วันนี้ (19 กุมภาพันธ์) เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาล(สน.)มักกะสัน และ ตำรวจสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 นำกำลังเข้าตรวจค้นห้องพักภายในคอนโดมิเนียมย่านพระราม 9 พบกลุ่มชาวจีนทั้งหมด 15 คน เช่าห้องทั้งชั้นเปิดเป็นฐานปฏิบัติการเกมพนันออนไลน์ พบเงินหมุนเวียนในบัญชีดิจิทัลกว่า 9 ล้านบาท 

โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดของกลางเป็นคอมพิวเตอร์จำนวน 20 เครื่อง โต๊ะและเก้าอี้อีกจำนวนมาก โทรศัพท์มือถือจำนวน 10 เครื่อง เงินสดอีกจำนวนหนึ่ง อุปกรณ์การเล่นการพนัน (โต๊ะไพ่นกกระจอก) บุหรี่นำเข้าโดยผิดกฎหมายจำนวนมาก และซากตัวนิ่มที่ถูกนำมาชำแหละแล้วจำนวน 3 ตัว 

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจพบความผิดปกติว่ามีกลุ่มชาวจีนกลุ่มหนึ่งลักลอบเช่าห้องพักภายในคอนโดทั้งชั้น จำนวน 6 ห้อง และต้องสงสัยว่าเป็นฐานปฏิบัติการของเว็บการพนัน จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ ควบคุมตัวชาวจีนได้ทั้งหมด 15 คน เป็นชาย 14 คนหญิง 1 คน ไว้ได้ในที่เกิดเหตุ ก่อนนำตัวพร้อมของกลางทั้งหมด มาตรวจสอบที่ สน.มักกะสัน และสอบปากคำเพิ่มเติม

พ.ต.อ. อุรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ ผู้กำกับการ สน.มักกะสัน เปิดเผยว่าชาวจีนทั้ง 15 คน ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเดินทางมาท่องเที่ยวและเข้ามาเล่นเกมภายในห้องพัก แต่จากพยานหลักฐานและข้อมูลการสืบสวนสวนทางกัน เจ้าหน้าที่พบข้อมูลว่ามีการเปิดเซิร์ฟเวอร์เกม โดยเนื้อหาภายในเกมมีการเดิมพันลักษณะได้เสียในรูปแบบของการพนัน มีฐานผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ใช้สกุลเงินหยวนในการเดิมพัน 

ส่วนรูปแบบการเติมเงินจากการตรวจสอบเบื้องต้นการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชัน กระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet Alipay) ซึ่งยังไม่พบว่ามีบัญชีม้าของคนไทยในขณะนี้ แต่ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างตรวจสอบขยายผล และพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 2 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 9 ล้านบาท 

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือชักชวนให้เล่นการพนัน ,เป็นคนต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยผิดกฎหมาย และความผิดการนำเข้าสินค้าหนีภาษี โดยจะนำตัวฝากขังที่ศาลอาญา ภายใน 48 ชั่วโมง และจะส่งตัวให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองผลักดันกลับสู่ประเทศต้นทาง ส่วนคนไทยที่อาจจะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการติดต่อเช่าห้องพัก หรืออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มชาวจีนกลุ่มนี้ ขณะนี้พบข้อมูลแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้อยู่ระหว่างขยายผล

The post ตำรวจบุกจับ 15 ชาวจีนเช่าคอนโดทั้งชั้นย่านพระราม 9 เปิดบ่อนพนันออนไลน์รองรับลูกค้าชาวจีน ทั้งหมดให้การปฏิเสธ ยืนยันมาเที่ยว-เล่นเกม appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (23 มีนาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายก​รัฐมนตรี​ และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​การคลัง​ กล่าวถึง​การบุกจับบ่อนบางใหญ่ที่มีกระแสข่าวว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ว่าเรื่องบ่อนเป็นเรื่องใหญ่ วันนี้ตนเดินทางไปที่ สน.ลุมพินี ก็ได้กำชับแล้ว เพราะเรื่องนี้เรารับไม่ได้และผิดกฎหมาย แต่ตนไม่ได้ก้าวก่าย ไม่ว่าจะเป็นของนักการเมืองคนใด เพราะยึดตามหลักกฎหมายมากกว่า จะเป็นของใครเมื่อทำผิดก็ต้องถูกจับ

ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรี​ช่วยว่าการ​กระทรวงมหาดไทย​ มีความสนิทสนมกับเจ้าของบ่อนที่ถูกจับ เศรษฐากล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับชาดาด้วย และตรงนี้ไม่ต้องกำชับอะไร เชื่อว่าทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง ฝ่ายความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็รู้ว่าหากสาวถึงใครก็ต้องมีความผิด

“คนเรารู้จักกับคนเยอะเหมือนกัน พอเราไปรู้จักกันแล้ว พอคนหนึ่งทำผิด และจะบอกว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง มองว่าไม่ค่อยแฟร์เท่าไร แต่อันนี้ผมก็ไม่ได้ไปก้าวก่าย และจะไม่สอบถามชาดาด้วย เพราะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ต้องสืบสาวเอาเอง” เศรษฐากล่าว

ขณะเดียวกันเศรษฐากล่าวด้วยว่า เรื่องของอาชญากรรมไม่หมดไป แต่เราพยายามทำให้มันน้อยลง ยึดหลักกฎหมายเป็นหลัก คนมีหน้าที่ที่ต้องทำ เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน้าที่ก็ต้องจัดการกันไป

เยี่ยม สน.ลุมพินี กำชับดูแลทุกข์สุขประชาชน

เศรษฐาเปิดเผยถึงการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม สน.ลุมพินี ว่าพอดีตนไปตัดผมที่โปโลคลับ และเห็นว่ามีเวลาเหลือ จึงแวะเข้าไปให้กำลังใจผู้กำกับ สน.ลุมพินี เพราะเป็นพื้นที่ใหญ่ที่ดูแลทั้งสถานทูตและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ มีโรงแรมใหญ่ๆ หลายที่ รวมถึงชุมชนแออัดด้วย

โดยได้สอบถามว่ามีความต้องการรวมถึงได้กำชับในเรื่องหนี้นอกระบบให้มีการจัดตลาดหนี้นอกระบบภายใน 2 สัปดาห์ ตนในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็จะให้ธนาคารของรัฐเข้าไปช่วยด้วย ซึ่งในพื้นที่ กทม. ไม่ค่อยดำเนินการก่อน ย้ำว่าเรื่องหนี้ใน กทม. นั้นมีความสำคัญ และได้กำชับให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และผู้กำกับลงพื้นที่บ่อยขึ้น ไม่ใช่ลงไปแค่พื้นที่ท่องเที่ยวหรือโรงแรมเท่านั้น แต่ให้ลงไปในพื้นที่ชุมชนแออัดด้วย เพื่อดูแลประชาชนให้ดีมากขึ้นด้วย

เศรษฐากล่าวอีกว่า ตนได้ไปดูแฟลตหลัง สน. ด้วย แต่เนื่องจากงบประมาณไม่พอแต่อยู่ในแผน จะทยอยจัดทำเพื่อดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องตำรวจ รวมถึงเมื่อวานก็ได้พูดคุยกับ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระหว่างประชุมสภาไปแล้วด้วย

1-2 สัปดาห์นี้เตรียมเรียกประชุม คกก.ดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่

เศรษฐากล่าวถึงเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าเป็นไปตามที่เคยบอกก่อนหน้านี้ว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต แต่ไม่แน่ใจว่ากำหนดวันว่าเป็นวันที่เท่าไร ซึ่ง จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้กำหนดวัน ก็คาดว่าจะภายใน 1-2 สัปดาห์ตามที่บอกไป

The post เศรษฐาชี้ ไม่แฟร์หากถูกมองรู้จักกันแล้วจะผิด ปัดแสดงความเห็นปม ‘ชาดา’ ถูกโยงบ่อนบางใหญ่ เชื่อ สตช. รู้หน้าที่ดี appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (20 มีนาคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจับกุมบ่อนการพนันขนาดใหญ่ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 (ภ.1)

โดยสั่งการไปที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ให้ ภ.1 รีบดำเนินการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พร้อมให้ข้าราชการตำรวจมาช่วยราชการและรักษาการแทนเพื่อความโปร่งใส

นอกจากนี้ได้ออกคำสั่งให้ระดมพนักงานสอบสวนมาช่วยเรื่องการสอบสวนดำเนินคดีกับคดีนี้ เพราะพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร (สภ.) บางใหญ่ อาจไม่สามารถทำการสอบสวนได้อย่างรวดเร็ว และให้ รอง ผบช.ภ.1 ที่รับผิดชอบไปกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การสอบสวนโปร่งใส รวดเร็ว และปราศจากการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น

และต้องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตรวจสอบยึดทรัพย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เนื่องจากเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ. ข้อ 1. และข้อ 2.

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวต่อว่า กรณีนี้มีความบกพร่องมากเรื่องการรายงานเหตุ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางใหญ่ และผู้บังคับการจังหวัดนนทบุรีไม่รายงานเหตุ ต้องให้ตนรู้เหตุเอง จึงสั่งให้ ภ.1 พิจารณาในประเด็นนี้ด้วย รวมถึงมอบหมายให้ พล.ต.ท. อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกหนังสือกำชับและลงไปติดตามเรื่องนี้เพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริง ว่ามีข้าราชการตำรวจนายใดเข้าไปเกี่ยวข้องและเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่โดยด่วน

The post พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ตั้งชุดสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจเอี่ยวบ่อนพนันบางใหญ่ให้รายงานผลด่วน ใครผิดพร้อมลงโทษทางวินัยทันที appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (2 มิถุนายน) ที่ศูนย์ต่อต้านกัญชา โรงแรมเดอะเดวิส สุขุมวิท 24 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) เข้าจับสถานบันเทิง ‘ไดมอนด์’ เมื่อคืนที่ผ่านมา (1 มิถุนายน) ซึ่งเป็นของชาวจีนที่ลักลอบเปิดย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ อีกทั้งพบนักท่องเที่ยวชาวจีนและยาเสพติดอีกจำนวนมาก 

โดยก่อนที่จะแถลงได้นำโคมไฟสีแดงหรือ ‘เต็งลั้ง’ 1 คู่ เข้ามาด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคนจีนที่นิยมติดไว้หน้าห้างร้าน

ชูวิทย์กล่าวว่า สถานบันเทิงแห่งนี้ต้องมีการจ่ายส่วยให้กับตำรวจเพื่อเปิดให้บริการ ที่ดังกล่าวเปิดในสถานที่โจ่งแจ้ง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ ส่วนเจ้าของสถานบันเทิงนี้คือ ‘อาจ๋าย’ ที่ติดต่อผ่าน ‘ชายเล็ก’ ซึ่งเป็นที่รู้จักของตำรวจสถานีตำรวจนครบาล (สน.) มักกะสัน เป็นอย่างดี เนื่องจากชายเล็กมีหน้าที่เป็นนายหน้าจัดหาหญิงบริการมาให้กับสถานบริการหลายแห่งในกรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ยังมี ‘บังมัด’ ผู้มีอิทธิพลในย่านคลองตัน เป็นคนออกหน้าเพื่อเคลียร์กับตำรวจในพื้นที่คือ ‘รอง ห.’ ซึ่งเป็นตำรวจตำแหน่งรองผู้กำกับการในพื้นที่

ชูวิทย์กล่าวต่อไปว่า การเข้าจับสถานบันเทิงไดมอนด์ครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นความขัดแย้งของหน่วยงานรัฐกับรัฐ หรือเป็นระหว่างหน่วยงานรัฐกับเจ้าของสถานบันเทิง โดยมี ‘รอง ห.’ เข้าไปเกี่ยวข้อง 

ส่วนสถานบันเทิงไดมอนด์ พบว่ารูปแบบการประกอบกิจการรูปแบบเดียวกับผับจินหลิง ซึ่งมีเครือข่ายคนจีนกว่า 10 คนมาร่วมลงทุนให้ ในวงเงินรวมประมาณ 200 ล้านบาท 

ชูวิทย์กล่าวอีกว่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยังเปิดโอกาสให้กลุ่มจีนเทาเข้ามาในไทยมากขึ้น ทำให้คนจีนมาทำธุรกิจสีเทาในกรุงเทพมหานคร และพัทยา จังหวัดชลบุรีมากขึ้น ประเทศไทยกำลังจะเป็นศูนย์กลางของคนจีนหมายจับแดง เพราะเข้ามาในไทยได้ง่ายด้วยวีซ่านักท่องเที่ยวและวีซ่าพิเศษ ที่มีคนจีนใช้เข้าออกประเทศปีละ 500,000 คน 

ชูวิทย์ยังกล่าวว่า ตนได้ข้อมูลมาว่าภายในสัปดาห์นี้กำลังจะมีการเปิดสถานบันเทิงของทุนจีนสีเทาในพื้นที่ สน.สุทธิสาร ขึ้นอีก ซึ่งเป็นอดีตสถานบริการที่เคยปิดตัวไป ขณะนี้กำลังปรับปรุงและตกแต่งให้คล้ายกับสถานบันเทิงที่ถูกจับได้ครั้งนี้ ซึ่งตามกำหนดแล้วจะเปิดวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่คาดว่ายังอยู่ระหว่างจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน 

ชูวิทย์กล่าวต่อไปว่า สำหรับการปราบปรามกลุ่มทุนจีนเทาของเจ้าหน้าที่ ส่วนตัวยังเห็นว่าไม่จริงจัง ไม่ได้ถอดบทเรียนจากการจับผับจินหลิง เพราะหลังจากจินหลิงก็มีสถานบันเทิงที่ให้บริการเหมือนกันเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ และหลังจากนี้ก็เชื่อว่าจะมีเกิดขึ้นอีก โดยเตรียมข้อมูลเหล่านี้ให้พรรคก้าวไกล ซึ่งระหว่างการแถลงข่าวชูวิทย์ได้โทรศัพท์ติดต่อกับ รังสิมันต์ โรม ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล เพื่อเตรียมส่งข้อมูลให้ปราบปรามหากได้เป็นรัฐบาลในอนาคต

ทั้งนี้ มีรายงานว่าการจับกุมคืนที่ผ่านมา นำโดยตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่มีความเชี่ยวชาญการตรวจหาสารเสพติด ซึ่งพบยาเสพติดและอุปกรณ์การเสพจำนวนมากภายในสถานบันเทิง ทั้งนี้ไม่มีตำรวจจาก สน.มักกะสัน ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบเข้าร่วมในการจับกุมแต่อย่างใด 

ในส่วนสถานบันเทิงไดมอนด์อยู่ในอาคารเดียวกับอาคารเมรี อาบอบนวด ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ มีรายงานว่ากลุ่มทุนจีนใ​ห้นอมินีคนไทย ติดต่อเช่ารับช่วงเปิดกิจการคาราโอเกะเพื่อรองรับลูกค้าที่มีฐานะชาวจีนเท่านั้น โดยคนไทยไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากสถานบันเทิงนี้จะต้องสมัครเป็นสมาชิก

คาราโอเกะดังกล่าวให้บริการ 4 ห้อง คิดค่าบริการห้องละ 100,000 บาท แต่ละห้องมีดีเจเปิดเพลงส่วนตัวและพนักงานบริการส่วนตัวประจำห้องนั้นๆ เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 22.00 น. จนถึงเช้า

The post ชูวิทย์เปิดเครือข่ายสถานบริการ ‘ไดมอนด์’ ธุรกิจทุนจีนสีเทา บ่อน-คาราโอเกะ-อาบอบนวด ถอดแบบจินหลิงผับ ขับเคลื่อนด้วยระบบส่วยตำรวจ appeared first on THE STANDARD.

วานนี้ (27 เมษายน) พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท หัวหน้าพรรคเปลี่ยน ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนที่การก้าวสู่การเมืองเพราะสนใจและติดตามการเมืองจากการอ่านหนังสือพิมพ์มาตั้งแต่เด็ก และอ่านหนังสือ ประชาธิปไตยบนเส้นขนาน ของ วินทร์ เลียววาริณ จนมองภาพการเมืองชัดขึ้น ทำให้เห็นว่าการเมืองประเทศไทยตลอด 80 กว่าปีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และกระทั่งปลายปี 2565 ถูกกลั่นแกล้ง ทำให้คิดว่าเป็นห่วงรุ่นลูกรุ่นหลาน จึงตัดสินใจแน่วแน่เข้าสู่การเมือง “อยากไปเป็นปากเป็นเสียงในสภาให้คนหาเช้ากินค่ำทุกคน ไม่ใช่เพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ตนเองแต่อย่างใด”

โดยเฉพาะขณะที่คนรุ่นใหม่อยากได้ผู้นำในฝันที่สมบูรณ์แบบ เรียนจบต่างประเทศ มีชาติตระกูลดี พันธ์ธวัชระบุว่า ตนเองไม่สนใจ และถือเป็นอีกเหตุผลหนึ่งและเครื่องมือพิสูจน์ตัวเอง ให้รู้ว่าที่มาถึงตรงนี้ได้เพราะฉลาด ขยันหาโอกาสทำงาน และจะเดินหน้าหาเสียงโค้งสุดท้ายนี้ด้วยแคมเปญ ‘เลิกตอแหล แล้วพูดความจริง ลอตเตอรี่ โสเภณี บ่อน’

พันธ์วัชกล่าวด้วยว่า พรรคเปลี่ยนต้องการเข้าไปคุ้มครองผู้มีอาชีพโสเภณี ไม่ตราหน้า ด้วยการลงทะเบียนทำให้ถูกกฎหมาย ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เรื่องบ่อนก็ควรพูดความจริงและทำให้ถูกกฎหมาย ดึงส่วยมาเป็นภาษีทั้งบ่อนแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยมั่นใจว่าสามารถควบคุมได้อย่างแน่นอน

ซึ่งนโยบายนี้ หากตนเองได้มีโอกาสก็อยากเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ อยากทำดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจริงๆ ไม่ใช่ดิจิทัลเพื่อจับผิดคนเห็นต่าง ทั้งนี้ สิ่งแรกที่จะทำหลังได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) คือการพิมพ์สลากกินแบ่งรัฐบาลเพิ่ม เพื่อให้กลไกการตลาดควบคุมราคาขายให้เป็นธรรม และยังคงมีสลากดิจิทัล แต่ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับนโยบายหวยใบเสร็จ หรือหวยบำเหน็จของบางพรรค เพราะเชื่อมั่นว่าทำไม่ได้ จึงอยากถามกลับว่า ถ้าประชาชนอยากได้บำเหน็จแต่ไม่เคยเล่นหวยก็ต้องมาซื้อหวย ซึ่งถือเป็นการมอมเมาอย่างชัดเจน

ส่วนการทำพรรคและส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เขต 7 จังหวัด 18 เขต และ ส.ส. บัญชีรายชื่อ 13 รายชื่อ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพรรคเพิ่งได้รับการรับรองก่อนเปิดรับสมัครไม่นาน แต่ก็เชื่อมั่นว่าในการเลือกตั้งรอบนี้จะมี ส.ส. ชนะการเลือกตั้ง และจะได้ ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อ 7-8 คน ซึ่งจุดยืนวันนี้จะหาเสียง รับฟังเสียงประชาชนมากกว่าเดิม และจะร่วมกับงานกับพรรคที่ได้รับเสียงข้างมากจากประชาชน

The post เลือกตั้ง 2566 : นอท ชูแคมเปญพูดความจริง ‘หวย-บ่อน-โสเภณี’ เกลื่อนเมือง หวังสู้ศึกเลือกตั้ง โค้งสุดท้ายได้ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 7 ที่นั่ง appeared first on THE STANDARD.

สรุปกวาดล้างทุนจีน หลังจับกุม ‘โทนี’ ทุนจีนสีเทาคนสุดท้ายในไทย?

The post ชมคลิป: สรุปกวาดล้างทุนจีน หลังจับกุม ‘โทนี’ ทุนจีนสีเทาคนสุดท้ายในไทย? | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (30 พฤศจิกายน) ครบ 1 สัปดาห์ สำหรับการสืบสวนสอบสวนหาความเกี่ยวข้องของสถานบันเทิง 4 แห่ง ที่ต้องสงสัยว่ามี ‘กลุ่มนักธุรกิจจีน’ เป็นผู้ลงทุนและให้คนไทยรับหน้าที่เป็นนอมินี โดยแต่ละสถานบันเทิงต่างมีประเด็นการกระทำผิดต่อกฎหมายที่ชัดเจนทั้งเรื่องยาเสพติด เงินทุนหมุนเวียนผิดปกติ จนนำไปสู่การตรวจยึด ขยายผล และจับกุม กวาดล้าง ‘5 กลุ่มทุนจีนสีเทา’

สถานบันเทิง 4 แห่งประกอบด้วย

‘จินหลิง’ ถูกบุกตรวจสอบเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา จับกุมผู้ต้องหายึดของกลางเป็นยาเสพติดซึ่งมีไว้จำหน่ายให้กับลูกค้าที่มาเที่ยวร้าน ตำรวจพบหลักฐานน่าเชื่อว่า ชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว อยู่ในผับแต่หลบหนีออกไปได้

‘ท็อปวัน’ พบการซุกซ่อนอำพรางหลักฐานเกี่ยวกับการเสียชีวิตหญิงชาวจีน ใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

‘เบบี้เฟซ’ ถูกเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พบสารเสพติดในนักท่องเที่ยวภายในร้าน 2 คน ใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี มีหน้าที่เพียงลงลายมือชื่อในเอกสารต่างๆ และได้รับเงิน

‘คลับวัน พัทยา’ มีการกระทำผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ด้าน พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่าจากการรวบรวมข้อมูลทั้ง 4 คดี พบว่า มีพฤติการณ์ใกล้เคียงกันทั้งหมด คือเป็นสถานบันเทิงที่มีกลุ่มทุนจีนเป็นเจ้าของ โดยใช้คนไทยเป็นนอมินีบังหน้า และยังมีความเชื่อมโยงกับการกระทำผิดประเภทอื่นๆ เช่น ยาเสพติด บ่อนการพนัน หรือคอลเซ็นเตอร์ โดยพบความเชื่อมโยงด้วยว่าทั้ง 4 กลุ่มรู้จักกัน

ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร

The post เจาะเครือข่าย 5 กลุ่มทุนจีนสีเทา เจ้าของ ‘ยาเสพติด บ่อน ผับ คอลเซ็นเตอร์’ appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (26 สิงหาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีพบบ่อนในพื้นที่เขตดินแดงว่า ตามหลักไม่ได้เกี่ยวกับ กทม. โดยตรง เพราะไม่ได้มีอำนาจในการจับกุม แต่ถ้าหากประชาชนมีข้อมูลก็สามารถแจ้งเข้ามาได้ผ่านระบบ Traffy Fondue เพราะตอนนี้มีการเชื่อมโยงข้อมูลกับ 88 สถานีตำรวจนครบาลอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเจอปัญหา ประชาชนก็แจ้งมาได้เลย

ที่ผ่านมามีการแจ้งหรือไม่นั้น ชัชชาติกล่าวว่า ยังไม่มีรายงานการแจ้งเรื่องบ่อน ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนอาจจะคิดว่า กทม. คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับบ่อนโดยตรง และที่ผ่านมาเรื่องบ่อนนั้น กทม. ก็ไม่ได้ลงไปตรวจดู เพราะมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่า เป็นการแบ่งส่วนงานกันรับผิดชอบ

ส่วนกรณีที่พบว่าพื้นที่บ่อนดินแดงที่จับกุมได้อยู่ใกล้กับที่ตั้งของศาลาว่าการ กทม. 2 ด้วยนั้น ชัชชาติกล่าวว่า คงต้องตรวจตราให้ดีขึ้น และเจ้าหน้าที่ กทม. ก็มีอยู่ทั่วไป ดังนั้นหากพบเห็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ไม่ควรเกิดขึ้น เช่น ช่วงเช้ามืด ก็ให้ช่วยรายงานเข้ามาได้ แต่ กทม. ก็เป็นเหมือนประชาชนที่คอยแจ้งเหตุแล้วส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ

ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า กทม. พร้อมที่จะรับข้อมูลหากแจ้งเหตุเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้อาคารผิดประเภท หรือแหล่งที่เกิดอันตรายด้านสุขอนามัย ก็แจ้งเข้ามาได้ ซึ่งหากจะแจ้งผ่าน Traffy Fondue แล้วกังวลเรื่องความปลอดภัย ให้เลือกหัวข้อการแจ้งเรื่องความโปร่งใส เพราะจะไม่ได้ระบุว่าผู้แจ้งคือใครและไม่ระบุพิกัดการแจ้ง แล้ว กทม. จะส่งเรื่องต่อให้ และหลังจากนี้จะมีการหารือกับ พล.ต.อ. อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. อีกครั้ง และสั่งการไปยังสำนักงานเขตให้ตรวจสอบข้อมูลการแจ้งเบาะแสบ่อนในพื้นที่ด้วย

The post ชัชชาติแจง กทม. ไม่มีอำนาจจับบ่อนพนัน แต่ยินดีรับเรื่องจากประชาชนส่งต่อตำรวจ appeared first on THE STANDARD.

ชูวิทย์ วิเคราะห์ ‘บ่อนดินแดง’ ปล้นจริง? เปิดมานาน แต่เจ้าหน้าที่ไม่รู้?

The post ชมคลิป: ชูวิทย์ วิเคราะห์ ‘บ่อนดินแดง’ ปล้นจริง? เปิดมานาน แต่เจ้าหน้าที่ไม่รู้? | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

ใต้พรม ‘บ่อนไทย’ 100 นายกฯ ก็ปราบไม่ได้? กับ เสรีพิศุทธ์

The post ชมคลิป: ใต้พรม ‘บ่อนไทย’ 100 นายกฯ ก็ปราบไม่ได้? กับ เสรีพิศุทธ์ | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.