น้ำอัดลม – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 09 Apr 2025 02:53:06 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 PiXXiE ปลุกซัมเมอร์ให้เปรี้ยวซ่ากว่าเดิม กับ เป๊ปซี่ ‘กลิ่นอุเมะ’ รสชาติใหม่ที่ซ่าเกินซ่อน [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/pixxie-summer-pepsi-launch/ Mon, 07 Apr 2025 04:48:28 +0000 https://thestandard.co/?p=1060843 pixxie-summer-pepsi-launch

ซัมเมอร์ร้อนๆ อย่าให้ความร้อนมาซ่อนความซ่าและความสนุกใน […]

The post PiXXiE ปลุกซัมเมอร์ให้เปรี้ยวซ่ากว่าเดิม กับ เป๊ปซี่ ‘กลิ่นอุเมะ’ รสชาติใหม่ที่ซ่าเกินซ่อน [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
pixxie-summer-pepsi-launch

ซัมเมอร์ร้อนๆ อย่าให้ความร้อนมาซ่อนความซ่าและความสนุกในตัวเราไว้ กับ ‘เป๊ปซี่ กลิ่นอุเมะ’ รสชาติใหม่ที่แรกในไทย! ที่ได้สาวๆ T-POP ที่ไม่มีใครๆ ไม่รู้จักอย่าง ‘PiXXiE’ จะมาพาทุกคนระเบิดความซ่าเกินซ่อนออกมาในซัมเมอร์นี้

 

รสชาติใหม่กับกลิ่นอุเมะ

 

ไม่ต้องงงว่าอะไรคือ ‘อุเมะ’ อุเมะ คือ ภาษาญี่ปุ่นที่หมายถึงเจ้า ‘บ๊วย’ ที่กำลังเบ่งบานชมพูสะพรั่งในช่วงหน้าฤดูใบไม้ผลิหรือหน้าร้อนในไทย 

 

pixxie pepsi

 

เป๊ปซี่ ก็ไม่รอช้าที่จะกระตุ้นความซ่าและความอร่อยออกหน้าจนเกินจะซ่อนไว้ จากความกลมกล่อมของรสเปรี้ยวหวานของบ๊วย ออกมาเป็น เป๊ปซี่ กลิ่นอุเมะ ที่มาทั้งในรูปแบบเป๊ปซี่ และ เป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาล ให้เลือกความซ่าเกินซ่อนกันจุใจ ที่สำคัญยังปล่อยรสชาติใหม่ที่ประเทศไทยเป็นที่แรกอีกด้วย!

 

เป๊ปซี่ ชวน PiXXiE มาซ่าเกินซ่อนในซัมเมอร์นี้

 

ทั้งเปรี้ยว ทั้งซ่า แถมยังแอบหวานนิดๆ ใครจะเหมาะสมกับ Vibe ของ เป๊ปซี่ รสชาติใหม่ไปได้นอกเสียจาก สาวๆ มากความสามารถทั้งวิชวล ร้อง และเต้นอย่าง ‘PiXXiE’ ที่ชวน 3 สาว มาเบล พิมมา และอิงโกะ เปิดตัวเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ พร้อมมาสนุกกับแคมเปญของรสชาติใหม่ เป๊ปซี่ รสอุเมะ ว่าถ้าอยากจะซ่าก็ไม่ต้องซ่อน เพราะจะเท่ จะแสบ จะเปรี้ยว ก็ซ่าด้วยกันได้หมด เหมือนกับความอร่อยเปรี้ยวซ่าเกินซ่อน ของ เป๊ปซี่ กลิ่นอุเมะ

 

pixxie pepsi

 

นอกจากนี้ สาวๆ PiXXiE ยังมาสนุกกับแคมเปญที่ชวนสัมผัสกับ ความอร่อยที่ยากจะต้านทานและซ่อนสีหน้าเอาไว้ได้ กับ รสชาติเปรี้ยว ซ่า อร่อยจนอดใจไม่ไหว ทำให้แฟนๆ ได้เห็นความสาวๆ PiXXiE มาโชว์สีหน้าที่เกินจะซ่อนไว้มากมาย

 

จะมัวซ่อนไว้ทำไม! มาระเบิดความซ่าไปด้วยกัน

 

รีบเลย กับ เป๊ปซี่ กลิ่นอุเมะ ปลดปล่อยความเป็นตัวเองที่ซ่อนยังไงก็ไม่อยู่ จะดื่มชิลๆ ที่บ้าน ปาร์ตี้แก๊งเพื่อน หรือจับคู่กับเมนูโปรด ก็ช่วยสร้างปลดปล่อยความซ่าได้ทุกสถานการณ์ อีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องรสชาติและการสร้างความทรงจำในช่วงซัมเมอร์ที่ยากจะลืม

 

pixxie pepsi

pixxie pepsi

 

ชมความซ่าของสาวๆ PiXXiE 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

The post PiXXiE ปลุกซัมเมอร์ให้เปรี้ยวซ่ากว่าเดิม กับ เป๊ปซี่ ‘กลิ่นอุเมะ’ รสชาติใหม่ที่ซ่าเกินซ่อน [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
Pepsi โดดซื้อ poppi แบรนด์โซดาพรีไบโอติก มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ส่วน Coca-Cola เปิดตัว Simply Pop ตามมาติดๆ https://thestandard.co/pepsi-poppi/ Wed, 19 Mar 2025 01:57:58 +0000 https://thestandard.co/?p=1053673 pepsi-popp

Pepsi Co บริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ โดดเข้าซื้อกิจการ p […]

The post Pepsi โดดซื้อ poppi แบรนด์โซดาพรีไบโอติก มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ส่วน Coca-Cola เปิดตัว Simply Pop ตามมาติดๆ appeared first on THE STANDARD.

]]>
pepsi-popp

Pepsi Co บริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ โดดเข้าซื้อกิจการ poppi แบรนด์เครื่องดื่มโซดาพรีไบโอติก มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ รับเทรนด์ สุขภาพมาแรง ส่วนคู่แข่ง Coca-Cola ไม่น้อยหน้าเพิ่งเปิดตัว Simply Pop เครื่องดื่มโซดาพรีไบโอติกตามมาติดๆ

 

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อัตราการบริโภคเครื่องดื่มน้ำอัดลมในสหรัฐฯ ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่เครื่องดื่มโซดาพรีไบโอติก ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีจุลินทรีย์ช่วยเสริมสุขภาพ ระบบทางเดินอาหาร กลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เห็นได้จากการเติบโตของแบรนด์ poppi และ OLIPOP ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดเครื่องดื่มโซดาพรีไบโอติก

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

จากโอกาสการเติบโตดังกล่าว ทำให้ PepsiCo ประกาศเข้าซื้อกิจการ poppi แบรนด์เครื่องดื่มโซดาพรีไบโอติก มูลค่ากว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ราว 72,000 ล้านบาท และพับแผนเปิดตัวเครื่องดื่มโซดาฟังก์ชันนัล ภายใต้แบรนด์ soulboost ทันที

 

ภายใต้ข้อตกลงการซื้อขายดังกล่าวสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีที่คาดว่าจะได้รับเป็นเงินสดมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ ราว 10,800 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่ามูลค่าการซื้อสุทธิอยู่ที่ 1.65 พันล้านดอลลาร์ ราว 59,400 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ PepsiCo อาจต้องจ่ายเงินเพิ่มหาก poppi สามารถทำผลงานได้ตามเป้าหมายภายในระยะเวลาที่ตกลงกันหลังจากการซื้อกิจการแล้วเสร็จ แต่บริษัทไม่ได้ระบุว่า ข้อตกลงนี้จะแล้วเสร็จช่วงไหนเพราะยังต้องรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลก่อน

 

แน่นอนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปตามทิศทางและกลยุทธ์ของ Pepsi Co ที่ต้องการขยายธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น โดยหลังจากได้แบรนด์ poppi เข้ามาอยู่ในพอร์ตโฟลิโอจะช่วยสร้างการเติบโตในแง่ของยอดขายได้เป็นอย่างดี

 

เนื่องจาก poppi เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งมาตั้งมาตั้งแต่ปี 2018 บริหารงานโดย Allison และ Stephen Ellsworth ซึ่งทั้งสองคนเป็นสามีและภรรยากัน หลังจากนำผลิตภัณฑ์ที่มีพรีไบโอติกช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียในลำไส้เข้ามาทำตลาด พบว่าได้รับความนิยมจากกลุ่มคนรักสุขภาพอย่างมาก

 

สะท้อนจากผลประกอบการปี 2023 สร้างยอดขายทะลุ 100 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 3,600 ล้านบาท และเป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพทางการเงินแข็งแกร่ง เห็นได้จากการใช้งบลงโฆษณาในช่วงการแข่งขัน Super Bowl สองปีซ้อน ถึงแม้ว่า poppi จะสร้างยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว

 

ในช่วงเวลาเดียวกันยังได้เผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับ คำกล่าวอ้างด้านสุขภาพของผลิตภัณฑ์ และบริษัทยังเคยถูกฟ้องร้อง โดยโจทก์อ้างว่า เครื่องดื่มของ poppi ไม่ได้ดีต่อสุขภาพอย่างที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาคดีนี้ก็จบลงด้วยดี

 

ในขณะที่ poppi ถูก PepsiCo ซื้อกิจการไปแล้ว ฝั่งแบรนด์ OLIPOP ซึ่งเป็นคู่แข่งกับ poppi ก็มีมูลค่าประเมินสูงถึง 1.85 พันล้านดอลลาร์ ราว 66,600 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ในปี 2023 CEO ของ OLIPOP เคยให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Pepsi Co และ Coca-Cola ให้ความสนใจถึงการเข้าซื้อกิจการของ Olipop ด้วยเช่นกัน แต่ก็เป็นไปได้ยากที่ Coca-Cola จะซื้อ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ Coca-Cola เพิ่งเปิดตัว Simply Pop เครื่องดื่มโซดาพรีไบโอติก ซึ่งเป็นแบรนด์ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเพื่อทดลองตลาด

 

ปรากฏการณ์ทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า ยักษ์เครื่องดื่มรายใหญ่ของโลกทั้ง Pepsi Co และ Coca-Cola ไม่ได้พึ่งพารายได้จากการขายน้ำอัดลมอย่างเดียวแล้ว โดยการเข้ามาบุกตลาดเครื่องดื่มโซดาพรีไบโอติกก็เป็นโอกาสที่จะสร้างการเติบโตท่ามกลางเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรง

 

อ้างอิง:

The post Pepsi โดดซื้อ poppi แบรนด์โซดาพรีไบโอติก มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ ส่วน Coca-Cola เปิดตัว Simply Pop ตามมาติดๆ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ความสำเร็จจากการปรับรสชาติหนุนให้ Gen Z เริ่มดื่ม ‘เอส’ มากขึ้น แต่ร้านค้าต่างจังหวัดอาจยังไม่คุ้นกับแบรนด์ https://thestandard.co/est-cola-awaken-awesome-senses/ Sat, 16 Mar 2024 06:47:28 +0000 https://thestandard.co/?p=911907

ถึงวันนี้ ‘เอส’ น้ำอัดลมสัญชาติไทยเดินหน้าบุกตลาดน้ำอัด […]

The post ความสำเร็จจากการปรับรสชาติหนุนให้ Gen Z เริ่มดื่ม ‘เอส’ มากขึ้น แต่ร้านค้าต่างจังหวัดอาจยังไม่คุ้นกับแบรนด์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถึงวันนี้ ‘เอส’ น้ำอัดลมสัญชาติไทยเดินหน้าบุกตลาดน้ำอัดลมต่อเนื่อง หลังประสบความสำเร็จจากการรีแบรนดิ้งและปรับสูตรรสชาติครั้งใหญ่ไปเมื่อปีที่แล้ว จนสร้าง Brand Awareness ทำให้มีฐานลูกค้า Gen Z และมีลูกค้าในโซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

ส่งผลให้ยอดขายในปีที่ผ่านมา ‘เอส’ มีอัตราการเติบโต 15% สูงกว่าตลาดน้ำอัดลมที่มีการเติบโต 12% ด้วยมูลค่าทางการตลาด 66,000 ล้านบาท (ข้อมูลจากนีลเส็นไอคิว ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2566 – มกราคม 2567)

 

“เรียกได้ว่าปี 2566 ที่ผ่านมาเป็นปีที่เราสร้างยอดขายได้มากที่สุด จากเดิมที่ถือมาร์เก็ตแชร์จากก่อนหน้านี้ 7% ตอนนี้ขยับขึ้นมา 9% แต่ต้องยอมรับว่าความท้าทายยังมีอยู่รอบด้าน แม้เด็กรุ่นใหม่จะเริ่มรู้จักและหันมาดื่มเอสแล้ว แต่ร้านค้าตามต่างจังหวัดอาจยังไม่คุ้นชินกับแบรนด์ ต้องใช้เวลาทำตลาด โดยเราจะให้ทีมขายเข้าไปสื่อสารแบรนด์มากขึ้น” สุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้อำนวยการสำนักการตลาด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศไทย บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าว

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

เป็นเหตุผลว่าเอสจะไม่หยุดแค่นี้ ปีนี้ยังคงยืนอยู่ภายใต้จุดยืนเดิม ไม่เปลี่ยน Positioning เพราะต้องการสร้างประสบการณ์ให้แบรนด์และผู้บริโภคมากขึ้นกว่าเดิม

 

สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 2567 ได้เปิดตัวแคมเปญการสื่อสารชุดใหม่ ‘est Cola Awaken Awesome Senses’ แค่ดื่มเอสก็เปิดทุกสัมผัส ให้ซ่ากล้าเป็นตัวเอง โดยมีนักร้องชื่อดัง เจฟ ซาเตอร์ และ อิ้งค์ วรันธร เข้ามารับหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ ผ่านโฆษณาทั้งในช่องทาง Out of Home และจอโฆษณากลางแจ้ง ควบคู่ไปกับการเปิดบูธทดลองดื่มทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด กับใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริม

 

คาดว่าแคมเปญดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงฤดูร้อนให้เติบโตได้ประมาณ 10-15% โดยปัจจุบันสัดส่วนยอดขายของเอสมาจากกรุงเทพฯ 37% และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19% เป็นหลัก ส่วนที่เหลือเป็นอื่นๆ

 

นอกจากตลาดในประเทศไทยแล้ว ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เอส เครื่องดื่มน้ำอัดลมภายใต้อาณาจักรยักษ์เครื่องดื่มไทยเบฟ ได้เริ่มออกไปทดลองตลาดในประเทศจีน มาเลเซีย และกัมพูชา แต่สิ่งที่น่าสนใจคือตลาดจีน ปีที่ผ่านมาหลังจากนำสินค้าเข้าไปก็สามารถทำยอดขายโตสูงมาก ทำให้เห็นว่าพฤติกรรมคนจีนนอกจากจะนิยมดื่มชาแล้ว ยังดื่มน้ำอัดลมในระหว่างวันมากขึ้น 

 

ทั้งนี้ การขยายตลาดต่างประเทศก็สอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่ของไทยเบฟที่ต้องการนำธุรกิจทั้งเครื่องดื่มและอาหารออกไปเติบโตในต่างประเทศอยู่แล้ว

The post ความสำเร็จจากการปรับรสชาติหนุนให้ Gen Z เริ่มดื่ม ‘เอส’ มากขึ้น แต่ร้านค้าต่างจังหวัดอาจยังไม่คุ้นกับแบรนด์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘เอส’ น้ำอัดลมของไทยเบฟ ปั้นแบรนด์จนหายใจรดต้นคอเบอร์ 2 เร่งเจาะ Gen Z ตั้งแต่ภาคกลางไปจนถึงภาคอีสาน https://thestandard.co/est-thaibev-closer-to-no-2/ Tue, 10 Oct 2023 12:15:21 +0000 https://thestandard.co/?p=853194 น้ำอัดลม เอส เจาะ Gen Y

เจาะวิธีคิดแบรนด์ ‘เอส’ น้ำอัดลมสัญชาติไทย ภายใต้อาณาจั […]

The post ‘เอส’ น้ำอัดลมของไทยเบฟ ปั้นแบรนด์จนหายใจรดต้นคอเบอร์ 2 เร่งเจาะ Gen Z ตั้งแต่ภาคกลางไปจนถึงภาคอีสาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
น้ำอัดลม เอส เจาะ Gen Y

เจาะวิธีคิดแบรนด์ ‘เอส’ น้ำอัดลมสัญชาติไทย ภายใต้อาณาจักรยักษ์เครื่องดื่มไทยเบฟ ย่างก้าวสู่ปีที่ 11 เริ่มช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดขึ้นมาได้ 23% เรียกได้ว่าตามหลังผู้เล่นเบอร์ 2 แค่เพียงเอื้อมมือ จากนี้กระหน่ำแคมเปญใหญ่-เปิดทดลองชิม เน้นจับกลุ่มลูกค้า Gen Z ตั้งแต่ภาคกลางไปจนถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

 

นับเป็นสัญญาณบวกของตลาดน้ำอัดลมในไทยซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 62,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกลุ่มน้ำดำ 75% และน้ำสี 25% ในปี 2566 เติบโตขึ้น 16% ถือว่าเติบโตสูงสุดในรอบ 10 ปี จากเดิมจะเติบโตแค่ตัวเลขหลักเดียวเท่านั้น

 

“ปัจจุบันผู้เล่นในตลาดน้ำอัดลมเบอร์ 1 คือโคคา-โคล่า มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 54% ตามด้วยเบอร์ 2 อย่างเป๊ปซี่ มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 30% และเอสเป็นผู้เล่นเบอร์ 3 มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 9.1%”

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ที่สำคัญไม่ใช่แค่ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่โต แต่รวมไปถึงกลุ่มชาพร้อมดื่มและน้ำเปล่าโตกว่า 20% ปัจจัยหลักมาจากสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศและภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัว ประกอบกับผู้เล่นในตลาดพยายามช่วยกันเคลื่อนไหวผ่านการจัดกิจกรรมและเปิดตัวรสชาติใหม่ๆ

 

เช่นเดียวกับ ‘เอส’ ในครึ่งปีแรกได้รีแบรนดิ้งและปรับสูตรรสชาติครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ควบคู่กับการออกแบบโลโก้บนบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้มีสีสันมากขึ้น สะท้อนกลิ่นอายความเป็นโมเดิร์นแบบเอเชีย แถมดึงไอดอลที่เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ทั้งเกาหลีใต้และไทยมาร่วมแคมเปญ ซึ่งนอกจากจะสร้าง Brand Awareness แล้วยังทำให้มีฐานลูกค้า Gen Z กว้างขึ้น

 

ทั้งนี้ ภาพรวมยอดขายของเอส (เดือนกันยายน 2565 – เดือนสิงหาคม 2566) เพิ่มขึ้น 22.6% ช่องทางที่เติบโตมากสุดคือโมเดิร์นเทรดและร้านอาหารที่โตกว่า 26% โดยสัดส่วนยอดขายของเครื่องดื่มเอสประเภทขวดแก้วอยู่ที่ 43%

 

สุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้อำนวยการสำนักการตลาด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศไทย บริษัท ไทยดริ้งค์ จำกัด กล่าวว่า กลยุทธ์การตลาดของเอสในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ เราจะเน้นให้ความสำคัญกับการรักษาฐานลูกค้า Gen Z ไปพร้อมกับการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ

 

สเต็ปต่อไปจะโฟกัสกลยุทธ์มิวสิกมาร์เก็ตติ้งผ่านการจัดแคมเปญ est Cola Born to be Awesome ในรูปแบบการจับมือกับเอไทม์และจีเอ็มเอ็มโชว์ เข้าไปสนับสนุนเทศกาลดนตรี est Cola Presents Monster Music Festival 2023 พร้อมเปิดตัวบรรจุภัณฑ์กระป๋องดีไซน์คาแรกเตอร์มอนสเตอร์ทั้ง 8 ลาย ให้ผู้บริโภคได้สะสม ถือเป็นการพยายามสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้เอสยังเตรียมขยายไปในตลาดอาเซียนตามนโยบายของไทยเบฟที่ต้องการนำสินค้าในกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ออกไปเติบโตในต่างประเทศ ซึ่งจากเดิมสินค้าของเอสได้เริ่มเข้าไปทดลองตลาดในมาเลเซียและจีนแล้ว และจากนี้เตรียมขยายไปในตลาดกัมพูชาและสปป.ลาว

 

ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะได้เห็นเอสเข้าไปทำตลาดในกัมพูชาในปี 2567 หลังจากไทยเบฟสร้างโรงงานผลิตเครื่องดื่มในตลาดกัมพูชาแล้วเสร็จ และถือเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่เชื่อมโยงการนำสินค้าไปทำตลาดยังประเทศแถบใกล้เคียงได้ในอนาคต

 

อีกหนึ่งตลาดที่เอสมุ่งให้ความสำคัญคือการกระจายสินค้าเข้าไปสู่ช่องทางร้านโชห่วยในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากนี้จะเห็นเอสจัดโปรโมชันและแคมเปญใหม่ๆ ในร้านค้า รวมถึงการจัดบูธให้ทดลองสินค้า เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากขึ้น

 

“ถึงกระนั้นในปี 2567 ค่อนข้างท้าทายสำหรับเรา เพราะในปี 2566 เราสร้างการเติบโตได้ดี กลายเป็นโจทย์ของปีหน้าที่ต้องหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเป้าหมายปีหน้าเราอยากจะเป็นแบรนด์น้ำอัดลมที่ผู้บริโภค Gan Z เลือกเป็นอันดับหนึ่ง และเชื่อว่าด้วยวิธีคิดและการทำงาน ทำให้เราเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย ซึ่งบางครั้งถ้าเทียบกับบริษัทโกลบอลอาจจะมีข้อจำกัดจากบริษัทแม่ ทำให้เราได้เปรียบตรงนี้” ผู้อำนวยการสำนักการตลาดย้ำ

The post ‘เอส’ น้ำอัดลมของไทยเบฟ ปั้นแบรนด์จนหายใจรดต้นคอเบอร์ 2 เร่งเจาะ Gen Z ตั้งแต่ภาคกลางไปจนถึงภาคอีสาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Coca-Cola เปิดตัวรสชาติ Coca-Cola Y3000 Zero Sugar ที่ใช้ AI มาช่วยคิดค้นสูตร https://thestandard.co/coca-cola-y3000-zero-sugar-ai/ Thu, 14 Sep 2023 13:50:30 +0000 https://thestandard.co/?p=841803

Coca-Cola เปิดตัวซีรีส์รสชาติลิมิเต็ดเอดิชันอย่างต่อเนื […]

The post Coca-Cola เปิดตัวรสชาติ Coca-Cola Y3000 Zero Sugar ที่ใช้ AI มาช่วยคิดค้นสูตร appeared first on THE STANDARD.

]]>

Coca-Cola เปิดตัวซีรีส์รสชาติลิมิเต็ดเอดิชันอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแบรนด์ได้ก้าวเข้าสู่โลกอนาคตเข้าไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รสชาติใหม่ที่ใช้ AI มาช่วยคิดค้นสร้างสรรค์ โดยใช้ชื่อว่า Coca-Cola Y3000 Zero Sugar

 

Coca-Cola ประกาศเปิดตัว Coca-Cola Y3000 Zero Sugar ผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมกับเผยว่าเครื่องดื่มรสชาติปริศนานี้เป็นการร่วมกันสร้างสรรค์ระหว่างมนุษย์ และ Artificial Intelligence (AI) ด้วยการผสมผสานมุมมองของแฟนๆ Coca-Cola ทั่วโลก กับข้อมูลเชิงลึกจาก AI ในการผลิต โดย Coke เวอร์ชันนี้จะวางจำหน่ายในบางประเทศที่ได้รับเลือกเป็นพิเศษ

 

Coca-Cola Y3000 Zero Sugar เป็นส่วนหนึ่งของโค้กรุ่น Y3000 AI Cam ที่มอบประสบการณ์ปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังจะมีบทบาทสำคัญกับมนุษยชาติในเร็ววันนี้ และแสดงให้แฟนๆ เครื่องดื่ม Coke เห็นว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรได้บ้าง โดยเหล่าลูกค้าสามารถสแกนโค้ดเพื่อรับชมภาพ Coke รุ่น Y3000 และได้เห็นวิชันของ Coca-Cola แห่งโลกอนาคตว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร

 

Oana Vlad, Senior Director of Global Strategy เผยว่า “ความใฝ่ฝันของเราสำหรับ Coca-Cola Creations คือการสร้างสรรค์สิ่งที่เหนือความคาดหมาย และสร้างช่วงเวลาต้องมนตร์สำหรับแฟนๆ ด้วยแรงบันดาลใจจากความเหนือกาลเวลาของ Coca-Cola เราต้องการเฉลิมฉลองให้กับไอเดียของทุกคนว่าอนาคตจะหน้าตาเป็นอย่างไร โดยมีความช่วยเหลือจากพลังของเทคโนโลยี AI”

 

อ้างอิง:

The post Coca-Cola เปิดตัวรสชาติ Coca-Cola Y3000 Zero Sugar ที่ใช้ AI มาช่วยคิดค้นสูตร appeared first on THE STANDARD.

]]>
อยากโตต้องเจาะตลาดใหม่! โออิชิส่ง ‘โออิชิ ชาคูลล์ซ่า’ เปิดเซ็กเมนต์ชาพร้อมดื่มอัดลม ดึง ‘ฮาย-เซน วง Paper Planes’ มาเป็นพรีเซนเตอร์เข้าถึงวัยรุ่น https://thestandard.co/oishi-chakulza-carbonated-tea/ Mon, 11 Sep 2023 06:30:27 +0000 https://thestandard.co/?p=840103 โออิชิ ชาคูลล์ซ่า

การที่ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมมูลค่า 56,000 ล้านบาท และโ […]

The post อยากโตต้องเจาะตลาดใหม่! โออิชิส่ง ‘โออิชิ ชาคูลล์ซ่า’ เปิดเซ็กเมนต์ชาพร้อมดื่มอัดลม ดึง ‘ฮาย-เซน วง Paper Planes’ มาเป็นพรีเซนเตอร์เข้าถึงวัยรุ่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
โออิชิ ชาคูลล์ซ่า

การที่ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมมูลค่า 56,000 ล้านบาท และโซดากว่า 15,000 ล้านบาท เมื่อรวมสองตลาดคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 70,000 ล้านบาท ทำให้นี่เป็น ‘เค้กก้อนใหญ่’ ที่ใครๆ ก็อยากเข้ามาแบ่ง ซึ่งรวมถึง ‘โออิชิ’ พี่ใหญ่ในตลาดชาพร้อมดื่มด้วย

 

อย่างที่รู้กันว่าตลาดชาพร้อมดื่มในบ้านเราค่อนข้างที่จะนิ่ง โดยมีมูลค่าหลัก ‘หมื่นล้านบาท’ ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างไม่ได้ทำแคมเปญที่หวือหวาเพื่อดึงดูดลูกค้าเหมือนในอดีต เพราะทราบดีว่าต้องแลกมากับกำไรที่ลดน้อยลงไป

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ดังนั้นสำหรับ ‘โออิชิ’ จึงมองว่าแคมเปญลด แลก แจก แถม จะไม่ใช่กระสุนหลักที่จะกระตุ้นยอดขายอีกต่อไป จึงหันไปเน้นนวัตกรรมที่เชื่อว่าจะสามารถดึงลูกค้าท่ามกลางเครื่องดื่มใหม่ๆ ที่เข้ามาชิงเงินในกระเป๋าลูกค้า

 

หนึ่งในสินค้าใหม่ของโออิชิคือการเปิดตัว ‘โออิชิ ชาคูลล์ซ่า’ ซึ่งเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่ถูกตั้งชื่อเป็น ‘ชาพร้อมดื่มอัดลม’ ซึ่งสุภรณ์ เด่นไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บอกว่า “เราเติบโตเชิงมูลค่าสูงถึง 21% (ข้อมูลจากบริษัท เดอะนีลเส็น ไอคิว คอมปะนี ประเทศไทย จำกัด เดือนสิงหาคม 2565 – กรกฎาคม 2566) โดยมีฐานคนดื่มเพิ่มมากขึ้น จากการเติบโตทั้งจำนวนผู้ทดลองดื่มใหม่และมีการซื้อซ้ำต่อเนื่อง”

 

เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตและต่อยอดแผนการขยายฐานการดื่มไปยังกลุ่มคนใหม่ๆ จึงได้เปิดตัวปิดแคมเปญ ‘โออิชิ ชาคูลล์ซ่า ชาเขียวซ่า..มีดีย์’ ผ่าน 4 กลยุทธ์ สร้างการรับรู้ การทดลองดื่ม และผลักดันการเติบโต ได้แก่ 

 

  • เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และเชื่อมต่อคนทุกเจน ดึงศิลปินไอดอลขวัญใจวัยทีน ฮายและเซน วง Paper Planes เป็นพรีเซนเตอร์ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่มีความซ่ามีดีในด้านต่างๆ
  • เปิดแคมเปญและภาพยนตร์โฆษณาใหม่ผ่านกลยุทธ์ Music Marketing โดยนำเพลงฮิตในตำนาน ‘แรงโน้มถ่วง’ มาเรียบเรียงใหม่
  • ปรับโฉมคาแรกเตอร์ลายการ์ตูนมังงะบนกระป๋องในเวอร์ชัน Music Inspiration พร้อมลายเส้นใหม่เพื่อให้โดนใจวัยรุ่น
  • การเน้นสื่อออนไลน์และเชื่อมต่อประสบการณ์ไปยังกิจกรรมออนกราวด์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ โดยการจัดทัพศิลปินฮิปฮอปและ T-Pop ลงพื้นที่ โชว์ความซ่ามีดีกับมินิคอนเสิร์ต ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

 

“ข้อมูลจากบริษัท เดอะนีลเส็น ไอคิว คอมปะนี ประเทศไทย จำกัด (เดือนสิงหาคม 2565 – กรกฎาคม 2566) ตลาดชาพร้อมดื่มมีมูลค่า 15,386 ล้านบาท โดยโออิชิในฐานะผู้นำอันดับ 1 มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 46.2%”

 

สุภรณ์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาโออิชิครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 กว่า 7 ปีซ้อน (2560-2566) และมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในทุกช่องทาง ทั้งโมเดิร์นเทรดและร้านโชห่วย

 

นอกจากนี้ยังได้รับความนิยมสูงสุดในตลาดชาพร้อมดื่ม ด้วยฐานผู้ดื่มกว่า 10 ล้านคนในประเทศไทย (ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 – กรกฎาคม 2566) แหล่งที่มาข้อมูล การบริโภคเครื่องดื่มนอกบ้าน บริษัท คันทาร์ (ประเทศไทย)

 

รวมถึงเป็นแบรนด์ที่เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคมากที่สุด โดย 63% ของผู้บริโภคนึกถึงโออิชิเป็นแบรนด์แรก (Top of Mind Brand) ในกลุ่มชาพร้อมดื่ม ซึ่งสูงที่สุดในตลาด (ผลสำรวจจากอิปซอสส์ ในช่วงไตรมาส 2/66)

 

และเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจเลือกดื่มโออิชิบ่อยที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชาพร้อมดื่ม (Brand Used Most Often) คิดเป็นเปอร์เซ็นต์สูงถึง 63% (จากผลสำรวจจากอิปซอสส์ ในช่วงไตรมาส 2/66)

 

“โออิชิเชื่อมั่นว่าด้วยความไม่หยุดพัฒนาทั้งคุณภาพและนวัตกรรม จะทำให้โออิชิมีการเติบโตและประสบความสำเร็จอย่างมั่นคงและยั่งยืน” สุภรณ์กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ 2565 (1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565) โออิชิมีรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่มจำนวน 7,292 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,042 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 16.7 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

The post อยากโตต้องเจาะตลาดใหม่! โออิชิส่ง ‘โออิชิ ชาคูลล์ซ่า’ เปิดเซ็กเมนต์ชาพร้อมดื่มอัดลม ดึง ‘ฮาย-เซน วง Paper Planes’ มาเป็นพรีเซนเตอร์เข้าถึงวัยรุ่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
แกะกล่องคำเตือนใหม่ของ WHO เกี่ยวกับสารให้ความหวานใน ‘น้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาล’ สรุปว่ากระทบหรือไม่กระทบต่อสุขภาพ? และความปั่นป่วนในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มทั่วโลก https://thestandard.co/aspartame-affects-or-does-not-affect-health/ Fri, 14 Jul 2023 03:44:46 +0000 https://thestandard.co/?p=817080 Coke zero sugar

เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ปรับเปลี่ยนจุด […]

The post แกะกล่องคำเตือนใหม่ของ WHO เกี่ยวกับสารให้ความหวานใน ‘น้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาล’ สรุปว่ากระทบหรือไม่กระทบต่อสุขภาพ? และความปั่นป่วนในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Coke zero sugar

เมื่อเร็วๆ นี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ปรับเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับแอสปาร์แตม ซึ่งเป็นสารให้ความหวาน ถูกจัดประเภทเป็น ‘สารก่อมะเร็งที่เป็นไปได้’ แถลงการณ์นี้ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วทั้งอุตสาหกรรมเครื่องดื่มทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง PepsiCo และ Coca-Cola ซึ่งขณะนี้เผชิญกับความเป็นไปได้ที่จะได้รับผลสะท้อนกลับจากความกังวลด้านสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้นของผู้บริโภค

 

กระนั้นการจัดประเภทยังขึ้นอยู่กับหลักฐานที่จำกัด ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าการศึกษาบางชิ้นอาจแนะนำความเชื่อมโยงระหว่างแอสปาร์แตมกับมะเร็ง แต่ผลลัพธ์ยังหาข้อสรุปไม่ได้ และจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม

 

แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงนี้ WHO ก็ไม่ได้ปรับคำแนะนำการบริโภคแอสปาร์แตมในแต่ละวัน ยังคงแนะนำให้ผู้คนจำกัดปริมาณการบริโภคในแต่ละวันให้ไม่เกิน 40 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ในมุมมองนี้ นั่นคือปริมาณของสารให้ความหวานที่พบในน้ำอัดลมขนาดปกติระหว่าง 9-14 กระป๋อง แปลว่าหากไม่ดื่มเกินกว่านี้ก็ (น่าจะ) ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ด้วยขีดจำกัดนี้ ความเสี่ยงของการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสหวานเทียมยังคงเป็นปัญหาที่ซับซ้อนสำหรับบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่อยู่ภายใต้แรงกดดันให้ลดระดับน้ำตาลในผลิตภัณฑ์ของตน และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อสุขภาพ

 

การใช้สารให้ความหวานเป็นเรื่องของความขัดแย้งในหมู่นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพมานานหลายทศวรรษ บางคนโต้แย้งว่าพวกเขาเสนอทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพแทนน้ำตาล ในขณะที่บางคนแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น การถกเถียงอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้เกิดความสับสนในหมู่ผู้บริโภค ทำให้หลายคนไม่แน่ใจว่าโค้กแบบดั้งเดิมหรือไดเอตโค้กเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน

 

ในการตอบสนองต่อการจัดประเภทใหม่ของ WHO ตัวแทนจากอุตสาหกรรมน้ำอัดลมแย้งว่า นี่เป็นการรับรองมากกว่าคำเตือน เนื่องจากยืนยันว่าแอสปาร์แตมปลอดภัยสำหรับการบริโภคภายในขอบเขตที่แนะนำ 

 

เคท โลทแมน กรรมการบริหารของ International Council of Beverages Associations ซึ่งเป็นองค์กรการค้าเครื่องดื่มระดับโลกกล่าวว่า การตัดสินใจของ WHO จะมีบทบาทสำคัญในการแจ้งให้ผู้บริโภคทราบในขณะที่พวกเขาพิจารณาทางเลือกต่างๆ เพื่อลดน้ำตาลและแคลอรีในอาหารของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้ง PepsiCo และ Coca-Cola ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประกาศของ WHO

 

ขณะที่องค์การอนามัยโลกยังคงรักษาคำแนะนำเกี่ยวกับการจำกัดการบริโภคแอสปาร์แตมในแต่ละวัน ได้เสนอให้บริษัทต่างๆ พิจารณาประเมินสูตรส่วนผสมของตนใหม่เพื่อลดการใช้สารให้ความหวาน

 

โดยผู้อำนวยการแผนกโภชนาการและความปลอดภัยด้านอาหารของ WHO ชี้แจงว่าองค์กรไม่ได้แนะนำให้บริษัทต่างๆ ถอนผลิตภัณฑ์หรือแนะนำผู้บริโภคให้หยุดบริโภคผลิตภัณฑ์เหล่านี้โดยสิ้นเชิง แต่ให้บริโภคในปริมาณที่พอเหมาะแทน เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสูตรผลิตภัณฑ์และการเลือกส่วนผสมที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่อร่อยโดยไม่ต้องใช้สารให้ความหวาน

 

จากข่าวขององค์การอนามัยโลก หน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยของอาหารไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงแนวทางปัจจุบันเกี่ยวกับการใช้แอสปาร์แตม ศาสตราจารย์โรบิน เมย์ หัวหน้าที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของสำนักงานมาตรฐานอาหาร ระบุว่ารายงานสนับสนุนมุมมองของหน่วยงานที่ว่าแอสปาร์แตมปลอดภัยสำหรับการบริโภค อย่างไรก็ตาม เขายังยินดีที่องค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้มีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความเข้าใจในประเด็นที่อาจเกิดขึ้น

 

แม้จะมีคำแนะนำอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานกำกับดูแล แต่ผู้บริโภคบางส่วนก็ยังลังเลใจเกี่ยวกับการบริโภคเครื่องดื่มลดน้ำหนักที่มีแอสปาร์แตม ความกังวลเกี่ยวกับผลที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งของสารให้ความหวาน ทำให้ความต้องการน้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาลลดลงตั้งแต่ต้นปี 2000 

 

ความกังวลเหล่านี้กระตุ้นให้ PepsiCo เลิกใช้แอสปาร์แตมจากไดเอตเป๊ปซี่ในปี 2015 แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้หยุดยอดขายที่ลดลง ทำให้บริษัทต้องกลับมาใช้แอสปาร์แตมอีกครั้งในปีต่อมา

 

ภัยคุกคามจากการขยายภาษีน้ำตาล และข้อกำหนดการติดฉลากที่เข้มงวดขึ้นในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และยุโรป ตอกย้ำความเร่งด่วนสำหรับบริษัทอาหารและเครื่องดื่มในการลดปริมาณน้ำตาลในผลิตภัณฑ์ของตน อย่างไรก็ตาม การค้นพบล่าสุดของ WHO ก่อให้เกิดคำถามใหม่ว่า สารให้ความหวานเทียมคือคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่?

 

ย้อนกลับไปในปี 2014 การศึกษาจากสถาบัน Weizmann ของอิสราเอลชี้ให้เห็นว่า การใช้สารให้ความหวานเทียมอาจนำไปสู่โรคอ้วนได้ เมื่อต้นปีนี้ WHO ยังแนะนำให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงสารให้ความหวานโดยสิ้นเชิง เนื่องจากมีหลักฐานบ่งชี้ว่าสารเหล่านี้ไม่ได้มีส่วนช่วยในการลดไขมันในร่างกาย และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะต่างๆ เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจและหลอดเลือด และแม้แต่การเสียชีวิต

 

เอ็มมา คลิฟฟอร์ด รองผู้อำนวยการของบริษัทวิจัยตลาด Mintel กล่าวว่า ความกังวลที่แพร่หลายเกี่ยวกับสารให้ความหวานเทียมก่อให้เกิดความท้าทายอย่างมากต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลน้อย ไม่มีเลย และลดน้ำตาล เธอแนะนำว่าบริษัทที่สามารถโอ้อวดว่า ‘ปราศจากสารให้ความหวาน’ ควรเน้นข้อเท็จจริงนี้ให้เด่นชัดในบรรจุภัณฑ์และการตลาดของตนเพื่อเข้าถึงความรู้สึกของผู้บริโภค

 

ในฐานะผู้บริโภค เราต้องตระหนักถึงการพัฒนาเหล่านี้ และตัดสินใจอย่างรอบรู้เกี่ยวกับอาหารของเรา ดังที่ ดร.วิลเลียม ดาฮัท หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของ American Cancer Society แนะนำว่า ผู้บริโภคจำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงของตนเองให้สมดุลกับความรู้ที่ว่าแอสปาร์แตมไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและเป็นสารก่อมะเร็ง เขาแนะนำว่าผู้บริโภคอาจต้องการประเมินการใช้แอสปาร์แตมร่วมกับสารก่อมะเร็งที่รู้จัก เช่น เนื้อแปรรูปและแอลกอฮอล์อีกครั้ง

 

ดังนั้น แม้ว่าแอสปาร์แตมจะไม่เป็นอันตรายอย่างชัดเจนตามการค้นพบในปัจจุบัน แต่การกลั่นกรองเป็นกุญแจสำคัญ สิ่งสำคัญคือต้องปฏิบัติตามการวิจัยและคำแนะนำเพิ่มเติมจากองค์กรด้านสุขภาพ ในขณะที่เรายังคงเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสารให้ความหวานเทียมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายนี้

 

ภาพ: Gerald Matzka / Picture Alliance via Getty Images

อ้างอิง:

The post แกะกล่องคำเตือนใหม่ของ WHO เกี่ยวกับสารให้ความหวานใน ‘น้ำอัดลมสูตรไม่มีน้ำตาล’ สรุปว่ากระทบหรือไม่กระทบต่อสุขภาพ? และความปั่นป่วนในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Coca-Cola หวังนำเครื่องดื่มเข้าไปอยู่ในชีวิตลูกค้าทุกวัย เปิดตัว ‘อู-ฮ่า’ โซดากลิ่นผลไม้ น้ำตาล 0% จับลูกค้า Gen Z โดยเฉพาะ https://thestandard.co/coca-cola-fruit-soda/ Tue, 23 May 2023 09:48:09 +0000 https://thestandard.co/?p=794202 coca cola fruit soda

การเปิดตัวรสชาติใหม่นับเป็นกลยุทธ์ของ Coca-Cola ผู้นำตล […]

The post Coca-Cola หวังนำเครื่องดื่มเข้าไปอยู่ในชีวิตลูกค้าทุกวัย เปิดตัว ‘อู-ฮ่า’ โซดากลิ่นผลไม้ น้ำตาล 0% จับลูกค้า Gen Z โดยเฉพาะ appeared first on THE STANDARD.

]]>
coca cola fruit soda

การเปิดตัวรสชาติใหม่นับเป็นกลยุทธ์ของ Coca-Cola ผู้นำตลาดน้ำดำ ที่มีเป้าหมายนำเครื่องดื่มในพอร์ต ทั้งโค้ก, แฟนต้า, มินิทเมด และชเวปส์ เข้าไปกวาดลูกค้าทุกช่วงอายุ รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ‘อู-ฮ่า’ เครื่องดื่มโซดากลิ่นผลไม้ น้ำตาล 0% ที่ผลิตขึ้นมาจับกลุ่มลูกค้า Gen Z โดยเฉพาะ

 

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Coca-Cola ถือว่ามีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเครื่องดื่มออกมาสู่ตลาดอยู่เป็นระยะ แม้เราจะเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 56% แต่ก็ต้องไม่หยุดสปีดธุรกิจให้เติบโตขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญจะทำให้เราสามารถครองใจและรับมือกับตลาดเครื่องดื่มและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วได้” ริชา ซิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด Coca-Cola ประจำประเทศไทย เมียนมา และ สปป.ลาว กล่าว

 

ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดตัวสินค้าและรสชาติใหม่แต่ละครั้งล้วนมาจากอินไซต์ของผู้บริโภค ที่บริษัทได้เก็บรวบรวมข้อมูลเอาไว้ ซึ่งพบว่า Gen Z มองหาเครื่องดื่มโซดารสชาติแปลกใหม่และหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับเทรนด์ของเครื่องดื่มผสมโซดาที่เริ่มมาแรงตั้งแต่ปี 2565  

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

สร้างอานิสงส์ให้ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มผสมโซดากลิ่นผลไม้เติบโตขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก หรือคิดเป็นสัดส่วน 4% ของตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีมูลค่า 56,000 ล้านบาท โดยตลาดน้ำอัดลมก็มีการเติบโตขึ้น 7% 

 

Coca-Cola มั่นใจว่าเครื่องดื่มอู-ฮ่า จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะไม่มีน้ำตาลและแคลอรี และการทำการตลาดหลังจากนี้จะเน้นสื่อสารผ่านสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ควบคู่กับการจัดกิจกรรมตลอดทั้งปี 

 

สำหรับทิศทางในการพัฒนาสินค้าใหม่ในปีนี้มองว่า กลุ่ม Gen Z ยังเป็นหัวใจสำคัญในการคิดค้นรสชาติและนวัตกรรมใหม่ๆ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะออกกี่รสชาติ แต่พยายามจะโฟกัสสินค้าเครื่องดื่มทั้งรสชาติเก่าและใหม่ ซึ่งถ้าเทียบกับปี 2565 Coca-Cola ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ ทั้งกลุ่มเครื่องดื่มโค้ก แฟนต้า และชเวปส์ ไปกว่า 15 รายการ และส่วนใหญ่เป็นสูตรไม่มีน้ำตาล

 

ถือเป็นจังหวะที่ดีหลังโควิดคลี่คลาย และทุกๆ กลุ่มสินค้าเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มน้ำตาลน้อยและไม่มีน้ำตาล ยิ่งในช่วงฤดูร้อนที่ผู้บริโภคต้องการเครื่องดื่มเพื่อดับกระหาย

 

ทั้งนี้ ในปี 2566 ยังมุ่งให้ความสำคัญกับการนำดิจิทัลและ AI เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการทำงาน ทั้งการวัดค่าประเมินผลต่างๆ ในองค์กร และใช้ AI เก็บคลังข้อมูลมาพัฒนากลยุทธ์ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ

 

อย่างไรก็ตาม อีกด้านของธุรกิจเครื่องดื่มก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุน ทั้งการขนส่งและเงินเฟ้อ ทำให้ต้นปีที่ผ่านมา Coca-Cola ได้ปรับราคากลุ่มสินค้าน้ำอัดลมเพิ่มขึ้น 1 บาท เพื่อให้สอดรับกับต้นทุนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

The post Coca-Cola หวังนำเครื่องดื่มเข้าไปอยู่ในชีวิตลูกค้าทุกวัย เปิดตัว ‘อู-ฮ่า’ โซดากลิ่นผลไม้ น้ำตาล 0% จับลูกค้า Gen Z โดยเฉพาะ appeared first on THE STANDARD.

]]>
“สไปรท์” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ เปิดภาพความสนุกสุดเย็นซ่า ดับร้อนทุกองศารับซัมเมอร์ ในงาน WATERBOMB BANGKOK 2023 https://thestandard.co/sprite-waterbomb-bangkok-2023/ Mon, 24 Apr 2023 12:08:46 +0000 https://thestandard.co/?p=779579

    ช่วงเวลาอากาศร้อนระอุสุดๆ ของซัมเมอร์ในเด […]

The post “สไปรท์” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ เปิดภาพความสนุกสุดเย็นซ่า ดับร้อนทุกองศารับซัมเมอร์ ในงาน WATERBOMB BANGKOK 2023 appeared first on THE STANDARD.

]]>

 

 

ช่วงเวลาอากาศร้อนระอุสุดๆ ของซัมเมอร์ในเดือนเมษายนแบบนี้ อาจทำให้ใครหลายคนหัวร้อนกันได้ง่ายๆ แต่รู้ไหมว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายๆ คนมีโอกาสได้เย็นซ่าสุดเหวี่ยง ดับร้อนกันทุกองศา กับ “ สไปรท์ ” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ เพราะเขาประเดิมแคมเปญ ‘Sprite: Heat Happens Stay Cool (ร้อนแล้วไง เย็นซ่าได้ทุกเวลา)’ แคมเปญระดับโลกของ “ สไปรท์ ” ที่สร้างความเย็นซ่าอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว 

 

สำหรับปีนี้ “ สไปรท์ ” เล่นใหญ่ พร้อมเปิดประสบการณ์เย็นซ่าดับร้อนอย่างยิ่งใหญ่กว่าเดิม ในงานเทศกาลดนตรี WATERBOMB BANGKOK 2023 ซึ่ง THE STANDARD POP ขอพาทุกคนไปเปิดภาพบรรยากาศความสนุกเย็นสดชื่นกันแบบสุดเหวี่ยงของ “ สไปรท์ ” ภายในงานนี้มาฝากกัน

 

เทศกาล WATERBOMB คืออะไร สนุกสดชื่นอย่างไร?  

 

 

บรรดามิวสิกเลิฟเวอร์ตัวจริงต่างรู้กันดีว่า WATERBOMB คือเทศกาลดนตรีสุดฮอตในช่วงซัมเมอร์จากเกาหลีใต้ เทศกาล WATERBOMB ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องมานานแล้วกว่า 5 ปี ใน 6 เมืองทั่วประเทศเกาหลีใต้ ด้วยสถิติบัตร Sold Out ทุกครั้ง 

 

และครั้งนี้นับเป็นการเปิดประสบการณ์เวิลด์ทัวร์นอกประเทศครั้งแรกของ WATERBOMB โดยจุดหมายแรกคือกรุงเทพฯ นั่นเอง ซึ่งในงานนี้ทางแบรนด์ “ สไปรท์ ” ก็ได้มีบทบาทครั้งสำคัญในการเป็นผู้สนับสนุนหลัก สร้างความเย็นซ่าดับร้อนให้กับทุกคนตลอดทั้งงาน  

 

เทศกาลดนตรีดังกล่าวจัดขึ้นในช่วงสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-14 เมษายน 2566 ณ สนามฟุตบอล Thunderdome Stadium ถือเป็นเทศกาลที่รวมเอาศิลปินคุณภาพมากมายมาไว้ในงานเดียว ทั้ง K-Hip Hop, K-Pop, EDM และ DJ แบบจัดเต็ม พร้อมด้วย T-Pop แถวหน้าอีกคับคั่ง ท่ามกลางโปรดักชัน แสง สี เสียง จัดเต็มสุดอลังการเลยทีเดียว 

 

โดยไลน์อัพของทั้งวันที่ 13 และ 14 ที่ทุกคนได้สนุกกับศิลปินมากมายทั้งไทยและเกาหลี ไม่ว่าจะเป็น YUGYEOM, ZICO, SUNMI, WOO WON JAE, CL, BamBam, Loco, Simon Dominic, LAZ1, 4EVE, PROXIE, PiXXiE, Bear Knuckle และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงไฮไลต์เซอร์ไพรส์กิจกรรมเย็นซ่าจัดเต็มจากผู้สนับสนุนหลักใจดีอย่าง “ สไปรท์ ” ที่นำสินค้าอย่าง “ สไปรท์ ” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ เป็นตัวชูโรงระเบิดความซ่าตลอดทั้งงานอีกด้วย

 

Sprite: Heat Happens Stay Cool

 

“ สไปรท์ ” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ ร้อนแล้วไง เย็นซ่าได้ทุกเวลา บุกความสนุกเย็นซ่า พร้อมดับร้อนทุกองศารับซัมเมอร์ ในงาน WATERBOMB BANGKOK 2023

 

 

ด้วยความสำเร็จของ “ สไปรท์ ” กับแคมเปญระดับโลก ‘Heat Happens Stay Cool (ร้อนแล้วไง เย็นซ่าได้ทุกเวลา)’ ในปี 2565  ซึ่งช่วยเติมความสดชื่น คลายร้อน เย็นซ่า ให้กับคนรุ่นใหม่ที่ต้องรับมือกับอากาศร้อนและชีวิตที่วุ่นวาย รวมถึงสภาพแวดล้อมที่พร้อมสร้างความหัวร้อนได้ตลอดเวลา 

 

ในปีนี้ “ สไปรท์ ” ได้เดินหน้าตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ พร้อมเปิดตัว “ สไปรท์ ” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ อร่อยซ่า สดชื่นขึ้นกว่าเดิม มาระเบิดความอร่อยเย็นซ่าไม่มีน้ำตาล ท้าให้ลองกับความซ่าถึงใจของกลิ่นเลมอน-ไลม์ เจาะตลาดผู้บริโภค Gen Z ด้วยการยกระดับความซ่าขึ้นไปอีกขั้น 

 

ทีมหน่วยซ่าดับร้อน 

 

“ สไปรท์ ” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ ยังคงยกระดับความเย็นซ่าถึงใจ ดับร้อนไปอีกขั้น  กับการสร้างประสบการณ์ความซ่าถึงใจกับกิจกรรมการตลาดแบบจัดเต็ม ซึ่งในปี 2566 นี้ยังคงคอนเซปต์ ‘Heat Happens Stay Cool (ร้อนแล้วไง เย็นซ่าได้ทุกเวลา)’ ตอกย้ำความสำเร็จจากปีที่แล้ว และเริ่มต้นความพิเศษแรกของปีนี้ด้วยการนำคอนเซปต์เย็นซ่าให้ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ผ่านเทศกาลดนตรีจากเกาหลี ‘WATERBOMB BANGKOK 2023’ ที่อิมพอร์ตมาไทยแบบจัดเต็มที่สุดเท่าที่เคยมีมา 

 

เวทีเดียวที่ผู้ชมจะได้เล่นน้ำกับศิลปินเกาหลีคนโปรดท่ามกลางความร้อนแรงในช่วงสงกรานต์ ที่ “ สไปรท์ ” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ พร้อมที่จะมาเป็นฮีโร่ของงาน ยกระดับประสบการณ์ความสนุกเย็นซ่าให้เพิ่มยิ่งขึ้น พร้อมดับร้อนทุกองศาในงาน 

 

Sprite Cool Down Bar และ Sprite Stay Cool Truck

 

Sprite Visibility on NFT Landmark

 

“ สไปรท์ ” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ 
สดชื่น อร่อยซ่าถึงใจ กับกลิ่นเลมอน-ไลม์

 

บรรยากาศในงาน WATERBOMB BANGKOK 2023
ผู้คนต่างสนุกสนาน คลายร้อนกันกับ “ สไปรท์ ” 

 

ซึ่ง “ สไปรท์ ” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ ถือว่าเป็นสินค้าไฮไลต์ที่มอบความเย็นซ่าสดชื่นให้กับทุกคนภายในงาน WATERBOMB BANGKOK 2023 ได้คลายร้อนอย่างไม่อั้นแล้ว และยังเต็มไปด้วยกิจกรรมระเบิดความซ่า สนุกๆ ให้ทำอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ทีมหน่วยซ่าดับร้อน ที่ยกขบวนชวนคนมาเล่นสนุกกับการสร้างความเย็นซ่า 180°, Video Photo Booth กับ “ สไปรท์ ” ไม่มีน้ำตาล 

 

และจุดถ่ายรูป ‘SPRITE’ NFT Landmark ที่จะอยู่ในช่วงไฮไลต์ของ WATERBOMB TIME กับโชว์สุดฉ่ำจากศิลปินและดีเจเกาหลีกว่า 5 ชั่วโมงเต็มต่อเนื่อง พร้อมระเบิดความมันกันทุกชั่วโมง ซึ่งเรียกได้ว่า “ สไปรท์ ” ได้เข้าไปอยู่ทุกจุด ปลุกความสนุกเย็นซ่าของทุกคน พร้อมดับร้อนให้ทะลุไปอีกขั้น

 

การร่วมเป็นผู้สนับสนุน WATERBOMB BANGKOK 2023 ของเครื่องดื่ม “ สไปรท์ ” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ สดชื่น อร่อยซ่าถึงใจ กับกลิ่นเลมอน-ไลม์ นับเป็นการตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ ในฐานะเครื่องดื่มที่มอบความสดชื่น เย็นซ่า ไม่มีน้ำตาล และไม่มีแคลอรี สามารถช่วยคลายความร้อนให้ผู้บริโภคได้ทุกเวลา 

 

รวมถึงยกระดับประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคได้สัมผัสความอร่อยซ่าเกินห้ามใจ 

 

นอกจากนี้ “ สไปรท์ ” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ ยังเสริมทัพด้วยสื่อโฆษณาตัวใหม่ อร่อยซ่าเกินห้ามใจ ทั้งนอกบ้าน ทีวี ดิจิทัล และกิจกรรมสุดคูลมอบความสดชื่นอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยเหล่าอินฟลูเอนเซอร์หลากหลายไลฟ์สไตล์ และกิจกรรมออนกราวด์ต่างๆ มากมายที่จะมาชวนชาว Gen Z ไปร่วมท้าพิสูจน์ “ สไปรท์ ” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ อร่อยซ่าเกินห้ามใจ ไปด้วยกัน

 

 

#SPRITETH #อร่อยซ่าถึงใจ #SpriteAtWaterbombBangkok #ThanksSprite

The post “สไปรท์” ไม่มีน้ำตาล สูตรใหม่ เปิดภาพความสนุกสุดเย็นซ่า ดับร้อนทุกองศารับซัมเมอร์ ในงาน WATERBOMB BANGKOK 2023 appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘เป๊ปซี่’ ประกาศเริ่มใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% เจ้าแรกในตลาดน้ำอัดลมไทย คิกออฟเมษายนนี้ https://thestandard.co/pepsi-uses-bottles-made-from-recycled-plastic/ Fri, 07 Apr 2023 11:40:30 +0000 https://thestandard.co/?p=774236 เป๊ปซี่ ขวดรีไซเคิล

‘ตลาดบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน’ กำลังเติบโตอย่างมากอันเกิดจากคว […]

The post ‘เป๊ปซี่’ ประกาศเริ่มใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% เจ้าแรกในตลาดน้ำอัดลมไทย คิกออฟเมษายนนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เป๊ปซี่ ขวดรีไซเคิล

‘ตลาดบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน’ กำลังเติบโตอย่างมากอันเกิดจากความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และบรรจุภัณฑ์ที่มีอายุการใช้งานยาวนาน ทำให้นี่เป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ด้านบรรจุภัณฑ์แห่งความยั่งยืน และผู้ผลิตทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

 

สำหรับในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้อนุญาตให้สามารถใช้ขวด rPET นำกลับมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มได้อย่างปลอดภัย

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

โดย ‘เป๊ปซี่’ กลายเป็นเจ้าแรกในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมของไทยที่ได้ประกาศความพร้อมในการใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% (ขวด rPET 100%)

 

“เราจะเริ่มเปิดตัวครั้งแรกด้วยเครื่องดื่มเป๊ปซี่และเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาล ขนาด 550 มิลลิลิตร ในช่วงเดือนเมษายนนี้ ก่อนจะตามมาด้วยผลิตภัณฑ์ในเครือฯ อย่างชาอู่หลงพร้อมดื่มทีพลัส (TEA+) เป็นลำดับถัดไป นอกจากนี้ยังมีการปรับแพ็กเกจจิ้งใหม่เป็นคำว่า ‘เป๊ปซี่ ขวดรีไซเคิล 100% (Pepsi 100% Recycled)’ เพื่อแจ้งผู้บริโภคถึงการเปลี่ยนเป็นขวด rPET อย่างเป็นทางการด้วย” อนวัช สังขะทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

 

สำหรับขวด rPET เป็นการผลิตโดย ‘เอ็นวิคโค’ ที่ใช้วัตถุดิบทั้งหมด 100% เป็นพลาสติกใช้แล้วในประเทศไทย มาผลิตโดยใช้เทคโนโลยีการรีไซเคิลที่ทันสมัย ควบคุมการผลิตตลอดกระบวนการโดยห้องปฏิบัติการมาตรฐานยุโรปภายในโรงงานซึ่งผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ทั้ง USFDA และ อย. เป็นรายแรกของประเทศไทย

 

ทั้งนี้ มีข้อมูลที่น่าสนใจว่าจากการสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันจำนวน 1,000 คน ของ Business of Sustainability Index ระบุว่า 66% ของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาทั้งหมดนิยมใช้บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน โดย 80% เป็นกลุ่มผู้บริโภคอายุ 18-34 ปีเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Young Generation) และมีความยินดีที่จะจ่ายเพิ่มเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์ยั่งยืน เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีความยั่งยืนน้อยกว่า 

 

อย่างไรก็ตาม ความต้องการบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนในตลาด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มน่าจะมีการเติบโตอย่างมากและต่อเนื่องในอนาคต เพื่อให้รองรับกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งการซื้ออาหารมาทำที่บ้านและการสั่งอาหารจากร้านอาหาร ซึ่งอิทธิพลดังกล่าวน่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และขยายไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ ในวงกว้างต่อไป

 

การประเดิมใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% ได้มีการจัดแคมเปญ ‘สำนึกซ่า กล้าเปลี่ยนเพื่อโลก’ จะเริ่มคิกออฟด้วยการติดตั้งถังขยะดีไซน์พิเศษสำหรับใส่ขวด PET โดยเฉพาะทั่วบริเวณสยามสแควร์ ตั้งแต่สงกรานต์นี้ถึงเดือนธันวาคม 2566 

 

อ้างอิง:

The post ‘เป๊ปซี่’ ประกาศเริ่มใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิล 100% เจ้าแรกในตลาดน้ำอัดลมไทย คิกออฟเมษายนนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>