บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 12 Jul 2023 11:17:11 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 กลุ่มทิสโก้โกยกำไรครึ่งปีแรก 3,646 ล้านบาท เผยสินเชื่อโต 5.2% จากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และจำนำทะเบียน https://thestandard.co/tisco-group-profit-first-half-2023/ Wed, 12 Jul 2023 11:17:11 +0000 https://thestandard.co/?p=816029 กลุ่มทิสโก้

กลุ่มทิสโก้แจ้งผลประกอบการครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 3,646 ล […]

The post กลุ่มทิสโก้โกยกำไรครึ่งปีแรก 3,646 ล้านบาท เผยสินเชื่อโต 5.2% จากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และจำนำทะเบียน appeared first on THE STANDARD.

]]>
กลุ่มทิสโก้

กลุ่มทิสโก้แจ้งผลประกอบการครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 3,646 ล้านบาท สินเชื่อโต 5.2% จากกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ พร้อมรุกตลาดสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค และขยายสาขาสมหวัง เงินสั่งได้ ต่อในครึ่งปีหลัง

 

ศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 3,646 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสินเชื่อขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 5.2% จากความต่อเนื่องของการเติบโตในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ รวมถึงสินเชื่อรถมือสองและสินเชื่อรถจักรยานยนต์ บริษัทมีรายได้รวมปรับตัวสูงขึ้น ถึงแม้ต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 

 

โดยกลุ่มทิสโก้เร่งขยายธุรกิจในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนภายใต้แบรนด์ ‘สมหวัง เงินสั่งได้’ ที่เปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 100 สาขา และยอดสินเชื่อเติบโตกว่า 12% ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยมีระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 2.2% ซึ่งบริษัทมีระดับค่าเผื่อสำรองหนี้สงสัยจะสูญพร้อมรองรับความเสี่ยงจากทุกปัจจัยรอบด้าน ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมยังมีความอ่อนแอตามภาวะตลาดทุนโดยรวมที่ยังไม่เอื้ออำนวย

 

สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2566 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้มากกว่าครึ่งปีแรก โดยทิสโก้ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ราว 3.5-4% ด้วยแรงส่งหลักจากการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง 

 

อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลทำให้การลงทุนภาครัฐและการใช้จ่ายงบประมาณทั้งงบประจำและงบลงทุนต้องล่าช้าออกไป ทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ ตลอดจนการปรับเพิ่มของดอกเบี้ยอย่างเร็วแรงในตลาดโลกที่อาจก่อให้เกิด Unintended Consequences เป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ในขณะที่ราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวสูงขึ้นยังเป็นแรงกดดันต่อค่าครองชีพและความสามารถในการชำระหนี้ของครัวเรือนไทย ในภาวะที่หนี้ครัวเรือนโดยรวมอยู่ในระดับที่สูงเช่นในปัจจุบัน 

 

“กลุ่มทิสโก้จะยังมุ่งเน้นการเติบโตด้วยความมั่นคงและยั่งยืน โดยเราจะมีการเร่งขยายสาขาสมหวัง เงินสั่งได้ เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อในระบบแก่ชุมชนและธุรกิจรายย่อย ตามหลัก Responsible Lending และการแก้หนี้ภาคครัวเรือนอย่างยั่งยืนเพื่อไม่ให้เป็นหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt) ผ่านการรวมหนี้เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้า” ศักดิ์ชัยกล่าว

 

สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ในงวดไตรมาส 2 ปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 1,854 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% จากไตรมาส 2 ปี 2565 โดยรายได้จากการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น 4.1% จากการเติบโตของธุรกิจการให้สินเชื่อ ซึ่งส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้ว่าต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มสูงขึ้นกว่า 91.8% ตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในตลาด ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 8.8% เนื่องมาจากความผันผวนและซบเซาของตลาดทุนเป็นหลัก 

 

นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ยังอ่อนตัวลงเล็กน้อย ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.2% ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนตามแผนการเติบโตในระยะยาวของบริษัท ในขณะที่ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss: ECL) อยู่ในระดับต่ำที่ 0.1% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ยตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากช่วงโควิด โดยบริษัทยังคงมีเงินสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตอยู่ในระดับสูง พร้อมรองรับต่อความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยอัตราส่วนเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Loan Loss Coverage Ratio) ที่ 224.0%  

 

ขณะที่ผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2566 กำไรสุทธิมีจำนวน 3,646 ล้านบาท ทรงตัวจากครึ่งปีแรกของปี 2565 โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโต 8.7% ตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 3.5% จากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์ กำไรจากเงินลงทุน และค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 10.6% จากค่าใช้จ่ายลงทุนต่างๆ ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย (ROAE) สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2566 อยู่ที่ 17.6%

 

เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 มีจำนวน 230,494 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% จากสิ้นปี 2565 จากการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ สินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อเช่าซื้อรถมือสอง และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งกว่า 26.5% ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ส่วนสินเชื่อจำนำทะเบียนผ่านช่องทาง ‘สมหวัง เงินสั่งได้’ เติบโตต่อเนื่อง 12.1% ตามการเปิดเครือข่ายสาขาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 2.2% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นปีก่อนหน้า ตามกลยุทธ์การขยายสินเชื่อไปในกลุ่มที่มีอัตราผลตอบแทนสูง โดยบริษัทยังคงดำเนินนโยบายการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อย่างเข้มงวด และการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม 

 

ธนาคารทิสโก้ยังคงรักษาระดับฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 23.0% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 19.5% และ 3.6% ตามลำดับ

 

The post กลุ่มทิสโก้โกยกำไรครึ่งปีแรก 3,646 ล้านบาท เผยสินเชื่อโต 5.2% จากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และจำนำทะเบียน appeared first on THE STANDARD.

]]>
บล.ทิสโก้ คาด หุ้นไทยเสี่ยงร่วงแตะ 1,400 จุดในไตรมาส 3 กดดันจากการเมืองและเศรษฐกิจโลก https://thestandard.co/thai-stocks-expected-to-drop-to-1400/ Mon, 03 Jul 2023 10:12:27 +0000 https://thestandard.co/?p=811269 ตลาดหุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีแรกค่อนข้างย่ำแย่เมื่อเทียบกับตลา […]

The post บล.ทิสโก้ คาด หุ้นไทยเสี่ยงร่วงแตะ 1,400 จุดในไตรมาส 3 กดดันจากการเมืองและเศรษฐกิจโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตลาดหุ้นไทย

ตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีแรกค่อนข้างย่ำแย่เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดัชนี SET ติดลบไปราว 10% ลดลงจาก 1,668.66 จุดเมื่อปีก่อน มาอยู่ที่ 1,503.10 จุด 

 

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ผลตอบแทนของดัชนี SET ช่วงครึ่งปีแรกถือว่าแย่มากเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก (MSCI World Index) ที่ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12% นอกจากนี้หากไม่รวมความเคลื่อนไหวของหุ้น DELTA ดัชนี SET จะอยู่ที่ประมาณ 1,400 จุดต้นๆ เท่านั้น 

 

สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยสร้างผลตอบแทนไม่โดดเด่น ส่วนหนึ่งเพราะปัจจัยการเมืองในประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูง รวมทั้งประมาณการกำไรของตลาดที่ยังมีแนวโน้มถูกหั่นลงอยู่ ทำให้ครึ่งแรกของปีนี้ต่างชาติเทขายหุ้นไทยไปแล้วมากกว่า 1 แสนล้านบาท 

 

สำหรับภาพรวมไตรมาส 3 เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะปัจจุบันดัชนีหุ้นไทยที่หลุดระดับ 1,500 จุด กำลังสะท้อนภาพการเมืองในประเทศที่ส่อแวววุ่นวายคือการจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าและมีชุมนุมประท้วง โดย บล.ทิสโก้ มองว่า ดัชนีหุ้นไทยในไตรมาส 3 มีโอกาสลงทดสอบบริเวณ 1,450 จุด และในกรณีเลวร้ายที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอยด้วย ดัชนี SET มีโอกาสลงทดสอบบริเวณ 1,400 จุด แต่น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี ก่อนมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้นในช่วงปลายปีนี้ 

 

“การเมืองไทยนับถอยหลังการโหวตเลือกนายกฯ ในช่วงครึ่งหลังเดือนกรกฎาคมนี้ ในกรณีฐาน บล.ทิสโก้ ยังคงมุมมองเดิมว่า พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับการโหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี แม้สถานการณ์ปัจจุบันความเป็นไปได้กรณีนี้จะลดลงก็ตาม 

 

“อย่างไรก็ดี บล.ทิสโก้ แนะนำให้จับตาการโหวตเลือกประธานสภาเป็นลำดับแรก หากผลการโหวตเลือกประธานสภาไม่ใช่ตัวแทนที่มาจากพรรคก้าวไกล ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามกระแสข่าวที่ปรากฏก่อนหน้านี้ บล.ทิสโก้ มองว่าจะเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ดีว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในลำดับต่อไปอาจยืดเยื้อและไม่ราบรื่น ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตลาด และจะเพิ่มโอกาสเกิดการพลิกขั้วหรือจับคู่ใหม่ในการจัดตั้งรัฐบาล ในกรณีหลังนี้ก็จะสุ่มเสี่ยงเกิดการชุมนุมประท้วงได้” อภิชาติกล่าว   

 

นอกจากนี้ บล.ทิสโก้ มองทิศทางดอกเบี้ยยังมีความเสี่ยงที่จะปรับขึ้นสูงและนานกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยในอดีตธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าอัตราเงินเฟ้อเสมอประมาณ 1-2% จึงจะช่วยกดเงินเฟ้อให้ปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมายได้สำเร็จ แต่ระดับอัตราดอกเบี้ย Fed ในปัจจุบันอยู่เท่ากับระดับอัตราเงินเฟ้อเท่านั้น และแนวโน้มเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) อาจยังมีความหนืดอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 5% ต่อปีจากแนวโน้มราคาสินค้าเริ่มปรับตัวสูงขึ้น  

 

สำหรับการลงทุนในเดือนกรกฎาคม บล.ทิสโก้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนเป็น 2 ส่วนแบบสมดุลระหว่างหุ้นเชิงรับและหุ้นเชิงรุก (Barbell Strategy) 

  1. หุ้นเชิงรับ เป็นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่มีค่า Beta น้อยกว่า 1 เพราะน่าจะทนทานต่อความไม่แน่นอนของตลาดเดือนนี้ ได้แก่ ADVANC, BBL, BDMS และ CPALL 
  1. หุ้นเชิงรุก เน้นหุ้นที่กำไรไตรมาส 2/66 จะเติบโตได้และราคาปรับตัวลงลึก ทำให้กลับมามีอัปไซด์น่าสนใจ ได้แก่ EGCO, HANA, MENA และ SISB  

 

ทั้งนี้ แนวรับสำคัญของดัชนี SET เดือนนี้อยู่ที่ 1,450-1,460 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,420-1,430 จุด และแนวต้านสำคัญของ SET เดือนนี้อยู่ที่ 1,520-1,540 จุด และ 1,575 จุด ตามลำดับ

The post บล.ทิสโก้ คาด หุ้นไทยเสี่ยงร่วงแตะ 1,400 จุดในไตรมาส 3 กดดันจากการเมืองและเศรษฐกิจโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทิสโก้โชว์กำไร 9 เดือนแรก 5.4 พันล้านบาท โต 8.5% ตามสินเชื่อที่ขยายตัวได้ 5% https://thestandard.co/tisco-profit-for-9-months/ Wed, 12 Oct 2022 07:24:34 +0000 https://thestandard.co/?p=694813 ทิสโก้

กลุ่มทิสโก้แจ้งผลประกอบการ 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 5,415 […]

The post ทิสโก้โชว์กำไร 9 เดือนแรก 5.4 พันล้านบาท โต 8.5% ตามสินเชื่อที่ขยายตัวได้ 5% appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทิสโก้

กลุ่มทิสโก้แจ้งผลประกอบการ 9 เดือนแรก มีกำไรสุทธิ 5,415 ล้านบาท เติบโต 8.5% จากการเติบโตของสินเชื่อที่ 5.0% ขณะที่หนี้เสียลดลงเหลือ 2.1% เตรียมขยายสาขาของ สมหวัง เงินสั่งได้ เพิ่มขึ้นเป็น 450 แห่งภายในสิ้นปีนี้ รับกระแสเศรษฐกิจฟื้นตัว  

 

ศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากแรงหนุนของภาคท่องเที่ยว ส่งผลให้ภาพรวมตลาดแรงงานและการใช้จ่ายของผู้บริโภคปรับตัวในทิศทางดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้ภาคการเกษตรและการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงมาตรการพยุงการบริโภคของภาครัฐ ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อการขยายตัวของกลุ่มทิสโก้อย่างมีนัยสำคัญ

 

ทั้งนี้ ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ 5,415 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 โดยสาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ปรับสูงขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียน สินเชื่อ SMEs และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมในธุรกิจนายหน้าประกันภัยเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง 

 

ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วย NPL Ratio ที่ลดลงมาอยู่ที่ 2.1% และอัตราการตั้งสำรองทางเครดิตยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 248% เพียงพอต่อการรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต ในส่วนของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนยังคงชะลอตัวเมื่อเทียบกับฐานที่สูงของปีก่อนหน้า รวมถึงการรับรู้ผลขาดทุนจากเงินลงทุน เนื่องจากผลกระทบของภาวะตลาดที่ผันผวน

 

ศักดิ์ชัยกล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าธุรกิจสินเชื่อของกลุ่มทิสโก้จะทยอยเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวในทิศทางที่ดีขึ้นหลังการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว  อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อโดยรวมยังคงมีความเปราะบางจากระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และมีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่กำลังเริ่มฟื้นตัวกลับมา ทั้งนี้ ธุรกิจสินเชื่อของกลุ่มทิสโก้จะเข้าไปช่วยเติมสภาพคล่องในระบบการเงินให้แก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการขนาดเล็ก ผ่านการขยายสาขาของสมหวัง เงินสั่งได้ ที่ตั้งเป้าการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 450 สาขาภายในสิ้นปีนี้ จากเป้าหมายเดิมที่ 400 สาขา  

 

“เราจะยังคงดำเนินธุรกิจโดยมุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในธุรกิจที่เห็นโอกาสและตอบโจทย์สังคม พร้อมยึดมั่นในนโยบายการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบและรัดกุม ผสมผสานกับการให้คำแนะนำที่ดี และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ลูกค้า รวมถึงช่วยเหลือดูแลลูกค้าในทุกกลุ่มไปพร้อมกัน” ศักดิ์ชัยระบุ

 

ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 มีจำนวน 213,188 ล้านบาท เติบโต 5.0% จากสิ้นปีก่อนหน้า ขณะที่ระดับฐานะเงินกองทุนของธนาคารยังคงแข็งแกร่ง โดยมีประมาณการอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ 24.3% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 11.0% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และมีอัตราเงินกองทุนชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 20.2% และ 4.2% ตามลำดับ

The post ทิสโก้โชว์กำไร 9 เดือนแรก 5.4 พันล้านบาท โต 8.5% ตามสินเชื่อที่ขยายตัวได้ 5% appeared first on THE STANDARD.

]]>