ธุรกิจธนาคาร – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 19 Nov 2024 11:55:38 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 อนาคตของ AI ในธุรกิจแบงกิ้งที่เป็นมากกว่าแค่ ‘แชตบอต’ แต่คือผู้ช่วยที่ปลดล็อกให้คนลงแรงน้อยแต่ได้ผลลัพธ์มาก https://thestandard.co/ai-banking-chatbot/ Tue, 19 Nov 2024 11:55:38 +0000 https://thestandard.co/?p=1010521 AI ธนาคาร

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เริ่มเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงานของหลา […]

The post อนาคตของ AI ในธุรกิจแบงกิ้งที่เป็นมากกว่าแค่ ‘แชตบอต’ แต่คือผู้ช่วยที่ปลดล็อกให้คนลงแรงน้อยแต่ได้ผลลัพธ์มาก appeared first on THE STANDARD.

]]>
AI ธนาคาร

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เริ่มเข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงานของหลายอุตสาหกรรมไปแล้วไม่มากก็น้อย ซึ่งหนึ่งในอุตสาหกรรมที่กำลังปรับตัวมากที่สุดก็คือธนาคารที่อยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล เนื่องจากความคาดหวังของลูกค้าที่ไม่เหมือนเดิมและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น 

 

THE STANDARD WEALTH มีโอกาสคุยกับ John Duigenan ผู้บริหารระดับสูงของ IBM ถึงทิศทางที่ AI กำลังปรับรูปเกมการทำธุรกิจของธนาคาร 

 

 

AI ที่ไม่ได้มีดีแค่แชตบอต

 

จากประสบการณ์ที่ IBM ทำงานร่วมกับธนาคารหลายแห่งในปัจจุบัน กรณีการใช้งาน AI นั้นไปไกลมากกว่าแค่การเป็นแชตบอตที่ใช้ถาม-ตอบข้อสงสัยขั้นพื้นฐาน แต่เหล่าธนาคารกำลังเน้นพัฒนา AI ในฐานะผู้ช่วย (AI Assistant) ที่สามารถทำงานซับซ้อนมากขึ้นเพื่อเพิ่มผลิตภาพ หรือพูดอีกแบบก็คือปลดล็อกให้ “คนลงแรงน้อยแต่ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่า”

 

“ถ้า AI ทำได้แค่ตอบคำถามในสิ่งที่ผมสงสัย นั่นอาจจะไม่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระเท่าไร แต่ถ้า AI ที่มาในฐานะผู้ช่วยและสามารถทำหน้าที่บางอย่างแทนผมได้ นั่นแหละเราถึงจะเรียกว่านวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกจริงๆ เพราะเรามีเวลามากขึ้น” John กล่าว

 

John ย้ำว่าการใช้งาน AI ในธนาคารมี 3 ประเภทงานสำคัญ ได้แก่:

 

  1. การยกระดับประสบการณ์ลูกค้า: ผู้ช่วย AI สามารถให้บริการที่มีประสิทธิภาพและเฉพาะเจาะจงในรายบุคคลมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อโลกเข้าสู่ดิจิทัลแพลตฟอร์ม การทำให้ลูกค้าใช้บริการการเงินได้แบบไม่สะดุดและตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาจึงเป็นเรื่องที่ธนาคารให้ความสำคัญมาก

 

  1. การพลิกโฉมการทำงานภายใน: AI สามารถเปลี่ยนให้งานซ้ำซ้อนทำได้แบบกึ่งอัตโนมัติมากขึ้น และทำให้ขั้นตอนการทำงานราบรื่น รวมถึงทดแทนกระบวนการที่เรียกว่า ‘Swivel Chair’ หรือการที่มนุษย์ทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายโอนข้อมูลระหว่าง 2 ระบบด้วยตนเอง ซึ่งเป็นงานที่อาจใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่ AI สามารถเข้ามาเชื่อมต่องานเหล่านี้ให้มนุษย์โยกย้ายไปทำงานที่สร้างมูลค่ามากกว่าได้

 

  1. ตัวเร่งการพัฒนาแอปพลิเคชัน: AI จะมาช่วยเรื่องการทำความเข้าใจโค้ด ซึ่งจะปรับปรุงความแม่นยำและประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญเมื่อมนุษย์กับเทคโนโลยีทำงานควบคู่กัน

 

ความท้าทายและอนาคตการใช้ AI ในภาคการธนาคาร

 

แม้ว่าศักยภาพของ AI ในธนาคารจะมีอย่างหลากหลาย แต่ John ยังคงชี้ให้เห็นความท้าทายที่ธนาคารต้องก้าวผ่านไปให้ได้ นั่นคือการนำ AI ผนวกเข้ากับระบบการทำงานดั้งเดิม เช่น เทคโนโลยีที่เคยใช้งานได้ในอดีตอาจต้องได้รับการปรับเพื่อให้สามารถใช้ AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หรือการใช้ AI ในวงกว้างที่ปลอดภัย รวมถึงวิธีบริหารจัดการกับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมการทำงานในองค์กรเมื่อ AI เข้ามามีบทบาท ล้วนแล้วแต่เป็นข้อพิจารณาที่สำคัญ

 

นอกจากนี้ การใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบที่เน้นความโปร่งใสก็เป็นประเด็นที่ลูกค้าโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการเงินมองข้ามและละเลยไม่ได้ เพราะหากกฎหมายกำกับดูแลมีความไม่ชัดเจนและ AI ไม่โปร่งใส ความเชื่อมั่นในธุรกิจก็อาจได้รับผลกระทบในเชิงลบได้

 

อีกหนึ่งประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ก็คือผลกระทบต่อสังคม ซึ่ง John มองว่าเป็นข้อกังวลที่ทุกฝ่ายควรให้น้ำหนัก แต่ในขณะเดียวกันเขาเชื่อว่า AI ควรเป็นตัวปลดล็อกศักยภาพของมนุษย์ ไม่ใช่ตัวขวางกั้น ซึ่งแน่นอนว่างานหลายอย่างยังต้องอาศัยการตัดสินใจที่ใช้ทักษะจากผู้เชี่ยวชาญ โดย AI มีบทบาทในแง่ของตัวแปรที่ทำให้คนทำงานได้ดียิ่งขึ้น

 

สำหรับมุมมองของ John ในปี 2025 กับเรื่องการใช้ AI ในภาคธนาคาร สิ่งสำคัญที่ธนาคารต้องทำคือการขยายขอบเขตการใช้งาน AI แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการรักษาความไว้วางใจ เพราะหากไม่มีความเชื่อมั่น เทคโนโลยีก็ไม่สามารถถูกใช้ในวงกว้างได้

The post อนาคตของ AI ในธุรกิจแบงกิ้งที่เป็นมากกว่าแค่ ‘แชตบอต’ แต่คือผู้ช่วยที่ปลดล็อกให้คนลงแรงน้อยแต่ได้ผลลัพธ์มาก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยเล็งลดภาษีธุรกิจการเงิน แข่งสิงคโปร์-ฮ่องกง-ดูไบ ขึ้นเป็นศูนย์กลางการเงินแห่งใหม่ในภูมิภาค https://thestandard.co/thai-financial-industry-tax-reduction/ Fri, 19 Jul 2024 11:52:54 +0000 https://thestandard.co/?p=960345

ไทยเล็งลดภาษีธุรกิจการเงินให้เทียบเท่ากับศูนย์กลางการเง […]

The post ไทยเล็งลดภาษีธุรกิจการเงิน แข่งสิงคโปร์-ฮ่องกง-ดูไบ ขึ้นเป็นศูนย์กลางการเงินแห่งใหม่ในภูมิภาค appeared first on THE STANDARD.

]]>

ไทยเล็งลดภาษีธุรกิจการเงินให้เทียบเท่ากับศูนย์กลางการเงินอื่น หวังเบียดสิงคโปร์, ฮ่องกง และดูไบ ขึ้นเป็นศูนย์กลางการเงินแห่งใหม่ในภูมิภาค พร้อมเตรียมร่างกฎหมายใหม่ดึงดูดต่างชาติในธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจธนาคาร, ธุรกิจหลักทรัพย์, ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า, ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจประกันภัย 

 

วันนี้ (19 กรกฎาคม) เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในคำปาฐกถาว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘Ignite Finance’ ไทยเตรียมจัดเก็บภาษีที่เทียบเท่ากับศูนย์กลางการเงินอื่น และเตรียมร่าง ‘กฎหมายธุรกิจการเงิน’ ฉบับใหม่ เพื่อเสนอตัวเป็นคู่แข่งกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค เช่น สิงคโปร์, ฮ่องกง และดูไบ เพื่อขึ้นเป็นศูนย์กลางการเงินโลก (Thailand Financial Center)

 

เผ่าภูมิกล่าวอีกว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ Ignite Finance จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจธนาคาร, ธุรกิจหลักทรัพย์, ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า, ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจประกันภัย ผ่าน 3 กุญแจสำคัญ ได้แก่ การปรับปรุงกฎหมายธุรกิจการเงินใหม่, การปรับปรุงสิทธิประโยชน์ใหม่ และการปรับปรุง Ecosystem ใหม่

 

กุญแจดอกที่ 1: กฎหมายที่พร้อมรับอนาคต: ภาครัฐจะผลักดันร่างกฎหมายที่จะสร้างกรอบการกำกับดูแลแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การขอใบอนุญาตจนถึงการกำกับดูแลมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเพื่อให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็วและตอบโจทย์ผู้ประกอบธุรกิจ

 

กุญแจดอกที่ 2: สิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่: ตัวอย่างเช่น การให้วีซ่าทำงานแก่บุคลากรและวีซ่าที่เกี่ยวข้องของครอบครัว, การจัดเก็บภาษีที่เทียบเท่ากับศูนย์กลางการเงินอื่น และโครงการเพิ่มแรงจูงใจอื่นๆ เช่น เงินสนับสนุน (Grant) 

 

กุญแจดอกที่ 3: ระบบนิเวศแห่งอนาคต: จะพัฒนากรอบกฎหมายที่เข้มแข็งและโปร่งใสที่จะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการทำธุรกิจทางการเงิน เหมือนที่ประเทศไทยได้ออกกฎหมายว่าด้วยการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย เพื่อสนับสนุนธุรกิจและคุณภาพชีวิตของบุคลากร

 

“ประเทศไทยหายไปจากเรดาร์การเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ในระบบโลกาภิวัตน์ (Globalization) ทุกประเทศแย่งกันดึงดูดเม็ดเงิน วันนี้เราจึงต้องการสร้างเครื่องมือนี้ (กฎหมายธุรกิจการเงิน) ในการดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาในประเทศ” เผ่าภูมิกล่าว

 

ไทยเล็งลดภาษีให้เทียบเท่ากับศูนย์กลางการเงินอื่น

 

ในช่วงถาม-ตอบ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ไทยจำเป็นต้องลดภาษีลงมาให้เท่ากับสิงคโปร์หรือไม่ เผ่าภูมิตอบว่า เรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีจำเป็นต้องแข่งกับสิงคโปร์ แต่การแข่งขันสามารถทำได้หลายรูปแบบ

 

ขณะที่ ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ตอบคำถามในเชิงหลักการ โดยระบุว่า ถ้าอัตราภาษีของไทยยังสูงกว่าสิงคโปร์ก็แข่งขันได้ยาก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าไทยต้องการอะไร หากต้องการสูสีก็เพียงแค่ต้องปรับลดอัตราภาษีต่างๆ มาให้ใกล้เคียงกับสิงคโปร์ แต่หากไทยต้องการได้เปรียบก็อาจต้องลดอัตราภาษีลงมาให้ต่ำกว่า

 

ตามการรวบรวมข้อมูลของ THE STANDARD WEALTH พบว่า ไทยค่อนข้างมีอัตราภาษีที่สูงกว่าศูนย์กลางการเงินอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงสิงคโปร์และดูไบ

 

The post ไทยเล็งลดภาษีธุรกิจการเงิน แข่งสิงคโปร์-ฮ่องกง-ดูไบ ขึ้นเป็นศูนย์กลางการเงินแห่งใหม่ในภูมิภาค appeared first on THE STANDARD.

]]>