ช่อง 3 – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 25 Dec 2024 08:19:43 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘และใครที่ชอบดราม่า…ขออนุญาตนะคะ เชิญทางนี้’ สรุปประเด็นร้อนแห่งปี 2567 https://thestandard.co/drama-highlights-2024/ Thu, 26 Dec 2024 11:00:50 +0000 https://thestandard.co/?p=1023658 drama-highlights-2024

ต้องขอยืมประโยคหนึ่งในวลีสุดฮอตแห่งปีจากร้านทองแม่ตั๊กม […]

The post ‘และใครที่ชอบดราม่า…ขออนุญาตนะคะ เชิญทางนี้’ สรุปประเด็นร้อนแห่งปี 2567 appeared first on THE STANDARD.

]]>
drama-highlights-2024

ต้องขอยืมประโยคหนึ่งในวลีสุดฮอตแห่งปีจากร้านทองแม่ตั๊กมาใช้ เพราะในปีนี้ ประเทศไทยยังคงเป็นสังคมอุดมดราม่า เรียกว่าแทรกซึมอยู่ในทุกวงการ โดยเฉพาะวงการบันเทิงที่เหมือนเป็นฟันเฟืองผลิตเรื่องเมาท์ เรื่องที่เป็นประเด็นอยู่เสมอ จะมีเรื่องอะไรบ้างไปดูกัน 

 

หมูเด้ง

 

ดังสัตว์ๆ 

 

ถ้าถามว่าปีนี้เมืองไทยอะไรดัง คงหนีไม่พ้นเรื่องราวดีๆ จากสัตว์ และตุ๊กตาประดามีที่กลายเป็นไวรัลและเป็นที่รักของคนไทยในชั่วข้ามคืน เริ่มตั้งแต่ตุ๊กตาหมีเนย มาสคอตเต้นดุกดิกจากแบรนด์ Butterbear คว้าใจพ่อยกแม่ยกทั้งในไทยและต่างประเทศ จนต้องแห่แหนไปดูน้องเต้นกันแน่นร้าน แถมน้องหมีเนยยังขยันเปลี่ยนชุด คิดท่าเต้นตามกระแส จนเรียกว่าปังอยู่หลายเดือน

 

คอนเสิร์ตหมีเนย

แม่หยั่ว

 

หลังจากนั้นไม่นาน ความร้อนแรงของดาราสาวในนามน้องหมูเด้งก็เบียดพี่หมีเนยเกือบตกกระป๋อง เธอคือลูกฮิปโปแคระผู้มาพร้อมผิวแน่นเด้ง ลื่นเมือก จอมวีนเหวี่ยง สวบไม่เว้นไม่ว่าใครหน้าไหน แต่กลายเป็นความน่ารักจนเป็นไวรัล คนดังและสื่อยักษ์ใหญ่ ใครๆ ก็ต่างเทใจให้น้องหมูเด้งกันทั่วโลก เท่านั้นยังไม่พอ สาวน้อยจากสวนสัตว์เขาเขียวยังมีซิงเกิลเป็นของตัวเอง และได้เป็นศิลปินในสังกัด GMM Grammy ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์นั่นคือ 4 เดือน!

ประเด็นสัตว์ๆ ไม่ได้มีแค่เรื่องราวดีๆ เพราะช่วงปลายปีก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การวางยาสลบแมวเพื่อใช้เข้าฉากในซีรีส์เรื่อง แม่หยัว จนกลายเป็นประเด็นให้สังคมไทยหันมามองสวัสดิภาพของสัตว์ในแวดวงบันเทิงอีกด้วย

 

พี่จอง คัลแลน

 

คัลแลน-พี่จองฟีเวอร์ 

 

คนไทยมักจะเอ็นดูชาวต่างชาติที่หัดพูดภาษาไทย ชัดบ้าง ไม่ชัดบ้าง ก็ไม่เป็นไร แต่สิ่งที่ โซเฟีย ลา ก็ทำไม่ได้ แอนนา ชวนชื่น อย่าหวังเลย ก็คือความน่ารักเป็นธรรมชาติแบบสองหนุ่มยูทูเบอร์ คัลแลนกับพี่จอง จนกลายเป็นขวัญใจชาวไทยมาตั้งแต่ต้นปี 

 

พี่จอง คัลแลน

 

เรียกว่าคัลแลนกับพี่จองค่อยๆ เป็นที่พูดถึงมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตั้งแต่ดราม่าไก่ทอดหาดใหญ่ แสงสปอตไลต์ก็เริ่มส่องให้คนได้เห็นความตั้งใจของสองหนุ่มจากเกาหลีใต้ผู้เดินทางท่องเที่ยวไปทั่วไทย ไม่สนว่าเป็นเมืองหลัก เมืองรอง แล้วถ่ายทอดออกมาอย่างน่าเอ็นดูตามประสาชาวต่างชาติที่มาสัมผัสวัฒนธรรมไทย ช่วงเวลาไม่นาน ทั้งคู่ก็กลายเป็นที่รักของคนไทยเกือบทั้งประเทศ และมีงานพรีเซนเตอร์ไม่ขาดสายจนถึงวันนี้ 

 

กะเทยผ่านศึก

 

4 มีนาคม วันกะเทยผ่านศึก

 

ให้รู้บ้างว่าไผเป็นไผ! เป็นที่รู้กันว่าซอยสุขุมวิท 11 คือแหล่งมาดื่มมาดริงก์ของพี่ๆ กะเทยไทยมานานปี แต่ในระยะหลังมีกะเทยจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามารุกล้ำอธิปไตยอยู่บ่อยครั้ง มิหนำซ้ำยังทำตัวเป็นขาใหญ่ มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับพี่กะเทยไทยอยู่บ่อยๆ

 

จนกระทั่งในค่ำคืนหนึ่งก็เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้กะเทยฟิลิปปินส์เป็นฝ่ายชนะ เท่านั้นไม่พอ ยังเปิดไลฟ์ประกาศศักดา เหมือนนังพิรมลขี้รดหัวใจหญิงนุชไปอีก งานนี้มีหรือจะยอม 

 

กะเทยผ่านศึก

 

ในค่ำคืนวันที่ 4 มีนาคม กะเทยทั่วหล้าจึงรวมตัวกันที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านสุขุมวิท หวังจะสั่งสอนกะเทยต่างด้าวที่เข้ามากร่างในแผ่นดินแม่ สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ที่สัญจรไปมา และกลายเป็นไวรัลว่อนโซเชียล จากหน่วยเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย และเป็นหลายร้อยจนกลายเป็นข่าวให้ติดตามความเคลื่อนไหว แม้ในที่สุดกะเทยฟิลิปปินส์จะออกจากโรงแรมมาได้ แต่ก็โดนไปคนละตุ้บคนละตั้บ 4 มีนาคม จึงได้รับการสถาปนาเป็นวันกะเทยผ่านศึกนับแต่นั้นเป็นต้นมา 

 

มีการแซวเล่นๆ ขำๆ ว่า พชร์ อานนท์ จะไม่เอาไปทำหนังเหรอ ในจังหวะนั้นหนังเรื่อง หอแต๋วแตก แหกสัปะหยด ปิดกล้องพร้อมฉายไปเรียบร้อยแล้ว แต่ พชร์ อานนท์ คนจริงสั่งเปิดกองเพิ่มฉากนี้เข้าไปก่อนหน้าหนังฉายเพียงไม่กี่วัน ป้าดดดดด! ทำถึงมากค่ะคุณน้า 

 

กันต์ มอบตัว

 

มหากาพย์ดิไอคอนกรุ๊ป 

 

ปีนี้นอกจากการออกล่าปลาหมอคางดำที่ว่าดังแล้ว ก็เห็นจะมีการออกล่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับดิไอคอนกรุ๊ปนี่แหละที่เป็นกระแสต่อเนื่องยาวนาน ส่วนสำคัญก็มาจากธุรกิจที่คล้ายแชร์ลูกโซ่นี้ ใช้พลังดาราในการขับเคลื่อนเป็นหลัก ลากมาตั้งแต่คนที่เคยเป็นพรีเซนเตอร์ไปยันผู้ที่ออกตัวเป็นผู้บริหาร ส่วนมีใครกันบ้างคงไม่ต้องบอก เพราะรายชื่ออยู่ในบัญชีที่เรือนจำเรียบร้อย 

 

บอสพอล

 

แต่ทีเด็ดอยู่ที่ความเด็ดของ บอสพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เจ้าของดิไอคอนกรุ๊ปผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ใช้โทรศัพท์อัดเสียงบรรดานักรีดไถเอาไว้ทั้งหมด งานนี้เลยสาวไส้ไปถึงนักการเมืองและเหล่าคน (เคย) ดีศรีสังคม ติดร่างแหเข้าไปด้วย สมกับสโลแกนไม่ทิ้งใครไว้ข้างนอก (คุก)

 

พลังทำลายล้างของดิไอคอนกรุ๊ปยังไม่จบอยู่แค่นั้น เพราะมันทำให้ย้อนนึกไปถึงเหล่าดาราและคนดังที่เคยออกหน้าทำธุรกิจคล้ายๆ กันเมื่อหลายปีก่อน จนต้องออกมาแก้ตัวกันจ้าละหวั่น เรียกได้ว่าประเด็นนี้เป็นอีกครั้งที่ให้บทเรียนทั้งกับเหล่าคนดังว่าความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนมีราคาต้องจ่าย และคนทั่วไปว่าอย่าหลงเชื่อคนดังจนขาดสติ 

 

MU 2024

 

แต่ละมื้อแต่ละเดย์ในแวดวงนางงาม

 

ปีนี้แวดวงนางงามยังมีสีสันเช่นเคย เริ่มตั้งแต่เวทีที่เอ็นเตอร์เทนคนดูถึงขีดสุดอย่างการประกวด Miss Grand International ในปีนี้มีเจ้าภาพร่วมคือประเทศกัมพูชา ทว่าหลังจากเก็บตัวไปได้ไม่กี่วัน บรรยากาศที่เคยแกรนด์กลับไม่แกรนด์อย่างที่เคย เพราะการจัดการไม่ได้มาตรฐาน มีภาพหลุดนางงามใส่ชุดราตรีหรูหราต้องนั่งกินถั่วต้มบนเรือสำราญที่เหมือนเรือข้ามฟากมากกว่า พาให้นึกถึงปาร์ตี้พัชรภากรุ๊ปเมื่อหลายปีก่อนไปเสียอย่างนั้น

 

MGI 2024

MGI 2024

 

ว่าแล้วบิ๊กบอส ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ก็พากองประกวดกลับไทย และจัดงานออกมาได้อลังการอย่างทุกปี แต่สุดท้ายก็ไม่วายมีดราม่าอีก เมื่อผู้ถือลิขสิทธิ์มิสแกรนด์เมียนมาคว้ามงกุฎนางงามของตัวเองมาปาทิ้ง เพราะไม่พอใจที่ได้แค่รองอันดับ 2 จนกลายเป็นประเด็นอยู่หลายสัปดาห์ 

 

มาถึงเวทีอันเป็นที่รักอย่างการประกวด Miss Universe ซึ่งปีนี้ตัวแทนประเทศไทยได้แก่ โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี เรียกได้ว่ามีลุ้นเอามงสามเอามากๆ แถมปีนี้ยังไม่มี พอลล่า ชูการ์ต ผู้ขยันเสิร์ฟ ‘แกง’ ให้แฟนนางงามไทยแล้วด้วย แต่กลายเป็นว่าผู้จัดงานกลับเสิร์ฟแกงอ่อม คืออ่อมในหลายช่วงของการประกวดจนอดคิดถึงพอลล่าไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังเสิร์ฟแกงที่หลากหลายกว่า 

 

MU 2024

 

ประเด็นดราม่าเริ่มตั้งแต่ตอนเก็บตัว คือเก็บจริงเพราะภาพที่ออกมาส่วนใหญ่อยู่ที่หน้าลิฟต์เหมือนยี่ห้อ Otis เป็นสปอนเซอร์ ส่วนในรอบ Preliminary ก็เกือบจะไม่มีการสวมชุดราตรีทั้งที่สำคัญมากๆ สำหรับแฟนนางงาม ยังไม่นับรวมการพรีเซนต์ชุดบนเวทีที่ไม่โดนใจเอาเสียเลย พอถึงวันประกวดจริง กติกาและลำดับขั้นการประกวดก็ออกมางงๆ รวมถึงโปรดักชันทั้งเวทีและการจัดไฟก็ออกมาไม่ได้ดั่งใจ ที่จะดีหน่อยก็เห็นจะมีแค่ช่วง ‘Hello Universeeeeee’ เท่านั้น 

หลังจากนั้นไม่กี่วัน แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ เจ้าของเวทีไม่รอช้า เชิญแฟนนางงามตัวแม่มานั่งเคลียร์ใจในรายการ แอนโชว์ ในช่อง JKN และยืนยันว่าน้อมรับทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนในปีหน้าจะออกมาเป็นอย่างไรต้องมาลุ้นกัน

 

LISA

 

‘ลิซ่า’ ทำถึงมากจ้า…ลูกสาวของชาวไทย

 

แม้จะไปเด่นไปดังถึงเมืองนอกเมืองนา แต่ลูกสาวของชาวไทยอย่าง ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล ก็มีสำนึกรักบ้านเกิด เมื่อก้าวขึ้นเป็นศิลปินเดี่ยว มิวสิกวิดีโอซิงเกิลแรกจึงยกโปรดักชันมาถ่ายทำและใช้โลเคชันของเมืองไทยทั้งเพลง ที่เด่นมากๆ คือการใช้ฉากบนถนนเยาวราช แถมทำออกมาได้สวยแซ่บสะใจจนกลายเป็นไวรัลทั้งในไทยและต่างประเทศอีกต่างหาก

 

LISA

LISA

 

และเพราะลิซ่าคือคนไทย แล้วคนไทยแปลว่าอิสระ หลังจากหมดสัญญาจากค่ายเก่าก็เลยรับงานที่หลากหลายขึ้นอย่างงานแสดงในซีรีส์ The White Lotus ซีซัน 3 ที่ยกกองมาถ่ายทำบนเกาะสมุย ร่วมกับนักแสดงไทยอีกหลายคน เรียกได้ว่าปีนี้ลิซ่ากับหมูเด้งเป็นนางแบกซอฟต์พาวเวอร์ไทยที่ทำงานได้ดีกว่ารัฐมนตรีทั้งคณะรัฐบาลเสียอีก 

 

มาริโอ้

 

ภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์ของละครไทย

 

ใครจะเชื่อว่าจะมีวันนี้ วันที่ความบันเทิงประจำบ้านอย่างละครไทยใกล้ถึงภาวะสูญพันธุ์จากเม็ดเงินโฆษณาที่เคยทุ่มให้สื่อโทรทัศน์เริ่มลดลงเรื่อยๆ ทำให้หลายช่องยักษ์ใหญ่ปรับกระบวนท่ากันจ้าละหวั่น 

 

หนักที่สุดก็คงไม่พ้นช่อง 3 กับกระแสข่าวไม่สู้ดีที่มีออกมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ลดงบประมาณการทำละคร หยุดการถ่ายทำ จนถึงขั้นปลดพนักงานให้องค์กรกระฉับกระเฉงขึ้น ดังนั้นเมื่อบ้านใหญ่ดูจะเล็กไปเสียแล้ว เหล่าบรรดาผู้จัดคู่บุญของช่องเลยมีอันต้องโยกย้ายไปเติบโตที่อื่น หลักๆ คือย้ายไปซบอก MONO29 ที่กำลังสยายปีกปลูกปั้นแพลตฟอร์มของตัวเอง

 

เจมส์ จิรายุ ละคร

ช่อง 7

 

ส่วนช่อง 7 หลังจากที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่นานก็ถึงเวลาพลิกตัวกับเขาบ้างด้วยการจับมือกับแพลตฟอร์มอย่าง Netflix และแว่วๆ ว่าจะโละละครเก่าในสต็อกมาออกอากาศทั้งหมด จากนั้นจะผลิตคอนเทนต์รูปแบบใหม่ที่ช่องไม่เคยทำมาก่อน ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าละครช่อง 7 โฉมใหม่จะไฉไลกว่าเดิมหรือเปล่า

The post ‘และใครที่ชอบดราม่า…ขออนุญาตนะคะ เชิญทางนี้’ สรุปประเด็นร้อนแห่งปี 2567 appeared first on THE STANDARD.

]]>
2024 สู้ๆ นะละครไทย ไม่ต้องสู้กับใคร สู้กับตัวเองนี่แหละ https://thestandard.co/thai-dramas-2024-self-improvement/ Fri, 13 Dec 2024 10:18:39 +0000 https://thestandard.co/?p=1019304

  ปี 2024 คงไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับละครไทย เพราะตั้งแต […]

The post 2024 สู้ๆ นะละครไทย ไม่ต้องสู้กับใคร สู้กับตัวเองนี่แหละ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ละครไทย

 

ปี 2024 คงไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับละครไทย เพราะตั้งแต่ต้นปียันท้ายปีมีละครดีๆ ที่สร้างปรากฏการณ์แบบนับเรื่องได้ อีกทั้งยังมีข่าวร้ายตามมาเป็นระลอกๆ ทั้งการชะลอถ่ายทำละครในช่วงครึ่งปีหลังปี 2024 ของช่อง 3 ตามมาด้วยข่าวลือหนาหูว่าช่อง 8 จะเลิกผลิตละคร ส่วนช่อง 7 และช่อง one31 ก็ขยันเอาละครเก่ามารีรันสลับกับละครใหม่ ปิดท้ายด้วยข่าวใหญ่เมื่อช่อง 3 ปลดพนักงานฟ้าผ่า

 

ขณะที่ฝั่งแพลตฟอร์มออนไลน์คอนเทนต์ไทยทั้งภาพยนตร์และซีรีส์กลับไปได้ไกล บางเรื่องติดอันดับหนึ่งซีรีส์ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่มีคนดูมากที่สุดในโลก ไม่นับรวมอีกหลายเรื่องที่อยู่ในอันดับต้นๆ อีกทั้งนักแสดงไทยยังได้กลายเป็น #คนไทยคนแรก ที่ได้รางวัลใหญ่บนเวทีอันทรงเกียรติ และนี่คือภาพรวมปรากฏการณ์ของละคร ซีรีส์ และคอนเทนต์ไทยตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา  

 

ละครไทย

 

สถานการณ์ยักษ์ยังเซของช่อง 3 

 

เปิดปีใหม่มาเรียกว่าทรงยังดี เพราะในปีนี้ช่อง 3 มีโปรเจกต์ใหญ่ ดวงใจเทวพรหม แต่พอเข้าช่วงกลางปีก็มีประเด็นชะลอการถ่ายละครล็อตใหม่ ตามมาด้วยการปลดพนักงาน อย่างไรก็ตาม ละครช่อง 3 ปีนี้ก็มีหลายเรื่องที่น่าพูดถึง 

เริ่มจากละครชุด ดวงใจเทวพรหม กับความขึ้นๆ ลงๆ ทั้งกระแสและเรตติ้ง เปิดโปรเจกต์ด้วย ลออจันทร์ ละครดราม่าแอ็กชันที่คว้าเรตติ้งไปได้ในระดับกลางๆ หลังจากนั้นไม่นานค่อยมาแก้เกมด้วย ขวัญฤทัย ในแนวโรแมนติกคอเมดี้ แจ้งเกิด ไมกี้-ปณิธาน บุตรแก้ว กลายเป็นขวัญใจคนใหม่สมความตั้งใจสร้างนักแสดงเลือดใหม่ให้ช่อง 3 ต่อด้วย ใจพิสุทธิ์ ที่มาพร้อมกระแสนิ่งๆ และเรตติ้งพอใช้ได้ ส่วน ดุจอัปสร กับเรื่องราวดราม่ารสเข้มที่สุดในชุดเรียกกระแสไปได้พอสมควร และปิดท้ายด้วย พรชีวัน ที่โด่งดังจากประเด็นดราม่าว่าเนื้อหาไม่เหมือนกับบทประพันธ์

 

ละครไทย

 

ขณะที่ละครเรื่องอื่นๆ หลายเรื่องยิงพลาดเป้าไปแบบเจ็บจี๊ดโดยเฉพาะ จนกว่าจะได้รักกัน แม้จะมีพลังดาราของ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ และ หมาก-ปริญ สุภารัตน์ แต่ทั้งกระแสและเรตติ้งกลับตกต่ำอย่างน่าใจหาย ส่วน ในวันที่ฝนพร่างพราย เปิดมาทรงยังดี แต่ผ่านไปสักพักบทละครกลับไม่ดึงดูด และดราม่าเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพนักสังคมสงเคราะห์ไปซะงั้น ใดๆ ก็ยังมีเรื่องชุบชูหัวใจเมื่อ ลมเล่นไฟ ละครแนวผัวเมียที่ได้ เชอรี่-เข็มอัปสร สิริสุขะ กลับมารับงานแสดงในรอบ 8 ปี ไปได้ดีทั้งเรตติ้งและกระแส ทั้งๆ ที่ช่องคู่แข่งอย่าง one31 ก็ดันละครแนวนี้ออกมาในช่วงเวลาเดียวกัน

 

ช่อง3

ละครไทย

 

จะเรียกว่าเป็นปีทองสมชื่อ ทอง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ก็ไม่เต็มปาก เพราะแม้จะมีละครออนแอร์ 3 เรื่องติดต่อกัน ทั้งดีบ้าง แป้กบ้าง เริ่มจาก โลกหมุนรอบเธอ กับความตั้งใจดีๆ ที่จะทำละคร Coming of Age รสชาติไทยๆ แต่ก็เจอดราม่าตั้งแต่เปิดเรื่องว่าคล้ายซีรีส์ต่างประเทศ ตามมาด้วยบทละครออกทะเลและงานเมกอัพที่กลายเป็นมีมว่อนโซเชียล จากนั้นไม่นานแก้เกมด้วยความปังจากละคร หนึ่งในร้อย ทั้งด้านโปรดักชัน บท และนักแสดง ทำออกมาได้อย่างสวยงาม สร้างมาตรฐานใหม่ๆ ให้กับละครไทย ปิดท้ายด้วย หวานรักต้องห้าม ที่เหมือนพาคนดูไปท่องจักรวาลความรักเหลื่อมล้ำศีลธรรม สอดแทรกประเด็นสังคมให้กลมกล่อมไปกับละครแนวผัวๆ เมียๆ รวมถึงบทสนทนาและการตัดสินใจแก้ปัญหาแบบมนุษย์ธรรมดาที่มีทั้งผิดพลาดและยากจะคาดเดา ซึ่งถ้าสร้างเร็วกว่านี้สัก 10 ปี ละครเรื่องนี้อาจล้มไม่เป็นท่า แต่สำหรับยุคนี้นี่คือเหล้าเก่าในขวดใหม่ที่คนดูต้องการ

 

สำหรับผู้เขียน ช่อง 3 เหมือนกำลังหาทิศทางใหม่ๆ อย่างที่ผู้บริหารเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ ว่านี่คือเหตุผลที่ต้องชะลอการถ่ายทำและอนุมัติละครไว้ก่อน ซึ่งหากดูจากละคร 3 เรื่องของผู้จัด แอน ทองประสม ที่เหมือนจะเป็นลูกรักประจำปีนี้ ก็มีแนวทางต่างกันออกไป เหมือนให้ได้ลงสนามทดลองก่อนใครเสียมากกว่า 

 

ช่อง one31 รับไปทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ

 

ช่อง one31 รับไปทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ  

 

ปีนี้เรียกว่าช่อง one31 เข้าเป้าไปหลายดอก หมายถึงทั้งยิงเข้าเป้า และกลายเป็นเป้าโดนยิงเสียเอง เริ่มจากส่วนที่ประสบความสำเร็จคือละคร สงครามสมรส ว่าด้วยมหากาพย์การหย่าร้างที่งานนี้บทละครไม่ปล่อยให้ดีหรือเลวแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้คนดูได้เห็นความเป็นมนุษย์ รวมถึงความพัลวันพัลเกของการหย่าร้างที่น่าติดตามและลุ้นถึงตอนจบว่าจะไปสิ้นสุดตรงไหน จนกลายเป็นละครเรตติ้งสูงสุดของปีนี้ 

 

ช่อง one31

ช่อง one31

 

อีกหนึ่งความน่าตื่นเต้นคือการเปิดตัวโปรเจกต์ oneD ORIGINAL ซีรีส์ 5 เรื่อง หยิบเอาประเด็นที่ไม่ค่อยพูดถึงในละครไทยมาปรุงใหม่พร้อมเวอร์ชัน Uncut ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไปได้ดีทั้งเรตติ้งและกระแส เริ่มตั้งแต่ บางกอกคณิกา ผลงานดราม่ามิวสิคัลงานถนัดของช่องที่เปิดโปรเจกต์ได้อย่างสวยงาม ส่วน LOVE LESSON 010 แบบฝึกรัก..ไม่รู้ล้ม ยังไม่กลมกล่อมเท่าที่ควร ตามมาด้วย แม่หยัว ซีรีส์ฟอร์มใหญ่ที่หยิบเอาชีวิตของท้าวศรีสุดาจันทร์มาตีความใหม่ กลายเป็นกระแสทั้งในประเด็นไม่ตรงกับข้อเท็จจริงตามประวัติศาสตร์ และการทารุณสัตว์ที่ใช้เข้าฉาก ส่วนอีกสองเรื่องมาพร้อมประเด็นแรงๆ ในเวลาไล่เลี่ยกันทั้ง ทิชา ดราม่าแอ็กชันจิตวิทยาว่าด้วยการค้ามนุษย์ ทั้งสนุก ทั้งตื่นเต้น ได้กระแสดีมากๆ ส่วน การุณยฆาต ซีรีส์วายสอดแทรกประเด็นหนักๆ กับเรื่องราวการยุติชีวิตเพื่อให้พ้นจากความเจ็บปวดทรมานก็ออกสตาร์จได้อย่างน่าสนใจ 

 

ช่อง one

 

ใดๆ แล้วปีนี้เรียกว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัด โดยเฉพาะกับ ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ เพราะนอกจากซีรีส์ แม่หยัว ที่เขาแสดงจะมีดราม่า เกมรักปาฏิหาริย์ ละครอีกเรื่องก็ต้องเจอกับวิบากกรรม The iCon Group เมื่อสองนักแสดงหลักของเรื่องอย่าง มิน-พีชญา วัฒนามนตรี และ แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีไปด้วย ทำให้กระแสละครทั้งสองเรื่องดูแผ่วๆ ไป 

 

 

ช่อง 7 เรตติ้งยังไม่กระเตื้อง 

 

ขึ้นชื่อว่าเป็นช่องทีวีที่มีละครเรตติ้งดีที่สุดในประเทศ แต่ทุกวันนี้ช่อง 7 เริ่มติดอยู่ในวังวนเดิมๆ เพิ่มเติมคือคู่แข่งอย่างช่อง one31 ก็กำลังตีตื้นขึ้นมาติดๆ และเอาเข้าจริงเรตติ้งคนดูละครผ่านจอทีวีเรียกได้ว่าลดลงไปทั้งแผงจากการมาถึงของแพลตฟอร์มออนไลน์ 

 

ช่อง 7

 

ปีนี้การปรับตัวครั้งใหญ่ของช่อง 7 น่าจะเป็นการเข้าหาพันธมิตรใหม่ๆ ด้วยการส่งละครเรื่องแรกเข้าสู่ Netflix คือ รอยรักรอยบาป แม้เรตติ้งตอนเปิดตัวจะต่ำเตี้ยที่ 1.7 แต่ก็มีบางจังหวะที่ละครเรื่องนี้ขึ้นอันดับหนึ่งใน Netflix ได้เสียอย่างนั้น ตามมาด้วย เล่ห์ร้ายเกมลวง ที่กระแสยังดูทรงๆ 

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้ละครช่อง 7 เข้าสู่กลุ่มผู้ชมใหม่ๆ เพราะผลงานในระยะหลังๆ ของช่องบางเรื่องก็ไม่ได้ขี้เหร่เลย เพียงแต่ยังมีคนดูบางกลุ่มติดอยู่กับภาพลักษณ์เก่าๆ หรือผลงานบางชิ้นที่ยังไม่ได้มาตรฐาน ก็คงต้องรอดูว่าช่อง 7 จะกลับมาสร้างปรากฏการณ์ปังๆ ได้แบบในอดีตอีกหรือไม่

 

ช่อง 7

 

ดาวรุ่งจากช่องเล็ก



ขนาดช่องใหญ่ยังหืดขึ้นคอ ชะตากรรมของช่องโทรทัศน์เล็กๆ ยิ่งไปกันใหญ่ หลายช่องถอดใจเลิกทำละครไปแล้วก็มี ส่วนช่องที่ยังทำอยู่ก็มีบางเรื่องที่โดดเด่น อย่างเช่นช่อง 8 กับ วิญญาณแพศยา เอาใจคอละครรสแซ่บกลุ่มเป้าหมายหลักของช่อง ขณะที่ บุหลันมันตรา และ ศึกเสน่หา ไกรทอง ชาละวัน กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

 

ดาวรุ่งจากช่องเล็ก

ดาวรุ่งจากช่องเล็ก

 

ส่วนละครดีวันดีคืนต้องยกให้ค่ายเวิร์คพอยท์ที่ค่อยๆ ไต่ระดับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น เมืองลับแล หยิบเอาตำนานพื้นบ้านแล้วใส่ประเด็นใหม่ๆ จนกลายเป็นที่พูดถึงและติดอันดับละครที่มีคนดูมากที่สุดใน Netflix อยู่ช่วงหนึ่ง ตามมาด้วย เถ้ากระดังงา ละครรสชาติไทยๆ ก็ได้กระแสไปพอประมาณ ส่วนทางฝั่ง True CJ Creations ได้รับเสียงชื่นชมจากผลงานรีเมกซีรีส์เกาหลีใต้เรื่อง Good Doctor ทั้งเรื่องบทและฝีมือการแสดงของ เน๋ง-ศรัณย์ นราประเสริฐกุล

 

ซีรีส์ยูรินี่สิมาแรง

 

ซีรีส์ยูรินี่สิมาแรง 

 

หลังจากซีรีส์วายผงาดในวงการบันเทิงไทยมาหลายปี ปีนี้ถึงทีของซีรีส์ยูริบ้าง เริ่มจากการสานต่อความแรงจากซีรีส์ ทฤษฎีสีชมพู และภาพยนตร์เรื่อง ยูเรนัส2324 ของคู่จิ้น ฟรีน-สโรชา จันทร์กิมฮะ และ เบ็คกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง กับ ปิ่นภักดิ์ ซีรีส์ยูริที่หวังขายซอฟต์พาวเวอร์ไทยๆ รวมถึงคู่ขวัญคู่ใหม่ หลิงหลิง-ศิริลักษณ์ คอง และ ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ จาก ใจซ่อนรัก ที่สร้างฐานแฟนคลับกลุ่มใหญ่ และเป็นหมุดหมายใหม่ของช่อง 3 ในตลาดซีรีส์ยูริ ส่วนช่องไทยพีบีเอสก็เข้ากระแสนี้กับละคร หม่อมเป็ดสวรรค์ ว่าด้วยเรื่องราวหญิงรักหญิงในหน้าประวัติศาสตร์ไทย 

 

ซีรีส์ยูรินี่สิมาแรง

ซีรีส์ยูรินี่สิมาแรง

 

อย่างไรก็ตาม กระแสซีรีส์วายในไทยก็ไม่ได้แผ่วลงเลย มีผลงานเด่นๆ หลายเรื่อง อย่าง 4MINUTES ถึงจะดูยากไปนิด แต่ฉาก NC เรียกได้ว่าถึงใจ แถมยังแจ้งเกิด (ใหม่) ให้ เจษ-เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ ในฐานะพระเอกซีรีส์วายสุดขี้เล่นตกแฟนคลับได้อีกเป็นกระบุง ส่วน วันดีวิทยา ผลงานซีรีส์วายเรื่องแรกหลังย้ายค่ายของ อิน-สาริน รณเกียรติ และ เกรท-สพล อัศวมั่นคง ถือเป็นก้าวแรกที่ใช้ได้ของคู่จิ้นคู่ใหม่ของวงการ 

 

คอนเทนต์ไทยผงาดในตลาดโลก

 

คอนเทนต์ไทยผงาดในตลาดโลก 

นับเป็นข่าวดีที่ปีนี้ สืบสันดาน กลายเป็นซีรีส์สัญชาติไทยที่ติดอันดับ 1 ซีรีส์ภาษาต่างประเทศที่มีผู้ชมสูงสุดทั่วโลกบน Netflix และติด Top 10 ใน 63 ประเทศทั่วโลก ในเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ที่น่าสนใจคือซีรีส์เรื่องนี้หยิบเอากลิ่นอายของละครไทยมาทำใหม่แบบพรีเมียม ซึ่งอาจเป็นทิศทางใหม่ที่คอนเทนต์ไทยจะเดินตามในอนาคต

 

คอนเทนต์ไทยผงาดในตลาดโลก  คอนเทนต์ไทยผงาดในตลาดโลก 

 

ส่วน อย่ากลับบ้าน การร่วมงานครั้งแรกระหว่าง นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี กับค่ายสตรีมมิ่งชื่อดังอย่าง Netflix ก็เรียกได้ว่ากระแสดีในตลาดนานาชาติด้วยเหมือนกัน นอกจากนั้นยังมีซีรีส์เกี่ยวกับความเชื่อและศาสนาเรื่อง สาธุ ที่สร้างกระแสในสังคมไทย และปิดท้ายด้วย อนาฅต ซีรีส์ไซไฟที่จินตนาการถึงวัฒนธรรมและสังคมไทยว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไรในโลกอนาคต 

ข่าวดียังไม่จบอยู่แค่นั้น เพราะ ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง ได้กลายเป็น #คนไทยคนแรก ที่คว้ารางวัลบนเวที International Emmy Awards มาครองจาก HUNGER คนหิว เกมกระหาย ส่วนซีรีส์เรื่อง DELETE ผลงานจากปีกลายก็ตระเวนกวาดรางวัลบนเวทีระดับนานาชาติหลายเวที

 

HUNGER คนหิว เกมกระหาย

 

สรุปแล้วในปีนี้เรียกว่าช่องทีวีกำลังปรับตัวกันสุดฤทธิ์เพื่อเป็นผู้รอดในวงการนี้ ข้อดีคือผู้ชมได้ดูอะไรใหม่ๆ ได้เห็นการใส่ไวยากรณ์บางอย่างเพื่อให้ละครหรือคอนเทนต์ทำงานได้ดีทั้งในทีวีและแพลตฟอร์มออนไลน์ ก็ได้แต่ให้กำลังใจว่าสู้ๆ ต่อไปนะละครไทย แล้วเราจะคอยติดตาม 

 

 

 

 

 

 

 

The post 2024 สู้ๆ นะละครไทย ไม่ต้องสู้กับใคร สู้กับตัวเองนี่แหละ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เกิดอะไรขึ้น เมื่อช่อง 3 เลิกจ้างผ่านอีเมล https://thestandard.co/ch3-termination-via-email/ Wed, 27 Nov 2024 02:24:37 +0000 https://thestandard.co/?p=1013238

“มันคือฝันร้ายของบางคน ไม่มีใครรู้รายละเอียด มีเพียงการ […]

The post เกิดอะไรขึ้น เมื่อช่อง 3 เลิกจ้างผ่านอีเมล appeared first on THE STANDARD.

]]>

“มันคือฝันร้ายของบางคน ไม่มีใครรู้รายละเอียด มีเพียงการแจ้งผ่านไลน์ในช่วงใกล้เวลา 16.30 น. ของวันที่ 25 พฤศจิกายน ว่าให้เปิดอีเมล คนที่ได้รับจะถูกเลิกจ้าง!” นี่เป็นเพียงคำบอกเล่าส่วนหนึ่งของแหล่งข่าวที่ระบุถึงข่าวการเลย์ออฟเลิกจ้างพนักงานช่อง 3

 

อาการตกใจยังลามไปถึงผู้ประกาศ ไก่-ภาษิต อภิญญาวาท และ ตูน-ปรินดา คุ้มธรรมพินิจ ที่ได้เปิดเผยในรายการ เรื่องเด่นเย็นนี้หลังไมค์ ด้วยใจระทึกว่า มีเรื่องที่ทำให้เราไม่เป็นอันทำงานทำการ มีข้อความเข้ามาในมือถือ พร้อมอ่านข้อความให้ฟังว่า

 

“เรียนทุกท่าน ขออนุญาตแจ้งว่า วันนี้หลัง 17.00 น. ทาง HR จะมีอีเมลถึงบุคคลที่เรามีความจำเป็นให้เข้าโครงการปรับโครงสร้าง (เลิกจ้าง) โดยใครถูกเลิกจ้างก็จะได้รับเงินชดเชยตามกฎหมายกำหนด และสิ้นสุดการเป็นพนักงานใน 31 ธันวาคมนี้”

 

ภาษิตย้ำด้วยว่า “ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย เพราะเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มา 3 ครั้งแล้ว ตอนอยู่ที่เดิม และครั้งที่สองตอนที่ช่อง 3 SD เราเลิกทำ มาครั้งนี้พอผมรู้สึกแบบนี้ ผมมือสั่นนะ ความรู้สึกเดิมๆ กลับมา”

 

ทำไมต้องลดคน

 

เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่ช่อง 3 แต่เกิดกับคนทำงานสื่อจำนวนมาก ตั้งแต่ต้นปี 2567 หลายสำนักข่าวประกาศเลิกจ้างพนักงาน

 

VOICE TV ประกาศเลิกกิจการเพราะขาดทุนสะสม เช่นเดียวกับ PPTV บอกเลิกจ้างพนักงาน 90 ตำแหน่งจากภาวะขาดทุน ยังไม่นับรวมบริษัทอื่นๆ ที่พยายามปรับลดองค์กรเพื่อความอยู่รอด ทั้ง MONO ปรับส่วนงานที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร ยุบหน่วยงานซ้ำซ้อน และ Nation Group พักการจ่ายเงินเดือนพนักงานที่มีรายได้สูงถึง 6 เดือน

 

แม้แต่สำนักข่าวต่างประเทศ เช่น CNN ประกาศเลิกจ้างพนักงาน 100 ตำแหน่ง ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปเสพข่าวสารผ่านดิจิทัลมากขึ้น ด้าน BBC ก็ขาดทุน ประกาศปลดพนักงาน 500 ตำแหน่ง

 

เช่นเดียวกับสถานการณ์ของช่อง 3 ทั้งหมดล้วนเกิดมาจากปัญหาสำคัญคือ ‘ภาวะขาดทุน’

 

รายได้ลด กำไรหด

 

ปี 2566 ช่อง 3 ประกาศปลดพนักงานไปแล้ว 1 รอบ เพื่อปรับโครงสร้างองค์กร กระทั่งต้นปี 2567 ได้ประกาศลดคนไปอีกรอบ กระแสข่าวปลดคนยังคงออกมาเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นคือคำบอกเล่าของ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศชื่อดัง ในรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ระบุว่ามีแฟนคลับช่อง 3 มาต่อแถวและรอเซ็นปฏิทินดาราตั้งแต่เช้ามืด ซึ่งตอนนี้เราใช้กล้องมือถือถ่ายเพราะเราลดกำลังคน ก็ต้องให้ออกไปทำอย่างนี้ไปก่อน

 

ไม่เพียงคำพูดของพิธีกรดัง แต่หากเจาะลึกถึงรายได้ของบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือช่อง 3 จะพบว่าในช่วงไตรมาส 3/67 มีรายได้อยู่ที่ 1,068.4 ล้านบาท ลดลง 41.4 ล้านบาท หรือ 3.7% จากไตรมาสที่ 2/67 ขณะที่กำไรอยู่ที่ 45.9 ล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาตัวเลขกลับลดลง

 

สิ่งเหล่านี้ยังบ่งบอกว่าช่อง 3 ยังคงทำกำไร โดยเฉพาะจากธุรกิจใหม่อย่างการจัดกิจกรรมและบริหารศิลปิน เช่น DHEVAPROM FAN CON AFTER PARTY และ Dear my love LING&ORM

 

แต่ตัวเลขที่ย้อนไป 3 ปี ทำให้เห็นชัดเจนว่า ‘ต้องมีการปลดคนออก’ เพราะรายได้และกำไรของบริษัทลดลงเรื่อยๆ การรักษาต้นทุนและปรับโครงสร้างจึงเป็นทางออกที่แก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี

 

  • ปี 2564 รายได้ 5,728 ล้านบาท กำไร 761 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 5,151 ล้านบาท กำไร 607 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 4,699 ล้านบาท กำไร 210 ล้านบาท
  • 9 เดือนแรกของปี 2567 รายได้ 3,213 ล้านบาท กำไร 131 ล้านบาท

 

30% วันนี้ เพื่อความอยู่รอดในวันหน้า

 

มติชนออนไลน์รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พนักงานที่ถูกประเมินว่าไม่ผ่านงานได้รับอีเมลเลิกจ้างจากทางบริษัท โดยเป็นการส่งเป็นการส่วนตัว มีพนักงานทุกระดับที่เข้าเงื่อนไข เนื้อหาเป็นเรื่องของการบอกเลิกจ้าง และให้มาเซ็นรับทราบการเลิกจ้างดังกล่าวในช่วงบ่ายวันที่ 26-27 พฤศจิกายน

 

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับการเลย์ออฟหรือเลิกจ้างครั้งนี้ ฝ่ายบริหารใช้วิธีประเมินโดยพิจารณาจากทุกระดับ ตั้งแต่บรรณาธิการจนถึงพนักงานทั่วไป ซึ่งพบว่ามีกลุ่มพนักงานที่ถูกเลิกจ้างครั้งนี้เกือบ 300 ราย

 

ขณะที่ผู้ประกาศของช่องส่วนหนึ่งให้พ้นจากการเป็นพนักงานประจำ แต่ยังได้รับค่าอ่านหรือค่าออกอากาศอยู่ในกรณีที่ทำรายการให้ช่อง 3 ต่อไป ทั้งนี้ อาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนงานและโครงสร้างให้เหมาะสมกับกำลังคนที่เหลืออยู่ต่อไป

 

สถานการณ์เปลี่ยน เม็ดเงินจำกัด ใครคือผู้อยู่รอด

 

แม้ไม่อาจบอกได้ว่าวันข้างหน้าสื่อใดจะเป็นผู้อยู่รอด เพราะในเมื่อทั้งสื่อทีวี หนังสือพิมพ์ และออนไลน์ ต่างกระโดดร่วมสมรภูมิแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณากันอย่างดุเดือด สื่อออนไลน์เพิ่มมากขึ้น การเกิดขึ้นของ Influencers, YouTuber, Tiktoker ยิ่งทำให้สื่อหลักต้องปรับตัว

 

ความชำนาญในเนื้อหาทั้งสายข่าวเฉพาะ เทคนิคการจัดไฟ สำนวนการเขียน คุณภาพของงานสื่อ บางครั้งอาจสู้สิ่งที่เรียกว่า ‘กำไร’ ของบริษัทไม่ได้ การปรับตัว Upskill, Reskill หรือแม้กระทั่งทำตัวให้เป็น Multi Skills ก็คงไม่อาจตอบโจทย์ได้ทุกโอกาส

 

เหมือนที่แหล่งข่าวระบุว่า “เที่ยวนี้เรารอด เที่ยวหน้าเราอาจจะไม่รอดก็ได้ เพราะบริษัทก็รีดไขมันไปเรื่อยๆ”

The post เกิดอะไรขึ้น เมื่อช่อง 3 เลิกจ้างผ่านอีเมล appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ ประกาศเกษียณ ปิดฉาก 27 ปี รายการตีสิบ อำลาเทปสุดท้าย 30 พ.ย. นี้ https://thestandard.co/wittawat-farewell-27-years-at-ten/ Thu, 31 Oct 2024 05:30:08 +0000 https://thestandard.co/?p=1002076

วันนี้ (31 ตุลาคม) วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ ผู้ดำเนินรายกา […]

The post วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ ประกาศเกษียณ ปิดฉาก 27 ปี รายการตีสิบ อำลาเทปสุดท้าย 30 พ.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (31 ตุลาคม) วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ ผู้ดำเนินรายการทอล์กโชว์ยอดนิยม ตีสิบเดย์ ประกาศเกษียณตัวเอง พร้อมยุติการออกอากาศรายการ ตีสิบเดย์ อย่างเป็นทางการ หลังเริ่มออกอากาศเป็นครั้งแรกในปี 2540 ซึ่งเป็นระยะเวลารวมกว่า 27 ปี ก่อนเตรียมออกอากาศเทปสุดท้ายวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567

 

 

โดยในช่องทางโซเชียลมีเดียของรายการ ตีสิบเดย์ ระบุว่า “40 ปี ที่โลดแล่น แดนโทรทัศน์ วิทวัจน์ ขอเกษียณ หยุดสรวลเส หยุดรายการ 27 ปี ตีสิบเดย์ จึงขอเซย์ กู๊ดบาย ปลาย พอ.ยอ. #ตีสิบเดย์ เทปสุดท้าย 30 พ.ย. 67 #ไม่ไปต่อ #ไม่มีดราม่าอะไรนะจ๊ะ”

 

รายการ ตีสิบเดย์ หรือ ตีสิบ เป็นรายการโทรทัศน์ประเภทวาไรตี้ทอล์กโชว์ ที่ช่วงหนึ่งเคยเป็นรายการช่วงดึกหลังเวลาไพรม์ไทม์ยอดนิยมและทรงอิทธิพลเป็นอย่างมากของประเทศไทย ในอดีตออกอากาศทุกวันอังคาร เวลา 23.20-00.50 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3 โดยออกอากาศเป็นครั้งแรกเมื่อวันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน 2540 ก่อนย้ายการออกอากาศมาเป็นวันเสาร์ในช่วงเวลา 15.00-16.00 น. พร้อมใช้ชื่อรายการว่า ตีสิบเดย์ จนถึงปัจจุบัน

 

สำหรับวิทวัจน์ได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรผู้ดำเนินรายการ ตีสิบ มาตลอด 27 ปี พร้อมพิธีกรหญิงมากความสามารถทั้ง เข็ม กฤตธีรา, แบม จณิสตา, โบ ชญาดา, ฝน ธนสุนทร และพิธีกรคนล่าสุดอย่าง แพท ณปภา โดยวิทวัจน์ทำหน้าที่พิธีกรอยู่ในวงการมายาวนานกว่า 40 ปี ก่อนประกาศเกษียณตัวเองอย่างเป็นทางการในวันนี้

 

อ้างอิง:

The post วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ ประกาศเกษียณ ปิดฉาก 27 ปี รายการตีสิบ อำลาเทปสุดท้าย 30 พ.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
หนุ่ม กรรชัย เปิดใจต่อการทำหน้าที่สื่อมวลชนในกรณีดิไอคอนกรุ๊ป “ผมก็พร้อมจะกินหมาเน่านะ ถ้ากินแล้วมันทำให้สังคมดีขึ้น” https://thestandard.co/kunchai-media-role-d-icon-case/ Mon, 14 Oct 2024 07:19:33 +0000 https://thestandard.co/?p=995699 กรรชัย กำเนิดพลอย

วันนี้ (14 ตุลาคม) หนุ่ม- กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะผู้รา […]

The post หนุ่ม กรรชัย เปิดใจต่อการทำหน้าที่สื่อมวลชนในกรณีดิไอคอนกรุ๊ป “ผมก็พร้อมจะกินหมาเน่านะ ถ้ากินแล้วมันทำให้สังคมดีขึ้น” appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรรชัย กำเนิดพลอย

วันนี้ (14 ตุลาคม) หนุ่ม- กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะผู้รายงานข่าวผ่านรายการ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ ซึ่งออกอากาศทางช่อง 3 พูดเปิดใจในช่วงหนึ่งของรายการต่อการทำหน้าที่สื่อสารมวลชนของตัวเอง ทั้งจากรายการ โหนกระแส และ เที่ยงวันทันเหตุการณ์​ ต่อกรณีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนทางสังคมอยู่ในเวลานี้ ซึ่งในกรณีดังกล่าวมีคนมีคนชื่อเสียงในวงการบันเทิงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องดังที่ปรากฏออกมาในพื้นที่ข่าวจำนวนหลายคน

 

หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะพิธีกรข่าว พูดเปิดใจว่า “ถ้าจะมองว่าผมเองไปรุมทึ้งหมาเน่า คือตัวดิไอคอน (บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด) คือตัวพอล (วรัตน์พล วรัทย์วรกุล) หรืออย่างไรก็แล้วแต่ ผมอยากจะบอกว่า ถ้าเกิดว่าในสังคมมันมีหมาเน่า แล้วหมาเน่าตัวนี้มันส่งกลิ่นเหม็นให้กับสังคม หมาเน่าตัวนี้มันทำความเดือดร้อนมากเลย ตอนนี้มันอยู่กันไม่ได้แล้ว มันมีคนตายแล้ว ผมก็พร้อมที่จะกินนะ ถ้าผมกินแล้วมันทำให้สังคมดีขึ้น มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอครับ ผมไม่ได้ไปกินหมาเน่าแล้วทำให้สังคมมันแย่ลงนะ

 

“แล้วผมก็เชื่อว่าสื่อทุกๆ สื่อ ผมยืนยันอย่างนี้นะฮะ ทุกคนพร้อมจะกินหมาเน่าตัวนี้ เพราะอะไรครับ เพราะมันทำให้สังคมดีขึ้น เขาก็พร้อมที่จะทำ ผมพูดแทนแล้วกัน ผมเชื่อว่าทุกคนคิดเหมือนผม

 

“เพราะฉะนั้นผมไม่ได้มองว่าเป็นการมานั่งทงนั่งทึ้งหมาเน่าหรอก มันคือสิ่งที่เราควรกระทำหรือเปล่า เพราะมีผู้เสียหายฆ่าตัวตาย มาร้องเราบ้าง มีผู้เสียหายที่พิการมาร้องเราบ้าง เราจะนิ่งดูดายก็คงไม่ใช่ ถ้าจะบอกว่าผมไปทึ้งหมาเน่า แล้วยังไง มันไม่ดีเหรอ เรากำลังกินหมาเน่าแล้วมันอยู่ในท้องผมก็ช่างมัน ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมก็ขี้ออกมาแล้ว”

 

อ้างอิง:

The post หนุ่ม กรรชัย เปิดใจต่อการทำหน้าที่สื่อมวลชนในกรณีดิไอคอนกรุ๊ป “ผมก็พร้อมจะกินหมาเน่านะ ถ้ากินแล้วมันทำให้สังคมดีขึ้น” appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ละครไทยกำลังจะตาย’ แล้วทำไมสืบสันดานขึ้นอันดับหนึ่งทั่วโลก? https://thestandard.co/thai-dramas-are-dying/ Fri, 02 Aug 2024 10:10:15 +0000 https://thestandard.co/?p=966591 ละครไทยกำลังจะตาย

ข่าวดีใหม่ล่าสุดสำหรับวงการบันเทิงไทยคงหนีไม่พ้นการก้าว […]

The post ‘ละครไทยกำลังจะตาย’ แล้วทำไมสืบสันดานขึ้นอันดับหนึ่งทั่วโลก? appeared first on THE STANDARD.

]]>
ละครไทยกำลังจะตาย

ข่าวดีใหม่ล่าสุดสำหรับวงการบันเทิงไทยคงหนีไม่พ้นการก้าวขึ้นอันดับหนึ่งบนชาร์ต Netflix Global Top 10 หมวดซีรีส์ภาษาต่างประเทศของซีรีส์กลิ่นอายละครไทยเรื่อง สืบสันดาน ในขณะที่ก่อนหน้านั้นเพิ่งเกิดกระแสละครไทยกำลังจะตายเพราะหลายช่องทีวีลดจำนวนการผลิตลง ปรากฏการณ์สวนทางกันของสองประเด็นนี้ทำให้เกิดคำถามมากมายว่าละครไทยใกล้สูญพันธุ์แล้วจริงหรือ? แต่ทำไมซีรีส์และละครไทยหลายๆ เรื่องกลับประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาคแม้กระทั่งระดับโลก? หรือเรากำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านเพื่อหาสูตรลับฉบับคอนเทนต์ไทยๆ กันแน่?

 

สืบสันดาน (Netflix)

 

คนดูละครและซีรีส์ไทยน้อยลงจริงหรือ?

 

ช่วงครึ่งปีแรกมีข่าวร้ายวงการละครไทยออกมาเป็นระลอก ทั้งข่าวช่อง 3 คืนคิวผู้จัด ชะลอการถ่ายทำละครในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ทั้งหมด แถมละครเรื่อง นางนาคพระโขนง ที่โปรโมตไปแล้วก็มีอันต้องเลื่อนออกอากาศ ทางฝั่งช่อง 8 ก็มีข่าวเลิกผลิตละครเพราะรายการประเภทอื่นในช่องมีเรตติ้งดีกว่า ขณะที่ช่อง 7 และช่อง one31 ก็ออกอากาศละครรีรันสลับกับละครใหม่

 

คงต้องยอมรับว่าในระยะหลังละครทีวีไทยเรตติ้งน้อยลง อย่างละครหลังข่าวในช่วงครึ่งปีแรกมีเพียงละคร สงครามสมรส ทำเรตติ้งสูงสุดที่ 7.7 ส่วน ลมเล่นไฟ ที่ครองอันดับหนึ่งละครหลังข่าวเรตติ้งดีที่สุดของช่อง 3 ก็อยู่ที่ 4.4 ฝั่งช่อง 7 ละครฟอร์มใหญ่อย่าง รอยรักรอยบาป เรตติ้งสูงสุดอยู่ที่เลข 3 ซึ่งธุรกิจโทรทัศน์รายได้หลักมาจากการโฆษณา ตัวเลขเท่านี้ก็คงไม่ดึงดูดใจสปอนเซอร์สักเท่าไร ยิ่งผนวกกับมีสื่อใหม่ๆ เข้ามาแชร์ตลาดด้วยก็ยิ่งไปกันใหญ่ ที่สำคัญ ต้นทุนการผลิตละครสูงกว่ารายการทีวีประเภทอื่นๆ เมื่อลงทุนสูงแต่รายได้ต่ำ ก็ทำให้หลายช่องขอถอยมาดูสถานการณ์ดีกว่า

 

คนดูทีวีน้อยลงจริงไหม? น่าจะจริง แต่คนดูละครหรือคอนเทนต์ไทยน้อยลงไหม ก็คงไม่ใช่ เพราะหากรวมตัวเลขคนดูออนไลน์และสตรีมมิงต่างๆ จะพบว่าคนดูอาจจะลดลงจริง แต่ไม่ใช่ไม่ดูเลย อย่างยอด 10 อันดับคอนเทนต์ที่คนดูสูงสุดในไทยของทั้ง Netflix และ Viu ก็มีละครและซีรีส์ไทยอยู่ 5-7 เรื่อง ก็ถือว่าไม่น้อยเลย

 

สงครามสมรส (ช่อง one31) 

 

รอยรักรอยบาป (ช่อง 7HD) 

 

หรือเพราะคนยุคใหม่เสพคอนเทนต์แบบไม่สนใจสัญชาติ?

 

ความบันเทิงก็เหมือนสินค้า เราอยู่ในยุคที่มีสินค้าในตลาดมากมาย ในขณะที่มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่าเดิม ก็ย่อมเลือกสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดแบบไม่สนใจว่ามาจากประเทศไหนและดูผ่านสื่ออะไร หลายคนอาจคิดว่าซีรีส์เกาหลีคือความบันเทิงกระแสหลัก แต่เรื่องไหนบทไม่รอดเราก็ไม่ดู ในขณะเดียวกันก็มีคอนเทนต์จากประเทศใหม่มาสร้างปรากฏการณ์ในเมืองไทย เช่น Erkenci Kus ซีรีส์จากตุรกี, Gangubai Kathiawadi และ Maharaj หนังจากอินเดีย, Color of Evil: Red ซีรีส์จากโปแลนด์ และซีรีส์จีนมากมายมหาศาลที่กำลังตีตื้นซีรีส์เกาหลีขึ้นมาติดๆ นั่นหมายความว่าคอนเทนต์ไทยไม่ได้แข่งขันกันเองแต่แข่งขันกับนานาชาติ ดังนั้นเรื่องคุณภาพ ทั้งบท โปรดักชัน และพลังดารา ต้องมาก่อน ส่วนละครใกล้จะสูญพันธุ์คือละครสูตรสำเร็จที่ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ต่างหาก อย่างไรก็ตาม ละครโทรทัศน์ก็ต้องเจอกับปัญหาคลาสสิกจากข้อจำกัดต่างๆ ของทาง กสทช. ที่ว่าสื่อโทรทัศน์เข้าถึงคนทุกกลุ่มเนื้อหาก็ไม่ควรแรงเกินไป

 

สงครามสมรส (ช่อง one31) 

 

ลมเล่นไฟ (ช่อง 3HD)

 

ละครและซีรีส์ไทยไม่มีอะไรใหม่จริงหรือ?

 

ทิพย์ธิดา ศรัทธาทิพย์ หรือ ปราณประมูล มือเขียนบทละครโทรทัศน์ชื่อดังให้สัมภาษณ์ผ่านสกู๊ปข่าวของไทยพีบีเอสไว้น่าสนใจว่า “ทีวีไทยสู้ประเทศอื่นๆ ไม่ได้ เพราะเราเป็นประเทศด้อยพัฒนา อันนี้พูดจริงๆ นะ อะไรที่วิจารณ์สังคมเยอะก็ทำไม่ได้ เราแตะการเมืองไม่ได้ แตะตำรวจไม่ได้ แตะทหารไม่ได้ ฯลฯ แล้วมันเหลืออะไรให้ทำ ก็ต้องเหลือเรื่องผัวเมียกับแย่งมรดก คนทำทีวีก็พยายามแข่งอยู่แต่ว่าทีวีมันมีกรอบเยอะมาก”

 

เป็นเรื่องจริงที่คนทำทีวีพยายามแข่งขันแบบสุดความสามารถ อย่างที่เราได้เห็นผลงานคุณภาพอย่างละครของไทยพีบีเอสเช่น จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี หรือ บุษบาลุยไฟ ที่เน้นความละเมียดละไม หรือการนำเสนอประเด็นใหม่ๆ อย่างซีรีส์จากช่อง GMM25 เช่น คาธ, Home School และ ด้วยรักและหักหลัง

 

บุษบาลุยไฟ (Thai PBS)

 

บางกอกคณิกา (ช่อง one31) 

 

ด้วยรักและหักหลัง คือตัวอย่างของการผสมแบบละครไทยคือความอิจฉา ริษยา แย่งผู้ชาย มาใส่ความดาร์กและประเด็นสมัยใหม่เข้าไปจนได้อรรถรส ใหม่ เผ็ด แซ่บ แต่ไม่เชย และประสบความสำเร็จในวงกว้างมากกว่าผลงานเรื่องอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ซีรีส์วาย) ของช่อง นั่นอาจจะพอบอกได้ว่าแม้คนดูต้องการประเด็นใหม่ๆ แต่ก็ยังติดใจกับกลิ่นอายเก่าๆ ของละครไทยอยู่ดี

 

หรืออย่าง สงครามสมรส ที่ว่าด้วยประเด็นคลาสสิกคือเรื่องผัวเมีย แต่เพราะบทประพันธ์ทำการบ้านมาอย่างดี ผนวกกับการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง ละครเรื่องนี้ก็ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน อีกตัวอย่างคือผลงานของผู้จัด แอน ทองประสม กับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่นการเปลี่ยนชื่อเรื่องและปรับบทให้ทันสมัยทั้งที่เป็นบทประพันธ์เก่าอย่าง แค้น เปลี่ยนจาก พรหมจารีสีดำ หรือ เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ เปลี่ยนจาก สามีเงินผ่อน ก็ทำให้ Mood & Tone ของละครเปลี่ยนได้เหมือนกัน

 

สืบสันดาน (Netflix)

 

ส่วน สืบสันดาน ก็คือการประยุกต์เอาละครไทยด้วยประเด็นแย่งสมบัติแล้วมาใส่ความพรีเมียมเข้าไป ก็ยังคงรสชาติแบบไทยๆ จนไปโดนใจคนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งถ้าจากรายชื่อประเทศที่ซีรีส์เรื่องนี้ขึ้นอันดับ 1 ส่วนใหญ่อยู่ในฝั่งอเมริกาใต้และยุโรปตะวันออกที่ชอบความบันเทิงแนวนี้อยู่แล้ว เมื่อรวมกับประเด็นสากลเรื่องความเหลื่อมล้ำก็ยิ่งทำให้ไปได้ไกล ซึ่งหากเทียบกับ สาธุ ที่ภาษีดีกว่าเรื่องบท แต่มีบริบทความเป็นไทยมากกว่า ก็เชื่อมโยงกับคนดูในต่างประเทศได้น้อยกว่า

 

เรียนรู้และปรับตัว

 

หลายปีที่ผ่านมาหลายช่องทีวีพยายามปรับตัว อย่างเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ช่อง one31 มีโปรเจกต์ oneD ORIGINAL ทำซีรีส์ดึงประเด็นสังคมมาใส่แล้วฉายในเวอร์ชันโทรทัศน์ และ Uncut ผ่านแอปพลิเคชัน ก็ช่วยลดข้อจำกัดหยุมหยิมลงไปได้ ส่วนช่อง 7 เริ่มขยับตัวขายละคร รอยรักรอยบาป ให้ Netflix ถึงมาช้าแต่ก็มานะ

 

พรชีวัน (ช่อง 3HD)

 

ด้านช่อง 3 ก็เริ่มมองหาแหล่งรายได้อื่นๆ โดยอาศัยจุดแข็งคือพลังดาราของช่องจัดงานอีเวนต์ต่างๆ อย่างเร็วๆ นี้ก็จะได้เห็น DHEVAPROM FAN CON AFTER PARTY จากความสำเร็จของละครชุดดวงใจเทวพรหม และทำ Merchandise มาขายแฟนๆ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการขายคอนเทนต์ให้กับบริการสตรีมมิงทั้งแบบขายพร้อมออกอากาศ หรือทำคอนเทนต์ออริจินัลให้แพลตฟอร์มไปเลย เช่น ร้อยเล่มเกมส์ออฟฟิศ ที่สตรีมผ่าน Prime Video ก่อนออกอากาศในช่อง ซึ่งช่องเล็กๆ อย่าง GMM25 และ MONO29 เริ่มทำมาก่อนแล้ว หากประเมินจากความเคลื่อนไหวของหลายๆ ช่อง ในอนาคตอันใกล้ คอนเทนต์ละครไทยไม่จำเป็นต้องจำกัดแค่อยู่ในทีวี แต่จะแลนดิ้งครั้งแรกผ่านสื่อไหนก็ได้ และเนื้อหาอาจทันสมัยและโดนใจกว่าปัจจุบัน กลายเป็นทางรอดไม่ให้สูญพันธุ์ไปได้

 

อ้างอิง:

The post ‘ละครไทยกำลังจะตาย’ แล้วทำไมสืบสันดานขึ้นอันดับหนึ่งทั่วโลก? appeared first on THE STANDARD.

]]>
แสดงความเสียใจ โฉมฉาย ฉัตรวิไล เสียชีวิตแล้วอย่างสงบในวัย 73 ปี https://thestandard.co/chomchai-passed-away-73-yrs/ Fri, 21 Jun 2024 04:27:40 +0000 https://thestandard.co/?p=947898

วงการบันเทิงสูญเสียอีกครั้ง โฉมฉาย ฉัตรวิไล นักแสดงอาวุ […]

The post แสดงความเสียใจ โฉมฉาย ฉัตรวิไล เสียชีวิตแล้วอย่างสงบในวัย 73 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>

วงการบันเทิงสูญเสียอีกครั้ง โฉมฉาย ฉัตรวิไล นักแสดงอาวุโสที่มีผลงานคู่วงการบันเทิงอย่างยาวนาน เสียชีวิตแล้วในวัย  73 ปี เบื้องต้นข่าวเศร้าครั้งนี้เปิดเผยผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวของ วิภาวี เจริญปุระ ในวันนี้ (21 มิถุนายน) ระบุว่า “ขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดกับครอบครัวของ แม่แอ๊ด-โฉมฉาย ฉัตรวิไล ขอให้คุณงามความดีของพี่แอ๊ดจงนำทางวิญญาณของพี่แอ๊ดสู่สุคติ สัมปรายภพ กราบลา พี่แอ๊ด-โฉมฉาย ฉัตรวิไล ด้วยความรักและอาลัยอย่างยิ่ง”

 

สำหรับ โฉมฉาย ฉัตรวิไล หรือ ‘แม่แอ๊ด’ ของคนในวงการบันเทิงมีชื่อจริงว่า วัลชุลี ฉัตรวิไล เกิดวันที่ 31 ตุลาคม 2493 เข้าสู่วงการบันเทิงครั้งแรกเมื่ออายุ 6 ปีในฐานะนักร้องอยู่ที่คณะดนตรีของ จำรัส วิภาตะวัต ต่อมาในปี 2508 โฉมฉายเริ่มมีชื่อเสียงหลังจากชนะเลิศการประกวดร้องเพลงในรายการของ รัก รักพงษ์ ต่อมาได้รับโอกาสสำคัญจากการเล่าละครเวทีและละครโทรทัศน์ทางช่อง 4 บางขุนพรหม, ละครวิทยุ ในคณะแก้วฟ้า รวมไปถึงผลงานการแสดงภาพยนตร์ และมีผลงานในวงการบันเทิงเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน 

 

โดยผลงานที่ได้รับการจดจำสำหรับคนรุ่นใหม่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา อาทิ บทบาท ‘แม่น้อย’ ในซิตคอม บ้านนี้มีรัก (2549-2560) ที่ออกอากาศคู่สังคมไทยมายาวนานกว่า 11 ปี 

 

โฉมฉาย ฉัตรวิไล เป็นเจ้าของรางวัล ผู้แสดงฝ่ายหญิงยอดนิยมอันดับ 2 จากละครเรื่อง โบตั๋น ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ปี พ.ศ. 2524 จัดโดยหนังสือพิมพ์บ้านเมือง, รางวัลหน้ากากทองคำ สมทบหญิงจากละครเวที ธรณีคือพยาน จัดโดยโรงแรมมณเฑียร และรางวัลสุดท้ายที่ได้รับคือ รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ประจำปี พ.ศ. 2558 เกียรติยศคนทีวี 

 

THE STANDARD POP ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปของ โฉมฉาย ฉัตรวิไล เพชรเม็ดล้ำค่าอีกเม็ดของวงการบันเทิงไทยไว้ ณ โอกาสนี้ 

 

อ้างอิง: 

The post แสดงความเสียใจ โฉมฉาย ฉัตรวิไล เสียชีวิตแล้วอย่างสงบในวัย 73 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
26 มีนาคม 2567 – ครบ 54 ปี ไทยทีวีสีช่อง 3 https://thestandard.co/onthisday26032567/ Tue, 26 Mar 2024 04:09:29 +0000 https://thestandard.co/?p=915476

‘คุ้มค่าทุกนาที ดูทีวีสีช่อง 3’ นี่คือคำขวัญของช่อง 3 H […]

The post 26 มีนาคม 2567 – ครบ 54 ปี ไทยทีวีสีช่อง 3 appeared first on THE STANDARD.

]]>

‘คุ้มค่าทุกนาที ดูทีวีสีช่อง 3’ นี่คือคำขวัญของช่อง 3 HD หรือสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินแห่งที่ 4 ของประเทศไทย เริ่มแพร่ภาพเป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2513 เวลา 10.00 น. ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภายใต้สัญญาสัมปทานในกิจการส่งโทรทัศน์กับบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ต่อมาคือ อ.ส.ม.ท. และ บมจ.อสมท เป็นระยะเวลา 50 ปี 

 

หลังจากกลุ่มบีอีซีเวิลด์ได้ประมูลใบอนุญาตทีวีดิจิทัล จึงเริ่มออกอากาศคู่ขนานทางช่องหมายเลข 33 ในระบบดิจิทัลภาคพื้นดินเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2557 และยุติการออกอากาศในระบบอนาล็อกเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563

The post 26 มีนาคม 2567 – ครบ 54 ปี ไทยทีวีสีช่อง 3 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ลออจันทร์ ละครความหวังของหมู่บ้านที่ (อาจยัง) ไม่ถึงฝั่งฝัน https://thestandard.co/la-or-chan-thai-drama/ Sat, 16 Mar 2024 07:52:56 +0000 https://thestandard.co/?p=911936

  หลังจากเงียบๆ มาตั้งแต่ต้นปีก็ถึงเวลาที่ช่อง 3 จ […]

The post ลออจันทร์ ละครความหวังของหมู่บ้านที่ (อาจยัง) ไม่ถึงฝั่งฝัน appeared first on THE STANDARD.

]]>

 

หลังจากเงียบๆ มาตั้งแต่ต้นปีก็ถึงเวลาที่ช่อง 3 จะเข็นโปรเจกต์ความหวังของหมู่บ้านกับซีรีส์ละครดวงใจเทวพรหม เรื่องราวในรุ่นลูกของเหล่าสุภาพบุรุษจุฑาเทพที่เคยสร้างปรากฏการณ์ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองและแจ้งเกิดนักแสดงหน้าใหม่ที่กลายเป็นดาราแม่เหล็กในปัจจุบัน ซึ่งดูเหมือนดวงใจเทวพรหมก็จะเดินมาในทางเดียวกัน ด้วยการเข็นนักแสดงรุ่นใหม่มาร่วมแสดงคับจอ จนเกิดกระแสฮือฮามาตั้งแต่ยังไม่ออกอากาศ แต่เพราะอะไรเมื่อเปิดตัว ลออจันทร์ ละครเรื่องแรกของซีรีส์ ทั้งกระแสและตัวเลขคนดูกลับไม่เป็นไปอย่างที่คาด ทั้งที่ได้ กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ ที่มีฐานแฟนคลับแข็งแกร่งมารับบทนำในละครเรื่องนี้

 

เรตติ้งของ ลออจันทร์ เปิดตัวได้ไม่ขี้เหร่ที่ 2.89 ยอดคนดูออนไลน์อยู่ที่ 1.6 แสนคน และติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ แต่ที่น่าสนใจคือในอีพี 2 และ 3 เรตติ้งกลับลดลงไปที่ 2.68 และ 2.34 ส่วนยอดคนดูย้อนหลังใน CH3Plus ของสองตอนล่าสุดก็ยังไม่ทะลุหลักแสนหลังผ่านมาเกือบสัปดาห์ (15 มีนาคม) นั่นคงพอจะบอกได้ว่าพลังดาราไม่อาจกลบริ้วรอยความไม่ลงตัวของละครเรื่องนี้ได้

 

 

อย่างที่พอจะทราบกันว่าเรื่องราวในดวงใจเทวพรหมคือการสานต่อคำสัญญาการแต่งงานของตระกูลจุฑาเทพและเทวพรหม โดยเรื่องราวใน ลออจันทร์ เกิดขึ้นหลังจากรุ่นพ่อถึง 30 ปี เล่าเรื่องของ ลออจันทร์ (ญีนา ซาลาส) หญิงสาวผู้มีอดีตฝังใจเรื่องบรรพบุรุษถูกกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศเพราะพยายามครอบครองสร้อยอัจนาจักระ หรือ The Third Eye Sapphire ของคู่บ้านคู่เมืองของเวียงพูคำ เมื่อได้ยินข่าวว่าสร้อยเส้นนี้จะถูกจัดแสดงที่ห้างสรรพสินค้าเจทีเซ็นเตอร์ เธอจึงแฝงตัวมาสมัครเป็นเลขาของ หม่อมหลวงภูธเนศ จุฑาเทพ (กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์) ลูกชายของหม่อมราชวงศ์รัชชานนท์ (ดอม เหตระกูล) และเจ้าสร้อยฟ้า (ปูเป้-รามาวดี นาคฉัตรีย์) ซึ่งเป็นผู้บริหารของห้างสรรพสินค้าเพื่อหวังจะชิงสร้อยเส้นนั้นมาให้ได้

 

ภูธเนศหลงรักและไว้ใจลออจันทร์ก่อนจะจับได้ว่าเธอหลอกลวงเขา ลออจันทร์ยอมรับว่าเธอต้องการไพลินที่ประดับบนสร้อยอัจนาจักระ เพื่อนำกลับคืนที่รูปปั้นพญานาคราช ณ ดินแดนเร้นลับ เพื่อพิสูจน์ว่าต้นตระกูลของเธอไม่ใช่คนทรยศ ซึ่งภารกิจครั้งนี้นอกจากจะทำให้เธอพบรักและล้างมลทินในอดีตให้ต้นตระกูล ยังทำให้ค้นพบความจริงว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเทวพรหม

 

เรียกได้ว่าลออจันทร์ครบสูตรเมโลดราม่าเนื้อหาเดาได้ไม่ยาก แถมยังมีครบทั้งแอ็กชัน ดราม่า โรแมนติก แบบไม่ต้องคาดหวังความแปลกใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องราวน้ำเน่าดูสนุกขึ้นมาได้ก็คือลำดับการเล่าเรื่องให้มีลูกล่อลูกชน และสร้างตัวละครให้มีเสน่ห์อย่างที่ คุณชายรัชชานนท์ ในสุภาพบุรุษจุฑาเทพเคยทำได้มาก่อน แต่สำหรับ ลออจันทร์ เหมือนลำดับเรื่องด้วยการเอาสถานการณ์มาชนสถานการณ์ และพยายามใส่ฉากจิ้น ฉากขำ ซึ่งไม่นำพาให้เรื่องเดินไปข้างหน้าสักเท่าไร 

 

นอกจากนี้ก็มีหลายฉากที่ไม่สมเหตุสมผล เช่นตอนที่ลออจันทร์มาถึงกรุงเทพฯ ใหม่ๆ แล้วถูกโจรปล้น เมื่อ วีณา (เดนิส เจลีลชา คัปปุน) เข้ามาช่วยลออจันทร์ก็ย้ายไปอยู่กับเขาเสียอย่างนั้น หรืออย่างฉากเต้นรำพร้อมๆ กันใน ‘เธค’ ซึ่งผู้เขียนก็เที่ยว ‘เธค’ ร่วมสมัยกับเหตุการณ์ในละครก็ไม่เคยเห็นกิจกรรมเข้าจังหวะแบบนี้โดยเฉพาะในเธคระดับไฮเอนด์

 

 

แต่จุดบกพร่องใหญ่ๆ คือความตุปัดตุเป๋ของโปรดักชันและเสื้อผ้า ณ จุดนี้ก็เห็นใจทางทีมงาน เพราะเนื้อเรื่องเกิดในยุค 90 ซึ่งก็ยังเป็นยุคกลางเก่ากลางใหม่ที่ตรงกลางระหว่างความเชยกับความเก๋ ทีมงานจึงดูกล้าๆ กลัวๆ กับการสร้างลุคของตัวละคร จนเหมือนรวมเอาเสื้อผ้าตั้งแต่ยุค 70 ถึงต้น 2000 มาใส่ไว้ในเรื่อง ซึ่งที่เหมือนจะหลงยุคที่สุดก็คือตัวลออจันทร์ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่สาวเก๋จากยุค 90 ต่างจากตัวประกอบที่ทีมงานจัดหนักจัดเต็มจนดูตลกไปเลย ส่วนชุดสูทของภูธเนศก็ถือว่าตรงยุคตรงสมัย เพราะผู้ชายสมัยนั้นนิยมใส่สูทตัวใหญ่ในช่วงคาบเกี่ยวยุค 80-90 แต่หากมันไม่เหมาะกับนักแสดงก็ควรเลี่ยงไปสไตล์อื่น ยิ่งตัวละครอยู่ในระดับ ‘คุณชาย’ ก็น่าจะมีรสนิยมหาสิ่งที่เหมาะกับตัวเองได้ไม่ยาก

 

ในระยะหลังมีซีรีส์ต่างประเทศหลายเรื่องที่เล่าเรื่องราวในยุค 80-90 อย่างเช่น Reborn Rich หรือ Snowdrop ที่สร้างสรรค์ลุคของพระเอกนางเอกให้ดูดีและไม่หลุดจากยุคสมัยในเรื่อง ซึ่งละครไทยก็น่าจะเอาเป็นตัวอย่าง เราไม่ได้พูดถึงเรื่องงบประมาณที่คงสู้กับเขาไม่ได้ แต่กำลังพูดถึงความใส่ใจจุดเล็กๆ น้อยๆ ในยุคที่คู่แข่งของละครไทยคือซีรีส์ในบริการสตรีมมิง หรือหากจะเปรียบเทียบใกล้ๆ กันอย่างงานโปรดักชันเสื้อผ้าของแอค-อาร์ต เจเนเรชั่น บริษัทคุณพ่อของ บีบี-เอกนรี วชิรบรรจง ผู้จัดละครเรื่องนี้ก็เรียกว่าทำได้ดี

 

 

อีกส่วนคือฉากและสถานที่ที่ดูยังไงก็เหมือนสถานที่ในปัจจุบันเพียงแต่เอาพร็อพต่างๆ เข้าไปใส่ ซึ่งมันดูไปคนละทิศละทาง จนเห็นจะมีแต่โทรศัพท์มือถือของพระเอก เพจเจอร์ของนางเอก และบทละครเท่านั้นที่หลุดมาจากยุค 90 สิ่งเหล่านี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของหลายคน แต่มันมีผลกับมวลรวมอารมณ์ของคนดู ในเมื่อละครพูดถึงยุคสมัยที่กลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่เกิดทัน ดังนั้นถ้าภาพไม่ตรงปกก็ยิ่งทำให้เสียอารมณ์

 

และอีกส่วนที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือนักแสดงเหมือนเล่นละครคนละระดับ จริงอยู่ที่ว่ากลัฟทำออกมาได้ดีกว่าตอนแสดง มัดหัวใจยัยซุปตาร์ ทว่าสิ่งที่เหมือนจะแก้ไขยังไม่ได้คือการใช้เสียงและเว้นจังหวะที่เหมือนเด็กวัยรุ่นยุคนี้เกินไปจนไม่เหมาะกับบทคุณชาย ในขณะญีนาดูมีชั้นเชิงมากกว่าจนทำให้เคมีไม่ตรงกัน ซึ่งก็หวังว่าจะได้เห็นเขาพัฒนาฝีมือในผลงานชิ้นต่อไปจนไม่ได้เป็นที่รักเฉพาะแฟนคลับ แต่เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปได้ด้วย

 

เอาเข้าจริงก็อาจจะเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่า ลออจันทร์ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่เท่าที่วิเคราะห์จาก 3 ตอนที่ออกอากาศ หากยังเดินตามทางนี้ไป ก็เป็นไปได้ว่าละครเรื่องแรกของซีรีส์ดวงใจเทวพรหมจะเงียบเหงากว่าตอนอื่นๆ เหมือนเมื่อครั้งละคร คุณชายธราธร เปิดตัวสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ส่วนอีก 4 เรื่องที่เหลือก็อยากฝากให้ทำการบ้านเรื่องยุคสมัยให้ดีๆ เพราะเสน่ห์ของละครสองชุดนี้คือการเชื่อมโยงเรื่องรักเข้ากับเหตุการณ์ในอดีตที่คนดูนึกถึง ดังนั้นถ้าทำไม่ถึง ผลตอบรับก็คงออกมาเหงาๆ ผิดฟอร์มละครความหวังของหมู่บ้านได้เหมือนกัน

The post ลออจันทร์ ละครความหวังของหมู่บ้านที่ (อาจยัง) ไม่ถึงฝั่งฝัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
The Secret of Us ซีรีส์ GL เรื่องแรกจากช่อง 3 นำโดยนักแสดงคลื่นลูกใหม่ หลิงหลิง-ออม https://thestandard.co/the-secret-of-us-gl-series/ Tue, 14 Nov 2023 10:28:27 +0000 https://thestandard.co/?p=865629 The Secret of Us

ช่อง 3 ประกาศข่าวดีให้แฟนๆ ซีรีส์แนว GL (Girls Love) ได […]

The post The Secret of Us ซีรีส์ GL เรื่องแรกจากช่อง 3 นำโดยนักแสดงคลื่นลูกใหม่ หลิงหลิง-ออม appeared first on THE STANDARD.

]]>
The Secret of Us

ช่อง 3 ประกาศข่าวดีให้แฟนๆ ซีรีส์แนว GL (Girls Love) ได้ใจฟูและรอติดตามไปพร้อมกัน กับซีรีส์หญิงรักหญิงเรื่องแรกของช่องในชื่อ The Secret of Us ที่ได้สองนักแสดงสาวมาแรงอย่าง หลิงหลิง-ศิริลักษณ์ คอง และ ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ มารับบทนำ ซึ่งกำลังจะมีกำหนดการถ่ายทำและออกอากาศเร็วๆ นี้

 

ใจซ่อนรัก

 

The Secret of Us เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องใจซ่อนรัก ของนักเขียนนามปากกา มีนาม ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ ฟ้าลดา แพทย์สาวที่พยายามซุกซ่อนความเจ็บปวดจากการถูกหญิงสาวคนรักทิ้งไปอย่างไม่ไยดีในอดีต

 

แต่ด้วยความบังเอิญก็ทำให้เธอได้พบเจอผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งในฐานะ เอิน นางเอกสาวดาวรุ่ง ซึ่งรอให้ผู้ชมได้ร่วมลุ้นไปกับเรื่องราวความรักต่อจากนี้ของพวกเธอไปพร้อมกันว่าจะลงเอยเช่นไร 

 

โดย ดิว-ปิ่นกมล มาลีนนท์ ผู้บริหารของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้เล่าถึงซีรีส์เรื่องนี้เพิ่มเติมไว้ว่า “ซีรีส์เรื่องนี้จะสามารถตอบโจทย์ความนิยมและความชื่นชอบของผู้ชมกลุ่มซีรีส์แนว GL ได้ และเป็นการเปิดมิติใหม่เพื่อขยายกลุ่มผู้ชมให้กับช่อง สำหรับซีรีส์เรื่องนี้เป็นการนำมาจากนิยายขายดีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเว็บนิยายชื่อดัง ซึ่งมีกระแสจากแฟนๆ เรียกร้องกันมาเยอะว่าให้นำมาทำเป็นซีรีส์ รับรองว่าเป็นการหยิบมานำเสนอในรูปแบบใหม่ที่จะทำให้คนดูมีความสุขและอยากเอาใจช่วยความรักของทั้งคู่แน่นอนค่ะ”

 

 

สำหรับสองนักแสดงนำ ทั้งคู่ต่างเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่มีความสามารถน่าจับตา และเคยฝากผลงานกับทางช่อง 3 ไว้แล้วเช่นกัน ทั้ง หลิงหลิง ในบทบาท แม่แม้น จากละคร หมอหลวง และ ออม ในบทบาท รีรี่ จากละคร มาตาลดา โดยซีรีส์เรื่องนี้ยังมีความพิเศษที่ได้ นาย-สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร ผู้กำกับมากฝีมือที่เคยฝากผลงานการกำกับภาพยนตร์แนวหญิงรักหญิงชื่อดังมาแล้วอย่าง Yes or No อยากรัก ก็รักเลย รวมถึงผลงานการกำกับล่าสุดกับละครที่มีเรตติ้งสูงที่สุด ณ เวลานี้อย่าง พรหมลิขิต ด้วยเช่นกัน 

 

แฟนๆ สามารถรอติดตามการประเดิมโปรเจกต์ใหม่จากทางช่อง 3 กับซีรีส์แนว GL ในชื่อ The Secret of Us ได้เร็วๆ นี้

 

อ้างอิง:

The post The Secret of Us ซีรีส์ GL เรื่องแรกจากช่อง 3 นำโดยนักแสดงคลื่นลูกใหม่ หลิงหลิง-ออม appeared first on THE STANDARD.

]]>