ท่าเรือคลองเตย – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 08 Oct 2024 03:47:11 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 รมช.คมนาคม เผย นายกฯ ตั้งคณะกรรมการศึกษาใช้ประโยชน์ท่าเรือคลองเตย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน ปัดทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ https://thestandard.co/klong-toey-port-development-study-committee/ Tue, 08 Oct 2024 03:47:11 +0000 https://thestandard.co/?p=993090 คลองเตย

วันนี้ (8 ตุลาคม) มนพร​ เจริญ​ศรี​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกร […]

The post รมช.คมนาคม เผย นายกฯ ตั้งคณะกรรมการศึกษาใช้ประโยชน์ท่าเรือคลองเตย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน ปัดทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
คลองเตย

วันนี้ (8 ตุลาคม) มนพร​ เจริญ​ศรี​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม​ เปิดเผยถึงกรณีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณท่าเรือกรุงเทพ ( คลองเตย )​ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด​ว่า​ แพทองธาร​ ชิน​วัตร​ นายกรัฐมนตรี​ ได้เซ็นแต่งตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมี สุริยะ​ จึงรุ่งเรืองกิจ​ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม​ เป็น​ประธาน และตนเป็นรองประธานคนที่ 1 ฉะนั้นต้องรอว่าสุริยะจะนัดประชุมครั้งแรกเมื่อใด

 

ส่วนจะใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือไม่ มนพรระบุว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งต้องรอกฎหมายว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่เรื่องการย้ายท่าเรือกรุงเทพเป็นการปรับปรุงสถานที่ให้มีความเหมาะสม เนื่องจากมีพื้นที่กว่า 2,353 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็น Smart Port ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ โดย ประทีป อึ้งทรงธรรม ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป ได้เข้าพบเพื่อหารือร่วมกันในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยในชุมชน คลองเตย ของท่าเรือกรุงเทพดังกล่าว

 

เสนอ ครม. พิจารณาร่างกฎหมายต้นแบบตั๋วร่วม 20 บาทตลอดสาย

 

มนพรกล่าวอีกว่า จะมีการนำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขนส่งทางราง พ.ศ. …. เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณา เนื่องจากเป็นกฎหมายเรื่องการเงิน เมื่อผ่านความชอบจาก ครม. แล้ว ก็จะเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ในสัปดาห์หน้า โดยร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ จะเป็นต้นแบบของการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าในราคา 20 บาทตลอดสาย และร่าง พ.ร.บ. ต่อไปที่จะดำเนินการคือเรื่องตั๋วร่วม คาดว่าจะสามารถเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรได้ทันในสมัยประชุมนี้

The post รมช.คมนาคม เผย นายกฯ ตั้งคณะกรรมการศึกษาใช้ประโยชน์ท่าเรือคลองเตย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน ปัดทำเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เป็นไปได้หรือไม่ที่ไทยจะพลิกโฉมท่าเรือคลองเตย เนรมิต ‘เมืองแห่งคาสิโน’ หรือเป็นแค่ฝันที่คนไทยอาจได้…ไม่คุ้มเสีย? https://thestandard.co/wealth-in-depth-khlong-toei-port/ Thu, 05 Sep 2024 07:51:56 +0000 https://thestandard.co/?p=979890

ความคืบหน้าของนโยบาย Entertainment Complex คณะรัฐมนตรีผ […]

The post เป็นไปได้หรือไม่ที่ไทยจะพลิกโฉมท่าเรือคลองเตย เนรมิต ‘เมืองแห่งคาสิโน’ หรือเป็นแค่ฝันที่คนไทยอาจได้…ไม่คุ้มเสีย? appeared first on THE STANDARD.

]]>

ความคืบหน้าของนโยบาย Entertainment Complex คณะรัฐมนตรีผ่านความเห็นชอบในหลักการไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2024 โดยได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปศึกษาจัดทำร่างกฎหมาย ควบคู่กับการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อรับฟังข้อคิดเห็น ปรับปรุงร่างกฎหมาย และเสนอคณะรัฐมนตรี  

 

หากย้อนไปในช่วงรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน คณะรัฐมนตรีได้ประชุม โดยกระทรวงคมนาคม ร่วมกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย, กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาจัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่บริเวณ ‘ท่าเรือคลองเตย’ ในส่วนที่ปัจจุบันยังเป็นพื้นที่ว่างหรือเป็นพื้นที่ที่สามารถนำมาปรับปรุงพัฒนาใหม่ เพื่อใช้ประโยชน์ให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ เช่น ปัญหาชุมชนแออัด ปัญหาการจราจร และปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง

 

โดยให้จัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวให้ชัดเจน เหมาะสม และแล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อประโยชน์สาธารณะของชาวกรุงเทพฯ 

 

ถึงแม้วันนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องของพื้นที่ แต่ก็มีกระแสข่าวว่า มีการผลักดันเสนอให้ใช้พื้นที่ท่าเรือคลองเตยเป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุน ‘Entertainment Complex’

 

ในเวลานี้อยู่ในช่วงรอยต่อรัฐบาล แม้ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก แต่เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้แสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ว่า จะสนับสนุนนโยบายนี้ในรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร

 

ผุดสถานบันเทิงครบวงจรภายใต้ชื่อ ‘The Royal Siam Haven’ 

 

จึงเห็นข่าวคราวการประกาศเปิดตัวโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของ ‘ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์’ ที่จะสร้าง Entertainment Complex หรือสถานบันเทิงครบวงจร ภายใต้ชื่อ ‘The Royal Siam Haven’ มูลค่าลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท สร้างความฮือฮาไม่น้อย

 

โดยบริษัทชั้นนำระดับโลกก็ออกมาประกาศว่าพร้อมจะลงทุนในไทย และสมาคมฯ จะเป็นหนึ่งในผู้ขอใบอนุญาตประกอบกิจการสถานบันเทิงครบวงจรตามแผนของรัฐบาล 

 

 

หอการค้าไทยเผยผลสำรวจ: กรณีศึกษา ลาสเวกัส มาเก๊า สิงคโปร์

 

ด้าน ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ได้ทำการสำรวจผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainmemt Complex) ที่มีต่อเศรษฐกิจไทย พบว่า ‘ผลสำรวจยังไม่ชัดเจน’ ว่าจะสนับสนุนให้เปิดสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งหากรัฐบาลจะเดินหน้า จะต้องให้ความรู้กับประชาชน เพราะผลสำรวจส่วนใหญ่ 41% ยังไม่เห็นด้วย 

 

ขณะที่เมื่อศึกษาตัวอย่างของประเทศที่อนุญาตให้เปิดคาสิโนถูกกฎหมาย เช่น ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา, มาเก๊า, สิงคโปร์, เกาหลีใต้, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม พบว่ารายได้จากคาสิโน เช่น ลาสเวกัส ประมาณ 3 หมื่นล้านดอลลาร์, มาเก๊า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ และเวียดนาม 5 พันล้านดอลลาร์ 

 

มูลค่าเหล่านี้เป็นเงินที่เป็นรายได้เข้าประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยว และประเทศที่เปิดคาสิโนถูกกฎหมายก็ไม่มีภาพลักษณ์ของการพนันที่รุนแรง เนื่องจากเวลาที่คนไปเที่ยวสิงคโปร์และเวียดนามก็ไม่ได้บอกว่าจะไปคาสิโน แต่คาสิโนเป็นเพียงผลพลอยได้จากการท่องเที่ยว

 

ส่วนประเทศไทยหากเปิดสถานบันเทิงครบวงจรก็จะทำให้มีเงินสะพัดประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท ภายใต้สถานบันเทิงครบวงจรในบริบทของประเทศไทยที่คาดว่าจะประกอบด้วยบริการต่างๆ เช่น คาสิโน, ห้างสรรพสินค้า, โรงแรมหรู 5 ดาว, ร้านอาหารและบาร์, ศูนย์การประชุม, สวนสนุก, สวนน้ำ, สถานที่แสดงโชว์ และอื่นๆ แต่ต้องศึกษาผลกระทบรอบด้าน

 

กรณีศึกษา หากเปิดในพื้นที่เป้าหมาย 5 แห่ง ผลกระทบเชิงบวก-ลบ

 

โดยผลกระทบเชิงบวก-ลบ หากรัฐบาลวางแผนเปิด คาดว่าจะมีพื้นที่เป้าหมาย 5 แห่ง ได้แก่ พื้นที่ท่าเรือคลองเตย (กทม.), พื้นที่บางกะเจ้า (สมุทรปราการ), พื้นที่ EEC, เชียงใหม่ และภูเก็ต คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2576 

 

ผลกระทบทางบวกที่มีต่อเศรษฐกิจไทย 

 

  • การดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ 
  • การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการท่องเที่ยว การสร้างงาน
  • กระจายรายได้ในภาคบริการ รวมถึงการเพิ่มรายได้ให้รัฐผ่านภาษีและค่าธรรมเนียม 

 

 

ผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้น 

 

  • ความเสี่ยงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจใต้ดิน 
  • ผลกระทบต่อหนี้สินครัวเรือน 
  • ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ที่อาจเพิ่มขึ้น ตลอดจนต้นทุนทางสังคมจากปัญหาการติดการพนัน

 

ทุนใหญ่ LVS-MGM พร้อมลงทุน หากกฎหมายเปิดทาง

 

รายงานข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้สื่อมาเก๊ารายงานว่า Rob Goldstein ประธานบริหาร Las Vegas Sands (LVS) ยืนยันว่าสนใจลงทุนคาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย ภายใต้โครงการสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex 

 

โดย Goldstein มองว่าการเปิดคาสิโนในประเทศไทยอาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่าในญี่ปุ่น สอดคล้องกับนักวิเคราะห์บางรายที่ระบุก่อนหน้านี้ว่า ไทยจะเปิดให้บริการได้ในปี 2029 ก่อนหน้าญี่ปุ่นจะเปิด MGM Osaka ที่มีกำหนดการเปิดให้บริการในปี 2030

 

อีกทั้งสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า MGM Resorts International และ Galaxy Entertainment Group ก็อยู่ระหว่างศึกษาศักยภาพการเปิดคาสิโนในไทยเช่นกัน

 

นอกจากนี้ Maybank ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุน รายงานว่า Genting Singapore อาจเข้าร่วมประมูลเพื่อประกอบกิจการคาสิโนในไทยอีกด้วย

 

รายงานข่าวระบุว่า การทำให้คาสิโนซึ่งเป็นศูนย์รวมความบันเทิงในประเทศไทยถูกกฎหมายนั้น นอกจากจะเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยประมาณ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว คาดว่าค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวโดยเฉลี่ยต่อหัวจะเพิ่มขึ้น 52% อยู่ที่ 65,050 บาท (ราว 1,790 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อทริปในไทย

 

เบื้องต้นข้อเสนอของรัฐบาลไทยมีการเสนอการจัดเก็บภาษีรายได้จากการเล่นเกมขั้นต้น (GGR) ในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ (ร้อยละ 17)

 

Fun Economy ความหวังกระตุ้นเศรษฐกิจไทย

 

ด้านความคืบหน้าของกฎหมาย เมื่อเร็วๆ นี้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ระบุว่า ปัจจุบันสถานบันเทิงครบวงจรตอบโจทย์เทรนด์ธุรกิจการท่องเที่ยวที่ปรับตัวเข้าสู่อุตสาหกรรมในกลุ่ม Fun Economy ซึ่งเติบโตรวดเร็ว สามารถต่อยอดไปถึงอุตสาหกรรมกีฬา สถานบันเทิง และธุรกิจการจัดประชุมและจัดนิทรรศการ (MICE)

 

อย่างไรก็ตาม การนำธุรกิจคาสิโนและการพนันถูกกฎหมายเข้ามาอยู่ในระบบ ต้องมีมาตรฐานภายใต้การควบคุมของกฎหมาย และจัดเก็บรายได้และภาษีอย่างถูกต้อง

 

“Fun Economy เป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมูลค่าของอุตสาหกรรมนี้ทั้งโลกอยู่ที่ 13.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 14% ของ GDP ทั้งโลก นับว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมหาศาล และเกี่ยวข้องกับอีกหลายอุตสาหกรรม”

 

โดยหากดูมูลค่าทางเศรษฐกิจในปี 2022 สถานบันเทิงครบวงจรทั่วโลกมีมูลค่ามากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตไปถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028

 

เมื่อพิจารณาความคุ้มค่าในทุกมิติแล้ว หลังจากนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ไทยจะพลิกโฉมท่าเรือคลองเตย เนรมิต ‘เมืองแห่งคาสิโน’ หรือเป็นแค่ฝันที่คนไทยอาจได้…ไม่คุ้มเสีย?

The post เป็นไปได้หรือไม่ที่ไทยจะพลิกโฉมท่าเรือคลองเตย เนรมิต ‘เมืองแห่งคาสิโน’ หรือเป็นแค่ฝันที่คนไทยอาจได้…ไม่คุ้มเสีย? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: เปิดความเป็นไปได้ หากจะเนรมิตท่าเรือคลองเตยเป็น ‘เมืองแห่งคาสิโน’ | THE STANDARD WEALTH https://thestandard.co/morning-wealth-02092024-2/ Mon, 02 Sep 2024 06:00:06 +0000 https://thestandard.co/?p=978366 คาสิโน

เปิดความเป็นไปได้และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ หากไทยจะพลิก […]

The post ชมคลิป: เปิดความเป็นไปได้ หากจะเนรมิตท่าเรือคลองเตยเป็น ‘เมืองแห่งคาสิโน’ | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
คาสิโน

เปิดความเป็นไปได้และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ หากไทยจะพลิกโฉมท่าเรือคลองเตย เนรมิตให้เป็น ‘เมืองแห่งคาสิโน’ เปรียบเทียบกรณีศึกษาลาสเวกัส มาเก๊า สิงคโปร์ เป็นอย่างไร

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 . ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: เปิดความเป็นไปได้ หากจะเนรมิตท่าเรือคลองเตยเป็น ‘เมืองแห่งคาสิโน’ | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: เป็นจริงได้แค่ไหน? ไทยปั้น ‘เมืองแห่งคาสิโน’ | Morning Wealth 2 ก.ย. 2567 https://thestandard.co/morning-wealth-02092024/ Mon, 02 Sep 2024 03:08:56 +0000 https://thestandard.co/?p=978317

เป็นไปได้หรือไม่ที่ไทยจะพลิกโฉมท่าเรือคลองเตย เนรมิต ‘เ […]

The post ชมคลิป: เป็นจริงได้แค่ไหน? ไทยปั้น ‘เมืองแห่งคาสิโน’ | Morning Wealth 2 ก.ย. 2567 appeared first on THE STANDARD.

]]>

เป็นไปได้หรือไม่ที่ไทยจะพลิกโฉมท่าเรือคลองเตย เนรมิต ‘เมืองแห่งคาสิโน’ หรือเป็นแค่ฝันที่อาจได้…ไม่คุ้มเสีย?

 

ทำความรู้จัก ESG Bond กับกองทุน ThaiESG การลงทุนที่ยั่งยืน พูดคุยกับ ภูดินันท์ สัจยากร Director, ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM)

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: เป็นจริงได้แค่ไหน? ไทยปั้น ‘เมืองแห่งคาสิโน’ | Morning Wealth 2 ก.ย. 2567 appeared first on THE STANDARD.

]]>
กทม. ตั้งงบฯ ปี 67 ไว้ที่ 9 หมื่นล้านบาท ยืนยันพร้อมทำงานร่วมรัฐบาลใหม่ รับนโยบายหลายข้อสอดคล้อง MOU https://thestandard.co/bangkok-budget-year-2024/ Wed, 24 May 2023 10:44:04 +0000 https://thestandard.co/?p=794795 ชัชชาติ

วันนี้ (24 พฤษภาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุ […]

The post กทม. ตั้งงบฯ ปี 67 ไว้ที่ 9 หมื่นล้านบาท ยืนยันพร้อมทำงานร่วมรัฐบาลใหม่ รับนโยบายหลายข้อสอดคล้อง MOU appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชัชชาติ

วันนี้ (24 พฤษภาคม) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 12/2566 ว่า ในวันนี้มีการคุยเรื่องงบประมาณของปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 9 หมื่นล้านบาท 

 

โดยทำเป็นงบแบบสมดุล ในส่วนของงบประมาณรายจ่ายจะเป็นโครงการหลากหลายด้าน ทั้งเส้นเลือดฝอยและเส้นเลือดใหญ่ ภายใต้นโยบาย Zero Based Budgeting หรืองบประมาณแบบฐานศูนย์ คือการปรับทุกอย่างให้เป็นศูนย์ก่อน 

 

โดยกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้นำโครงการเก่ามาดูและพิจารณาว่าคุ้มหรือไม่ ถ้าไม่คุ้มหรือไม่จำเป็นก็จะไม่นำโครงการเดิมมาทำ หากจำเป็นจริงๆ หรือเป็นโครงการที่มีประโยชน์ก็ค่อยใส่เข้ามา ซึ่งเป็นแนวคิดหนึ่งที่ทำให้เราใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ จะต้องนำเข้าสภา กทม. อีกครั้งหนึ่ง 

 

ชัชชาติกล่าวว่า จากที่ได้ติดตามอ่าน MOU ซึ่งทางกลุ่มที่เตรียมจัดตั้งรัฐบาลวางแนวทางไว้ แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ทราบว่าสุดท้ายใครจะเป็นรัฐบาล แต่เบื้องต้นนโยบายในหลายๆ ด้านของ กทม. และสิ่งที่เราดำเนินการอยู่นั้นมีความสอดคล้องกับ MOU ดังกล่าว ทั้งในแง่ของความโปร่งใส ซึ่งเป็นหัวใจในการทำงาน การใช้เทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงกระบวนการให้ดีขึ้น การทำ Zero Based Budgeting เป็นต้น อย่างไรก็ดี เราสามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ เพราะเราเป็นหน่วยงานท้องถิ่นซึ่งต้องทำตามรัฐบาลกลางอยู่แล้ว 

 

ขณะนี้ก็มีนโยบายหลายเรื่องที่เตรียมจะนำเรียนรัฐบาลใหม่ เช่น เรื่อง PM2.5 ที่ต้องลงมืออย่างใกล้ชิด โดยนำแผนแห่งชาติขึ้นมาพิจารณาใช้อย่างจริงจัง ซึ่งต้องร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบกและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแนวคิดเรื่องท่าเรือคลองเตยในอนาคต หรือแม้กระทั่งการนำพื้นที่สาธารณะ เช่น ใต้ทางด่วน / ทางรถไฟ มาทำเป็นลานกีฬา สถานที่ปลูกต้นไม้ 

 

การนำพื้นที่ราชการต่างๆ ที่มีอยู่ในกรุงเทพฯ มาทำสวนสาธารณะเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว การบริหารจัดการขนส่งมวลชน ขนส่งสาธารณะในเมือง ตลอดจนเรื่องค่าครองชีพ หากรัฐบาลใหม่เห็นด้วยก็จะเป็นสิ่งที่ดี และหากเราหาแนวทางร่วมกันได้ดี สุดท้ายก็จะทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ 

 

ชัชชาติกล่าวด้วยว่า สำหรับระยะเวลาการทำงานเกือบ 1 ปี นโยบายที่พูดถึงมาโดยตลอดคือเรื่องเส้นเลือดฝอย เพราะเชื่อว่ากรุงเทพฯ จะดีได้ต้องเริ่มที่เส้นเลือดฝอยซึ่งลงไปยังชุมชน ซึ่งต้องร่วมไปกับโครงการเส้นเลือดใหญ่ จึงจะสามารถทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยนโยบายเส้นเลือดฝอยที่เราทำและเห็นได้ชัดเจนคือ Traffy Fondue เชื่อว่าเป็นสิ่งที่เปลี่ยนรูปแบบการทำงานของราชการที่เมื่อก่อนราชการอาจจะไม่ได้สนใจข้อเรียกร้องของประชาชนมากนัก ทั้งที่ประชาชนคือผู้ที่รู้ปัญหาในพื้นที่ได้ดี 

 

เมื่อเรานำระบบ Traffy Fondue มาใช้อย่างเอาจริงเอาจัง จึงเป็นการเปลี่ยนวิธีคิด ทำให้ข้าราชการไม่ต้องมาสนใจผู้ว่าฯ แต่สนใจแค่การบริการประชาชน การเอาใจใส่ประชาชน เพราะผู้ว่าฯ เองก็ใส่ใจการให้บริการประชาชนมากกว่าเช่นกัน 

 

ชัชชาติกล่าวอีกว่า ในช่วงแรกไม่ได้คิดว่าจะสำเร็จขนาดนี้ ปัจจุบันมีเรื่องแจ้งมาทั้งหมด 285,771 เรื่อง แก้ไขแล้วเสร็จ 206,844 เรื่อง เป็นของหน่วยงานอื่น 61,870 เรื่อง กำลังดำเนินการอยู่ 8,911 เรื่อง นับเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการประชาชน ทั้งยังเป็นการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นอย่างไร้รอยต่อ เป็นการทลายไซโล (Silo) ที่เมื่อก่อนต่างคนต่างทำ สิ่งนี้เป็นตัวเชื่อมที่ทำให้ทุกหน่วยงานสามารถเร่งแก้ปัญหาให้ประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อนาคตเชื่อว่าจะมีการขยายผลใช้งานไปทั่วประเทศต่อไป 

 

ในส่วนของ กทม. ก็ได้ขยายผลแล้ว โดยใช้ Traffy Fondue เป็นช่องทางการรับแจ้งเบาะแสเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน เพราะสิ่งที่เราเน้นมาตั้งแต่ต้นคือเรื่องของความโปร่งใส ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ทำอย่างไรให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นกับเรา จึงได้เน้นย้ำว่าเราต้องเปิดเผยข้อมูล เอาจริงเอาจังกับเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งก็เริ่มเห็นผลแล้ว โดยได้มีคณะกรรมการ / คณะทำงานที่ลงไปดำเนินการอย่างเข้มข้น และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่เราคิดว่าทำได้ดี 

 

สำหรับนโยบายเส้นเลือดฝอย 216 นโยบาย เราเริ่มไปแล้วประมาณ 190 กว่าเรื่อง อีกประมาณ 20 เรื่อง กำลังทบทวนว่าเป็นสิ่งที่ทันสมัยหรือไม่ ยังจำเป็นหรือไม่ หลายโครงการที่เราได้ดำเนินการไปเป็นเรื่องที่อาจจะเห็นไม่ชัด แต่แฝงอยู่ในชีวิตของประชาชน เช่น การขุดลอกท่อระบายน้ำ / คูคลอง การปรับระบบการศึกษา การเปลี่ยนหลอดไฟที่ดับ เปลี่ยนไฟเป็นหลอด LED ซึ่งเราดำเนินการมาค่อนข้างเยอะ และยังคงเดินหน้าทำตามนโยบายที่ให้ไว้ เพื่อทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน หลายๆ โครงการเราได้งบประมาณมา ทั้งการปรับปรุงทางเท้า นำสายสื่อสารลงดิน ต่อไปก็จะเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น

 

ด้าน เอกวรัญญู อัมระปาล โฆษก กทม. กล่าวเสริมว่า ในส่วนของความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขไฟฟ้าส่องสว่างดับและการเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าเป็น LED ซึ่ง กทม. มีไฟฟ้าที่รับผิดชอบอยู่ 1 แสนกว่าดวง เพื่อให้รับทราบข้อมูลที่แน่นอนและถูกต้อง จึงได้มีการประสานการไฟฟ้านครหลวงเพื่อให้ทราบว่าจริงๆ แล้วมีไฟฟ้าส่องสว่างที่ กทม. ดูแลอยู่กี่ดวง จะได้วางแผนดำเนินการได้แม่นยำชัดเจนขึ้น 

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันสำรวจไฟฟ้าส่องสว่างไปทั้งสิ้น 147,566 ดวง แก้ไขแล้ว 28,014 ดวง ยังดับ 165 ดวง 

 

ผลการติดตั้ง LED IoT มีดังนี้ 120W จำนวน 4,419 ดวง แล้วเสร็จ 207 ดวง (ถนนพระรามที่ 4 ถนนอังรีดูนังต์ ซอยรางน้ำ ถนนเทิดราชัน) 150W จำนวน 746 ดวง แล้วเสร็จ 746 ดวง (ถนนพระรามที่ 4 ถนนราชวิถี ถนนราชปรารภ ถนนราชดำริ ถนนเพลินจิต ถนนนวมินทร์ ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ถนนนิมิตใหม่ ถนนรัชดา) และ 50W จำนวน 20,000 ดวง แล้วเสร็จ 4,434 ดวง 

 

ด้านการติดตั้งโคมไฟริมคลองแสนแสบ รวม 1,285 โคม อยู่ระหว่างดำเนินการ 1,134 โคม แล้วเสร็จ 151 โคม ส่วนโคมไฟริมคลองบางลำพู รวม 208 โคม อยู่ระหว่างดำเนินการ 70 โคม แล้วเสร็จ 138 โคม

The post กทม. ตั้งงบฯ ปี 67 ไว้ที่ 9 หมื่นล้านบาท ยืนยันพร้อมทำงานร่วมรัฐบาลใหม่ รับนโยบายหลายข้อสอดคล้อง MOU appeared first on THE STANDARD.

]]>
2 มีนาคม 2534 – คลังสารเคมีระเบิดที่ท่าเรือคลองเตย https://thestandard.co/onthisday02032534-2/ Thu, 02 Mar 2023 01:00:09 +0000 https://thestandard.co/?p=756462

วันที่ 2 มีนาคม 2534 ได้เกิดอุบัติภัยทางสารเคมีครั้งที่ […]

The post 2 มีนาคม 2534 – คลังสารเคมีระเบิดที่ท่าเรือคลองเตย appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันที่ 2 มีนาคม 2534 ได้เกิดอุบัติภัยทางสารเคมีครั้งที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย ที่โกดังเก็บสารเคมีท่าเรือคลองเตย ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก 

 

โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.30 น. เกิดเสียงระเบิดดังมาจากโกดังเก็บสินค้าหมายเลข 3 ก่อนจะลุกลามไปยังโกดังหมายเลข 4 และ 5 ที่อยู่ติดกัน ทำให้ต้องมีการระดมรถดับเพลิงกว่า 100 คัน พนักงานดับเพลิงกว่า 500 คน เข้าฉีดน้ำควบคุมเพลิง แต่การฉีดน้ำลงบนกองเพลิงที่เต็มไปด้วยสารเคมีกลับทำให้เกิดการระเบิดตามมามากขึ้น เปลวเพลิงและควันพิษพวยพุ่งขึ้นบนอากาศ และลอยไปไกลถึง 13 กิโลเมตร แรงระเบิดยังทำให้แผ่นเหล็ก กระเบื้อง ลอยไปตกในชุมชนที่อยู่ใกล้ท่าเรือคลองเตย ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้อีกด้วย

 

ต่อมากรมวิทยาศาสตร์ทหารบกจึงเข้ามาสนับสนุนการดับไฟโดยใช้ทรายกลบ และขนย้ายกากสารเคมีไปฝังในพื้นที่ทหาร จังหวัดกาญจนบุรี โดยใช้เวลาดับเพลิงรวมกว่า 3 วัน มีผู้เสียชีวิตทันที 4 ราย บาดเจ็บกว่า 30 ราย มีผู้ป่วยจากการสัมผัสสารพิษ 1,700 ราย ซึ่ง 499 รายเป็นหญิงตั้งครรภ์ และเหตุการณ์ครั้งนี้ยังทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 5,000 รายด้วย 

 

ในขณะที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าของโกดังเก็บสารเคมี ได้จ่ายเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือเฉพาะหน้าครอบครัวละ 1,000 บาท ค่าทำศพ 20,000 บาท และจัดสรรงบประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อสร้างแฟลตใหม่ที่ซอยอ่อนนุช ด้านสภาทนายความได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือในการเรียกร้องค่าเสียหาย มีการเจรจายินยอมจ่ายค่าชดเชยเฉพาะ 179 ครอบครัวที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องครอบครัวละ 10,000-12,000 บาท 

 

นอกจากความสูญเสียด้านชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ภายหลังเหตุการณ์ยังพบผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมตามาจำนวนมาก เช่น น้ำเป็นพิษ มลพิษทางอากาศ นับเป็นเหตุการณ์หายนะเกี่ยวกับสารเคมีที่เลวร้ายครั้งหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย

The post 2 มีนาคม 2534 – คลังสารเคมีระเบิดที่ท่าเรือคลองเตย appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ศิธา’ ลุยหาเสียงชุมชนคลองเตย เสนอตัวพัฒนา แก้ปัญหาให้ตรงจุด ในฐานะอดีต ส.ส. พื้นที่ 2 สมัย https://thestandard.co/sita-tiwari-visit-khlong-toei-on-election-campaign/ Sat, 23 Apr 2022 10:54:01 +0000 https://thestandard.co/?p=620576 ศิธา ทิวารี

วันนี้ (23 เมษายน) น.ต. ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชกา […]

The post ‘ศิธา’ ลุยหาเสียงชุมชนคลองเตย เสนอตัวพัฒนา แก้ปัญหาให้ตรงจุด ในฐานะอดีต ส.ส. พื้นที่ 2 สมัย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศิธา ทิวารี

วันนี้ (23 เมษายน) น.ต. ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชนในชุมชนคลองเตย เขตวัฒนา ในส่วนของชุมชนล็อก 123 ชุมชนริมทางรถไฟ ชุมชนแฟลต 1-10 และชุมชนน้องใหม่

 

โดย น.ต. ศิธา ระบุว่า ผูกพันกับพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อครั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในปี 2544 ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องชาวคลองเตยมาอย่างยาวนาน จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตดังกล่าวถึง 2 สมัยติดต่อกัน และไม่เคยทิ้งพื้นที่แม้ช่วงที่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง

 

พร้อมระบุว่า ตนเข้าใจดีว่าปัญหาของพี่น้องชาวคลองเตยเป็นอย่างไร และจะต้องแก้แบบไหนเพื่อให้ตรงตามความต้องการของชาวชุมชน ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะถึงในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ จึงขอโอกาสให้ลูกหลานชาวคลองเตยคนนี้ได้เข้าไปรับใช้พ่อแม่พี่น้องทุกคน เพื่อแก้ปัญหาคลองเตย แก้ปัญหากรุงเทพฯ

 

น.ต. ศิธากล่าวย้ำว่า กทม. จะเป็นพื้นที่นำร่องในการผลักดันนโยบายกองทุนเครดิตประชาชนเพื่อคนตัวเล็ก หรือกองทุนคนตัวเล็ก ซึ่งเป็นการสร้างเครดิตประชาชนเพื่อล้างหนี้นอกระบบ โดยพี่น้องประชาชนสามารถกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 1 ต่อเดือน เพื่อเป็นเงินทุนในการตั้งตัวใช้ในยามฉุกเฉิน กองทุนนี้จะเป็นหลักประกันความมั่นคงทางการเงินของพี่น้องประชาชนตลอดไป โดยสามารถเข้าถึงได้ง่ายในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม

 

นอกจากนี้ น.ต. ศิธา ยังกล่าวถึงประเด็นการพัฒนาพื้นที่คลองเตย ที่มองว่าจำเป็นต้องพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยเฉพาะโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ให้เป็นโรงเรียนคุณภาพดีใกล้บ้าน ส่งเสริมให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ชอบ เรียนรู้ในสิ่งที่สามารถออกมาสร้างอาชีพ ส่งเสริมการทำมาหากินได้ และต้องทำให้โรงเรียนทุกแห่งมีมาตรฐานเดียวกัน ทั้งทางโภชนาการและความรู้ มีการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่ ไม่ใช่การเสนอเชิงอุดมคติที่ต้องการความเป็นเลิศทางวิชาการแบบเลื่อนลอยเท่านั้น เพราะยังมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอยู่ ทั้งในเรื่องโอกาสและมาตรฐานของสถาบันแต่ละแห่ง จึงต้องสร้างโรงเรียนทุกแห่งให้มีมาตรฐาน

 

The post ‘ศิธา’ ลุยหาเสียงชุมชนคลองเตย เสนอตัวพัฒนา แก้ปัญหาให้ตรงจุด ในฐานะอดีต ส.ส. พื้นที่ 2 สมัย appeared first on THE STANDARD.

]]>
2 มีนาคม 2534 – คลังสารเคมีระเบิดที่ท่าเรือคลองเตย https://thestandard.co/onthisday02032534/ Wed, 02 Mar 2022 00:00:54 +0000 https://thestandard.co/?p=600674 ท่าเรือคลองเตย

วันนี้เมื่อ 31 ปีที่แล้ว ในวันที่ 2 มีนาคม 2534 ได้เกิด […]

The post 2 มีนาคม 2534 – คลังสารเคมีระเบิดที่ท่าเรือคลองเตย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ท่าเรือคลองเตย

วันนี้เมื่อ 31 ปีที่แล้ว ในวันที่ 2 มีนาคม 2534 ได้เกิดอุบัติภัยทางสารเคมีครั้งที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย ที่โกดังเก็บสารเคมีท่าเรือคลองเตย ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก 

 

โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.30 น. เกิดเสียงระเบิดดังมาจากโกดังเก็บสินค้าหมายเลข 3 ก่อนจะลุกลามไปยังโกดังหมายเลข 4 และ 5 ที่อยู่ติดกัน ทำให้ต้องมีการระดมรถดับเพลิงกว่า 100 คัน พนักงานดับเพลิงกว่า 500 คน เข้าฉีดน้ำควบคุมเพลิง แต่การฉีดน้ำลงบนกองเพลิงที่เต็มไปด้วยสารเคมีกลับทำให้เกิดการระเบิดตามมามากขึ้น เปลวเพลิงและควันพิษพวยพุ่งขึ้นบนอากาศ และลอยไปไกลถึง 13 กิโลเมตร แรงระเบิดยังทำให้แผ่นเหล็ก กระเบื้อง ลอยไปตกในชุมชนที่อยู่ใกล้ท่าเรือคลองเตย ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้อีกด้วย

 

ต่อมากรมวิทยาศาสตร์ทหารบกจึงเข้ามาสนับสนุนการดับไฟโดยใช้ทรายกลบ และขนย้ายกากสารเคมีไปฝังในพื้นที่ทหาร จังหวัดกาญจนบุรี โดยใช้เวลาดับเพลิงรวมกว่า 3 วัน มีผู้เสียชีวิตทันที 4 ราย บาดเจ็บกว่า 30 ราย มีผู้ป่วยจากการสัมผัสสารพิษ 1,700 ราย ซึ่ง 499 รายเป็นหญิงตั้งครรภ์ และเหตุการณ์ครั้งนี้ยังทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยกว่า 5,000 รายด้วย 

 

ในขณะที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าของโกดังเก็บสารเคมี ได้จ่ายเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือเฉพาะหน้าครอบครัวละ 1,000 บาท ค่าทำศพ 20,000 บาท และจัดสรรงบประมาณ 1,500 ล้านบาท เพื่อสร้างแฟลตใหม่ที่ซอยอ่อนนุช ด้านสภาทนายความได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือในการเรียกร้องค่าเสียหาย มีการเจรจายินยอมจ่ายค่าชดเชยเฉพาะ 179 ครอบครัวที่ออกมาต่อสู้เรียกร้องครอบครัวละ 10,000-12,000 บาท 

 

นอกจากความสูญเสียด้านชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ภายหลังเหตุการณ์ยังพบผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมตามาจำนวนมาก เช่น น้ำเป็นพิษ มลพิษทางอากาศ นับเป็นเหตุการณ์หายนะเกี่ยวกับสารเคมีที่เลวร้ายครั้งหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย

 

ภาพ: Getty Image / Fairfax Media Archives

The post 2 มีนาคม 2534 – คลังสารเคมีระเบิดที่ท่าเรือคลองเตย appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐบาลเร่งเบิกจ่าย 1.2 ล้านล้านบาท ดัน 21 โครงการ โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง https://thestandard.co/government-accelerated-disbursement-21-projects/ https://thestandard.co/government-accelerated-disbursement-21-projects/#respond Tue, 12 Feb 2019 14:33:43 +0000 https://thestandard.co/?p=197330

  ภาพประกอบ: Nuttarut B.

The post รัฐบาลเร่งเบิกจ่าย 1.2 ล้านล้านบาท ดัน 21 โครงการ โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>

 

ภาพประกอบ: Nuttarut B.

The post รัฐบาลเร่งเบิกจ่าย 1.2 ล้านล้านบาท ดัน 21 โครงการ โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/government-accelerated-disbursement-21-projects/feed/ 0