ธอส. – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 24 Jun 2025 00:57:06 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 รมว.คลัง สั่ง ‘ธอส.’ รุกตลาดบ้านพรีเมียมราคา 7 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมอัดสินเชื่อเพิ่มในครึ่งปีหลัง ปลุกภาคอสังหา https://thestandard.co/finance-minister-ghb-premium-housing/ Tue, 24 Jun 2025 00:57:06 +0000 https://thestandard.co/?p=1088249

รมว.คลัง สั่ง ธอส. รุกตลาดสินเชื่อบ้าน 7 ล้านบาทขึ้นไป […]

The post รมว.คลัง สั่ง ‘ธอส.’ รุกตลาดบ้านพรีเมียมราคา 7 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมอัดสินเชื่อเพิ่มในครึ่งปีหลัง ปลุกภาคอสังหา appeared first on THE STANDARD.

]]>

รมว.คลัง สั่ง ธอส. รุกตลาดสินเชื่อบ้าน 7 ล้านบาทขึ้นไป ดอกเบี้ยปีแรกเริ่มเพียง 1.79% ต่อปี หวังเพิ่มการแข่งขัน พร้อมให้อัดสินเชื่อเพิ่มอีกกว่า 150,000 ล้านบาทในครึ่งปีหลัง หวังกระตุ้นอสังหาไทย หนุนการจ้างงานและธุรกิจเกี่ยวเนื่องเติบโตเพิ่มขึ้น

 

พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ทำหน้าที่เป็นกลไกหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการปล่อยสินเชื่อใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 รวมมูลค่ากว่า 150,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ สร้างการจ้างงาน และขับเคลื่อนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมอีก 4 มาตรการ ประกอบด้วย

 

1. ออกสินเชื่อบ้าน Premier Home สำหรับลูกค้าที่มีกำลังซื้อ วงเงินให้กู้ตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยปีแรกเริ่มต้นเพียง 1.79% ต่อปี

 

2. ปล่อยสินเชื่อสำหรับลูกค้าที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อปรับปรุง ต่อเติม ซ่อมแซม หรือซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย วงเงินกู้สูงสุด 300,000 บาท โดยวงเงิน 100,000 บาทแรก อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1% ต่อปี ผ่าน ‘สินเชื่อซ่อม-แต่ง’ และอัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี ในวงเงิน 200,000 บาทถัดมา ผ่าน ‘สินเชื่อซ่อม-แต่ง Plus’

 

3. สินเชื่อ Pre Finance Premium สำหรับผู้ประกอบการอสังหาคุณสมบัติตามที่ธนาคารกำหนด ในพื้นที่ทำเลที่มีศักยภาพ 27 จังหวัด อัตราดอกเบี้ยปีแรก 3.90% ต่อปี

 

4. มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) กรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวด นานสูงสุด 1 ปี โดยอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรก เพียง 0% ต่อปี ผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือน

 

“ธอส. มีความเข้มแข็งทางการเงิน เห็นได้จากอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) และอัตราการปล่อยสินเชื่อที่สูง ธอส. พร้อมที่จะขยายไปสู่ธุรกิจอสังหาในรูปแบบอื่นๆ โดยรัฐพยายามผลักดันให้ ธอส. เข้าสู่ตลาดที่อยู่อาศัยระดับพรีเมียม หรือบ้านราคาเกิน 7 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อกระตุ้นให้สถาบันการเงินอื่นๆ เข้ามาแข่งขันเพิ่มขึ้น” พิชัยกล่าว

 

มาตรการชุดนี้มีขึ้นหลังจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธอส. เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/68 การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศมีมูลค่าลดลง -13%YoY โดยเป็นการชะลอตัวในทุกภูมิภาค ขณะที่มูลค่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศ มูลค่า 109,368 ล้านบาท ลดลง 10%YoY

 

โดย REIC ยังคาดว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั้งปี 2568 จ่อลดลง 0.8%YoY พร้อมคาดว่า สินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ทั่วประเทศทั้งปีนี้ลดลง 0.3% จะเป็นการติดลบเป็นปีที่ 3 หลังจากในปี 2556 ติดลบไปแล้ว -2.8% และ -13.4% ในปี 2567

 

ธอส. ช่วยเหลือลูกหนี้ต่อเนื่อง รักษาบ้านให้คนไทยแล้วกว่า 373,000 บัญชี

 

กมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธอส. เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ปัจจุบันมาตรการ DC3 มีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 4,000 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งจากการดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงการคลังในครั้งนี้ได้มีส่วนช่วยเหลือและทำให้คนไทยเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้กว่า 100,000 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงเดินหน้าเป็นกลไกหลักของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 อีกกว่า 150,000 ล้านบาท เพื่ออัดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ทั้งปีสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมาย 241,780 ล้านบาท นับเป็นส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นภาคอสังหาให้ขยายตัวได้ดีขึ้น ส่งอานิสงส์บวกต่อการจ้างงานและธุรกิจเกี่ยวเนื่องให้ขยายตัวได้ดีขึ้น และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไป

 

นอกจากมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่เศรษฐกิจผ่านการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยแล้ว ธอส. ยังได้ช่วยเหลือลูกค้าตามนโยบายกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดำเนิน ‘โครงการคุณสู้ เราช่วย’ ปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 80,939 บัญชี

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับลูกค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการคุณสู้ เราช่วย ธอส. ก็มีมาตรการในการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) และลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้มาอย่างต่อเนื่องรวมกว่า 373,000 บัญชี

 

แบ่งเป็น ปี 2567 มีลูกค้าที่ได้รับการแก้ไขหนี้และกลับมามีสถานะปกติแล้วกว่า 238,000 บัญชี ผ่านมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน ปี 2567 (HD1-HD3) และมาตรการในการช่วยลูกค้าลดเงินงวดผ่อนชำระ พักชำระดอกเบี้ยนานสูงสุด 1 ปี

 

โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 ธอส. ช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มดังกล่าวให้กลับมามีสถานะปกติแล้วกว่า 135,000 บัญชี จากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC1-DC2)

The post รมว.คลัง สั่ง ‘ธอส.’ รุกตลาดบ้านพรีเมียมราคา 7 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมอัดสินเชื่อเพิ่มในครึ่งปีหลัง ปลุกภาคอสังหา appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ธอส.’ อัปเกรดบริการดิจิทัลช่วยลูกค้ากู้บ้านได้แบบ End to End Process พร้อมเปิดตัวแอปใหม่ 26 ตุลาคมนี้ https://thestandard.co/ghb-all-gen/ Mon, 03 Oct 2022 05:24:44 +0000 https://thestandard.co/?p=690043 ธอส. กู้บ้าน

ธอส. ทุ่มงบยกระดับบริการดิจิทัลผ่าน 3 Module ช่วยลูกค้า […]

The post ‘ธอส.’ อัปเกรดบริการดิจิทัลช่วยลูกค้ากู้บ้านได้แบบ End to End Process พร้อมเปิดตัวแอปใหม่ 26 ตุลาคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธอส. กู้บ้าน

ธอส. ทุ่มงบยกระดับบริการดิจิทัลผ่าน 3 Module ช่วยลูกค้ากู้บ้านผ่านแอปได้แบบ End to End Process พร้อมนำระบบ Data Analytic ช่วยประเมินราคาที่อยู่อาศัย รู้ผลไม่เกิน 3-7 วัน เตรียมเปิดตัวแอปใหม่ GHB ALL GEN 26 ตุลาคมนี้

 

ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ของตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในขณะนี้มีหลายปัจจัยที่กำลังเป็นแรงกดดัน ทั้งสถานการณ์ของโควิดที่เริ่มคลี่คลาย ธนาคารพาณิชย์เริ่มกลับเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น ที่อยู่อาศัยมีราคาสูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการลงทุนก่อสร้าง ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และกำลังซื้อของประชาชนที่แม้จะเริ่มฟื้นตัวแต่ยังไม่เท่ากับการปรับขึ้นของราคาที่อยู่อาศัยและอัตราดอกเบี้ย โดยภายใต้แรงกดดันดังกล่าว ธอส. ต้องบริหารจัดการให้ตัวเองมีกำไรตามเป้าหมายตัวชี้วัดที่ 13,400 ล้านบาท เพื่อนำ 45% ของกำไรส่งเป็นรายได้ให้กับกระทรวงการคลังนำไปใช้จ่ายเป็นงบประมาณแผ่นดิน

 

ฉัตรชัยระบุว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายภายใต้ปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ธอส. ต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้ธนาคารสามารถลดความเหลื่อมล้ำด้านที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยล่าสุด คณะกรรมการธนาคาร ได้มีมติเห็นชอบให้ ธอส. ลงทุนพัฒนาทางด้านระบบเทคโนโลยีและบริการดิจิทัลใหม่ๆ ด้วยงบประมาณลงทุนรวมไม่เกิน 400 ล้านบาท โดยใช้ชื่อว่า End to End Process หรือการให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการของธนาคารได้ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้ายผ่านบริการด้านดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งช่วยให้ลูกค้าได้รับความสะดวกและลดต้นทุนการดำเนินงานของธนาคารได้ไปพร้อมกัน 

 

โดยมี 3 Module หลักประกอบด้วย 1. ด้านสินเชื่อ 2. ด้านการบริหารจัดการทรัพย์ด้อยคุณภาพ และ 3. ด้าน Funding ดังนี้

 

Module ด้านสินเชื่อ

ลูกค้าสามารถรู้จักและเข้าถึง ธอส. ได้ด้วยแอปพลิเคชัน GHB ALL GEN ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันใหม่ที่ธนาคารได้พัฒนาขึ้นมาด้วยงบลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท เพื่อรองรับการใช้งานแทนแอปพลิเคชัน GHB ALL เดิมที่ปัจจุบันมีลูกค้าสมัครและใช้บริการอยู่มากกว่า 1 ล้านคน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้นและรองรับลูกค้าของ ธอส. ได้ทุกเจเนอเรชัน

 

โดยปัจจุบันการพัฒนาบริการเฟสที่ 1 ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และเริ่มเปิดให้พนักงานของธนาคารดาวน์โหลดเพื่อทดสอบใช้งานตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2565 ก่อนที่จะเปิดให้ลูกค้าดาวน์โหลดใช้งานเฟสที่ 1 ได้ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2565 และเมื่อ GHB ALL GEN พัฒนาได้สมบูรณ์ทุกบริการแล้ว จะทำให้ลูกค้าเข้าถึง ธอส. ได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยสามารถปรึกษากับพนักงานสินเชื่อ Digital LO(Loan Officer) ได้เสมือนเดินทางไปที่สาขา โดยธนาคารจะถ่ายโอนลูกค้าให้ย้ายแอปพลิเคชัน GHB ALL ไปสู่ GHB ALL GEN ให้ได้ทั้งหมดจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2566 ซึ่งในขณะนั้นบริการต่างๆ ใน GHB ALL GEN จะให้บริการได้อย่างเต็มรูปแบบ

 

นอกจากนี้ ธนาคารจะมีการนำ Data Analytic ทางด้านการประเมินราคาที่อยู่อาศัยมาพัฒนาระบบ Digital Appraisal ทำให้ลูกค้าทราบราคาประเมินบ้านเบื้องต้นได้ทันทีในขณะยื่นกู้กับเจ้าหน้าที่ โดยราคาจะเบี่ยงเบนจากราคาหลังเจ้าหน้าที่เข้าประเมินจริงไม่เกิน 8% จากเดิมต้องรอให้เจ้าหน้าที่ลงสำรวจที่อยู่อาศัยจริงซึ่งจะทำให้ผู้กู้ทราบราคาประเมินอย่างเป็นทางการได้ในระยะเวลา 3-7 วันหลังยื่นเอกสารคำขอกู้

 

เมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาสินเชื่อ ธนาคารจะมีการแจ้งเตือนผลการพิจารณาผ่าน Notification ของ GHB Buddy บนแอปพลิเคชัน LINE โดยกระบวนการแบบดิจิทัลข้างต้น กรณีที่ลูกค้ามีเอกสารประกอบการยื่นกู้ให้กับเจ้าหน้าที่ได้ครบถ้วน ไม่มีประวัติการผ่อนชำระสินเชื่ออื่นๆ ที่ไม่ปกติ เป็นต้น คาดว่าลูกค้าจะสามารถทราบผลการพิจารณาได้โดยใช้เวลาเพียง 3 วันทำการ และลูกค้ายังสามารถเซ็นสัญญาเงินกู้แบบอิเล็กทรอนิกส์แทนการลงนามรูปแบบกระดาษได้ด้วย E-Contract ซึ่งธนาคารจะโอนเงินกู้ค่าซื้อที่อยู่อาศัยเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ Developer แทนการจัดทำแคชเชียร์เช็ค ทำให้ผู้ขายไม่ต้องเสียเวลาและลดขั้นตอนนำแคชเชียร์เช็คที่ได้รับจากผู้ซื้อไปขึ้นเงินเหมือนที่ผ่านมา

 

โดยหลังจากลูกค้าทำนิติกรรมการโอนและจดจำนองที่กรมที่ดินเรียบร้อยแล้ว ลูกค้าสามารถรับโฉนดที่ดินฉบับจริงกลับบ้านได้ทันที ด้วยโครงการจัดเก็บ Electronic File แทนเอกสารสิทธิ์ต้นฉบับ (ไม่เก็บโฉนด) โดยธนาคารจะจัดเก็บโฉนดในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์แทนการจัดเก็บเอกสารฉบับจริง ทำให้ลูกค้าจะได้รับโฉนดฉบับจริงกลับบ้านในวันทำนิติกรรมได้ทันที และเมื่อได้เป็นลูกค้าของ ธอส. แล้วก็จะสามารถผ่อนชำระเงินกู้ผ่าน GHB ALL GEN ได้ทันทีโดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา

 

Module ด้านการบริหารจัดการทรัพย์ด้อยคุณภาพ

ปัจจุบันธนาคารได้พัฒนาแอปพลิเคชัน GHB ALL BFRIEND เพื่อให้บริการลูกค้าที่ประสบปัญหาในการผ่อนชำระสินเชื่อบ้านให้ได้รับทางเลือกและเงื่อนไขการชำระหนี้ที่เหมาะสมกับปัญหา ให้บริการทั้งในด้านการตรวจสอบข้อมูลบัญชีเงินกู้ เช่น เงินงวดที่ต้องผ่อนชำระตามเงื่อนไขของมาตรการ การยื่นคำร้องประนอมหนี้ และยื่นคำร้องฝากขายทรัพย์ โดยเริ่มเปิดให้ลูกค้าดาวน์โหลดได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2565 

 

ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการพัฒนาแอปพลิเคชัน GHB ALL HOME ให้มีครบทุกความต้องการ เรื่องบ้านมือสอง ธอส. ที่พัฒนาต่อยอดจาก Application GH Bank Smart NPA สามารถให้บริการได้หลากหลายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ค้นหารายการทรัพย์ และแสดงรายละเอียดข้อมูลบ้านมือสองของธนาคาร รวมถึงการยื่นคำร้องขอดูสภาพของที่อยู่อาศัยในสถานที่จริง การจองซื้อบ้าน การประมูลออนไลน์ พร้อมเพิ่มบริการชำระเงินมัดจำ เงินดาวน์ รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ ในการซื้อทรัพย์ของธนาคาร อีกทั้งลูกค้าสามารถยื่นคำร้องต่างๆ ผ่านแอปนี้ ได้อีกด้วย และมีกำหนดเปิดให้ลูกค้าดาวน์โหลดใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2565

 

นอกจากนี้ ธอส. ยังได้เริ่มจัดทำโครงการรีโนเวตบ้านมือสองของ ธอส. ก่อนนำออกจำหน่าย ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ของธนาคาร เนื่องจากการนำบ้านเก่ามารีโนเวตกำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะบ้านมือสองมีราคาที่ถูกกว่าบ้านใหม่ และอยู่ในทำเลที่ตั้งเหมาะสม ธอส. จึงคัดเลือกทรัพย์ทำเลดี ที่ตั้งเหมาะสม นำไปรีโนเวตทรัพย์ใหม่ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน ธอส. ได้แบ่งทรัพย์ออกเป็น 7 เกรด 

 

โดยในปี 2565 จะเริ่มดำเนินการรีโนเวตจำนวนรวม 10 หลัง เริ่มนำออกจำหน่ายตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 เป็นทรัพย์ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จำนวนทรัพย์ 3 รายการ ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 2 หลัง และที่ดินเปล่า 1 แปลง ซึ่งการขายบ้านมือสองของธนาคารไม่ได้มุ่งหวังผลกำไรจากการขายเป็นหลัก แต่ต้องการลดจำนวนการถือครองบ้านมือสองของธนาคาร เพื่อลดการกันสำรองของธนาคารให้ลดลง

 

Module ด้าน Funding

ปัจจุบัน ธอส. มีการระดมทุนผ่านหลายช่องทาง ทั้งเงินฝากแบบปกติที่มีสมุดบัญชี เงินฝากแบบอิเล็กทรอนิกส์ สลากออมทรัพย์ พันธบัตร อนุพันธ์ (Derivatives) ซึ่งต้องดำเนินการภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่นเดียวกับการจัดทำสลากออมทรัพย์ ธอส. ที่มีความแตกต่างจากสลากของสถาบันการเงินอื่นในตลาด โดยในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 จะมีการออกสลากออมทรัพย์ชุดใหม่ คือชุดวิมานเมฆ Plus มารองรับการครบกำหนดไถ่ถอนของสลากออมทรัพย์ชุดวิมานเมฆ หน่วยละ 1 ล้านบาท กรอบวงเงินรวม 2.7 หมื่นล้านบาท รวมถึงสลากชุดใหม่ประเภทอื่นที่รองรับลูกค้าใหม่ควบคู่กันกับลูกค้าเดิม

 

“ผลการดำเนินงานในปัจจุบันของ ธอส. ที่ยังคงมีความแข็งแรง โดยคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อใหม่ในปี 2565 ได้ถึง 3 แสนล้านบาท ขณะนี้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ถึง ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2564 ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยอยู่ที่ 6.8 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 4.41% ของสินเชื่อรวม 1.6 ล้านล้านบาท” ฉัตรชัยระบุ

 

The post ‘ธอส.’ อัปเกรดบริการดิจิทัลช่วยลูกค้ากู้บ้านได้แบบ End to End Process พร้อมเปิดตัวแอปใหม่ 26 ตุลาคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธอส. ​พร้อมตรึงดอกเบี้ยเงินกู้​แม้รับผลกระทบกว่า 2 พันล้านบาท หวังให้เวลาลูกค้าปรับตัวดอกเบี้ยขาขึ้น https://thestandard.co/ghbank-ready-to-freeze-loan-interest/ Sun, 24 Jul 2022 06:26:43 +0000 https://thestandard.co/?p=658189 ดอกเบี้ยเงินกู้

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยใ […]

The post ธอส. ​พร้อมตรึงดอกเบี้ยเงินกู้​แม้รับผลกระทบกว่า 2 พันล้านบาท หวังให้เวลาลูกค้าปรับตัวดอกเบี้ยขาขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดอกเบี้ยเงินกู้

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยให้นานที่สุด แม้ต้องรับผลกระทบไม่น้อยกว่า 2 พันล้านบาท เพื่อให้ลูกค้ามีเวลาปรับตัวรับกับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต พร้อมเผยผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ปล่อยสินเชื่อใหม่ 1.34 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 27.08% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ดันยอดสินเชื่อคงค้างรวม 1.52 ล้านล้านบาท สินทรัพย์รวม 1.58 ล้านล้านบาท ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 4.41% ของยอดสินเชื่อรวม ขณะเดียวกันคาดสิ้นปีสินเชื่อใหม่ปล่อยได้ไม่น้อยกว่า 2.8 แสนล้านบาท มุ่งสู่ Digital Bank เต็มรูปแบบ ชูเทคโนโลยี-นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการทางด้านสินเชื่อ เงินฝาก และสลากออมทรัพย์ ขึ้นบนอากาศ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้า-ประชาชนเข้าถึงบริการของธนาคาร 

 

ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน ณ ไตรมาสที่ 2/65 ว่า หลังจากที่ภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ รายได้ของประชาชนปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น ซึ่งมีส่วนสำคัญให้ประชาชนที่ปรับตัวจากผลกระทบด้านรายได้ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยก่อนที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต 

 

ส่งผลให้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้จำนวน 134,998 ล้านบาท 106,067 บัญชี เพิ่มขึ้น 27.08% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 คิดเป็น 59.62% ของเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ปี 2565 ที่ 226,423 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางจำนวน 58,448 ราย ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2/65 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2564 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,526,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.65% มีสินทรัพย์รวม 1,581,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.00% เงินฝากรวม 1,345,830 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.57% 

 

ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 มีจำนวน 67,251 ล้านบาท คิดเป็น 4.41% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 ที่มี NPL อยู่ที่ 4.00% ของสินเชื่อรวม ซึ่งธนาคารได้ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ 121,066 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 180.02% สะท้อนความมั่นคงและพร้อมรองรับผลกระทบจากโควิดในอนาคต โดยมีกำไรสุทธิ 6,069 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งที่ 14.73% สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด 

 

ทั้งนี้ การที่ธนาคารยังคงปล่อยสินเชื่อใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายรัฐบาล จากการผ่อนคลายมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของ ธปท. การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือประเภทละ 0.01% สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงจากการแข่งขันของผู้ประกอบอสังหาริมทรัพย์ทำให้มีการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผลิตภัณฑ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำของธนาคาร ทำให้กลุ่มลูกค้าที่มีการปรับตัวจากผลกระทบด้านรายได้จากโควิดตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเร็วขึ้น 

 

โดยสินเชื่อปล่อยใหม่ที่มีลูกค้าเลือกใช้บริการสูงสุด ได้แก่ โครงการบ้าน ธอส เพื่อคุณ อัตราดอกเบี้ยปีแรกเพียง 3.15% ต่อปี มียอดอนุมัติสะสมสูงถึง 34,658 ล้านบาท ส่วนโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ของรัฐบาล อัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่เพียง 1.99% ต่อปี นานถึง 4 ปีแรก ล่าสุด ณ วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้ว 99,760 ราย ยื่นขอสินเชื่อแล้ว 20,311 ราย วงเงินสินเชื่อ 18,358 ล้านบาท และได้รับอนุมัติสินเชื่อแล้ว 18,707 ราย วงเงินสินเชื่อ 16,322 ล้านบาท

 

ด้านการดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากโควิด ปัจจุบัน ธอส. ยังขยายระยะเวลาความช่วยเหลือผ่านมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน ปี 2565 ด้วยการแบ่งเบาภาระให้กับลูกค้า ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ยและเลือกแบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ เพื่อลดเงินงวดให้กับลูกค้า และมุ่งรักษาบ้านให้ยังเป็นของลูกค้าได้ต่อไป โดย ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2565 มีลูกค้าอยู่ระหว่างใช้มาตรการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้น 72,496 บัญชี วงเงินต้นคงเหลือ 74,176 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้พบว่ามีลูกค้าที่ชำระเงินงวดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการ หรือชำระบางส่วน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 96%

 

ฉัตรชัยกล่าวว่า จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปี 2565 เช่นเดียวกับธนาคารกลางหลายประเทศที่ปรับขึ้นตามธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ไปแล้ว ทำให้ประชาชนเร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ จึงมั่นใจว่า ณ สิ้นปี 2565 ธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้สูงกว่า 2.8 แสนล้านบาท 

 

ขณะเดียวกัน ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ธอส. พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารไว้ให้ได้นานที่สุด เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีเวลาในการปรับตัวและไม่ต้องรับภาระด้านค่าครองชีพ แต่พร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากตามตลาด เพื่อป้องกันการไหลออกของเงินฝาก และให้มีเงินทุนเพียงพอต่อการปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนที่ต้องการมีบ้าน และด้วยต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ทำให้คาดว่าธนาคารจะได้รับผลกระทบในปี 2565 ไม่น้อยกว่า 2 พันล้านบาท

 

ฉัตรชัยกล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ธอส. เตรียมนำเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ มายกระดับการให้บริการลูกค้าตามเป้าหมายสู่การเป็น Digital Bank เต็มรูปแบบ (Fully Digitized) อาทิ การจัดตั้งศูนย์บริการดิจิทัล (DSC) เพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการเข้าถึงบริการทางด้านสินเชื่อและเงินฝากผ่านช่องทาง Digital Channel เป็นการเฉพาะ เช่น Mobile Application GHB ALL รวมถึงสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ของธนาคาร โดยมีพนักงานสินเชื่อ Virtual Branch ทำหน้าที่ติดต่อลูกค้าเพื่อรองรับการให้บริการได้ทันทีโดยไม่ต้องมีสาขา, โครงการจัดเก็บ Electronic File แทนเอกสารสิทธิ์ต้นฉบับ (ไม่เก็บโฉนด) โดยธนาคารจะจัดเก็บในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์แทนการจัดเก็บโฉนดตัวจริง ทำให้ลูกค้าจะได้รับโฉนดฉบับจริงกลับบ้านในวันทำนิติกรรมได้ทันที ซึ่งปัจจุบันเริ่มให้บริการกับลูกค้ากลุ่มสวัสดิการแล้ว และจะขยายสู่ลูกค้ากลุ่มกู้ใหม่ได้ทั้งหมดภายในไตรมาสที่ 3, โครงการลงนามสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Contract) การทำสัญญาเงินกู้ระหว่างธนาคารกับลูกค้าในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยเริ่มให้บริการลูกค้าแล้วตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2565 โดยหลังลงนามสัญญา ลูกค้าจะได้รับเอกสารสัญญาเงินกู้รูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอีเมล 

 

นอกจากนี้ ธนาคารยังอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขายที่อยู่อาศัย หรือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ขายที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้า ธอส. จะได้รับการโอนเงินกู้ค่าซื้อที่อยู่อาศัยเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ขาย / ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ แทนการจัดทำแคชเชียร์เช็ค ทำให้ผู้ขายไม่ต้องเสียเวลาและขั้นตอนนำแคชเชียร์เช็คที่ได้รับจากผู้ซื้อไปขึ้นเงินเหมือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริการใหม่ดังกล่าวจะเริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการได้ภายในปี 2565 และพร้อมเดินหน้าจัดทำโครงการ GHB AI Virtual Agent เพื่อเสริมทัพความแข็งแกร่ง และยกระดับการบริหารจัดการ Call Center ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำเทคโนโลยี AI Voice Bot มาช่วยให้บริการ เปรียบเสมือนผู้ช่วยบริการทางการเงินให้ลูกค้า ธอส. ซึ่ง AI จะช่วยรับสายตอบคำถามลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาได้ทันทีโดยไม่ต้องรอสายนาน หรือโทรแจ้งเตือนบริการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับลูกค้า เช่น ครบกำหนดมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด หรือโทรแจ้งการเปลี่ยนแปลงเงินงวดสินเชื่อบ้าน เป็นต้น

The post ธอส. ​พร้อมตรึงดอกเบี้ยเงินกู้​แม้รับผลกระทบกว่า 2 พันล้านบาท หวังให้เวลาลูกค้าปรับตัวดอกเบี้ยขาขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธอส. ประกาศมาตรการ ‘M 20’ ผ่อนน้อย-ดอกเบี้ยต่ำ อุ้มลูกหนี้ NPL จากพิษโควิด https://thestandard.co/government-housing-bank-m-20-project/ Sat, 14 May 2022 12:35:54 +0000 https://thestandard.co/?p=628821 ธอส.

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPL ที่ยังได […]

The post ธอส. ประกาศมาตรการ ‘M 20’ ผ่อนน้อย-ดอกเบี้ยต่ำ อุ้มลูกหนี้ NPL จากพิษโควิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธอส.

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPL ที่ยังได้รับผลกระทบด้านรายได้จากปัญหาโควิด ให้ใช้อัตราดอกเบี้ยพิเศษและเงินงวดผ่อนชำระต่ำเป็นระยะเวลา 24 งวด ผ่อนเริ่มต้นเดือนที่ 1-3 เพียง 1,000 บาท ดอกเบี้ย 0% ต่อปี (ตัดชำระเงินต้นทั้งหมด) ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่านแอปพลิเคชัน GHB ALL ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป  

  

ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบางทางด้านรายได้ที่มีสถานะเป็น NPL และยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ธอส. จึงได้จัดทำมาตรการที่ 20 (M 20) สำหรับช่วยเหลือลูกค้าสถานะ NPL ให้สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยพิเศษและเงินงวดผ่อนชำระต่ำเป็นระยะเวลา 24 งวด แบ่งเป็น 

 

  • เดือนที่ 1-3 ผ่อนชำระเพียงงวดละ 1,000 บาท คิดดอกเบี้ยเท่ากับ 0% ต่อปี (ตัดชำระเงินต้นทั้งหมด) 
  • เดือนที่ 4-6 คิดเงินงวดจากอัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี (กรณีเงินต้นคงเหลือ 1 ล้านบาท เงินงวด = 1,800 บาท) 
  • เดือนที่ 7-12 คิดเงินงวดจากอัตราดอกเบี้ย 3.90% ต่อปี (กรณีเงินต้นคงเหลือ 1 ล้านบาท เงินงวด = 3,500 บาท) 
  • เดือนที่ 13- 24 คิดเงินงวดจากอัตราดอกเบี้ย MRR-2% ต่อปี (กรณีเงินต้นคงเหลือ 1 ล้านบาท เงินงวด = 3,700 บาท) (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. = 6.150% ต่อปี)

 

กรณีลูกค้าชำระเงินงวดเกินกว่าจำนวนที่ธนาคารกำหนด

จะไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระของลูกค้าต่อไป (ถ้ามี) 

 

สำหรับลูกค้าที่มีสิทธิเข้ามาตรการ M 20 คือ ลูกค้าที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และมีสถานะ NPL (ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน) หรือ ลูกค้าที่มีสถานะเป็น NPL และอยู่ระหว่างการใช้มาตรการช่วยเหลือของธนาคาร หรืออยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร (จะพ้นสิทธิตามมาตรการเดิมเมื่อเปลี่ยนมาใช้มาตรการนี้) และต้องเป็นลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากการแพร่ระบาดของโควิด

 

ทั้งนี้ ลูกค้าสถานะ NPL สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่านแอปพลิเคชัน GHB ALL ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2565 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป และส่งหลักฐานการได้รับผลกระทบทางรายได้จากการประกอบอาชีพ / ธุรกิจ / การค้า เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด เช่น หนังสือรับรองการลดวัน / เวลา / เงินเดือน / ค่าจ้าง หรือถูกเลิกจ้างจากหน่วยงานต้นสังกัด / นายจ้าง ให้ธนาคารพิจารณาด้วยการอัปโหลดผ่านทางแอปพลิเคชัน GHB ALL

 

กรณีที่ลูกค้าไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถกรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ได้ที่ www.ghbank.co.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารได้ที่ G H Bank Call Center โทร. 0 2645 9000 

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post ธอส. ประกาศมาตรการ ‘M 20’ ผ่อนน้อย-ดอกเบี้ยต่ำ อุ้มลูกหนี้ NPL จากพิษโควิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
5 แบงก์รัฐ-บสย. ปรับเวลาเปิด-ปิดสาขา ในห้างปิด 17.00 น. นอกห้าง 15.30 น. จำกัดจำนวนลูกค้า https://thestandard.co/5-state-banks-adjust-opening-closing-time/ Thu, 15 Apr 2021 07:47:01 +0000 https://thestandard.co/?p=476086 5 แบงก์รัฐ-บสย. ปรับเวลาเปิด-ปิดสาขา ในห้างปิด 17.00 น. นอกห้าง 15.30 น. จำกัดจำนวนลูกค้า

สมาคมสถาบันการเงินของรัฐและธนาคารสมาชิก ได้แก่ ธนาคารอา […]

The post 5 แบงก์รัฐ-บสย. ปรับเวลาเปิด-ปิดสาขา ในห้างปิด 17.00 น. นอกห้าง 15.30 น. จำกัดจำนวนลูกค้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
5 แบงก์รัฐ-บสย. ปรับเวลาเปิด-ปิดสาขา ในห้างปิด 17.00 น. นอกห้าง 15.30 น. จำกัดจำนวนลูกค้า

สมาคมสถาบันการเงินของรัฐและธนาคารสมาชิก ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.), ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.), ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ออกมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ระลอกใหม่สำหรับงานบริการสาขา ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

 

1. ธนาคารอาจพิจารณาปิดสาขาบางแห่งชั่วคราวสำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดตามประกาศของจังหวัดหรือรัฐบาล ซึ่งลูกค้ายังคงสามารถใช้บริการที่ตู้ ATM หรือทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ได้ตามปกติ ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถตรวจสอบรายชื่อสาขาที่ปิดการบริการทางเว็บไซต์ของแต่ละธนาคาร

 

2. ปรับเวลาปิดสาขาทั่วประเทศ เริ่มวันที่ 16 เมษายน 2564  

 

  • สาขาในห้าง/สาขาที่เปิดให้บริการ 7 วัน ปิดไม่เกินเวลา 17.00 น.
  • สาขาภายนอกปิดไม่เกินเวลา 15.30 น.

 

3. จำกัดช่องให้บริการและจำกัดจำนวนลูกค้าในสาขา เพื่อเว้นระยะห่างที่เหมาะสม

 

4. กรณีสาขาใดมีพนักงานหรือลูกค้าติดเชื้อเข้าใช้บริการ

 

  • ให้แต่ละธนาคารปิดเพื่อพ่นฆ่าเชื้อทันที และเปิดทำการเมื่อเสร็จสิ้น
  • พนักงานที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย ให้ตรวจเชื้อและกักตัวเองในที่พักทันที (Self-Quarantine at Home) ในระยะเวลาตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข
  • จัดให้มีพนักงานปฏิบัติงานทดแทน ซึ่งเป็นพนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสเชื้อเข้าปฏิบัติหน้าที่แทน

 

มาตรการดังกล่าวเป็นไปเพื่อความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าเป็นสำคัญ รวมทั้งเป็นการร่วมมือกับภาครัฐในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย โดยธนาคารจะกลับมาให้บริการตามปกติโดยเร็วที่สุดเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง

 

ขณะที่บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ลูกค้า คู่ค้า และผู้เกี่ยวข้อง สามารถติดต่อ บสย. สำนักงานเขตต่างๆ และศูนย์ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. FA Center) ให้บริการในช่วงเวลา 08.30-16.30 น.

The post 5 แบงก์รัฐ-บสย. ปรับเวลาเปิด-ปิดสาขา ในห้างปิด 17.00 น. นอกห้าง 15.30 น. จำกัดจำนวนลูกค้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมาคมแบงก์รัฐ ย้ำรับ ‘ฝาก-แลก’ ธนบัตรที่ระลึกทุกสาขา https://thestandard.co/sfis-receive-deposit-exchange-commemorative-banknotes-at-every-branch/ Mon, 04 Jan 2021 06:59:14 +0000 https://thestandard.co/?p=438956 ธนบัตรที่ระลึก

ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ […]

The post สมาคมแบงก์รัฐ ย้ำรับ ‘ฝาก-แลก’ ธนบัตรที่ระลึกทุกสาขา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธนบัตรที่ระลึก

ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ (SFIs) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าสถาบันการเงินไม่รับฝากหรือแลกธนบัตรที่ระลึกเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 นั้น สถาบันการเงินของรัฐทั้ง 9 แห่งยืนยันว่า ลูกค้าประชาชนสามารถใช้ธนบัตรที่ระลึกเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ทั้งชนิดราคา 1,000 บาท และ 100 บาท ในการชำระหนี้กับสถาบันการเงินของรัฐได้ตามกฎหมายเช่นเดียวกับธนบัตรหมุนเวียนปกติทุกประการ 

 

ขณะเดียวกันสถาบันการเงินของรัฐจำนวน 4 แห่ง คือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.), ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ที่มีธุรกรรมทางด้านเงินฝาก ยืนยันว่าธนาคารสามารถรับฝากหรือรับแลกธนบัตรรุ่นดังกล่าวได้ตามปกติ เช่นเดียวกับธนบัตรหมุนเวียนปัจจุบัน 

 

อย่างไรก็ตาม เครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติของสถาบันการเงินของรัฐไม่รองรับธนบัตรที่ระลึกรุ่นดังกล่าวทั้ง 2 ชนิดราคา เนื่องจากต้องแก้ไขโปรแกรมที่เครื่องฝากเงินอัตโนมัติทั่วประเทศ ดังนั้น หากประชาชนต้องการฝากเงินด้วยธนบัตรที่ระลึก สามารถติดต่อขอฝากได้ที่สาขาของ ธอส., ธนาคารออมสิน, ธ.ก.ส. และ ธอท. ทุกแห่งทั่วประเทศ 

 

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

The post สมาคมแบงก์รัฐ ย้ำรับ ‘ฝาก-แลก’ ธนบัตรที่ระลึกทุกสาขา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ออมสิน-ธอส. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125-0.25% https://thestandard.co/gsb-ghb-reduce-lending-rates/ Thu, 06 Feb 2020 08:45:23 +0000 https://thestandard.co/?p=328163

ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ทา […]

The post ออมสิน-ธอส. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125-0.25% appeared first on THE STANDARD.

]]>

ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ทางธนาคารลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.125-0.25% เพื่อบรรเทาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมดูแลลูกค้ารายย่อย มีผลตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป

 

โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือ MRR และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำ ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี หรือ MOR ลดลงจาก 6.745% เหลือ 6.495% 
  • อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก จะลดลงในอัตรา 0.25% ในประเภทเงินฝากประจำ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ ไม่ปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากประเภทเผื่อเรียก เงินฝากกระแสรายวันพิเศษ แต่ไม่ลดดอกเบี้ยเงินฝากเผื่อเรียกและสลากออมสิน

 

ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ทางธนาคารปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าประชาชน และสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป 

 

ทั้งนี้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.125-0.250% ต่อปี ได้แก่

  • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) จาก 6% ต่อปี ลดลงเหลือ 5.875% ต่อปี 
  • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) จาก 6.500% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.375% ต่อปี
  • อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้เบิกเกินบัญชี (MOR) จาก 6.750% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.500% ต่อปี 

The post ออมสิน-ธอส. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125-0.25% appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธอส. เปิดตัวสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน ‘วิมานเมฆ’ ดอกเบี้ย 3 ปีแรกเฉลี่ย 2.77% ต่อปี https://thestandard.co/ghbank-home-loans/ Fri, 27 Sep 2019 10:48:55 +0000 https://thestandard.co/?p=290974 สินเชื่อบ้าน

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้า […]

The post ธอส. เปิดตัวสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน ‘วิมานเมฆ’ ดอกเบี้ย 3 ปีแรกเฉลี่ย 2.77% ต่อปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
สินเชื่อบ้าน

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านตัวใหม่ ‘วิมานเมฆ’ ในกรอบวงเงินรวม 27,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรกอยู่ที่ 0.66% ต่อปี เฉลี่ยดอกเบี้ย 3 ปีแรก 2.77% ต่อปี เริ่มเปิดให้ยื่นคำขอกู้ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2562 และอนุมัติทำนิติกรรมภายในวันที่ 27 ธันวาคม 2562

 

โดยอัตราการกู้ของสินเชื่อวิมานเมฆใน 6 เดือนแรกจะอยู่ที่ 0.66% ต่อปี และเพิ่มขึ้นเป็น 2.66% ต่อปี ในเดือนที่ 7-20 ก่อนจะขยับเป็น 3.66% ต่อปีในเดือนที่ 21-36 เฉลี่ยดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรกจะอยู่ที่ประมาณ 2.77% ต่อปี 

 

ส่วนตั้งแต่ปีที่ 4 เป็นต้นไปจนถึงตลอดอายุสัญญาเงินกู้กรณีลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ย MRR -1.00% ต่อปี และกรณีลูกค้ารายย่อย อัตราดอกเบี้ย MRR -0.50% ต่อปี 

 

ขณะที่ลูกค้าที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาท และมีวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท ปีที่ 4 อัตราดอกเบี้ย MRR -2.00% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. อยู่ที่ 6.625% ต่อปี) ในจำนวนนี้ตั้งแต่ปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ย MRR -1.00% ต่อปี ส่วนลูกค้ารายย่อย อัตราดอกเบี้ย MRR -0.75% ต่อปี 

 

ทั้งนี้ ธอส. ระบุว่า หลังจากเปิดให้ยื่นกู้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2562 เป็นต้นมา ล่าสุด ณ วันที่ 26 กันยายน 2562 มีผู้ยื่นคำขอกู้แล้วจำนวนกว่า 4,000 ล้านบาท และธนาคารอนุมัติสินเชื่อแล้วจำนวน 2,100 ล้านบาท จากกรอบวงเงินรวมทั้งหมดที่ 27,000 ล้านบาท

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

The post ธอส. เปิดตัวสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน ‘วิมานเมฆ’ ดอกเบี้ย 3 ปีแรกเฉลี่ย 2.77% ต่อปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธอส. เผยมาตรการแบงก์ชาติกระทบยอดสินเชื่อ 30% เตรียมออกสินเชื่อสูงวัย จำนองบ้านรับเงินใช้จ่ายรายเดือน https://thestandard.co/ghbank-elderly-credit/ Mon, 27 May 2019 04:59:32 +0000 https://thestandard.co/?p=253981 ghbank

ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรื […]

The post ธอส. เผยมาตรการแบงก์ชาติกระทบยอดสินเชื่อ 30% เตรียมออกสินเชื่อสูงวัย จำนองบ้านรับเงินใช้จ่ายรายเดือน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ghbank

ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. แถลงผลการดำเนินการไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) ปี 2562 โดยสามารถปล่อยสินเชื่อได้กว่า 4.4 หมื่นล้านบาท จำนวนเกือบ 3.6 หมื่นบัญชี ทำให้ยอดสินเชื่อคงค้างแตะ 1.12 ล้านล้านบาท มีกำไรสุทธิกว่า 2.8 พันล้านบาท ส่วนเดือนเมษายนปล่อยสินเชื่อได้ราว 9 พันล้านบาท และช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือนพฤษภาคมปล่อยสินเชื่อได้กว่า 4 พันล้านบาท คาดว่าจะปล่อยสินเชื่อลดลง 30-35% ในเดือนนี้

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้การปล่อยสินเชื่อไตรมาส 2 หดตัว เนื่องจากผลกระทบของมาตรการสินเชื่อบ้านใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจกู้ของผู้กู้ เนื่องจากภาระทางการเงินในการซื้อที่อยู่อาศัยสูงขึ้น โดย ธอส. เป็นธนาคารของรัฐ มีข้อจำกัดในการทำการตลาดมากกว่าธนาคารพาณิชย์โดยทั่วไป และลูกค้าของ ธอส. ก็มีคุณลักษณะที่แตกต่างออกไปด้วย ช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถปล่อยกู้ในลักษณะสินเชื่อเพิ่มเติมหรือ On Top ได้แบบธนาคารอื่น เนื่องจากเป็นลักษณะสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Loan)

 

เมื่อประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเป้าหมายสินเชื่อปี 2562 ที่ตั้งไว้ที่ 2 แสนล้านบาท คาดว่าจะกระทบประมาณ 30% หรือราว 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เพื่อเจรจาหาทางออกกับธนาคารแห่งประเทศไทย โดยผู้บริหารของ ธอส. ยืนยันว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของ ธอส. ไม่ใช่กลุ่มผู้ที่แสวงหาผลตอบแทนสูงสุด (Search for Yield) แต่อย่างใด สำหรับเป้าหมายสินเชื่อ 2 ไตรมาสแรกของปีนี้ คาดว่าจะใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 1 แสนล้านบาท ส่วนโครงการบ้านล้านหลังเฟส 2 ก็จะเริ่มได้ในเดือนกันยายนปีนี้ ภายใต้กรอบวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท

 

สิ่งที่น่าจับตาคือ สินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุหรือ Reverse Mortgage ซึ่งกำหนดให้ผู้สูงอายุที่มีบ้านเป็นของตนเองและปลอดภาระหนี้ สามารถนำบ้านมาจำนองเพื่อรับเงินเป็นรายเดือน เพื่อนำมาใช้จ่ายในการดำรงชีพได้ เบื้องต้นกำหนดกรอบวงเงินไว้ที่ 1 พันล้านบาท ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยผู้กู้ต้องอายุ 60-80 ปี ไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ กู้ได้สูงสุดไม่เกิน 50% ของราคาบ้าน (ราคาประเมิน) และไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปี ซึ่ง ธอส. จะยกเว้นค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ ค่าประเมินราคาหลักประกัน ค่าจดทะเบียนสิทธิ์และนิติกรรม และค่าจดทะเบียนนิติกรรมจำนองให้ โดยฉัตรชัยกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวของ ธอส. สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศและนโยบายที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสังคมผู้สูงอายุในอนาคต

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

The post ธอส. เผยมาตรการแบงก์ชาติกระทบยอดสินเชื่อ 30% เตรียมออกสินเชื่อสูงวัย จำนองบ้านรับเงินใช้จ่ายรายเดือน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธอส. เผยราคาที่ดินเปล่ากรุงเทพฯ-ปริมณฑล แพงขึ้น 31.6% พื้นที่รถไฟฟ้าผ่านราคาดีกว่า 66% https://thestandard.co/bangkok-land-price-index/ https://thestandard.co/bangkok-land-price-index/#respond Fri, 26 Oct 2018 09:07:36 +0000 https://thestandard.co/?p=137772

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำรวจรา […]

The post ธอส. เผยราคาที่ดินเปล่ากรุงเทพฯ-ปริมณฑล แพงขึ้น 31.6% พื้นที่รถไฟฟ้าผ่านราคาดีกว่า 66% appeared first on THE STANDARD.

]]>

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สำรวจราคาที่ดินเปล่าในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม โดยกำหนดให้ปี 2555 เป็นปีฐานและจัดทำดัชนีเป็นรายไตรมาส ซึ่งจะพิจารณาเฉพาะที่ดินเปล่าไม่รวมสิ่งปลูกสร้างที่มีขนาดที่ดินตั้งแต่ 200 ตารางวาขึ้นไป และจะใช้ราคาซื้อขายจริง ซึ่งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์บันทึกค่าใช้จ่ายหรือรายได้ในระบบบัญชี

 

สำหรับไตรมาส 3 ของปี 2561 ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีค่าเท่ากับ 219.2 จุด ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ถือว่าปรับเพิ่มขึ้น 31.6% ซึ่งมีค่าดัชนีเท่ากับ 166.5 จุด ปัจจัยสำคัญคือการปรับเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินเปล่าที่อยู่ใกล้แนวเส้นทางการก่อสร้างรถไฟฟ้า โดยเฉพาะแนวเส้นรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความต้องการในพื้นที่ชานเมืองหรือส่วนต่อขยายมากขึ้น สำหรับ 5 ทำเลที่ปรับราคาที่ดินเปล่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในได้แก่

 

1) เขตพระโขนง-บางนา-สวนหลวง-ประเวศ ปรับราคาเพิ่มขึ้น 49.5%   

2) เขตจังหวัดนครปฐม ปรับราคาเพิ่มขึ้น 45.0%

3) เขตจังหวัดสมุทรสาคร ปรับราคาเพิ่มขึ้น 44.5%

4) เขตราษฎร์บูรณะ-บางขุนเทียน-ทุ่งครุ-บางบอน-จอมทอง ปรับราคาเพิ่มขึ้น 40.8%

และ 5) เขตอำเภอเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ ปรับราคาเพิ่มขึ้น 23.9%

 

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างที่ดินเปล่าเพื่อเกษตรกรรมกับราคาที่ดินเปล่าสำหรับการพัฒนาในเชิงธุรกิจ พบว่าพื้นที่พาณิชยกรรมมีราคาสูงกว่าพื้นที่เกษตรกรรม 125.9% ส่วนพื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก มีราคาสูงกว่า 116.7% พื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลางมีราคาสูงกว่า 96.5% และพื้นที่ที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย มีราคาสูงกว่า 75.3% ขณะที่พื้นที่อยู่อาศัยชุมชนในพื้นที่ดังกล่าวมีราคาสูงกว่า 68.2% และพื้นที่อุตสาหกรรมมีราคาสูงกว่า 8% ตามลำดับ  

 

นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบราคาที่ดินเปล่าที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่านกับราคาที่ดินในทำเลที่ไม่มีโครงการรถไฟฟ้าผ่าน พบว่าทำเลที่จะมีรถไฟฟ้าผ่านมีราคาสูงกว่า 66.7% เนื่องจากราคาที่ดินปรับเพิ่มจากฐานราคาเดิมที่ยังไม่สูงมากนัก ส่วนใหญ่อยู่แถบชานเมือง ส่วนทำเลที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าจะมีราคาสูงกว่า 51.6% ขณะที่ทำเลที่มีโครงการรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้วจะมีราคาสูงกว่า 28.8% และสำหรับพื้นที่ที่มีโครงการรถไฟฟ้า 5 อันดับแรกที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดได้แก่

 

1) สายสุขุมวิท ปรับราคาเพิ่มขึ้น 27.6%

2) สายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ปรับราคาเพิ่มขึ้น 25.1%

3) สายสีเขียว (ช่วงสมุทรปราการ-บางปู) ปรับราคาเพิ่มขึ้น 23.9%

4) สายสีเขียว (ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ) ปรับราคาเพิ่มขึ้น 23.8%

5) สายสีแดงเข้ม (ช่วงหัวลำโพง-มหาชัย) ปรับราคาเพิ่มขึ้น 23.8%  

 

จะเห็นได้ว่าราคาที่ดินเปล่าปรับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญที่สุดของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ซึ่งกำลังเจอกับโจทย์ที่ท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะมาตรการดาวน์ 20% จากแบงก์ชาติ จึงต้องจับตาดูต่อไปว่าอุปสงค์ที่มีต่อที่ดินเปล่าจะยังสูงต่อเนื่องแบบนี้ไปตลอดหรือไม่

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

อ้างอิง:

  • ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ใช้ราคาปี 2555 เป็นปีฐาน)

The post ธอส. เผยราคาที่ดินเปล่ากรุงเทพฯ-ปริมณฑล แพงขึ้น 31.6% พื้นที่รถไฟฟ้าผ่านราคาดีกว่า 66% appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/bangkok-land-price-index/feed/ 0