บูม-ถิรรัฐ ภู่ม่วง – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 04 Aug 2023 07:17:16 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 PYNT อีพีอัลบั้มส่งท้ายก่อนยุบวงจาก The Yers หลังโลดแล่นในเส้นทางดนตรีมานานกว่า 14 ปี https://thestandard.co/pynt-the-yers/ Thu, 03 Aug 2023 06:07:31 +0000 https://thestandard.co/?p=824959 The Yers

หลังจากที่ The Yers วงร็อกชุดดำจากค่าย genie records นำ […]

The post PYNT อีพีอัลบั้มส่งท้ายก่อนยุบวงจาก The Yers หลังโลดแล่นในเส้นทางดนตรีมานานกว่า 14 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
The Yers

หลังจากที่ The Yers วงร็อกชุดดำจากค่าย genie records นำโดย อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์ (ร้องนำและกีตาร์), ต่อ-พนิต มนทการติวงค์ (กีตาร์), โบ๊ท-นิธิศ วารายานนท์ (เบส) และ บูม-ถิรรัฐ ภู่ม่วง (กลอง) ได้ประกาศให้แฟนๆ ทราบถึงการตัดสินใจยุบวงของพวกเขาไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และจะแสดงคอนเสิร์ตต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 

 

ล่าสุด The Yers ก็ได้ปล่อยอีพีอัลบั้มใหม่ในชื่อ PYNT (พิ้นท์) ที่ถือเป็นผลงานส่งท้ายของพวกเขาที่อยากส่งมอบให้แก่แฟนเพลง หลังจากโลดแล่นในเส้นทางดนตรีมายาวนานกว่า 14 ปี

 

 

สำหรับ PYNT ถือเป็นอีพีอัลบั้มแรกของวง โดยได้รวมรวบ 4 บทเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นตั้งแต่ช่วงทำอัลบั้มชุดที่ 4 PRAY ประกอบด้วย เทียน, วัตถุโบราณ, ลน และ โรคส่วนตัว บทเพลงเหล่านี้จึงถือว่าเป็นเพลง B-Side ที่จะเข้ามาช่วยตกแต่งให้อัลบั้ม PRAY สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น  

 

ส่วนที่มาของชื่ออัลบั้มมาจากการรวมอักษรภาษาอังกฤษตัวแรกของชื่อสมาชิกวงทั้ง 4 คน ได้แก่ P – Panit, Y – Yotsatorn, N – Nitit และ T – Tirarat จนเกิดเป็นคำว่า PYNT (พิ้นท์) ซึ่งมีความหมายในภาษาเดนิช แปลว่า ‘ตกแต่ง’  

 

โดยแนวทางดนตรีของทั้ง 4 เพลงยังคงคล้ายคลึงกับอัลบั้ม PRAY ที่ผสมผสานเสียงอนาล็อกซินธ์ยุค 80 เข้ากันอย่างลงตัว 

 

ด้าน อู๋ ยศทร ได้กล่าวถึงอีพีอัลบั้มสุดท้ายของวงว่า “ถ้าเทียบกับอัลบั้มที่ผ่านมา อัลบั้มนี้ ‘ไม่พิเศษ’ ที่สุดเลยครับ ความพิเศษของมันคือความไม่พิเศษที่สุด เพราะมันเป็นเพลงที่ไม่ได้ถูกคัดเลือกเข้าไปในอัลบั้มเต็มด้วยซ้ำ แต่สำหรับ The Yers และสำหรับวงการเพลงไทย มันไม่เคยมีคนเอาเพลงที่ถูกคัดออกมาให้คนอื่นฟัง ผมว่านี่น่าจะเป็น EP B-Side Album แรกของวงการเพลงไทยเลยมั้งก็ไม่รู้ เพราะผมไม่เคยเห็นมาก่อน 

 

“ความพิเศษของมันคือความที่คุณจะได้รับฟังเพลงที่ไม่ได้อยู่ในอัลบั้ม ผมว่ามันพิเศษตรงนั้น คือคุณอาจจะไม่ได้ฟังอัลบั้มนี้แล้วก็ได้ แต่เราเลือกที่จะเอาเพลงเหล่านี้มาให้คุณฟังครับ”

 

สามารถรับฟังอีพีอัลบั้ม PYNT ของ The Yers ได้แล้วทุก Music Streaming  

 

อ้างอิง:

 

The post PYNT อีพีอัลบั้มส่งท้ายก่อนยุบวงจาก The Yers หลังโลดแล่นในเส้นทางดนตรีมานานกว่า 14 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
PRAY ​​อัลบั้มที่สมบูรณ์แบบ และดีที่สุดของ The Yers https://thestandard.co/the-yers-pray/ Fri, 01 Jul 2022 08:11:53 +0000 https://thestandard.co/?p=648986 The Yers

The Yers กลับมากับอัลบั้มที่ 4 อัลบั้มที่ควรวางตั้งแต่ป […]

The post PRAY ​​อัลบั้มที่สมบูรณ์แบบ และดีที่สุดของ The Yers appeared first on THE STANDARD.

]]>
The Yers

The Yers กลับมากับอัลบั้มที่ 4 อัลบั้มที่ควรวางตั้งแต่ปีที่แล้วแต่ติดกับสถาณการณ์โควิด จนตอนนี้น่าจะเป็นเวลาที่ถูกที่ถูกเวลาที่สุดสำหรับพวกเขาซะที

 

The Yers

 

อัลบั้มชื่อว่า PRAY พวกเขายังคงเล่นกับอักษรตัว Y ซึ่งเป็นโลโก้หลักของวงมาตั้งแต่อัลบั้มแรกสมัยอยู่กับค่าย Smallroom ไม่ว่าจะเป็น Y (2554), YOU (2558), CRY (2561) และมาชุดนี้ PRAY ตัว Y ที่มีขีดอยู่ข้างบน ส่วนเรื่องของสียังคงเน้นสีดำเหมือนเคย แต่เพิ่มเติมเป็นสีดำ-แดง แลดูดุดันและเจ็บปวด ปกอัลบั้มสวยเลย แถมปกซิงเกิลแต่ละเพลงก็มีธีมชัดเจน

 

The Yers มีกัน 4 คน อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์ หัวหน้าวง ร้องนำ เล่นกีตาร์, ต่อ-พนิต มนทการติวงค์ เล่นกีตาร์, โบ๊ท-นิธิศ วารายานนท์ เล่นเบส, และ บูม-ถิรรัฐ ภู่ม่วง ตีกลอง เดิมมี เต๋า-ธนา กุสุมภ์ เล่นคีย์บอร์ด แต่เต๋าออกไปตั้งแต่ตอนทำอัลบั้มชุดที่ 3 ซึ่งจนถึงวันนี้ทางวงยังไม่มีใครแทน

 

แต่ทางวงก็ยังทำเพลงที่มีคีย์บอร์ดอยู่ เพราะว่าแนวเพลงของพวกเขาเป็นอินดี้ร็อก ที่มีความเป็นนิวเวฟ และโพสต์พังก์รีไววัล ซึ่งต้องมีคีย์บอร์ดเดินด้วย ตอนที่ทำชุดที่ 3 พวกเขาทำเป็นอัลบั้มอะคูสติก คีย์บอร์ดเรียกได้ว่ายังไม่จำเป็นเท่าไร แต่พออัลบั้มนี้พวกเขายังเดินต่อไปด้วยการมีซาวด์คีย์บอร์ดดีๆ โดยไม่รับสมาชิกใหม่ในตำแหน่งนี้แล้ว อู๋ทำหน้าที่นี้แทนเพื่อน พวกเขาเพิ่งมีคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มไป จัดให้เฉพาะแฟนเพลง 600 คนโดยเฉพาะ เล่นจากเพลงแรกจนถึงเพลงสุดท้ายของอัลบั้มแบบเรียงกัน

 

 

The Yers เป็นวงที่เนี้ยบมาก เก็บรายละเอียดกับทุกอย่าง ดนตรีแน่นทุกชิ้น ไม่ว่าจะกีตาร์ เบส กลอง เสียงร้อง และคีย์บอร์ด ในส่วนของกีตาร์และเบสมีริฟฟ์เจ๋งๆ โซโล่คมๆ กลองซัดอย่างเมามัน เสียงร้องชัดถ้อยชัดคำ พวกเขาให้รายละเอียดถึงการแต่งคำให้ลงเพลงพอดีโดยไม่ต้องเพี้ยนวรรณยุกต์ คีย์บอร์ดทำให้เพลงมีความเป็นซินธ์ป๊อป 80 ผสมร็อกโหดได้ที่ ได้ความเป็นนิวเวฟที่ลงตัวกว่า 2 อัลบั้มแรกอีก วงดนตรีที่มีต้นแบบมาจาก Editors, Interpol, White Lies, Bloc Party, Foals, Franz Ferdinand ที่ล้วนมีรากมาจาก Joy Division อีกที รวมทั้งฟังแล้วนึกถึง The Killers, Arcade Fire, BRMC, RHCP, Queens Of The Stone Age และ Kings Of Leon ด้วย

 

เพลงที่มันที่สุดในอัลบั้มคือ ตำรับยา กับ ปริศนา และเป็นเพลงที่ดีที่สุดในอัลบั้ม เพลงแรกเป็นเพลงที่ปล่อยมาเป็นซิงเกิลแรกตั้งแต่ปีที่แล้ว เพลงหลังเป็นซิงเกิลล่าสุดที่ปล่อยออกมาก่อนอัลบั้มนี้จะออก ทั้ง 2 เพลงโยงใยในเนื้อหาเดียวกัน คือ ความรักที่พังไปแล้ว แต่ยังทรมานอยู่ และคิดว่าคงทรมานไปอย่างนั้นจนตาย

 

หยิบเอาเข็มของกาลเวลา ที่ทิ้งไว้นาน

ผสมด้วยตำรับยา แล้วฉีดเข้าหัวใจ

ให้สารเคมีละลาย ทะลุร่างกาย

เพื่อลืมทุกอย่างไป

ตำรับยา

 

 

 

ตำรับยา บอกว่าอยากจะหายาชนิดไหนฉีดเข้าหัวใจเพื่อที่จะลืมทุกอย่างไป ส่วน ปริศนา คือการตั้งคำถามว่า ทำอย่างไรให้หลุดพ้นความทรมาน สุดท้ายต่อให้เป็นความตายมันก็ทำให้ลืมได้จริงหรือเปล่า พวกเขาใช้การร้องรัวๆ ในบางท่อน มันทำให้เพลงเท่ขึ้นไปอีก อีกทั้ง 2 เพลงนี้มีคำว่า ภาวนา ซึ่งก็คือ PRAY อยู่ในเนื้อเพลง

 

ดวงอาทิตย์ขึ้นมาอีกครา หมุนและเวียนกลับมา

คอยมาคลอมาเคลียมาเลีย ให้มันยังรู้สึก

คอยมานัวมาเนียจนเพลีย กับความรู้สึก

รสของสุรา ยิ่งตอกย้ำให้เธอกลับมา

มันยังคงมาวนมาเวียน มาทำให้ฉันต้องเสียใจต่อไป

ปริศนา

 

 

 

อัลบั้มวางเพลงช้า 2 เพลงไว้ต่อกันตรงกลางอัลบั้ม มีเพียงคนที่รักกันเท่านั้น กับ โลกในแง่ร้าย เพลงแรกเขียนเนื้อได้ดีมาก เพลงนี้ขึ้นต้นมาจากการที่อู๋ไปเจอคอมเมนต์หนึ่งกับวง Slur “มีแต่คนสมหวังเท่านั้นแหละ ที่บอกว่าการรอคอยมีค่า” แล้วให้เพื่อนในวงช่วยกันต่อจนจบเพลงได้ (ปกติเพลงของ The Yers ทั้งหมด อู๋เป็นคนเขียน)

 

เพลงหลังเป็นเพลงเปียโนกับเสียงร้อง การมองโลกในแง่ร้ายของอู๋อยู่ในเนื้อเพลง ความรักที่โดนทำร้ายมา เปิดต่อเพลง เปราะบาง ของ Bodyslam จะเข้ากันได้ดี

 

มีเพียงคนที่รักกันเท่านั้น

ที่บอกว่าโลกนี้สวยงาม

มีเพียงคนที่สมหวังเท่านั้น

ที่บอกชีวิตมีคุณค่า

แต่ไม่ใช่ฉันที่ทรมาน

ฉันที่ยังพบพาน

มีเพียงคนที่รักกันเท่านั้น

 

 

 

อัลบั้มมีเพลงที่ไม่เศร้าอยู่ 1 เพลง ชื่อว่า ถูกเวลา เป็นเพลงที่อยู่ในเวลาของการอยากจะสารภาพรัก เป็นเพลงที่ดูเหมือนจะเป็นภาคต่อของ ความลับของเงา เพลงของพวกเขาจากอัลบั้มที่ 2 และ 3

 

มีเพลง 2 เพลงที่โยงกันด้วยความเดียวดาย คือเพลง พร้อมยอมตาย ที่วางไว้เป็นเพลงที่ 3 ของอัลบั้ม กับ หมาป่าเดียวดาย ที่ถูกวางไว้เป็นเพลงสุดท้าย ด้วยความที่อู๋เป็นคนปิดตัวเองพอสมควรและมีพื้นที่ส่วนตัวสูง ทำให้มีบุคลิกเป็นหมาป่าเดียวดายเหมือนกับเพลง เพลงแรกมีอินโทรคีย์บอร์ดสวย โซโล่เบสท่อนกลางสุดเท่ เพลงหลังเป็นเพลงเร็วที่ริฟฟ์กีตาร์ดุดัน เบสโหด กลองซัด

 

ก่อนที่จะมีอัลบั้มนี้ อู๋ออกงานเดี่ยวมาแล้ว 2 ชุด ภายใต้ชื่อว่า Torrayot (กลับจากชื่อจริง ยศทร-ทรยศ) โดยชุดแรกชื่อชุดว่า Facing Death By Now เป็นชูเกซและดูมเมทัลที่มีความโหดเหลือหลายในตัวเพลง ส่วนชุดที่ 2 ชื่อว่า ROTATORY (กลับตัวอักษรจากชื่อจริง Torrayot-Rotatory) เป็นงานแบบเอ็กซ์เพอริเมนต์ ดนตรีบรรเลงล้วนๆ ออกมาตอนต้นปีด้วยจำนวนที่จำกัด งานทั้ง 2 ชุดเน้นให้ฟังจากซีดี แผ่นเสียง หรือเทปเป็นหลัก

 

ด้วยเนื้อเพลงที่ยึดโยงทั้งหมดไว้ด้วยการภาวนา ความเดียวดาย และความเจ็บปวดทรมานที่ไม่รู้จะผ่านไปได้อย่างไร และพูดถึงความตายบ่อยมาก ผสมกับดนตรีที่ซาวด์เป็นเอกลักษณ์ ดุดันแต่สวยงาม ทำให้อัลบั้มนี้เหมือนเป็นคอนเซปต์อัลบั้มดีๆ อัลบั้มหนึ่ง

 

ปลายเดือนนี้จะเปิดให้พรีออร์เดอร์ทั้งแผ่นเสียงและซีดี แต่ตอนนี้ฟังจากสตรีมมิงไปก่อนครับ 

 

อัลบั้ม PRAY

ศิลปิน The Yers

ค่าย genie records / GMM

 

เลเล่เล้

มิถุนายน 2565

Twitter: @laylaidlaid

 

อ้างอิง:

  

MixTapes by laylaidlaid

 

รอบนี้ขอเล่นสนุกกับ MixTapes ผมเลือกเพลงโดยเลือกจากสีปกแดง ดำ และก็ขาวเป็นหลัก ส่วนตัวเพลงปรับให้ฟังไหลลื่นไป  

 

Apple Music: MixTapes The Yers

 

 

 

Spotify: MixTapes The Yers

 

 

 

  1. แด่เบื้องบน / The Yers
  2. ตำรับยา / The Yers
  3. Transmission / Joy Division
  4. แอบรอ / The Yers
  5. Death / White Lies
  6. ปริศนา / The Yers
  7. Munich / Editors
  8. Obstacle 1 / Interpol
  9. เกลียด / The Yers
  10. Go With The Flow / Queens Of The Stone Age
  11. คืนที่ปวดร้าว / The Yers
  12. All The Time / The Strokes
  13. Day I Die / The National
  14. ล้างแค้น / The Yers
  15. Roman Holiday / Fontaines D.C.
  16. Figure It Out / Royal Blood
  17. มีเพียงคนที่รักกันเท่านั้น / The Yers
  18. I Just Don’t Know What To Do With Myself / The White Stripes
  19. โลกในแง่ร้าย / The Yers
  20. Hey World / A.R.E. Weapons
  21. Black And White Town / Doves
  22. Dance In The Dark / The Yers
  23. In Degrees / Foals
  24. House of Jealous Lovers / The Rapture
  25. เสียสละ / The Yers
  26. Adventure / Be Your Own Pet
  27. Discipline / Nine Inch Nails
  28. หมาป่าเดียวดาย / The Yers

The post PRAY ​​อัลบั้มที่สมบูรณ์แบบ และดีที่สุดของ The Yers appeared first on THE STANDARD.

]]>
The Yers ส่วนผสมระหว่างการเอาชนะ หักหลัง และน้ำตา ในอัลบั้ม Cry https://thestandard.co/the-yers/ https://thestandard.co/the-yers/#respond Wed, 29 Aug 2018 12:01:19 +0000 https://thestandard.co/?p=117179

สำหรับบางคนน้ำตาคือหลักฐานแห่งความอ่อนแอที่ลูกผู้ชายไม่ […]

The post The Yers ส่วนผสมระหว่างการเอาชนะ หักหลัง และน้ำตา ในอัลบั้ม Cry appeared first on THE STANDARD.

]]>

สำหรับบางคนน้ำตาคือหลักฐานแห่งความอ่อนแอที่ลูกผู้ชายไม่ควรแสดงออกมาให้เห็น แต่ไม่ใช่กับ 4 หนุ่ม อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์ (ร้องนำและกีตาร์), ต่อ-พนิต มนทการติวงค์ (กีตาร์), โบ๊ท-นิธิศ วารายานนท์ (เบส) และบูม-ถิรรัฐ ภู่ม่วง (กลอง) แห่งวง The Yers ที่เลือกใช้น้ำตา และอีกหลายเรื่องที่ทำให้พวกเขาผิดหวังมาถ่ายทอดเป็น 11 เพลงแห่งความเศร้า ในสตูดิโออัลบั้มชุดสามที่ชื่อว่า Cry

 

หากติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเขามาตลอดจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นในอัลบั้มนี้ ตั้งแต่เนื้อเพลงที่เปลี่ยนจากการเขียนเพลงเพื่อ ‘คนอื่น’ ในอัลบั้มสองที่ชื่อว่า You มาเป็นการหยิบเอาความเสียใจที่เกิดขึ้นจากตัวอู๋เป็นแรงขับเคลื่อน รวมทั้งแนวดนตรีที่เปลี่ยนจากสไตล์ร็อกดุดัน มาเป็นดนตรีอะคูสติกที่ทำเอาแฟนๆ ประหลาดใจไปตามๆ กัน

 

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากความคะนองอยากสนุก แต่มาจากการที่พวกเขาใช้ประสบการณ์ทั้งหมดครุ่นคิดมาเป็นอย่างดี โดยมีพื้นฐานมาจากการชอบแข่งขัน เอาชนะ และชอบที่จะหักหลังคนฟังอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเพลง พายุหมุน และเพลง เกลียด ที่ถึงแม้ภายนอกจะดูเป็นเพลงฟังสบาย แต่ถูกกลั่นออกมาจากความผิดหวังในวงการเพลงที่ติดอยู่ในใจเขามาเป็นเวลาหลายปี

 

 

Cry อัลบั้มที่สร้างจากน้ำตาลูกผู้ชาย

 

อู๋: อัลบั้มที่แล้วชื่อ You เพราะส่วนใหญ่เป็นเพลงที่แต่งให้คนอื่น แต่อัลบั้มนี้คือเพลงที่สร้างจากตัวผมเอง มาจากเรื่องที่ผมร้องไห้กับมัน น้ำตาคือสิ่งที่ขับเคลื่อนอัลบั้มนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งตอนทำอัลบั้มนี้ที่เราต้องเจอกับคนที่ทำให้เราผิดหวังและร้องไห้อยู่เสมอ   

 

ต่อ: พวกเราไม่ได้เห็นอู๋ร้องไห้นะครับ เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยมีใครได้เห็นน้ำตาของเพื่อนร่วมวงกันเท่าไร แต่แค่ฟังจากเพลงที่อู๋ทำมา ก็พอรู้ได้ว่าเขาเสียน้ำตาให้กับเพลงเยอะ มันมีความเสียใจแทรกเข้ามาอยู่ในทุกเพลงของอัลบั้มนี้เลย  

 

บูม: The Yers น่าจะเป็นเพื่อนที่รู้ว่าแต่ละคนมีปัญหาอะไร แต่ไม่ค่อยอยากให้ใครเห็น ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราเสียใจ กลัวโดนล้อ (หัวเราะ) เลยเลือกเก็บไว้คนเดียวมากกว่า อีกอย่างคือผมไม่อยากเอาปัญหาของตัวเองไปโยนให้คนอื่นรับรู้ บางครั้งเรารู้ว่าไปร้องไห้ใส่ใครเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพียงแค่เราอยากระบายเฉยๆ แล้วทุกคนล้วนมีปัญหามากพออยู่แล้ว ถ้าเราจะโยนปัญหาที่เขาไม่สามารถช่วยได้อีกมันก็ไม่ค่อยแฟร์เท่าไร

 

โบ๊ท: แต่ทุกคนร้องไห้เหมือนกัน เต็มที่ก็ปรึกษากัน แต่ไม่ถึงขนาดฟูมฟาย ร้องไห้ กูไม่ไหวแล้วอะไรแบบนั้น

 

อู๋-ยศทร บุญญธนาภิวัฒน์

 

บทเพลงจากคนใจเสาะ

 

อู๋: ถ้าดูกันเผินๆ พวกเราจะเหมือนคนแข็งแกร่งมากเลย เข้มแข็ง ไม่ร้องไห้ ไม่แสดงอะไรออกมา แต่จริงๆ แล้วผมเป็นคนใจเสาะมาก ถ้าเจออะไรเข้ามากระทบผมจะอ่อนไหวกับอะไรที่มันไม่ควรดราม่ามากๆ แต่ก็เพิ่งรู้ว่ามันเป็นข้อดีของคนที่ทำงานศิลปะ และผมใช้ความรู้สึกพวกนี้ในการแต่งเพลง

 

เวลาผมเจอเรื่องอะไร ผมจะไม่สนใจใครทั้งนั้น จะจมอยู่กับความรู้สึกนั้น อยู่กับมันไปเลย ไม่ได้คิดว่าเราจะต้องสู้ได้หรือไม่ได้ด้วยนะ แต่ไปให้สุด มึงด่ากูใช่ไหม งั้นกูจะเกลียดมึง และจำมึงไว้ตลอดว่าทำให้กูเสียใจ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วนะครับ โดนที่บ้าน โดนแฟนว่าตลอดว่าทำไมเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย เคยพยายามเหมือนกัน แต่สุดท้ายมันจะคิดลบโดยอัตโนมัติ

 

แต่เพื่อให้คนรอบข้างไม่เป็นห่วงมาก ผมจะแบ่งความรู้สึกเป็น 2 ท่อ สมมติเวลาผมบ่นๆๆ แล้วเพื่อนบอกว่า เฮ้ย มึงพอเถอะ มันผ่านไปแล้ว ผมก็จะบอกว่าโอเค ไม่เป็นไร แต่ในใจจะคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเราจะต้องเอาชนะมันให้ได้ เราเก็บอารมณ์และเหตุผลตรงนี้ตุนเอาไว้ พอจะเขียนเพลงก็ค่อยดึงความรู้สึกจากท่อที่ไม่ดีอันนี้ขึ้นมา แล้วเราจะรู้สึกได้เมื่อเราสร้างเพลงจากก้อนแย่ๆ พวกนั้น โดยมีคนร่วมอุดมการณ์คือแฟนเพลง แล้วผมรู้สึกดีขึ้นโดยที่คนคนนั้นอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำนะว่าผมเอาชนะเขาได้แล้ว (หัวเราะ)

 

โบ๊ท: ของผมเป็นคล้ายๆ กันนะ แต่ไม่ได้เอาความรู้สึกแย่ไปสร้างงาน แต่เอามาใช้เมื่อเราเจอความผิดหวัง ความเสียใจ ผมจะจำเอาไว้ว่าทำแบบนี้แล้วเสียใจ เราจะพยายามไม่ทำกับใครอีก รับรู้ว่าไม่ดี ก็ไม่ทำต่อ อันนี้เป็นสิ่งที่ผมยึดมาตลอด

 

ซ้อมน้อย แต่ต้องศึกษาให้หนัก

 

อู๋: ส่วนพาร์ตดนตรีผมจะไม่เอาความรู้สึกแย่ไปใส่ แต่มาจากความคิดว่าเราจะตอกหน้าคนอื่นได้อย่างไรมากกว่า พูดตรงๆ เลยนะ ในเมื่อดนตรีประเภทนี้กำลังฮิตอยู่ ชอบอะไรอย่างนี้มากใช่ไหม งั้นกูเล่นอีกแบบหนึ่ง แต่กูจะทำให้รู้ว่าอีกแบบหนึ่งก็สามารถไปในทางของมัน และสามารถเทียบเท่ากับสิ่งที่พวกมึงชอบได้นะ ยกตัวอย่างเพลง เสพติดความเจ็บปวด ที่คนด่าผมเพียบเลยว่าใส่เสียงคองก้าเข้าไปทำไม ผมชอบเพลงพี่นะ แต่ไม่ชอบเสียงนี้เลย ผมรู้ว่าคนเกลียด แต่ผมจะยัดเข้าไปให้ได้ แล้วผมก็พิสูจน์ให้รู้ว่าฟังไปอีกสัก 5 รอบสิ แล้วจะรู้ว่าคองก้าเข้ากับเพลงนี้อย่างไร

 

เพลง เสพติดความเจ็บปวด ของ The Yers

 

กับอีกอย่างคือแนวคิดของ The Yers ตั้งแต่แรกที่ว่าเราจะโชว์ความโง่ในการเล่นดนตรีของเราอย่างไรให้ได้มากที่สุด แล้วผลลัพธ์ออกมาเทียบเท่ากับที่คนเก่งเขาเล่น เราจะยืนหยัดว่าระหว่างการซ้อม 8 ชั่วโมงกับการไม่ซ้อมเลยมันสามารถทดแทนกันได้ด้วยการใช้ไอเดีย  

 

บูม: ไม่ได้หมายความว่าไม่ซ้อมเลยนะ ก่อนมาถึงจุดนี้พวกเราผ่านการซ้อมหนักมาเหมือนทุกคน แต่มันไปถึงจุดที่เรารู้สึกพอใจกับสิ่งที่พวกเราทำได้แล้ว เราโอเคกับมาตรฐานของเราที่ไม่จำเป็นต้องเล่นให้เก่งไปกว่านี้ เพียงแต่เรารู้ว่าจะเอาสกิลที่มีอยู่ของเราไปใส่ในจุดที่เหมาะสมตอนไหน แล้วเอาเวลาไปคิดว่าจะหาไอเดียอะไรมาพัฒนาเนื้อหาของดนตรีแทน

 

โบ๊ท: เราชอบเวลาคุยกันว่าจะเลือกเครื่องดนตรีไหน ซาวด์แบบไหนให้เหมาะกับเรา เหมือนเวลาฟังคนที่เขาพูดในเรื่องที่อินและเหมาะกับตัวเอง แล้วจะรู้สึกว่ามันมีพลังมากขึ้น อย่างผมเองรู้ตัวว่าเล่นเบสไม่เก่ง ก็ขอใช้เบสเท่ๆ หน่อยแล้วกัน แอ็กเยอะๆ หน่อย อย่างน้อยให้ภาพให้เสียงมันแตกต่างกับคนที่เขาเล่นเก่งๆ แล้วกลายเป็นเอกลักษณ์ที่คนจำได้ ซึ่งผมคิดว่าทุกคนในวง The Yers ทำตรงนี้ได้ดีทุกคน

 

อู๋: ผมเลือกเอา 8 ชั่วโมงในการซ้อมไปศึกษาเรื่องอื่นที่ไม่ใช่สกิล ดูว่าเทรนด์ดนตรีคืออะไร แวดวงเราเป็นอย่างไร วงสมัยใหม่เล่นไปถึงไหนแล้ว วงที่เขาไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้มีสาเหตุจากอะไร แล้วหาบางอย่างมาเป็นตัวขับเคลื่อนในเพลงของตัวเอง ถ้าเจอเพลงไหนที่เรารู้สึกว่าไม่เจ๋ง ก็ขับเคลื่อนว่าขอเวลาแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวจะได้รู้ว่ามันควรเป็นอย่างไร เวลาเจอเพลงที่เจ๋งก็จะเครียดว่า ทำไมกูคิดไม่ได้แบบนี้ แม่งกินส้มตำเหมือนกู อยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน บ้านก็ใกล้กัน ทำไมเจ๋งจังวะ ศึกษาให้หนักแล้วก็มาหาวิธีคิดเพื่อหามุกต่อแล้วทำเพลงให้เทียบเท่าหรือดีกว่านั้น

 

ผมเกลียดเสมอเวลาคนชอบพูดว่า ถ้าอยากเก่ง อยากประสบความสำเร็จ จงหมั่นซ้อม ซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อม ถามหน่อยว่าซ้อมไปแล้วใครจะเห็น ผมจะพูดกับน้องๆ หรือนักเรียนเสมอว่า ถ้ามั่นใจว่าซ้อมมาดีถึงจุดหนึ่ง ไม่ต้องซ้อมแล้วก็ได้ สิ่งที่ต้องการคือไอเดียและความเป็นตัวเอง วงการนี้ไม่ได้แข่งกันที่โซโล่ได้เร็วขนาดไหน แต่เปลี่ยนทางคอร์ดได้เยอะหรือเปล่า มันแข่งขันกันว่าใครจะสามารถสื่อสารกับคนฟังได้มากน้อยแค่ไหน ในขณะที่ยังคงตัวตนเอาไว้ได้อยู่

 

บูม-ถิรรัฐ ภู่ม่วง

 

ถ้าโลกนี้มีคนเก่งในแนวนั้นแล้ว 100 คน มีความจำเป็นอะไรที่เราต้องเป็นคนที่ 101

 

อู๋: อย่างที่บูมบอกว่าพวกเราผ่านจุดฝึกซ้อมมาเยอะประมาณหนึ่ง แล้วคิดว่าถ้าให้เวลาผมฝึกซ้อมสกิลที่ไม่เคยฝึกอย่าง Tapping หรือ Sweep Picking ให้เก่งไปเลย ขอเวลา 1 เดือน ใช้เวลาวันละ 8 ชั่วโมงไปซ้อมก็ทำได้นะ แต่ผมเลือกไม่ทำเพราะมันซ้ำ ผมจะเล่นไปเพื่ออะไรในเมื่อมีคนทำแบบนั้นได้เป็นร้อยๆ พันๆ คนแล้วในประเทศนี้

 

ผมคิดว่าคนหนึ่งที่ฉลาดมากคือ The TOYS (ธันวา บุญสูงเนิน) ทอยเล่นกีตาร์เก่งฉิบหายเลยนะ แต่พอทำเพลงตัวเองเขาไม่เล่นอะไรแบบนั้นเลย เพราะไม่มีใครอยากฟังแล้ว ลองไปดูสิครับว่ามีแชมป์กีตาร์ Overdrive คนไหนดังเท่าทอยหรือเปล่า ทั้งๆ ที่ทอยมีฝีมือมากพอที่จะใส่อะไรลงไปในเพลงก็ได้มหาศาล แต่เขาเลือกไปใส่กับการเล่นสด ไปใส่ในอย่างอื่นที่ถูกที่ถูกเวลา แต่เขาจะไม่โชว์โซโล่ 8 นาทีในเพลงเพื่อให้คนรำคาญเล่นแน่ๆ

 

บูม: เราเลยจุดที่ต้องคิดว่าเราเก่งหรือไม่เก่งไปแล้ว เพราะตอนนี้เราแฮปปี้กับสิ่งที่เราเล่นดนตรีแบบนี้แล้วมีความสุข เราเลยไม่ได้คิดว่าต้องเก่งขึ้นไปเพื่ออะไร

 

ต่อ: มีแฟนเพลงเคยมาถามผมว่าโชว์การเล่นแบบ Sweep Picking ให้ดูหน่อย ผมกล้าบอกเลยว่าไม่ได้ครับ (หัวเราะ) แล้วไม่อายด้วยที่จะบอกว่า เออ ไม่ได้ซ้อมมาเลย

 

โบ๊ท-นิธิศ วารายานนท์

 

The Yers คือวงดนตรีที่ The Yers ชอบที่สุด

 

โบ๊ท: พูดถึงเรื่องฝีมือก่อนนะ คิดง่ายๆ เฉพาะในค่ายจีนี่ เรคคอร์ด ไม่ว่าจะเทียบกับใครก็ตามเราอยู่ต่ำสุดแน่นอน (หัวเราะ) เอาจริงๆ เวลามีคนมาชมว่าชอบซาวด์ของพวกเราอย่างโน้นอย่างนี้ บางทีก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ เพราะในความรู้สึกของเรา เขาเหนือกว่าพวกเรามากจริงๆ

 

อู๋: แต่ถ้าไม่นับเรื่องฝีมือ ด้วยความที่ผมอีโก้สูงด้วยนะครับ The Yers ไม่ใช่วงดนตรีที่เจ๋งที่สุดหรอก แต่รู้สึกว่าเพลงในเมืองไทยที่ชอบที่สุดคือเพลงของเราเอง เพราะเราทำทุกอย่างโดยคิดถึงสิ่งที่พวกเราชอบที่สุดอยู่แล้ว พูดกันแบบซื่อๆ เลย เราชอบดนตรีแบบนี้ ชอบซุ่มเสียงแบบนี้ ชอบวิธีการเล่นแบบนี้ แล้วเชื่อมาตลอดว่าวิธีการเล่นแบบนี้ต้องดีที่สุด ต้องเจ๋งที่สุด

 

มีเพลงของศิลปินคนอื่นที่เราชอบทั้ง Srirajah Rockers, Slur, Goose และวงอื่นๆ อีกหลายร้อยเพลงมากเลยนะ และใฝ่ฝันว่าเราอยากเจ๋งแบบเขา แต่เราไม่ได้เป็นแบบเขาทั้งหมด แต่ละคนเจ๋งในแบบของตัวเอง ตอนที่ตั้งวง The Yers ก็มาจากความรู้สึกอยากให้ประเทศไทยมีสักวงที่มีซาวด์แบบนี้ แต่งตัวแบบนี้ ร้องแบบนี้ ทัศนคติแบบนี้ ซึ่ง The Yers คือวงที่เราตั้งเป้าเอาไว้ เพราะฉะนั้นเป็นไปโดยปริยายเลยว่าวงดนตรีในประเทศไทยผมต้องชอบ The Yers ที่สุด

 

ต่อ-พนิต มนทการติวงค์

 

พายุหมุน เพลงที่เรียกน้ำตาได้มากที่สุดในอัลบั้ม Cry

 

อู๋: ตั้งแต่ฟังดนตรีแล้วคิดว่าจะมีเนื้อเพลงแบบไหนผมก็ร้องไห้แล้ว เพราะมันมีบางอย่างที่ตลอดชีวิตผมไม่สามารถเอาชนะได้สักที เหมือนพายุที่ถาโถมเข้ามาตอกย้ำเราอยู่ตลอด ผมคิดคอนเซปต์ตอนอยู่บนเครื่องบิน จดคำคีย์เวิร์ดพวก เจ็บจนไม่เหลือน้ำตาให้เสียใจ, พายุถาโถม, ทุกสิ่งรุมเร้าแล้วก็ร้องไห้ พอกลับมาเขียนเนื้อจริงๆ ในห้องนอนนี่ต้องเรียกว่ากลั้นใจเขียน และเป็นเพลงที่ถ้าผมลงลึกไปกับความรู้สึกนั้นเมื่อไร ผมจะร้องเพลงนี้ไม่ได้เลย ขนาด MV หลังจากดูครั้งแรกในห้องตัดต่อแล้วผมก็ไม่กล้ากลับไปดูอีกเลย

 

ต่อ: เพลงนี้มันผูกได้กับทุกเรื่องไม่ว่าเราจะเสียใจเรื่องอะไรมา แค่ฟังนี่รับรองว่าตายแน่นอน ในฐานะนักดนตรี เวลาไปเล่นสดอาจจะไม่ได้อินมากนะ เป็นแค่เพลงช้าๆ ฟังสบายๆ แต่ถ้าฟังในฐานะคนฟังมันผูก และกดเราได้ในทุกจุดของชีวิตจริงๆ

 

บูม: ความเสียใจเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ เราจะขอร้องให้อะไรสักอย่างพัดมันออกไป แต่ระหว่างรอให้พายุหรือเวลามาช่วยพัดมันออกไปนี่แหละที่สำคัญ และบอกทุกคนได้ดี

 

เพลง พายุหมุน ของ The Yers

 

เกลียด บทเพลงที่ถูกสร้างขึ้นมาเพราะความต้องการเอาชนะ

 

อู๋: ความจริงที่คนไม่ค่อยรู้กันคือ เพลง พายุหมุน ผมแต่งขึ้นมาเพื่อเอาชนะเพลงหนึ่ง ที่ผมเคยแต่งให้คนหนึ่งแล้วเขาไม่เอาเพลงนั้น เป็นเพลงที่ผมรักที่สุดในชีวิต และคิดว่าเป็นมาสเตอร์พีซของชีวิตได้เลย พอโดนปฏิเสธ เพลงนั้นก็ถูกเก็บไว้ ไม่ได้รับการใส่ใจ กลายเป็นความแค้นส่วนตัวของผมอย่างมาก ว่าอยากเขียนเพลง พายุหมุน ที่มีท่อนฮุกเหมือนเพลงนั้นเป๊ะ เพื่อเอาชนะเพลงนั้นให้ได้ แต่ทำเสร็จก็รู้ทันทีว่ายังไม่สามารถเอาชนะได้อยู่ดี

 

จนการมาถึงของเพลง เกลียด ที่เป็นเพลงสุดท้ายในอัลบั้ม Cry ผมใช้เวลา 3-4 เดือน หลังเพลง พายุหมุน อยู่กับการสร้างเพลงที่จะเอาชนะเพลงนั้นให้ได้อีกครั้ง พอทำเสร็จ จำโมเมนต์หนึ่งที่นั่งในร้านหมูกระทะกับเพื่อน ผมพูดขึ้นมาว่า “กูไม่เคยรู้สึกว่ามันจะมีเพลงไหนที่แต่งออกมาแล้วจะทำให้เราดังและมีชื่อเสียงเท่าเพลง เกลียด มาก่อนเลย” แล้วผลลัพธ์มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

 

บูม: ผมชอบเพราะมันพูดเรื่องที่เข้าใจง่ายมาก การเกลียดตัวเองที่ยังคิดถึงคนหนึ่งอยู่ ถ้าใครมีความทรงจำแบบนั้น อารมณ์มันจะมาเลย แล้วมีท่อนซ้ำแค่ไม่กี่ท่อน ก็ทำให้เรารู้สึกอยากเปิดฟังมันไปเรื่อยๆ

 

ต่อ: อย่างเรื่องเพลง พายุหมุน ที่อู๋ต้องการเอาชนะเพลงนั้นผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะ คนอื่นจะว่าอย่างไรไม่รู้ที่เขาเริ่มต้นคิดเพลงจากตรงนั้น แต่สำหรับผมคิดว่าเป็นเรื่องดีมากนะที่เขาได้ระบายออกมาเป็นเพลง เพราะตามปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยพูดหรือแสดงความรู้สึกออกมาเท่าไร

 

โบ๊ท: ส่วนผมเห็นด้วยมากครับ ถ้าอยู่ในสงครามแห่งชัยชนะแล้วเขาวิ่งไปข้างหน้าผมจะตามไปติดๆ เลย (หัวเราะ) ถ้าเขาจะทำเพลงเพื่อเอาชนะเพลงที่ดีกว่า หรือเอาชนะวงไหนก็ตาม ผมอินมาก ผมเอาด้วยหมดเลย

 

เพลง เกลียด ของ The Yers

 

การแข่งขัน อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นวงการเพลง

 

อู๋: หลายวงไม่กล้าพูดเรื่องนี้ แต่ผมคิดว่าเป็นจุดที่ไม่ต้องปิดบังกันแล้วว่ามันมีการแข่งขันในวงการเพลงตลอดเวลา เชื่อว่าลับหลังต้องมีการคิดประมาณ เชี่ย มึงกระจอก กูจะเอาชนะวงมึง แต่ด้วยความที่วัฒนธรรมหรือประเพณีบ้านเราแสดงออกไม่ได้ ผมเคยคุยกับโบ๊ทว่ามันต้องมีลักษณะเหมือนที่วง Blur กับ Oasis แข่งกัน

 

อย่างของพวกเราก็มีวงที่มีดนตรีใกล้เคียงกับ The Yers แล้วไม่ชอบพวกเรา และพวกเราก็ไม่ชอบพวกเขาเหมือนกัน (หัวเราะ) คือไม่ได้เกลียดตัวตนกัน แต่แค่ไม่ชอบผลงาน ไม่ชอบการนำเสนอของกันและกันเท่านั้นเอง แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีกันอยู่

 

บูม: มีเยอะมากเลยนะที่เราไม่ชอบผลงานเขาหรอก แต่พอเจอตัวกันแล้วเกลียดเขาไม่ลง

 

โบ๊ท: แต่มันมีคนที่เกลียดเราตลอด 24 ชั่วโมงนะเว้ย (หัวเราะ)

 

อู๋: มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ผมเคยคุยว่าจริงๆ ถ้าแสดงออกเรื่องนี้ได้ มันสนุกนะ มันทำให้วงการมีการแข่งขัน แล้วมันจะคึกคักมากเลย

 

โบ๊ท: งั้นเราพูดเลยไหม (หัวเราะ)

 

อู๋: เดี๋ยวก่อนๆ แค่ขนบธรรมเนียมของประเทศเรามันไม่เอื้ออำนวยแค่นั้นเอง

 

แผนการหักหลังเพื่อเป้าหมายที่ต้องเอาชนะในลำดับต่อไป

 

อู๋: อย่างที่บอกว่าตัวกระตุ้นในการทำเพลงของผมคือการเอาชนะ ทั้งชนะตัวเอง ชนะวงการนี้ จะทำอย่างไรให้มันพัฒนาอยู่ตลอดเวลา สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเรื่อยๆ โดยยังมีลายเซ็นของเราอยู่ ผมชอบเวลาหักหลังคนฟังด้วยการทำอะไรที่เขาคาดไม่ถึงอยู่ตลอดเวลา

 

ยกตัวอย่างง่ายๆ ตอนทำอัลบั้มชุดที่ 2 คนคาดหวังกับ The Yers ว่าขอมันๆ สะใจๆ หน่อยพี่ อยากได้แบบเสพติดความเจ็บปวด แล้วเราปล่อยเพลง TV ซิงเกิลสุดท้ายที่เป็นแนว R&B เกาหลีมาเลย ผมก็คอมเมนต์กันเพียบว่า นี่แม่งโคตรป๊อปไม่ใช่ The Yers เว้ย โอเค ต้องการอะไรแรงๆ ใช่ไหม งั้นเอาเลยอัลบั้มอะคูสติก (หัวเราะ) มันคือการเปลี่ยนไปในทิศทางที่เขาไม่คิดว่าเราจะไป และนี่คือการเอาชนะตัวเองอย่างหนึ่งแล้ว ถ้าเราทำอะไรเหมือนเดิม ก็จมอยู่ที่เดิมไม่มีการพัฒนา และในขณะที่คนฟังเพลงอะคูสติกของเราแล้วเริ่มติด คิดว่า The Yers ทำเพลงช้าก็เพราะอยากได้ช้าๆ อีก ก็โอเค เอาเพลง ดื่ม ในโปรเจกต์พิเศษแบบหนักๆ ไปเลย (หัวเราะ)

 

พอจบอัลบั้ม Cry เราก็คงต้องหาวิธีหักหลังคนฟังต่อไปอีก แต่ก่อนหน้านั้นเราตั้งใจว่ายังเล่นคอนเสิร์ตอยู่ แต่จะหยุดการผลิตผลงานเพิ่มสักพักหนึ่ง หลังจากพัก 3 ปีจากอัลบั้ม 1 มา 2 เหมือนเราเปิดประตูให้เห็นคนตลอดว่าเรามีอะไรกันบ้าง ตอนนี้เราอยากปิดประตูนั้นสักพัก ให้คนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ The Yers แล้วค่อยกลับมาอีกครั้งพร้อมอะไรใหม่ๆ ที่คนน่าจะสนุกสนานกันมากขึ้น

 

 

ความผ่อน ‘คลาย’ ของจอมเผด็จการ

 

ต่อ: ก่อนหน้านี้เวลาทำดนตรี จะถูกส่งมาจากอู๋เป็นหลัก แล้วค่อนข้างเครียด แต่อัลบั้มนี้อู๋ให้ผมกับโบ๊ทไปเอาเพลงเก่ามารีอะเรนจ์ใหม่ในแบบอะคูสติก ที่ให้ทำมาในแบบที่พวกผมคิด แล้วพอส่งให้ก็ไม่ได้แก้อะไรมากมาย แต่ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ส่งอะไรไปนี่เตรียมโดนด่าได้เลย (หัวเราะ) อย่างโบ๊ทที่ไม่เคยทำเพลงเองมาก่อน ก็เริ่มลุยขึ้นมาทำมากขึ้น มันเป็นการผ่อนคลายจริงๆ นะ ที่เขายอมปล่อยให้เราทำอัลบั้มต่อไปก็คงจะคลายกว่านี้อีก

 

อู๋คือเผด็จการทางดนตรี

 

ทุกคน: ใช่ (ตอบพร้อมกัน)

 

ต่อ: เราใช้วิธีไปคุยกับเพื่อนคนอื่นก่อนว่า เฮ้ย มึงคิดอย่างไรวะ สุมหัวกัน ก็ค่อยไปบอกอู๋ (หัวเราะ) แต่ถ้าเขาบอกว่าไม่โอเคก็คือตามนั้น เชื่อเขา

 

อู๋: เป็นความโชคร้ายของพวกเขาที่ยังมีความโชคดีอยู่นะ โชคร้ายคือเขาจะส่งงานผมยากหน่อย แต่โชคดีคือไดเรกชันของวงจะตรงกัน The Yers จะไม่ใช่วงที่อยู่ดีๆ ก็มีอะไรผิดแผกมาเพราะอยากได้รับความนิยม หรือมีซาวด์อะไรที่ไม่ควรอยู่ในเพลงของเราเข้ามา

ต่อ: ฟังดูโหด แต่สุดท้ายมันคือความโชคดีจริงๆ นะ เพราะถ้าเราไม่เชื่อ ไม่ตามใจเขาตั้งแต่ตอนนั้น อาจจะไม่ได้ร่วมวงกัน และไม่ได้มาถึงขนาดนี้ก็ได้

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post The Yers ส่วนผสมระหว่างการเอาชนะ หักหลัง และน้ำตา ในอัลบั้ม Cry appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/the-yers/feed/ 0