ดาวโจนส์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 14 Mar 2023 09:47:58 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ดาวโจนส์ร่วงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ‘หุ้นแบงก์’ ดิ่งหนักสุด ส่วนทองคำ-โลหะเงินกอดคอพุ่ง https://thestandard.co/dow-jones-falls-consecutive-day-5/ Tue, 14 Mar 2023 02:11:17 +0000 https://thestandard.co/?p=762481 ดาวโจนส์

ความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวันจันทร์ที่ 13 […]

The post ดาวโจนส์ร่วงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ‘หุ้นแบงก์’ ดิ่งหนักสุด ส่วนทองคำ-โลหะเงินกอดคอพุ่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดาวโจนส์

ความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวันจันทร์ที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ยังคงผันผวนอย่างหนัก โดยดัชนี Dow Jones Industrial Average (DJI) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 โดยความเสี่ยงของภาคธนาคารทำให้ตลาดปิดในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนในตลาดคาดว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำให้ Fed ระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวในเดือนมีนาคม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อบางภาคส่วนในตลาด 

 

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการประชุมฉุกเฉินของ Fed ในวันนี้ (14 มีนาคม) โดยการประชุมดังกล่าวจะเป็นการทบทวนและตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าและอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (Advance and Discount Rate)


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


ทั้งนี้ ดัชนี DJI ปรับตัวลดลง 90.50 จุด หรือ 0.28 % ปิดที่ 31,819.14 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ลดลง 5.83 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 3,855.76 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 49.96 จุด หรือ 0.45% ปิดที่ 11,188.84 จุด

 

หุ้นที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือหุ้นในกลุ่มของธนาคาร โดยมีรายงานว่า First Republic Bank ร่วงลงมากถึง 76.6% แม้จะมีข่าวว่าได้แหล่งเงินทุนใหม่ ขณะที่ Western Alliance Bancorp ร่วงลง 82.5% และ PacWest Bancorp ลดลง 53% ขณะที่การซื้อขายหุ้นหยุดชะงักหลายครั้งเนื่องจากความผันผวน สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังกังวลว่าการล่มสลายของ Silicon Valley Bank (SVB) และ Signature Bank จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบธนาคาร โดยลุกลามไปยังธนาคารประจำภูมิภาคของสหรัฐฯ

 

ด้านดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพในระบบธนาคารของสหรัฐฯ

 

ทั้งนี้ ดัชนี VIX พุ่งขึ้นมากกว่า 4 จุด สู่ระดับ 29.03 ใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2022 โดยหากดัชนีดีดตัวเหนือระดับ 30 จะบ่งชี้ว่าตลาดมีความเสี่ยง ขณะที่มีความผันผวนสูง ซึ่งก่อนหน้านี้ดัชนี VIX อยู่ในระดับต่ำเพียง 17.06 ในช่วงเริ่มต้นปี 2023

 

ขณะเดียวกัน Mortgage News Daily รายงานว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ ปรับตัวดิ่งลงเมื่อวานนี้ (13 มีนาคม) หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 7.05% เมื่อวันพุธในสัปดาห์ที่แล้ว (8 มีนาคม) โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับตัวลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี และ 30 ปีร่วงลงตามกัน โดยนักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร 

 

โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปีปรับตัวลงสู่ระดับ 6.57% จากระดับ 6.76% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 มีนาคม)

 

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองได้ปรับตัวลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ​ อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นอัตราอ้างอิงสำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง โดยราคาพันธบัตรจะปรับตัวสวนทางกับอัตราผลตอบแทน

 

ทองคำ-โลหะเงิน กอดคอทะยาน

 

ความผันผวนของตลาดทำให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น โดยราคาทองคำในวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ ท่ามกลางการอ่อนค่าของดอลลาร์และความหวั่นวิตกเกี่ยวกับการล่มสลายครั้งใหญ่ที่สุดของธนาคารสหรัฐฯ นับตั้งวิกฤตการเงินปี 2008 ซึ่งราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 49.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,916.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ทั้งนี้ ความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตในภาคธนาคารบวกกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าได้เพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

 

ขณะเดียวกัน โลหะมีค่าอื่นๆ ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยแร่เงินปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.16% มาอยู่ที่ 21.7741 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แพลทินัมเพิ่มขึ้น 4.03% อยู่ที่ 997.8473 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 6.92% ที่ 1,474.2458 ดอลลาร์

 

อ้างอิง:

The post ดาวโจนส์ร่วงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ‘หุ้นแบงก์’ ดิ่งหนักสุด ส่วนทองคำ-โลหะเงินกอดคอพุ่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
หุ้นสหรัฐฯ เขียวยกแผง ‘ดาวโจนส์’ พุ่ง 1,200 จุด ปรับขึ้นมากสุดรอบ 2 ปีรับข่าวเงินเฟ้อส่งสัญญาณชะลอตัว https://thestandard.co/us-stocks-10112022/ Fri, 11 Nov 2022 01:54:13 +0000 https://thestandard.co/?p=707547

บรรยากาศตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ […]

The post หุ้นสหรัฐฯ เขียวยกแผง ‘ดาวโจนส์’ พุ่ง 1,200 จุด ปรับขึ้นมากสุดรอบ 2 ปีรับข่าวเงินเฟ้อส่งสัญญาณชะลอตัว appeared first on THE STANDARD.

]]>

บรรยากาศตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (10 พฤศจิกายน) ปรับตัวเขียวทั้งกระดาน โดยเฉพาะดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่พุ่งทะยานกว่า 1,200 จุด ขานรับสัญญาณบวก จากรายงานเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลงในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เหล่านักลงทุนเริ่มมีความหวัง ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากไปกว่านี้แล้ว 

 

ทั้งนี้ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวพุ่งขึ้น 1,201.43 จุด หรือ 3.70% ปิดที่ 33,715.37 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 207.80 จุด หรือ 5.54% ปิดที่ 3,956.37 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 760.97 จุด หรือ 7.35% ปิดที่ 11,114.15 จุด


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวของดาวโจนส์เมื่อวานนี้ ถือเป็นการเพิ่มขึ้นในหนึ่งวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่ที่หุ้นส่งสัญญาณพ้นตลาดหมีหลังการระบาดใหญ่ เช่นเดียวกับดัชนี S&P 500 ที่เป็นการขยับขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2020 ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเป็นการขยับขึ้นที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2020

 

ความเคลื่อนไหวของวอลล์สตรีทดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ทางกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนตุลาคม ซึ่งพบว่า ตัวเลข CPI ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า ถือเป็นการบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว

 

ทั้งนี้ ดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 7.7% ในเดือนตุลาคมในอัตรารายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 7.9% และชะลอตัวจากระดับ 8.2% ในเดือนกันยายน

 

ขณะเดียวกัน เมื่อเทียบเป็นอัตรารายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไปปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนตุลาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าว่าจะอยู่ที่ระดับ 0.6% 

 

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 6.3% ในเดือนตุลาคมในอัตรารายปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 6.5% อีกทั้งยังชะลอตัวจากระดับ 6.6% ในเดือนกันยายน 

 

ขณะที่เมื่อเทียบเป็นอัตรารายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนตุลาคม น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้จะอยู่ที่ระดับ 0.5% และต่ำกว่าเดือนกันยายนซึ่งอยู่ที่ระดับ 0.6% 

 

รายงานระบุว่า ข้อมูลเงินเฟ้อดังกล่าวกระตุ้นให้บรรดานักลงทุนหันมาปรับเปลี่ยนการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed โดยมีนักลงทุนถึง 85% เพิ่มขึ้นจากเดิม 52% ที่เชื่อว่า Fed จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนธันวาคม แทนที่จะเป็น 0.75%

 

ข่าวดีดังกล่าวยังส่งผลให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวเพิ่มขึ้นในแดนบวกเช่นเดียวกัน โดยหุ้นของ Amazon เพิ่มขึ้นประมาณ 12.2% Apple และ Microsoft ขยับสูงกว่า 8% หุ้นของ Meta เพิ่มขึ้นมากกว่า 10% และ Tesla เพิ่มขึ้น 7%

 

ด้านอัตราผลตอบแทบพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 3.81% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 4.32% ส่วนค่าเงินสหรัฐฯ ร่วงหนักกลายเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของสกุลเงินดอลลาร์นับตั้งแต่ปี 2009

 

ขณะเดียวกัน สัญญาณเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงของสหรัฐฯ ยังส่งผลผลักดันให้ราคาทองคำขยับขึ้น ซึ่งเมื่อวานนี้ราคาทองคำขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,753.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ด้านราคาน้ำมันขยับขึ้น 1% เนื่องจากสัญญาณชะลอตัวเงินเฟ้อ ที่อาจทำให้ Fed ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งเสริมอุปสงค์ทางด้านพลังงาน ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ซึ่งช่วยให้ราคาน้ำมันที่ซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์มีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ

 

ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสงวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 64 เซนต์ ปิดที่ 84.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ ปิดที่ 93.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

นักวิเคราะห์ชี้ ‘สินทรัพย์ทางเลือก’ ไม่ใช่หลุมหลบภัย

สำนักข่าว CNN รายงานความเห็นของบรรดานักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญในตลาดที่เห็นตรงกันว่า สถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย และต้องใช้ความรู้ความสามารถอย่างหนักหน่วง รวมถึงต้องเฝ้าติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบด้านอย่างใกล้ติด เพื่อหาจังหวะและโอกาสเข้าซื้อหรือปล่อยขาย 

 

อย่างไรก็ตาม การแห่เทขายทองคำ และราคาสกุลเงินดิจิทัลที่ดิ่งระนาว กลายเป็นการตอกย้ำในเห็นว่า ภาพรวมของตลาดในเวลานี้ไม่มีหลุมหลบภัยที่ปลอดภัยและน่าอุ่นใจสำหรับนักลงทุนเลย 

 

รายงานระบุว่า สถานการณ์ของตลาดคริปโตส่งสัญญาณวิกฤตระลอกใหม่เมื่อ FTX แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลในฐานะสตาร์ทอัพยูนิคอร์นที่น่าจับตามอง ประสบปัญหาสภาพคล่อง ทำให้สกุลเงินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ อีเทอเรียม และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อ่อนค่าลงอย่างรุนแรง 

 

ขณะนี้ราคาบิทคอยน์อยู่ที่ประมาณ 16,500 ดอลลาร์ ลดลงจากระดับ 20,000 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และห่างไกลจากราคาสูงสุดที่เคยทำไว้ในช่วงปลายปี 2021 ที่ 46,000 ดอลลาร์

 

สวนทางกับแนวคิดของนักลงทุนที่คาดหวังว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยบวกกับระดับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงทุบสถิติของสหรัฐฯ จะส่งผลบวกต่อสินทรัพย์ทางเลือกอย่างคริปโตและทองคำ ซึ่งกลายเป็นว่าสินทรัพย์ทั้งสองได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับหุ้นและพันธบัตร ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าไม่มีที่ใดให้นักลงทุนหลบพักในตลาดได้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและภาวะเศรษฐกิจถดถอย

 

ด้านราคาทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ร่วงลงแล้วประมาณ 6% ในปีนี้ และราคาโลหะมีค่าก็ยังคงขยับปรับตัวอยู่ไม่ไกลจากระดับต่ำสุดในช่วงเริ่มต้นของการระบาดของไวรัสโควิดเมื่อต้นปี 2020 

 

หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามว่า ทองคำและคริปโตจะฟื้นกลับมาหรือไม่ นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งเชื่อว่ายังมีโอกาสที่สินทรัพย์กลุ่มนี้จะกลับมา เมื่อพิจารณาจากทิศทางเคลื่อนไหวของคริปโตและทองคำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นรอบการขยับขึ้นลงของคริปโตเคอร์เรนซี ขณะที่นักวิเคราะห์เชื่อว่าราคาคริปโตน่าจะขยับขึ้น หลังจากที่ตลาดหายตื่นตระหกจากกรณี FTX 

 

ในส่วนของราคาทองคำ การฟื้นตัวของราคาอาจจะต้องใช้เวลา เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ดังนั้น ทองคำจึงยังไม่มีบทบาทมากนักในช่วงนี้ 

 

อ้างอิง: 

The post หุ้นสหรัฐฯ เขียวยกแผง ‘ดาวโจนส์’ พุ่ง 1,200 จุด ปรับขึ้นมากสุดรอบ 2 ปีรับข่าวเงินเฟ้อส่งสัญญาณชะลอตัว appeared first on THE STANDARD.

]]>