ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยกองคดีการเงินการธนาคาร […]
The post อัยการเตรียมสั่งฟ้อง 42 ราย ข้อหาปั่นหุ้น MORE และฉ้อโกงบริษัทหลักทรัพย์ ความเสียหายรวมกว่า 5.3 พันล้านบาท appeared first on THE STANDARD.
]]>ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) โดยกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงินได้ทำการสอบสวนคดีพิเศษที่ 66/2566 ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันสร้างราคาหลักทรัพย์ (ปั่นหุ้น) บมจ.มอร์ รีเทิร์น ( MORE ) รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์ร้องทุกข์ในความผิดฐานฉ้อโกง
ล่าสุดการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้น โดยมีพยานหลักฐานพอดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 42 คน เนื่องจากพบพฤติการณ์ร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE อย่างต่อเนื่องในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ และทำการส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะทำให้สภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด และเข้าข่ายทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ MORE อันเป็นความผิดฐานสร้างราคาหลักทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 244/3 (1) และ (2) ประกอบมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 800 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบว่าการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าวยังเป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงบริษัทหลักทรัพย์ มูลค่าความเสียหายกว่า 4.5 พันล้านบาท รวมถึงความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มาตรา 209 และมาตรา 210 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบได้มีความเห็นทางคดีเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 คณะพนักงานสอบสวนได้นำสำนวนการสอบสวน เอกสารทั้งสิ้นจำนวน 75 แฟ้ม พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาดังกล่าวทั้ง 42 คน ตามพฤติการณ์ความผิดที่แต่ละคนเกี่ยวข้อง พร้อมนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
The post อัยการเตรียมสั่งฟ้อง 42 ราย ข้อหาปั่นหุ้น MORE และฉ้อโกงบริษัทหลักทรัพย์ ความเสียหายรวมกว่า 5.3 พันล้านบาท appeared first on THE STANDARD.
]]>สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล […]
The post ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้คนทำผิดเพิ่มอีก 8 รายต่อ DSI ฐานสร้างราคา-ปริมาณการซื้อขายหุ้น MORE appeared first on THE STANDARD.
]]>สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษผู้กระทำความผิด หุ้น MORE 8 ราย เพิ่มเติม ได้แก่
โดยกล่าวโทษผู้กระทำความผิด 8 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) (MORE) พร้อมกันนี้ได้แจ้งการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ตามที่ ก.ล.ต. ได้ดำเนินการกล่าวโทษกลุ่มบุคคลรวม 32 ราย ในฐานะตัวการร่วม กรณีร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ในช่วงระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม – 10 พฤศจิกายน 2565 โดยมีพฤติกรรมการส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์
รวมทั้งส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ผิดไปจากสภาพปกติของตลาดอันเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 244/3 (1) และ (2) ประกอบมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 นั้น
ก.ล.ต. ได้รับการประสานงานจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 288/2566 ลงวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ให้พิจารณาตรวจสอบบุคคลเพิ่มเติมกรณีอาจมีการสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับข้อมูลที่ได้รับจาก บก.ปอศ. ในฐานะคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
ก.ล.ต. จึงพบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่สนับสนุนให้เชื่อได้ว่า บุคคลรวม 8 รายข้างต้น ได้ร่วมกับบุคคลที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษไปแล้ว กระทำการสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ในช่วงระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม – 10 พฤศจิกายน 2565 อันเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 244/3 (1) และ (2) ประกอบมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 8 ราย ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้แจ้งการดำเนินการดังกล่าวต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ในการตรวจสอบเพิ่มเติมครั้งนี้เป็นการประสานความร่วมมือกันระหว่าง ก.ล.ต. กับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตามนโยบายในการทำงานเชิงรุกร่วมกันในการสืบสวนและตรวจสอบการกระทำผิดเกี่ยวกับตลาดทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย
ทั้งนี้ การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น
ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ
“ในกรณีนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ ซึ่ง บก.ปอศ. ที่ทำงานร่วมกับ ก.ล.ต. ตั้งแต่แรก ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ก.ล.ต. ได้ประสานความร่วมมือและทำงานร่วมกับพนักงานสอบสวนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษผู้กระทำผิดไปแล้วจำนวนหนึ่ง กรณีสร้างราคาหุ้น MORE ซึ่งต่อมาปรากฏมีข้อมูลและพยานหลักฐานเพิ่มเติมจาก บก.ปอศ. ดังนั้น ก.ล.ต. จึงได้ขยายผลการตรวจสอบเพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิดเพิ่มเติม ทั้งนี้ ก.ล.ต. มีความยินดีและพร้อมให้การสนับสนุนการทำงานร่วมมือกับพนักงานสอบสวนอย่างเต็มที่” เอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการและโฆษก ก.ล.ต. กล่าว
The post ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้คนทำผิดเพิ่มอีก 8 รายต่อ DSI ฐานสร้างราคา-ปริมาณการซื้อขายหุ้น MORE appeared first on THE STANDARD.
]]>บมจ.มอร์ รีเทิร์น ประกาศเพิ่มทุน 2.15 หมื่นล้านหุ้น ขาย […]
The post หุ้น MORE ดิ่งแรงเฉียด 18% หลังประกาศเพิ่มทุน 2.15 หมื่นล้านหุ้น ขาย RO 1.44 หมื่นล้านหุ้น ราคา 0.05 บาทต่อหุ้น พ่วงแจก Warrant นำเงินขยายธุรกิจ appeared first on THE STANDARD.
]]>บมจ.มอร์ รีเทิร์น ประกาศเพิ่มทุน 2.15 หมื่นล้านหุ้น ขาย RO จำนวน 1.44 หมื่นล้านหุ้น อัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาขายหุ้นละ 0.05 บาท และรองรับ MORE-W3 อีก 7.18 พันล้านหุ้น เตรียมชงเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 19 มกราคม 2567 ก่อนให้จองซื้อในวันที่ 21-27 กุมภาพันธ์ 2566 หวังระดมทุนเพื่อเพิ่มเงินหมุนเวียนและดำเนินธุรกิจทั้งปัจจุบันและอนาคต
กนกวรรณ บุญประกอบ เลขานุการบริษัท บมจ.มอร์ รีเทิร์น หรือ MORE แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ครั้งที่ 5/2566 มีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 1,076.51 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 358.84 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 1,435.35 ล้านบาท
โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 2.15 หมื่นล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering: RO) จำนวนไม่เกิน 1.44 หมื่นล้านหุ้นในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ราคาเสนอขายหุ้นละ 0.05 บาท รวมทั้งใช้เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 3 (MORE-W3) จำนวน 7,176.75 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นอาจจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิ (Oversubscription) ได้โดยผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อเกินกว่าสิทธิที่จะได้รับการจัดสรรหุ้นที่จองซื้อเกินกว่าสิทธิ ก็ต่อเมื่อมีหุ้นเหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่ได้จองซื้อ ตามสิทธิครบถ้วนทั้งหมดแล้วเท่านั้นในราคาเสนอขาย 0.05 บาทต่อหุ้น (ราคาเดียวกัน)
สำหรับ MORE-W3 จำนวนไม่เกิน 7,176.75 ล้านหุ้น หน่วยจะออกให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering: RO) ในอัตราส่วนการจัดสรร 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ มีอัตราใช้สิทธิ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น และมีราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญในภายใต้ใบสำคัญแสดงสิทธิ MORE-W3 ราคาหุ้นละ 1 บาท
ทั้งนี้ ได้กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 25 ธันวาคม 2566 และกำหนดวันจองซื้อและรับชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 21-23 และ 26-27 กุมภาพันธ์ 2567 (รวม 5 วันทำการ)
อย่างไรก็ดี สิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวและการจัดสรร MORE-W3 ยังมีความไม่แน่นอนจนกว่าจะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 ในวันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2567
สำหรับสาเหตุการเพิ่มทุนครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจทั้งในปัจจุบันและอนาคต การดำเนินการเพิ่มทุนในครั้งนี้จึงเป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างความยืดหยุ่นทางการเงินในการสำรองเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัททั้งระยะสั้นและระยะยาว
โดยบริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปต่อยอดการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน เพื่อรองรับการดำเนินงานของบริษัทในปัจจุบัน และ/หรือ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคตและในส่วนของการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อรองรับการใช้สิทธิ MORE-W3 ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นมีการใช้สิทธิซื้อ MORE-W3 เต็มจำนวน บริษัทจะสามารถระดมเงินทุนได้ประมาณ 7,176.75 ล้านบาท โดยบริษัทจะมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทในอนาคต ช่วง 1-2 ปีตามกำหนดเวลาการใช้สิทธิของ MORE-W3
ก่อนหน้านี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการคดี บมจ.มอร์ รีเทิร์น ระบุว่า มีกลุ่มบุคคลรวม 32 รายร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ MORE อย่างต่อเนื่องในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 800 ล้านบาท (คดีพิเศษที่ 66/2566) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและพนักงานสอบสวนกองบัญชาการสอบสวนกลางที่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ใน DSI เพื่อช่วยเหลือในการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ ตามมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 โดยได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหา 29 ราย และแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาแล้วจำนวน 10 ราย และอยู่ระหว่างเร่งรัดตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อนำมาตรการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาดำเนินการต่อไป
The post หุ้น MORE ดิ่งแรงเฉียด 18% หลังประกาศเพิ่มทุน 2.15 หมื่นล้านหุ้น ขาย RO 1.44 หมื่นล้านหุ้น ราคา 0.05 บาทต่อหุ้น พ่วงแจก Warrant นำเงินขยายธุรกิจ appeared first on THE STANDARD.
]]>เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน เวลา 16.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น […]
The post เศรษฐาจี้ DSI เร่งสะสางคดี ‘หุ้น MORE-STARK’ หวังเร่งฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน appeared first on THE STANDARD.
]]>เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน เวลา 16.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นที่เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ช้ากว่าประเทศไทย 15 ชั่วโมง) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงวิกฤตความเชื่อมั่นในตลาดหุ้น หลังจากมีกระแสข่าวว่านักลงทุนรายย่อยนัดหยุดเทรดในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ว่ายังไม่ทราบว่ามีปัญหาเรื่องนี้จนมีปัญหาที่นักลงทุนรายย่อยนัดกันหยุดซื้อขาย ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องมีการสอบถาม
หนึ่งในประเด็นที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนตั้งแต่ก่อนหน้านี้คือปัญหาที่เกิดขึ้นกับหุ้นของ บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) และ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำให้เศรษฐาเกิดอาการหงุดหงิดระหว่างการหารือกับทีมงานระหว่างการเดินทางร่วมงาน APEC 2023 ที่สหรัฐฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
“วันนั้นผมก็อารมณ์เสียใส่ DSI (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) เรื่องหุ้น MORE และหุ้น STARK ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้ความไว้วางใจในตลาดมีน้อย เรื่องเกิดมานานเท่าไร ยังไม่จบเสียที ติดอยู่ที่ DSI ไม่ใช่แค่เรื่องหมูเถื่อนอย่างเดียว” เศรษฐากล่าว
ส่วนกรณีการขายชอร์ต (Short Selling) ในตลาดหุ้นไทย เศรษฐากล่าวอีกว่า วันจันทร์ที่ผ่านมา (13 พฤศจิกายน) ได้ให้กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ร่วมหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ออกนโยบายออกมา
ส่วนประเด็นเรื่อง Naked Short Selling ก.ล.ต. ตรวจสอบแล้วไม่มี การที่ให้กิตติรัตน์ไปหารือกับ ก.ล.ต. มีแต่สถานการณ์ดีขึ้น ในระยะยาวรัฐบาลไม่ได้ออกมาตรการที่เป็นลบต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่พยายามทำหลายๆ อย่างให้ดีขึ้น แต่จะดีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความรู้สึกของนักลงทุน
“อยากจะให้ทำอะไรขอให้บอก ไม่ใช่ไม่อยากทำ เพราะการพูดคุยกับนักลงทุนรายย่อยซึ่งมีเป็นแสนคน จะให้ไปคุยกับใคร ภาษีจากธุรกรรมการขายก็ไม่ได้เก็บ ภาษีจากกำไรการขายหุ้นก็ไม่ได้เก็บ นโยบายการลงทุนกองทุน LTF ก็ออกมาให้ตามที่ต้องการ หากต้องการอะไรบอกมา ซึ่งไม่ได้ประชดหรือว่าอารมณ์เสีย แต่อยากรู้ว่าต้องการอะไรหรือไม่ จะได้จัดให้ และมีอะไรใหม่ที่อยากได้”
The post เศรษฐาจี้ DSI เร่งสะสางคดี ‘หุ้น MORE-STARK’ หวังเร่งฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน appeared first on THE STANDARD.
]]>สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 32 คน ต่อ บก.ปอ […]
The post ก.ล.ต. กล่าวโทษ 32 คนทำผิดร่วมกันปั่นหุ้น MORE ต่อ บก.ปอศ. พบหลักฐานทั้งก๊วนมีความสัมพันธ์ทางการเงิน-เทรดหุ้น โกยเงินไป 800 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.
]]>สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 32 คน ต่อ บก.ปอศ. กรณีทำผิดสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อ-ขายหุ้น MORE หลังพบหลักฐานว่าทั้งก๊วนมีความสัมพันธ์ส่วนตัวทางการเงินและการซื้อ-ขายหุ้น ได้เงินไป 800 ล้านบาท พร้อมรายงานการดำเนินการต่อสำนักงาน ปปง.
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า สำนักงาน ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษผู้กระทำความผิด 32 คนต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กรณีสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ของ บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) และรายงานการดำเนินการต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ดำเนินการกล่าวโทษกลุ่มบุคคลรวม 18 คนในฐานะตัวการร่วม กรณีร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ในการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ MORE ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 อันทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ MORE ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 244/3(1) ประกอบบทสันนิษฐานของมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 (แล้วแต่กรณี) แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 นั้น
ก.ล.ต. ได้ตรวจสอบการกระทำความผิดเพิ่มเติมในกรณีการสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ MORE และพบข้อเท็จจริงรวมถึงพยานหลักฐานที่สนับสนุนให้เชื่อได้ว่ากลุ่มบุคคลรวม 32 คน ได้แก่
โดยทั้งหมดได้ร่วมกันกระทำการสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ MORE ในช่วงระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม – 10 พฤศจิกายน 2565
ทั้งนี้ บุคคลดังกล่าวข้างต้น ซึ่งมีความสัมพันธ์ระหว่างกันทั้งด้านความสัมพันธ์ส่วนตัว ทางเงิน การซื้อ-ขายหลักทรัพย์ รวมถึงช่องทางและสถานที่ในการส่งคำสั่งซื้อ-ขาย ได้แบ่งหน้าที่กันหรือตกลงร่วมกันในการส่งคำสั่งซื้อ-ขายในลักษณะที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์
รวมทั้งส่งคำสั่งซื้อ-ขายในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหรือปริมาณการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ MORE ผิดไปจากสภาพปกติของตลาดอันเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 244/3(1) และ (2) ประกอบมาตรา 244/5 และ 244/6 (แล้วแต่กรณี) แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยผลประโยชน์ที่กลุ่มผู้กระทำความผิดทั้งหมดได้รับหรือพึงได้รับคิดเป็นมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 32 คน ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อ ปปง. เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อ-ขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้า ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ทั้งนี้ การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย เป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ
ในกรณีนี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และตรวจสอบเพิ่มเติมโดยประสานความร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดย บก.ปอศ. ในการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายในการทำงานเชิงรุกร่วมกันในการสืบสวนและตรวจสอบการกระทำผิดเกี่ยวกับตลาดทุน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย
The post ก.ล.ต. กล่าวโทษ 32 คนทำผิดร่วมกันปั่นหุ้น MORE ต่อ บก.ปอศ. พบหลักฐานทั้งก๊วนมีความสัมพันธ์ทางการเงิน-เทรดหุ้น โกยเงินไป 800 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.
]]>กระทรวงการคลัง สั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย […]
The post ‘เอเชีย เวลท์’ ไม่รอด! คลังสั่งถอนไลเซนส์ ทำผิดฐานนำเงินลูกค้าไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต-ไม่นำเงินมาคืนภายในเวลาที่กำหนด appeared first on THE STANDARD.
]]>กระทรวงการคลัง สั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ‘บล.เอเชีย เวลท์’ เหตุทำผิด นำเงินลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่นำมาคืนภายในเวลาที่กำหนด และไม่สามารถแก้ไขให้มีระบบงานป้องกันไม่ให้เกิดการนำเงินของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ได้
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย เวลท์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม 2566 ด้วยเหตุนำเงินของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยมิได้รับอนุญาต และไม่นำมาคืนภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการ ก.ต.ท. กำหนด และไม่สามารถแก้ไขการดำเนินงานเพื่อจัดให้มีระบบงานในการป้องกันมิให้เกิดการนำเงินของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยลูกค้ามิได้อนุญาตภายในระยะเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เข้าตรวจสอบการดำเนินงานของ บล.เอเชีย เวลท์ พบว่า เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 บล.เอเชีย เวลท์ ได้นำเงินของลูกค้าจำนวน 154 ล้านบาท ไปใช้ชำระค่าซื้อหลักทรัพย์ บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) กับบริษัท สำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการนำเงินของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยที่ลูกค้ามิได้อนุญาต โดยสาเหตุเกิดจากลูกค้าที่ซื้อหลักทรัพย์ MORE ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ไม่สามารถชำระราคาได้
สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า บล.เอเชีย เวลท์ มีการดำเนินงานในลักษณะที่อาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ประโยชน์ของประชาชน จึงได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการกำกับตลาดทุน (คณะกรรมการ ก.ต.ท.) ซึ่งคณะกรรมการ ก.ต.ท. อาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) สั่งให้ บล.เอเชีย เวลท์ แก้ไขการดำเนินงาน โดยให้นำทรัพย์สินของลูกค้าที่นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์มาคืน และจัดให้มีระบบงานการป้องกันมิให้เกิดการนำทรัพย์สินของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์โดยลูกค้ามิได้อนุญาตภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งต่อมา บล.เอเชีย เวลท์ ไม่สามารถดำเนินการภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการ ก.ต.ท. กำหนดได้
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ก.ต.ท. มีมติไม่ขยายระยะเวลาให้กับ บล.เอเชีย เวลท์ ตามที่ได้ขอขยายระยะดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าว โดยได้คำนึงถึงความเป็นไปได้ของการดำเนินการ รวมทั้งความเหมาะสมและการป้องกันผลกระทบต่อทรัพย์สินของลูกค้าแล้ว
ประกอบกับการที่บริษัทนำเงินของลูกค้าไปใช้ในครั้งนี้ มิได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เคยกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว รวมทั้งก่อนเกิดเหตุการนำเงินของลูกค้าไปใช้ในครั้งนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เตือน บล.เอเชีย เวลท์ แล้วว่า บริษัทจะต้องไม่นำเงินลูกค้าไปใช้ แต่บริษัทยังคงกระทำการที่เป็นความผิดซ้ำอีก
อนึ่ง สำหรับลูกค้า บล.เอเชีย เวลท์ ขอให้ติดต่อขอรับทรัพย์สินที่ฝากไว้กับ บล.เอเชีย เวลท์ คืน โดยติดต่อผ่านช่องทางของบริษัท หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อขอคำแนะนำได้ที่ ‘ศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต.’ โทร 1207 หรือผ่านช่องทางเฟซบุ๊กเพจ ‘สำนักงาน ก.ล.ต.’ หรือ SEC Live Chat ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. หรืออีเมล [email protected]
The post ‘เอเชีย เวลท์’ ไม่รอด! คลังสั่งถอนไลเซนส์ ทำผิดฐานนำเงินลูกค้าไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต-ไม่นำเงินมาคืนภายในเวลาที่กำหนด appeared first on THE STANDARD.
]]>