Ariana Grande ให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Tonight ว่า […]
The post Ariana Grande ไม่ได้ทำอะไรกับใบหน้ามาแล้ว 4 ปี หลังเล่นมุกตลกขอบคุณโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ appeared first on THE STANDARD.
]]>Ariana Grande ให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Tonight ว่า เธอไม่ได้ฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ใดๆ มาเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้ว หลังจากที่เธอเล่นมุกตลกขณะรับรางวัล Rising Star จากเวที Palm Springs International Film Awards ว่า เธอขอบคุณโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ที่ทำให้เธอยังคงดูเด็กพอที่จะได้รับรางวัล Rising Star
โดยเธอกล่าวสปีชในขณะรับรางวัล Rising Star ว่า “ไม่คิดมาก่อนเลยว่า ฉันในวัย 31 ปีจะได้ยินคำว่า ‘ดาวรุ่ง’ อีกครั้ง ดังนั้นฉันก็อยากจะขอขอบคุณเพื่อนสองคนของฉัน นั่นก็คือโบท็อกซ์และฟิลเลอร์”
ด้วยการพูดเล่นติดตลกบนเวทีทำให้เธอต้องมาให้สัมภาษณ์กับทาง Entertainment Tonight ว่า “โอ้พระเจ้า นั่นมุกตลกของฉันน่ะ ฉันยังไม่ได้ฉีดอะไรนะ แต่ถ้าฉันกลับมาเริ่มใช้อีกครั้งฉันจะบอกพวกคุณนะ คือฉันหมายถึงว่า ฉันอยากจะทำให้ทุกอย่างโปร่งใสที่สุดในฐานะผู้ก่อตั้งบิวตี้แบรนด์ และในฐานะผู้ก่อตั้ง r.e.m. beauty ฉันคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญเลยที่เราจะต้องมีความโปร่งใส แต่ฉันก็รักโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ สนับสนุนด้วยนะ แต่ฉันก็ไม่ได้ฉีดอะไรมา 4 ปีแล้ว”
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เมื่อปี 2023 Ariana Grande เคยพูดในคลิปวิดีโอเคล็ดลับความงามของ VOGUE ว่า เธอเคยเป็นคนที่ชอบการฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์มาก แต่จุดหนึ่งก็คิดได้ว่าเธอไม่จำเป็นจะต้องปกปิดร่องรอยอะไรอีกต่อไปแล้ว เธออยากดูดีในแบบที่เธอเป็น ดังนั้นร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการขยับใบหน้า การหัวเราะ หรือการร้องไห้ เธอก็อยากให้มันเกิดขึ้นทั้งนั้น
“เป็นเวลานานแล้วที่เรื่องความสวยงามถูกปกปิดเอาไว้มาตลอด ตอนนี้ฉันหยุดฉีดโบท็อกซ์แล้ว บางทีฉันอาจกลับมาฉีดอีกในสักวันหนึ่ง ไม่รู้สิ แต่ละคนมีความชอบเป็นของตัวเอง เราทำอะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกว่าเราสวย ฉันสนับสนุนหมดเลย แต่สำหรับฉันตอนนี้ ฉันอยากเห็นร่องรอยจากการร้องไห้หรือการยิ้ม ฉันหวังว่าร่องแก้มที่เกิดจากการยิ้มจะยิ่งลึกลงไปอีก ฉันจะหัวเราะให้มากขึ้น ฉันคิดจริงๆ นะว่าการแก่ตัวลงก็เป็นเรื่องที่สวยงาม”
ภาพ: Iron Man / GC Images
อ้างอิง:
The post Ariana Grande ไม่ได้ทำอะไรกับใบหน้ามาแล้ว 4 ปี หลังเล่นมุกตลกขอบคุณโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ appeared first on THE STANDARD.
]]>ดูเหมือนว่าการฝากหน้าไว้กับเข็มจะเป็นเรื่องที่คนยุคใหม่ […]
The post รู้ไว้ก่อนจิ้ม! 3 จุดเสี่ยงบนใบหน้าที่แพทย์มักเลี่ยง appeared first on THE STANDARD.
]]>ดูเหมือนว่าการฝากหน้าไว้กับเข็มจะเป็นเรื่องที่คนยุคใหม่หันมาให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับกลุ่ม Gen Z ซึ่งแน่นอนว่าการเลือกรับบริการกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ในคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานถือเป็นสิ่งที่พึงกระทำอยู่เสมอ แต่อีกสิ่งที่ควรศึกษาเพิ่มเติมคือเรื่องของความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของตัวยา ความเสี่ยง หรือผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หลังรับหัตถการ
ปัจจุบันเรามีผลิตภัณฑ์ใหม่ในท้องตลาดมากมายโดยเฉพาะฟิลเลอร์และ Biostimulator สิ่งที่เราในฐานะผู้บริโภคควรรับรู้คือเรื่องของจุดเสี่ยงบนใบหน้า
ผลวิจัยจาก Aesthetic Surgery Journal (April 2024) เผยว่า 3 จุดเสี่ยงสำหรับการฉีดฟิลเลอร์และ Biostimulator ได้แก่ จมูก ระหว่างคิ้ว และหน้าผาก เนื่องจากบริเวณเหล่านี้มีเส้นเลือดที่เชื่อมไปยังลูกตา หากมีข้อผิดพลาดอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ทั้งนี้ ใช่ว่า 3 จุดดังกล่าวจะเป็นที่ต้องห้ามร้อยเปอร์เซ็นต์ เพียงแต่เป็นบริเวณที่แพทย์ส่วนใหญ่ไม่แนะนำ หรือหากฉีดก็จะต้องอาศัยประสบการณ์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างยิ่ง
ดังนั้นแล้วก่อนจะเลือกรับหัตถการใดก็ตามเราควรหมั่นศึกษาหาข้อมูลให้มาก และทำความเข้าใจว่าทุกหัตถการเกิดความเสี่ยงได้เสมอ
อ้างอิง:
The post รู้ไว้ก่อนจิ้ม! 3 จุดเสี่ยงบนใบหน้าที่แพทย์มักเลี่ยง appeared first on THE STANDARD.
]]>ครั้งหนึ่ง ผู้เขียนเคยมีโอกาสได้สัมภาษณ์กับผู้บริหารระด […]
The post เปิดข้อมูลเทรนด์ฉีดฟิลเลอร์น่าสนใจฉบับได้ผล เติมเต็มความดูดีให้งานผิวในทุกมิติ appeared first on THE STANDARD.
]]>ครั้งหนึ่ง ผู้เขียนเคยมีโอกาสได้สัมภาษณ์กับผู้บริหารระดับสูงแห่งแบรนด์ความงามระดับต้นๆ ของโลก ซึ่งมุมมองที่เธอสะท้อนออกมามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก
แม้จะดูเป็นผลกระทบเชิงลบต่อธุรกิจสกินแคร์ที่เธอดูแลไม่น้อย แต่เธอก็บอกอย่างตรงไปตรงมาว่า การทำหัตถการ ณ ปัจจุบันเป็นเรื่องที่ผู้คนทำกันอย่างแพร่หลายแล้ว และไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
อย่างไรก็ดี การทำหัตถการที่ได้ผลก็จำเป็นต้องพึ่งพาการใช้สกินแคร์ที่มีคุณภาพดูแลควบคู่เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในระยะยาว
จะเห็นได้ว่า ค่านิยมของการทำหัตถการทั้งเพื่อมุ่งเป้าไปที่ความสวยความงาม ความหล่อดูดี หรือการชะลอวัยในมุมมองของผู้บริโภค ณ วันนี้ได้เปิดกว้าง ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายให้เป็นเรื่องปกติ ความเป็นธรรมชาติที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ (ทั้งที่จริงๆ การทำหัตถการก็ไม่เคยเป็นเรื่องที่แปลกหรือผิดเลยด้วยซ้ำ)
เช่นเดียวกันกับ ‘การฉีดฟิลเลอร์ (Filler)’ ที่ในความเป็นจริงนั้นเป็นรูปแบบการทำหัตถการชนิดหนึ่งที่สามารถทำได้ และให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แตกต่างจากการทำหัตถการประเภทอื่นๆ หากเลือกคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญ และเลือกผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานโดย FDA ของสหรัฐอเมริกา
แล้วมุมมองเรื่องการฉีดฟิลเลอร์ในเทรนด์ระดับโลกขับเคลื่อนไปในทิศทางใดบ้าง จะรู้ได้อย่างไรว่าฟิลเลอร์ที่ใช้ผ่านการรับรองมาตรฐานโดย FDA ของสหรัฐอเมริกา?
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมา สื่อด้านความสวยความงามจากสหรัฐฯ อย่าง Byrdie ได้กล่าวถึงฟิลเลอร์ไว้อย่างน่าสนใจ โดยบอกเอาไว้ว่า การฉีดฟิลเลอร์ในสหรัฐฯ บริเวณใบหน้ายังคงได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคอยู่พอสมควร
แต่ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญก็คือ ฟิลเลอร์ในปัจจุบันมีชนิดและตัวเลือกที่ค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งบางทีไม่ได้ต่างกันแค่ส่วนประกอบเพียงอย่างเดียว เพราะ Byrdie ใช้คำว่าฟิลเลอร์บางชนิดก็มีความต่างกันลึกถึงระดับ ‘โมเลกุล’
นั่นหมายความว่า ผลลัพธ์ที่คุณได้จากฟิลเลอร์แต่ละรูปแบบก็อาจไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์ที่คุณเลือกใช้
ปัจจุบัน บริษัทอย่าง ‘Allergan’ ถือเป็นหนึ่งในสองผู้ผลิตฟิลเลอร์หลักรายใหญ่ของโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในวงการการแพทย์ ทั้งยังผ่านการรับรองมาตรฐานคุณภาพความน่าเชื่อถือโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) จากการเปิดเผยโดย Byrdie ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่การันตีได้ถึงผลลัพธ์ที่เป็นมาตรฐานและความปลอดภัยที่เราในฐานะผู้รับการฉีดจะได้รับ
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ทาง Byrdie ยังได้สัมภาษณ์คุณหมอ Marnie Nussbaum แพทย์ผิวหนังเพื่อความงาม และคุณหมอ Jonathan Cabin ศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้า ถึงความเห็นและข้อแนะนำที่คุณหมอทั้งสองท่านมีต่อการฉีดฟิลเลอร์ในปัจจุบัน โดยผู้เชี่ยวชาญทั้งสองรายได้ให้คำแนะนำถึงฟิลเลอร์ทั้ง 5 ชนิดที่กำลังได้รับความสนใจในเทรนด์ ณ ปัจจุบัน
1. Hyaluronic Acid (HA) – สำหรับฟิลเลอร์ไฮยานี้ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะให้ผลลัพธ์ที่ดูมีความเป็นธรรมชาติด้วยเท็กซ์เจอร์ที่เบาบาง โดยที่ HA ยังเป็นสารที่สามารถพบได้ในร่างกายมนุษย์เราอีกด้วย ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปยังร่างกายตามบริเวณที่ต้องการแล้ว ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะค่อยๆ เจือจางลงตามกาลเวลาอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉลี่ยจะมีระยะเวลาอยู่ที่ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับร่างกายของผู้ฉีดและโปรดักต์ของบริษัทที่เลือกใช้ (คุณหมอทั้งสองท่านและ Byrdie แนะนำว่าฟิลเลอร์ของ Allergan ในกลุ่ม HA ก็ค่อนข้างได้รับความนิยมและแพร่หลายมาก)
ในเชิงการใช้งาน ฟิลเลอร์ไฮยาสามารถนำไปฉีดยังบริเวณต่างๆ ของใบหน้าได้หลากหลาย เช่น การรักษาริ้วรอยบริเวณใต้ตา, เติมเต็มร่องลึกบริเวณแก้มและริมฝีปาก ขมับ และการปรับรูปหน้า หรือการสร้างกรอบหน้าบริเวณคาง
2. Calcium Hydroxylapatite (CaHA) – ตามมาด้วยฟิลเลอร์แบบ CaHA ซึ่งความคล้ายคลึงกับ HA คือสารชนิดนี้เป็นสารที่สามารถพบได้ในร่างกายมนุษย์เรา โดยมากมักพบในบริเวณกระดูก และด้วยความที่มีอนุภาคหลักเป็นแคลเซียม ตัวฟิลเลอร์จึงมีความแข็งกว่า HA พอสมควร และจะอยู่ได้นานมากถึงหนึ่งปีเลยทีเดียว มักใช้งานในการเติมเต็มให้ร่องแก้มและรอยพับระหว่างจมูกดูเรียบเนียน เติมเต็ม รวมถึงใช้ปรับรูปทรงของแนวสันกราม
3. Poly-L-lactic Acid – แม้ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะเป็นสารสังเคราะห์ที่ไม่สามารถพบได้ในร่างกายเหมือนกับ HA และ CaHA แต่ Poly-L-lactic Acid ก็ถือเป็นสารสังเคราะห์ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานมากไม่ต่ำกว่า 2 ปีขึ้นไป
โดยมากนิยมฉีดกันเพื่อเติมเต็มความสวยงามเวลาที่ยิ้ม ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ริ้วรอยบริเวณคาง รวมถึงแก้มและขมับ ทั้งยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้คืนสู่ผิวหน้าอีกด้วย
4. Polymethylmethacrylate (PMMA) – คล้ายคลึงกับ Poly-L-lactic Acid ตรงที่เป็นฟิลเลอร์จากสารสังเคราะห์ทางชีวภาพ ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าฟิลเลอร์แบบไฮยา (เป็นฟิลเลอร์ชนิดเดียวที่ FDA รับรองผลว่าให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่า 5 ปีเต็ม) นิยมใช้เพื่อเพิ่มและเติมเต็มรอยยิ้มให้ได้รูปสวยงาม เติมเต็มร่องหลุมสิวให้เรียบเนียน และยังสามารถช่วยร่างกายให้กระตุ้นสร้างคอลลาเจนเพื่อ Maintain ความอ่อนเยาว์ให้ผิวหน้าได้ไม่ต่างจาก Poly-L-lactic Acid
5. Autologous fat injections (facial fat grafting) – แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั้ง 4 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นตรงที่เป็นการนำไขมันส่วนอื่นในร่างกายเรามาฉีดที่บริเวณใบหน้า นั่นหมายความว่าคุณจะต้องเข้าสู่กระบวนการผ่าตัดหากต้องการใช้วิธีการนี้ในการเติมเต็มร่องรอย ริ้วรอย หรือแก้ปัญหาต่างๆ บนใบหน้า (อาจไม่ได้จบแค่ครั้งเดียว) แต่ข้อดีคือ คุณหมอทั้งสองท่านและ Byrdie ระบุว่าฟิลเลอร์แบบนี้อาจให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า และบางเคสอาจได้ผลลัพธ์แบบคงทนถาวรเลยก็ว่าได้!
ถึงกระนั้นก็ดี คุณหมอ Marnie Nussbaum ย้ำว่า วิธีที่จะใช้ฟิลเลอร์ให้ได้ผลที่สุด นอกเหนือจากการใช้งานผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองโดย FDA (เช่น Allergan) คือการใช้ประเภทฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการหรือผลลัพธ์ให้ถูกกับเรา และในปริมาณที่เหมาะสม
นอกเหนือจากข้อมูลที่เผยแพร่โดย Byrdie นิตยสารหัวดังอย่าง Harper’s BAZAAR ก็เคยออกมาเปิดเผยเทรนด์ความสวยความงามที่น่าจับตาประจำปี 2024 (The Biggest 2024 Beauty Trends for a Head-to-Toe Glow Up) เช่นกัน
หนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจคือ การฉีด Skin Booster หรือ Skin Hydrator เพื่อเติมความฉ่ำ ชุ่มชื้นให้กับผิว
โดยผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มีความพิเศษตรงที่ถือเป็น Hyaluronic Acid สำหรับงานผิวตัวแรกและตัวเดียวที่ได้รับการอนุมัติ FDA สหรัฐฯ มีคุณสมบัติเด่นในการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือเติมเต็มชั้นผิวแต่อย่างใด
เรียกง่ายๆ ว่าการทำหัตถการด้วยการฉีด Skin Booster จะทำหน้าที่เป็นเหมือนการบำรุงผิวขั้นพื้นฐานที่ฉีดเข้าผิวโดยตรง ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น เรียบเนียน อิ่มน้ำฉ่ำวาวโกลว (แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ทาง Allergan ก็เป็นผู้พัฒนาเช่นกัน)
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.allerganaesthetics.co.th/
อ้างอิง:
TH-JUV-240090
The post เปิดข้อมูลเทรนด์ฉีดฟิลเลอร์น่าสนใจฉบับได้ผล เติมเต็มความดูดีให้งานผิวในทุกมิติ appeared first on THE STANDARD.
]]>โครงหน้าที่ดี กรอบหน้าที่เป๊ะ…อาจไม่ได้มีมาตั้งแต่กำเนิ […]
The post คุยกับหมอเด่น Paragon Clinic คลินิกที่ฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์สูงสุดระดับประเทศ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.
]]>โครงหน้าที่ดี กรอบหน้าที่เป๊ะ…อาจไม่ได้มีมาตั้งแต่กำเนิด แต่หมอเด่นสามารถสร้างให้ได้
อยากปรับลุคให้ดูดี พร้อมโครงหน้าที่สวยดั่งใจฝัน ต้องทำอย่างไร? ถ้าจะตอบคำถามนี้ต้องไปคุยกับนายแพทย์อภิวัฒน์ มงคลสินธุ์ หรือหมอเด่น ผู้ชำนาญด้าน Facial Design หรือการปรับรูปหน้า เขาสั่งสมประสบการณ์ในโลกของการแพทย์และความงามมาเป็นเวลามากกว่า 20 ปี ปัจจุบันเป็นเจ้าของ Paragon Clinic ที่มีสถิติการฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์และโบท็อกซ์สูงสุดระดับประเทศ
Paragon Clinic ปัจจุบันขยับขยายมาสู่สาขาที่ 5 ครอบคลุมหลายจังหวัดในภาคเหนือตอนล่าง ได้แก่ กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ และอุตรดิตถ์ นับเป็นการเติบโตที่ไม่ได้เร็วเกินไป หากอยู่ในจังหวะที่กลมกล่อมพอดี หมอเด่นเริ่มต้นเล่าถึงที่มาของการเปิดคลินิกหลังจากสั่งสมประสบการณ์ในโลกของการแพทย์และความงามมาอย่างยาวนาน
“เราคือหมอไม่ใช่นักธุรกิจที่มุ่งหวังกำไรมาเป็นอันดับต้นๆ เพราะฉะนั้นเป้าหมายในการเปิดคลินิกของผมจึงมุ่งสู่การมอบ ‘ผลการรักษาที่ดีที่สุด’ รองลงมาจะเป็นการให้บริการที่ดีในราคาที่ดีกับคนไข้
“ความที่เราอยากรับผิดชอบและดูแลคนไข้ของเราไปนานๆ เป็นเหตุที่ทำให้ผมเปิดคลินิกค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับหมอในรุ่นราวคราวเดียวกัน เราสั่งสมประสบการณ์ รอให้ความรู้ความชำนาญตกตะกอนมากพอจนมั่นใจ ประจวบเหมาะกับมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านความงามเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น จึงตัดสินใจเปิด Paragon Clinic สาขาแรกที่จังหวัดกำแพงเพชร จากเสียงตอบรับที่ดีก็ส่งผลให้เราสามารถขยับขยายคลินิกให้ครอบคลุมไปในจังหวัดต่างๆ ข้างเคียง”
Paragon Clinic ให้บริการด้าน Facial Design แบบครบวงจร มีจุดเด่นอยู่ที่ความชำนาญและความแม่นยำในการฉีดสารเติมเต็มเพื่อปรับรูปหน้า ซึ่งคงคอนเซปต์ ‘1 ตำแหน่งต่อ 1 ซีซีมาโดยตลอด’
“การฉีดฟิลเลอร์หลอดหนึ่งประกอบด้วยตัวยา 1 ซีซี เวลาฉีด 1 จิ้ม เราฉีดไม่เกิน 0.1 ซีซี แปลว่าฟิลเลอร์หลอดหนึ่งเราฉีดได้ทั้งหมด 10 จิ้ม การฉีดที่มีประสิทธิภาพของเราช่วยให้ลูกค้าประหยัดและเห็นผลการรักษาได้อย่างชัดเจน เพราะตลอดเวลาของการฉีดเราให้ลูกค้าส่องกระจกดูได้เลย การรักษาที่ตั้งอยู่บนความโปร่งใสและได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกลายเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดให้เขากลับมาใช้บริการซ้ำ ทั้งยังบอกต่อให้กับคนรอบๆ ตัว”
จนในปีล่าสุด Paragon Clinic กลายเป็นคลินิกแห่งเดียวของภาคเหนือตอนล่างที่ได้คว้ารางวัล Top 10 Premium Clinic 2023 จาก Galderma ไปครอง ด้วยยอดผู้ใช้บริการปรับรูปหน้าด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Restylane และโปรแกรมฉีดโบทูลินัมท็อกซินที่นำเข้าจากอังกฤษสูงสุดระดับประเทศ
“ถึงแม้จะเป็นคลินิกที่มียอดฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์สูงที่สุด แต่เชื่อไหมว่าหลายครั้งที่ลูกค้ารู้สึกว่าทำไมที่นี่กว่าจะฉีดโบท็อกซ์ให้แต่ละครั้งถึงยากเย็น เพราะเราเชื่อว่า การปรับรูปหน้าที่พอดีต้องมาจากพื้นฐานความเข้าใจมนุษย์ในแต่ละช่วงวัย คนอายุ 20s, 30s และ 40s มีโจทย์ที่แตกต่างกัน เราจะคุยถึงสิ่งที่ทำได้ สิ่งที่ทำไม่ได้ รวมถึงสิ่งที่ทำแล้วดีและสิ่งที่อาจจะไม่เหมาะสมกับความพอดีของเขาด้วย” และสิ่งที่เราได้ยินจากคนไข้เป็นประจำเลยคือไม่เคยเจอที่ไหนอธิบายละเอียดแบบนี้เลย
หากว่ากันตามทฤษฎี โครงหน้าจะสวยเพอร์เฟกต์ก็ต่อเมื่อทุกองค์ประกอบของใบหน้าต้องสมมาตร ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งสัดส่วนตามแนวตั้ง แนวนอน หรือมุม 90 องศา แต่สำหรับหมอเด่น ประสบการณ์บอกเขาว่า
“ความงามอาจไม่ใช่ความเพอร์เฟกต์ แต่ความงามคือความพอดี อย่างเช่น บางคนปากนิดจมูกหน่อย ช่วง Middle Face (จากคิ้วลงมาถึงปลายจมูก) ของเขาอาจจะดู Lost แต่กลับเป็นพระเอกนางเอกเบอร์ 1 ได้ เพราะความไม่เพอร์เฟกต์เหล่านั้นเมื่อมาอยู่รวมกันแล้วมันดูพอดี จนกลายเป็นเสน่ห์ชวนมองอีกอย่างหนึ่งนั่นเอง”
การปรับโครงหน้าที่สมบูรณ์ที่สุดต้องลงลึกถึงทุกชั้นผิว ตั้งแต่ชั้นผิวที่ตื้นที่สุดถึงชั้นกระดูก เพราะแต่ละชั้นผิวต้องการเครื่องมือที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน
แต่ถ้าถามว่าส่วนไหนที่มีปัญหาแล้วจะมองเห็นได้อย่างชัดเจน นั่นคือการที่โหนกแก้มทรุด ผิวตรงโหนกแก้มมีการร่วงลงมาเพราะชั้นกระดูกกร่อนตามอายุ
“เชื่อไหมว่าการที่โหนกแก้มทรุดเพียงแค่ 1 ตำแหน่ง นำไปสู่ปัญหาได้หลายตำแหน่ง เช่น แก้มห้อยตกลงมา ทำให้กรอบหน้าไม่ชัด รวมถึงไขมันตกลงมาเหนือร่องแก้มก็ทำให้เกิดร่องแก้มขึ้นได้ และที่เห็นชัดที่สุดคือเกิดเส้นพาดหน้าแก้ม ทำให้เกิดรอยเส้นแบ่งของใบหน้า ส่งผลให้โครงหน้าดูมีอายุและไม่สดชื่น แต่ในทางกลับกัน ถ้าเติมโหนกแก้มด้วยฟิลเลอร์ ปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมดก็จะดีขึ้นด้วยฟิลเลอร์เพียงหลอดเดียว เพราะหมอเด่นฉีดโหนกแก้มสองข้างโดยใช้ฟิลเลอร์เพียง 1 ซีซี นี่คือความมหัศจรรย์ของฟิลเลอร์”
นอกจากการมีทักษะความชำนาญและประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน การจะปรับโครงหน้าให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดี ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทุกคลินิกต้องใส่ใจ โดยหลักคิดในการนำผลิตภัณฑ์มาใช้ใน Paragon Clinic ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างต้องผ่าน 5 กระบวนการเหล่านี้เสมอ
“ผลิตภัณฑ์ที่ใช้หลักๆ ใน Paragon Clinic เพื่อการปรับรูปโครงหน้าอยู่ภายใต้แบรนด์ Galderma เช่น Restylane Lyft ฟิลเลอร์ที่โดดเด่นด้านการขึ้นรูปที่ดี มีการอยู่ตัวสูง, Restylane Vital Light ฟิลเลอร์เนื้อละเอียดที่เหมาะกับการฉีดใต้ตา เกลี่ยง่าย ทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมี Restylane Kysse ฟิลเลอร์ที่ออกแบบมาเพื่อฉีดริมฝีปากโดยเฉพาะ ใช้ปรับเปลี่ยนทรงปากได้อย่างใจ ให้สัมผัสที่เป็นธรรมชาติ แถมยังมีคุณสมบัติในการเปลี่ยนสีผิวให้กลายเป็นสีอมชมพู”
เพราะการใช้ชีวิตในโลกที่วิทยาการความงามก้าวหน้า การจะปรับลุคให้ดูดีผ่านการแก้ปัญหาโครงหน้าไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ภายใต้การดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ควบคู่ไปกับจริยธรรมในการรักษาคนไข้
The post คุยกับหมอเด่น Paragon Clinic คลินิกที่ฉีดฟิลเลอร์และโบท็อกซ์สูงสุดระดับประเทศ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (5 กรกฎาคม) เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการ […]
The post อย. แนะก่อนฉีดฟิลเลอร์ตรวจดูผลิตภัณฑ์ เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เตือนระวังผลข้างเคียงเนื้อเยื่อตาย-ตาบอด appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (5 กรกฎาคม) เภสัชกรเลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ปัจจุบันฟิลเลอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจและมีการนำมาใช้กันอย่างมาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แนะนำผู้บริโภคเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้มากยิ่งขึ้น เน้นย้ำถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์และวิธีตรวจสอบผลิตภัณฑ์
โดยผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ (Filler) เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับฉีดเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของผิวหนัง โดยการเติมเต็มหรือลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม, โหนกแก้ม, หน้าผาก, ใต้ตา, จมูก, คาง หรือริมฝีปาก ทำให้ร่องลึกและริ้วรอยดูตื้นขึ้น โดยฟิลเลอร์ที่นิยมใช้มักจะผลิตจากสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย เช่น กรดไฮยาลูโรนิก เป็นต้น
ทั้งนี้ ฟิลเลอร์จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้ขายต้องขออนุญาตจาก อย. ก่อนจำหน่าย โดยฟิลเลอร์แต่ละชนิดจะมีความเหมาะสมต่อการฉีดในบริเวณต่างๆ ของร่างกายที่แตกต่างกัน รวมถึงปริมาณที่ใช้และวิธีการฉีด ซึ่งจะมีรายละเอียดกำหนดไว้อยู่บนฉลากและเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้ประกอบวิชาชีพ
เภสัชกรเลิศชายกล่าวต่อว่า การฉีดฟิลเลอร์อาจพบผลข้างเคียง ได้แก่ อาการคัน, ปวด, บวม, ตึง, แดงร้อนบริเวณที่ฉีด, ผิวหนังฟกช้ำ, ห้อเลือด, ผิวหนังติดเชื้อ, พบก้อนบริเวณที่ฉีด, ผิวหนังบริเวณที่ฉีดดูขาวขึ้นหรือคล้ำลง หรืออาจแพ้ยาชาที่เป็นส่วนผสมของฟิลเลอร์ทำให้เส้นเลือดอุดตัน และอาจทำให้เกิดภาวะเนื้อเยื่อตาย หรือตาบอดได้
ด้วยเหตุนี้ ผู้บริโภคที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ต้องเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังประจำอยู่ และควรขอใช้สิทธิตรวจสอบฉลากผลิตภัณฑ์ว่า ฟิลเลอร์ได้ผ่านการอนุญาตจาก อย. หรือไม่ โดยดูจากเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์ หรือตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตได้ที่เว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th หรือผ่าน QR Code พร้อมกับถ่ายรูปผลิตภัณฑ์ไว้เป็นหลักฐานก่อนรับบริการ
เภสัชกรเลิศชายกล่าวว่า สำหรับผู้ที่ผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้รับใบอนุญาต จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
The post อย. แนะก่อนฉีดฟิลเลอร์ตรวจดูผลิตภัณฑ์ เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เตือนระวังผลข้างเคียงเนื้อเยื่อตาย-ตาบอด appeared first on THE STANDARD.
]]>ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ‘ฟิลเลอร์’ (Filler) หรือสารเติมเต็ม […]
The post 24 เรื่องฟิลเลอร์ที่ต้องรู้จากปาก นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ แพทย์ผู้สอนการฉีดฟิลเลอร์ระดับประเทศ appeared first on THE STANDARD.
]]>ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ‘ฟิลเลอร์’ (Filler) หรือสารเติมเต็มที่ใช้ในวงการความงามนั้นมีข่าวคราวในแง่ลบไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการฉีดแล้วตาบอด ฉีดแล้วฟิลเลอร์เน่า ติดเชื้อเป็นหนอง หรือเป็นก้อนไม่สวยดั่งใจ จนทำให้ใครหลายคนที่คิดจะเข้าวงการล้มเลิกความคิดพร้อมตีตราว่าการฉีดฟิลเลอร์นั้นอันตราย คำถามคือ “การฉีดฟิลเลอร์ที่ดีและปลอดภัยจริงๆ 100% ยังมีอยู่ไหมในโลกใบนี้?”
ภาพ: Getty Images
งานนี้ LIFE เลยบุกไปล้วงลึกและไขข้อสงสัยทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ รวมถึงเทรนด์ความงามในปัจจุบันกับ นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ หรือ คุณหมอบอย แพทย์ที่คร่ำหวอดในวงการความงามและการชะลอวัยมากว่า 20 ปี
ผู้สอนการฉีดฟิลเลอร์ระดับประเทศ (Certified Country Mentor Trainer) สำหรับเขตเอเชีย-แปซิฟิก ผู้ริเริ่มการใช้เข็มปลายทู่ในการฉีดฟิลเลอร์ของเมืองไทย การฉีดฟิลเลอร์สัมผัสกระดูก (Bone Touching Filler Injection) และยังถือเป็นแพทย์ไทยคนแรกที่ได้รับเชิญให้เขียนเผยแพร่เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปหน้าด้วยเทคนิคสัมผัสกระดูก (Butterfly Lift) ลงตำราแพทย์ Non-Surgical Rejuvenation of Asian Faces จากสำนักพิมพ์ Springer ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อีกทั้งเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์นวัตกรรมความงามกรุงเทพ AIC หรือ AIC Clinic อีกด้วย
หากคุณเคยแวะเวียนเข้าคลินิกเวชกรรมต่างๆ แล้วลองเดินเข้ามาที่ AIC Clinic ก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างอย่างชัดเจนด้วยการตกแต่งที่เรียบง่าย ไม่ได้เน้นความหรูหราโอ่อ่าดุจสปาเหมือนคลินิกส่วนใหญ่
AIC Clinic เป็นคลินิกระดับพรีเมียมเฉพาะทางก่อตั้งในปี 2012 ที่ให้บริการด้านความงามแบบกึ่งศัลยกรรม รวมทั้งนวัตกรรมความงามใหม่ๆ เพื่อการดูแลผิว โดยเน้นเป็นบริการฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ยกกระชับ ปรับรูปหน้า ที่ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปีทุกคน และต้องมีทักษะฝีมือชั้นสูงเท่านั้น โดยทางคลินิกจะจำกัดจำนวนลูกค้าที่เข้ามารับบริการไม่เกินวันละ 10 คนแบบไม่รับวอล์กอิน
นอกจากนี้ AIC Clinic ยังใช้เป็นสถานที่ฝึกอบรมและให้ความรู้ใหม่ๆ ทางด้านความงามแก่แพทย์ไทยและแพทย์ต่างชาติในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย
ปัจจุบันเราเน้นรูปหน้าที่คมชัด มีมิติ มีสัดส่วนที่ชัดเจน กรอบหน้าชัด โหนกแก้มชัด ไม่ V-Shape อีกแล้ว แบบนั้นมันไม่มีมิติ ส่วนในเรื่องผิวพรรณก็จะเน้นเรื่องคุณภาพของผิวที่ดูเนียนใส ซึ่งในครึ่งปีหลังนี้เราจะมีนวัตกรรมตัวใหม่ที่ชื่อว่า Sculptra เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนตัวแรกของโลก และผ่านการรับรองจาก US FDA ในไทยแล้วเรียบร้อย
View this post on Instagram
การฉีดฟิลเลอร์ HA สามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้บางส่วน ร่างกายเรามีต้องมีไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) เซลล์ที่สร้างคอลลาเจนอยู่แล้ว แต่พออายุมากขึ้นไฟโบรบลาสต์น้อยลง Sculptra เลยจะเป็นตัวที่ช่วยเพิ่มไฟโบรบลาสต์นี่แหละ การฉีดจะแนะนำอยู่ที่ 3 เซสชัน เดือนละครั้ง จะอยู่ได้ 2 ปี
ฟิลเลอร์คือสารเติมเต็ม สมัยก่อนทุกตัวเป็นฟิลเลอร์หมด ซิลิโคนเหลวก็คือฟิลเลอร์ แต่ถ้าจะให้เรียกว่าฟิลเลอร์ชนิดที่ปลอดภัยจริงๆ ต้องเรียกว่าฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. และเป็นฟิลเลอร์ชนิด HA (Hyaluronic Acid) เท่านั้น ไม่มีตัวอื่นปน ต้องมีความบริสุทธิ์มากๆ มันถึงแพง
ไม่มีของดีราคาถูก ถ้าคุณจ่ายถูก ใช้ยาถูกคุณภาพต่ำ หมอที่ฉีดก็คุณภาพต่ำลงเช่นกัน หมอดีๆ ที่มีชื่อเสียงไม่เสี่ยงใช้ของไม่ดีอยู่แล้ว ปัจจุบันฟิลเลอร์ในท้องตลาดเยอะมาก ถ้าคลินิกที่พรีเมียมหน่อยก็จะใช้ยี่ห้อที่พิสูจน์มาแล้ว ราคาสูง มีงานวิจัย ความแพงมันอยู่ที่เทคโนโลยีและงานวิจัยนี่แหละ
ถ้าอยู่ผิดที่ผิดทาง ไปอยู่ในที่ที่ไม่ควรมียาอยู่ ไม่สลายแน่นอน
ได้ ถ้าเป็นยี่ห้อเดียวกัน เราควรฉีดยี่ห้อเดียวเพราะยี่ห้อเดียวมีคุณสมบัติให้หมดแล้ว อย่าง Restylane ที่คลินิกใช้เป็นตัวพรีเมียม แพงที่สุด มีงานวิจัยรองรับมากที่สุด ใช้มานานที่สุด เรียกว่าเป็น Gold Standard ของฟิลเลอร์ทั้งหมดในโลกนี้ ถ้ามีตัวไหนผลิตใหม่มาก็ต้องมาเทียบกับมาตรฐานตัวนี้
การฉีดไขมันคือตัวปัญหาเลย อย่าคิดว่าไขมันเป็นของตัวเอง มีความเป็นธรรมชาติ แต่มันสร้างความคมชัดให้ใบหน้าไม่ได้ ทำให้หน้าไม่มีมิติ หน้าจะดูบวมตุ่ยๆ
จะเอาสวยไหมล่ะ (คุณหมอบอยถามติดตลก) ถ้าฉีดไขมันมาแล้วไม่สวยก็ต้องไปแก้ ซึ่งต้องใช้เงินมากกว่า 2-3 เท่าตัว แล้วการฉีดไขมัน 10 ซีซี จะเหลือบนใบหน้าแค่ 20% บางคนหายหมด
บางคนสลายไม่เท่ากัน ติดข้าง อีกข้างไม่ติด อันนี้แก้ยากมาก ประสบการณ์ของคนที่ฉีดไขมันเกือบ 100% ไม่แฮปปี้
แต่อย่างฟิลเลอร์ถ้าไม่ชอบตรงไหนสามารถฉีดสลายทิ้งหายหมด ขอย้ำว่าเป็นชนิดที่ดีนะ ถ้าฉีดของดีมันก็เหมือนมีปุ่มรีเซ็ตให้เราเพื่อความปลอดภัยอยู่ตลอด
การผ่าตัดเสริมหน้าผาก หน้าผากเป็นส่วนที่ฉีดฟิลเลอร์สวยกว่า มันเป็นงานละเอียดอ่อน เราสามารถปรับแต่งได้เหมือนรูปปั้น แต่ข้อเสียคือหน้าผากเป็นจุดอันตราย คนที่ไปฉีดไขมันหน้าผากเขาจะทะลวงเป็นโพรง ซึ่งเป็นวิธีที่โบราณ ปัจจุบันต้องทำแบบไร้โพรง เพราะเซาะปั๊บมันจะนิ่มเป็นถุงน้ำ พอสลายปุ๊บถุงน้ำโพรงก็ยังอยู่ ฉีดของใหม่ไปอันเก่าก็ยังอยู่ วิธีที่ถูกคือเราต้องฉีดไปตรงเยื่อหุ้มกระดูก ซึ่งมันเป็นเทคนิคที่ยาก แต่มันจะเนียนไปเลย ได้หน้าผากนูนสวย กดแล้วไม่นิ่ม
อันต่อมาคือผ่าตัดถุงใต้ตา หมอบางคนวินิจฉัยว่าเป็นถุง แต่จริงๆ เป็นกล้ามเนื้อ พอยิ้มแล้วกล้ามเนื้อหดตัวมันก็จะป่องเป็นถุง
วิธีแก้ง่ายๆ คือฉีดฟิลเลอร์ไปกลบก่อนแล้วใช้โบท็อกซ์ให้มันเรียบขึ้น ยิ้มแล้วตาจะไม่ปูดตุ่ย แต่อาจกลบได้ไม่ 100% แต่ถ้าเลือกไปผ่าถุงใต้ตาก็จะอ้า จะทำให้ดูปลิ้น แต่กรณีที่เป็นเยอะมากก็อาจจะผ่าตัดก่อน แต่ผ่าเสร็จก็ต้องมาฉีดอยู่ดีถึงจะสวย
ส่วนการผ่าตัดดึงหน้าก็จะได้หน้ามิติเดียว ดูแบน ควรฉีดฟิลเลอร์เพื่อสร้างมิติให้ใบหน้าแทน
ใช่ คนเข้าใจผิดว่าฟิลเลอร์ทำให้หน้าใหญ่นูนขึ้น แต่ฟิลเลอร์สามารถปรับรูปหน้าทำให้เล็กลงและมีมิติได้
โหนกแก้มใหญ่ก็ปรับให้เล็กลงได้แบบมีมิติ มันเรียกว่าการฉีดฟิลเลอร์ปรับรูปกระดูกใบหน้า (Butterfly Lift) ไม่ได้มองที่เนื้อหนัง แต่มองที่กระดูก ซึ่งการนำตัวยาไปฉีดแปะบนกระดูกมันเป็นงานวิจัยที่ใช้ในคนไข้ที่มีอุบัติเหตุ ฟิลเลอร์สามารถแก้กระดูกที่มันแหว่งได้ แต่ก็ต้องเลือกตัวยาที่เหมาะสม การฉีดฟิลเลอร์ไปวางบนกระดูกมันจะทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น เพราะบนกระดูกไม่มีเลือดไปเลี้ยง ยาไม่สลาย ถ้าฉีดไม่โดนกระดูกลอยๆ ฟิลเลอร์ก็สลายไวไปเร็ว
โอ้โห ลิฟต์แบบคนละเรื่อง! (คุณหมอบอยตอบด้วยน้ำเสียงตื่น) Ulthera คือเทียบไม่ได้เลย การฉีดแบบ Butterfly Lift คือแก้มหดยกทันที ยกชัดกว่า ไม่ต้องรอ เห็นผลทันที แต่ราคาก็คนละเรื่องเช่นกัน เพราะใช้ยา 6-7 หลอด ตัวเครื่องมีข้อจำกัด การทำ Ulthera มันคือการยิงพลังงานลงบนผิวลึก 4.5 มิลลิเมตร แต่การฉีดฟิลเลอร์สัมผัสกระดูกลงลึกถึง 20-30 มิลลิเมตร สามารถฉีดแก้ได้ทุกชั้นผิว
จมูก เสี่ยงตาบอดสุด ตามมาด้วยหน้าผาก และร่องแก้ม ตรงร่องหว่างคิ้วก็เสี่ยงนะ ต้องดูว่าเป็นร่องแบบไหน ถ้าร่องติด หมายถึงการที่หน้าอยู่เฉยๆ ก็เห็นเป็นร่อง ถ้าเอามือดึงไม่ออกแสดงว่าโบท็อกซ์ไม่ช่วย ก็จะต้องฉีดโบท็อกซ์ก่อนแล้วฟิลเลอร์เลาะ แต่หมอส่วนใหญ่จะไม่ทำเพราะมันเข้าตาบ่อย เป็นส่วนอันตราย ถ้าหมอเก่งมีความรู้จะไม่ฉีด แค่โบท็อกซ์ก็พอ
ภาพ: Getty Images
ฉีดได้ แต่ต้องมีผู้ปกครองเซ็นยินยอม
เด็กบางคนมีปมด้อยเรื่องรูปหน้า เช่น คางสั้น บ้างก็โดนสื่อโซเชียลบูลลี่ เกิดภาวะซึมเศร้า ซึ่งถ้าเลือกลงมีด มันจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูก โครงสร้างใบหน้า แต่ถ้าฉีด มันเป็นการเจาะรูนิดเดียว ปรับนิดเดียว ปลอดภัยกว่า
หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร หรือคนที่มีเริม ถ้ามีสิวก็ต้องเป็นสิวที่คุมการอักเสบได้
อันดับแรกดูว่ายาดีไหม อย่าดูราคา ส่วนใหญ่ข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะตาบอดหรืออะไร มาจากฟิลเลอร์ที่ไม่ได้คุณภาพทั้งนั้น รู้ไหมว่าฟิลเลอร์เกาหลีราคาแค่ 1 ใน 10 ของฟิลเลอร์ยุโรป ต้นทุนแค่ 10%
หมอที่เอาราคาเป็นหลักก็จะเน้นต้นทุนต่ำ หมอที่มีความรู้จะใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน สองต้องเป็นเลือกยาถูกประเภท เหมาะกับบริเวณจะฉีด ฟิลเลอร์ตัวเดียวจะฉีดทั้งหน้าไม่ได้ สามคือฝีมือหมอ อย่าดูรีวิว บางทีก่อนทำกับหลังทำนี่เป็นภาพคนละมุม คนละองศา ลองศึกษาก่อน ซึ่งมันก็สอดคล้องกัน ต่อให้หมอเก่งฉีดให้แต่ถ้าเลือกยาผิด ผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะไม่เพอร์เฟกต์อยู่ดี
ภาพ: Cottonbro Studio / Pexels
แนะนำให้งดออกกำลังกาย 3 วัน แต่ออกกำลังกายเบาๆ ได้ ไม่ควรออกหนักไม่อย่างนั้นจะบวมเขียว แต่วันแรกควรงด ห้ามนวดหน้า 3 วัน ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 3 วัน
พวกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าชนิดเอนไซม์ การขัดผิวต่างๆ ก็ควรงด 3 วัน จะก้มนอนได้หมด ไม่มีผลต่อการรักษา
ถ้าอยู่ผิดที่ทำอย่างไรก็ไม่สลาย
ไม่เท่า จุดที่เคลื่อนไหวน้อยจะอยู่ได้นานกว่า จุดที่ฉีดลึกไปที่กระดูก โดยเฉพาะหน้าผากอยู่นานที่สุด มาตรฐานอยู่ได้ 12 เดือน แต่ฉีดจริงๆ หน้าผากอยู่ได้ 3-4 ปี
บริเวณที่ผู้เขียนมีความกังวลคือใต้ตากับร่องกลางแก้ม
ใต้ตากับร่องกลางแก้มมันเป็นโซนเดียวกัน เส้นใต้ตาคือเส้นเอ็นที่วิ่งต่อเนื่องลงมาถึงร่องกลางแก้ม
ร่องมันเกิดได้จากกระดูกใต้เนื้อเยื่อที่ยุบลงตามวัย เส้นเอ็นที่เกาะจากกระดูกขึ้นมาที่ผิว พอมันหล่นมันก็จะดึงไว้ แก้มห้อยลงแต่เส้นเอ็นมันยังดึงไว้อยู่ การที่มันเกิดแรงดึงก็จะทำให้เกิดร่องชัดขึ้น
วิธีแก้ก็คือการดันมันกลับไปโดยการฉีดฟิลเลอร์ LYFT Lidocaine ที่แนวเส้นเอ็นเกาะกระดูก แก้มจะยกขึ้น ตรงส่วนที่ห้อยๆ จะดีขึ้นเลย
จากนั้นก็ฉีดฟิลเลอร์ที่ใต้ตาด้วยตัว Skinboosters Vital Light ซึ่งยาฉีดใต้ตาต้องเป็นยาเนื้อละเอียดและต้องกระจายตัวดี แทรกตัวในผิวเรียบเนียน ซึ่งตัวที่ฉีดให้มีคุณสมบัติ Hydrobalance ป้องกันการเกิดพังผืดได้ ช่วยรักษาความสมดุลชุ่มชื่นในผิว ให้ผิวหน้าดูโกลวสดใส
จากนั้นจะเป็นการฉีดโบท็อกซ์คลายกล้ามเนื้อใต้ตาที่ยิ้มแล้วตุ่ย แต่ตาฝั่งซ้ายมีปัญหา มีก้อนนิดๆ ซึ่งประเด็นนี้บอกไม่ได้ว่าเกิดจากฟิลเลอร์เก่าสลายไม่หมดหรือเป็นธรรมชาติแต่แรก
หลังทำเห็นได้ทันทีว่าร่องหน้าแก้มตื้นขึ้น แก้มมีความยกขึ้นเล็กน้อย ใต้ตาดูคล้ำน้อยลง และผลจากโบท็อกซ์ก็ช่วยให้ความบวมใต้ตายุบลง ซึ่งผลลัพธ์ของฟิลเลอร์จะอยู่ได้ราว 1 ปี ส่วนโบท็อกซ์จะอยู่ได้ราว 6 เดือน
จากการได้เข้ามาพูดคุยกับคุณหมอบอย และสัมผัสการฉีดฟิลเลอร์โดยมือหมอด้วยตัวเองแล้วรู้สึกได้ว่าคุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ตัวจริง ระหว่างการทำนั้นไวมาก ยาชาชนิดทาและแบบฉีดทำให้มีความรู้สึกน้อยลงไปเยอะ บอกได้เลยว่า AIC Clinic ค่อนข้างเหมาะกับคนที่มีความสนใจอยากฉีดฟิลเลอร์อย่างจริงจัง รวมไปถึงใครที่อยากปรับรูปหน้า เน้นผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานโดยไม่พึ่งศัลยกรรม
Open: เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.
Address: ปากซอยงามดูพลี ติดภัตตาคารจันทร์เพ็ญ 1032/10-12 ชั้น 1-2 ถนนพระราม 4
Budget: เคสคุณหมอบอย เริ่มต้นที่ 35,000 บาทต่อซีซี
Tel.: 0 2287 1200
Website: https://www.aic-clinic.com/
Map:
ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์, AIC Clinic
The post 24 เรื่องฟิลเลอร์ที่ต้องรู้จากปาก นพ.พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ แพทย์ผู้สอนการฉีดฟิลเลอร์ระดับประเทศ appeared first on THE STANDARD.
]]>เชื่อว่าเมื่อพูดถึงริมฝีปากที่สวยปังระดับโลก สาวๆ หลายค […]
The post อยากฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปาก ควรรู้อะไรบ้าง appeared first on THE STANDARD.
]]>เชื่อว่าเมื่อพูดถึงริมฝีปากที่สวยปังระดับโลก สาวๆ หลายคนน่าจะนึกถึงคนดังอย่าง แองเจลินา โจลี เป็นอันดับแรก เพราะเธอมีริมฝีปากอวบอิ่มสวยโดยธรรมชาติ การสานฝันของสาวๆ ที่อยากมีริมฝีปากเต็ม ได้รูปอวบอิ่มสวยแบบนั้น จึงนิยมตามรอยด้วยการพึ่งพาวิธีฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปาก ซึ่งปัจจุบันมีคลินิกความงามมากมายที่ตอบโจทย์สาวๆ ด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์ปากในรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบธรรมชาติ แบบเซ็กซี่ รวมถึงแบบที่ช่วยแก้ปัญหารูปทรงของริมฝีปากให้ดูดีขึ้นได้ ใครที่กำลังสนใจวิธีการฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปาก THE STANDARD POP ได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้มาฝากแล้ว จะได้เรียนรู้และทำความเข้าใจก่อนไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเข้ารับบริการอย่างมั่นใจ เพื่อที่จะได้สวย มีริมฝีปากที่อวบอิ่มอย่างปลอดภัยไร้กังวล
การฉีดฟิลเลอร์ปาก คือการฉีดสารเติมเต็มที่ชื่อว่า ไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปในริมฝีปาก ซึ่งจะช่วยให้ริมฝีปากได้รูป เติมเต็มความชุ่มชื้น ให้ปากอวบอิ่มมากขึ้น โดยฟิลเลอร์ที่น่าเชื่อถือมีหลายยี่ห้อ เช่น Juvederm®, Restylane® และ Perlane® ซึ่งจากหลายๆ ข้อมูลของคลินิกเสริมความงาม ระบุว่าการฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปากนั้น ไม่ได้อันตรายหากฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความน่าเชื่อถือ และโดยทั่วไป การฟิลเลอร์ริมฝีปากก็ผ่านการวิจัยและรับรองมาอย่างดีแล้วว่าปลอดภัย แต่กรณีที่ฉีดกับผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ก็เป็นไปได้ที่จะเสี่ยงเกิดความผิดพลาด หรือความเสียหายตามมาภายหลัง
การการฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปากนั้นช่วยแก้ปัญหาได้เยอะมาก ทั้งในคนที่มีริมฝีปากบาง เมื่อได้รับการฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปากจะช่วยแก้ปัญหาได้โดยตรง เติมเต็มรูปริมฝีปากให้อวบอิ่ม แก้ปัญหาร่องหรือริ้วรอยของริมฝีปากได้ดี หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปากสามารถเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนว่าริมฝีปากดูสวยขึ้น เต็มอิ่มขึ้น และช่วยสร้างความมั่นใจให้สาวๆ รู้สึกดีกับริมฝีปากของตัวเองมากขึ้น เพราะการฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปากสามารถช่วยเปลี่ยนรูปหน้าได้
หากเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปากจากสถานให้บริการที่ไม่น่าเชื่อถือ และผู้ที่ฉีดให้ก็ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง อาจสร้างความเสียหายให้ริมฝีปากได้ ดังนั้นการเลือกฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปากจะต้องศึกษาข้อมูลให้แน่ใจก่อนเสมอ เช็กคลินิกหรือสถานเสริมความงาม เช็กรายชื่อแพทย์ ประวัติการทำงาน รวมถึงเช็กยี่ห้อของสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ให้เป็นแบรนด์ที่ได้มาตรฐานในระดับสากล
1. ควรเป็นผู้ที่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี
2. ไม่ควรไปฉีดตอนเป็นแผลที่ปากหรือมีการติดเชื้อในปาก
3. ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ
4. ไม่แนะนำให้ฉีดเกินปริมาตรที่แพทย์แนะนำ
หมอแพร จาก V Square Clinic แนะนำว่า “เนื่องจากเทรนด์ของรูปทรงปากในขณะนี้คือปากสาย ฝ. คือริมฝีปากที่ดูหนาแบบสาวฝรั่ง แต่ปัญหาที่พบบ่อยคือ คนไทยมักจะนำภาพของดาราฝรั่งที่มีริมฝีปากอวบอิ่มมาใช้เป็นตัวอย่างในการจะฉีดฟิลเลอร์ปาก ในกรณีนี้หมอจะพยายามอธิบายให้คนไข้เข้าใจว่า โครงหน้าของฝรั่งนั้นจะชัดกว่าสาวไทย ทั้งคิ้ว ตา จมูก และมีคางที่ยาว ซึ่งถ้ามีโครงหน้าแบบนี้การมีริมฝีปากที่ดูหนา อวบอิ่ม จะดูมีเสน่ห์มากๆ แต่ถ้าโครงหน้าแบบคนไทยส่วนใหญ่มักจะไม่รับกับใบหน้าแบบดาราฝรั่ง จึงแนะนำอย่างนี้ว่าควรใช้ตัวอย่างริมฝีปากที่เป็นคนเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และควรเลือกแบบตัวอย่างที่มีโครงหน้าใกล้เคียงกับตัวเองด้วย ผลของการฉีดฟิลเลอร์ปากจึงจะออกมาดูเป็นธรรมชาติที่สุด”
ภาพ: Shutterstock
อ้างอิง:
The post อยากฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปาก ควรรู้อะไรบ้าง appeared first on THE STANDARD.
]]>