากการเลือกตั้งของข้าราชการตำรวจในกองบัญชาการนั้นๆ 
  2. ผู้บัญชาการเป็นรองประธาน ก.ตร.บช. 
  3. รองผู้บัญชาการเป็นกรรมการ 
  4. ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มาจากการเลือกตั้งของข้าราชการตำรวจ 6 คน 

 

ทางคณะยังมีความเห็นว่า ต้องปรับปรุงกฎหมายในส่วนของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) โดยให้จัดตั้งสำนักงาน ก.พ.ค.ตร. ขึ้น เพื่อรองรับการทำงานของ ก.พ.ค.ตร. แทน จากเดิมที่ใช้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (สง.ก.ตร.) เป็นหน่วยสนับสนุนการทำงาน

 

ทั้งนี้ ก.พ.ค.ตร. ซึ่งเปรียบเสมือนศาลปกครองชั้นต้น จำเป็นที่จะต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะด้านในเรื่องดังกล่าวมารองรับสนับสนุนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายในส่วนของคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) โดยแก้ไขที่มาและองค์ประกอบของ ก.ร.ตร. ให้มีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการพิจารณาคดีวินัย การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน การวินิจฉัยข้อกฎหมาย เพื่อให้ตรงกับภารกิจหน้าที่ของ ก.ร.ตร. และให้มีการจัดตั้งสำนักงาน ก.ร.ตร. ขึ้น โดยไม่ใช้บุคลากรของ ตร. เพื่อรองรับการทำงานของ ก.ร.ตร. แทน จากเดิมที่ใช้สำนักงานจเรตำรวจเป็นหน่วยสนับสนุนการทำงาน

 

และส่วนสุดท้ายคือ รื้อฟื้นแท่งงานสอบสวน เพื่อแก้ไขปัญหาการบริหารงานบุคคลสายงานสอบสวนที่ขาดโอกาสในการเจริญก้าวหน้า ต้องให้พนักงานสอบสวนมีเส้นทางการเจริญเติบโตได้โดยการประเมิน สามารถขึ้นดำรงตำแหน่งที่สูงกว่าในสายงานของตัวเองได้ และสามารถได้รับการเลื่อนตำแหน่งจนถึงระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

 

ตำรวจเองก็หวังให้ปฏิรูปแล้วเปลี่ยนแปลง

 

นพดลกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เคยสำรวจเสียงของประชาชนเรื่องการปฏิรูปองค์กรตำรวจไปแล้ว ซึ่งอย่าลืมว่าเสียงของตำรวจเองก็สำคัญ จึงเกิดการสำรวจข้อมูลฝั่งของตำรวจเรื่องการปฏิรูปองค์กรตำรวจด้วย 

 

การสำรวจที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นการสำรวจจากตำรวจทุกสายงานคือ ตำรวจในสถานีตำรวจ, สายงานป้องกัน, สายงานปราบปราม, สายงานด้านสืบสวนสอบสวน และสายงานด้านจราจร

 

นพดลระบุว่า SUPER POLL สำรวจ 3 ด้าน ด้านแรกคือเรื่องความรู้สึกของตำรวจ 

 

  • ร้อยละ 79.8 มองว่าตำรวจปัจจุบันไม่เพียงพอต่อการดูแลประชาชน ทั้งประชาชนในภูมิลำเนาและประชากรแฝง
  • ร้อยละ 72.6 มองว่ากฎหมายเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพนักงานสอบสวน กฎหมายใหม่ที่ออกมาที่ทำให้ตำรวจต้องทำงานเชื่อมประสานกับศาล มีความซับซ้อนขึ้น รวมไปถึงเงื่อนไขต่างๆ อาทิ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ
  • ร้อยละ 67.5 รู้สึกว่ารายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ตำรวจมีหนี้สิน
  • ร้อยละ 65.3 รู้สึกว่าประชาชนมีอคติต่อตำรวจ 
  • ร้อยละ 64.4 มองว่าประชาชนผู้เสียหายใช้อินฟลูเอ็นเซอร์ สื่อโซเชียล กดดันให้ตำรวจทำงานเกินขอบเขตของกฎหมาย
  • ร้อยละ 59 มองว่าประชาชนคาดหวังต่อตำรวจสูงเกินหน้าที่ของตำรวจเอง
  • ร้อยละ 57 มองว่าการแต่งตั้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม

 

คำตอบอื่นๆ อีกร้อยละ 24.8 ระบุว่า ระบบคุณธรรมไม่มีอยู่จริง, ผู้บังคับบัญชานำภาระงานอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการดูแล ไม่เกี่ยวกับงานตำรวจมามอบหมายให้ทำ

 

ด้านที่ 2 ความรู้สึกในการเป็นตำรวจ ความภูมิใจ และความรักในอาชีพ 

 

  • ร้อยละ 82.9 ระบุว่า ยังมีมากถึงมากที่สุด 
  • ร้อยละ 11.7 อยู่ที่ระดับปานกลาง 
  • ร้อยละ 5.4 น้อยถึงน้อยที่สุด

 

ด้านที่ 3 ได้สอบถามความคิดเห็นถึงเรื่องความหวังต่อการปฏิรูปองค์กรตำรวจ

 

  • ร้อยละ 96.5 ระบุว่า ปฏิรูปแล้วขอให้ตำรวจมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น 
  • ร้อยละ 96.1 ขอให้ปลอดการแทรกแซงจากการเมือง
  • ร้อยละ 93.4 ขอให้เพิ่มตำรวจสายตรวจ สายป้องกันและปราบปราม ดูแลประชาชนให้ทั่วถึง ปฏิรูปแล้วต้องคืนตำรวจให้ประชาชน ไม่เอาตำรวจไปเดินตามนักการเมืองและผู้มีอิทธิพล 
  • ร้อยละ 92.6 ขอให้ตำรวจที่เชี่ยวชาญเติบโตในหน่วยงานของตนเอง
  • ร้อยละ 90.5 ขอให้แก้ไขการคัดเลือกคนมาเป็นตำรวจให้มีทัศนคติที่ดีต่อหน้าที่ตำรวจ ต่อประเทศชาติ ต่อประชาชน 
  • ร้อยละ 80.9 ปฏิรูปแล้วต้องสามารถกู้คืนศักดิ์ศรีให้กับตำรวจได้อย่างแท้จริง

 

ของดีราคาถูกไม่มีในโลก

 

ด้าน พล.ต.อ. วินัย กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ภาพลักษณ์ของตำรวจตกต่ำถึงขีดสุด จากผลสำรวจจะเห็นว่า มีพี่น้องประชาชนถึงร้อยละ 93 หรือแม้แต่ตำรวจที่ทั้งรับราชการอยู่และเกษียณอายุราชการไปแล้ว ได้เรียกร้องให้ต้องมีการปฏิรูปองค์กรตำรวจ ฉะนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำคือ เพิ่มความศรัทธาว่าปฏิรูปแล้วองค์กรตำรวจจะต้องดีขึ้น

 

โดยกำหนดหลักการปฏิรูปไว้ 4 อย่าง

 

  1. ปฏิรูปตำรวจแล้วประชาชนได้อะไร
  2. พฤติกรรมตำรวจที่ไม่ถูกต้องต้องได้รับการแก้ไข
  3. แก้ไขความขาดแคลนของตำรวจ
  4. แก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ในส่วนที่ไม่ถูกต้อง

 

พล.ต.อ. วินัย กล่าวในส่วนการแก้ไขความขาดแคลนของตำรวจว่า งบประมาณ เครื่องมือ สวัสดิการ และเบี้ยเลี้ยงตามโรงพักขาดแคลน ตัวอย่างเช่น งบสืบสวนการติดตามจับกุมคนร้าย ขณะนี้ตำรวจมีไม่เพียงพอ สังคมเองต้องการให้จับกุมคนร้ายให้รวดเร็ว ซึ่งการเดินทางของตำรวจเพื่อลงพื้นที่จำเป็นต้องใช้งบประมาณ จากที่เคยของบไป 100% ตำรวจกลับได้งบเพียง 40% 

 

“ค่าน้ำมันรถยนต์ให้เดือนละ 3,000 บาท จักรยานยนต์ 1,000 บาทต่อเดือน สะท้อนว่างบประมาณสาธารณูปโภคไม่เพียงพอ” พล.ต.อ. วินัย กล่าว

 

พล.ต.อ. วินัย กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตำรวจต้องทำคดีและดูแลค่าใช้จ่ายเอง ต้องเรียนตามตรงว่า ของดีราคาถูกไม่มีในโลก ท่านต้องลงทุน การที่คณะฯ มาเรียกร้องในครั้งนี้ เพื่อขอให้งบประมาณเพียงพอต่อการทำงานของตำรวจ ไม่ได้เรียกร้องมากเกินความจำเป็น แต่เป็นการเรียกร้องให้ตำรวจทุกคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ให้มีความสามารถดูแลครอบครัวได้

 

ต้องปฏิรูปที่ใจของผู้มีอำนาจที่จะปฏิรูป

 

ด้าน พ.ต.ท. กฤษณพงค์ กล่าวถึงการประเมินหลักนิติธรรมของประเทศไทยว่า ในปี 2566 คะแนนดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรมของประเทศไทยได้คะแนนอยู่ที่ 0.49 คะแนน จากเต็ม 1 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก และลดลงมาอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อคะแนนดัชนีดังกล่าวไม่ดี สะท้อนว่าการคอร์รัปชันในประเทศก็จะไม่ดีตามไปด้วย

 

ตามหลักสากลระบบบริหารงานตำรวจมี 3 แบบคือ รวมศูนย์อำนาจ, กระจายอำนาจ และผสมผสาน ประเทศไทยใช้แบบรวมศูนย์อำนาจมาเป็นร้อยปี มีต้นแบบมาจากประเทศอังกฤษ แต่ปัจจุบันประเทศอังกฤษเองได้เปลี่ยนเป็นแบบกระจายอำนาจไปแล้ว

 

พ.ต.ท. กฤษณพงค์ กล่าวถึงการที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก.ตร. มีอำนาจในการเสนอชื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า เป็นการสะท้อนถึงความเชื่อมโยงการเมืองกับตำรวจ ซึ่งองค์กรตำรวจยังอยู่กับการเมืองมาตั้งแต่สมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 จนถึงยุคปัจจุบัน 

 

“ตัวผมเองและประชาชนรวมทั้งข้าราชการตำรวจอยากเห็นพรรคการเมืองใดก็ตามประกาศว่าจะทำให้ตำรวจดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อการเมือง แต่เพื่อคนในประเทศนี้ เพื่ออาชญากรรมที่ลดลง” พ.ต.ท. กฤษณพงค์ กล่าว

 

พ.ต.ท. กฤษณพงค์ กล่าวต่อว่า หลัก 3P ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของตำรวจ ประกอบด้วย Police ตำรวจ, People ประชาชน และ Political will เจตจำนงทางการเมือง ที่ผ่านมาตำรวจและประชาชนเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปมาต่อเนื่องแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏเรื่องเจตจำนงทางการเมืองให้เห็น

 

“ตำรวจถ้าทำงานอย่างมีความสุขบนพื้นฐานความพร้อม ประชาชนก็จะอยู่ดีมีสุข ถ้าตำรวจได้รับความเป็นธรรมเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย การปฏิบัติต่อประชาชนก็จะได้รับความเป็นธรรม ประการสำคัญคือ ผู้นำที่มีอำนาจในการปฏิรูปตำรวจต้องมีภาวะผู้นำ เสียสละ ตัดสินใจเพื่อประโยชน์สาธารณะ สิ่งสำคัญที่สุดกว่านั้นคือ ต้องปฏิรูปที่ใจของผู้มีอำนาจที่จะปฏิรูป” พ.ต.ท. กฤษณพงค์ กล่าว

 

ตำรวจไม่ดีมีโอกาสเจริญเติบโตกว่า

 

พล.ต.อ. ศักดา กล่าวว่า จุดมุ่งหมายที่สำคัญเรื่องการปฏิรูปตำรวจคือการให้ความสำคัญกับสถานีตำรวจ การจะสัมผัสเข้าถึงใจของประชาชนได้คือการให้บริการ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย โรงพักได้รับการดูแลที่น้อยเกินไป

 

ที่ผ่านมาเราให้ความสำคัญเฉพาะ ตร. ฉะนั้นเวลาที่ผ่านมามีการปฏิรูป สิ่งที่ได้คือตำแหน่งที่เพิ่มขึ้น มีตำแหน่งแจกจ่ายกัน มีการเจริญเติบโตโดยสร้างตำแหน่งใหม่ขึ้นมา ส่วนตัวคิดว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้หลงลืมการดูแลการปฏิบัติงานและประสิทธิภาพของโรงพัก

 

พล.ต.อ. ศักดา กล่าวต่อว่า ตัวตำรวจเองก็จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ภาพลักษณ์ในสายตาประชาชนและสื่อมวลชนด้วย ตำรวจไม่ดีมีมากพอสมควร แต่กลับไม่โดนลงโทษอะไรเลย หมายถึงคนที่ไปเก็บส่วย เดินสายหาเงิน ตำรวจพวกนี้กลับเจริญเติบโต ขณะที่ตำรวจที่ตั้งใจทำงาน ทำหน้าที่อย่างดี ไม่ได้รับการดูแลอย่างดี

 

“นายพลบางคนแทบไม่รู้จักงานสืบสวนสอบสวน แต่มาออกนโยบายแปลกๆ ให้โรงพัก โดยไม่ได้รู้จักสถานีตำรวจอย่างแท้จริง” พล.ต.อ. ศักดา กล่าว

 

ในส่วน พล.ต.อ. วุฑฒิชัย กล่าวถึงส่วนหนึ่งของเพลง มาร์ชพิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ระบุว่า ตำรวจที่ดีเป็นอย่างไร คือต้องไม่ทำผิดกฎหมาย และย้อนถามกลับว่า ปัจจุบันตำรวจเป็นอย่างไร ประชาชนรู้สึกอุ่นใจหรือไม่

 

พนักงานสอบสวนเป็นงานกระบวนการยุติธรรม ต้องสั่งสมประสบการณ์ ในปี 2559 เกิดการทำลายแท่ง (การเติบโตในสายงาน) พนักงานสอบสวน มีการยกเลิกแท่งพนักงานสอบสวนที่เคยมีไว้ตั้งแต่ปี 2547 แทนที่พนักงานสอบสวนจะมีความเป็นมืออาชีพ กลายเป็นต้องไปวิ่งเต้นสายงานอื่นเพื่อการเติบโตของตัวเอง

 

ประชาชนเปลี่ยนไป ตำรวจต้องปรับตัวเพื่อเปลี่ยนตาม

 

ด้าน พล.ต.อ. เอก กล่าวว่า การปฏิรูปตำรวจครั้งแรกเกิดสมัย พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ นำมาซึ่งการปฏิรูปครั้งที่ 2 สมัย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และมาถึงการปฏิรูปตำรวจครั้งที่ 3 ที่ประสบความสำเร็จคือยุคของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

ทั้งนี้ การปฏิรูปตำรวจจะสำเร็จ ตำรวจต้องเปลี่ยนแปลงก่อน ซึ่งเมื่อประชาชนมีความต้องการที่เปลี่ยนไป ตำรวจต้องปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสังคม

 

ปัญหาที่ต้องนำไปสู่การปฏิรูปตำรวจคือ

 

  1. เรื่องโครงสร้างการบริหารการรวมอำนาจ มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง 
  2. การบริหารงานบุคคล หัวใจคือต้องพัฒนาตำรวจ ที่ผ่านมาละเลยเรื่องคุณธรรม ซื้อขายตำแหน่ง มีเงินทุจริต
  3. การมีส่วนร่วมของประชาชนและกลไกในการตรวจสอบหน่วยงานต่างๆ 

 

พล.ต.อ. เอก กล่าวต่อว่า ปัจจุบันความคาดหวังของตำรวจและประชาชนสวนทางกัน ตำรวจเองก็มองว่าประชาชนมีความคาดหวังมากเกินไป ตำรวจก็มีข้อจำกัดในการทำงาน เพราะงบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ และเงินเดือนไม่เพียงพอ

 

ดังนั้นกรอบการเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจต้องมองว่าประชาชนได้อะไร พฤติการณ์ของตำรวจที่ไม่เหมาะสมคืออะไร และการแก้ไขความขาดแคลน รวมทั้งแก้ไขกฎหมายในการทำงาน

 

ทั้งนี้ การปฏิรูปเพื่อให้การบริหารบุคคลเป็นไปตามระบบคุณธรรม มีธรรมาภิบาล ต้องปรับโครงสร้าง ก.ตร. ประธานต้องมาจากการเลือกตั้ง, สัดส่วน ก.ตร. โดยตำแหน่งกับการเลือกตั้งเท่ากัน และ ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิมาจากการเลือกตั้งของ ก.ตร.

 

ประชาชนมีส่วนในการเปลี่ยนแปลง

 

ยิ่งชีพกล่าวว่า กระแสที่ประชาชนออกมาเรียกร้องอยากให้ปฏิรูปองค์กรตำรวจมีมานานแล้ว ตนเห็นด้วยกับมุมมองที่ว่า ปัจจุบันใครเข้าสู่อำนาจทางการเมือง ตำรวจก็พร้อมจะทำงานให้ และเมื่อตำรวจทำงานให้เพื่อรักษาอำนาจทางการเมือง เช่น การปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม การดำเนินคดีกับฝ่ายตรงข้าม ไม่ดำเนินคดีกับอีกฝ่ายหนึ่ง ผู้ที่มีอำนาจในการเมืองก็ไม่จำเป็นต้องเร่งให้มีการปฏิรูปตำรวจ เพราะตัวพวกเขาคือคนได้ประโยชน์

 

อย่างไรก็ตาม ประชาชนมีสิทธิที่จะเข้าชื่อเสนอหากต้องการจะแก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เพียง 10,000 รายชื่อ สามารถเสนอแก้ไขกฎหมายได้ แต่นอกเหนือจากการตอบรับจากประชาชน ตนก็อยากเห็นภาพจากตำรวจหรืออดีตตำรวจที่ชูธงการปฏิรูปองค์กรมาร่วมลงชื่อด้วยเช่นกัน

 

“ผมเชื่อว่าพลังจากภายในของตำรวจเอง รัฐบาลปฏิเสธได้ยาก ถ้าทุกท่านลงมือช่วยกันจริงก็น่าจะเป็นจริงได้ ฉะนั้นหวังว่ากระบวนการปฏิรูปองค์กรตำรวจนี้ จะเห็นว่าขับเคลื่อนในรัฐบาลชุดนี้ ถ้ารัฐบาลตอบรับหรือไม่ตอบรับ เราก็สามารถผลักดันในกระบวนการรัฐธรรมนูญและสมาชิกวุฒิสภาในอนาคต และหวังว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป นอกจากการปฏิรูปกองทัพ การศึกษาการปฏิรูปตำรวจน่าจะเป็นนโยบายที่พรรคการเมืองใช้หาเสียง” ยิ่งชีพกล่าว

 

บันไดขั้นแรกแบบรูปธรรม?

 

ในตอนท้ายของการแถลง พล.ต.อ. วินัย กล่าวสรุปว่า การออกมาเรียกร้องให้ ตร. และตำรวจต้องปฏิรูปผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นต้องเข้มงวดกวดขันสิ่งเหล่านี้ เพราะเราได้สะท้อนไปแล้วว่าประชาชนต้องการหรือไม่ต้องการอะไร

 

ตนเองอยากเห็นสถานีตำรวจมีงบประมาณ เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ เครื่องใช้สมบูรณ์ อยากเห็นหัวหน้าสถานีตำรวจเป็นคนดี มีความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต ได้รับการแต่งตั้งจากผลงาน ไม่ใช่การฝากฝัง

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในสถานีต้องเป็น Smart Police ทั้งร่างกายและจิตใจ เห็นทุกข์สุขพี่น้องประชาชนเหมือนทุกข์สุขของตัวเอง มีความกระตือรือร้นที่จะเข้าไปช่วยเหลือพี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อน หลายสิ่งที่เรียกร้องคือขอให้เพียงพอต่อตำรวจ ไม่ได้เรียกร้องอะไรให้มากเกิน

 

เมื่อถามว่า สิ่งที่จะเป็นรูปธรรม บันไดขั้นแรกของการปฏิรูปตำรวจคือสิ่งใด พล.ต.อ. วินัย กล่าวว่า เรามีข้อมูลว่ากำลังพลของแต่ละโรงพักมีเท่าใด เราก็จะต้องไปเรียกร้องให้มีจำนวนกำลังพลเพียงพอ และเราจะไปเรียกร้องการดูแลงบประมาณในเรื่องสาธารณูปโภค วิงวอนไปถึงทุกส่วน ไปถึงรัฐบาล ฝ่ายค้าน ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง

 

“แต่สิ่งที่ยากที่สุดในการปฏิรูปตำรวจคือ การที่ผู้มีอำนาจไม่ยอมปล่อยอำนาจ” พล.ต.อ. วินัย กล่าว

 

พล.ต.อ. เอก กล่าวเสริมว่า ตราบใดที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก.ตร. เหมือนท่านยืนอยู่ 2 ขา คืออีกขาหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของฝั่งการเมือง อีกขาเป็นผู้บัญชาการข้าราชการตำรวจ ฉะนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าจะมีการครอบงำของการเมืองในองค์กรตำรวจ

 

เมื่อถามว่า ประเด็นพนักงานสอบสวนที่จะปรับปรุงเรื่องการเติบโตทางหน้าที่จากการปฏิรูปครั้งนี้ จะมีมาตรการจัดการผู้ที่เคยล้มล้างระบอบที่มีมาอยู่ก่อนหน้านี้อย่างไร จะต้องมีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างไรบ้าง 

 

พล.ต.อ. วินัย ปัดตอบในคำถามดังกล่าว พร้อมระบุว่า ขอให้เรื่องนี้เป็นการพูดคุยกันนอกรอบการแถลง ขณะที่ พล.ต.อ. เอก กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้แก้ไขเรื่องนี้

 

เมื่อถามว่า การปฏิรูปตำรวจในครั้งนี้จะนำมาซึ่งการแก้ปัญหาคอร์รัปชันในองค์กรหรือไม่ 

 

พล.ต.อ. วินัย ระบุว่า ตนได้พูดตั้งแต่แรกแล้วว่า เราต้องมีศรัทธาว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้น เมื่อถามย้ำว่า ท่านยอมรับหรือไม่ว่าในองค์กรตำรวจมีการคอร์รัปชัน นพดลกล่าวแทรกว่า ทุกองค์กรมีปัญหาเรื่องการคอร์รัปชัน แต่องค์กรตำรวจเป็นองค์กรที่ถูกเพ่งเล็ง เพราะทำงานใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด

 

ขณะที่ พ.ต.ท. กฤษณพงค์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ระยะเร่งด่วนในการปฏิรูปที่ทำได้ทันที ผู้กำหนดนโยบายอย่างนายกรัฐมนตรี วันนี้ท่านทราบข้อมูลแล้วว่าตำรวจทำงานบนพื้นฐานความขาดแคลน ดังนั้นขอให้ท่านได้สำรวจว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายใดขาดแคลนอะไรบ้าง การที่ตำรวจทำงานบนพื้นฐานความขาดแคลนจะนำมาซึ่งปัญหาคอร์รัปชัน

 

และขอให้ตัวตำรวจกลับมาทบทวนตัวเองว่าทำงานตอบโจทย์ประชาชนแล้วหรือไม่ เคารพในตัวกฎหมายกฎระเบียบหรือไม่ ก่อนจะอยากเปลี่ยนแปลง ส่วนในระยะยาว ส่วนของท้องถิ่นก็จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมกับองค์กรตำรวจ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

 

สุดท้ายนี้ การปฏิรูปตำรวจในปี 2567 จะเป็นเพียงวาทกรรมที่ถูกหยิบยกมาสร้างกระแสตามวาระโอกาส หรือจะเป็นแผนการรื้อล้างองค์กรข้าราชการ 2 แสนคน ขึ้นอยู่กับคีย์เวิร์ดสำคัญอย่างคำว่า ‘อำนาจ’ 

 

ตัวผู้มีอำนาจควรจะต้องเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือไม่? การจัดสรรอำนาจแบบรวมศูนย์จะยังตอบโจทย์ประเทศไทยหรือเปล่า? อำนาจทางการเมืองมีผลต่อการปฏิรูปองค์กรนี้จริงแท้หรือ?

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

 

The post ‘ปฏิรูปตำรวจ’ วาทกรรมฟุ้งฝันที่อาจเป็นจริงได้ หากไร้ซึ่งนายกฯ-การเมืองครอบงำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
“ทุกปีมีแต่ข่าวตั๋วช้าง คนอยากเลิกเป็นตำรวจ เพราะเต็มไปด้วยเด็กฝาก” ชำแหละปัญหาสู่การปฏิรูปองค์กรสีกากี กับ พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ – วิโรจน์ ลักขณาอดิศร https://thestandard.co/problems-in-the-thai-police-org/ Fri, 29 Dec 2023 08:06:05 +0000 https://thestandard.co/?p=882544

องค์กรตำรวจไทยถือเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ประชาชนให้การจับต […]

The post “ทุกปีมีแต่ข่าวตั๋วช้าง คนอยากเลิกเป็นตำรวจ เพราะเต็มไปด้วยเด็กฝาก” ชำแหละปัญหาสู่การปฏิรูปองค์กรสีกากี กับ พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ – วิโรจน์ ลักขณาอดิศร appeared first on THE STANDARD.

]]>

องค์กรตำรวจไทยถือเป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ประชาชนให้การจับตาและสนใจอย่างมาก เนื่องจากตลอดปี 2023 มีเหตุการณ์อื้อฉาวมากมายซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ไม่ดีแก่สายตาชาวไทยและต่างชาติ เช่น รีดไถเงินดาราสาวไต้หวัน, ส่วยสติกเกอร์ทางหลวง, มาเฟียต่างจังหวัด รวมทั้งการเมืองสีกากี นำมาสู่การคอร์รัปชันกันเองในวงการตำรวจ 

 

รายการ THE STANDARD NOW ดำเนินรายการโดย อ๊อฟ-ชัยนนท์ หาญคีรีรัตน์ ในรูปแบบพิเศษ NOW AND NEXT 2024 ได้รับเกียรติจาก พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ และวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มาชำแหละปัญหาองค์กรตำรวจ สู่หนทางการปฏิรูปเพื่อความยั่งยืน

 

การบริหารคนในองค์กรตำรวจมีปัญหา

 

“ตำรวจที่ไม่ดีทั้งหลายเกิดจากระบบการบริหารบุคคลล้มเหลว ทำให้ไม่ได้ตำรวจที่ดีมาเป็นผู้บังคับบัญชา” พล.ต.อ. เอกกล่าวเริ่มต้น

 

ในสมัยก่อนที่เป็นยุคของ ผบ.ตร. เช่น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หรือ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว แม้จะมีปัญหาการบริหารหรือการทุจริตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ถ้าเทียบกับตอนนี้คงไม่หนักเท่า 

 

หากองค์กรตำรวจมีระบบการบริหารคนที่ดี มีระบบคุณธรรมที่ดี ก็จะได้บุคลากรที่รับมือกับตำรวจกว่า 2 แสนนาย เสมือนกับคำว่า

 

“ถ้าหัวหน้าดี ที่เหลือก็จะดีตามมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นปัญหาลูกโซ่ที่แก้ไม่รู้จบ”

 

การเติบโตของตำรวจในช่วง 8-9 ปี เต็มไปด้วยเด็กฝากและระบบอุปถัมภ์

 

“การเติบโตของตำรวจในช่วง 8-9 ปีที่ผ่านมาเต็มไปด้วยเด็กฝากและระบบอุปถัมภ์ ตำรวจที่ดีเขาให้กำลังใจ เพราะสังคมตำรวจในวันนี้เต็มไปด้วยเด็กฝาก ระบบอุปถัมภ์ แม้สมัยก่อนก็มีเด็กฝาก แต่สมัยก่อนกับสมัยนี้ฝากมันไม่เหมือนกัน” วิโรจน์กล่าวเสริม

 

เมื่อมีเด็กฝากมากขึ้น ปัญหาที่ตามมาคือ ตำรวจในโรงพักไร้ศักยภาพในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่พี่น้องประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาองค์กรตำรวจไทยไม่ได้สนับสนุนการทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวนแม้แต่น้อย ทำให้ทรัพยากรดังกล่าวขาดแคลน ไม่เพียงพอกับการรับมืออาชญากรรมทางไซเบอร์ 

 

ดังนั้น พนักงานสอบสวนที่เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการยุติธรรมไม่ได้รับการเหลียวแลงบประมาณ และการสนับสนุนมานานไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้ว

 

ตำรวจไม่ดีที่ถูกแฉ ไม่ใช่ว่าเพิ่งนิสัยไม่ดี แต่ก่อตัวมีอำนาจมาก่อนแล้ว

 

“คุณรู้หรือไม่ ตำรวจไม่ดีที่ถูกแฉ ถูกเป็นข่าว ไม่ใช่ว่าเพิ่งนิสัยไม่ดี แต่ก่อตัว สะสม และมีอำนาจต่อทอดกันมาก่อนแล้ว” วิโรจน์กล่าวต่อ

 

ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นคงหนีไม่พ้นโรงเรียน ในอดีตอาจมีเด็กฝากแค่ห้องเดียว ที่เหลือสอบเข้ามาได้หมด แต่ตอนนี้กลายเป็นเด็กฝากหมด ไม่มีสอบเข้ามาได้ ฉะนั้นลองจินตนาการดูว่า สภาพของโรงเรียนในยุคที่ฝากหมดไม่มีสอบเข้า ผลการเรียนของเด็กจะเป็นอย่างไร เด็กจะตั้งใจเรียนหรือไม่

 

หรือกล่าวอีกนัยว่า สังคมตำรวจในทุกวันนี้ โดยเฉพาะคนที่ตั้งใจทำงานจะเกิดอาการท้อแท้ ทำงานแทบตายสุดท้ายก็ไม่เติบโตในตำแหน่ง ถ้าอยากโตก็ต้องเปลี่ยนวัฒนธรรม มุมมองตนเองว่า คงต้องไปเป็นเหมือนคนที่ไม่ดี ซื้อตำแหน่ง 

 

“สุดท้ายคนดีที่ใจไม่แข็งก็ถูกดึงให้กลายเป็นคนไม่ดี แล้วองค์กรจะอยู่อย่างไร ขอถามหน่อยว่าตำรวจที่ไม่ดี ที่ฝากกันเข้ามา คุณภูมิใจเหรอที่ได้ตำแหน่ง ประชาชนแทนที่จะหนีร้อนมาพึ่งเย็น กลายเป็นคนพวกนี้ละทิ้งหน้าที่ไปดื้อๆ” วิโรจน์กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน

 

การซื้อขายตำแหน่ง ตั๋วช้าง-ส่วยสติกเกอร์มีข่าวทุกปี

 

 

“ตำรวจไม่ดีมีทุกยุคทุกสมัย มันอยู่ที่การจัดการตำรวจที่ไม่ดีว่าจริงจังขนาดไหนโดยผู้บังคับบัญชา” วิโรจน์ระบุ

 

ในปี 2023 ปัญหาการซื้อขายตำแหน่งหรือตั๋วช้าง (คือตั๋วตำรวจที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งใช้ในการซื้อ-ขายตำแหน่ง ถ้ามีตั๋วนี้ราคาตำแหน่งจะถูกลง 50% มีอำนาจมากที่สุด ขอแล้วได้ทันที) รวมทั้งส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกเกิดขึ้นมากมายแทบทุกเดือน 

 

ทั้งนี้ หากการจัดการกับการประพฤติมิชอบในหน้าที่ไม่ได้ตรวจสอบไปถึงตัวการ หรืออาจตรวจสอบถึงแต่แตะต้องตัวการไม่ได้ แล้วตำรวจน้ำดีจะมีกำลังใจในการทำงานได้อย่างไร ซึ่งในอดีตการไล่ล่ามีความเข้มข้นมาก ไล่ล่าจนผู้บังคับบัญชาไม่ได้มีโอกาสกลับขึ้นมาเป็นผู้กำกับใหม่และหมดอนาคตทันที

 

“แต่เราไม่เห็นการไล่ล่าแบบนี้ในยุคปัจจุบัน” วิโรจน์ขยายความ

 

หลายคนอยากเลิกเป็นตำรวจ แต่เลิกไม่ได้เพราะติดหนี้สหกรณ์

 

 

“หลายคนอยากเลิกเป็นตำรวจ แต่เลิกไม่ได้เพราะติดหนี้สหกรณ์ จริงๆ มีปัญหาเยอะ ทั้งงบน้อยและหนี้สินของพนักงานตำรวจ จนทำให้ตำรวจหลายคนต้องไปนั่งทำงานไซด์ไลน์” วิโรจน์กล่าว

 

ในสภาพแวดล้อมที่ตำรวจแทบจะไม่มีเงิน เสมือนมีแต่คำสั่ง งบประมาณไม่มา ย่อมส่งผลให้โจรที่เฝ้าติดตามหลุดรอดสายตาเจ้าหน้าที่ เนื่องจากงบประมาณขาดแคลน เมื่ออยากไล่ล่าโจรก็ต้องไปข้องเกี่ยวกับธุรกิจสีเทาเพื่อนำเงินมาใช้ลาดตระเวน สุดท้ายปัญหาก็ไม่จบสิ้น

 

การปฏิรูปตำรวจไทยจะเกิดได้จริงหรือไม่

 

พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 (พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ) กำหนดกระบวนการในการแต่งตั้งและเลื่อนตำแหน่งไว้ชัดเจนว่า ต้องคำนึงถึงอาวุโส ความรู้ ความสามารถ และความพึงพอใจในบริการที่ประชาชนได้รับ 

 

นอกจากนี้ ยังกำหนดระบบคุณธรรม ตลอดจนให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในกิจการตำรวจ ด้วยการให้เงินอุดหนุนแก่สถานีตำรวจ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ ซึ่ง พล.ต.อ. เอกเชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการปฏิรูปองค์กรตำรวจไทย แม้จะยังต้องใช้เวลาอีกนานก็ตาม

 

“ในระยะสั้นคงต้องใช้ระบบอาวุโส 50% และคนที่มีความรู้ความสามารถ 50% โดยต้องดึงกลุ่มคนอาวุโสขึ้นมาพิจารณาในตำแหน่งสำคัญๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ลดน้ำหนักของผู้อาวุโส และใช้น้ำหนักการพิจารณาจากความสามารถมาแข่งขัน” พล.ต.อ. เอกขยายความ

 

อย่าให้การเมืองแทรกแซง ก.ตร.

 

 

พล.ต.อ. เอกระบุอีกว่า คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. จำเป็นต้องเปลี่ยนสัดส่วนให้คณะกรรมการฯ มาจากการเลือกตั้งแทนที่การแต่งตั้งตำแหน่ง ซึ่ง ก.ตร. ควรต้องขยายไปต่างจังหวัด ไปทุกภูมิภาค ไม่ใช่มีแค่เฉพาะส่วนกลาง เพราะไม่มีใครจะรู้จักคนในพื้นที่เท่ากับประชาชนในพื้นที่

 

“ตอนนี้ ก.ตร. ดูแค่เฉพาะนายพล ระดับล่างปล่อยให้ผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจพิจารณา ถ้าจะสร้างกลไกที่ทำให้เข้มแข็งต้องให้ ก.ตร. ลงไปทุกภาค และประธาน ก.ตร. ต้องไม่ใช่นายกรัฐมนตรี เพราะถ้าตั้งนายกฯ มา การเมืองก็แทรกแซงตลอด อย่าให้การเมืองแทรกแซง ก.ตร. 

 

“นอกจากนี้ต้องให้ระบบคุณธรรมหนุนนำด้วย สังคมโปรดจับตาดูอย่างใกล้ชิดกับการปฏิรูปองค์กรตำรวจ” พล.ต.อ. เอกทิ้งท้าย

The post “ทุกปีมีแต่ข่าวตั๋วช้าง คนอยากเลิกเป็นตำรวจ เพราะเต็มไปด้วยเด็กฝาก” ชำแหละปัญหาสู่การปฏิรูปองค์กรสีกากี กับ พล.ต.อ. เอก อังสนานนท์ – วิโรจน์ ลักขณาอดิศร appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: กฤษณพงค์ ชำแหละปมแต่งตั้ง ผบ.ตร. ชี้ปฏิรูปตำรวจแบบนี้ หนีไม่พ้นการเมือง | THE STANDARD https://thestandard.co/thestandardnow051066-3/ Fri, 06 Oct 2023 00:10:35 +0000 https://thestandard.co/?p=851222 กฤษณพงค์ พูตระกูล

กฤษณพงค์ ชำแหละปมแต่งตั้ง ผบ.ตร. ชี้ปฏิรูปตำรวจแบบนี้ ห […]

The post ชมคลิป: กฤษณพงค์ ชำแหละปมแต่งตั้ง ผบ.ตร. ชี้ปฏิรูปตำรวจแบบนี้ หนีไม่พ้นการเมือง | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

]]>
กฤษณพงค์ พูตระกูล

กฤษณพงค์ ชำแหละปมแต่งตั้ง ผบ.ตร. ชี้ปฏิรูปตำรวจแบบนี้ หนีไม่พ้นการเมือง

 

ชมคลิปเต็ม: อนันต์ชัย เปิดตัว เสรีพิศุทธ์ บิ๊กเซอร์ไพรส์เอาผิดเศรษฐาปมตั้ง ผบ.ตร. ถูกเบรกแต่ไม่หยุด?

The post ชมคลิป: กฤษณพงค์ ชำแหละปมแต่งตั้ง ผบ.ตร. ชี้ปฏิรูปตำรวจแบบนี้ หนีไม่พ้นการเมือง | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

]]>
โรมถามหาความจริงใจ ‘เศรษฐา’ ตอบกระทู้ปฏิรูปตำรวจ บอกอย่าให้อำนาจนายกฯ สิงร่างจนไม่เหลือเหตุผลอธิบายประชาชน https://thestandard.co/rome-asked-srettha-police-reform/ Thu, 28 Sep 2023 07:58:39 +0000 https://thestandard.co/?p=847481 รังสิมันต์ โรม ปฏิรูปตำรวจ

วันนี้ (28 กันยายน) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผ […]

The post โรมถามหาความจริงใจ ‘เศรษฐา’ ตอบกระทู้ปฏิรูปตำรวจ บอกอย่าให้อำนาจนายกฯ สิงร่างจนไม่เหลือเหตุผลอธิบายประชาชน appeared first on THE STANDARD.

]]>
รังสิมันต์ โรม ปฏิรูปตำรวจ

วันนี้ (28 กันยายน) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีไม่ได้เข้ามาตอบกระทู้ถามเรื่องความโปร่งใสในการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ว่า เข้าใจได้ว่านายกรัฐมนตรีติดภารกิจ แต่ท่านไม่ได้กำหนดเวลาว่าจะกลับมาตอบสมาชิกเมื่อใด ทางเราไม่ถึงกับจะต้องเคี่ยวเข็ญ แต่วันนี้ไม่ได้รับคำชี้แจง และได้หนังสือเพียงไม่กี่บรรทัดซึ่งตอบห้วนๆ ว่าไม่สะดวกมาตอบ จึงมีข้อสงสัยว่า ความจริงใจเรื่องการปฏิรูปตำรวจของนายกรัฐมนตรีชื่อ เศรษฐา ทวีสิน อยู่ที่ไหน

 

รังสิมันต์กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวเคยถามเรื่องการสังคายนาองค์กรตำรวจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่าใช้คำนั้น เพราะว่าตำรวจเป็นองค์กรที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกัน แต่วันนี้ต้องยอมรับแล้วว่าวงการตำรวจมีปัญหาแบบเดือนเว้นเดือน บางช่วงมีเดือนละหลายเรื่อง ถ้าเราไม่คิดจะแก้ปัญหา ก็มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของสังคม ตำรวจเองยังถูกยิงเสียชีวิต วันนี้ขยายผลไปได้แค่ไหนยังไม่รู้เลย

 

“ส่วนตัวหากมีตำรวจเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ต้องดำเนินคดีไปเลย แต่มีความสงสัยว่าเป็นการกลั่นแกล้ง เตะตัดขากันหรือไม่ เช่น หมายค้นดังกล่าวตนได้เห็นกับตาตัวเองว่าไม่ได้ใส่ชื่อยศและอาชีพของเจ้าบ้าน ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับองค์กรตำรวจ” รังสิมันต์กล่าว 

 

รังสิมันต์กล่าวว่า ภารกิจของนายกรัฐมนตรีมีความสำคัญก็จริง แต่ตำรวจอีกหลายครัวเรือนก็ได้รับความเดือดร้อน จึงอยากตั้งคำถามอีกครั้งว่า นายกรัฐมนตรีมีความจริงใจจะแก้ปัญหาความทุจริตคอร์รัปชันในองค์กรตำรวจหรือไม่ ต้องมีความชัดเจนที่จะเริ่มต้นปฏิรูป กระดุมเม็ดแรกคือต้องสร้างความโปร่งใสในการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เชื่อว่ากระบวนการแต่งตั้งจบไปพอสมควร และคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว แต่ไม่ว่าจะแต่งตั้งใครสุดท้ายสังคมก็จะตั้งคำถามว่า เป็นการเลือกจากอะไร จากความอาวุโส ความสามารถ หรือวิสัยทัศน์ คือสิ่งที่สังคมยังไม่ได้รับคำตอบ

 

รังสิมันต์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้เสนอให้ว่าที่ ผบ.ตร. ได้มีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์ให้ประชาชนได้เห็น ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นหรือโหวต เพื่อประกอบการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีไม่เคยคิดจะทำ ทำให้ข้อครหาว่ามีเส้นสายสัมพันธ์ต่างๆ อยู่เบื้องหลังก็จะเกิดขึ้นอยู่ร่ำไป

 

“หวังว่าในอนาคตคุณเศรษฐาจะตอบสภาว่าพร้อมจะชี้แจงต่อสังคมเมื่อใด เชื่อว่าเมื่อครั้งอยู่ในบริษัทเอกชนจะต้องอธิบายได้ว่าจะแต่งตั้งใคร อย่าให้อำนาจความเป็นนายกรัฐมนตรีมาสิงตัวท่านจนไม่เหลือเหตุผลจะอธิบายให้ประชาชนต่อเรื่องนี้อีกต่อไป”

 

รังสิมันต์ตอบถึงข้อสงสัยว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร. ครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องตั๋วหรือไม่ โดยกล่าวว่า พยายามให้ความเป็นธรรมกับทุกคน คิดว่าโดยข้อกฎหมายมีโอกาสที่จะเป็น ผบ.ตร. คนอื่นก็ได้ เพราะเป็นการใช้ดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี แต่ก็รอคอยเหตุผลของการใช้ดุลพินิจนั้นอยู่ ดังนั้น จะเป็นตั๋วหรือไม่ใช่ บางครั้งก็อยู่ที่นายกรัฐมนตรีเอง แต่หากไม่มีการชี้แจงสังคมก็จะอนุมานว่าการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ไม่มีความสุจริตจริง ซึ่งก็น่าสงสารว่า พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่จะได้รับมลทินไปด้วย

The post โรมถามหาความจริงใจ ‘เศรษฐา’ ตอบกระทู้ปฏิรูปตำรวจ บอกอย่าให้อำนาจนายกฯ สิงร่างจนไม่เหลือเหตุผลอธิบายประชาชน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ชำแหละศึกสีกากี หลังได้ ผบ.ตร. คนใหม่ สู่แนวทางการปฏิรูปตำรวจให้ดีขึ้น ? | THE STANDARD (HL) https://thestandard.co/thestandardnow270966-3/ Thu, 28 Sep 2023 01:18:46 +0000 https://thestandard.co/?p=847281 ปฏิรูปตำรวจ

ชำแหละศึกสีกากี หลังได้ ผบ.ตร. คนใหม่ สู่แนวทางการปฏิรู […]

The post ชมคลิป: ชำแหละศึกสีกากี หลังได้ ผบ.ตร. คนใหม่ สู่แนวทางการปฏิรูปตำรวจให้ดีขึ้น ? | THE STANDARD (HL) appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปฏิรูปตำรวจ

ชำแหละศึกสีกากี หลังได้ ผบ.ตร. คนใหม่ สู่แนวทางการปฏิรูปตำรวจให้ดีขึ้น ?

The post ชมคลิป: ชำแหละศึกสีกากี หลังได้ ผบ.ตร. คนใหม่ สู่แนวทางการปฏิรูปตำรวจให้ดีขึ้น ? | THE STANDARD (HL) appeared first on THE STANDARD.

]]>
โรมแนะแผนปฏิรูปตำรวจ ให้แคนดิเดต ผบ.ตร. โชว์ผลงาน แสดงวิสัยทัศน์และตำรวจทั่วประเทศโหวตก่อนให้นายกฯ ใช้ดุลพินิจเลือก https://thestandard.co/rangsiman-rome-police-reform/ Tue, 26 Sep 2023 11:55:42 +0000 https://thestandard.co/?p=846607 รังสิมันต์ โรม

วันนี้ (26 กันยายน) รังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรร […]

The post โรมแนะแผนปฏิรูปตำรวจ ให้แคนดิเดต ผบ.ตร. โชว์ผลงาน แสดงวิสัยทัศน์และตำรวจทั่วประเทศโหวตก่อนให้นายกฯ ใช้ดุลพินิจเลือก appeared first on THE STANDARD.

]]>
รังสิมันต์ โรม

วันนี้ (26 กันยายน) รังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงข้อเสนอการปฏิรูปตำรวจ ซึ่งกำลังเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจในขณะนี้ว่า การสังคายนาตำรวจมีความจำเป็นมากๆ ไม่ใช่แค่เพราะมีตำรวจเกี่ยวโยงกับเว็บพนันในครั้งนี้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงอีกหลายกรณีที่ตำรวจไปเกี่ยวโยงกับธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะตู้ห่าว กำนันนก และแก๊งคอลเซ็นเตอร์

 

การสังคายนาตำรวจจึงไม่ใช่การลดเกียรติตำรวจ แต่เป็นการทำให้ตำรวจที่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาสามารถทำหน้าที่อย่างมีศักดิ์ศรีได้ มีที่อยู่ที่ยืนในองค์กรตำรวจได้ ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อองค์กรตำรวจ การปล่อยสถานการณ์ไว้เป็นแบบนี้มีแต่ทำให้องค์กรตำรวจถูกกลืนกินด้วยอำนาจมืด ผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ ต่อความล้มเหลวในการปฏิรูปตำรวจได้เลย

 

รังสิมันต์กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ให้เร่งปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจัง และในอนาคตเมื่อมีการเลือกผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อีกครั้ง ก็ควรใช้วิธีดังต่อไปนี้ โดยอาศัย พ.ร.บ.ตำรวจฯ ปัจจุบัน เพื่อประกอบการใช้ดุลพินิจของนายกฯ ในการเลือก ผบ.ตร.

 

  1. รอง ผบ.ตร. ที่ประสงค์จะเป็น ผบ.ตร. ให้ยื่นความจำนงต่อกรรมการที่นายกฯ ตั้งขึ้น พร้อมพอร์ตโฟลิโอผลงานต่างๆ

 

  1. ให้มีการแสดงวิสัยทัศน์สาธารณะ ให้ประชาชนได้เห็นว่าคุณมีวิสัยทัศน์อะไร ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าที่จะเป็น ผบ.ตร. มีแผนพัฒนาตำรวจอย่างไร โดยเฉพาะภายใต้กรอบระยะเวลาที่ตนเองเหลืออยู่

 

  1. ทำแพลตฟอร์มออนไลน์ให้พี่น้องตำรวจสามารถลงทะเบียนเพื่อโหวตเลือก ผบ.ตร. ได้ เพื่อให้นายกฯ ทราบว่าตำรวจส่วนใหญ่อยากให้ใครเป็น ผบ.ตร. โดยแพลตฟอร์มจะไม่สามารถระบุตัวตนตำรวจที่โหวต รู้แค่ว่าเป็นตำรวจ ซึ่งสามารถทำได้ในปัจจุบัน

 

รังสิมันต์กล่าวว่าทั้ง 3 ข้อนี้จะนำไปสู่การติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง ให้ ผบ.ตร. ไม่ได้มาจากเส้นสาย ไม่ได้มาจากตั๋ว ไม่ได้มาจากการซื้อ เพื่อปูทางสู่การสร้างตำรวจที่จะต่อสู้กับอำนาจมืดทุกรูปแบบ

 

ทั้งนี้ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 28 กันยายนนี้ ตนจะตั้งกระทู้สดต่อนายกฯ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวงการตำรวจ หวังว่านายกฯ เศรษฐา ซึ่งเป็นนายกฯ ที่มาจากพลเรือน จะมาตอบกระทู้ด้วยตัวเอง และในอนาคตอันใกล้ พรรคก้าวไกลเตรียมเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจฯ เพื่อทำให้การได้มาซึ่งตำแหน่งของนายตำรวจระดับสูงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบคำถามของสังคมได้ ป้องกันระบบตั๋วเส้นสาย

The post โรมแนะแผนปฏิรูปตำรวจ ให้แคนดิเดต ผบ.ตร. โชว์ผลงาน แสดงวิสัยทัศน์และตำรวจทั่วประเทศโหวตก่อนให้นายกฯ ใช้ดุลพินิจเลือก appeared first on THE STANDARD.

]]>
เลือกตั้ง 2566 : ทำไมรัฐบาลชุดใหม่ต้องปฏิรูปวงการตำรวจ หลังปมร้อน ‘ส่วยสติกเกอร์’ https://thestandard.co/why-we-need-to-reform-police/ Thu, 01 Jun 2023 08:55:15 +0000 https://thestandard.co/?p=797941 ปฏิรูปตำรวจ

หลังจาก วิโรจน์ ลักขณาอดิศร แกนนำพรรคก้าวไกล และว่าที่ส […]

The post เลือกตั้ง 2566 : ทำไมรัฐบาลชุดใหม่ต้องปฏิรูปวงการตำรวจ หลังปมร้อน ‘ส่วยสติกเกอร์’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปฏิรูปตำรวจ

หลังจาก วิโรจน์ ลักขณาอดิศร แกนนำพรรคก้าวไกล และว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ รวมทั้งสมาคมขนส่งทางบก ออกมาเปิดโปงการหากินผ่านสัญลักษณ์ ‘ส่วยสติกเกอร์’ ของเจ้าหน้าที่รัฐ ขณะที่ในเวลาต่อมาทาง พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้ในทันที แต่การดำเนินการก็ยังไม่ได้คลายความกังวลของประชาชน 

 

นี่เป็นเพียงหนึ่งประเด็น เพราะหลายปีที่ผ่านมายังคงมีหลากหลายปัญหาที่ทำให้ประชาชนเกิดความสงสัย ไม่เชื่อมั่น และอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งการซื้อขายตำแหน่ง (ตั๋วช้าง) การรีดไถ รับสินบน ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ฯลฯ แล้วว่าที่รัฐบาลชุดใหม่จะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร THE STANDARD ชวนมาหาคำตอบ

 

เปิดโปงการทุจริตวงการตำรวจกลางสภา

  • วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2664 รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการตำรวจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในประเด็น ‘ตั๋วช้าง’ หรือการซื้อขายตำแหน่งหน้าที่หรือการวิ่งเต้นเป็นที่รู้กันอย่างเปิดเผยในวงการตำรวจตั้งแต่ระดับชั้นสัญญาบัตรลงมาถึงระดับชั้นประทวน โดย พล.ต.ต. วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งว่า ถ้าไม่มีผู้ใหญ่สนับสนุนช่วยเหลือ ก็จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ตำแหน่งระดับที่ตนเองต้องการ แต่หากมี ‘ตั๋ว’ ราคาที่ต้องจ่ายจะถูกลง โดยตั๋วช้างเป็นตั๋วในวงการตำรวจที่ใหญ่ที่มีอำนาจมากที่สุด ทรงพลัง เว้นหลักเกณฑ์ได้ทุกแบบ ไม่ต้องพิจารณาประวัติผู้ที่ขอว่าเคยมีมลทินหรือไม่

 

  • วันที่ 20 กรกฎาคม 2565 มนพร เจริญศรี ส.ส. จังหวัดนครพนม เขต 2 พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ  พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของข้าราชการตำรวจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ, พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในประเด็น ‘การแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาล’ สถิติการแพร่ระบาดของยาเสพติดเพิ่มสูงขึ้น การซื้อขายกันง่ายมากขึ้น โดยมีการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ เยาวชนเข้าถึงยาเสพติดด้วยราคาที่ถูก เข้าถึงง่ายยิ่งกว่าซื้อขนม พร้อมชี้ว่าจากรัฐประหารมีจำนวนผู้เสพยาเสพติดเพิ่มมากขึ้นจาก 90,000 คนเป็น 230,000 คน คิดเป็นร้อยละ 81 ของนักโทษ และมีการอมของหลวงจากปากตำรวจชั้นผู้น้อยเป็นคนเดินสายเก็บเงินทอนยาเสพติด รวมถึงผลประโยชน์จากการยึดทรัพย์เอื้อให้พวกพ้องและสินบนนำจับที่ไม่ถึงผู้ปฏิบัติงานจริง 

 

  • วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในประเด็น ‘ทุนจีนสีเทาและพม่าเทา’ ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่ลุกลามอยู่ในอนุภูมิภาคนี้มานานมากกว่า 10 ปี และเป้าหมายคือการกอบโกยจากประชาชนชาวไทยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขณะที่หลายกลุ่มถึงกับทะลุเข้ามาถึงภายในประเทศ เปิดบ่อนการพนัน เปิดตลาดยาเสพติด ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือโฆษณาหลอกลวงต่างๆ สารพัด ไปจนถึงค้ามนุษย์และค้าประเวณี

 

ปัญหาสะสมสู่การแฉ ‘ส่วยสติกเกอร์’

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา วิโรจน์ ลักขณาอดิศร แกนนำพรรคก้าวไกล และว่าที่ ส.ส. ได้ตั้งคำถามถึงสติกเกอร์รูปพระอาทิตย์, แอปเปิ้ล, ผีตาโขน พร้อมกับเลขไทยหรือข้อความ เช่น ฐิ หรือ รักเมืองไทย ที่ติดรถบรรทุก โดยมีประชาชนและกองเชียร์พรรคก้าวไกลได้ออกมาตอบข้อสงสัยถึงสติกเกอร์ดังกล่าวว่าคือ ‘ส่วยทางหลวง’

 

หลังจากนั้น วิโรจน์ได้พุ่งเป้าถึงเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงพร้อมทั้งกระตุ้นผู้คนในสังคมให้จับตาประเด็น ‘ส่วยสติกเกอร์’ ทำให้วันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้บัญชาการสอบสวนกลางลงนามให้ พล.ต.ต. เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) ไปปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม และแต่งตั้ง พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) มารักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ในขณะเดียวกันผู้บัญชาการสอบสวนกลางและผู้บริหารระดับสูงของกรมทางหลวงเร่งสอบสวนส่วยสติกเกอร์ และรายงานให้ทางองค์กรทราบภายใน 15 วัน

 

ทั้งนี้หลังจากรายงานการสั่งย้ายปฏิบัติหน้าที่ของ พล.ต.ต. เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบก.ทล.) รังสิมันต์ โรม ส.ส. พรรคก้าวไกล ได้ออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของตน ใจความว่า “รากฐานของ ‘สติกเกอร์ส่วยทางหลวง’ คือระบบตั๋วในวงราชการที่รัฐบาล ‘พิธา’ จะจัดการให้ได้” พร้อมกับรูปภาพประกอบ ‘มีเราไม่มีส่วย’

 

รังสิมันต์ยังระบุด้วยว่า จากข้อมูลจากสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ กรมทางหลวง รายงานสถิติเรื่องร้องเรียนรถบรรทุกเกินน้ำหนักตั้งแต่ปี 2563-2566 จับรถบรรทุกน้ำหนักเกินได้ 468 คัน และเรื่องร้องเรียนทั้งหมดกว่า 1,500 เรื่อง แสดงให้เห็นว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ทางหลวงไม่เข้มข้นและสติกเกอร์ส่วยติดรถบรรทุกเกิน 500 คัน จนเป็นสาเหตุของการทุจริตคอร์รัปชันในวงการตำรวจจนเป็นสาเหตุในการที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องเข้ามาปฏิรูปแก้ไข

 

ปัญหาโครงสร้างการบริหารองค์กรตำรวจไทย

จากผลจากวิจัย สภาพปัญหา และแนวทางการแก้ไขโครงสร้างการบริหารองค์กรตำรวจไทยในปัจจุบันของ ‘ผศ.ชัยยุทธ ถาวรานุรักษ์’ รองคณบดีฝ่ายบริการวิชาการและสื่อสารองค์กร วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งศึกษาและนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาองค์กรตำรวจไทย ระบุ 5 ประเด็นสำคัญของปัญหาคือ

  • โครงสร้างแบบรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลางทำให้การบริหารงานในองค์กรตำรวจไทยไม่มีประสิทธิภาพ 
  • โครงสร้างภาระงานของตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมมีปริมาณมาก ส่งผลให้การปฏิบัติงานไม่มีประสิทธิภาพ 
  • โครงสร้างคณะกรรมการตรวจสอบและถ่วงดุลใช้อำนาจของตำรวจที่ขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชน ส่งผลต่อการบริหารกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ถูกต้องตามหลักกฎหมาย 
  • การบริหารสถานีตำรวจที่ขาดประสิทธิภาพส่งผลต่อการบริการประชาชนที่ไม่มีประสิทธิผล 
  • โครงสร้างงานสอบสวนที่ไม่เป็นอิสระสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนด้านการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

 

นโยบายของรัฐบาลชุดใหม่เพื่อแก้ไขวงการตำรวจ

ผลการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประชาชนคนไทยได้ว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ 8 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคก้าวไกล, พรรคเพื่อไทย, พรรคประชาชาติ, พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคเป็นธรรม, พรรคเพื่อไทรวมพลัง และพรรคพลังสังคมใหม่ โดยนโยบายของพรรคการเมืองเหล่านี้ มีนโยบายไปในทิศทางเดียวกันที่ต้องการเห็น ‘การปฏิรูปตำรวจ’ อย่างเข้มข้น

 

พรรคก้าวไกล

  • ยกเครื่องประเมินข้าราชการ 
  • ผบ.ตร. ยึดโยงประชาชน 
  • จังหวัด-ตำรวจ ร่วมรับใช้ประชาชน 
  • ผู้ตรวจการตำรวจ ประชาชนมีช่องร้องเรียนตำรวจ 
  • คืนผมให้ตำรวจ ไม่บังคับเกรียน 
  • เติบโต-โยกย้ายเป็นธรรม ปราศจากตั๋ว-เส้นสาย 
  • ตำรวจหญิงทุกสถานี เติบโตเป็น ผบ.ตร. ได้ 
  • ลดภาระพนักงานสอบสวน แบ่งงานให้ตำรวจสายอื่น

 

พรรคเพื่อไทย

  • ปัญหายาเสพติดต้องประกาศเป็นวาระแห่งชาติ 
  • ปฏิรูปตำรวจที่ล่าช้า

 

พรรคเสรีรวมไทย

  • เลิกระบบซื้อขายตำแหน่ง แต่งตั้ง โยกย้ายตำรวจทุกระดับ 
  • เด็ดขาดกับการกำกับให้ทุกโรงพักต้องไม่มีส่วย
  • บ่อน ซ่อง และยาเสพติด หากพื้นที่ใดมีถือเป็นความผิด ถูกพักราชการและดำเนินคดีอาญาหากรับประโยชน์จากธุรกิจสีเทา 
  • พัฒนาการใช้เทคโนโลยีในการทำงานของตำรวจ 
  • เพิ่มสิทธิสวัสดิการให้แก่ตำรวจชั้นผู้น้อย

 

พรรคประชาชาติ

  • ขจัดโกงและป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน 
  • แก้ปัญหายาเสพติด ปัญหาภาคใต้

 

พรรคไทยสร้างไทย

  • ทลายระบบอุปถัมภ์ในวงการตำรวจ 
  • ตรวจสอบการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน 
  • แก้ปัญหายาเสพติด 
  • ปิดคดีให้ได้ภายใน 1 เดือน 
  • เพิ่มปริมาณตำรวจหญิง

 

พรรคเป็นธรรม

  • ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
  • ยุบ ศอ.บต. และ กอ.รมน.

 

แนวทางการปฏิรูปวงการตำรวจของรัฐบาลใหม่ที่ต้องทำทันที

จากผลจากวิจัยฯ ของ ‘ผศ.ชัยยุทธ’ ยังระบุถึง 5 แนวทางในการแก้ไข ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่

 

  • การปฏิรูปการบริหารองค์กรตำรวจไทยจากโครงสร้างแบบรวมศูนย์อำนาจมาเป็นการกระจายอำนาจ
  • การโอนถ่ายภาระงานของตำรวจที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมโดยตรงไปให้หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ
  • การจัดตั้งคณะกรรมการอิสระรับเรื่องราวร้องทุกข์และจ่ายค่าชดเชยจากการกระทำของตำรวจ โดยมีประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นสำคัญ ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาการตรวจสอบถ่วงดุลในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ
  • การยกระดับโครงสร้างสถานีตำรวจให้เป็นเลิศด้านการบริการประชาชน
  • การแยกระบบงานสอบสวนเป็นองค์กรอิสระจะลดการแทรกแซงจากผู้มีอำนาจ และทำให้ประชาชนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

   

อ้างอิง: 

The post เลือกตั้ง 2566 : ทำไมรัฐบาลชุดใหม่ต้องปฏิรูปวงการตำรวจ หลังปมร้อน ‘ส่วยสติกเกอร์’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เลือกตั้ง 2566 : เสรีพิศุทธ์มั่นใจนโยบายปราบทุจริต-ปฏิรูปตำรวจทำได้จริง ชี้ตลอด 8 ปี ไทยเป็นที่ทำกินมาเฟียต่างชาติผิดกฎหมาย https://thestandard.co/sereepisuth-confident-about-police-reforming/ Thu, 20 Apr 2023 08:55:38 +0000 https://thestandard.co/?p=778999

เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมี […]

The post เลือกตั้ง 2566 : เสรีพิศุทธ์มั่นใจนโยบายปราบทุจริต-ปฏิรูปตำรวจทำได้จริง ชี้ตลอด 8 ปี ไทยเป็นที่ทำกินมาเฟียต่างชาติผิดกฎหมาย appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ลงพื้นที่หาเสียงตลาดนัดลุงเพิ่ม ตลาดนัดหลังบริษัทการบินไทย พร้อมด้วย อนุพันธ์ ธราดลรัตนากร ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร เขตหลักสี่-จตุจักร 

 

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนใช้ดุลพินิจว่า ควรสนับสนุนคนดีให้ปกครองบ้านเมือง หรือประชาชนจะปล่อยให้คนไม่ดีและคนซื้อเสียงเข้ามาบริหารประเทศ ตนยืนยันว่า พรรคหาเสียงแบบบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรแอบแฝง และตรงไปตรงมา พรรคไม่มีอะไรตอบแทนวันนี้ แต่หลังเลือกตั้งจะใช้นโยบายพรรคตอบแทนสังคมที่หาเสียงไว้ตามสัญญาประชาคม 

 

4 ปีที่แล้ว พรรคของตนได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย วันนี้ก็เช่นกัน ขอย้ำว่า นโยบายพรรค 14 ข้อนั้นโดดเด่นทุกข้อ ประชาชนทั่วประเทศจะได้ประโยชน์แน่นอน ทั้งนี้ พรรคของตนไม่ใช่พรรคใหญ่ เน้นการลงพื้นที่พบประชาชน และไม่ใช้งบเยอะ 

 

พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อไปว่า นโยบายพรรคข้อ 7. ปราบทุจริต พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี คืนงบให้ประชาชน และข้อ 8. ปฏิรูปตำรวจนั้น รับรองว่าทำได้จริง 

 

ทั้งนี้ 8 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสีเทาที่มีคนไทยและต่างชาติร่วมมือกันนั้น คดีความเกิดขึ้นเยอะจนน่าอับอายว่า ประเทศไทยเป็นแหล่งพักและที่ทำกินของมาเฟียต่างชาติและคนไทยที่ทำผิดกฎหมายไปแล้วหรือ 

The post เลือกตั้ง 2566 : เสรีพิศุทธ์มั่นใจนโยบายปราบทุจริต-ปฏิรูปตำรวจทำได้จริง ชี้ตลอด 8 ปี ไทยเป็นที่ทำกินมาเฟียต่างชาติผิดกฎหมาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ราชการเพื่อราษฎร’ ก้าวไกลเปิดนโยบายปฏิรูปตำรวจและราชการทั้งระบบ เพิ่มประสิทธิภาพ แก้คอร์รัปชัน https://thestandard.co/move-forward-government-officer/ Fri, 09 Dec 2022 14:22:54 +0000 https://thestandard.co/?p=722031

วันที่ (9 ธันวาคม) ที่พรรคก้าวไกล มีการแถลงนโยบาย ‘ราชก […]

The post ‘ราชการเพื่อราษฎร’ ก้าวไกลเปิดนโยบายปฏิรูปตำรวจและราชการทั้งระบบ เพิ่มประสิทธิภาพ แก้คอร์รัปชัน appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันที่ (9 ธันวาคม) ที่พรรคก้าวไกล มีการแถลงนโยบาย ‘ราชการไทยก้าวหน้า’ ครอบคลุมทั้ง นโยบายต้านโกง เพิ่มประสิทธิภาพราชการ และ ปฏิรูปตำรวจ ซึ่งนับเป็นชุดนโยบายที่ 4 จากทั้งหมด 9 ชุด ต่อจากการเมืองไทยก้าวหน้า – สวัสดิการไทยก้าวหน้า – ทุกจังหวัดไทยก้าวหน้า

 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า วันนี้ตรงกับวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล พรรคก้าวไกลจึงถือโอกาสเปิดนโยบายราชการไทยก้าวหน้า ที่มีหัวใจสำคัญคือ ‘ราชการเพื่อราษฎร’ ซึ่งรวมถึงนโยบายต่อต้านการทุจริตทั้งระบบ โดยพรรคก้าวไกลไม่ได้มองปัญหาคอร์รัปชันอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะประสิทธิภาพของระบบราชการ และการปฏิรูปตำรวจ เพราะหากบริการภาครัฐมีความล่าช้าและเต็มไปด้วยกฎระเบียบ-ใบอนุญาต จะเป็นการเปิดช่องให้มีการเรียกสินบนจากประชาชนและภาคธุรกิจ เพื่อแลกมาซึ่งความสะดวก รวมถึงต้องปฏิรูปตำรวจ เพื่อขจัดระบบตั๋วและระบบอุปถัมภ์ที่ทำให้ตำรวจต้องมารีดไถประชาชน เอาเงินส่งนาย

 

พิธากล่าวต่อไปว่า ในเรื่องความโปร่งใส ดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันของไทย แย่ลงอย่างต่อเนื่องตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ตกลงจากอันดับที่ 85 มาอยู่ที่ 110 ซึ่งทำให้ต้นทุนชีวิตของคนไทยจำนวนมาก ตั้งแต่เกิดจนแก่ วนเวียนอยู่กับการทุจริตคอร์รัปชัน เช่น ในวัยเด็ก พ่อแม่อาจต้องจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะเพื่อให้ลูกได้เข้าโรงเรียน ในวัยทำงาน จะเปิดร้านอาหารก็ต้องขอใบอนุญาตหลายสิบใบ งบที่จะนำมาสร้างสวัสดิการก็รั่วไหลไปกับการทุจริตงบประมาณ ดังนั้น ขอยืนยันว่าการทุจริตคอร์รัปชันเป็นเรื่องใหญ่

 

พิธากล่าวต่ออีกว่า การแก้ไขปัญหาการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ ต้องไม่ใช่การหวังพึ่งแค่การปลูกฝังจิตสำนึก-จริยธรรมในการต่อต้านการโกง หรือการมอบศรัทธาทั้งหมดไว้ให้กับ ‘คนดี’ มาปกครองบ้านเมืองเหมือนที่ผ่านมา แต่ต้องเป็นการทำให้รัฐโปร่งใสกว่าที่เคยเป็นมา ทุกคนตรวจสอบทุกคนได้ด้วยอาวุธใหม่ๆ ที่ประเทศไม่เคยมี เพื่อวางระบบที่ดีในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

 

ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล ตนจะไม่ยอมให้คนไทยถูกโกง โดยสิ่งที่ทำได้ทันทีในฐานะนายกรัฐมนตรี คือการเปิดเผยข้อมูลรัฐทันที เปิดเผยงบประมาณทุกบาทให้ละเอียดในรูปแบบที่วิเคราะห์ต่อได้ (Machine Readable) รวมถึงเปิดข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ทุกคนถูกตรวจสอบโดยทั้งประชาชนและระบบจับโกงอัจฉริยะที่จะแจ้งเตือนเมื่อมีโครงการส่อทุจริต เราเชื่อว่าประชาชนพร้อมตรวจสอบเรา และพวกเรานักการเมือง-ข้าราชการ ก็ต้องพร้อมถูกตรวจสอบเช่นกัน

 

นอกจากนั้น รัฐบาลก้าวไกลจะนำเสนออีก 2 โครงการต้านโกง คือ

 

  1. โครงการคนโกงวงแตก หรือ Leniency Programme เพื่อจูงใจให้คนที่คิดจะโกงเกิดความระแวงกันเองจนไม่มีใครกล้าโกง เพราะมีการออกกฎผ่อนผันโทษให้คนที่มอบตัวและแฉกันเองก่อน
  2. โครงการแฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน เพื่อสร้างสังคมต้านโกง ด้วยกฎหมายคุ้มครองความปลอดภัยและความก้าวหน้าทางอาชีพให้กับเจ้าหน้าที่ที่แฉการทุจริตในหน่วยงาน (Whistleblower Protection) รวมถึงการเพิ่มเงินรางวัลให้ประชาชนที่แจ้งเบาะแส

 

สำหรับเรื่องประสิทธิภาพภาครัฐ ข้อมูลของธนาคารโลกแสดงให้เห็นว่าตลอด 8 ปี ในช่วงที่ภาครัฐมีขนาดใหญ่ขึ้น ประสิทธิภาพภาครัฐกลับลดลง บริการภาครัฐหลายส่วนล่าช้า-ยุ่งยาก ทำให้ภาระตกอยู่กับประชาชน ดังนั้น ถ้าก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลและพิธาเป็นนายกฯ เรื่องแรกที่จะทำคือการทำให้บริการภาครัฐอย่างน้อย 99% ทำได้ผ่านมือถือ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและประหยัดเวลาประชาชน และจะช่วยให้ข้อร้องเรียนไม่เงียบหาย มีการอัปเดตความคืบหน้าทุกขั้นตอน และมีฐานข้อมูลที่ช่วยให้โอนสวัสดิการให้ประชาชนได้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องลงทะเบียน 

 

นอกจากนั้น ก้าวไกลจะเดินหน้ายกเลิกทุกกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อประชาชน ยกเลิกใบอนุญาตที่ซ้ำซ้อน 50% และปรับกระบวนการทำงานให้ประชาชนรู้ผลใบอนุญาตใน 15 วัน โดยหากหน่วยงานของรัฐพิจารณาใบอนุญาตเกินกำหนด ให้ถือว่าคำขออนุญาตนั้นมีผลบังคับใช้เหมือนใบอนุญาตทันที

 

ในส่วนของการปฏิรูปตำรวจ รังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงนโยบายปฏิรูปตำรวจว่า ปัจจุบันมีการสร้างระบบเส้นสาย ตั๋วตำรวจ ตั๋วช้าง ทำให้ตำรวจไม่สนใจการสืบสวนคดีหรือทำงานที่เป็นของตำรวจจริงๆ แต่กลับไปรีดไถ รับสินบน ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บ่อนการพนัน และการค้ามนุษย์ แม้ว่ารัฐสภาเพิ่งจะผ่าน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งระบบเดิมๆ ที่เอื้อให้กลับสู่การทุจริตอีกครั้ง

 

พรรคก้าวไกลจึงเสนอนโยบายตำรวจของประชาชน โดยปรับโครงสร้างให้ยึดโยงกับประชาชน ทั้งใน ‘ระดับประเทศ’ ที่จะมีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่ส่วนใหญ่มีที่มาผ่านผู้แทนทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล คอยป้องกันการใช้เส้นสาย ทำให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต้องทำงานอยู่ในสายตาประชาชนตลอดเวลา

 

และใน ‘ระดับจังหวัด’ จะมีคณะกรรมการนโยบายความปลอดภัยสาธารณะจังหวัด ซึ่งองค์กรท้องถิ่นและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม สามารถลงมติว่าจะเห็นชอบนายตำรวจที่ ก.ตร. ตั้งขึ้นมาเป็นผู้บังคับการจังหวัดนั้นๆ หรือไม่ และช่วยประเมินคุณภาพการทำงานของตำรวจในจังหวัด ส่วนเรื่องการตรวจสอบ พรรคก้าวไกลเสนอให้มีคณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนที่เป็นอิสระแยกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) อย่างเด็ดขาด ทำงานไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตำรวจโดยขึ้นตรงต่อรัฐสภาและมีกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส ยึดโยงกับประชาชน เพื่อขจัดปัญหาประโยชน์ทับซ้อนของตำรวจที่อาจช่วยเหลือกันเอง และเปิดให้ตำรวจน้ำดีภายใน ตร. ให้ความร่วมมือแจ้งเบาะแสการทุจริตได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ยังเสนอเปิดให้นายตำรวจชั้นประทวนที่จบการศึกษาปริญญาตรีได้สิทธิเลื่อนยศเป็นชั้นสัญญาบัตรก่อนกลุ่มอื่น เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาตำรวจรุ่นหลัง เปิดรับคนทุกเพศเข้าเรียนนายร้อยตำรวจ ผลักดันให้มีตำรวจหญิงทุกโรงพักเพื่อเป็นพื้นที่อุ่นใจสำหรับเหยื่อผู้ถูกคุกคามทางเพศ ยกเลิกการบังคับตำรวจตัดผมเกรียน เปลี่ยนการฝึกสอนตำรวจเหมือนแบบทหาร มาเป็นการอบรมด้านสิทธิมนุษยชนและและคุณค่าของการอยู่ร่วมกันในสังคม ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขอให้เลือกพรรคก้าวไกล แล้วตำรวจไทยจะไม่สิ้นหวังเหมือนที่ผ่านมา

 

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังนำเสนอนโยบายต่อต้านการทุจริตเพื่อสร้างความโปร่งใส โดย ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ และนโยบายปฏิรูประบบราชการด้านประสิทธิภาพ โดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขตบางแค

 

สำหรับชุดนโยบายราชการไทยไทยก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล แบ่งเป็น 3 ด้าน มีทั้งหมด 23 นโยบาย ได้แก่

 

รัฐโปร่งใส ไร้กลโกง ทุกคนตรวจสอบได้

 

  1. เปิดข้อมูลรัฐทันที ประชาชนเป็นเจ้าของ
  2. ระบบจับโกงอัจฉริยะ
  3. โครงการคนโกงวงแตก จูงใจให้คนที่คิดจะโกง ระแวงกันเอง
  4. โครงการแฉโกง ปลอดภัย ได้เงิน
  5. ตัวแทนจับโกงจากประชาชน
  6. ห้ามใช้เงินหลวงโปรโมตตัวเอง
  7. ป.ป.ช. ยึดโยงประชาชน

 

ข้าราชการทำงานฉับไว คุ้มค่าภาษีประชาชน

 

  1. ทุกบริการภาครัฐผ่านมือถือ
  2. ร้องเรียนไปต้องไม่เงียบ อัปเดตทุกขั้นตอน
  3. สวัสดิการโอนเข้าอัตโนมัติ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องลงทะเบียน
  4. ยกเลิกใบอนุญาต 50% ยกเลิกทุกกฎหมายที่เป็นอุปสรรค
  5. รู้ผลใบอนุญาตใน 15 วัน
  6. ยกเครื่องประเมินข้าราชการ ทำงานดี ข้าราชการได้ดี ประชาชนได้ดี
  7. ปลดล็อกส่วนกลาง ข้าราชการทีมไทยแลนด์ ทลายกำแพงระหว่างกระทรวง-กรม
  8. งบประมาณปรับทันใจ จัดทำใหม่จากศูนย์ในทุกๆ ปี (Zero-Based Budgeting)

 

ตำรวจของประชาชน พิทักษ์สันติราษฎร์

 

  1. ผบ.ตร. ยึดโยงประชาชน ผ่านสภาผู้แทนราษฎร
  2. ผู้ตรวจการตำรวจ ประชาชนมีช่องทางร้องเรียนตำรวจได้
  3. จังหวัด-ตำรวจ ร่วมรับใช้ประชาชน
  4. เติบโต-โยกย้ายเป็นธรรม ปราศจากตั๋ว-เส้นสาย
  5. ลดภาระพนักงานสอบสวน แบ่งงานให้ตำรวจสายอื่น
  6. ตำรวจหญิงทุกสถานี เติบโตเป็น ผบ.ตร. ได้
  7. คืนผมให้ตำรวจ ไม่บังคับเกรียน
  8. คุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีตำรวจทุกระดับ

The post ‘ราชการเพื่อราษฎร’ ก้าวไกลเปิดนโยบายปฏิรูปตำรวจและราชการทั้งระบบ เพิ่มประสิทธิภาพ แก้คอร์รัปชัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผบ.ตร. เซ็นแต่งตั้ง 3 ที่ปรึกษาดูแลงานปฏิรูปตำรวจ-ความผิดเทคโนโลยี-ปราบปรามอาชญากรรม https://thestandard.co/police-consultant-25112022/ Fri, 25 Nov 2022 01:14:59 +0000 https://thestandard.co/?p=715156

วานนี้ (24 พฤศจิกายน) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีรายงาน […]

The post ผบ.ตร. เซ็นแต่งตั้ง 3 ที่ปรึกษาดูแลงานปฏิรูปตำรวจ-ความผิดเทคโนโลยี-ปราบปรามอาชญากรรม appeared first on THE STANDARD.

]]>

วานนี้ (24 พฤศจิกายน) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีรายงานว่า พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 552/2565 เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า

 

ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีภารกิจสำคัญที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งในด้านการปฏิรูปตำรวจ การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การสืบสวนสอบสวนคดีอาญา การรักษาความมั่นคง และความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ 

 

ซึ่งจะต้องมีการบริหารจัดการทรัพยากรทางการบริหารในทุกด้านเพื่อรองรับภารกิจดังกล่าว ให้สามารถรองรับการขับเคลื่อนงานตามนโยบายที่สำคัญให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด 

 

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และหนังสือกรมบัญชีกลาง ที่ กค 0420/42871 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน  อนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจ่ายค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานให้แก่ผู้ที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ เพื่อปฏิบัติงานในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านต่างๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 3 ราย จึงแต่งตั้งบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษา ดังนี้ 

 

1. พล.ต.อ. ปิยะ อุทาโย เป็นที่ปรึกษาด้านการปฏิรูปตำรวจ โดยมีหน้าที่ ดังนี้

 

1.1 ให้ข้อมูลและให้คำปรึกษาแก่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือตำแหน่งเทียบเท่า ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือตำแหน่งเทียบเท่า รวมทั้งผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานระดับรองลงมาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปตำรวจ การจัดทำกฎลำดับรองและการดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 

 

1.2 ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจ และแนวทางการประชาสัมพันธ์ พร้อมทั้งนำเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 

 

1.3 ถ่ายทอดงานให้แก่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือตำแหน่งเทียบเท่า ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือตำแหน่งเทียบเท่า และผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานที่รับผิดชอบงานเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจ 

 

1.4 ให้คำปรึกษาในด้านอื่นๆ ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะได้มอบหมายตามที่เห็นสมควร 

 

2. พล.ต.อ. ปรีชา เจริญสหายานนท์ เป็นที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางเทคโนโลยี โดยมีหน้าที่ ดังนี้ 

 

2.1 ให้ข้อมูลและให้คำปรึกษาแก่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือตำแหน่งเทียบเท่า ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือตำแหน่งเทียบเท่า รวมทั้งผู้บังคับบัญชา ของหน่วยงานระดับรองลงมาที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี การประสานงานกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรธุรกิจเอกชนเพื่อพัฒนาแนวทางการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พัฒนาองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

 

2.2 ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี พร้อมทั้งนำเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 

 

2.3 ถ่ายทอดงานให้แก่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือตำแหน่งเทียบเท่า ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือตำแหน่งเทียบเท่า และผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานที่รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 

 

2.4 ให้คำปรึกษาในด้านอื่นๆ ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะได้มอบหมาย ตามที่เห็นสมควร 

 

3. พล.ต.ท. วิเชียร ตันตะวิริยะ เป็นที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และนิติวิทยาศาสตร์ โดยมีหน้าที่ดังนี้ 

 

3.1 ให้ข้อมูลและให้คำปรึกษาแก่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือตำแหน่งเทียบเท่า รวมทั้งผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานระดับรองลงมาที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนางานนิติวิทยาศาสตร์ การใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการสืบสวนสอบสวนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดในการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม 

 

3.2 ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนางานนิติวิทยาศาสตร์ การใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการสืบสวนสอบสวน พร้อมทั้งนำเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์เพื่อประกอบการพิจารณา ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 

 

3.3 ถ่ายทอดงานให้แก่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือตำแหน่งเทียบเท่า ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือตำแหน่งเทียบเท่า และผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องงานนิติวิทยาศาสตร์ 

 

3.4 ให้คำปรึกษาในด้านอื่นๆ ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะได้มอบหมาย ตามที่เห็นสมควร 

 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 สั่ง ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

The post ผบ.ตร. เซ็นแต่งตั้ง 3 ที่ปรึกษาดูแลงานปฏิรูปตำรวจ-ความผิดเทคโนโลยี-ปราบปรามอาชญากรรม appeared first on THE STANDARD.

]]>