บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 22 Sep 2024 02:20:51 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เปิดชื่อ ‘5 กลุ่มทุน’ ชิงใบอนุญาต Virtual Bank ดึงทุนต่างชาติแชร์ประสบการณ์จากต่างประเทศ https://thestandard.co/5-capital-groups-compete-for-virtual-bank-license/ Sun, 22 Sep 2024 02:20:51 +0000 https://thestandard.co/?p=986513

เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้ายที่ธนาคาร […]

The post เปิดชื่อ ‘5 กลุ่มทุน’ ชิงใบอนุญาต Virtual Bank ดึงทุนต่างชาติแชร์ประสบการณ์จากต่างประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา เป็นวันสุดท้ายที่ธนาคารแห่งประเทศไทย​ (ธปท.) เปิดให้บริษัทต่างๆ ยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธุรกิจ Virtual Bank ก่อนที่จะประกาศผลผู้ได้รับคัดเลือกในช่วงกลางปี 2568 และจะเริ่มดำเนินการจริงได้ในช่วงกลางปี 2569 

 

หนึ่งในวัตถุประสงค์ของการเปิดให้มี Virtual Bank ขึ้นมาในประเทศไทย เพราะต้องการช่วยให้คนที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อมีโอกาสเข้าถึงมากขึ้น รวมทั้งการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ Virtual Bank กับธนาคารดั้งเดิม (ไม่ว่าจะเป็นออฟไลน์หรือออนไลน์) เป็นกลุ่มที่แตกต่างกัน

 

Virtual Bank คืออะไร

 

บทความที่ชื่อว่า Virtual Banking ก้าวต่อไปของระบบการเงินไทย โดย ธปท. นิยาม Virtual Bank ไว้ว่า เป็นธนาคารพาณิชย์ที่ดำเนินธุรกิจบนช่องทางดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดยมีลักษณะสำคัญ คือ 

 

  1. ไม่มีจุดให้บริการที่มีสถานที่ตั้งทางกายภาพ เช่น สาขาและตู้ ATM แต่ยังมีสำนักงานใหญ่ได้
  2. ให้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลตลอดกระบวนการของการให้บริการ ทั้งการทำความรู้จักลูกค้า (KYC), รับฝากเงิน และบริการอื่นๆ เช่น ให้สินเชื่อ โอน และชำระเงิน ฯลฯ 

 

นอกจากนี้ระบบคอมพิวเตอร์หลักที่ใช้บริหารจัดการงานธนาคาร (Core Banking System) ของ Virtual Bank จะแตกต่างไปจากธนาคารพาณิชย์รูปแบบเดิมผ่านเทคโนโลยีใหม่ที่ยืดหยุ่นสูง ซึ่งสามารถเชื่อมต่อและใช้ประโยชน์จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้โดยง่าย ส่งผลให้ Virtual Bank มีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำกว่าธนาคารดั้งเดิม

 

คนไทยจะได้อะไรจาก Virtual Bank 

 

เพื่อให้ Virtual Bank เข้ามาเติมเต็มระบบการเงินของไทยมากขึ้น ธปท. คาดหวังให้ Virtual Bank เข้ามาพัฒนานวัตกรรมในภาคการเงินควบคู่ไปกับการดูแลความเสี่ยงที่อยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม (Responsible Innovation) โดยได้กำหนดเป้าหมายของ ‘สิ่งที่อยากเห็น’ (Green Line) และ ‘สิ่งที่ไม่อยากเห็น’ (Red Line) จากการเปิดให้มี Virtual Bank ไว้อย่างชัดเจน

 

สิ่งที่ ธปท. อยากเห็น (Green Line) ได้แก่

 

  • บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ หรือเพิ่มประสิทธิภาพของบริการทางการเงินที่มีอยู่เดิมผ่านช่องทางดิจิทัล
  • มีบริการทางการเงินที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะรายย่อยและ SMEs กลุ่ม Unserved / Underserved
  • สร้างประสบการณ์การใช้บริการทางการเงินดิจิทัลที่ดีแก่ลูกค้า
  • ส่งเสริมและกระตุ้นการแข่งขันในระบบสถาบันการเงินอย่างเหมาะสม

 

สิ่งที่ ธปท. ไม่อยากเห็น (Red Line) ได้แก่

 

  • แนวทางประกอบธุรกิจที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน หรือเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อผู้ฝากเงิน / ผู้ใช้บริการ ในวงกว้าง
  • การประกอบธุรกิจในรูปแบบที่ไม่ยั่งยืน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อฐานะหรือความมั่นคง
  • การประกอบธุรกิจในรูปแบบที่ทำให้เกิดการแข่งขันในระบบการเงินอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงิน 
  • การเอื้อประโยชน์แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและใช้อำนาจตลาดอย่างไม่เหมาะสม

 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์และบริการจาก Virtual Bank ต่างประเทศ

 

จากบทความเดียวกันนี้ได้ยกตัวอย่างบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ Virtual Bank ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในไทยได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น

 

  • ผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำ 26 สัปดาห์ (เกาหลีใต้) เน้นกลุ่มวัยรุ่นและวัยเริ่มทำงาน โดยจูงใจด้วยดอกเบี้ยสูงและกำหนดเงินฝากขั้นต่ำน้อย 
  • บริการ Smart Saving (ฮ่องกง) บริหารจัดการความต้องการของลูกค้า เช่น กำหนดเป้าหมายการออมเงินและแยกเงินออมตามเป้าหมายออกจากเงินในชีวิตประจำวัน 
  • ผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับ SMEs และลูกค้ารายย่อย (จีนและฮ่องกง) ใช้ Big Data ในการประเมินรายได้และวิเคราะห์ความเสี่ยงลูกหนี้แทนการใช้หลักฐานแสดงรายได้ ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการดำเนินการสินเชื่อและชำระคืนก่อนกำหนด รวมทั้งอนุมัติในเวลารวดเร็ว
  • บริการโอนเงิน (ฮ่องกง) ให้ลูกค้าเขย่าโทรศัพท์หลังชำระเงิน เพื่อรับ Cash Reward หรือสะสมแต้มเป็นส่วนลดร้านค้าและร้านอาหาร 
  • บริการชำระเงิน (อังกฤษ) มีเครื่องมือที่เก็บรวบรวมข้อมูลรายได้และรายจ่ายประเภทต่างๆ รวมทั้งกำหนดเพดานรายจ่ายและตั้งเวลาชำระเงินอัตโนมัติ

 

เปิดชื่อ 5 กลุ่มยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank 

 

แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยกับ THE STANDARD WEALTH ว่า คาดว่าปัจจุบันจะมีผู้ยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำนวน 5 กลุ่ม ดังนี้

 

  1. กลุ่ม SCBX จับมือกับ KakaoBank และ WeBank
  2. GULF ร่วมกับ AIS, ธนาคารกรุงไทย และ OR
  3. กลุ่ม BTS ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ, Sea Group, เครือสหพัฒน์ และไปรษณีย์ไทย
  4. กลุ่มทรู Ascend Money (TrueMoney) – Ant Group
  5. กลุ่ม ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ร่วมกับ Lightnet Group ร่วมกับ WeLab 

 

กลุ่ม JMART ไม่ยื่นใบอนุญาต Virtual Bank 

 

แหล่งข่าวยืนยันต่อว่า กลุ่มของ JMART ไม่ได้ยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขณะที่มีรายงานข่าวออกมาว่า กลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ซึ่งมีการรายงานข่าวออกมาว่า ได้ส่งบริษัทลูกคือ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ และ Sea Group ซึ่งทุกรายเป็นกลุ่มที่ถือว่ามีความพร้อมทางการเงิน ได้ร่วมยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank จาก ธปท.

 

อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน JMART มีสถานะเป็นบริษัทลูกของกลุ่ม BTS กลุ่ม JMART จึงสามารถนำระบบนิเวศ (Ecosystem) ปัจจุบันที่มีเข้าไปช่วยสนับสนุนกลไกการให้บริการ Virtual Bank ได้

 

“ภาพก่อนหน้าเหมือนว่ากลุ่ม JMART จะ Lead ในการขอใบอนุญาต Virtual Bank แต่ตอนนี้ไม่ได้ Lead แต่เป็นส่วนหนึ่งของ BTS ในฐานะบริษัทลูกมากกว่า ส่วนจะเป็นอย่างไรคงต้องหารือและอธิบายถึงรายละเอียดในการให้บริการกับแบงก์ชาติต่อไปในช่วง 9 เดือนนี้ ซึ่งถ้าส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับ JMART ก็จะเข้าไปช่วยในส่วนของงานที่เกี่ยวข้อง”

 

สำหรับจุดเด่นของ Ecosystem ที่ JMART จะเข้าช่วยกลุ่ม BTS ในการทำ Virtual Bank จะมี 3 ส่วนหลักจากลูกค้าของบริษัทในกลุ่ม JMART เพราะมีกลุ่มลูกค้าจำนวนมากที่เป็นกลุ่ม Underserved ที่ ธปท. มีนโยบายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักในการนำ Virtual Bank เพื่อช่วยให้เข้าถึงบริการทางการเงิน ดังนี้ 

 

  1. กลุ่มลูกค้าในเครือของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ที่เป็นกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดทั้งหมดที่มีราว 6 แสนคน อีกทั้งเป็นกลุ่ม Underserved ที่ไม่มีบัตรเครดิตทั้งหมดหรือเข้าไม่ถึงแหล่งเงินกู้สถาบันการเงิน
  2. กลุ่มลูกค้า บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ปัจจุบันมีลูกค้าจำนวนรวมราว 5 ล้านคนที่มาจากการซื้อหนี้เสีย (NPL) จากสถาบันการเงินรวม 5 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 10% หรือราว 5 แสนคนที่ประนอมหนี้กำลังจะมีประวัติทางการเงินกลับมาดี
  3. กลุ่มลูกค้า ‘สุกี้ตี๋น้อย’ เป็นแบรนด์ร้านอาหารภายใต้บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) ที่เป็นกลุ่มไม่มีบัตรเครดิตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีประมาณ 15 ล้านคนต่อปี 

 

ขณะที่คาดว่าจากสัดส่วนภาพรวมของจำนวนประชากรของประเทศไทยทั้งหมดน่าจะมีสัดส่วนราว 70% ที่เป็นกลุ่ม Underserved เข้าไม่ถึงแหล่งเงินกู้ระบบสถาบันการเงิน และมีสัดส่วนเพียง 30% ที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน

 

ทั้งนี้ ประเมินว่าธุรกิจที่เหมาะสมกับการจะเข้ามาทำธุรกิจ Virtual Bank ควรจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการขายสินค้าหรือบริการซึ่งมีลูกค้าอยู่แล้ว หรือเป็นในรูปแบบ ‘บริการทางการเงินแบบฝังตัว’ หรือ Embedded Finance 

 

“ยกตัวอย่างการ Embedded Finance เช่น กรณีลูกค้าร้านสุกี้ตี๋น้อย สามารถเชิญให้ลูกค้ามาโหลดแอป ให้โปรโมชันต่างๆ ซึ่งเราก็จะสามารถ Bundle โปรดักต์ทางการเงินไปเข้าไปในแอปได้เลยในอนาคต แต่ถ้าแบงก์ปกติทั่วไปต้องการมาทำ Virtual Bank ก็ควรจะเป็นแบงก์ที่มีแผนจะขายสินค้าแบบ Bundle ในอนาคต”

 

ทั้งนี้ THE STANDARD WEALTH สอบถามข้อมูลแหล่งข่าวระดับสูงจาก BTS โดยปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank เนื่องจากมีการเซ็นสัญญารักษาความลับ (Non-disclosure Agreement: NDA) ไว้

 

OR ลั่น มีจุดแข็ง พร้อมร่วมพาร์ตเนอร์ลุย Virtual Bank

 

ด้าน ดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงความคืบหน้าการขอใบอนุญาต Virtual Bank นั้น บริษัทได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทยและ AIS ในการดำเนินธุรกิจ Virtual Bank โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 20%

 

สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้มองว่า OR มีจุดแข็งด้านแพลตฟอร์มของบริษัทที่มีร้านค้าในสถานีบริการจำนวนมาก และมีฐานลูกค้า Blue Card กว่า 8 ล้านคน ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งด้านผู้จำหน่าย ขณะที่ AIS ก็มีจุดเด่นเรื่องเทคโนโลยี รวมถึงธนาคารกรุงไทยที่มีจุดแข็งด้านระบบหลังบ้านและการควบคุมความเสี่ยงเรื่องการปล่อยสินเชื่อ

 

ส่วน เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่า มีความเห็นว่าหากผู้ผ่านคุณสมบัติครบในการยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank ก็ควรได้รับใบอนุญาตทุกคน โดยไม่ควรกำหนดจำนวนผู้ที่จะได้ใบอนุญาตเป็นเงื่อนไขหลัก

 

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

The post เปิดชื่อ ‘5 กลุ่มทุน’ ชิงใบอนุญาต Virtual Bank ดึงทุนต่างชาติแชร์ประสบการณ์จากต่างประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไปรษณีย์ไทยจัดโครงการส่งสิ่งของบริจาคช่วยน้ำท่วมทั่วประเทศฟรี วันนี้ – 31 ต.ค. 67 กำหนดน้ำหนักของไม่เกิน 20 กิโลกรัม https://thestandard.co/thailand-post-send-donated-items-for-free/ Thu, 19 Sep 2024 07:52:49 +0000 https://thestandard.co/?p=985400

วันนี้ (19 กันยายน) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จัดโครงการ […]

The post ไปรษณีย์ไทยจัดโครงการส่งสิ่งของบริจาคช่วยน้ำท่วมทั่วประเทศฟรี วันนี้ – 31 ต.ค. 67 กำหนดน้ำหนักของไม่เกิน 20 กิโลกรัม appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (19 กันยายน) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จัดโครงการ ‘ไปรษณีย์ไทย เชื่อมโยงน้ำใจ ส่งต่อผู้ประสบภัยน้ำท่วม’ เพื่อร่วมส่งต่อน้ำใจไทย และทำหน้าที่ขนส่งสิ่งของบริจาคให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายจังหวัด เช่น เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา เลย หนองคาย รวมถึงพื้นที่ในภูมิภาคต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ 

 

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยในฐานะหน่วยงานการสื่อสารและขนส่งของชาติ ภายใต้สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เร่งสนับสนุนส่งต่อความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่กำลังประสบกับอุทกภัย ซึ่งจะใช้เครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศและศักยภาพในการเข้าถึงทุกพื้นที่เป็นสื่อกลางรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นจากผู้ที่ประสงค์บริจาค และนำไปส่งมอบให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ  

 

โดยเปิดบริการให้ลูกค้า/ประชาชนได้ฝากส่งสิ่งของบริจาคผ่านไปรษณีย์ทั่วประเทศ ด้วยบริการ EMS ผู้ประสงค์บริจาคสามารถนำสิ่งของมาฝากส่งฟรีได้ที่เคาน์เตอร์บริการของไปรษณีย์ไทยทั่วประเทศ ให้บริการตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 กำหนดของที่ส่งจะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อชิ้นต่อกล่อง 

 

สำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ต้องการส่งของบริจาคจำนวนมาก สามารถประสานงานกับไปรษณีย์ที่ให้บริการในพื้นที่ เพื่อใช้บริการรับฝากนอกสถานที่ (Pick Up Service) โดยจะส่งต่อสิ่งของไปรวบรวมที่ศาลากลางจังหวัดที่ได้รับผลกระทบต่อไป

 

รายชื่อที่อยู่ศาลากลางสำหรับส่งสิ่งของบริจาค: https://drive.google.com/…/12hvhl5Zc1cY1HUBqHYU8r6NXvlW…

รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.thailandpost.co.th/…/artic…/article/11/32595

The post ไปรษณีย์ไทยจัดโครงการส่งสิ่งของบริจาคช่วยน้ำท่วมทั่วประเทศฟรี วันนี้ – 31 ต.ค. 67 กำหนดน้ำหนักของไม่เกิน 20 กิโลกรัม appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ไปรษณีย์ไทย’ พร้อมเจรจา Temu ไม่ให้ผูกขาดขนส่งแค่รายเดียว เล็งใช้รหัสตัวเลข 6 หลักแทนจ่าหน้าซอง https://thestandard.co/thailandpost-ready-to-talk-temu/ Fri, 23 Aug 2024 02:17:03 +0000 https://thestandard.co/?p=974280

แม้ ‘ไปรษณีย์ไทย’ จะเป็นองค์กรที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 14 […]

The post ‘ไปรษณีย์ไทย’ พร้อมเจรจา Temu ไม่ให้ผูกขาดขนส่งแค่รายเดียว เล็งใช้รหัสตัวเลข 6 หลักแทนจ่าหน้าซอง appeared first on THE STANDARD.

]]>

แม้ ‘ไปรษณีย์ไทย’ จะเป็นองค์กรที่อยู่ในตลาดมานานกว่า 141 ปี แต่ไม่หยุดสร้างแบรนดิ้ง สลัดภาพจากธุรกิจดั้งเดิมสู่การเป็น Information Logistics พร้อมย่องเจรจา Temu แพลตฟอร์มน้องใหม่ในไทยไม่ให้ผูกขาดแค่ขนส่งเดียว

 

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ จำกัด แสดงวิสัยทัศน์ในโอกาสไปรษณีย์ครบรอบ 141 ปี นับเป็นองค์กรที่อยู่คู่กับตลาดไทยมานาน แต่เมื่อบริบทเปลี่ยน สภาพการแข่งขันรุนแรง จากการเปิดเสรีก็มีผู้ประกอบการรายใหม่กระโดดเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดอยู่เป็นระยะๆ

 

แน่นอนว่าองค์กรต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน จึงต้องปรับตัวทั้งการบริหารงานภายใน กระบวนการทำงาน และพนักงาน สร้างโอกาสการเติบโตจากธุรกิจดั้งเดิม ต่อยอดสู่การเป็น Information Logistics เพื่อขับเคลื่อนองค์กรและรองรับกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงต่างๆ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ย่องเจรจา Temu หวังเข้าส่งสินค้าให้แพลตฟอร์มที่มีโอกาสโตเร็ว

 

อีกหนึ่งสิ่งในการปรับตัวขององค์กร คือการเข้าไปเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้ง Shopee, Lazada และ TikTok โดยเราทำหน้าส่งสินค้าด่วนหรือ EMS ไปยังกลุ่มลูกค้าของแพลตฟอร์ม โดยปี 2566 ที่ผ่านมา พฤติกรรมลูกค้านิยมสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ทำให้ยอดขนส่งเพิ่มขึ้น 12.92% 

 

แต่ปัจจุบันแพลตฟอร์มต่างๆ เริ่มได้รับผลกระทบ หลังจาก Temu แอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ซจากจีนเข้ามาเปิดให้บริการในเมืองไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มเดิมไปซื้อผ่าน Temu แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อยอดขนส่งตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมาลดลงต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้ Temu ใช้บริษัทขนส่ง J&T แค่รายเดียว โดยไปรษณีย์ไทยได้เข้าไปเจรจากับทีมผู้บริหาร Temu เพื่อเข้าไปเป็นพันธมิตรทำหน้าที่ส่งสินค้า เพราะหากผูกขาดแค่รายเดียวจะสร้างความลำบากในตลาด ซึ่งต้องรอดูอีกครั้งว่าจะได้รับสัญญาณบวกหรือไม่ 

 

เรียกว่าตอนนี้นอกจากเราจะแข่งกับบริษัทขนส่งด้วยกันแล้ว ยังต้องแข่งกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์มหรือผู้ขายสินค้าจะใช้บริการขนส่งเจ้าไหนก็ได้ ดังนั้นเราต้องหาช่องทางที่มีทราฟฟิกใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา 

 

ไตรมาส 4 นี้เตรียมใช้รหัสตัวเลข 6 หลัก แทนจ่าหน้าซอง

 

ดร.ดนันท์ กล่าวต่อไปว่า 141 ปี ไปรษณีย์ไทย ได้ดำเนินงานภายใต้กรอบแนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยหลัก 3S Strong เพิ่มความเชื่อมั่น Start เริ่มปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจเพื่อให้มี New S-Curve และ Sustain ที่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ดำเนินการด้าน ESG + E มาอย่างต่อเนื่องจนพลิกเป็นรายได้ กำไร ระบบเศรษฐกิจ และความยั่งยืน 

 

ทั้งนี้ยังให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของโครงข่ายไปรษณีย์ที่เข้าถึงทุกที่ทุกเส้นทางขนส่ง ควบคู่กับการควบคุมต้นทุนและคุณภาพให้ได้ตามมาตรฐาน โดยเปลี่ยนจากการบริการแบบ Self Centric ที่ทุกคนต้องเข้าหา ปณท ไปสู่การที่ ปณท ออกไปสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและประชาชน

 

สำหรับทิศทางและกลยุทธ์ต่อจากนี้ ไปรษณีย์ไทยเตรียมปรับใช้ N/ID ซึ่งจะให้ผู้โหลดแอป และทำ KYC แล้วสามารถขอรหัส 6 หลักซึ่งเป็นตัวเลขผสมตัวอักษร โดยรหัสจะใช้แทนข้อมูลส่วนตัว ทั้งชื่อ ที่อยู่ รหัสไปรษณีย์ จากเดิมแล้วเราจะต้องเขียนลงจ่าหน้าซองเพื่อนำส่ง แต่เมื่อใช้รหัสนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องแจ้งชื่อที่อยู่ แค่ส่งรหัสนี้ให้ต้นทางก็จะจัดส่งให้ถึงที่อยู่ได้เลย ซึ่งสามารถตอบโจทย์คนที่ไม่ต้องการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว 

 

POST Cafe’ กุญแจสำคัญช่วยสร้างแบรนดิ้ง

 

ยิ่งไปกว่านั้นไปรษณีย์ไทยต้องทุ่มเทกับการสร้างแบรนดิ้งอย่างมาก และทุกกระบวนการวางแผนงานทุกอย่างจะต้องมีแบรนดิ้งเป็นศูนย์กลาง โดยคำว่าแบรนด์ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าหน้าผม เปรียบเสมือนนิสัย พฤติกรรม รวมกันทั้งหมดนั้นคือแบรนด์ และทั้งหมดจะสะท้อนไปถึงคุณภาพการให้บริการ 

 

“เพราะฉะนั้นทุกอย่างในการสร้างแบรนด์ของไปรษณีย์ไทยต้องไม่ใช่แค่มีโลโก้สวย แต่ต้องสะท้อนมาถึงการบริการ ความมั่นใจของลูกค้า เช่นเดียวกับการเปิด POST Cafe’ คาเฟ่ใหม่สาขาแรกที่ไปรษณีย์สามเสนใน เราตั้งใจให้เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างแบรนด์ เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้ใช้บริการเอาไว้ด้วยกัน และต่อจากนี้มีแผนจะขยาย POST Cafe’ เพิ่มมากขึ้นอีก” กรรมการผู้จัดการใหญ่ไปรษณีย์ย้ำ

The post ‘ไปรษณีย์ไทย’ พร้อมเจรจา Temu ไม่ให้ผูกขาดขนส่งแค่รายเดียว เล็งใช้รหัสตัวเลข 6 หลักแทนจ่าหน้าซอง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้ารายได้ 2.18 หมื่นล้านภายในสิ้นปี เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศด้วยกลยุทธ์ EMS World https://thestandard.co/thailand-post-goal-ems-world/ Thu, 22 Aug 2024 02:29:14 +0000 https://thestandard.co/?p=973749

ไปรษณีย์ไทยถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่กับประเ […]

The post ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้ารายได้ 2.18 หมื่นล้านภายในสิ้นปี เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศด้วยกลยุทธ์ EMS World appeared first on THE STANDARD.

]]>

ไปรษณีย์ไทยถือเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่กับประเทศไทยมานาน แต่ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอย่างการมาเล่นในตลาดของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ทำให้สินค้าจำนวนมากเข้าถึงผู้บริโภคได้จากทั่วโลก ส่งผลให้วิธีการทำธุรกิจแบบเดิมจำต้องเปลี่ยนตามเพื่อตอบสนองให้เท่าทันสถานการณ์

 

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เดินหน้าผลักดันบริการ EMS World ส่งด่วนทั่วโลก เพื่อขยายฐานธุรกิจไปยังต่างประเทศ ขยายการเข้าถึงของสินค้าจากผู้ประกอบการไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดโลก ผ่านเส้นทางการขนส่งหลากหลายจากความร่วมมือกับการไปรษณีย์ทั่วโลก และการสร้างพันธมิตรกับกลุ่มแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เมื่อตลาดดังกล่าวในไทยอาจโตได้ถึง 7 แสนล้านบาท และเพื่อตอบสนองกับคู่แข่งในตลาดที่เพิ่มขึ้น

 

“ที่ผ่านมาปริมาณการขนส่งสินค้าของเราลดลง จากการเปลี่ยนกฎระเบียบของประเทศต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เช่น การจำกัดประเภทสินค้าที่ส่งได้ แต่ในท้ายที่สุด ‘ความต้องการส่ง’ ของผู้คนไม่ได้ลดลงตาม จนบีบให้พวกเขาหันไปหาช่องทาง ‘สีเทา’ ไปรษณีย์ไทยจึงเจอกับโจทย์ที่ปริมาณการส่งในช่องทางที่ดำเนินการอย่างถูกต้องมีจำนวนน้อยลง เราจึงได้เริ่มจับมือกับ Vietnam Post และ Indonesia Post ขยายฐานการขนส่งสินค้าให้กว้าง เพื่อชดเชยกับจำนวนที่หายไป” ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์การขยายตลาด

 

ไปรษณีย์ไทยเล็งเห็นว่าสินค้าไทยมีศักยภาพที่จะแข่งขันและเป็นที่ต้องการในเวทีโลก บริษัทจึงตัดสินใจร่วมมือกับทางเวียดนามและอินโดนีเซียเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าคุณภาพของแต่ละประเทศให้คนเข้าถึงง่ายขึ้น ทำให้ ‘Traffic’ หรือการค้าขายระหว่างประเทศโดยผู้ประกอบการไทยเติบโต รวมถึงสหภาพสากลไปรษณีย์ (Universal Postal Union: UPU) การไปรษณีย์สมาชิกอาเซียน ASEAN Post และ ASEAN Post++ (จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย) การไปรษณีย์กลุ่ม KPG (Kahala Posts Group) ก็เป็นองค์กรพันธมิตรของไปรษณีย์ไทยด้วย

 

นอกจากนี้ไปรษณีย์ไทยยังเป็นจับมือกับแพลตฟอร์ม eBay เพื่อนำสินค้าไทยส่งเข้าไปในระบบ eBay ให้สามารถวางขายบนแพลตฟอร์มได้ทั่วโลก และอีกหนึ่งรายคือ Amazon FBA (Fulfillment by Amazon) หรือบริการรับคำสั่งจากผู้ซื้อทั่วโลก โดยมีไปรษณีย์ไทยเป็นผู้ส่งสินค้าเข้าคลังในต่างประเทศตามยอดการสั่งซื้อ ซึ่งกำลังจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4

 

สำหรับปลายทางที่ไปรษณีย์ไทยมีการส่งระหว่างประเทศ 5 อันดับแรก ได้แก่

 

  1. สหรัฐอเมริกา
  2. ญี่ปุ่น
  3. สหราชอาณาจักร 
  4. เกาหลีใต้
  5. ออสเตรเลีย

 

โดยมีสินค้าที่นิยมส่งคือ เสื้อผ้า ขนมและอาหารแห้ง สินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม เอกสาร ของสะสม

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดการณ์ว่าครึ่งหลังของปี 2567 กลุ่มธุรกิจบริการระหว่างประเทศจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.8 พันล้านบาท

 

สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก ไปรษณีย์ไทยทำรายได้อยู่ที่ 10,602.30 ล้านบาท ด้วยผลกำไร 136.60 ล้านบาท โดยมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจขนส่งต่างประเทศคิดเป็น 12.2% ของรายได้ทั้งหมด

 

ส่วนมุมมองอนาคตระยะสั้น ดร.ดนันท์ กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้ารายได้ของปี 2567 เบ็ดเสร็จไว้ที่ 2.18 หมื่นล้านบาท

The post ไปรษณีย์ไทยตั้งเป้ารายได้ 2.18 หมื่นล้านภายในสิ้นปี เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศด้วยกลยุทธ์ EMS World appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไปรษณีย์ไทยลุยไฮโดรเจนเพื่อโลจิสติกส์ https://thestandard.co/thai-post-hydrogen-for-logistics/ Wed, 14 Feb 2024 13:46:07 +0000 https://thestandard.co/?p=899949 ไปรษณีย์ไทย

‘ไปรษณีย์ไทย’ ผนึก บีไอจี และ EGCO Group พัฒนาการใช้พลั […]

The post ไปรษณีย์ไทยลุยไฮโดรเจนเพื่อโลจิสติกส์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไปรษณีย์ไทย

‘ไปรษณีย์ไทย’ ผนึก บีไอจี และ EGCO Group พัฒนาการใช้พลังงานไฮโดรเจนในโลจิสติกส์ มุ่งหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำตามเป้าหมาย Net Zero ของประเทศในปี 2065

 

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทย ร่วมกับ บีไอจี และ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ลงนามความร่วมมือในการศึกษาการใช้พลังงานไฮโดรเจนในการพัฒนาและให้บริการด้านโลจิสติกส์ของไปรษณีย์ไทย เพื่อยกระดับการบริหารจัดการพลังงาน เพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งพัสดุและสินค้าทางไปรษณีย์อย่างยั่งยืน และมุ่งหน้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำตามเป้าหมาย Net Zero ของประเทศในปี 2065

 

ในการร่วมมือกันครั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยจะรับผิดชอบการจัดหาเส้นทางการทดสอบการใช้พลังงานไฮโดรเจนในการขนส่งและโลจิสติกส์ทางภาคพื้นดินภายในประเทศ และสร้างโอกาสขยายไปยังต่างประเทศในอนาคต 

 

ขณะที่ บีไอจี รับผิดชอบในการสนับสนุนการจัดหารถขนส่งและการเติมไฮโดรเจน รวมทั้งนวัตกรรมการใช้พลังงานไฮโดรเจนเพื่อยานยนต์ 

 

ส่วน EGCO Group จะร่วมสนับสนุนข้อมูลในการพัฒนาและแสวงหาโอกาสในการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมไฮโดรเจนด้านอื่นๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่ง อาทิ การใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฮโดรเจนเพื่อนำมาใช้ในภาคโลจิสติกส์

 

“ไปรษณีย์ไทยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการร่วมศึกษาการใช้พลังงานไฮโดรเจนในการพัฒนาและให้บริการด้านโลจิสติกส์ของไปรษณีย์ไทย โดยมีบีไอจีซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมจากไฮโดรเจน และ EGCO Group ผู้ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องมากว่า 31 ปี โดยมีความมั่นใจว่าการศึกษาความเป็นไปได้ครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญของการนำพลังงานไฮโดรเจนมาใช้ในภาคโลจิสติกส์ของประเทศไทย และขับเคลื่อนไปรษณีย์ไทย สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ตามนโยบายของภาครัฐ”

 

ปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี กล่าวว่า บีไอจีเดินหน้าในการนำนวัตกรรมจากไฮโดรเจนที่บีไอจีและ แอร์โปรดักส์ บริษัทแม่ของบีไอจีจากสหรัฐอเมริกา มีความชำนาญและเป็นผู้ลงทุนโครงการกรีนไฮโดรเจนรายใหญ่ที่สุดของโลก มุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนในระดับสากล อีกทั้งสอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบีไอจีผ่าน Generating a Cleaner Future

 

บีไอจีตระหนักถึงการใช้พลังงานสะอาดเพื่อร่วมผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ในประเทศไทย ด้วยการชูนวัตกรรมจากไฮโดรเจนซึ่งเป็นหนึ่งใน Climate Technology มาใช้ในภาคยานยนต์ เพื่อเป็นแรงสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่ง โดยที่บีไอจีมีการลงทุนเกี่ยวกับนวัตกรรมไฮโดรเจนอย่างต่อเนื่อง

 

เทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO Group กล่าวว่า EGCO Group ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ด้วยทิศทาง ‘Cleaner, Smarter, and Stronger to Drive Sustainable Growth’ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 โดยเฉพาะการส่งเสริมการใช้ไฮโดรเจน ซึ่งเป็นพลังงานทางเลือกที่สำคัญและมีศักยภาพรองรับการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานสีเขียว (Green Energy)

 

โดยการร่วมมือกับพันธมิตรศึกษาเทคโนโลยีและแสวงหาโอกาสลงทุนในห่วงโซ่อุปทานของไฮโดรเจน ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง และการประยุกต์ใช้งาน ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงานกว่า 31 ปี EGCO Group พร้อมร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยและบีไอจี สนับสนุนข้อมูลในการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากก๊าซไฮโดรเจนสำหรับความร่วมมือครั้งนี้ รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการพัฒนาธุรกิจร่วมกันในอนาคต

The post ไปรษณีย์ไทยลุยไฮโดรเจนเพื่อโลจิสติกส์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลอาญายกฟ้องคดีพันธมิตรปิดสนามบิน ไม่ผิดกบฏ-ก่อการร้าย แต่ให้ลงโทษบางแกนนำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน https://thestandard.co/dismissal-of-case-against-protest-airport-closure/ Wed, 17 Jan 2024 07:13:04 +0000 https://thestandard.co/?p=888731

วันนี้ (17 มกราคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านค […]

The post ศาลอาญายกฟ้องคดีพันธมิตรปิดสนามบิน ไม่ผิดกบฏ-ก่อการร้าย แต่ให้ลงโทษบางแกนนำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (17 มกราคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.973/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กับพวกรวม 32 คน ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นกบฏ-ก่อการร้ายฯ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ

 

กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2551 จำเลยได้ร่วมกันโฆษณาชักชวนให้ประชาชนมาร่วมกันชุมนุมใหญ่ กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ และปิดล้อมอาคารวีไอพีท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งอยู่ในความครอบครองของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งเป็นของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ผู้เสียหายที่ 2 และทำลายทรัพย์สินเสียหายเป็นเงิน 627,080 บาท แล้วนำจานรับสัญญาณของพวกจำเลยไปติดตั้งใกล้เครื่องรับสัญญาณเรดาร์ของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ผู้เสียหายที่ 3 และปิดกั้นสะพานกลับรถของกรมทางหลวง ผู้เสียหายที่ 4 ตรวจค้นตัวเจ้าหน้าที่ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ผู้เสียหายที่ 5 ปิดกั้นการบริการสื่อสารบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ผู้เสียหายที่ 6 และร่วมกันขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้ายบุคคลและทรัพย์สิน รวมทั้งจำเลยกับพวกได้ชุมนุมปิดล้อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อกดดันให้ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลาออก

 

คดีนี้พวกจำเลยให้การปฏิเสธ โดยศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษาครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 แต่จำเลย 4 คน มีอาการป่วย และ ประพันธ์ คูณมี ติดภารกิจเข้ารับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ศาลจึงเลื่อนนัดฟังคำพิพากษา

 

โดยในวันนี้จำเลยเดินทางมาศาล ยกเว้น พล.ต. จำลอง ศรีเมือง และ เทิดภูมิ ใจดี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ศรีสะเกษ ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล โดยจะมีการเชื่อมสัญญาณอ่านคำพิพากษาผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

 

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1-5 จำเลย 7-13 และจำเลยที่ 31 ประกอบด้วย พล.ต. จำลอง ศรีเมือง, สนธิ ลิ้มทองกุล, พิภพ ธงไชย, สมศักดิ์ โกศัยสุข, สุริยะใส กตะศิลา, ศิริชัย ไม้งาม, สำราญ รอดเพชร, มาลีรัตน์ แก้วก่า, สาวิทย์ แก้วหวาน, สันธนะ ประยูรรัตน์, ชนะ ผาสุกสกุล, รัชต์ชยุตม์ หรือ อมรเทพ หรือ อมร ศิริโยธินภักดี หรือ อมร รัตนานนท์ และบริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด

 

กระทำความผิดฐานบุกรุกและฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดคือความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 พิพากษาให้ลงโทษปรับคนละ 20,000 บาท ส่วนข้อหาอื่น พยานและหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิด ยกฟ้อง ส่วนจำเลยที่เหลือศาลได้ยกฟ้องทั้งหมด

 

ด้าน ประพันธ์ คูณมี ให้สัมภาษณ์ภายหลังฟังคำพิพากษา ระบุว่า น้อมรับในคำพิพากษาของศาลและยืนยันว่าการชุมนุมในครั้งนั้นเป็นการชุมนุมโดยสันติ สงบ ปราศจากอาวุธ

 

ในคดีนี้อัยการยื่นฟ้องหลายข้อหา เช่น ข้อหาบุกรุกฯ ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อหาก่อการร้าย ชุมนุมโดยก่อการวุ่นวาย ข้อหาทำร้ายเจ้าพนักงาน ต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว เป็นต้น

 

สำหรับประเด็นที่ศาลวินิจฉัยคือการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยศาลเห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรสืบเนื่องมาตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 โดยมีจุดมุ่งหมายคือการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะทำให้การกระทำผิดเรื่องคอร์รัปชันของนักการเมืองหายไป

 

ซึ่งการชุมนุมในครั้งนั้นแม้จะเป็นพื้นที่สนามบินดอนเมือง แต่เป็นการชุมนุมในพื้นที่สาธารณะภายนอก ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งร้านค้า ประชาชนสามารถเข้าใช้ได้ เป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งการชุมนุมไม่มีการทำร้ายผู้โดยสาร พนักงานสายการบิน รวมถึงการชุมนุมดังกล่าวไม่มีการพกอาวุธ ก่อจลาจลวุ่นวาย ถึงแม้จะเกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนบ้างก็เป็นเรื่องปกติของการชุมนุม

 

ประพันธ์กล่าวต่อว่า ศาลจึงมองว่าการชุมนุมโดยรวมทั้งหมดเป็นไปด้วยความสงบ ปราศจากอาวุธ อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงไม่เป็นความผิดในฐานก่อการร้าย รวมถึงข้อหาอื่นๆ ซึ่งข้อหาก่อการร้ายที่ยกฟ้องนั้นเนื่องจากการชุมนุมนั้นไม่มีการใช้อาวุธทำลายระบบคมนาคมขนส่งหรืออากาศยาน จึงถือว่าไม่เข้าข่ายความผิด

 

ในส่วนข้อหาบุกรุกซึ่งสถานที่ดังกล่าวมีการใช้เป็นการประชุม ครม. เป็นการชั่วคราวของรัฐบาลขณะนั้น ซึ่งช่วงที่พันธมิตรเคลื่อนขบวนเข้าไปได้เข้าไปในห้องประชุมที่ใช้ในการประชุมจริง ศาลจึงมองว่าเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ จึงเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก และขณะนั้นเป็นช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วย แต่เป็นการกระทำกรรมเดียวกัน ผิดกฎหมายหลายบท ศาลจึงลงโทษฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

The post ศาลอาญายกฟ้องคดีพันธมิตรปิดสนามบิน ไม่ผิดกบฏ-ก่อการร้าย แต่ให้ลงโทษบางแกนนำผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
140 ปี ‘ไปรษณีย์ไทย’ ย้ำไม่ขอเล่น ‘สงครามราคา’ แต่การกลับมาทำกำไรก็เป็นสิ่งมองข้ามไม่ได้! https://thestandard.co/thailandpost-140-years-not-playing-price-game/ Thu, 07 Sep 2023 10:57:18 +0000 https://thestandard.co/?p=838770 ดนันท์ สุภัทรพันธุ์

แม้ไปรษณีย์ไทยจะอยู่ในตลาดมากว่า 140 ปี ซึ่งบ่งบอกว่าปร […]

The post 140 ปี ‘ไปรษณีย์ไทย’ ย้ำไม่ขอเล่น ‘สงครามราคา’ แต่การกลับมาทำกำไรก็เป็นสิ่งมองข้ามไม่ได้! appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดนันท์ สุภัทรพันธุ์

แม้ไปรษณีย์ไทยจะอยู่ในตลาดมากว่า 140 ปี ซึ่งบ่งบอกว่าประสบความสำเร็จในตลาด แต่สงครามราคาคือสิ่งที่ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ถึงกับบอกว่าเป็นชาเลนจ์ใหญ่เลยทีเดียว

 

กระนั้นแม่ทัพของไปรษณีย์ไทยก็ย้ำว่าจะไม่ลงไปเล่นเรื่องราคา แต่ก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะตลาดขนส่งยังมีโอกาสเติบโต นั่นแปลว่าจะมีโอกาสที่ผู้เล่นรายใหม่ๆ จะกระโดดเข้ามาได้ โดยเฉพาะต่างชาติ เพราะปัจจุบันในไทยยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับ

 

“ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมากว่า 2 ปี ทำให้รู้ว่าเราจะช้าไม่ได้ เพราะบริบทต่างๆ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทั้งพฤติกรรมลูกค้าหรือแม้แต่ดิจิทัลที่เข้ามาดิสรัปต์ ดังนั้นต้องพยายามรักษาคุณภาพที่เป็นจุดแข็งการให้บริการ ควบคู่กับการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า พร้อมนำดิจิทัลเข้ามาช่วยสนับสนุนการบริการเพื่อให้สะดวกและส่งเร็ว โดยปัจจุบันได้ขยายการบริการเพิ่ม 3 หมื่นจุดทั่วประเทศ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าว

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

ที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทยเติบโตมากจาก Physical จากนี้ต้องผสมผสานระหว่าง Physical และ Network เข้าด้วยกัน นอกจากจะทำให้มีฐานข้อมูลอยู่ใน CRM แล้วยังทำให้เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าและพื้นที่ต่างๆ ซึ่งในอนาคตจะสามารถนำไปต่อยอดกับธุรกิจอื่นๆ ได้อย่างมหาศาล

 

สำหรับทิศทางจากนี้ ไปรษณีย์ไทยที่อยู่มากว่า 140 ปี มีการปรับลุคตัวเองให้ดูทันสมัย เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรภายในให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ พร้อมนำฐานข้อมูลใน CRM มาทำการตลาดผ่านคอนเทนต์

 

ถึงกระนั้นในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทยยังได้จัดโครงสร้างองค์กรให้มีความคล่องตัวมากขึ้น แม้ภารกิจหลักจะเป็นเรื่องการให้บริการส่งของ แต่ตอนนี้สโคปการให้บริการเริ่มกว้างขึ้นด้วยนโยบายของบอร์ดที่ต้องการรักษาภารกิจหลักและพัฒนาองค์กรเพื่อรองรับการแข่งขันในรูปแบบอื่นๆ ในอนาคต ทั้งหมดนี้จะทำให้ไปรษณีย์ไทยเดินทางไปสู่เป้าหมายความเป็น Beyond Logistics Company

 

ขณะที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 มีรายได้ 10,833.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 12.67% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 157.72 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากการส่งด่วนที่มีการเติบโต 29%

 

เรียกว่าเริ่มกลับมาทำกำไรได้บ้างแล้ว เพราะในปี 2564-2565 บริษัทยังอยู่ในช่วงขาดทุนกว่า 3,000 ล้านบาท เนื่องจากโครงสร้างต้นทุนของธุรกิจขนส่งระดับแมสไม่ยืดหยุ่น เมื่อตลาดมีการแข่งขันสูง จำนวนการส่งต่อชิ้นอาจเท่าเดิม แต่ราคาที่ได้ต่อชิ้นงานลดลง เพราะผู้เล่นในตลาดต่างเล่นสงครามราคาแย่งส่วนแบ่งกัน

 

แน่นอนว่าการกลับมาทำกำไรคือสิ่งที่พยายามพิสูจน์ว่าเมื่อไปรษณีย์ไทยไม่แข่งสงครามราคา แต่หันมาโฟกัสประสบการณ์การให้บริการที่ดีก็สามารถแข่งขันได้ ประกอบกับในช่วงนั้นได้ปรับโครงสร้างลดต้นทุนค่าใช้จ่าย เริ่มจากการลดบุคลากรจาก 42,000 คน เหลือ 38,000 คน และต้นทุนต่างๆ ทำให้ต้นทุนโดยรวมลดลง 25%

 

ดร.ดนันท์กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ยังกังวลนอกจากเรื่องต้นทุนพลังงานแล้ว ยังกังวลนโยบายขึ้นค่าแรง 600 บาทของรัฐบาลใหม่ แม้อาจจะไม่ได้ปรับขึ้นเลยทีเดียว แต่ธุรกิจได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งก็ต้องเตรียมตั้งรับและรอดูทิศทางของนโยบายดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3-4 ภาพรวมตลาดขนส่งอาจไม่ได้เติบโตขึ้นมากนัก เพราะคนอาจส่งของลดลง เนื่องจากเป็นช่วงฤดูแห่งการออกเดินทางท่องเที่ยว ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก แต่โดยรวมแล้วคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ไปรษณีย์ไทยจะมีรายได้ประมาณ 22,200 ล้านบาท

The post 140 ปี ‘ไปรษณีย์ไทย’ ย้ำไม่ขอเล่น ‘สงครามราคา’ แต่การกลับมาทำกำไรก็เป็นสิ่งมองข้ามไม่ได้! appeared first on THE STANDARD.

]]>
เลือกตั้ง 2566 : กกต. พาสื่อชมระบบคัดแยกบัตรเลือกตั้ง น้อมรับความผิดพลาด สัญญา 14 พ.ค. ไม่เกิดขึ้นอีก https://thestandard.co/ect-promises-on-election-2556/ Mon, 08 May 2023 07:32:52 +0000 https://thestandard.co/?p=786940

วันนี้ (8 พฤษภาคม) ที่ศูนย์คัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า​ […]

The post เลือกตั้ง 2566 : กกต. พาสื่อชมระบบคัดแยกบัตรเลือกตั้ง น้อมรับความผิดพลาด สัญญา 14 พ.ค. ไม่เกิดขึ้นอีก appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (8 พฤษภาคม) ที่ศูนย์คัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า​ และนอกราชอาณาจักร​ บริษัท​ ไปรษณีย์​ไทย​ จำกัด​ แสวง​ บุญมี​ เลขาธิการ​คณะกรรมการ​การ​เลือกตั้ง​ (เลขาฯ กกต.)​ พร้อมด้วย ดนันท์​ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด นำผู้สื่อข่าวติดตามกระบวนการคัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 2566 โดยให้สื่อมวลชนได้ติดตามการคัดแยกบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วผ่านระบบวงจรปิด

 

ดนันท์กล่าวว่า บัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักรทยอยส่งกลับถึงศูนย์คัดแยกฯ แล้ว 45 ประเทศ จาก 66 ประเทศ ขณะที่บัตรเลือกตั้งล่วงหน้าทั่วประเทศกลับเข้ามาสู่ศูนย์คัดแยกแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยวางแผนจะคัดแยกในวันที่ 7-9 พฤษภาคม และวันที่ 10 พฤษภาคม คาดว่าพร้อมส่งมอบ ส่วนวันที่ 11-12 พฤษภาคม จะนำส่งไปที่ 400 เขตการเลือกตั้ง และจะให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 12 พฤษภาคม โดยการติดตามการคัดแยกนั้นมีคณะกรรมการติดตามและมีกล้องวงจรปิดติดตามทุกกระบวนการ

 

นอกจากนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจในกระบวนการรักษาความปลอดภัยที่มี เช่น การเข้า-ออกจะไม่อนุญาตให้คนนอกเข้ามาในพื้นที่ ส่วนเจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้นำอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือเข้ามาในพื้นที่ อีกทั้งมีระบบติดตามตรวจสอบการขนบัตรเลือกตั้งที่ต้องมีรถตำรวจนำการขนส่งบัตรเลือกตั้งทุกคัน

 

รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่หน้าสถานที่คัดแยกบัตรเลือกตั้ง ซึ่งทุกกระบวนการตั้งแต่รับบัตร คัดแยก และจัดส่ง จะมีคณะวินิจฉัย หากพบความผิดปกติจะมีการดำเนินการ

 

ด้านแสวงกล่าวว่า จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าโดยรวมอยู่ที่ 91.83% จำแนกเป็นนอกเขตเลือกตั้ง มีผู้มาใช้สิทธิคิดเป็น 90.98% และในเขตเลือกตั้งใช้สิทธิคิดเป็น 94.37% ที่เลือกตั้งกลางสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ มาใช้สิทธิคิดเป็น 90.15% 

 

ทั้งนี้ ขอขอบคุณผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ออกมาใช้สิทธิด้วยแรงศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย กกต. ให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักษาทุกคะแนนเสียงให้เป็นไปตามที่ได้ลงคะแนนไว้ ส่วนกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และคณะอนุกรรมการเขตต่างๆ ที่ได้จัดการเลือกตั้ง กกต. ขอขอบคุณเช่นกันที่ได้ร่วมกันทำงาน ซึ่งอาจจะมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง 

 

ขอบคุณที่อดทนทำงานในสภาพอากาศที่ร้อน และแรงเสียดทานทางการเมือง อีกทั้งทำงานต่อเนื่อง 16 ชั่วโมง และขอบคุณประชาชนที่ได้ร่วมตรวจสอบการทำงานของ กกต. และของ กปน. ทั้งที่เป็นเรื่องจริงและเรื่องเท็จ โดย กกต. ได้สั่งให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งแต่ละจังหวัดรายงานทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่หรือที่ปรากฏตามข่าว

 

เนื่องจาก กกต. รับทราบดีว่าสิ่งที่ทำอยู่ในสายตาของประชาชนเสมอ พร้อมให้คำมั่นว่าการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้จะไม่เกิดความผิดพลาดขึ้น และการบริหารจัดการเลือกตั้งจะง่ายขึ้น 

 

ส่วนการล่ารายชื่อถอดถอน กกต. ในกระแสโซเชียล แสวงกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความรู้สึกของประชาชน ทั้งนี้ กกต. ได้สั่งให้จังหวัดรายงานความผิดพลาดทุกอย่างที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองออกมาระบุว่าจะมีการฟ้องร้อง กกต. หากบัตรเลือกตั้งมีความผิดปกติมาก เรื่องนี้เป็นสิทธิของพรรคการเมืองที่สามารถทำได้ตามกฎหมาย โดยส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวล 

 

“กรณีถ้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งเขตหนึ่งลงคะแนนแล้วแต่บัตรถูกส่งไปยังอีกเขตหนึ่ง เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้จำนวนบัตรไม่เท่ากับในบัญชี กกต. จึงมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อให้บัตรตรงกับเขตที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกเสียงลงคะแนน ใช้ระบบการตรวจเช็กหลายขั้นตอน” แสวงกล่าว 

 

ส่วนเรื่องความปลอดภัยซองใส่บัตรเลือกตั้งนั้น แสวงกล่าวว่า กกต. มีมาตรการให้ กปน. ลงชื่อกำกับคร่อมซองใส่บัตรเลือกตั้งและติดเทปใส หากมีคนไปทำอะไรเจ้าหน้าที่จะทราบทันที อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าที่ผ่านมาเกิดความผิดพลาดส่วนของ กปน. ที่พบว่าเขียนรายละเอียดหน้าซองใส่บัตรคลาดเคลื่อนไป ทั้งนี้ ซองใส่บัตรที่ไม่มีการกรอกรายละเอียดหรือกรอกผิดพลาด คณะกรรมการจะต้องนำมาวินิจฉัยว่าควรจะจัดส่งบัตรเลือกตั้งไปที่หน่วยไหน แม้เป็นขั้นตอนยุ่งยากแต่จะมีผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่พิจารณารายซอง

 

The post เลือกตั้ง 2566 : กกต. พาสื่อชมระบบคัดแยกบัตรเลือกตั้ง น้อมรับความผิดพลาด สัญญา 14 พ.ค. ไม่เกิดขึ้นอีก appeared first on THE STANDARD.

]]>
เลือกตั้ง 2566 : ปล่อยขบวนรถส่งบัตรเลือกตั้ง ตำรวจวางกำลังรักษาความปลอดภัยเข้ม กกต. ยืนยันความพร้อม https://thestandard.co/convoy-delivering-ballot-papers/ Mon, 01 May 2023 08:34:39 +0000 https://thestandard.co/?p=783622 ขบวนรถส่งบัตรเลือกตั้ง

วันนี้ (1 พฤษภาคม) ที่ศูนย์ประสานงานการขนส่งบัตรเลือกตั […]

The post เลือกตั้ง 2566 : ปล่อยขบวนรถส่งบัตรเลือกตั้ง ตำรวจวางกำลังรักษาความปลอดภัยเข้ม กกต. ยืนยันความพร้อม appeared first on THE STANDARD.

]]>
ขบวนรถส่งบัตรเลือกตั้ง

วันนี้ (1 พฤษภาคม) ที่ศูนย์ประสานงานการขนส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร 

 

พล.ต.อ. รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) พร้อมด้วย ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, รุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล และ แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (เลขาฯ กกต.) ร่วมกันปล่อยขบวนรถขนส่งบัตรเลือกตั้งไปยังเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ

 

พล.ต.อ. รอย กล่าวว่า ตามที่จะมีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้รับมอบภารกิจให้สนับสนุนการปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยก่อนการเลือกตั้งในช่วงวันที่ 1-4 พฤษภาคมนี้ เป็นภารกิจในการขนส่งบัตรเลือกตั้งไปยังหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ 

 

ตร. ได้จัดให้มีตำรวจทางหลวงเป็นผู้อำนวยความสะดวกด้านการจราจร ทำหน้าที่รถนำและรถปิดท้ายขบวน โดยประสานงานกับตำรวจพื้นที่ตลอดเส้นทาง รวมถึงการจัดกำลังตำรวจตระเวนชายแดนเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจํารถขนบัตรเลือกตั้งในแต่ละคัน 

 

โดยตำรวจตระเวนชายแดนจะนั่งประจำรถไปกับรถขนบัตรเลือกตั้งตลอดเส้นทางจนถึงจุดเขตเลือกตั้งหลักของแต่ละจังหวัด จากนั้นชุดรักษาความปลอดภัยบัตรเลือกตั้งของตำรวจภูธรภาค 1-9 ก็จะรักษาความปลอดภัยต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแต่ละจังหวัดกำหนด

 

ตร. ได้จัดทำแผนรองรับการปฏิบัติและมีความพร้อมในการปฏิบัติทุกขั้นตอน เพื่อสนับสนุนภารกิจการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 

ทั้งนี้ ในจุดพักรถ เติมน้ำมันเชื้อเพลิงตลอดเส้นทางจะมีตำรวจภูธรในพื้นที่นั้นๆ รักษาความปลอดภัย ณ จุดที่รถจอดพัก ตลอดเส้นทางการขนส่งบัตรเลือกตั้ง

 

พล.ต.อ. รอย กล่าวต่อไปว่า สำหรับกำลังตำรวจที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยในการขนส่งบัตรเลือกตั้งในวันที่ 1-4 พฤษภาคมนี้ ประกอบไปด้วย ข้าราชการตำรวจจากหน่วยต่างๆ ดังนี้

 

  1. ตำรวจกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน 78 นาย
  2. กองบังคับการตำรวจทางหลวง 478 นาย และรถยนต์นำขบวน 239 คัน 
  3. กำลังพลของตำรวจภูธรและตำรวจนครบาลที่ใช้ในภารกิจนี้ประมาณ 800 นาย / รถยนต์ของตำรวจภูธรและนครบาลที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยฯ ต่อจากตำรวจทางหลวงอีกประมาณ 400 คัน รวมยอดกำลังพลทั้งสิ้น 1,356 นาย รถยนต์ที่ใช้ทั้งหมด 639 คัน

 

ด้านแสวงได้กล่าวถึงความพร้อมของสำนักงาน กกต. ในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มีการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง-ในเขตเลือกตั้ง วันที่ 7 พฤษภาคม ว่า มีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งวัสดุอุปกรณ์ สถานที่เลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในหน่วยเลือกตั้ง 

 

โดยสำนักงาน กกต. ได้มอบหมายให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นหน่วยงานสนับสนุนและรับผิดชอบภารกิจการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 ตามภารกิจ ดังนี้ 

 

  1. การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรล่วงหน้านอกราชอาณาจักรไปยัง 66 ประเทศ

 

  1. การจัดส่งหนังสือแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปยังเจ้าบ้าน (ส.ส.1/6) จํานวน 18.49 ล้านครัวเรือน

 

  1. การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง / ในเขตเลือกตั้ง ที่ลงคะแนนแล้ว

 

  1. การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเลือกตั้งทั่วไป

 

  1. การจัดส่งและตอบกลับหนังสือแจ้งเจ้าบ้านที่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง / ในเขตเลือกตั้ง 

 

สำหรับวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เวลา 08.00-17.00 น. ผู้มีสิทธิลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งคือ ผู้ซึ่งได้ยื่นคำขอลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ที่แอปพลิเคชัน SMART VOTE และผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีชื่อว่าเป็นผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าจะหมดสิทธิกลับไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งเดิมที่ตนมีสิทธิเลือกตั้ง 

 

ส่วนจํานวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้ามีจำนวนทั้งสิ้น 2,235,830 คน จำแนกเป็นผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง 2,216,951 คน และผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง 18,879 คน สถานที่ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งมีจํานวน 447 แห่ง และสถานที่ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้งมีจํานวน 442 แห่ง 

 

ทั้งนี้ การลงคะแนนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าจะเหมือนกับการใช้สิทธิเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 เพียงแต่จะเพิ่มขั้นตอนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะต้องพับบัตรเลือกตั้งใส่ลงในซองใส่บัตรเลือกตั้งและปิดผนึกให้เรียบร้อย ก่อนหย่อนลงไปในบัตรเลือกตั้ง (ซองใส่บัตรเลือกตั้งจะมีการจ่าหน้าซองระบุจังหวัด เขตเลือกตั้ง และรหัสเขตเลือกตั้ง ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง) และเมื่อเสร็จสิ้นการลงคะแนน บัตรเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็จะถูกส่งไปยังสถานที่นับคะแนนเลือกตั้ง เพื่อนำไปนับคะแนนในวันเลือกตั้งต่อไป 

 

สำหรับภารกิจของกรมการกงสุล ได้สรุปจำนวนสถานเอกอัครราชทูต / สถานกงสุลใหญ่ ที่ส่งถุงเมลที่บรรจุซองใส่บัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่เข้ามาถึงประเทศไทยด้วยความเรียบร้อย และได้ปฏิบัติทุกอย่างตามระเบียบขั้นตอนอย่างถูกต้อง โดยยึดหลักผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกเสียง ทุกสิทธิ มีความสำคัญเป็นกลไกที่สำคัญตามการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

 

ส่วนดนันท์กล่าวว่า ในส่วนของการเลือกตั้งล่วงหน้าในประเทศ ไปรษณีย์ไทยได้เตรียมพร้อมรถขนส่งที่จะใช้ขนส่งบัตรเลือกตั้งและอุปกรณ์ต่างๆ ไปยัง 400 เขตเลือกตั้งจำนวนกว่า 500 เที่ยว โดยจะดำเนินงานระหว่างวันที่ 1-4 พฤษภาคม 2566 และหลังจากการเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วเสร็จ ระหว่างวันที่ 7-9 พฤษภาคม 2566 ไปรษณีย์ไทยจะเร่งจัดส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่ลงคะแนนแล้วกลับมายังศูนย์ประสานงานฯ เพื่อคัดแยกแล้วขนส่งตรงไปยังปลายทาง 400 เขตเลือกตั้ง เพื่อนับคะแนนพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปทันที 

 

หลังจากวันนี้ที่มีการปล่อยขบวนรถไปยังปลายทางต่างๆ เมื่อรถขนส่งของไปรษณีย์ไทยถึงจุดหมายปลายทาง จะมีคณะกรรมการที่ทาง กกต. แต่งตั้งขึ้นเป็นกรรมการตรวจรับ พร้อมตรวจนับจำนวนความถูกต้อง เมื่อตรวจสอบข้อมูลเสร็จสิ้นจะมีการถ่ายรูปใบนำส่งบัตรเลือกตั้งส่งไปยังศูนย์ประสานงานการขนส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 โดยทันที เพื่อรายงานความถูกต้อง

 

ดนันท์กล่าวอีกว่า การสนับสนุนภารกิจพิเศษนี้ยังคงใช้ศูนย์ประสานงานการขนส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ณ ไปรษณีย์ไทย สำนักงานใหญ่ เป็นสถานที่ปฏิบัติงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนอกราชอาณาจักรล่วงหน้าไปยัง 66 ประเทศ 94 เมืองปลายทางในช่วงวันที่ 14-18 เมษายน 2566

 

โดยด้านการขนส่งเป็นไปอย่างเรียบร้อยดี ส่วนภารกิจหลักในด้านการขนส่งอื่นๆ ทั้งการจัดส่งหนังสือแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (ส.ส.1/6) และเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง รวมทั้งการจัดส่งและตอบกลับหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน ลงทะเบียน ที่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง / ในเขตเลือกตั้ง เป็นไปอย่างเรียบร้อยด้วยเช่นเดียวกัน 

 

ส่วนในช่วงหลังวันที่ 4-10 พฤษภาคมนี้ ไปรษณีย์ไทยจะมุ่งเน้นการปฏิบัติภารกิจหลักไปที่ 2 ภารกิจ คือ การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเลือกตั้งทั่วไป และการจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรล่วงหน้านอกราชอาณาจักร / นอกเขตเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว เพื่อนำไปนับคะแนน

 

The post เลือกตั้ง 2566 : ปล่อยขบวนรถส่งบัตรเลือกตั้ง ตำรวจวางกำลังรักษาความปลอดภัยเข้ม กกต. ยืนยันความพร้อม appeared first on THE STANDARD.

]]>
เลือกตั้ง 2566 : กกต. แจงกรณีรหัสเขตเลือกตั้งบนซองใส่บัตรเลือกตั้ง ใช้สำหรับคัดแยก https://thestandard.co/ect-constituency-code-for-sorting/ Fri, 28 Apr 2023 12:54:55 +0000 https://thestandard.co/?p=782844 กกต. รหัสเขตเลือกตั้ง

วันนี้ (28 เมษายน) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. […]

The post เลือกตั้ง 2566 : กกต. แจงกรณีรหัสเขตเลือกตั้งบนซองใส่บัตรเลือกตั้ง ใช้สำหรับคัดแยก appeared first on THE STANDARD.

]]>
กกต. รหัสเขตเลือกตั้ง

วันนี้ (28 เมษายน) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องรหัสเขตเลือกตั้งที่กรอกบนซองใส่บัตรเลือกตั้งในการเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร ระบุว่า ในการส่งจดหมายโดยปกติ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะมีรหัสไปรษณีย์เพื่อสะดวกในการคัดแยกในการนำส่งจดหมายไปทั่วประเทศ ซึ่งมีถึง 928 อำเภอ หรือมากกว่า 7,000 ตำบล และมีจุดส่งไปรษณีย์อำเภอหลายพันแห่ง

 

แต่กรณีเขตเลือกตั้งนั้นมีทั้งสิ้น 400 เขต (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง) จึงมีจุดส่ง 400 แห่ง และจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในการเลือกตั้งในแต่ละครั้ง

 

ดังนั้นจึงมีความแตกต่างกันจากการส่งจดหมายปกติทั่วไป 

 

ทั้งนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะเป็นผู้กำหนดรหัสเขตเลือกตั้ง เพื่อใช้ในการคัดแยกซองใส่บัตรเลือกตั้ง เพื่อการจัดส่งต่อไป

The post เลือกตั้ง 2566 : กกต. แจงกรณีรหัสเขตเลือกตั้งบนซองใส่บัตรเลือกตั้ง ใช้สำหรับคัดแยก appeared first on THE STANDARD.

]]>