บิทคอยน์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 12 Jul 2025 08:12:26 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Bitcoin ทุบสถิติใหม่ พุ่งทะลุ 118,000 ดอลลาร์ ล้างพอร์ต ‘สายชอร์ต’ 2.79 แสนราย มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ใน 24 ชั่วโมง https://thestandard.co/bitcoin-hits-record-high-118000/ Sat, 12 Jul 2025 08:12:26 +0000 https://thestandard.co/?p=1095790

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การทะยานขึ้นของ Bitcoin ส […]

The post Bitcoin ทุบสถิติใหม่ พุ่งทะลุ 118,000 ดอลลาร์ ล้างพอร์ต ‘สายชอร์ต’ 2.79 แสนราย มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ใน 24 ชั่วโมง appeared first on THE STANDARD.

]]>

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การทะยานขึ้นของ Bitcoin สู่การสร้างสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาล (All-Time High) ในช่วงปลายสัปดาห์ ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่เดิมพันในฝั่งขาลง (Bearish) โดยมีการบังคับปิดสถานะสัญญา Short คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.29 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 24 ชั่วโมง

 

ข้อมูลล่าสุดจาก Coinglass ระบุว่า มีเทรดเดอร์ถูกล้างพอร์ตไปแล้วกว่า 279,000 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังจากที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 118,847 ดอลลาร์ โดยการบังคับปิดสถานะสัญญา Bitcoin ที่ใหญ่ที่สุดรายการเดียวเกิดขึ้นบนกระดานเทรด HTX มีมูลค่าสูงถึง 88.5 ล้านดอลลาร์

 

เมื่อรวมมูลค่าการล้างพอร์ตจากทุกสกุลเงินดิจิทัล พบว่ามีมูลค่าสูงถึง 1.29 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งนับเป็นมูลค่าการล้างพอร์ตที่สูงที่สุดในปีนี้

 

การทะยานขึ้นอย่างรุนแรงของ Bitcoin เริ่มขึ้นในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (10 กรกฎาคม) ซึ่งเป็นการทำลายภาวะซบเซาที่ดำเนินมาเกือบสองเดือน โดยจังหวะเวลาดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับการที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณแข็งกร้าวทางการค้าครั้งใหม่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง แต่กลับเป็นปัจจัยหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์หลบภัย

 

นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนต่างชี้ให้เห็นถึงปัจจัยหลายประการที่ประกอบกันเป็นพายุหนุนราคาครั้งนี้ ได้แก่ สถานะสินทรัพย์หลบภัย (Haven Lure) จากการที่ Bitcoin พุ่งขึ้นสวนทางกับตลาดหุ้นที่ร่วงลงจากความกังวลเรื่องสงครามการค้า ตอกย้ำถึงบทบาทของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์หลบภัยจากความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งแตกต่างจากเหตุการณ์ ‘Liberation Day’ เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ทั้งหุ้นและ Bitcoin ร่วงลงพร้อมกันในตอนแรก

 

นอกจากนี้ ตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ตลาดได้รับข่าวดีอย่างต่อเนื่องทั้งการกลับมาของเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน Bitcoin ETF และการที่คณะกรรมาธิการในสภาคองเกรสสหรัฐฯ ประกาศให้สัปดาห์หน้าเป็น ‘Crypto Week’ เพื่อพิจารณากฎหมายที่เป็นมิตรต่ออุตสาหกรรม

 

รวมทั้งเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ว่าจีนซึ่งเคยสั่งแบนการเก็งกำไรในสินทรัพย์ดิจิทัลมานาน 4 ปี กำลังเริ่มทบทวนนโยบายดังกล่าว

 

นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า การที่ความผันผวนของตลาดลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้านี้ ได้สร้างฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการปรับตัวขึ้นอย่างยั่งยืน

 

การปรับตัวขึ้นครั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ใน Bitcoin เท่านั้น แต่ยังกระจายไปยังสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อย่างกว้างขวาง เช่น Ether (ETH) สกุลเงินดิจิทัลอันดับสอง พุ่งขึ้นทะลุระดับ 3,000 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่เหรียญอื่นๆ เช่น Cardano ก็ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน

 

ปรากฏการณ์ Short Squeeze หรือการบีบให้ผู้ที่เปิดสถานะ Short ต้องรีบซื้อคืนเพื่อตัดขาดทุนในครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงความแข็งแกร่งของตลาดกระทิงรอบปัจจุบัน ที่ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยโมเมนตัมเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยพื้นฐานด้านอุปสงค์จากสถาบันและทิศทางนโยบายที่ชัดเจนขึ้นเป็นแรงหนุนสำคัญ

 

อ้างอิง:

The post Bitcoin ทุบสถิติใหม่ พุ่งทะลุ 118,000 ดอลลาร์ ล้างพอร์ต ‘สายชอร์ต’ 2.79 แสนราย มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ใน 24 ชั่วโมง appeared first on THE STANDARD.

]]>
สำรวจผลตอบแทนสินทรัพย์ต่างๆ หลัง ‘ทรัมป์’ ประกาศภาษีตอบโต้ทั่วโลก https://thestandard.co/trump-tariffs-assets-2025/ Wed, 30 Apr 2025 05:34:17 +0000 https://thestandard.co/?p=1069776

หนึ่งในประเด็นร้อนด้านการเมืองและเศรษฐกิจในขณะนี้คงหนีไ […]

The post สำรวจผลตอบแทนสินทรัพย์ต่างๆ หลัง ‘ทรัมป์’ ประกาศภาษีตอบโต้ทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>

หนึ่งในประเด็นร้อนด้านการเมืองและเศรษฐกิจในขณะนี้คงหนีไม่พ้นการประกาศขึ้นอัตราภาษีระหว่างประเทศกับสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า Reciprocal Tariff ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐฯ ที่เป็นประเด็นสืบเนื่องมาตั้งแต่ต้นเดือนนี้ (2 เมษายน) ที่ทำให้สินทรัพย์ทั่วโลกผันผวนอย่างรุนแรง 

 

โดยในช่วงแรกของประเด็นดังกล่าว สินทรัพย์ต่างๆ มีการปรับตัวขึ้นหรือลงได้มากกว่า 10% ภายในวันเดียว ก่อนที่สินทรัพย์เหล่านี้จะฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา

 

ซึ่งราคาของสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ, ไทย, จีน, ทองคำ และค่าเงินต่างๆ ก็ดูเหมือนจะยังอยู่ในความไม่แน่นอนไปอีกสักระยะ

 

ในบทความนี้ทางทีมงาน THE STANDARD WEALTH จะพาไป ‘สำรวจผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่างๆ หลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี’ กัน

 

 

ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา

The post สำรวจผลตอบแทนสินทรัพย์ต่างๆ หลัง ‘ทรัมป์’ ประกาศภาษีตอบโต้ทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: นายกฯ ภูฏาน ชูบิทคอยน์ สร้างเมืองใหม่ เดิมพันใหญ่ภูฏาน | THE WORLD DIALOGUE #1 https://thestandard.co/the-world-dialogue-ep-1/ Fri, 25 Apr 2025 08:11:43 +0000 https://thestandard.co/?p=1068197

ภูฏาน ดินแดนบนเทือกเขาหิมาลัยที่ให้กำเนิด ‘ดัชนีความสุข […]

The post ชมคลิป: นายกฯ ภูฏาน ชูบิทคอยน์ สร้างเมืองใหม่ เดิมพันใหญ่ภูฏาน | THE WORLD DIALOGUE #1 appeared first on THE STANDARD.

]]>

ภูฏาน ดินแดนบนเทือกเขาหิมาลัยที่ให้กำเนิด ‘ดัชนีความสุข’ วันนี้กำลังเผชิญโจทย์ท้าทายทั้งจากภายในและภายนอก ตั้งแต่การอพยพไปต่างประเทศของคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงเรื่องภูมิรัฐศาสตร์

 

ฟังวิสัยทัศน์ ดาโช เชริง โตบเกย์ นายกรัฐมนตรีภูฏาน ถึงแนวทางการพัฒนาประเทศ กับการสร้างเมืองแห่งสติ ‘เกเลพู’ เพื่อขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ ชูบิทคอยน์ และพลังงานสะอาดตามเทรนด์โลกใหม่ รวมถึงเพิ่มการค้าในกรอบ FTA ไทย-ภูฏาน และ BIMSTEC ที่ปัจจุบันกลายเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ สำหรับภูฏาน ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างรัฐมหาอำนาจ

 

เรื่อง: ณัฏฐา โกมลวาทิน, ปิยพร อรุณเกรียงไกร

ตัดต่อ: วชิระ มากทรัพย์

The post ชมคลิป: นายกฯ ภูฏาน ชูบิทคอยน์ สร้างเมืองใหม่ เดิมพันใหญ่ภูฏาน | THE WORLD DIALOGUE #1 appeared first on THE STANDARD.

]]>
IMF ประกาศให้ ‘Bitcoin’ และ ‘คริปโต’ เป็นหนึ่งใน Asset Class ของโลกอย่างเป็นทางการ https://thestandard.co/imf-bitcoin-crypto-asset-class/ Mon, 24 Mar 2025 11:48:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1056049

เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา International Monetary F […]

The post IMF ประกาศให้ ‘Bitcoin’ และ ‘คริปโต’ เป็นหนึ่งใน Asset Class ของโลกอย่างเป็นทางการ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา International Monetary Fund หรือ IMF ประกาศให้ Bitcoin และ คริปโตเคอร์เรนซี เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ (Asset Class) ของโลกอย่างเป็นทางการใน BPM7 ฉบับล่าสุด หรือคู่มือบัญชีดุลการชำระเงินและสถานการลงทุนระหว่างประเทศฉบับบูรณาการ 

 

โดย IMF ได้พิจารณาให้ Bitcoin และเหรียญคริปโตที่ไม่มีสินทรัพย์ใดๆ หรือแพลตฟอร์มมารองรับ เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ใช่การเงินที่ไม่ได้เกิดจากการผลิต (Non-produced Non-financial Assets) ซึ่งอยู่ในประเภทเดียวกับทรัพย์สินประเภททรัพยากรธรรมชาติที่โอนกรรมสิทธิ์ได้หรือพวกกลุ่มทรัพย์สินทางปัญญา 

 

หากมีการทำธุรกรรมใน Bitcoin และเหรียญคริปโตประเภทนี้ระหว่างประเทศ (Cross boarder Transaction) ก็เทียบเคียงได้กับการทำธุรกรรมของทองคำหรือที่ดิน เป็นต้น

 

ในขณะที่เหรียญคริปโตที่มีแพลตฟอร์มมารองรับ เช่น Ethereum หรือ Solana ทาง BPM7 ก็พิจารณาว่าเป็นสินทรัพย์ประเภทคล้ายทุน (Equity-Like Holding) และจะพิจารณาคล้ายกับการถือครองหุ้นต่างประเทศหากถือครองสินทรัพย์ดังกล่าวบนคนละประเทศกับผู้พัฒนาเหรียญ

 

และท้ายที่สุด BPM7 ได้พิจารณาให้การถือเหรียญ Stablecoin ที่มีระบบการจ่ายดอกเบี้ยแบบ Staking อาทิ USDT ในฐานะเครื่องมือทางการเงินชนิดหนึ่ง (Financial Instrument) ที่หากมีการบันทึกสินทรัพย์จะบันทึกตามลักษณะของสินทรัพย์ที่ถูกนำมาค้ำประกัน

 

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากภายในกล่าวกันว่า IMF อาจมีแผนนำ Bitcoin เข้าไปคำนวณใน SDR หรือ Special Drawing Rights Index ซึ่ง SDR เป็นสินทรัพย์สำรองระหว่างประเทศที่ออกโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งมูลค่าของ SDR คำนวณจากตะกร้าสกุลเงินหลัก ได้แก่ ดอลลาร์สหรัฐ (USD), ยูโร (EUR), หยวนจีน (CNY), เยนญี่ปุ่น (JPY) และปอนด์อังกฤษ (GBP)

 

ไม่เพียงเท่านั้น IMF ยังมีมุมมองที่เปลี่ยนไปในทิศทางเชิงบวกต่อ Bitcoin มากขึ้นในช่วงหลังมานี้ จากที่เคยเป็นหนึ่งในองค์กรที่เคยมีมุมมองเชิงต่อต้าน Bitcoin ในอดีต

 

อ้างอิง:

The post IMF ประกาศให้ ‘Bitcoin’ และ ‘คริปโต’ เป็นหนึ่งใน Asset Class ของโลกอย่างเป็นทางการ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐบาลควรหนุน Tokenization หลังทรัมป์ตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ https://thestandard.co/opinion-govt-and-tokenization/ Wed, 12 Mar 2025 06:00:49 +0000 https://thestandard.co/?p=1051251

คำสั่งจัดตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ของประธานาธิบดีทรัมป์ช่ […]

The post รัฐบาลควรหนุน Tokenization หลังทรัมป์ตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

คำสั่งจัดตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ของประธานาธิบดีทรัมป์ช่วยการันตี-สนับสนุนการเงินดิจิทัล ถือเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดคริปโตทั่วโลก แนะรัฐบาลไทยหันมาสนใจกระบวนการแปลงสินทรัพย์สู่รูปแบบดิจิทัล ช่วยลดต้นทุน-อำนวยความสะดวกทำธุรกรรม ปัจจุบันเอกชน-หน่วยงานพร้อมแล้ว เหลือแค่สัญญาณเชิงบวกจากรัฐ

 

ศ. ดร.อาณัติ ลีมัคเดช คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวถึงกรณีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งจัดตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ทางยุทธศาสตร์ หรือ Strategic Bitcoin Reserve Fund และประกาศแผนผลักดันให้สหรัฐฯ กลายเป็น ‘ศูนย์กลางคริปโตของโลก’ ตอนหนึ่งว่า สิ่งที่ชัดเจนและสำคัญจากการจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve Fund ของสหรัฐฯ คือส่งสัญญาณถึงการยอมรับและส่งเสริมระบบการเงินดิจิทัล คริปโต เทคโนโลยีบล็อกเชน และนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบต่างๆ ซึ่งจะตามมาอีกมาก

 

ศ. ดร.อาณัติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาภูมิรัฐศาสตร์ของโลกเกิดความเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก โดยอำนาจของสหรัฐฯ เริ่มถูกสั่นคลอน เช่นเดียวกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะเงินสกุลหลักของโลกก็เกิดความท้าทาย

 

นอกจากนี้ จุดเปลี่ยนหนึ่งที่สำคัญคือการเกิดประเด็นที่ว่า ในอนาคตเงินดอลลาร์สหรัฐอาจไม่ถูกใช้ในการซื้อขายน้ำมันทั่วโลก นั่นจึงกลายเป็นความสำคัญเร่งด่วนที่สหรัฐฯ จำเป็นต้องรื้อฟื้นความเชื่อมั่นต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐขึ้นมา ซึ่งการจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve Fund แม้จะมีส่วนช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในค่าเงินสหรัฐฯ ไม่มากนัก แต่จะส่งผลกระทบสำคัญในความเชื่อมั่นทิศทางการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินด้วยเทคโนโลยี Blockchain ให้กับสหรัฐฯ

 

“เมื่อทรัมป์เข้าสู่ตำแหน่งจึงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเรื้อรังมานาน อย่างการขาดดุลการค้า หรือปัญหาเงินเฟ้อ การต่อสายไปคุยกับมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียเพื่อฟื้นความสัมพันธ์ ทั้งหมดถือเป็นการเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ” ศ. ดร.อาณัติ กล่าว

 

ศ. ดร.อาณัติ กล่าวต่อไปว่า เมื่อกลับมาดูท่าทีของทรัมป์จะพบว่าไม่ใช่คนที่สนับสนุนคริปโตมาตั้งแต่ต้น แต่ภายหลังเมื่อได้เห็นภาพว่าคริปโตไม่ใช่เพียงการเก็งกำไร แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างนวัตกรรมทางการเงิน และหัวใจการค้าของสหรัฐฯ คือความเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ทรัมป์จึงหันกลับมาสนับสนุนคริปโต และเมื่อมาเป็นประธานาธิบดีก็ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาอย่างน้อย 2 คณะ เพื่อสนับสนุนการใช้ AI และคริปโต รวมถึงการมีประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐฯ คนใหม่ จากคนเดิมที่ออกแนวต่อต้านกลายมาเป็นคนที่สนับสนุนคริปโต

 

ผนวกกับการส่งสัญญาณแรงว่าจะมีการถอนฟ้องคดีต่างๆ ที่ค้างคาระหว่าง ก.ล.ต.สหรัฐฯ กับตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตรายใหญ่ ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลในทางบวกให้กับตลาดคริปโตทั่วโลก

 

“เราจึงได้เห็นว่าในช่วงที่ทรัมป์ขึ้นมาเป็นผู้นำ ราคาบิทคอยน์กระโดดขึ้นพรวดพราด รวมถึงหุ้นของบริษัทต่างๆ ที่ลงทุนในคริปโต แม้ช่วงนี้จะมีกระแสที่เริ่มดรอปลง ราคาดิ่งลง อะไรต่างๆ มองว่าเป็นเพราะที่ผ่านมาตลาดเกิด Overreact ขึ้นไปจนสูงแล้วลดลง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของตลาดที่ตอบรับกับข่าวดี แต่เชื่อว่าสิ่งที่สำคัญคือการส่งสัญญาณชัดเจน ว่าอย่างน้อยในช่วงที่ทรัมป์อยู่ในตำแหน่ง การซื้อ-ขายคริปโตจะไม่ได้ถูกมองแบบจ้องจับผิด แต่จะจ้องจับถูก เกิดความพยายามในการเสนอนโยบายที่เป็นการสร้างนวัตกรรมขึ้นมาแทน” ศ. ดร.อาณัติ กล่าว

 

ศ. ดร.อาณัติ กล่าวอีกว่า ดังนั้นเมื่อสหรัฐฯ มีการขยับตัวแรงเช่นนี้ ก็เป็นจุดน่าสนใจที่ประเทศต่างๆ จะกลับมามอง อย่างในส่วนของประเทศไทยเอง ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็เคยมีการศึกษาโครงการสกุลเงินดิจิทัล (CBDC) ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็เชื่อว่าการศึกษาอีกหลายอย่างจากหน่วยงานกำกับ ธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ โบรกเกอร์ ก.ล.ต. ฯลฯ ต่างมีแนวคิดการเตรียมตัวที่พร้อมไว้อยู่แล้ว

 

ฉะนั้นเมื่อใดที่รัฐบาลไทยมีความพร้อมหรือมีสัญญาณเชิงบวกต่อเรื่องนี้ ก็จะเข้าสู่กระบวนการที่เรียกว่า Tokenization หรือการแปลงสินทรัพย์ไปสู่รูปแบบดิจิทัล ได้มากขึ้น

 

“ตัวอย่างเช่น การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบันเรายัง T+2 คือต้องใช้เวลาในการดำเนินการ 2 วัน แต่เมื่อไรหากเราแปลงเงินบาทเข้าสู่ระบบดิจิทัลได้ มันจะกลายเป็น T+0 เพราะเงินกับหุ้นสามารถโอนไปแบบเรียลไทม์ได้ทันที ทั้งช่วยลดความเสี่ยงและลดต้นทุนที่จะเกิดขึ้นได้พร้อมกัน และหากเราขยายความคิดต่อ ไม่ได้ทำแค่หุ้น แต่ไปสู่พันธบัตร ทองคำ หรือแม้แต่กระบวนการภาครัฐก็ทำได้ อย่างการซื้อขายที่ดิน ต่อไปการโอนซื้อขายกันอาจไม่จำเป็นต้องไปสำนักงานที่ดินแล้ว แต่สแกนโอนจ่ายกันได้ทันทีเหมือนเวลาไปซื้อของในตลาด พวกนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะจะเป็นการลดต้นทุนและอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมได้อย่างมหาศาล” ศ. ดร.อาณัติ กล่าว

 

ศ. ดร.อาณัติ กล่าวสรุปว่า สัญญาณจากสหรัฐฯ นั้นจึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยี โดยกระบวนการ Tokenization อาจเป็นเพียงพื้นฐาน แต่การประยุกต์ใช้ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นผ่านระบบที่ไม่มีตัวกลาง หรือ Decentralized Finance (DeFi) คือสิ่งที่จะช่วยสร้างให้เกิดนวัตกรรมและช่องทางการเงินที่ตามมาอีกมากมาย หากต่อไปเมื่อนักธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย การเติบโตทางธุรกิจทำได้ง่ายขึ้น ก็จะส่งผลรวมไปถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยเช่นกัน

 

ภาพ: Flavio Coelho / Getty Images

The post รัฐบาลควรหนุน Tokenization หลังทรัมป์ตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรัมป์เดินหน้าแผนกองทุนสำรองคริปโต ย้ำเป้าหมาย ‘สหรัฐฯ ศูนย์กลางคริปโตโลก’ https://thestandard.co/trump-crypto-fund-us-global-center/ Mon, 03 Mar 2025 04:28:27 +0000 https://thestandard.co/?p=1047811

ตลาดคริปโตกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 […]

The post ทรัมป์เดินหน้าแผนกองทุนสำรองคริปโต ย้ำเป้าหมาย ‘สหรัฐฯ ศูนย์กลางคริปโตโลก’ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ตลาดคริปโตกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 มีนาคม) หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจัดตั้งกองทุนสำรองคริปโตเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะรวมการถือครองสองคริปโตที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Bitcoin และ Ether รวมทั้งเหรียญ XRP, โทเคน SOL ของ Solana และเหรียญ ADA ของ Cardano

 

“กองทุนสำรองคริปโตของสหรัฐฯ จะยกระดับอุตสาหกรรมที่สำคัญนี้ขึ้นมา หลังจากเผชิญกับการโจมตีจากรัฐบาลไบเดนมาหลายปี ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคำสั่งฝ่ายบริหารของผมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลจึงได้สั่งให้คณะทำงานของประธานาธิบดีเดินหน้าจัดตั้งกองทุนสำรองคริปโตที่รวม XRP, SOL และ ADA เข้าไปด้วย” ทรัมป์กล่าวในโพสต์บน Truth Social พร้อมย้ำว่า “ผมจะทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นศูนย์กลางคริปโตของโลก

 

“และแน่นอน BTC และ ETH ซึ่งเป็นคริปโตที่มีมูลค่าสูงจะอยู่ใจกลางของกองทุนสำรองนี้ ผมก็รัก Bitcoin และ Ethereum เช่นกัน” ทรัมป์ระบุ

 

ภายหลังการประกาศดังกล่าว ราคาของ XRP พุ่งขึ้น 33% ขณะที่โทเคนของ Solana กระโดดขึ้น 25% และเหรียญของ Cardano ทะยานขึ้นกว่า 60%

 

Bitcoin พุ่งขึ้น 10% แตะระดับ 94,343.82 ดอลลาร์ หลังจากร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนต่ำกว่า 80,000 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ (28 กุมภาพันธ์) ส่วน Ether ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราคาปรับตัวลดลง ล่าสุดก็ปรับตัวขึ้นได้ 13%

 

ทรัมป์เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดคริปโตของทำเนียบขาวเป็นครั้งแรกในวันศุกร์นี้ (7 มีนาคม) โดยนักลงทุนจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางของแผนกองทุนสำรอง

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ทรัมป์สนับสนุน ‘กองทุนสำรอง’ แทนที่จะเป็น ‘คลังเก็บ’ โดยกองทุนสำรองหมายถึงการซื้อคริปโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ขณะที่คลังเก็บหมายถึงการไม่ขายคริปโตที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถืออยู่ในปัจจุบัน

 

ทรัมป์เคยเสนอแนวคิดเรื่องการสะสม Bitcoin เป็นคลังของรัฐบาลเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วที่งาน Bitcoin 2024 ในแนชวิลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในการประชุมใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมคริปโต โดยในงานเดียวกันนี้ ซินเทีย ลัมมิส วุฒิสมาชิกจากรัฐไวโอมิง นำเสนอข้อเสนอของเธอเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ

 

อย่างไรก็ตาม ชุมชนคริปโตหลายกลุ่มเชื่อว่ากองทุนสำรองคริปโตควรถือเพียง Bitcoin เท่านั้น เนื่องจากเป็นเครือข่ายที่ผ่านการทดสอบและกระจายศูนย์มากที่สุด การรวมเหรียญอื่นๆ เข้าไปอาจทำให้รัฐบาลต้องเข้ามากำหนดว่าเหรียญใดเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ในตลาดคริปโต

 

อีกกลุ่มหนึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการจัดตั้งกองทุนสำรองคริปโตของสหรัฐฯ เนื่องจากอาจเป็นการบ่อนทำลายสถานะของเงินดอลลาร์ และยังสามารถถูกยกเลิกได้ง่ายโดยรัฐบาลชุดถัดไป

 

“การเลือกตั้งครั้งต่อไปอาจนำรัฐบาลใหม่เข้ามา ซึ่งอาจต้องการเงินเพื่อชำระหนี้ประกันสังคม พวกเขาอาจขายกองทุนสำรองนี้” อดัม บลัมเบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานฝ่ายที่ปรึกษาของ Enclave Group กล่าว

 

“ผมไม่ชอบแนวคิดที่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ หรือรัฐบาลใดๆ จะถือครองสินทรัพย์ที่กระจายศูนย์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา” เขากล่าวเสริม “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมา และมันทำให้รัฐบาลกลางมีอำนาจมากเกินไป ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ เองก็อยู่ในวัฏจักรการเลือกตั้งทุกๆ 4 ปี หรือแม้แต่ 2 ปี”

 

อ้างอิง:

The post ทรัมป์เดินหน้าแผนกองทุนสำรองคริปโต ย้ำเป้าหมาย ‘สหรัฐฯ ศูนย์กลางคริปโตโลก’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รีวิวผลตอบแทนสินทรัพย์ลงทุนประจำปี 2024 Bitcoin บวกแรงกว่า 111.84% ส่วน SET Index ปิดลบ 1.89% ต่ออีกปี https://thestandard.co/2024-investment-returns/ Mon, 30 Dec 2024 15:12:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1025881

ปี 2024 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นปีที่หลายส […]

The post รีวิวผลตอบแทนสินทรัพย์ลงทุนประจำปี 2024 Bitcoin บวกแรงกว่า 111.84% ส่วน SET Index ปิดลบ 1.89% ต่ออีกปี appeared first on THE STANDARD.

]]>

ปี 2024 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นปีที่หลายสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนได้ในระดับสูงมากที่สุดปีหนึ่งเลยทีเดียว แม้จะเป็นปีที่มีความผันผวนในด้านการเงิน การลงทุน เศรษฐกิจ และความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายพื้นที่ทั่วโลกก็ตาม

 

สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนได้ดีอันดับต้นๆ ในปีนี้ นำโดยสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Bitcoin ที่ให้ผลตอบแทนมากถึงกว่า 111.84% เนื่องจากเป็นปีของการ Halving ตามรอบวัฏจักร และการเกิดขึ้นของ Bitcoin ETF ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง

 

ซึ่งสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีก็นับเป็นหนึ่งปีที่ทำผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น เนื่องจากเป็นปีที่เกิดการ Halving และทำให้ราคา Bitcoin ทำจุดสูงสุดใหม่ (All Time High) ได้สำเร็จอย่างที่เคยเป็นมาในวัฏจักรก่อนๆ

 

ในขณะที่สินทรัพย์อย่างหุ้นไทย กลับกลายเป็นอีกหนึ่งปีที่ให้ผลตอบแทนติดลบในปีนี้ราว 1.89% (YTD)

 

ในบทความนี้ ทีมงาน THE STANDARD WEALTH จะพาไปสำรวจผลตอบแทนของสินทรัพย์ของประเทศต่างๆ และสินทรัพย์หลักของโลกในปี 2024 ว่าเป็นอย่างไรบ้าง สินทรัพย์ใดให้ผลตอบแทนสูงสุด และสินทรัพย์ใดให้ผลตอบแทนแย่ที่สุด

 

 


 

ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ และจีนกอดคอพุ่ง

 

2024 ปีที่ตลาดหุ้นหลายแห่งทั่วโลกทำผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้อย่างน่าพึงพอใจ หากนักลงทุนเหล่านั้นออกไปคว้าผลตอบแทนจากต่างประเทศ โดยดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง S&P 500 และ NASDAQ ปรับตัวขึ้นไปราว 25.89% และ 33.56% ตามลำดับ ทำ All Time High ตามลำดับ เป็นผลจากราคาของหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอย่าง NVIDIA, Microsoft, Facebook, Amazon และ Meta ก็ปรับตัวขึ้นในทิศทาง All Time High เช่นกัน

 

ไม่เพียงแค่นั้น ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงอย่าง CSI 300 และ Hang Seng Index ก็เริ่มส่งสัญญาณกลับตัว และสามารถสร้างผลตอบแทน 18.09% และ 19.60% ตามลำดับ จากนโยบายผ่อนคลายและการอัดฉีดเงินของภาครัฐ ร่วมกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ส่อดีขึ้น หลังจากทำผลตอบแทนติดลบมาต่อเนื่องถึง 3 ปีติด 

 

แต่ถึงอย่างนั้น เศรษฐกิจจีนก็ยังมีปัญหาด้านอสังหาเรื้อรังที่รอแก้ไขอยู่เช่นกัน และการกลับสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยของ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็มีแนวโน้มทำให้การทำธุรกิจของบริษัทจีนเป็นไปได้ยากขึ้นจากสงครามการค้าของจีน-สหรัฐฯ ในช่วงต่อจากนี้ไป 

 

ปีทองของ Bitcoin หลัง Halving ดันราคา All Time High ทะลุแสนดอลลาร์

 

2024 ก็เป็นอีกหนึ่งปีที่ Bitcoin เกิดการ Halving อีกครั้งตามวัฏจักร ซึ่งจะทำให้ปริมาณซัพพลายของเหรียญ Bitcoin ในระบบที่จะผลิตเพิ่มในอนาคตลดลง และเป็นผลให้ในแต่ละรอบวัฏจักรของการ Halving ผลักดันราคา Bitcoin ขึ้นทำจุดสูงสุดได้ใหม่เป็นปกติ แต่ในวัฏจักรรอบนี้กลับมีแรงสนับสนุนเพิ่มมาตั้งแต่ต้นปีด้วยการออก ETF Bitcoin จากสถาบันการเงิน และการสนับสนุนคริปโตจากประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐฯ ที่เพิ่งผ่านการเลือกตั้งไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ มาร่วมด้วย ทำให้มีเม็ดเงินและความเชื่อมั่นจากนักลงทุนสถาบันเข้ามาผลักดันราคาอีกเช่นกัน จนทำให้ราคาของ Bitcoin ปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ 106,460 ดอลลาร์

 

หุ้นไทย ‘ปิดลบ’ ต่ออีกปี

 

ท่ามกลางตลาดหุ้นหลายแห่งของโลกที่ปรับตัวขึ้นกันอย่างต่อเนื่อง แต่ในปี 2024 ตลาดหุ้นไทยกลับให้ผลตอบแทนย่ำแย่อีกหนึ่งปี โดยปรับตัวลงมาราว 1.88% (YTD) จากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวที่ไม่ดี 

 

แม้จะพยายามใช้นโยบายอัดฉีดเงิน แผนกระตุ้นนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ และการเปลี่ยนชุดรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีในระหว่างปีแล้วก็ตาม แต่เศรษฐกิจไทยก็ยังคงซึมลงอย่างต่อเนื่องจากปัญหาที่แรงงานไทยไม่สามารถปรับตัว (Reskill) กับความต้องการของตลาดได้ทัน และหลายธุรกิจไทยไม่มีศักยภาพในการแข่งขันกับตลาดโลกจนต้องลดขนาดองค์กร หรืออาจต้องปิดธุรกิจไป ทำให้พนักงานระดับกลาง-ล่างว่างงานเพิ่มขึ้น จนนำไปสู่กำลังซื้อในการจับจ่ายใช้สอยที่หดหายไป 

 

ไม่เพียงเท่านั้น แนวโน้มระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงกว่า 90% และมีโอกาสเพิ่มต่อ และโครงสร้างสังคมผู้สูงอายุของไทยที่กำลังจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้แนวโน้มการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในอนาคตอาจอยู่ไม่ถึงระดับ 3-4% เงินทุนของนักลงทุนในตลาดจึงทยอยไหลออกอย่างต่อเนื่องอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้

 

ภาพประกอบ: พุทธิพงศ์ โรจน์ศตพงค์

The post รีวิวผลตอบแทนสินทรัพย์ลงทุนประจำปี 2024 Bitcoin บวกแรงกว่า 111.84% ส่วน SET Index ปิดลบ 1.89% ต่ออีกปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bitcoin ทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ นักลงทุนบางกลุ่มวางเดิมพัน 2.8 พันล้าน เก็งเป้าหมายต่อไปที่ 9 หมื่นดอลลาร์ https://thestandard.co/bitcoin-hits-new-record/ Mon, 11 Nov 2024 04:45:19 +0000 https://thestandard.co/?p=1006991

Bitcoin (BTC) พุ่งทะยานทำจุดสูงสุดใหม่ทะลุ 8.1 หมื่นดอล […]

The post Bitcoin ทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ นักลงทุนบางกลุ่มวางเดิมพัน 2.8 พันล้าน เก็งเป้าหมายต่อไปที่ 9 หมื่นดอลลาร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

Bitcoin (BTC) พุ่งทะยานทำจุดสูงสุดใหม่ทะลุ 8.1 หมื่นดอลลาร์ ท่ามกลางความคาดหวังของนักลงทุนที่เชื่อว่าราคาคริปโตเคอร์เรนซีเบอร์ 1 ของโลกจะยังไปต่อได้อีก หลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ เผยผลว่ามีผู้สมัครที่สนับสนุนคริปโตจำนวนมากสามารถคว้าชัยจากการเลือกตั้ง

 

มูลค่าของการเปิดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Open Interest) ที่เดิมพันว่าราคา Bitcoin จะพุ่งเกิน 9 หมื่นดอลลาร์ มีมากถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์ บนแพลตฟอร์ม Deribit หนึ่งในแพลตฟอร์มคริปโตที่ให้บริการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์ส

 

ทางฝั่งนักลงทุนสถาบันก็มีทีท่าที่มองว่าคริปโตกำลังเป็นขาขึ้นเช่นเดียวกัน โดย CNBC รายงานข้อมูลราคาของวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ราคาพรีเมียมบนตลาดอนุพันธ์ Chicago Mercantile Exchange (CME) สำหรับ Ether และ Bitcoin เฉลี่ยอยู่ที่ 14.5% และ 14% ตามลำดับ ก่อนการเลือกตั้งพรีเมียมเหล่านี้อยู่ที่ 7% และช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาก็อยู่ต่ำกว่าระดับ 10% เล็กน้อย

 

“การพุ่งขึ้นที่เพิ่งเกิดเมื่อเร็วๆ นี้เป็นความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ ย้ำถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งในช่วงเวลานี้” Vetle Lunde หัวหน้าฝ่ายวิจัย K33 Research กล่าวกับ CNBC

 

นอกเหนือจากความตื่นเต้นในตลาดนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ บุคคลที่หวนกลับมาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ อีกครั้งก็สัญญาว่าเขาจะเปลี่ยนประเทศให้เป็น “ศูนย์กลางคริปโตของโลก” โดยข้อเสนอในแคมเปญหาเสียงของเขามีทั้งการจัดตั้งคลังคริปโตประจำประเทศที่จะใช้ Bitcoin มูลค่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลยึดมาได้ รวมถึงนโยบายที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมักจะส่งผลให้ราคาคริปโตเคอร์เรนซีสูงขึ้น เนื่องจากทำให้การกู้ยืมเงินมีราคาถูกลง

 

ทั้งนี้ สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ก็ได้ประโยชน์จากแนวโน้มเชิงบวกของตลาดเช่นกัน โดย Ether มีอัตราการเติบโตของราคาใน 7 วันที่ผ่านมาแซงหน้า Bitcoin ที่ 30% ขณะที่มูลค่าตลาดของเหรียญ Solana ทะลุ 1 แสนล้านดอลลาร์แล้วในวันอาทิตย์ (10 พฤศจิกายน)

 

ในเวลาเดียวกัน หุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับคริปโต เช่น Coinbase ก็พุ่งขึ้น 48% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นผลประกอบการที่ดีที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี และอีกหนึ่งบริษัท Robinhood นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ที่เปิดให้ผู้ใช้ซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีได้ก็มีราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 27%

 

อ้างอิง:

The post Bitcoin ทะยานสู่จุดสูงสุดใหม่ นักลงทุนบางกลุ่มวางเดิมพัน 2.8 พันล้าน เก็งเป้าหมายต่อไปที่ 9 หมื่นดอลลาร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bitcoin ทำ All Time High แตะ 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางชัยชนะของทรัมป์ ไปต่อได้แค่ไหน? https://thestandard.co/opinion-bitcoin-all-time-high-75k/ Thu, 07 Nov 2024 12:21:18 +0000 https://thestandard.co/?p=1005927

ชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรั […]

The post Bitcoin ทำ All Time High แตะ 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางชัยชนะของทรัมป์ ไปต่อได้แค่ไหน? appeared first on THE STANDARD.

]]>

ชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มความผันผวนในตลาดทุน โดยเฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin ที่ทรัมป์มีการออกตัวและมีนโยบายสนับสนุนมาตลอดช่วงการหาเสียง 

 

อีกทั้งราคา Bitcoin มีการปรับตัวขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนการเลือกตั้งและในช่วงสายๆ ของวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 (ตามเวลาประเทศไทย) ราคา Bitcoin ก็มีการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง จนทำจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ (All Time High) ได้ในที่สุดที่ราคา 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากผลการเลือกตั้งเริ่มมีความชัดเจนว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้

 

คำถามที่ตามมาคือ Bitcoin จะสามารถทำ All Time High ต่อเนื่องได้หรือไม่? 

 

ในเรื่องของนโยบาย สิ่งที่ต้องพิจารณาคือทิศทางนโยบายเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายสนับสนุน Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีของทรัมป์ 

 

สำหรับนโยบายทางเศรษฐกิจ หนึ่งในนโยบายสำคัญของทรัมป์ก็คือ การลดภาษีนิติบุคคลและไม่เก็บภาษี Tips และ OT ทำให้เงินมีแนวโน้มไหลเข้าตลาดสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นเนื่องจากปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาลง

 

ส่วนนโยบายของทรัมป์ที่สนับสนุนคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการเติบโตของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีได้หลักๆ นั้นมีดังนี้

 

  1. National Bitcoin Reserve: นำ Bitcoin ที่ยึดมาได้ประมาณ 208,000 BTC มาเป็น National Reserve 
  2. สนับสนุนการเก็บ Bitcoin ด้วยตัวเอง (Self Custody)
  3. เปลี่ยนประธาน SEC: หาคนที่ Crypto Friendly มากกว่า แกรี เกนสเลอร์ มาแทน เพื่อให้ง่ายต่อการสานต่อนโยบาย
  4. ดันสหรัฐฯ ให้กลายเป็น Crypto Hub: จะทำให้การกำกับดูแลเป็นมิตรกับการทำธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น ส่งเสริม Innovation ให้เกิดขึ้นในสหรัฐฯ
  5. ลดกฎระเบียบและการสนับสนุนการขุด Bitcoin: นโยบายที่ลดข้อจำกัดและสนับสนุนการขุด Bitcoin ภายในประเทศ
  6. จัดตั้งสภาที่ปรึกษาประธานาธิบดีเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี ในการแนะนำเรื่องการกำกับดูแลที่เหมาะสม เพื่อให้อุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีเติบโตได้อย่างยั่งยืน

 

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็ต้องคอยติดตามดูว่าทรัมป์จะสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้มากน้อยแค่ไหน โดยนโยบายที่ถ้าเป็นไปได้แล้วจะเป็นผลบวกกับตลาดคริปโตเคอร์เรนซีมากที่สุดคือการนำ Bitcoin มาเป็น Strategic Reserve ที่จะส่งผลให้ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับจากประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกไม่สามารถมอง Bitcoin ในแง่ลบได้อีกต่อไป

 

แต่เอาเข้าจริงแล้ว ถ้าหากตัดเรื่องของนโยบายออกไปแล้วพิจารณาในภาพใหญ่ ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงก็ได้รับผลเชิงบวกจากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก พร้อมกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่จะทำให้ Global Liquidity เพิ่มสูงขึ้นอยู่แล้ว รวมถึงการยอมรับ Bitcoin โดยตลาดการเงินกระแสหลักที่นำโดย BlackRock ทำให้ทางเรามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีและ Bitcoin สามารถเติบโตได้อีกในอนาคต เพียงแต่นโยบายสนับสนุนต่างๆ ของทรัมป์จะมาเป็นแรงกระตุ้นผลักดันราคาให้สูงขึ้นได้มากกว่าเดิมเท่านั้นเอง

The post Bitcoin ทำ All Time High แตะ 75,000 ดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางชัยชนะของทรัมป์ ไปต่อได้แค่ไหน? appeared first on THE STANDARD.

]]>
มองโอกาสลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านเลนส์ Merkle Capital หลัง Fed ลดดอกเบี้ย ดัน Bitcoin ปรับตัวขึ้น 25% https://thestandard.co/merkle-capital-digital-assets/ Fri, 04 Oct 2024 03:53:04 +0000 https://thestandard.co/?p=991575

ราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวขึ้นกว่า 25% ในเดือนกันยายนที […]

The post มองโอกาสลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านเลนส์ Merkle Capital หลัง Fed ลดดอกเบี้ย ดัน Bitcoin ปรับตัวขึ้น 25% appeared first on THE STANDARD.

]]>

ราคา Bitcoin (BTC) ปรับตัวขึ้นกว่า 25% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่ 0.5% หรือ 50 Basis Points (Bps) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของวัฏจักรตลาด (Market Cycle) ส่งผลให้นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น และเป็นโอกาสของสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว

 

วรเมธ จันทร์เสน ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด เผยว่า Bitcoin และภาพรวมคริปโต โดยเฉพาะกลุ่ม Ethereum ecosystem มีแนวโน้มเติบโตได้สูงในเดือนตุลาคม ด้วย 3 ปัจจัยหลักดังนี้

 


 

1. Dot Plot แสดงถึงโอกาสของสินทรัพย์เสี่ยงในระยะยาว

 

จาก Dot Plot ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เผยแพร่ในเดือนกันยายน เมื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยในระยะยาวที่กรอบ 2.5-3.0% จะพบว่า อัตราดอกเบี้ยต่างจากปี 2025 เพียง 25-50 Bps เท่านั้น แสดงให้เห็นถึงตลาดลงทุนที่มีแนวโน้มผ่อนคลายในระยะยาว ซึ่งถือเป็นโอกาสที่มีนัยสำคัญของสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งด้านปัจจัยพื้นฐานและสถิติ 

 

อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยจริงในอนาคตอาจมีความผันผวนจาก Dot Plot ที่ประกาศออกมา

 

ภาพ: Cmegroup.com

 

2. ปริมาณอุปทานเหรียญ Stablecoin ทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี

 

ข้อมูลของ Total Stablecoin Supply แสดงให้เห็นถึงมูลค่าเงินสดที่อยู่ในตลาดคริปโต และแม้ในปัจจุบันราคาของ BTC จะผ่านเคยผ่านจุดสูงสุดเดิมแล้ว แต่สกุลเงินอื่นนั้นยังไม่สามารถทดสอบระดับเดิมได้ ซึ่งเมื่อพิจารณาร่วมกับข้อมูลนี้จะพบว่า Total Stablecoin Supply ที่ระดับสุดนั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่แสดงถึงความเชื่อที่เพิ่มสูงขึ้นของนักลงทุนในปัจจุบัน

 

ภาพ: Theblock.co

 

3. Total3 หรือมูลค่าตลาดเหรียญคริปโตที่ไม่รวม Bitcoin และ Ethereum (Altcoins Market Cap) ผ่านแนวทดสอบสำคัญ

 

Total3 คือข้อมูลที่แสดงถึงมูลค่าตลาดของคริปโต ยกเว้น Bitcoin และ Ethereum ซึ่งปรับตัวขึ้นกว่า 25% และผ่านแนวทดสอบสำคัญในรอบ 6 เดือน แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อภาพรวมตลาดคริปโต โดยเฉพาะกลุ่ม Ethereum Ecosystem ที่ดีดตัวขึ้นนำสกุลเงินอื่น

 

ภาพ: Tradingview.com

 

มานะ คานิโยว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านพัฒนาธุรกิจและพาณิชย์ บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวไปข้างต้น อาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การบานปลายของสงคราม โดยอาจทำให้มีตลาดตื่นตระหนกและเกิดการเทขายสินทรัพย์ต่างๆ (Panic Sell) หากสถานการณ์ลุกลาม ซึ่งตรงข้ามกับสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม สัญชัย ปอปลี ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ให้ความเห็นกับ THE STANDARD WEALTH ว่า “ในภาพรวมเรายังมองว่ามีปัจจัยบวกหลายอย่างที่จะทำให้ตลาดเติบโตได้ในระยะยาว แม้ว่าภาวะสงครามอาจทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง แต่เราน่าจะเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวในเวลาสั้นๆ เท่านั้น และสุดท้ายตลาดคริปโตจะสามารถฟื้นตัวกลับไปสู่ระดับก่อนหน้าสงครามได้”

 

หมายเหตุ:

 

  • บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุนแต่อย่างใด การลงทุนมีความเสี่ยง ควรวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
  • คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง และสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

The post มองโอกาสลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านเลนส์ Merkle Capital หลัง Fed ลดดอกเบี้ย ดัน Bitcoin ปรับตัวขึ้น 25% appeared first on THE STANDARD.

]]>