นาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 15 Aug 2024 09:42:28 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 อัยการแจงเหตุไม่ฟ้องคดีถุงขนม 2 ล้าน ‘พิชิต ชื่นบาน’ เนื่องจากขาดองค์ประกอบความผิด ยัน ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ อดีตอัยการสูงสุดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง https://thestandard.co/attorney-2m-snack-bag-pichit-case/ Thu, 15 Aug 2024 09:42:28 +0000 https://thestandard.co/?p=971464 คดี พิชิต ชื่นบาน

วันนี้ (15 สิงหาคม) ประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการส […]

The post อัยการแจงเหตุไม่ฟ้องคดีถุงขนม 2 ล้าน ‘พิชิต ชื่นบาน’ เนื่องจากขาดองค์ประกอบความผิด ยัน ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ อดีตอัยการสูงสุดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง appeared first on THE STANDARD.

]]>
คดี พิชิต ชื่นบาน

วันนี้ (15 สิงหาคม) ประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย นาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงกรณีพนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง พิชิต ชื่นบาน ในคดีถุงขนม 2 ล้านบาท กับพวกรวม 3 คน เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2551 

 

ประยุทธกล่าวว่า ตามที่มีบางสำนักข่าวนำเสนอข้อเท็จจริงว่า ชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด เป็นผู้สั่งไม่ฟ้อง พิชิต ชื่นบาน กับพวกรวม 3 คนนั้น สำนักงานอัยการสูงสุดได้ตรวจสอบสำนวนคดีดังกล่าวแล้วยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นความจริง โดยชัยเกษม อดีตอัยการสูงสุด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในการสั่งคดีดังกล่าว

 

ลำดับขั้นตอนและการสั่งคดีดังกล่าวเป็นไปดังต่อไปนี้

 

  1. สำนวนคดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 สำนักงานคดีอาญา โดยสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 ได้รับสำนวนพร้อมความเห็นเสนอสั่งไม่ฟ้องจากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ชนะสงคราม คดีกล่าวหา พิชิต ชื่นบาน จำเลยที่ 1 ศุภศรี ศรีสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 ธนา ตันศิริ จำเลยที่ 3 ข้อหาร่วมกันให้ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ 

 

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เวลาประมาณ 09.00 น. ในท้องที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โดยสำนวนดังกล่าวพนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกคน โดยเห็นว่าผู้ต้องหาทั้งสามไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา

 

  1. เมื่อพนักงานอัยการได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนแล้ว สมเจตน์ ชัยเฉลิมปรีชา อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจพิจารณาสำนวน ประกอบด้วย ยงยุทธ ศรีสัตยาชน อัยการจังหวัดประจำกรม และ สมบูรณ์ ศุภอักษร อัยการอาวุโส เป็นคณะทำงาน โดยมี สมเจตน์ ชัยเฉลิมปรีชา เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งคณะทำงานได้ตรวจสำนวนโดยละเอียดแล้วเห็นพ้องกับความเห็นของคณะพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม 

 

จากนั้นได้เสนอสำนวนพร้อมความเห็นต่อ ร.ต.ท. ธานี วุธยากร รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณาตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่ง ร.ต.ท. ธานี วุธยากร รองอธิบดีอัยการฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นและเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสามตามเสนอ 

 

จากนั้นได้เสนอสำนวนให้ กายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา พิจารณา ซึ่งกายสิทธิ์ได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2551 โดยมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสามตามความเห็นของพนักงานสอบสวน 

 

ประยุทธกล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่าพนักงานอัยการซึ่งเป็นคณะทำงาน และรองอธิบดีอัยการเสนอพิจารณาสั่งสำนวนดังกล่าว เห็นได้ชัดเจนว่าชัยเกษมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งสำนวนคดีดังกล่าวใดๆ ทั้งสิ้น

 

  1. เมื่อ กายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา มีคำสั่งไม่ฟ้อง ได้ส่งสำนวนพร้อมความเห็นทั้งหมดให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท. ชาตรี สุนทรศร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2552 ไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา

 

จากข้อเท็จจริงดังกล่าว เมื่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้อง ถือว่าคำสั่งไม่ฟ้องเสร็จเด็ดขาดตามขั้นตอนของกฎหมาย ดังนั้นการที่มีการนำเสนอข่าวว่า ชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด เป็นคนสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว จึงไม่ถูกต้องและไม่เป็นความจริง

 

เมื่อถามว่าอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาสั่งไม่ฟ้องพิชิตกับพวกในยุคอัยการสูงสุดคนใด ประยุทธกล่าวว่าเป็นช่วงที่ชัยเกษมเป็นอัยการสูงสุด แต่ในวันที่ พล.ต.ท. ชาตรี มีคำสั่งไม่แย้งมาเป็นช่วงของ จุลสิงห์ วสันตสิงห์ เป็นอัยการสูงสุด แต่ยืนยันทั้ง 2 ท่านไม่มีส่วนใดๆ ในการสั่งคดี

 

นาเคนทร์กล่าวถึงเหตุผลของอัยการในการสั่งไม่ฟ้องพิชิตกับพวกว่า มองว่าการกระทำของผู้ต้องหาขาดองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเหตุผลหลักที่พนักงานสอบสวนและอัยการสั่งไม่ฟ้องจากสำนวนคดีเห็นว่า เจ้าหน้าที่ธุรการตำแหน่งนิติกร 5 ประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้รับถุงที่ภายในบรรจุเงินจำนวน 2 ล้านบาท 

 

ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดี อีกทั้งในทางสอบสวนคำให้การของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้ให้การว่าคนที่นำถุงขนมใส่เงินคือธนา และไม่ได้พูดให้ไปกระทำการหรือไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ อีกทั้งไม่มีข้อเท็จจริงว่าให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไปประสานงานกับผู้พิพากษาที่มีอำนาจในการตัดสินคดีเพื่อที่จะให้คุณให้โทษแก่ ทักษิณ ชินวัตร 

 

ดังนั้นการกระทำของผู้ต้องหาทั้งสามจึงขาดองค์ประกอบความผิดในเรื่องเจตนาพิเศษที่จะให้ไปกระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ และเมื่อฟังได้ว่าธนาไม่มีความผิด พิชิตกับพวกอีกคนหนึ่งจึงไม่มีความผิดด้วยเช่นกัน สั่งไม่ฟ้อง

The post อัยการแจงเหตุไม่ฟ้องคดีถุงขนม 2 ล้าน ‘พิชิต ชื่นบาน’ เนื่องจากขาดองค์ประกอบความผิด ยัน ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ อดีตอัยการสูงสุดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง appeared first on THE STANDARD.

]]>
อัยการสูงสุดเลื่อนอ่านคำสั่งฟ้อง-ไม่ฟ้อง คดี ม.112 ‘ทักษิณ’ เผยผลสอบเพิ่มคืบหน้าแล้ว 80% ทนายแจง ทักษิณยืนยันไม่ได้ทำผิด https://thestandard.co/section-112-case-thaksin-shinawatra/ Wed, 10 Apr 2024 04:34:48 +0000 https://thestandard.co/?p=921405

วันนี้ (10 เมษายน) ประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนั […]

The post อัยการสูงสุดเลื่อนอ่านคำสั่งฟ้อง-ไม่ฟ้อง คดี ม.112 ‘ทักษิณ’ เผยผลสอบเพิ่มคืบหน้าแล้ว 80% ทนายแจง ทักษิณยืนยันไม่ได้ทำผิด appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (10 เมษายน) ประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย นาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และคณะ ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้ากรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 

 

ประยุทธกล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 อำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งให้สอบสวนในคดีนี้เพิ่มเติม เพื่อให้สิ้นกระแสความ และได้ให้พนักงานสอบสวนส่งรายงานการสอบสวนเพิ่มเติมมาภายในวันที่ 10 เมษายนนั้น วานนี้ (9 เมษายน) พนักงานสอบสวนได้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาเพียงบางประเด็นเท่านั้น ยังไม่ครบถ้วนทุกประเด็น 

 

ดังนั้นอัยการสูงสุดจึงยังไม่อาจมีความเห็นหรือคำสั่งในทางคดีได้ จึงได้เลื่อนการฟังคำสั่งในคดีนี้อีกครั้งไปเป็นวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 น. ซึ่งวานนี้ได้แจ้งผลไปยังทักษิณแล้วว่า ผลการสอบยังไม่ครบถ้วน และวันนี้ทักษิณไม่ได้เดินทางมาที่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อรับทราบคำสั่ง แต่ได้มอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจมารับทราบคำสั่งดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว 

 

ประยุทธกล่าวยืนยันว่า กรณีการเลื่อนฟังคำสั่งนั้นมี 2 กรณี คือ เลื่อนเพราะฝั่งหน่วยงานราชการ และเลื่อนเพราะเหตุปัจจัยของฝั่งผู้ที่ต้องมารับทราบนัด ซึ่งกรณีในวันนี้เป็นเหตุขัดข้องจากหน่วยงานราชการที่งานของกระบวนการยุติธรรมยังไม่แล้วเสร็จ 

 

สำหรับประเด็นที่อัยการสูงสุดได้สั่งสอบเพิ่มเติมนั้น ยังคงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่มีความคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 70-80 ซึ่งเป็นการสอบถ้อยคำกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่อยู่ระหว่างดำเนินการอีกร้อยละ 30 นั้น เป็นการดำเนินการด้านเอกสาร หรือด้านอื่นๆ เกี่ยวกับผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญต่างๆ และหากพนักงานสอบสวนได้ส่งประเด็นการสอบสวนเพิ่มเติมครบถ้วนก่อนวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ คาดว่าไม่น่าจะมีเหตุขัดข้องให้ต้องเลื่อนการฟังคำสั่งในคดีออกไปอีก

 

ด้าน ณรงค์ ศรีระสันต์ อัยการพิเศษฝ่ายแผนช่วยเหลือทางกฎหมาย กล่าวว่า แนวทางการปฏิบัติของผู้ต้องหาหลังจากทราบวันนัดต่อไปแล้ว ผู้ต้องหาจะต้องมารายงานตัวด้วยตนเอง หากไม่มาต้องยื่นคำร้องเพื่อขอเลื่อนการรับฟังคำสั่งของพนักงานอัยการ พร้อมแสดงเหตุผลความจำเป็นเพื่อให้หัวหน้าอัยการใช้ดุลพินิจว่ามีเหตุควรอนุญาตให้เลื่อนหรือไม่ หากไม่มี พนักงานสอบสวนจะติดตามตัวด้วยการออกหมายจับเพื่อมาฟังคำสั่งในคดีต่อไป

 

นอกจากนี้ หากกระบวนการสั่งคดีของอัยการยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากกระบวนการทางกฎหมาย เช่น การสอบสวนเพิ่มเติมไม่แล้วเสร็จ ผู้ต้องหาสามารถมอบหมายให้นายประกัน ญาติ หรือทนายความ มารับฟังคำสั่งเลื่อนของอัยการได้ 

 

ด้าน วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ และผู้รับมอบอำนาจจากทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงข่าวของคณะอัยการสูงสุดว่า แนวทางการต่อสู้คดีไม่ขอลงรายละเอียด เนื่องจากเป็นความลับของแนวทางการต่อสู้คดีที่ทุกอย่างอยู่ในสำนวน และเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี โดยคดีนี้ทางอัยการสูงสุดได้ขอให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม และส่วนไหนที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาตนก็จะชี้แจงเพิ่มเติม

 

ในส่วนของความมั่นใจในการต่อสู้คดี วิญญัติระบุว่า ไม่ขอบอกเป็นตัวเลข แต่ขอต่อสู้ตามสิทธิในเรื่องของพยานหลักฐานข้อเท็จจริงที่มี ประกอบกับเหตุผลและข้อกฎหมายจากประเด็น 2 ข้อกล่าวหา คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดมาตรา 112 ที่ต้องต่อสู้ในข้อกฎหมายว่าเข้าองค์ประกอบหรือไม่ ในฐานะตัวแทนของผู้ต้องหา ได้ยื่นเอกสารทั้งหมดไปให้อัยการสูงสุดแล้ว หากอัยการสูงสุดพิจารณาว่ามีประโยชน์และครบถ้วนเป็นธรรมก็จะให้สอบเพิ่มเติม เหมือนกับครั้งนี้ที่มีการส่งสำนวนให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมให้ครบถ้วนในทุกประเด็น

 

ในส่วนของทักษิณยังคงมั่นใจว่าไม่ได้มีการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งทุกวันนี้ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนประชาชนคนหนึ่งที่เป็นผู้สูงอายุที่รักษาตัวและต้องดูแลตัวเอง

 

ส่วนประเด็นการขอความเป็นธรรมทางคดีเพิ่มเติม วิญญัติกล่าวว่า ตอนนี้ฝั่งของผู้ต้องหาไม่มีการยื่นขอความเป็นธรรมเพิ่มเติมแล้ว เพราะทุกอย่างได้ทำสมบูรณ์ครบทุกประเด็น

The post อัยการสูงสุดเลื่อนอ่านคำสั่งฟ้อง-ไม่ฟ้อง คดี ม.112 ‘ทักษิณ’ เผยผลสอบเพิ่มคืบหน้าแล้ว 80% ทนายแจง ทักษิณยืนยันไม่ได้ทำผิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
อยู่ที่ ผบ.ตร. จะจัดการกรณีผู้ต้องหาคดีมินนี่ข่มขู่อัยการอย่างไร หลัง อสส. ส่งหนังสือไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน https://thestandard.co/case-of-minnie-threatening-the-prosecutor/ Mon, 19 Feb 2024 05:46:53 +0000 https://thestandard.co/?p=901688 คดีมินนี่ข่มขู่อัยการ

วันนี้ (19 กุมภาพันธ์) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ประยุทธ […]

The post อยู่ที่ ผบ.ตร. จะจัดการกรณีผู้ต้องหาคดีมินนี่ข่มขู่อัยการอย่างไร หลัง อสส. ส่งหนังสือไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน appeared first on THE STANDARD.

]]>
คดีมินนี่ข่มขู่อัยการ

วันนี้ (19 กุมภาพันธ์) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย ณรงค์ ศรีระสันต์ และ นาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่อัยการสูงสุดมีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้กำหนดความคุ้มครองความปลอดภัยกับ

กุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และ สุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 ที่เข้าร่วมให้คำแนะนำปรึกษาในการสืบสวนสอบสวนคดีที่จับกุมเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ (มินนี่) กับพวก

 

เนื่องจากมีการรายงานว่า มีกลุ่มผู้ต้องหาในคดีที่ยังรับราชการตำรวจอยู่ มีพฤติการณ์ข่มขู่คุกคามจากการเข้าไปให้คำแนะนำในการสอบสวนตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ แต่ทางกลุ่มผู้ต้องหาได้ร้องเรียนการทำหน้าที่ของอัยการทั้ง 2 คน ต่ออัยการสูงสุด พร้อมกับแนบเอกสารภาพถ่ายที่ปรากฏภาพของกุลธนิตและสุริยน ในขณะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำปรึกษาการสืบสวนสอบสวน

 

 ซึ่งมีลักษณะเป็นการติดตามและแอบถ่าย โดยผู้ถูกถ่ายภาพไม่ยินยอมและไม่รู้ตัว เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ในทางมิชอบ ในเชิงการคุกคามข่มขู่ ซึ่งอาจไม่ปลอดภัยต่อตนเองและครอบครัว จึงขอพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นที่ปรึกษาคณะพนักงานสอบสวนชั่วคราว จนกว่าสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะกำหนดมาตรการในการรักษาความปลอดภัยได้ 

 

ประยุทธกล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางอัยการสูงสุดได้ทำหนังสือถึง พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินการในประเด็นต่อไปนี้ คือ 

 

  1. ขอให้มีมาตรการในการป้องกันคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่อัยการทั้ง 2 คน
  2. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณามาตรการคุ้มครองความปลอดภัยของบุคคลดังกล่าว และดำเนินมาตรการไม่ให้ผู้ต้องหาที่ยังคงรับราชการเป็นตำรวจทั้ง 8 คน คุกคามข่มขู่พนักงานอัยการและขัดขวางกระบวนการสืบสวนสอบสวน 
  3. ให้อัยการทั้ง 2 คนหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะได้มีการดำเนินการตามข้อ 1 และข้อ 2 เสร็จ 
  4. หากพนักงานอัยการเห็นว่ามีความปลอดภัยแล้ว ให้เรียนอัยการสูงสุดทราบและแจ้งคณะพนักงานสอบสวนเพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่ในคดีนี้ต่อไป 
  5. ขอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจสอบ หากพบบุคคลกระทำความผิดอาญาให้ดำเนินคดีและรายงานผลคดีให้อัยการสูงสุดทราบด้วย 

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีรายงานความคืบหน้ากลับมาจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนกรณีที่พนักงานอัยการพักการร่วมสอบสวนในคดีนั้น จะมีผลต่อความล่าช้าในการสอบสวนหรือไม่ ตนเชื่อว่าอาจส่งผลกระทบ เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ขอความร่วมมือมาทางอัยการเอง 

 

ด้านนาเคนทร์กล่าวว่า หากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจสอบแล้วเห็นว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายข่มขู่คุกคาม ก็ขอให้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาดำเนินการต่อไป 

 

ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายภาพพนักงานอัยการระดับสูงในการปฏิบัติงาน เป็นการสะท้อนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นว่า หากกรณีนี้เกิดขึ้นได้ กับประชาชนทั่วไปก็จะลำบากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ อัยการทั้ง 2 คนจะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

The post อยู่ที่ ผบ.ตร. จะจัดการกรณีผู้ต้องหาคดีมินนี่ข่มขู่อัยการอย่างไร หลัง อสส. ส่งหนังสือไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน appeared first on THE STANDARD.

]]>
อัยการสูงสุดสั่งอายัดตัวทักษิณทันทีหากพักโทษ พร้อมนำมาดำเนินคดี ม.112 แม้ก่อนหน้านี้ปฏิเสธข้อหา ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม https://thestandard.co/order-thaksins-arrest-if-sentence-is-suspended/ Tue, 06 Feb 2024 05:36:12 +0000 https://thestandard.co/?p=896571

วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ประยุทธ เ […]

The post อัยการสูงสุดสั่งอายัดตัวทักษิณทันทีหากพักโทษ พร้อมนำมาดำเนินคดี ม.112 แม้ก่อนหน้านี้ปฏิเสธข้อหา ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วยคณะ กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจหลังรับโทษที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า

 

ทักษิณถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 คดีนี้เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2559 สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนคดีการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักรจากพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยทักษิณเป็นผู้ถูกกล่าวหา

 

ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และร่วมกันนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์เป็นเท็จ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี และประเทศไทยเกี่ยวพันกัน

 

ทั้งนี้ ความผิดดังกล่าวเป็นความผิดที่มีการกล่าวหาว่าผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีโทษตามกฎหมายไทยที่ได้กระทำนอกราชอาณาจักร จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุดเป็นผู้ดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งขณะนั้นอัยการสูงสุด ร.ต.ต. พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร ได้ตรวจพิจารณาสำนวนดังกล่าวแล้ว ได้มีความเห็นและคำสั่งทางคดีเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้องทักษิณตามข้อกล่าวหาที่พนักงานสอบสวนเสนอมา

 

แต่เนื่องจากขณะนั้นผู้ต้องหาหลบหนี ทางอัยการสูงสุดจึงแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายจับ และต่อมาพนักงานสอบสวนได้มีคำขอต่อศาลอาญา และศาลอาญาก็ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาไว้ ภายในอายุความ 15 ปีนับตั้งแต่วันเกิดเหตุ โดยคดีนี้จะขาดอายุความในวันที่ 21 พฤษภาคม 2573

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ทักษิณได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และถูกควบคุมตัวเพื่อรับโทษในคดีอาญาเรื่องอื่น พนักงานสอบสวนจึงได้นำหมายจับไปแจ้งอายัดตัวผู้ต้องหาที่กรมราชทัณฑ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 กุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และคณะ ได้ร่วมกับพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้รับผิดชอบคดีได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหาพร้อมพฤติการณ์และข้อเท็จจริงทางคดีให้กับทักษิณทราบแล้ว

 

ปรากฏว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พร้อมกับยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ต่อมาอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนได้ส่งบันทึกคำให้การพร้อมหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้กับพนักงานอัยการผู้รับผิดชอบดำเนินคดี เพื่อรวบรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนวนการสอบสวนส่งให้สำนักอัยการสูงสุดพิจารณา

 

และขณะนี้สำนวนคดีนี้อยู่ระหว่างพิจารณาของสำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุดในการตรวจพิจารณาและทำความเห็นเบื้องต้นเสนออัยการสูงสุด เพื่อพิจารณามีความเห็นและคำสั่งทางคดีต่อไป

 

ประยุทธกล่าวต่อว่า ในกรอบของกฎหมาย เมื่อท่านอัยการสูงสุดได้รับสำนวนคดีสามารถสั่งได้ 3 อย่างตามประมวลกฎหมายฯ ประเด็นที่เห็นว่าต้องมีการสอบสวนให้กระจ่างแจ่มแจ้งก็จะสั่งสอบเพิ่ม แต่ถ้าเห็นว่าสำนวนพร้อมแล้ว สมบูรณ์แล้ว และไม่มีประเด็นจะสอบเพิ่มเติม ก็สามารถยืนตามความเห็นคำสั่งเดิมที่สั่งไปแล้ว หรือเปลี่ยนจากเห็นควรสั่งฟ้องเป็นไม่ฟ้องได้

 

ส่วนความเห็นของอัยการสูงสุดจะมีทิศทางประการใด ขณะนี้ยังถือว่าเร็วเกินไปที่จะทราบได้ เพราะ ณ เวลานี้ที่นำเรียนสำนวนถูกส่งมาที่ฝ่ายกิจการฯ ซึ่งมีอธิบดีอัยการ สำนักงาน คดีกิจการสูงสุด และคณะอัยการ จะคัดกรอง ลงความเห็นตรวจพยานหลักฐานทั้งหมดสรุปเป็นขั้นตอน ส่งรองอัยการสูงสุดที่กำกับดูแลจากนั้นไปสู่อัยการสูงสุด

 

ประยุทธกล่าวต่อว่า ขั้นตอนดังกล่าวไม่มีกรอบระยะเวลาในทางปฏิบัติ ถ้าไม่มีประเด็นสอบสวนเพิ่มเติมก็น่าจะไม่มีอะไรช้า แต่ถ้ามีประเด็นสอบสวนเพิ่มเติมก็ต้องขึ้นกับปัจจัยที่ทางพนักงานสอบสวนจะทำช้าหรือเร็ว 

 

ด้าน นาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ส่วนของการพิจารณาพักโทษ ขณะนี้คำสั่งที่จะพักโทษทักษิณ กรมราชทัณฑ์ยังไม่มีคำสั่ง แต่พนักงานสอบสวนได้มีการแจ้งอายัดตัวไปที่กรมราชทัณฑ์ และกรมราชทัณฑ์ได้ตอบรับการอายัดตัวไว้แล้ว 

 

ผลของการอายัดตัวคดีนี้ ถ้ามีการพักโทษ ทางเรือนจำต้องแจ้งพนักงานสอบสวนให้มารับตัวทักษิณ เนื่องจากเรือนจำมีคำสั่งพักโทษ ทางพนักงานสอบสวนจะต้องไปรับตัวทักษิณไว้มาดำเนินการควบคุม การควบคุมตัวก็เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนว่าจะปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวนหรือไม่ หรือนำตัวไปคุมขัง เมื่อพนักงานสอบสวนดำเนินการแล้วก็จะแจ้งมายังพนักงานอัยการว่าขณะนี้ตัวของทักษิณในคดี ม.112 ได้มีการควบคุมตัวแล้วอย่างไรบ้าง

The post อัยการสูงสุดสั่งอายัดตัวทักษิณทันทีหากพักโทษ พร้อมนำมาดำเนินคดี ม.112 แม้ก่อนหน้านี้ปฏิเสธข้อหา ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม appeared first on THE STANDARD.

]]>
รองโฆษก อสส. เผย อัยการรับสำนวน ป.ป.ช. ชี้มูล ‘สมยศ’ กับพวก 8 คน เปลี่ยนความเร็วคดีบอส เสนอส่งฟ้องศาลฎีกาฯ นักการเมือง https://thestandard.co/ago-nacc-somyot-and-friends/ Sat, 21 Oct 2023 08:11:33 +0000 https://thestandard.co/?p=857166 รองโฆษก อสส. เผย รับสำนวน ป.ป.ช. สมยศ และพวกเปลี่ยนความเร็วคดี บอส อยู่วิทยา

วันนี้ (21 ตุลาคม) นาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดปร […]

The post รองโฆษก อสส. เผย อัยการรับสำนวน ป.ป.ช. ชี้มูล ‘สมยศ’ กับพวก 8 คน เปลี่ยนความเร็วคดีบอส เสนอส่งฟ้องศาลฎีกาฯ นักการเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
รองโฆษก อสส. เผย รับสำนวน ป.ป.ช. สมยศ และพวกเปลี่ยนความเร็วคดี บอส อยู่วิทยา

วันนี้ (21 ตุลาคม) นาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดกลุ่มผู้ต้องหาในคดีเปลี่ยนแปลงความเร็วรถของ วรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ในข้อหาขับรถยนต์ชน ด.ต. วิเชียร กลั่นประเสริฐ นายดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555

 

จนมีการกลับคำสั่งไม่ฟ้องคดีว่า คดีนี้ ป.ป.ช. ส่งสำนวนมาถึงสำนักงานอัยการสูงสุดเมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา โดยสำนวนดังกล่าวคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิด พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ และเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กับพวกรวม 8 คน ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง

 

โดยทาง ป.ป.ช. ส่งสำนวนที่มีการชี้มูลความผิดเพื่อให้อัยการสูงสุดพิจารณายื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งเหตุที่ส่งให้อัยการฟ้องต่อศาลนี้เนื่องจากตามกฎหมายเป็นศาลที่มีอำนาจในการพิจารณาคดีเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความผิดด้วย ไม่ใช่นักการเมืองอย่างเดียว เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 76 คดีของผู้ต้องหากลุ่มนี้จึงอยู่ในอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ตำแหน่งทางการเมือง

 

โดยขั้นตอนหลังจากรับสำนวน ปปช. อัยการสูงสุดได้ส่งสำนวนให้อัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตดำเนินการพิจารณา ซึ่งอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา ซึ่งผลการพิจารณาจะเป็นไปได้ 2 กรณี

 

  1. ถ้าสำนวนนี้ไม่มีปัญหาพยานหลักฐานสมบูรณ์เพียงพอที่จะดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ทางอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตจะพิจารณาความเห็นและนำเสนอต่ออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาสั่งรับดำเนินคดีอาญา โดยจะมีกรอบระยะเวลาภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันที่รับสำนวน

 

  1. ถ้าคณะทำงานของอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตพิจารณาแล้วเห็นว่าพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวนยังไม่สมบูรณ์ ก็จะดำเนินการตั้งข้อไม่สมบูรณ์ได้ กรณีการตั้งข้อสมบูรณ์ไม่ใช่เป็นอำนาจของอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต แต่จะต้องขออนุญาตอัยการสูงสุดหรือทำการเสนอต่ออัยการสูงสุดว่าคดีนี้ตรวจสอบแล้วว่ามีกรณีที่จะต้องตั้งข้อไม่สมบูรณ์ ซึ่งตามกฎหมายต้องภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่รับสำนวน

 

หากอัยการสูงสุดเห็นว่าคดีนี้จำเป็นต้องตั้งข้อไม่สมบูรณ์ก็จะมีการแจ้ง ป.ป.ช. เพื่อให้ส่งตัวแทนมาร่วมกันพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์เพื่อหาข้อยุติ ไม่เกินฝ่ายละ 5 คน และเมื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์นั้นแล้วได้ข้อยุติอย่างไรก็ต้องนำเสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณา

 

หากคณะที่ประชุมร่วมระหว่างอัยการและ ป.ป.ช. ประชุมร่วมกันและมีการแก้ไขข้อไม่สมบูรณ์แล้ว ก็นำเสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณามีคำสั่งรับดำเนินคดี แต่ถ้ามีการตั้งข้อไม่สมบูรณ์และมีการประชุมร่วมกันระหว่างตัวแทนอัยการและ ป.ป.ช. หากอัยการยังมองว่าฟ้องไม่ได้ เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ก็จะนำเสนออัยการสูงสุดเพื่อที่จะไม่รับดำเนินคดีอาญาและส่งคืน ป.ป.ช. เพื่อให้ ป.ป.ช. พิจารณาฟ้องเองอย่างที่เคยปรากฏในหลายคดีที่ผ่านมา

 

หากผู้ต้องหาจะร้องขอความเป็นธรรมในขั้นตอนสำนวนถึงอัยการนี้ก็สามารถยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดได้ โดยจะมีกรอบระยะเวลาในการยื่น และจะต้องยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมก่อนที่ทางอัยการสูงสุดจะมีคำสั่งรับดำเนินคดีอาญา และหากต้องการยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจะต้องยื่นพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อที่จะนำมาสู่การตั้งข้อไม่สมบูรณ์ โดยจะต้องดำเนินการยื่นภายในกรอบระยะเวลา 90 วัน เพราะว่าถ้ากรอบระยะเวลา 90 วัน หากทางอัยการไม่ตั้งข้อไม่สมบูรณ์ภายใน 90 วัน หรือตั้งข้อไม่สมบูรณ์ไม่ทัน กฎหมายจะขยายได้อีก 45 วัน เท่ากับเป็น 135 วัน ถ้าภายในระยะเวลานี้ไม่ยื่นขอความเป็นธรรมก็ตั้งข้อไม่สมบูรณ์ไม่ได้แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องก่อนอัยการสูงสุดจะมีคำสั่งรับดำเนินคดี

 

เพราะหากอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้รับดำเนินคดีแล้วปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดร้องความเป็นธรรมถึงแม้จะยื่นภายในกรอบระยะเวลาตั้งข้อไม่สมบูรณ์ก็ตาม แต่หากอัยการสูงสุดมีคำสั่งรับไปแล้วก็ไม่สามารถยื่นได้ เพราะเมื่ออัยการสูงสุดมีคำสั่งรับแล้วผู้ถูกกล่าวหามายื่นขอความเป็นธรรมก็จะสั่งได้อย่างเดียวก็คือยุติการร้องขอความเป็นธรรม

 

“คดีนี้อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะเกณฑ์ตามกฎหมายไม่ระบุว่าจำต้องเป็นนักการเมืองเท่านั้น เป็นข้าราชการชั้นระดับสูง คดีอยู่ในอำนาจของศาลนี้ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 76” นาเคนทร์กล่าว

 

ในส่วนของวรยุทธ คดีนี้อัยการได้มีการสั่งฟ้องวรยุทธความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นผู้ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นข้อหาที่ยังไม่หมดอายุความ ข้อหานี้มีกำหนดอายุความในการดำเนินคดีอาญาอายุความทั้งหมด 15 ปี ซึ่งจะขาดอายุความวันที่ 3 กันยายน 2570 ซึ่งคดีนี้ทางอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว ล่าสุดทางอัยการก็ได้มีหนังสือแจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อดำเนินการจัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหามาฟ้องภายในอายุความ เป็นหนังสือแจ้งฉบับล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้

 

ส่วนขั้นตอนในการติดตามตัวผู้ต้องหามาฟ้องก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะต้องติดตามตัวว่าผู้ต้องหาอยู่ที่ไหน ถ้าผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศก็จะต้องดำเนินการติดต่อ สืบหาที่อยู่ของผู้ต้องหาหรือหลักแหล่งของผู้ต้องหาให้ได้ และถ้าจะมีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนจะต้องส่งข้อมูลมายังสำนักงานอัยการต่างประเทศ เพื่อให้อัยการสูงสุดในฐานะผู้ประสานงานกลางขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป ถ้าได้ตัวมาภายในอายุความอัยการก็พร้อมฟ้องทันทีเพราะมีการร่างฟ้องรอเรียบร้อยแล้ว

 

มีรายงานว่าสำหรับ 8 ผู้ต้องหาที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดส่งอัยการสูงสุดประกอบด้วย พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร., เนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด และกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดี ส่วนผู้สนับสนุน ได้แก่ ชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส, ทนายความ, นักวิชาการด้านความเร็ว และนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง

The post รองโฆษก อสส. เผย อัยการรับสำนวน ป.ป.ช. ชี้มูล ‘สมยศ’ กับพวก 8 คน เปลี่ยนความเร็วคดีบอส เสนอส่งฟ้องศาลฎีกาฯ นักการเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>