บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (CPAXT) – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 02 Sep 2025 06:37:21 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ซีพี แอ็กซ์ตร้า ทุ่มงบ 8 พันล้านบาท ปิดดีลเทกโอเวอร์ Renewed Hope รุกธุรกิจ Foodservice เจาะตลาดเอเชียแปซิฟิก-ตะวันออกกลาง https://thestandard.co/cpaxt-8b-acquires-renewed-hope/ Tue, 02 Sep 2025 06:37:21 +0000 https://thestandard.co/?p=1114494 ซีพี แอ็กซ์ตร้า

วานนี้ (1 กันยายน) บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า หรือ CPAXT ได้แ […]

The post ซีพี แอ็กซ์ตร้า ทุ่มงบ 8 พันล้านบาท ปิดดีลเทกโอเวอร์ Renewed Hope รุกธุรกิจ Foodservice เจาะตลาดเอเชียแปซิฟิก-ตะวันออกกลาง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ซีพี แอ็กซ์ตร้า

วานนี้ (1 กันยายน) บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า หรือ CPAXT ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า บริษัท สยามฟูด เซอร์วิส จำกัด (SFS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPAXT ถือหุ้น 99.99% ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด 100% ของบริษัท Renewed Hope Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ตั้งอยู่ในประเทศสิงคโปร์

 

ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้มีมูลค่า 1,051 ล้านริงกิตมาเลเซีย หรือเทียบเท่าประมาณ 8,086.97 ล้านบาท โดยรายการดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ซึ่งผู้ขายคือผู้ถือหุ้นชาวมาเลเซียและไม่ถือเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ 

 

Renewed Hope เป็นบริษัทโฮลดิ้งที่มีบริษัทลูกภายใต้แบรนด์หลักคือ Lucky Frozen ซึ่งดำเนินธุรกิจนำเข้า, ผลิต, และจำหน่ายอาหารให้กับกลุ่มลูกค้าโรงแรม, ร้านอาหาร, ห้างค้าปลีก, และค้าส่งในประเทศมาเลเซีย 

 

การเข้าซื้อครั้งนี้ใช้เงินทุนจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินในประเทศไทย ภายหลังจากการซื้อขายเสร็จสิ้น Renewed Hope จะมีสถานะเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของ CPAXT

 

สำหรับประโยชน์ที่บริษัทฯ จะได้รับ การเข้าซื้อหุ้นสามัญในครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ ในการส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอาหารในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะธุรกิจฟูดเซอร์วิส (Foodservice) ซึ่งเป็นหนึ่งในหน่วยธุรกิจที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ อยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจค้าส่ง โดยมีเครือข่ายการให้บริการครอบคลุม 20 เมืองใน 7 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง

 

ปัจจุบัน หน่วยธุรกิจฟูดเซอร์วิสมีผลการดำเนินงานที่ดี และช่วยสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มสินค้าอาหารในธุรกิจหลักของบริษัทฯ

 

นอกจากนี้ ประเทศมาเลเซียถือเป็นตลาดยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพโดดเด่น ทั้งจากปัจจัยเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค และเป็นตลาดที่บริษัทฯ มีการดำเนินธุรกิจค้าปลีกอยู่แล้ว การลงทุนครั้งนี้ จึงคาดว่าจะช่วยเสริมการเติบโตของบริษัทฯ ในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสนับสนุนให้หน่วยธุรกิจฟูดเซอร์วิสสามารถขยายตัวได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

The post ซีพี แอ็กซ์ตร้า ทุ่มงบ 8 พันล้านบาท ปิดดีลเทกโอเวอร์ Renewed Hope รุกธุรกิจ Foodservice เจาะตลาดเอเชียแปซิฟิก-ตะวันออกกลาง appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจาะลึกกลยุทธ์ “Makro PRO” พลิกเกมสู่แพลตฟอร์มไทยเพื่อโชห่วยไทย เติบโตก้าวกระโดดใน 2 ปีด้วยเทคโนโลยีที่เข้าใจลูกค้า [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/makro-pro-thai-b2b-growth-tech-strategy/ Fri, 18 Jul 2025 10:00:34 +0000 https://thestandard.co/?p=1097277 Makro Pro

“ร้านโชห่วย” เป็นส่วนสำคัญของทุกชุมชนและเศร […]

The post เจาะลึกกลยุทธ์ “Makro PRO” พลิกเกมสู่แพลตฟอร์มไทยเพื่อโชห่วยไทย เติบโตก้าวกระโดดใน 2 ปีด้วยเทคโนโลยีที่เข้าใจลูกค้า [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
Makro Pro

“ร้านโชห่วย” เป็นส่วนสำคัญของทุกชุมชนและเศรษฐกิจท้องถิ่น ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความเข้าใจในชุมชนอย่างลึกซึ้ง และยากที่ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่จะเลียนแบบได้

 

อย่างไรก็ตาม ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการร้านโชห่วยกำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ “เทคโนโลยี” จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ร้านโชห่วยอยู่รอดและเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ

 

วันนี้ The Secret Sauce ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ถิรายุ ทรงเวชเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัล บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับความน่าสนใจของแพลตฟอร์ม Makro PRO ที่ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ประกอบการโชห่วยอย่างแท้จริง

 

Makro PRO แพลตฟอร์มเพื่อร้านค้าโชห่วยไทย

 

“ค้าปลีกจะอยู่รอดอย่างไรในวันที่ลูกค้าแวะหน้าร้านน้อยลง?” คำถามนี้ถูกจุดประกายขึ้น โดยแม็คโครในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพียง ‘ร้านขายส่ง’ อีกต่อไป แต่กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการไทยทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารที่ต้องการระบบจัดซื้อที่แม่นยำ ควบคุมคุณภาพได้ และมีทีมสนับสนุนพร้อมให้คำแนะนำตลอดเส้นทาง เข้ากับสินค้าคุณภาพและระบบโลจิสติกส์ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

 

ถิรายุ ทรงเวชเกษม 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัล บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)

 

“วันนี้สาขาแม็คโคร ไม่ใช่ร้านขายของ แต่คือ Distribution Center” ถิรายุ กล่าว พร้อมเผยว่าเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มอย่าง Makro PRO คือกุญแจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่ CP AXTRA กำลังเร่งเดินหน้า

 

ด้วยเวลาเพียง 2 ปี Makro PRO ก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์ม Grocery E-Commerce อันดับ 1 ในประเทศไทย ครองส่วนแบ่งตลาด 39.5% (ข้อมูลปี 2567 จาก Euromonitor) โดยมีธุรกรรมเฉลี่ยกว่า 20,000 รายการต่อวัน และฐานผู้ใช้งานที่เติบโตแบบก้าวกระโดดทั้งในกลุ่ม B2B และ B2C 

 

“Makro PRO เติบโตอย่างมากหากเทียบจากตอนเริ่มต้น ทั้งในแง่ยอดขาย ปริมาณคำสั่งซื้อ และจำนวนลูกค้าที่ใช้งานแพลตฟอร์ม” ถิรายุ กล่าว

 

“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Makro PRO เติบโตอย่างก้าวกระโดดภายใน 2 ปี คือการที่เรา “แก้ปัญหาลูกค้าจริง ๆ” ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ลงไปสัมผัสหน้างานจริง ทั้งทีมงานและผู้บริหาร พร้อมความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมองเทคโนโลยีเป็นผู้ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ส่วนสนับสนุน เราวัดความสำเร็จจากผลกระทบต่อลูกค้า และไม่เคยหยุดที่จะทำความเข้าใจปัญหาและแก้ไขให้ดีขึ้นอยู่เสมอ”

 

จุดเริ่มต้นของ Makro PRO ที่ไม่ได้สวยหรู แต่เต็มไปด้วยบทเรียนราคาแพง

 

“เราคิดผิดในตอนเริ่มต้น” ถิรายุ กล่าวอย่างตรงไปตรงมา โดยเล่าย้อนถึงช่วงที่ Makro PRO ยังเป็นแค่แอปหน้าตาดี แต่ไม่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าได้ทั้งหมด

 

Makro PRO กับจุดเริ่มต้นที่ไม่สวยหรู สู่แพลตฟอร์มเพื่อโชห่วย

 

“ตอนนั้นเราคิดว่าอีคอมเมิร์ซคือการมีหน้ากากแอปพลิเคชัน ให้ลูกค้าจับต้องได้ แต่สุดท้ายไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิด เพราะเราไม่เข้าใจลูกค้า เราขายเครื่องออกกำลังกาย ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับแม็คโครเลย แล้วให้ลูกค้ารอ 14 วันไปรับเอง มันไม่มีอะไรเวิร์กเลยสักอย่าง”

 

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นจากการยอมรับว่า “แพลตฟอร์มไม่ใช่แค่ระบบซื้อขาย แต่คือการแก้ Pain Point ของลูกค้าแบบครบวงจร”

 

จากความล้มเหลวในปีแรก Makro PRO ปรับทิศทางใหม่ทั้งหมด เปลี่ยนจากการคิดแบบ Inside-out มาเป็น Outside-in ทุกอย่างเริ่มต้นจากลูกค้า

 

ในเชิงข้อมูล Makro PRO เปิดตัวครั้งแรกในปี 2566 และในช่วงปีแรก แพลตฟอร์มยังไม่ติดตลาด จนกระทั่งเกิดการพลิกกลยุทธ์อย่างเด็ดขาดในไตรมาส 3 ของปีเดียวกัน

 

Makro PRO สร้างใหม่ทั้งระบบ ปลดล็อกด้วย AI 

 

Makro PRO เริ่มปฏิวัติตัวเองจากภายในสู่ภายนอก พวกเขาเปลี่ยนร้านค้าทั่วประเทศให้กลายเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่ทำงานแบบ 24 ชั่วโมง พร้อมใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการหลังบ้านอย่างเต็มรูปแบบ

 

“ตอนนั้นเราต้องเปลี่ยนทั้งวิธีคิดและวิธีส่งของ” ถิรายุ เล่าว่า Makro PRO เริ่มใช้ AI เข้ามาช่วยคำนวณเส้นทางจัดส่ง จัดคิวรถ ตลอดจนถึงการจัดการสินค้าในคลัง เพื่อให้สินค้าถึงมือได้เร็วที่สุด

 

“เราเคยเจอปัญหาว่าลูกค้าสั่งของแล้วยังไม่ได้รับของใน 7 วัน ซึ่งถือว่าเลวร้ายมากในธุรกิจค้าส่ง”

 

Makro PRO จึงเปลี่ยนรูปแบบการทำงานทั้งหมด ตั้งแต่การจัดตารางจัดส่งตามช่วงเวลา ไปจนถึงการปรับระบบให้มีคนทำงานเป็นกะ 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับการส่งของรอบเช้าในทุกพื้นที่

 

ในเชิงระบบ โลจิสติกส์ของ Makro PRO ได้รับการสนับสนุนจาก AI และ Big Data อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ปี 2567 และปัจจุบันมีการจัดส่งเฉลี่ยกว่า 20,000 ธุรกรรมต่อวันทั่วประเทศ

 

ไม่ใช่แค่ B2B หรือ B2C แต่ Makro PRO ตั้งใจเป็น B2B2C Ecosystem

 

แม้ปัจจุบัน Makro PRO จะประสบความสำเร็จจนได้รับการยืนยันจาก Euromonitor ว่าครองส่วนแบ่งตลาดยอดขายที่ 39.5% ในปี 2567 แต่สิ่งที่ทีมเห็นคือ “เรายังอยู่ที่นับหนึ่ง”

 

“ผมมองว่า ถ้าเราหยุดแค่ทำแพลตฟอร์ม B2B หรือ B2C เราจะไม่แตกต่างจากใครเลย แต่ถ้าเราทำให้ผู้ประกอบการสามารถขายของต่อได้ในแพลตฟอร์มเดียวกันได้นั่นแหละ มันคือ B2B2C ที่แท้จริง”

 

Makro PRO พัฒนาสู่ ‘แพลตฟอร์ม’ เคียงข้างร้านโชห่วยไทย

 

Makro PRO เปลี่ยนผู้ค้าร้านโชห่วยไปสู่ Future Entrepreneur

 

อดีตผู้ประกอบการต้องเสียเวลาเดินทางไปแม็คโครเพื่อซื้อของเป็นครึ่งวัน แต่ปัจจุบัน Makro PRO ช่วยให้สั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าผ่านแอปฯ และรอรับของที่ร้านได้เลย เปลี่ยนจากการ “ลงแรง” เป็น “บริหารธุรกิจ” 

 

CP AXTRA พบว่าผู้ประกอบการที่เติบโตเร็วคือผู้ที่ “กล้าลอง” “กล้าเปลี่ยน” และ “เข้าใจลูกค้า” พวกเขามองเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ พร้อมเรียนรู้และต่อยอดเพื่อเพิ่มยอดขาย-ขยายสาขา ไม่ยึดติดวิธีเดิม พร้อมรับการเติบโตจากข้อจำกัด นี่คือ Future Entrepreneurs ตัวจริงในมุมมองของ CP AXTRA

 

ในวันที่ร้านโชห่วยบางแห่งขยายเป็น 3 – 4 สาขา หรือแม้แต่บริหารจากต่างประเทศได้จากมือถือในมือ การค้าปลีกไทยก็ไม่ได้เล็กอีกต่อไป หากมีเครื่องมือที่เหมาะสม นี่คือที่มาของเรื่องราวการพลิกเกมของแพลตฟอร์มที่ชื่อ Makro PRO

 

เข้าใจ ‘ลูกค้าของลูกค้า’ คือหัวใจการเติบโตทั้ง B2B และ B2C

 

“ร้านชาบูจะไม่ซื้อเนื้อหมูจากใครก็ได้ ถ้าสินค้าไม่คุณภาพ เขาก็ไม่เอา เพราะมันมีผลกับแบรนด์เขา” ถิรายุ กล่าว พร้อมย้ำว่า Makro PRO ต้องคุมคุณภาพสินค้าทุกขั้นตอน ทั้งในกระบวนการแพ็ก บรรจุ และขนส่ง

 

ความมั่นใจนี้ไม่ได้มาเอง แต่เกิดจากระบบ “Chef’s Club by Makro” ที่มีเชฟมืออาชีพตรวจสอบคุณภาพสินค้า RTE และ RTC ก่อนขึ้นขาย

 

 

Makro PRO ยังเข้าใจว่าผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้ซื้อของด้วยราคาอย่างเดียว แต่เลือกจากคุณภาพ ความสะดวก คุ้มค่า และความน่าเชื่อถือของแบรนด์

 

จากการสำรวจลูกค้า B2C ของ Makro PRO พบว่า 72% เลือกใช้แพลตฟอร์มเพราะเชื่อมั่นในมาตรฐานของแม็คโคร และ 81% ระบุว่าการจัดส่งตรงเวลาและมีของครบคือจุดแข็งของบริการ

 

มุ่งสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่เข้าใจผู้ประกอบการ

 

CP AXTRA ลงทุนมหาศาลเพื่อเปลี่ยนรากฐานของบริษัทจากธุรกิจค้าส่งแบบเดิมให้กลายเป็น “Tech Company ที่เข้าใจผู้ประกอบการไทย” อย่างแท้จริง โดยตลอด 2–3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ลงทุนในเทคโนโลยี หลายพันล้านบาท เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม อีโคซิสเต็ม และระบบหลังบ้านทั้งหมดด้วยทีมงานของตัวเอง (in-house) มากกว่าการพึ่งพาเทคโนโลยีจากภายนอก

 

ทีมเทคโนโลยีของ CP AXTRA แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ทั้งนักพัฒนาชาวไทย ซึ่งเข้าใจบริบทผู้ประกอบการไทยเป็นอย่างดี และผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ที่เป็นกำลังหลักในการออกแบบโครงสร้างเทคโนโลยีให้สามารถรองรับการเติบโตระดับประเทศ

 

ฝ่ายเทคโนโลยีและธุรกิจต้องทำงานเหมือนทีมเดียวกัน

 

เบื้องหลังความสำเร็จของ Makro PRO ไม่ได้มีเพียงการวางระบบเทคโนโลยีชั้นสูง หรือการลงพื้นที่ของทีมขายเท่านั้น แต่หัวใจที่แท้จริงคือ “การทำงานร่วมกันของธุรกิจและเทคโนโลยี” แบบไร้รอยต่อ

 

“เราปรับ KPI ใหม่หมดเลยครับ ฝั่งธุรกิจมี KPI ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ส่วนทีมเทคก็มี KPI ที่ผูกกับยอดขายและพฤติกรรมลูกค้า” ถิรายุ อธิบาย

 

นั่นหมายถึงทีมเทคของ Makro PRO ไม่ได้มีหน้าที่แค่เขียนโค้ดหรือพัฒนาแอปฯ ตามบรีฟ แต่ต้องเข้าใจภาพรวมของธุรกิจ ต้องลงหน้างานจริง เพื่อที่จะเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร และเสนอแนวทางที่ช่วยให้แพลตฟอร์มเติบโตได้จริง

 

Makro PRO สู่ Retail Tech ที่เข้าใจผู้ใช้จริง

 

ในขณะเดียวกัน ทีมธุรกิจเองก็ถูกฝึกให้เข้าใจภาษาของเทคโนโลยี ตั้งแต่การออกแบบ UI/UX ไปจนถึงการวางสถาปัตยกรรม (architecture) ที่รองรับคำสั่งซื้อนับร้อยรายการในแต่ละคำสั่ง

 

“ถ้าไม่เข้าใจกัน เราจะกลายเป็นองค์กรที่มีเทคเก่ง แต่แพลตฟอร์มไม่โต หรือมีเซลส์เก่ง แต่สร้างฟีเจอร์ไม่ตรงจุด เราเลยต้องผูกสองทีมนี้ไว้ด้วยกันตั้งแต่วันแรก” ถิรายุ กล่าว

 

“Retail Tech ที่ดี ต้องไม่ใช่แค่แอปฯ ที่ใช้งานได้ แต่ต้องเป็นแอปฯ ที่ตอบได้ว่า ‘ช่วยลูกค้าขายของได้มากขึ้นจริงไหม?’”

 

ความสำเร็จที่วัดได้ และความฝันที่ยังไม่จบ

 

จากความท้าทายในปีแรก ในวันนี้ Makro PRO สามารถขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 Grocery E-Commerce Platform ของไทย จากการจัดอันดับของ Euromonitor International ผู้นำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและการวิจัยตลาดระดับโลก ซึ่งก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการเข้าใจลูกค้าคือพลังเปลี่ยนเกมสู่ความสำเร็จ

 

“สิ่งที่ทำให้เรามาได้ถึงวันนี้ไม่ใช่เพราะเทคโนโลยีล้ำ แต่คือความกล้าที่จะลงมือเปลี่ยนเร็ว และไม่หยุดถามว่า ‘ลูกค้ายังเจ็บตรงไหน’”

 

ในปี 2568 CP AXTRA ยังเดินหน้าจัดตั้ง AXTRA Digital เพื่อเร่งขับเคลื่อนนวัตกรรม และพัฒนาแพลตฟอร์ม Smart Store พร้อมระบบ Omnichannel ที่จะเชื่อมทั้งออนไลน์และออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ

 

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความกล้าที่จะเปลี่ยนเพื่อลูกค้า

 

Makro PRO ยังเปิดตัวโปรแกรมสะสมแต้ม “Makro PRO Point” เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้ประกอบการ โดยมีสมาชิกลงทะเบียนกว่า 500,000 รายภายในเวลาไม่ถึง 6 เดือน

 

Makro PRO เคียงข้างโชห่วยที่ไม่มีวันตายไปจากตลาดไทย

 

“เรากำลังสร้างแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่แค่ตอบโจทย์การซื้อขาย แต่ตอบโจทย์การเติบโตของผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจอาหารในประเทศไทย เพราะเราไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นแค่ร้านขายของอีกต่อไป แต่คือส่วนหนึ่งของการสร้าง Food Supply Chain ที่เชื่อมต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ไม่ใช่แค่จุดขายของปลายน้ำเท่านั้น”

 

“สาขาแม็คโครจึงไม่ใช่จุดขายอีกต่อไป แต่คือศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) ที่ขับเคลื่อนการจัดส่งและสั่งซื้อในรูปแบบดิจิทัลตลอด 24 ชั่วโมง”

 

CP AXTRA อยู่คู่โชห่วยไทยที่ไม่มีวันตาย

 

อย่างไรก็ตาม โชห่วยหรือธุรกิจขนาดเล็ก ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งการจัดการสต็อก ขาดความรู้ ควบคุมคุณภาพยากเมื่อผลิตมาก หรือเข้าไม่ถึงช่องทางขายใหม่ ซึ่ง CP AXTRA ไม่ได้ปล่อยผ่าน แต่กลับส่งทีม “Special Force” ลงพื้นที่ พร้อมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น นักการตลาด เชฟ หรือแม้แต่เทคโนโลยีด้าน Supply Chain เพื่อร่วมคิด ร่วมทำ และแปลงจุดอ่อนของธุรกิจให้กลายเป็นโอกาสทางการตลาด

 

“โชห่วยไม่มีวันตาย เรามองโชห่วยว่าเป็นพาร์ตเนอร์ ไม่ใช่คู่แข่ง และเราไม่เคยคิดจะมาแทนที่โชห่วย แต่ตั้งใจอย่างจริงจังที่จะ ‘ส่งพลัง’ ให้เขาโตจากสิ่งที่เขาเป็นอยู่แล้ว ไม่ใช่การเปลี่ยนเขาให้เป็นอย่างอื่น แต่ช่วยให้เขาโตได้ไกลขึ้นจากรากที่เขาปักไว้อย่างมั่นคง”

 

อ้างอิง:

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

The post เจาะลึกกลยุทธ์ “Makro PRO” พลิกเกมสู่แพลตฟอร์มไทยเพื่อโชห่วยไทย เติบโตก้าวกระโดดใน 2 ปีด้วยเทคโนโลยีที่เข้าใจลูกค้า [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
พาณิชย์ จับมือ AFC หอการค้าไทย และ 6 องค์กรภาคเอกชน เดินหน้าปลุกกระแส ’ผลไม้ไทยต้องไปให้สุด’ https://thestandard.co/thai-fruits-festival/ Tue, 08 Jul 2025 04:15:50 +0000 https://thestandard.co/?p=1094094 thai-fruits-festival

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ร่วมกับ ศูนย์ AFC หอกา […]

The post พาณิชย์ จับมือ AFC หอการค้าไทย และ 6 องค์กรภาคเอกชน เดินหน้าปลุกกระแส ’ผลไม้ไทยต้องไปให้สุด’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
thai-fruits-festival

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ร่วมกับ ศูนย์ AFC หอการค้าไทย สมาคมตลาดสดไทย และ 5 ห้างค้าปลีก-ค้าส่งชั้นนำ ประกอบด้วย บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บจก.เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์, บจก.เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล, บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า และ บจก.เดอะมอลล์กรุ๊ป จัดงานแถลงข่าว ‘ความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชนขับเคลื่อน Thai Fruits Festival’ เพื่อร่วมกันส่งเสริมการบริโภคและการกระจายผลไม้ไทยภายในประเทศอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยในการรับมือกับความท้าทายด้านตลาด 

 

วิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ผลการจัดกิจกรรมภายใต้มาตรการบริหาร จัดการผลไม้ ปี 2568 ในกิจกรรมกระจายผลไม้ภายใต้โครงการ Thai Fruits Festival 2025 ปริมาณรวมโดยประมาณ 10,000 ตัน ผลไม้คละชนิด อาทิ มะม่วง ลำไย มังคด เงาะ ทุเรียน จากภาคต่าง ๆ ทั้งประเทศ

 

โดยแบ่งเป็นกิจกรรมหลัก ๆ ได้แก่ กิจกรรมรณรงค์บริโภคผลไม้ ‘Thai Fruits Festival 2025’ ตั้งแต่ช่วงต้นฤดูกาลต่อเนื่องจนถึงช่วงปัจจุบันที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ ร่วมกับห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ได้แก่ ท็อปส์ บิ๊กชี แม็คโคร โลตัส โก-โฮลเซลล์ จำนวน 2,500 ตัน ห้างซูเปอร์ชิป โดยการสนับสนุนชมรมทายาทห้างค้าปลีก-ค้าส่ง แห่งประเทศไทย รวมถึงกิจกรรมรณรงค์การบริโภคผลไม้ที่ร่วมกับสมาคมการค้าตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรไทยจำนวน 3 ตลาด (ตลาดไท ตลาดศรีเมือง ตลาดสี่มุมเมือง) และสมาคมตลาดสดไทย จำนวน 12 ตลาด (ตลาดกิเลน ตลาดเยสบางพลี ตลาดมีนบุรี ตลาดรังสิต ตลาดธันยา ตลาดบางใหญ่ ตลาดคุณยิ้ม ตลาดยอดพิมาม ตลาดถนอมมิตร ตลาดใหม่สำโรง ตลาดโอโซนวัน และตลาดบวรร่มเกล้า)  

 

รวมไปถึงกิจกรรมแจกมะม่วงแฟนซีเป็นของสมนาคุณลูกค้า ร่วมกับสถานีบริการนำมันเชื้อเพลิง 4 สถานี (พีที พีทีที บางจาก ซัสโก้) 1,097 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล จำนวน 2,000 ตัน และเชื่อมโยงผลไม้จำหน่ายงานธงฟ้าในส่วนภูมิภาคผ่านรถโมบายพาณิชย์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ 30 จุด  การซื้อผลไม้ของหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ธนาคาร บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทขนาดใหญ่ ช่วยรับซื้อผ่าน Pre-Order และกิจกรรมเพื่อสังคม CSR ในการดูดซับผลผลิตเกรดรอง  

 

โดยมีการสั่งซื้อแล้วจำนวน 500 ตัน เพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายน้ำผลไม้สมูทตี้ผ่าน ตู้เต่าบิน กับ บจ.ฟอร์ท เวนดิ้ง รับซื้อมะม่วง ลำไย สับปะรด ลิ้นจี่ ลองกอง กล้วยหอมทอง ฝรั่ง และชมพู่ ปริมาณรวม 1,000 ตัน และจับมือกับ บจ.ไทยแอร์เอเชีย แปรรูปทำเป็นเมนูอาหารและเครื่องดื่ม จำหน่ายบนเครื่องบินทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและต่างประเทศ โดยรับซื้อลำไย มังคุด สับปะรดภูแล ปริมาณรวม 1,000 ตัน  อีกทั้งสนับสนุน ‘บรรจุภัณฑ์ผลไม้ DIT’ ร่วมกับไปรษณีย์ไทย ในรูปแบบกล่องไปรษณีย์ขนาด 10 กิโลกรัม และตะกร้าพลาสติกขนาด 5 กิโลกรัม ปริมาณรวม 3,000 ตัน 

 

ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเกษตรและอาหาร มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตสินค้าเกษตร และส่งออกไปยังต่างประเทศ นับว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงาน แต่ด้วยสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบัน อาทิ มาตรการภาษีของสหรัฐฯ (US Tariff Policy) ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของประเทศ อีกทั้งปัญหาการส่งออกทุเรียนของไทยไปยังสาธาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ได้กำหนดให้ผู้ส่งออกต้องแนบรายงานผลการทดสอบ (Test Report) ของสาร Basic Yellow 2 โดยหอการค้าไทยได้เร่งสื่อสารทำความเข้าใจในพื้นที่เพาะปลูกหลัก พร้อมทั้งประสานกับภาครัฐและหอการค้าจังหวัดเพื่อยกระดับมาตรฐานการส่งออก พร้อมทั้งได้เข้าพบหารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและผลักดันทุเรียนไทยสู่ตลาดจีนอย่างยั่งยืน เป็นต้น

 

ทั้งนี้ หอการค้าไทย ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและอาหาร (Agriculture and Food Coordination and Public Relations Center: AFC) เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการสื่อสารประสานงานและแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำอย่างเป็นระบบ โดยที่ผ่านมา ศูนย์ AFC ได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 11 เดือนแล้ว เพื่อร่วมบรรเทาสถานการณ์และแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำ-ล้นตลาดร่วมกับเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน จำนวน 28 หน่วยงาน โดยในปี 2567 ได้ประสานงานเครือข่ายช่วยรับซื้อสินค้าจากเกษตรกรกรท้องถิ่นปริมาณถึง 218,356 ตัน คิดเป็นมูลค่า 14,172 ล้านบาท

 

สุดท้ายนี้ จากนโยบายและความร่วมมือระหว่างศูนย์ AFC หอการค้าไทย หอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ กรมการค้าภายใน สมาคมตลาดสดไทย และห้างค้าปลีก-ค้าส่งชั้นนำ 5 ราย จะตอกย้ำการขับเคลื่อน โครงการ ‘Thai Fruits Festival 2025’ โดยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตลำไยจะออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก เราได้เตรียมแผนรับซื้อลำไยจากเกษตรกรทั่วประเทศกว่า 40,000 ตัน เชื่อเหลือเกินว่า ถ้าวันนี้คนไทยหันมาบริโภคผลไม้ไทยมากขึ้น เกษตรกรไทยผลิตผลไม้ไม่แพ้ชาติใดในโลก เกษตรกรปลูกด้วยใจ คนไทยกินด้วยรัก และเปลี่ยนของว่างบนโต๊ะอาหารเป็นผลไม้ไทย โดยมุ่งหวังส่งเสริมและกระจายผลไม้ไทยคุณภาพจากแหล่งผลิตต่าง ๆ สู่มือผู้บริโภคทั่วประเทศ พร้อมทั้งช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาราคาตกต่ำและผลผลิตล้นตลาด ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการดูแลเกษตรไทยอย่างเป็นรูปธรรม

 

ผลไม้ไทยทั่วประเทศใน Thai Fruits Festival

The post พาณิชย์ จับมือ AFC หอการค้าไทย และ 6 องค์กรภาคเอกชน เดินหน้าปลุกกระแส ’ผลไม้ไทยต้องไปให้สุด’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
CP AXTRA เผยโอกาสคว้าชัยในค้าปลีกอีสาน ‘มีของดี-พร้อมปรับตัว’ คือกุญแจสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล https://thestandard.co/tssbw-cpaxtra-retail-ai/ Sun, 06 Jul 2025 02:10:04 +0000 https://thestandard.co/?p=1093375 cpaxtra-retail-ai

ถิรายุ ทรงเวชเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัล […]

The post CP AXTRA เผยโอกาสคว้าชัยในค้าปลีกอีสาน ‘มีของดี-พร้อมปรับตัว’ คือกุญแจสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล appeared first on THE STANDARD.

]]>
cpaxtra-retail-ai

ถิรายุ ทรงเวชเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัล บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ได้ฉายภาพกลยุทธ์และโอกาสทางธุรกิจค้าปลีก บนเวที “RetailTech for Future Entrepreneurs คู่มือค้าปลีกสู่อนาคตในยุคดิจิทัลเปลี่ยนโลก ฉบับ CP AXTRA” ซึ่งจัดขึ้นในงาน The Secret Sauce Business Weekend อีสาน 2025 ที่จังหวัดขอนแก่น โดยถิรายุ ระบุว่าอีสานมีศักยภาพมหาศาล และ CP AXTRA พร้อมเป็น ‘กระดูกสันหลัง’ ผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่นสู่ระดับโลก

 

CP AXTRA: พลิกบทบาทจากร้านค้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลครบวงจร

 

ถิรายุเผยว่า CP AXTRA ได้ปรับตัวครั้งใหญ่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากผลกระทบของโควิด-19 และอีคอมเมิร์ซ ทำให้ร้านค้าไม่ได้เป็นเพียงจุดขายอีกต่อไป โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น รวมถึงการพัฒนา Makro Pro แอปพลิเคชัน และการลงทุนมหาศาลในระบบ Logistics และ Distribution Center เพื่อการจัดส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ร้านค้าของ CP AXTRA ถูกปรับให้เป็น ‘จุดส่งสินค้า’ ที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง รองรับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะร้านอาหารและโชห่วยที่ต้องการสินค้าด่วน

 

Future Entrepreneurs: คล่องตัว-ใช้เทคโนโลยี-สร้างโอกาส

 

ถิรายุชี้ว่า ผู้ประกอบการยุคใหม่ หรือ ‘Future Entrepreneur’ มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาใช้เวลาทำความเข้าใจลูกค้าในชุมชน และนำเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการ โดยในรายที่ประสบความสำเร็จ พบว่าเป็นเพราะปรับตัวเร็ว และกล้าที่จะลองนำเทคโนโลยีมาใช้ 

 

สำหรับ CP AXTRA ได้ลงทุนหลายพันล้านบาทพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึง AI เพื่อเป็น Infrastructure และ Backbone สนับสนุนผู้ประกอบการ โดยเฉพาะร้านชำและโชห่วยให้บริหารงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อาทิ การแนะนำสินค้าตามเทรนด์ และการจัดการสต็อก

 

‘ของต้องดี – พร้อม Scale’ หัวใจ SME สู่ระดับโลก

 

“กุญแจสู่ความสำเร็จสำหรับ SME ที่จะเติบโตไปพร้อมกับ CP AXTRA คือ ‘ของต้องดี” ถิรายุกล่าวและขยายความว่า CP AXTRA มองตัวเองเป็น Infrastructure พื้นฐาน และจะทำหน้าที่สนับสนุนและทำงานร่วมกันกับผู้ประกอบการ โดยโมเดลเช่นนี้ได้ปั้นผู้ประกอบการรายเล็กให้ประสบความสำเร็จมาแล้ว ยกตัวอย่างน้ำพริกรายหนึ่งในตลาดท้องถิ่น ซึ่งเมื่อ CP AXTRA เข้าไปช่วยพัฒนา จนยอดขายพุ่งถึง 150 ล้านบาท ส่งออกทั้งในและต่างประเทศ

 

ถิรายุยังชี้ว่า AI คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วย “ลดช่องว่าง” (Bridge Gap) ระหว่าง SME และธุรกิจขนาดใหญ่ ทำให้ SME เข้าถึงองค์ความรู้และ Best Practice ได้ในราคาที่ถูกลง

 

โอกาสมหาศาลในอีสาน: แหล่งผลิตอาหาร-เสน่ห์พื้นเมือง

 

ถิรายุชี้ว่า อีสานมีโอกาสอีกมาก และเรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์ของเมืองไทย โดยเฉพาะโอกาสในการแปรรูปอาหารพื้นเมืองให้เป็น ‘อาหารพร้อมปรุงพร้อมทาน’ และการเพิ่มประสิทธิภาพ Cold Chain 

 

“ถ้าตรงนี้เราหยิบอาหาร…มาทำกับเทคโนโลยี หรือพัฒนาซัพพลาย ทำให้เป็นพร้อมปรุงพร้อมทานได้มากขึ้น…ผมคิดว่าเราสามารถส่งได้ทั้งประเทศ หรือแม้กระทั่งส่งไปใน Regional หรือว่าทั่วโลกได้”

 

ยันโชห่วยไม่ตาย แต่จะเติบโตไปพร้อมกัน

 

สำหรับอนาคตของร้านโชห่วย ถิรายุแบ่งปันมุมมองว่าโชห่วยเป็น ‘Partner’ และไม่มีเป้าหมายที่จะเข้ามาแทนที่ เพราะโชห่วยในไทยมีเป็นแสนราย และแต่ละร้านมีเสน่ห์และความเข้าใจลูกค้าในชุมชนแตกต่างกัน CP AXTRA จึงมีหลายโครงการในปีนี้เพื่อสนับสนุนและทำงานคู่ไปกับโชห่วยอย่างใกล้ชิด

 

“อนาคตธุรกิจค้าปลีกในอีสานภายใต้ CP AXTRA คือการผสานเทคโนโลยี ศักยภาพวัตถุดิบ และความเข้าใจในท้องถิ่นของผู้ประกอบการ โดยมี CP AXTRA เป็นแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง พร้อมผลักดันผู้ประกอบการไทยให้ก้าวไกลในเวทีโลก ด้วยแนวคิด ‘ของต้องดี’ และการ ‘ปรับตัว’ อย่างไม่หยุดยั้ง อีสานกำลังก้าวสู่ยุคใหม่ของโอกาสทางธุรกิจที่ไม่เคยมีมาก่อน” ถิรายุ กล่าวส่งท้าย

The post CP AXTRA เผยโอกาสคว้าชัยในค้าปลีกอีสาน ‘มีของดี-พร้อมปรับตัว’ คือกุญแจสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล appeared first on THE STANDARD.

]]>
CP AXTRA ผันตัวสู่ Retail Tech ช่วยปิดจุดอ่อนร้านโชห่วย https://thestandard.co/cpaxtra-retail-infrastructure/ Wed, 02 Jul 2025 10:56:25 +0000 https://thestandard.co/?p=1092070 cpaxtra-retail-infrastructure

ถึงวันนี้ CP AXTRA นิยามบทบาทตัวเองว่าไม่ใช่แค่ค้าส่งหร […]

The post CP AXTRA ผันตัวสู่ Retail Tech ช่วยปิดจุดอ่อนร้านโชห่วย appeared first on THE STANDARD.

]]>
cpaxtra-retail-infrastructure

ถึงวันนี้ CP AXTRA นิยามบทบาทตัวเองว่าไม่ใช่แค่ค้าส่งหรือค้าปลีกอีกต่อไป แต่มองตัวเองเป็นโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) หรือเป็นเสมือนหลังบ้าน ที่จะนำ Retail Tech พลังขับเคลื่อนธุรกิจเข้ามาช่วยให้ผู้ประกอบการไทยไปได้ไกล เติบโตได้เร็ว และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจยุคใหม่

 

🗣อีคอมเมิร์ซเริ่มกัดกินค้าส่ง-ค้าปลีก

 

เสียงสะท้อนจาก ถิรายุ ทรงเวชเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัล บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) ที่บอกว่า จริงๆ จุดเปลี่ยนของ CP AXTRA นั้นคือการเข้ามาของอีคอมเมิร์ซ ทำให้ตลาดค้าส่งและค้าปลีกเกิดการแข่งขันสูง ตลาดมีผู้เล่นเข้ามากขึ้น ทั้งร้านค้าและแพลตฟอร์มดิจิทัล ยิ่งทำให้การทำธุรกิจยุคนี้ยากขึ้นกว่าเดิม

 

📍 ช่วยปิดจุดอ่อนร้านโชห่วย

 

โดยเฉพาะร้านโชห่วยที่เริ่มพบ ‘จุดเจ็บปวด’ ของตัวเอง หลังจากผู้บริโภคทุกคนต้องการความสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสินค้าผ่านมือถือ การจัดส่งที่เลือกเวลาได้เอง หรือราคาที่ต้องแข่งขัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจุดเจ็บปวดที่ต้องเจอ

 

ยิ่งไปกว่านั้นที่ผ่านมา CP AXTRA เป็นพาร์ตเนอร์กับร้านโชห่วยมานาน จะเห็นว่าเมื่อก่อนเจ้าของร้านจะต้องขับรถไปซื้อไปหาสินค้า ใช้เวลาค่อนข้างนาน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ต้องพัฒนาแพลตฟอร์ม Makro PRO ที่ออกแบบมาช่วยร้านค้า ทั้งเรื่องการเลือกสินค้า ตรวจสอบราคา สั่งซื้อ และจัดส่ง ทำให้ร้านค้ามีเวลาไปคิดกลยุทธ์ พัฒนาแคมเปญและดูแลลูกค้าได้ดีขึ้น

 

📌ผู้ประกอบการโลกอนาคตจะไม่ใช่แค่ค้าขาย แต่ต้องสร้างความต่าง!

 

และในยุคต่อไปของ Future Entrepreneur นั้นจะไม่ใช่แค่การรับสินค้าราคาต่ำไปขายต่อให้ลูกค้าแบบร้านโชห่วยแบบในอดีต หรือไม่ใช่การใช้เวลาไปกับการสั่งของ ตุนสินค้าในเวลานานๆ แต่ต้องเป็นผู้ประกอบการเชิงรุก สร้าง Unique Selling Point คิดกลยุทธ์ให้ต่าง เพื่อสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่งให้ได้

 

ฟังเต็มๆ จาก ถิรายุ ทรงเวชเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัล บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) บนเวที The Secret Sauce Business Weekend อีสาน 2025 Global Isan ส่งออกธุรกิจอีสานบุกตลาดโลก

 

🎟 บัตร Regular 1,990.- มาแล้ว! ซื้อบัตรได้ที่ https://bit.ly/tssbwCPA

The post CP AXTRA ผันตัวสู่ Retail Tech ช่วยปิดจุดอ่อนร้านโชห่วย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ซีพี แอ็กซ์ตร้า โชว์ไตรมาส 1/68 กำไรสุทธิทะลุ 2,643 ล้านบาท สินค้า-อาหารสดที่ขายในแม็คโครและโลตัสขายดี https://thestandard.co/cp-axtra-q1-68-profit-growth/ Mon, 12 May 2025 06:58:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1073398 cp-axtra-q1-68-profit-growth

บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ผู้นำธุ […]

The post ซีพี แอ็กซ์ตร้า โชว์ไตรมาส 1/68 กำไรสุทธิทะลุ 2,643 ล้านบาท สินค้า-อาหารสดที่ขายในแม็คโครและโลตัสขายดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
cp-axtra-q1-68-profit-growth

บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีก แม็คโครและโลตัส รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีรายได้รวม 129,950 ล้านบาท เติบโต 2.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY)

 

ส่วนกำไรสุทธิหลังรายการปรับปรุงเติบโตขึ้น 10.3% เป็นผลมาจากยอดขายที่เติบโตขึ้นทั้งในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก จากการเปิดสาขาใหม่ การขายนอกร้าน และการขายออนไลน์ ที่เติบโตแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอาหารสด กลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Private label) และสินค้าแบรนด์ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่แม็คโครและโลตัส

 

รวมไปถึงการผนึกกำลังเพื่อเพิ่มมูลค่าและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน หลังการปรับโครงสร้างภายในกลุ่มธุรกิจ (Synergistic Value) ยังช่วยสนับสนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น 

 

อีกทั้งบริษัทฯ ยังคงบริหารจัดการด้านการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการลดภาระหนี้และการปรับปรุงกระแสเงินสดให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องที่แข็งแรงและฐานะทางการเงินที่มั่นคง 

 

นอกจากนี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Euromonitor International ได้จัดอันดับ Makro PRO เป็นแพลตฟอร์ม Grocery e-Commerce อันดับ 1 ของประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งตลาดยอดขายในปี 2567 ที่ 39.5% ในขณะที่ Lotus’s SMART App มีส่วนแบ่งตลาดยอดขายตามมาเป็นอันดับสอง ที่ 19.5% จากตลาด Grocery E-Commerce ของประเทศไทยซึ่งมีมูลค่า 64,000 ล้านบาท

 

ธานินทร์ บูรณมานิต ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/68 เติบโตตามแผนธุรกิจและเป้าหมายที่วางไว้ เราเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Private label) ที่เน้นคุณภาพดี ในราคาที่คุ้มค่า ครอบคลุมทุกหมวดหมู่สินค้า พร้อมต่อยอดกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมปรุง-พร้อมทาน (RTC–RTE)

 

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ซีพี แอ็กซ์ตร้า เดินหน้าผลักดันกลยุทธ์หลัก มุ่งสร้างการเติบโตทุกช่องทางจำหน่าย โดยเฉพาะการขายผ่านออนไลน์และการขายนอกร้าน โดยพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม รวมถึงการนำ AI วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าแบบ Hyper-Personalization เพื่อนำเสนอสินค้าให้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น พร้อมกับเดินหน้าขยายสาขา ปรับโฉมสาขา และพัฒนาพื้นที่เช่าเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค

The post ซีพี แอ็กซ์ตร้า โชว์ไตรมาส 1/68 กำไรสุทธิทะลุ 2,643 ล้านบาท สินค้า-อาหารสดที่ขายในแม็คโครและโลตัสขายดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
นฤมลถกเครือ CP ประเทศจีน สร้างแนวทาง-ตั้งเป้าขายสินค้าเกษตรโดยตรงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จากมือเกษตรกรไทย https://thestandard.co/narumon-cp-group-china-discussion/ Mon, 10 Feb 2025 03:32:11 +0000 https://thestandard.co/?p=1040202 CP สินค้าเกษตร

วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) ศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตร […]

The post นฤมลถกเครือ CP ประเทศจีน สร้างแนวทาง-ตั้งเป้าขายสินค้าเกษตรโดยตรงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จากมือเกษตรกรไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
CP สินค้าเกษตร

วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) ศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย ถาวร ทันใจ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, รพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร, สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ และ ชัยวัฒน์ โยธคล เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ หารือกับ ณัชชาชนก ณ ตะกั่วทุ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี เฟรช จำกัด และผู้อำนวยการธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตและมินิซูเปอร์มาร์เก็ต บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารของบริษัทซีพีสาขาปักกิ่ง เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับภาคเอกชนไทยที่ทำธุรกิจในจีน เพื่อจะแสวงหาแนวทางที่จะนำไปสู่การเชื่อมต่อตลาดจีนเข้ากับผลผลิตที่มีคุณภาพและปลอดภัยจากเกษตรกรไทย

 

ศ. ดร.นฤมล กล่าวถึงนโยบายและภารกิจความรับผิดชอบของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เดิมดูในเรื่องของการผลิต แต่ปัจจุบันด้วยนโยบายตลาดนำ จึงต้องมีความเข้าใจในด้านตลาดมากยิ่งขึ้นด้วย เพื่อขยายตลาดสินค้าเกษตรให้ตรงกับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะตลาดในจีน ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ มีเป้าหมายให้เกษตรกรขายสินค้าเกษตรคุณภาพให้กับผู้บริโภคโดยตรง นอกจากนี้การนำรูปแบบการจองสินค้าล่วงหน้าผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการผลิตล่วงหน้าได้ และขายสินค้าให้กับผู้บริโภคโดยตรง

 

ศ. ดร.นฤมล ยังกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ประมงที่มาจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่เพิ่งจะลงนามไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยปลากะพงเป็นสินค้าแรกที่จะส่งออกไปยังจีน สำหรับรังนก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อจัดทำมาตรฐาน และโคมีชีวิตและผลิตภัณฑ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา หากเปิดตลาดสำเร็จแล้ว ซีพีสามารถนำสินค้าเหล่านี้จากเกษตรกรมาจำหน่ายประเทศจีนต่อไป

 

ด้านซีพีได้แชร์ประสบการณ์การนำทุเรียนคุณภาพจากเกษตรกรไทยมาจำหน่ายให้ผู้บริโภคชาวจีน และการริเริ่มใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มาช่วยกระจายสินค้า การคัดสรรทุเรียนสายพันธุ์พิเศษเพื่อเจาะตลาดพรีเมียม การสร้างแบรนด์และสร้างเอกลักษณ์ทุเรียนไทยให้มีจุดเด่นและน่าสนใจ ซึ่งที่ผ่านมาซีพีร่วมมือกับสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรประเทศ ประจำกรุงปักกิ่ง จัดแคมเปญโปรโมตสินค้าเกษตรร่วมกันโดยตลอด รวมถึงยินดีเป็นหน่วยงานเอกชนที่สนับสนุน ผลักดัน และเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับสินค้าเกษตรไทยอย่างแน่นอน

 

ทั้งนี้ บรรยากาศการหารือเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลความต้องการของผู้บริโภคชาวจีนและแนวความคิดโมเดลการค้าในการทำตลาดผลไม้สดไทยในจีน และกลยุทธ์การสร้างเรื่องราวที่เป็นกุญแจสำคัญที่สร้างความแตกต่างและดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าไทย

 

นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังเยี่ยมชมร้าน CP Fresh บริเวณชั้น 1 ของอาคาร ที่มีการวางจำหน่ายผลไม้และผลิตภัณฑ์ รวมทั้งสินค้าประมงแช่แข็งของไทยและของจีน ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรเกรดพรีเมียม เช่น ทุเรียน ลำไย มังคุด ส้มโอทับทิมสยาม มะพร้าว และกุ้งขาว

The post นฤมลถกเครือ CP ประเทศจีน สร้างแนวทาง-ตั้งเป้าขายสินค้าเกษตรโดยตรงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จากมือเกษตรกรไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPAXT – เปิดเผยเป้าหมายปี 68 เชิงบวก https://thestandard.co/market-focus-cpaxt-5/ Mon, 20 Jan 2025 10:15:47 +0000 https://thestandard.co/?p=1032290 CPAXT

เกิดอะไรขึ้น:   การประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 256 […]

The post CPAXT – เปิดเผยเป้าหมายปี 68 เชิงบวก appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPAXT

เกิดอะไรขึ้น:

 

การประชุมเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 เกี่ยวกับกลยุทธ์ปี 2568 บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ได้ปรับเพิ่มเป้า Synergy เพิ่มขึ้น หลังจากการควบรวมธุรกิจ B2B กับธุรกิจ B2C ที่จะเห็นใน P&L ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 5.2 พันล้านบาท (2.5 พันล้านบาทจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น และ 2.7 พันล้านบาทจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่ลดลง) จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 5 พันล้านบาท (2.5 พันล้านบาทที่จะเห็นใน P&L และ 2.5 พันล้านบาทจากการประหยัด CAPEX) 

 

โดยคาดว่าจะเห็นผลภายในปี 2568-2569 เร็วกว่าเดิมที่มองไว้ในปี 2568-2570 โดย Synergy จะมาจากการค้า (เช่น การกำหนดราคาขายสินค้าข้ามกันระหว่างสองธุรกิจให้มีความเหมาะสม และการจัดซื้อสินค้าร่วมกันโดยเปลี่ยนแหล่งการจัดซื้อเป็น Direct Sourcing) และที่ไม่เกี่ยวกับการค้า (เช่น การประหยัดค่าใช้จ่ายในระบบ IT, Supply Chain ผ่านศูนย์กระจายสินค้าและการจัดการระบบ การจัดส่งสินค้า แม่บ้าน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย) 

 

ในปี 2568 CPAXT ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับสูง YoY สนับสนุนจาก SSS Growth, การเปิดสาขาเพิ่มเป็น 2,778 สาขาในรูปแบบ B2B และ B2C (เพิ่มขึ้น 50 สาขา, เพิ่มจำนวนสาขา เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อน ด้วยการเปิดสาขาขนาดใหญ่ 10-15 สาขา เปิดสาขาขนาดเล็ก 200 สาขา แต่จะปิดสาขาขนาดเล็กที่ไม่ทำกำไรลง), พื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 8 หมื่นตารางเมตร, เพิ่มขึ้น 7%YoY ณ สิ้นปี 2568 จากสิ้นปี 2567) และอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น (94% ในปี 2568 เทียบกับ 93% ในปี 2567) 

 

บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 60 BPS YoY (35 BPS จากการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากการเพิ่มสินค้าอาหารและสินค้าเฮาส์แบรนด์ที่ให้มาร์จิ้นสูง และ 25 BPS จาก Synergy) บริษัทคาดว่า EBITDA จะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก YoY จากการเติบโตของยอดขาย อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น และอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ยอดขายที่ลดลงจาก Synergy และค่าใช้จ่าย Omni-Channel ที่เพิ่มขึ้นช้ากว่ายอดขาย Omni-Channel 

 

บริษัทตั้งเป้า CAPEX ไว้ที่ 2.4-2.8 หมื่นล้านบาทในปี 2568 (CAPEX ปกติ 1.8-2.2 หมื่นล้านบาท และการลงทุนใน Habitat ส่วนที่เหลือ 6 พันล้านบาท) เทียบกับปี 2567 ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท (CAPEX ปกติ 1.8 หมื่นล้านบาท และการลงทุนใน Habitat 9 พันล้านบาท)

 

การลงทุนในโครงการ Mixed-Use ในอนาคต CPAXT อยู่ในระยะแรกของการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาสาขา 16 แห่งที่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพให้เป็น Community Center ซึ่งอาจเป็นโครงการ Mixed-Use ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ ในระยะกลางถึงระยะยาว 

 

เหตุผลที่บริษัทเข้าลงทุนใน Habitat ซึ่งเป็นโครงการ Mixed-Use ที่ CPAXT จะบริหารงานในส่วนของศูนย์การค้าและสำนักงานเองนั้น สอดคล้องกับหนึ่งในแผนธุรกิจของบริษัทในการสร้างศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทที่ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ โดยประเมินอัตราผลตอบแทนจากโครงการมากกว่า 10% (สอดคล้องกับเกณฑ์การลงทุนในโครงการอื่นๆ ของบริษัท) และได้ผลตอบแทนจากโครงการลงทุนแบบ Brownfield (ตั้งเป้าแล้วเสร็จภายใน 1Q69) เร็วกว่า Greenfield (4-5 ปี)

 

สำหรับการลงทุนในโครงการ Mixed-Use ในอนาคตนั้น CPAXT จะเน้นการบริหารงานในส่วนธุรกิจหลัก (ค้าปลีก) เอง และจะให้พาร์ตเนอร์ช่วยบริหารงานในส่วนที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (โรงแรม ที่พักอาศัย และสำนักงาน)

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น CPAXT ปรับขึ้น 5.61% สู่ 28.25 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 3.08% สู่ 1,352.56 จุด 

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:

 

InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติ 4Q67 จะทำจุดสูงสุดของปี 2567 ที่ 3.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 57%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และเพิ่มขึ้น 15%YoY จากยอดขายที่ดีขึ้น (SSS ในธุรกิจ B2B และ B2C โต 1.5-2%), อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น 80 BPS YoY) จากยอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้น) ซึ่งจะมากเกินพอชดเชยอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขายที่สูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 60 BPS YoY) ในธุรกิจ B2B จากการเปิดสาขามากขึ้นและค่าใช้จ่าย Omni-Channel 

 

กลยุทธ์การลงทุนยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ CPAXT โดยให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2568 อ้างอิงวิธี DCF ที่ 40 บาทต่อหุ้น (WACC 7.1% และการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลและกำลังซื้อ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการพลังงานและของเสีย ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และการบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ แนวปฏิบัติด้านแรงงาน และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (S)

 

Cafe Invest แหล่งรวมข้อมูลการลงทุนและบทวิเคราะห์คุณภาพโดย InnovestX 🚀 คลิกเลย CPAXT – เปิดเผยเป้าหมายปี 68 เชิงบวก: https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/company-analysis/company-update/cpaxt-20250117 

 

The post CPAXT – เปิดเผยเป้าหมายปี 68 เชิงบวก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ที่ประชุมสมาคม บลจ. มีมติเอกฉันท์ให้ CPAXT เป็นหุ้น Watched List ที่ต้องลงทุนด้วยความระมัดระวัง ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด สำหรับกองทุนรวม ThaiESG และ Thai CG https://thestandard.co/cpaxt-watched-list-thai-esg-thai-cg/ Wed, 25 Dec 2024 08:22:33 +0000 https://thestandard.co/?p=1023704

ชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ในฐ […]

The post ที่ประชุมสมาคม บลจ. มีมติเอกฉันท์ให้ CPAXT เป็นหุ้น Watched List ที่ต้องลงทุนด้วยความระมัดระวัง ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด สำหรับกองทุนรวม ThaiESG และ Thai CG appeared first on THE STANDARD.

]]>

ชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) ในฐานะประธานคณะกรรมการ ESG Policy & Collective Action สมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยผลการทำหน้าที่ของผู้จัดการกองทุน ปี 2567 ระบุว่า สำหรับในปี 2567 คณะกรรมการ ESG Policy & Collective Action มีการเข้าทำ Collective Engagement ในประเด็น ESG กับบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้นจำนวน 13 บริษัท รวมถึงกรณีล่าสุด บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ที่ได้เข้าประชุมร่วมกับ AIMC เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงรายละเอียดการเข้าลงทุนในบริษัท แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์ จำกัด หรือ HATF ภายใต้โครงการ The Happitat เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา 

 

โดยในกรณีนี้ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้กองทุนรวม ThaiESG และกองทุนรวม Thai CG จัดหุ้น CPAXT เป็นหุ้น Watched List (WL) ที่ต้องพิจารณาการลงทุนด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง รวมทั้งจะติดตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) กำหนดให้ CPAXT ชี้แจงจนกว่าจะมีผลการพิจารณาหรือความเห็นใดๆ จากสำนักงาน ก.ล.ต.

 

สำหรับการทำหน้าที่ของผู้จัดการกองทุน ปี 2567 ปรับปรุงแนวปฏิบัติสร้างความเข้มแข็งของอุตสาหกรรม ส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืน ยกระดับการทำงานของอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหวังเห็นพัฒนาการด้านความยั่งยืน (ESG) ของบริษัทจดทะเบียนไทยทัดเทียมสากล

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


 

ชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC)

 

ชวินดากล่าวว่า คณะกรรมการ ESG Policy & Collective Action จัดตั้งขึ้นในปี 2558 ประกอบด้วยผู้แทนจาก 23 บลจ. ที่เป็นสมาชิกของ AIMC เริ่มต้นจากการมองเห็นประเด็นปัญหาของบริษัทจดทะเบียนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน G – Governance (ธรรมาภิบาล) ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับตลาดทุนไทยในอันที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างประเทศ จึงมีการรวมตัวกันจัดตั้งคณะกรรมการชุดนี้ในระดับอุตสาหกรรม เพื่อรวมพลังนักลงทุนสถาบันให้มีความเข้มแข็ง และคาดหวังว่าจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนายกระดับตลาดทุนไทย 

 

โดยต่อมามีพัฒนาการก้าวไปจนครอบคลุมการยกระดับ ESG คณะกรรมการชุดนี้ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย แนวปฏิบัติของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ESG และร่วมกันทำหน้าที่ Collective Engagement ในกรณีที่มีข่าวหรือเหตุการณ์ที่มีประเด็นด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียนที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้ถือหน่วยลงทุน โดยจะมีการติดต่อไปยังบริษัท เพื่อซักถามข้อเท็จจริง รายละเอียด ผลกระทบ หารือมาตรการแก้ไขปัญหาและมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันในอนาคต

 

รวมถึงทำงานร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต., ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ในการนำเสนอให้มีการพัฒนาและปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้ทันสมัย ลดช่องว่าง รวมถึงยกระดับ ESG ของบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งถือเป็นการทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ สุจริต รอบคอบ ระมัดระวัง และรักษาประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหน่วยลงทุน โดยได้ดำเนินการตามแนวทางนี้ในทุกๆ กรณี และเป็นไปตามแนวทางสากลของกระบวนการลงทุนอย่างยั่งยืน

The post ที่ประชุมสมาคม บลจ. มีมติเอกฉันท์ให้ CPAXT เป็นหุ้น Watched List ที่ต้องลงทุนด้วยความระมัดระวัง ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด สำหรับกองทุนรวม ThaiESG และ Thai CG appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ทำความเข้าใจ ‘รายการที่เกี่ยวโยงกัน’ หรือ RPT ในดีล CPAXT ร่วมทุน Happitat | THE STANDARD WEALTH https://thestandard.co/morning-wealth-20122024-3/ Fri, 20 Dec 2024 04:10:21 +0000 https://thestandard.co/?p=1021755 CPAXT

มุมมองต่อดีล CPAXT ประกาศร่วมทุนโครงการ Happitat ด้านกฎ […]

The post ชมคลิป: ทำความเข้าใจ ‘รายการที่เกี่ยวโยงกัน’ หรือ RPT ในดีล CPAXT ร่วมทุน Happitat | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
CPAXT
  • มุมมองต่อดีล CPAXT ประกาศร่วมทุนโครงการ Happitat ด้านกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล รวมถึงบทบาทของหน่วยงานกำกับในกรณีนี้ พูดคุยกับ สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียน และนักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์
  • การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดอ่านหนังสือชี้ชวน และศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 . ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: ทำความเข้าใจ ‘รายการที่เกี่ยวโยงกัน’ หรือ RPT ในดีล CPAXT ร่วมทุน Happitat | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>