บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 26 Jun 2024 09:11:27 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เทียบฟอร์ม ‘จีน-อินเดีย’ 2 ยักษ์เศรษฐกิจของเอเชีย SCBAM ชี้ GDP อินเดียโตโดดเด่น เหมาะลงทุนระยะยาว พร้อมแนะเกาะติดความเสี่ยงภาคอสังหา https://thestandard.co/scbam-india-gdp-growth-analysis/ Wed, 26 Jun 2024 09:09:58 +0000 https://thestandard.co/?p=950059 SCBAM GDP

บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) แนะลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นอินเดีย […]

The post เทียบฟอร์ม ‘จีน-อินเดีย’ 2 ยักษ์เศรษฐกิจของเอเชีย SCBAM ชี้ GDP อินเดียโตโดดเด่น เหมาะลงทุนระยะยาว พร้อมแนะเกาะติดความเสี่ยงภาคอสังหา appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCBAM GDP

บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) แนะลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นอินเดีย รับอานิสงส์ GDP โตแกร่ง 3 ปี เฉลี่ย 8% ส่วนปีนี้คาดโต 7% ขณะที่นโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจมาสู่ภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น เพิ่มแต้มต่อระยะยาว พร้อมประเมินตลาดหุ้นจีนยังเหมาะลงทุนระยะสั้น เพราะความเสี่ยงภาคอสังหาริมทรัพย์อาจลากยาว กดดันตลาดหุ้นถึงปีหน้า

 

วิไล ชยางคเสน Director, ฝ่ายจัดสรรสินทรัพย์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Morning Wealth ว่า จีนและอินเดียเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของเอเชีย ซึ่งก็มีความสนใจในการลงทุนแตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาในมุมของภาพรวมเศรษฐกิจพบว่า เศรษฐกิจอินเดียมีข้อได้เปรียบมากกว่าเมื่อเทียบกับเศรษฐกิจจีน

 

วิไลกล่าวว่า เศรษฐกิจจีนในปัจจุบันเป็น Divergence Economy หรือเศรษฐกิจที่มีการเติบโตต่างกันระหว่างเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องกับต่างประเทศ โดยกลุ่มธุรกิจที่โตได้ดีคือธุรกิจส่งออก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตภายในประเทศ ขณะที่กลุ่มธุรกิจที่อาจติดลบคือกลุ่มอสังหา เนื่องจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง และราคาขายบ้านก็ปรับลดลงต่อเนื่องเช่นกัน

 

โดยรวมแล้วเป้าหมาย GDP ของจีนที่ระดับ 5% อาจเป็นไปได้ยาก

 

 

สำหรับอินเดียนั้น เศรษฐกิจเติบโตโดดเด่นสุดในเอเชีย โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจอินเดียโตเฉลี่ย 8% ส่วนปีนี้ก็คาดการณ์ว่า GDP น่าจะเติบโต 7% จากการลงทุนและการบริโภคในประเทศ ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจที่โดดเด่นนี้ถือเป็นปัจจัยบวกหลักที่ทำให้การลงทุนในอินเดียน่าสนใจ

 

นอกจากเศรษฐกิจเติบโตโดดเด่น อินเดียยังมีการเลือกตั้งที่แล้วเสร็จไปแล้วและประกาศผลไปเมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งแม้จะเป็นรัฐบาลผสม แต่ตลาดก็คาดว่านโยบายจะต่อเนื่อง และจะมีการปฏิรูปเศรษฐกิจต่อเนื่องตามแผน ซึ่งจะมาสู่ Fund Flow ที่ไหลเข้าสู่หุ้นอินเดีย

 

ทั้งนี้ตามสถิติในอดีต หลังการเลือกตั้ง Fund Flow และตลาดหุ้น จะเป็นบวก

 

SCBAM GDP

 

หุ้นอินเดีย เหมาะลงทุนยาว

 

ในส่วนของการลงทุนนั้น วิไลกล่าวว่า หุ้นจีนในระยะสั้น มี Short-term Catalyst โดยในเดือนหน้าที่จะมีการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือ Politburo ซึ่งโดยปกติจะมีการประกาศนโยบายใหม่มาพยุงภาคส่วนที่อ่อนแอ ตลาดจึงคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหา แต่ต้องมีขนาดที่ใหญ่พอที่จะกระตุ้นให้นักลงทุนเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น

 

“หุ้นจีน แม้จะเทรดระยะสั้นได้ จากข่าวดีมาตรการต่างๆ แต่ปีนี้จะเป็นปีของการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา ก็จะเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามองสำหรับหุ้นจีน เพราะถ้า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ ความรุนแรงของสงครามการค้าอาจเพิ่มขึ้น และทำให้ภาพที่มองไประยะยาวในอีก 6 เดือน หรือถึงปีหน้า หุ้นจีนจะยังคงถูกปัจจัยกดดัน” วิไลกล่าว

 

สำหรับหุ้นอินเดีย มองเป็นการลงทุนระยะยาว ถ้าตลาดย่อตัวหรือปรับฐานก็เข้าซื้อเรื่อยๆ แม้จะมีคนบอกว่าแพง แต่สิ่งที่กำลังแบ็กอัพ Trade Premium ก็คือการเติบโตที่โดดเด่นกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค รวมถึงนโยบายปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้มาเป็นเศรษฐกิจที่เป็นอุตสาหกรรมหรือภาคการผลิตมากขึ้น เป็นธีมระยะยาวที่ถือลงทุนได้

The post เทียบฟอร์ม ‘จีน-อินเดีย’ 2 ยักษ์เศรษฐกิจของเอเชีย SCBAM ชี้ GDP อินเดียโตโดดเด่น เหมาะลงทุนระยะยาว พร้อมแนะเกาะติดความเสี่ยงภาคอสังหา appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCBAM เตรียมเปิดกองทุนตราสารหนี้นอกตลาดเป็นกองแรกของไทย เสนอขาย 9-16 พ.ค. นี้ https://thestandard.co/scbam-new-bond-fund/ Fri, 03 May 2024 05:59:12 +0000 https://thestandard.co/?p=929544

บลจ.ไทยพาณิชย์ ชวนลงทุนตราสารหนี้นอกตลาด ดักแนวโน้มดอกเ […]

The post SCBAM เตรียมเปิดกองทุนตราสารหนี้นอกตลาดเป็นกองแรกของไทย เสนอขาย 9-16 พ.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

บลจ.ไทยพาณิชย์ ชวนลงทุนตราสารหนี้นอกตลาด ดักแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ ทรงตัวระดับสูงต่อเนื่องถึงสิ้นปีนี้ เตรียมเปิดกองทุนใหม่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Senior Loan ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ SCBSNLOAN เสนอขาย 9-16 พฤษภาคมนี้

 

เมื่อวันที่ 30 เมษายน – 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ได้แถลงการณ์ โดยระบุว่า Fed มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ถือเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 6 ขณะเดียวกัน ประธาน Fed ย้ำชัดเจนว่า Fed ไม่มีท่าทีในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป

 

ภูดินันท์ สัจยากร Director, ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM) เปิดเผยผ่านรายการ Morning Weath ว่า จากผลประชุม FOMC ครั้งนี้ ทำให้ตลาดมีมุมมองต่ออัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ แตกต่างกันไป โดยมุมที่เหมือนกันคือต่างเชื่อมั่นว่าโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ในปีนี้ไม่มีอีกแล้ว หรือเรียกได้ว่า Fed ปิดประตูขึ้นดอกเบี้ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ส่วนในเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ ตลาดยอมรับว่ายังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาต่อไป

 

ส่วนมุมมองที่ตลาดมองต่างก็คือแนวโน้มการลดดอกเบี้ย โดยล่าสุดตลาดมองว่าการลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ น่าจะเกิดขึ้นเร็วสุดในเดือนกันยายนหรือเดือนพฤศจิกายน และจำนวนการลดก็ต่างกัน ซึ่งจากมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยดังที่กล่าวจะส่งผลกระทบต่อตลาดทุน

 

ภูดินันท์กล่าวว่า จากแนวโน้มนโยบายดอกเบี้ยของ Fed บลจ.ไทยพาณิชย์ จึงแนะนำการลงทุนทางเลือกใหม่ คือลงทุนในตลาดสารหนี้นอกตลาด หรือ Private Credit โดย บลจ.ไทยพาณิชย์ จะเปิดเสนอขายกองทุนใหม่ คือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Senior Loan ห้ามขายนักลงทุนรายย่อย หรือ SCBSNLOAN

 

จุดเด่นของกองทุน SCBSNLOAN เป็นการลงทุนในสินเชื่อแบบที่ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ เป็นกองทุนรวมไทยประเภท Private Credit กองทุนแรกที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง สามารถให้นักลงทุนซื้อขายได้ทุกวันทำการ

 

ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Senior Loan ห้ามขายนักลงทุนรายย่อย หรือ SCBSNLOAN จะเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 9-16 พฤษภาคมนี้

 

 

ภูดินันท์กล่าวอีกว่า ตราสารหนี้นอกตลาดจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรับดอกเบี้ยในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงก็คือผู้ออกตราสารยังคงมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ Default ได้เช่นกัน เนื่องจากเป็น Non Investment Grade อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับ High Yield Bond แล้ว ตราสารหนี้นอกตลาดจะมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า เพราะมีอัตราการได้รับเงินคืน (กรณีเกิดการนัดชำระหนี้) สูงกว่า

 

“หากถามว่า Senior Loan ต่างหรือไม่ต่างจาก High Yield Bond อย่างไรบ้าง สิ่งที่ต่างก็คืออายุตราสาร ซึ่ง Senior Loan จะสั้นกว่า High Yield Bond และมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และในเรื่องความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระนั้นก็มีเหมือนกัน เพราะผู้ออกตราสารเป็น Non Investment Grade แต่ Senior Loan จะมีอัตราการได้รับเงินคืนสูงกว่า”

 

 

นอกจากนี้ Senior Loan ยังมีความเสี่ยงในเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขายด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นสินทรัพย์นอกตลาดจึงทำให้มีสภาพคล่องที่จำกัดมากกว่าสินทรัพย์ในตลาด อย่างไรก็ตาม ตลาด Senior Loan ในสหรัฐฯ มีการซื้อขายกันสูงมาก สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ จึงไม่น่ากังวลมากนัก

The post SCBAM เตรียมเปิดกองทุนตราสารหนี้นอกตลาดเป็นกองแรกของไทย เสนอขาย 9-16 พ.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดกองทุนใหม่ SCBMONEY กองทุนตราสารตลาดเงิน เสริมสภาพคล่องพอร์ต เสนอขาย 16-27 ก.พ. 67 https://thestandard.co/scbam-scbmoney/ Fri, 16 Feb 2024 10:30:55 +0000 https://thestandard.co/?p=900797

บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดกองทุนใหม่ SCBMONEY กองทุนตราสารตลาด […]

The post บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดกองทุนใหม่ SCBMONEY กองทุนตราสารตลาดเงิน เสริมสภาพคล่องพอร์ต เสนอขาย 16-27 ก.พ. 67 appeared first on THE STANDARD.

]]>

บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดกองทุนใหม่ SCBMONEY กองทุนตราสารตลาดเงิน เสริมสภาพคล่องพอร์ต สร้างโอกาสรับผลตอบแทนได้ในทุกจังหวะลงทุน พร้อมเสนอขาย 16-27 ก.พ. 67

 

ทิศทางโดยรวมของตลาดหุ้นปีนี้ปรับตัวขึ้น และมี Sentiment การลงทุนที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตลาดหุ้นของประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และยุโรป และกลุ่มตลาดหุ้นของประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น เกาหลีใต้ เวียดนาม อินเดีย ที่มีปัจจัยจากการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/66 ที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ ในขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในจุดที่ต้องเฝ้าระวังจากแนวโน้มการชะลอตัว รวมถึงปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวน 

 

นันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า จากบริบทดังกล่าว จึงแนะนำให้จัดพอร์ตลงทุนผ่านการทำ Asset Allocation กับกลุ่มสินทรัพย์คุณภาพดีที่มีแนวโน้มเติบโต และเสริมสภาพคล่องให้พอร์ตเพื่อเข้าลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม ก็จะทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายได้ 

 

ดังนั้น SCBAM จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ตราสารตลาดเงิน หรือ SCBMONEY กองทุนทางเลือกในการพักเงิน พร้อมสับเปลี่ยนเข้าลงทุนได้ทันในทุกจังหวะ และยังมีโอกาสคาดหวังผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากทั่วไปอีกด้วย โดยมีกำหนดเสนอขายครั้งแรกวันที่ 16-27 กุมภาพันธ์ 2567 

 

กองทุน SCBMONEY กองทุนตลาดเงินในประเทศ ที่เน้นลงทุนเงินฝากและกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ไทยทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ A- ขึ้นไป โดยมีอายุเฉลี่ยของกองทุนน้อยกว่า 3 เดือน โดยกองทุนจะคัดเลือกตราสารจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและมูลค่าของสินทรัพย์ พิจารณาถึงความน่าเชื่อถือ งบการเงินของผู้ออกตราสาร และแนวโน้มของอุตสาหกรรม เปรียบเทียบมูลค่าของตราสารจาก Yield หรือ Credit Spread เพื่อหาตราสารที่มีมูลค่าเหมาะสม หรือต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงเพื่อเข้าลงทุน อีกทั้งกองทุนมีการควบคุมความเสี่ยงจากการวิเคราะห์อัตราส่วนสภาพคล่องที่เหมาะสมกับกองทุน จึงทำให้กองทุนมีสภาพคล่องสูง จึงสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ และได้รับเงินขายคืนใน 1 วันทำการ

 

“กองทุน SCBMONEY เป็นกองทุนรวมความเสี่ยงต่ำระดับ 1 จึงมีความผันผวนของมูลค่าหน่วยลงทุนที่ต่ำและมีสภาพคล่องสูง การมีกองทุน SCBMONEY ติดพอร์ต จึงเปรียบเสมือนการมีเงินสดในบัญชีที่พร้อมใช้สำหรับสับเปลี่ยนระหว่างกองทุน อีกทั้ง กองทุนสามารถรับรู้ผลตอบแทนได้ในทุกวัน ซึ่งจะแตกต่างกับดอกเบี้ยเงินฝากที่ได้รับเป็นรอบ และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไปจากการกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ จึงเหมาะใช้เป็นกองทุนพักเงินที่มีโอกาสรับผลตอบแทนระหว่างรอเข้าลงทุนได้อีกด้วย” นันท์มนัสกล่าว

 


 

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับหนังสือชี้ชวนได้ทุกวันทำการที่ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ บลจ.ไทยพาณิชย์ หรือติดต่อหมายเลข 0 2777 7777 หรือผู้สนับสนุนการขายทุกราย หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://scbam.info/3wmecwk

 

สนใจลงทุนด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click หรือเปิดบัญชีลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click ได้ที่ https://scbam.link/scbam_fund_click

The post บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดกองทุนใหม่ SCBMONEY กองทุนตราสารตลาดเงิน เสริมสภาพคล่องพอร์ต เสนอขาย 16-27 ก.พ. 67 appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCBAM มองเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณชะลอตัว ชี้ตลาดหุ้นเสี่ยงผันผวนจากหลายปัจจัยกดดัน แนะธีมลงทุนเน้นปัจจัยเชิงคุณภาพ https://thestandard.co/scbam-looks-at-the-us-economy/ Mon, 29 May 2023 05:49:11 +0000 https://thestandard.co/?p=796420 เศรษฐกิจสหรัฐ

บลจ.ไทยพาณิชย์ ชี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเผชิญความท้าทาย ส่ […]

The post SCBAM มองเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณชะลอตัว ชี้ตลาดหุ้นเสี่ยงผันผวนจากหลายปัจจัยกดดัน แนะธีมลงทุนเน้นปัจจัยเชิงคุณภาพ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เศรษฐกิจสหรัฐ

บลจ.ไทยพาณิชย์ ชี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเผชิญความท้าทาย ส่งสัญญาณชะลอตัว มีหลายปัจจัยกดดันทำตลาดหุ้นผันผวน จับตา Fed ประชุมดอกเบี้ย 13-14 มิถุนายนนี้ แนะนำกองทุน SCB Global Quality Equity รับมือความผันผวน 

 

ปิยะภัทร์ ภัทรภูวดล Director, ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ (SCBAM) เปิดเผยผ่านรายการ Morning Wealth ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจในไตรมาส 2/23 ของสหรัฐฯ ประเมินว่ามีทั้งปัจจัยบวกและยังเผชิญปัจจัยท้าทายหลายประเด็น โดยปัจจัยบวกคือ ตัวเลข GDP ไตรมาส 1/23 ที่รายงานออกมาในรอบที่ 2 ของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยขยาย 1.3% จากรอบที่ 1 ที่รายงานออกมาขยายตัว 1.1% 

 

ขณะที่แนวโน้ม GDP ไตรมาส 2/23 ของสหรัฐฯ คาดการณ์ผ่าน GDP Now ประเมินว่าจะขยายตัว 6.9% จากไตรมาส 1/23 (QoQ) โดยจะยังไม่เห็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ดังนั้นความเสี่ยงที่หากจะเกิด Recession ขึ้นในสหรัฐฯ กรณีที่รวดเร็วที่สุดจะอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลลงได้บ้างว่า  Recession จะเกิดช้ากว่าที่เคยคาดไว้

 

อย่างไรก็ดี มีตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจของสหรัฐฯ บางตัวที่รายงานออกมาที่อ่อนแอในภาคการผลิต เช่น ดัชนี PMI รวมทั้งตัวเลขดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจ (Leading Economic Indicator: LEI) เริ่มเห็นการลดลงของตัวเลขอย่างต่อเนื่อง จึงมีโอกาสที่จะเห็น GDP ของสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวลงได้ในระยะถัดไป

 

สำหรับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 13-14 มิถุนายนนี้ จะเป็นจุดสำคัญที่ต้องติดตามผลประชุมดอกเบี้ย รวมถึงการเปิดเผยรายงานมุมมองแนวโน้มดอกเบี้ยในระยะต่อไป หรือ Fed Dot Plot ด้วย หลังจากที่ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดเริ่มกลับมาให้น้ำหนักว่า Fed จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หลังจากก่อนหน้านี้คาดว่าจะหยุดการขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ​ กลับมาเร่งตัวขึ้น รวมถึงปัญหาเพดานหนี้ (Debt Ceiling) ของสหรัฐฯ ที่สามารถเจรจาบรรลุข้อตกลงได้แล้ว ส่งผลให้การดำเนินนโยบายการเงินของ Fed ไม่จำเป็นต้องมีความระมัดระวังมากเท่ากับในช่วงที่ยังมีประเด็นปัญหา Debt Ceiling อยู่

 

ขณะที่ปัญหา Debt Ceiling ในสหรัฐฯ ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนานและต่อเนื่อง แต่ที่ผ่านมายังสามารถบรรลุข้อตกลงได้ทุกครั้ง ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการเจรจาอาจสร้างความกังวลและกดดันให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นได้เช่นกัน 

 

ด้านภาพรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1/23 ที่ออกมาสัดส่วนประมาณ 90% ในดัชนี S&P500 ในส่วนของรายได้รวมมีการเติบโตขึ้นประมาณ 4.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/20 ขณะที่กำไรสุทธิออกมามีอัตราการเติบโตติดลบประมาณ  2.1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการลดลงของกำไรสุทธิใน 2 ไตรมาสติดต่อกัน

 

อย่างไรก็ดี ตัวเลขกำไรของ บจ.ไตรมาส 1/23 ในดัชนี S&P 500 ที่ออกมาจริงมีสัดส่วน 76% ของบริษัทที่รายงานออกมามีรายได้ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อีกทั้งมีบริษัทสัดส่วนประมาณ 78% รายงานกำไรสุทธิออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

 

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนในช่วงนี้ ส่งผลกดดันให้เห็นภาพของความผันผวนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดังนั้นธีมการลงทุนแนะนำให้เน้นการให้ความสำคัญในปัจจัยเชิงคุณภาพ โดยพิจารณาการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีลักษณะดังนี้ 

 

  1. มีผลตอบต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่สูง 
  2. มีการเติบโตของผลประกอบการที่มั่นคง 
  3. มีอัตราการกู้ยืมที่ต่ำ (Low Leverage) 

 

โดยมีกองทุนแนะนำคือ SCB Global Quality Equity ซึ่งจะเข้าไปลงทุนในกองทุน iShares Edge MSCI World Quality Factor UCITS ETF ซึ่งจะเป็น ETF ที่ลงทุนใน Index ที่มีการคัดเลือกหุ้นที่เน้นจากปัจจัยเชิงคุณภาพดังกล่าวข้างต้น ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้ภาพการลงทุนสามารถทนแรงเสียดทานจากความไม่แน่นอนในช่วงนี้ได้ ขณะที่หุ้นที่ ETF มีการลงทุนในหุ้นที่มีความผสมผสานทั้งหุ้น TECH ขนาดใหญ่ เช่น Microsoft, Meta, Apple และ Google รวมทั้งหุ้นกลุ่มการเงิน, กลุ่มเฮลท์แคร์ และยังมีการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive อื่นๆ เป็นทางเลือกการลงทุนในช่วงนี้

The post SCBAM มองเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณชะลอตัว ชี้ตลาดหุ้นเสี่ยงผันผวนจากหลายปัจจัยกดดัน แนะธีมลงทุนเน้นปัจจัยเชิงคุณภาพ appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCB Julius Baer คว้ารางวัล Best International Private Bank ย้ำความโดดเด่น-เป็นเลิศด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในไทย https://thestandard.co/scb-julius-baer-best-international-private-bank/ Mon, 10 Apr 2023 07:33:14 +0000 https://thestandard.co/?p=774930 SCB Julius Baer

บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Jul […]

The post SCB Julius Baer คว้ารางวัล Best International Private Bank ย้ำความโดดเด่น-เป็นเลิศด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCB Julius Baer

บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCB Julius Baer) ประกาศความสำเร็จในการคว้ารางวัล ‘ความเป็นเลิศด้านผู้ให้บริการไพรเวตแบงก์ระดับสากลในประเทศไทย’ (Best International Private Bank – Thailand) จากเวทีชั้นนำระดับโลก ‘2022 Asian Private Banker 12th Awards for Distinction’ ซึ่งจัดโดย The Asian Private Banker ผู้ให้บริการข้อมูลและโซลูชันด้านเวลท์เมเนจเมนต์ชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย ที่เฟ้นหาและเชิดชูไพรเวตแบงก์ระดับสากลที่มีความโดดเด่นและเป็นเลิศด้านธุรกิจไพรเวตแบงกิ้ง สามารถบริหารความมั่งคั่งในตลาดเมืองไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับธุรกิจท่ามกลางความท้าทายของตลาดในทุกสถานการณ์ ด้วยบริการและโซลูชันบริหารความมั่งคั่งที่ครอบคลุมและมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับระดับสากลของ SCB Julius Baer ที่สามารถช่วยวางแผนการเงินและส่งต่อความมั่งคั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพให้กับกลุ่มลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในเมืองไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนสามารถคว้ารางวัลอันทรงเกียรติในครั้งนี้

 

ลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า SCB Julius Baer รู้สึกยินดีและภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัล 2022 Asian Private Banker 12th Awards for Distinction สาขา Best International Private Bank – Thailand ในครั้งนี้ 

 

นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการนำเสนอบริการบริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจรให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูงของเมืองไทย (UHNWIs และ HNWIs) ผ่านการนำความรู้ ความเชี่ยวชาญ ตลอดจนประสบการณ์ในการดูแลลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงด้วยมาตรฐานระดับโลกของ Julius Baer ไพรเวตแบงกิ้งชั้นนำจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาผสานเข้ากับจุดแข็งของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่มีความเข้าใจกลุ่มลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทยอย่างลึกซึ้ง นำเสนอเป็นโซลูชันและกลยุทธ์บริหารความมั่งคั่งระดับสูงที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคล โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อดูแล เพิ่มคุณค่า ตลอดจนขยายโอกาสในการลงทุนทั่วโลกแบบไร้พรมแดนให้กับลูกค้าของ SCB Julius Baer โดยเราพร้อมช่วยให้ลูกค้าคนสำคัญสามารถวางแผนส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน 

 

ความสำเร็จครั้งนี้นับเป็นการตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในประเทศไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

The post SCB Julius Baer คว้ารางวัล Best International Private Bank ย้ำความโดดเด่น-เป็นเลิศด้านธุรกิจบริหารความมั่งคั่งระดับสูงในไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
บลจ.ไทยพาณิชย์ แจงมีกองทุนเอี่ยวลงทุน AT1 ของ Credit Suisse สัดส่วนต่ำมาก ยันผลกระทบน้อย เร่งลงทุนตราสารหนี้อื่นชดเชย https://thestandard.co/scbam-explain-investing-at1/ Thu, 23 Mar 2023 11:50:41 +0000 https://thestandard.co/?p=767523

บลจ.ไทยพาณิชย์ ระบุมีการลงทุนใน AT1 ของ Credit Suisse ท […]

The post บลจ.ไทยพาณิชย์ แจงมีกองทุนเอี่ยวลงทุน AT1 ของ Credit Suisse สัดส่วนต่ำมาก ยันผลกระทบน้อย เร่งลงทุนตราสารหนี้อื่นชดเชย appeared first on THE STANDARD.

]]>

บลจ.ไทยพาณิชย์ ระบุมีการลงทุนใน AT1 ของ Credit Suisse ที่โดน Write-Down แต่สัดส่วนต่ำมากเพียง 0.05-1.8% ต่อกอง ยันมีผลกระทบน้อยมาก เตรียมใช้จังหวะดอกเบี้ยขึ้นหาตราสารหนี้ดอกเบี้ยสูงมาชดเชยผลตอบแทนที่หายไป

 

อาชวิณ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการตลาดและช่องทางการขาย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลว่ากองทุนเปิดไทยพาณิชย์เครดิต ออพพอทูนิตี้ (SCBOPP) ของบริษัทที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกู้ด้อยสิทธิเพื่อนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 (AT1) ของ Credit Suisse ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 5% ของกองทุนนั้น เป็นข้อมูลเก่าที่ยังไม่ได้อัปเดต 

 

โดยที่ผ่านมามีการทยอยขายออกไปส่งผลให้ปัจจุบันกองทุน SCBOPP มีสัดส่วนเหลือ 1.80% ของกองทุน ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงสุดของกองทุนของบริษัทที่มีการลงทุนใน AT1 ของ Credit Suisse แล้ว ส่วนกองทุนอื่นๆ ที่มีการลงทุนมีสัดส่วนที่ค่อนข้างต่ำมากระหว่าง 0.05-0.3% ต่อกองเท่านั้น อีกทั้งในจังหวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นก็จะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบที่สูงเพื่อชดเชยผลกระทบดังกล่าว ดังนั้นจึงทำให้มีผลกระทบที่เกิดขึ้นน้อยมาก

 

“ผู้จัดการกองทุนก็ได้ให้ความเห็นกลับมาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Credit Suisse เป็นไปตามกลไกของตลาด ส่วน AT1 ของ Credit Suisse ที่มีการ Write-Down ไปทางรัฐบาลของสวิสก็มีการจัดลำดับความสำคัญในการบริหารจัดการไว้แล้ว ถามว่าการเข้าไปลงทุนใน AT1 เกิดขึ้นได้อย่างไรก็เป็นมุมมองของผู้จัดการของกองทุนในการตัดสินใจ ซึ่งการลงทุนก็มีทั้งถูกต้องบ้างหรือผิดบ้าง แต่เป็นการลงทุนที่อยู่ภายใต้กรอบความเสี่ยงที่รับได้ของนโยบายกองทุน”

 

ด้าน ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) จะเติบโตขึ้นประมาณ 3-5% จากปี 2565 ที่มี AUM ที่ราว 1.61-1.62 ล้านล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็นกองทุนรวม (MF) ที่ 8.92 แสนล้านบาท, กองทุนส่วนบุคคล (PF) ที่ 5.35 แสนล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) ที่ 1.83 แสนล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอัน 1 อยู่ที่ 19.58% และมี AUM สูงที่สุด

 

สำหรับปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของ AUM ในปีนี้ จะมาจากความสนใจลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มากขึ้น หลังจากดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่ม รวมถึงหากเริ่มเห็นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ถึงจุดในช่วงไตรมาส 3/66 นี้มีโอกาสที่จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นฟื้นตัว ทำให้กองทุนที่ลงทุนในหุ้นกลับมาได้รับความสนใจเพิ่มอีกครั้ง 

 

นอกจากนี้ บลจ. จะทำงานผ่านช่องทางการขายกับธนาคารไทยพาณิชย์เพิ่มขึ้น และจะขยายจำนวนของตัวแทนขายอิสระหน่วยลงทุนให้เพิ่มขึ้น รวมถึงผ่านทาง SCBAM โดยตรงผ่านแอป SCBAM Fund Click โดยปัจจุบันมีบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวมากกว่าหมื่นบัญชีแล้ว

 

อย่างไรก็ดี มีแผนที่จะสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งจะเน้นการเพิ่มขยายฐานจำนวนลูกค้าจากปัจจุบันที่มีประมาณ 7 แสนราย โดยใน 2 ปีข้างหน้าตั้งเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 1 ล้านราย

 

ทั้งนี้ การขยายฐานเติบโตจากนี้จะอาศัยการขยายฐานลูกค้าเป็นหลักสำคัญ ตั้งเป้าหมายจะขยายฐานให้แตะระดับ 1 ล้านรายภายในปี 2567 จากปัจจุบันที่มีลูกค้ากว่า 6 แสนราย ผ่านช่องทางตัวแทนขาย ตัวแทนอิสระ รวมถึงผ่านทาง SCBAM โดยตรงผ่านแอป SCBAM Fund Click โดยปัจจุบันมีบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวมากกว่าหมื่นบัญชีแล้ว

 

สำหรับการลงทุนในปัจจุบัน แนะนำให้ลดการถือเงินสดลงแล้วลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้น แบ่งเป็นตราสารหนี้สัดส่วน 45% เนื่องจากมองว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯ เริ่มเข้าใกล้ถึงจุดสูงสุด และคาดว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะลดลงในครึ่งหลังของปีนี้ อีกทั้งให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศ รวมทั้งหุ้นไทยอีกสัดส่วน 45% เพราะหลังสิ้นสุดการขึ้นดอกเบี้ยจะเริ่มมีการออกนโยบายเพื่อกระตุ้นฟื้นเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลบวกจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคที่เติบโต และส่วนที่เหลืออีก 10% แบ่งลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย เช่น ทองคำ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

The post บลจ.ไทยพาณิชย์ แจงมีกองทุนเอี่ยวลงทุน AT1 ของ Credit Suisse สัดส่วนต่ำมาก ยันผลกระทบน้อย เร่งลงทุนตราสารหนี้อื่นชดเชย appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์’ มองโลกปี 66 ไร้ภาวะถดถอย เงินเฟ้อชะลอ ดอกเบี้ยขึ้นแผ่ว แนะลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนและหุ้นคุณภาพดี https://thestandard.co/scb-julius-baer-global-recession-2566/ Fri, 24 Feb 2023 06:00:58 +0000 https://thestandard.co/?p=754883 ‘ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์’

ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ มองตลาดโลกปี 2566 เป็น ‘The Yea […]

The post ‘ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์’ มองโลกปี 66 ไร้ภาวะถดถอย เงินเฟ้อชะลอ ดอกเบี้ยขึ้นแผ่ว แนะลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนและหุ้นคุณภาพดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์’

ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ มองตลาดโลกปี 2566 เป็น ‘The Year of Cool-Down’ คาด GDP โลกโตได้ 2% และไม่เกิด Global Recession แนะลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนและหุ้นที่มีคุณภาพดี รวมถึงหุ้นกลุ่มวัฏจักรที่มีโอกาสจะฟื้นตัวในอนาคต

 

ลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด กล่าวว่า ปี 2565 มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน เช่น สถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะ Stagflation, นโยบายการเงินที่ตึงตัว, ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ และปัญหาการเมืองในประเทศ นับเป็นปีที่ยากต่อการคาดการณ์มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย

 

อย่างไรก็ดี จูเลียส แบร์ มีมุมมองว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2566 จะเป็น The Year of Cool-Down โดยคาดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมานั้นจะเริ่มชะลอตัวลง อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในทิศทางที่ชะลอลง จากนโยบายการเงินที่ตึงตัว และผลกระทบด้านซัพพลายเชนที่เกิดจากโรคระบาดใหญ่นั้นใกล้หมดลง ทำให้นโยบายการเงินจะกลับมาในระดับปกติมากขึ้นคือ ไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยแรงและมากแบบในปีที่แล้ว โดยคาดว่าในปี 2566 เศรษฐกิจโลกจะเติบโตประมาณ 2% 

 

ทั้งนี้ ยังคงเป็นที่คาดการณ์กันในวงกว้างว่าในปีนี้จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอเมริกา (Recession) ซึ่งเกิดจากนโยบายการเงินที่ตึงตัว อัตราดอกเบี้ยที่สูงจะทำให้การบริโภคชะลอตัวลง แต่จากบทเรียนในปีที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากในการคาดการณ์เรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการคาดการณ์ระยะสั้น ในมุมมองของจูเลียส แบร์ คาดว่าอาจจะไม่เกิด Global Recession เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมยังคงแข็งแกร่ง ทำให้ยังเกิดการบริโภคภายในประเทศเหล่านี้ และโครงสร้างทางเศรษฐกิจในแต่ละประเทศและภูมิภาคที่แตกต่างกัน ทำให้เป็นไปได้ยากที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่พร้อมเพรียงกัน (Synchronize)

 

“ด้านการลงทุนเราแนะนำให้ใช้จังหวะนี้ในการเข้าลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่คุณภาพดี ที่มีการปรับตัวลงมาทำให้มีระดับของผลตอบแทนที่น่าสนใจมากกว่าค่าเฉลี่ยในรอบหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นในภาพรวมหลังจากการปรับลดระดับมูลค่า (Valuation) ลงมาอยู่ในระดับค่าเฉลี่ยที่น่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีความเสี่ยงในเรื่องการปรับลดกำไรลง ทำให้ตลาดหุ้นอาจจะเกิดความผันผวนได้” ลลิตภัทรกล่าว 

 

ลลิตภัทรกล่าวอีกว่า นักลงทุนควรเน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพดีที่มีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและมีอำนาจในการตั้งราคา ในขณะเดียวกันควรมองหาโอกาสในการลงทุนหุ้นกลุ่มวัฏจักรที่มีโอกาสจะฟื้นตัวตามสภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงปี 2567 เช่น กลุ่มยานยนต์ กลุ่มอุปกรณ์และเครื่องจักรที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบ Automation และกลุ่มการขนส่งในส่วนของการลงทุนที่เป็นเทรนด์ระยะยาว 

 

รวมถึงยังคงมุมมองเชิงบวกในธีมการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) เมืองแห่งอนาคตที่ยังมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล เช่น Robotic, Cloud Computing และธีมการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์การดูแลและรักสุขภาพให้ยาวนาน เช่น การพัฒนาด้านจีโนมิกส์ (Genomics) ที่ยังคงมีการค้นคว้าวิจัยเพื่อรักษาโรคเรื้อรังอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

The post ‘ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์’ มองโลกปี 66 ไร้ภาวะถดถอย เงินเฟ้อชะลอ ดอกเบี้ยขึ้นแผ่ว แนะลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนและหุ้นคุณภาพดี appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCBS ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น InnovestX ตั้งแต่ 12 ก.ย. นี้ พร้อมขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียน https://thestandard.co/scbs-to-innovestx-12-september/ Tue, 06 Sep 2022 06:45:10 +0000 https://thestandard.co/?p=676968

บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ประกาศเปลี่ยนช […]

The post SCBS ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น InnovestX ตั้งแต่ 12 ก.ย. นี้ พร้อมขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียน appeared first on THE STANDARD.

]]>

บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) และมีชื่อย่อ INVX โดยจะมีผลในระบบเทรด ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และเอกสารการทำธุรกรรมต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2565 เป็นต้นไป

 

การเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ในครั้งนี้ สอดรับกับทิศทางนโยบายของกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX) ที่มุ่งมั่นสู่การเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงินระดับภูมิภาค เพื่อเตรียมความพร้อมขยายธุรกิจการเงินการลงทุนสู่ตลาดอาเซียน เพิ่มขีดความสามารถองค์กรให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ และส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า นักลงทุน ตอบรับกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกในยุคปัจจุบัน ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีการเงิน และพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งล้วนเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโลกการเงินแห่งอนาคต 

 

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงชื่อของบริษัทไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับธุรกรรมการลงทุน พอร์ตการลงทุนเดิม เอกสารต่างๆ ตลอดจนสิทธิประโยชน์ของลูกค้าที่มีกับบริษัทแต่อย่างใด โดยลูกค้ายังสามารถใช้บริการต่างๆ จากบริษัท รวมถึงแอปพลิเคชันลงทุนภายใต้ชื่อ Easy Invest ได้ตามปกติ

 

ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เตรียมแถลงนโยบายยุทธศาสตร์องค์กร พร้อมเปิดตัวแอปพลิเคชันลงทุนใหม่ เร็วๆ นี้

The post SCBS ประกาศเปลี่ยนชื่อเป็น InnovestX ตั้งแต่ 12 ก.ย. นี้ พร้อมขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัว โอกาสการลงทุนยังมีหรือไม่ https://thestandard.co/morning-wealth-13062022-3/ Mon, 13 Jun 2022 04:58:28 +0000 https://thestandard.co/?p=641111 SCB

เมื่อภาวะเงินเฟ้อกระจายทั่วโลก ราคาพลังงานสูง และการชะล […]

The post ชมคลิป: ภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัว โอกาสการลงทุนยังมีหรือไม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCB

เมื่อภาวะเงินเฟ้อกระจายทั่วโลก ราคาพลังงานสูง และการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ กระทบต่อการลงทุนอย่างไร พูดคุยกับ ศุภรัตน์ อารีย์วงศ์ Executive Director กลุ่มกลยุทธ์การตลาดและผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์

 

แก้ไขข้อมูล วันเสนอขายครั้งแรกของกองทุน SCBGQUAL โดยดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.scbam.com หรือ SCBAM Client Relations 0 2777 7777 กด 0 กด 6

 

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post ชมคลิป: ภาวะเศรษฐกิจยังชะลอตัว โอกาสการลงทุนยังมีหรือไม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: เปิดศักราชใหม่ หุ้นไทยยังน่าสนใจอยู่ไหม https://thestandard.co/morning-wealth-25012022-2/ Tue, 25 Jan 2022 04:43:14 +0000 https://thestandard.co/?p=586311 หุ้นไทย

‘เปิดศักราชใหม่ หุ้นไทยยังน่าสนใจอยู่ไหม’ หุ้นกลุ่มใดที […]

The post ชมคลิป: เปิดศักราชใหม่ หุ้นไทยยังน่าสนใจอยู่ไหม appeared first on THE STANDARD.

]]>
หุ้นไทย

‘เปิดศักราชใหม่ หุ้นไทยยังน่าสนใจอยู่ไหม’ หุ้นกลุ่มใดที่น่าสนใจเป็นพิเศษ พูดคุยกับ สุทธินีย์ ลิมปพัทธ์ Executive Director กลุ่มจัดการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด

 

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดอ่านหนังสือชี้ชวนและศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

 

ติดตามรายการ Morning Wealth ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-08.00 น. ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post ชมคลิป: เปิดศักราชใหม่ หุ้นไทยยังน่าสนใจอยู่ไหม appeared first on THE STANDARD.

]]>