จีนดำ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 06 Mar 2025 07:27:11 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ตำรวจจับขบวนการ ‘จีนดำ’ ทำบัตรประชาชน-พาสปอร์ตเถื่อน ร่วมมือตำรวจตบทรัพย์คนจีนในประเทศไทย https://thestandard.co/cyber-police-chinese-fake-id/ Thu, 06 Mar 2025 07:27:11 +0000 https://thestandard.co/?p=1049278 cyber-police-chinese-fake-id

วันนี้ (6 มีนาคม) ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก […]

The post ตำรวจจับขบวนการ ‘จีนดำ’ ทำบัตรประชาชน-พาสปอร์ตเถื่อน ร่วมมือตำรวจตบทรัพย์คนจีนในประเทศไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
cyber-police-chinese-fake-id

วันนี้ (6 มีนาคม) ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 6 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ต้องหา 4 รายอยู่ระหว่างจำคุกในคดีอื่น

 

  1. Mr.LI (ลี) สัญชาติจีน อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 13/2568
  2. Ms.Aye (เอ้) สัญชาติเมียนมา อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 14/2568

 

ผู้ต้องหาที่ 1-2 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม, ร่วมกันสนับสนุนพนักงานเจ้าหน้าที่ปลอมบัตรประชาชน, ร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่

 

  1. จิรภัทร อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 15/2568 
  2. สุริยะ อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 16/2568 
  3. พีระศักดิ์ อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 17/2568 
  4. ประวิต อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 18/2568 

 

ผู้ต้องหาที่ 3-6 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่

 

ตรวจยึดของกลาง จำนวน 190 รายการ

  1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 14 เล่ม
  2. เงินสด​ จำนวน 8,500 หยวน
  3. บัตร ATM จำนวน 5 ใบ
  4. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 14 เครื่อง
  5. แท็บเล็ต จำนวน 1 เครื่อง
  6. คอมพิวเตอร์ จำนวน 9 เครื่อง
  7. บัตรขาว จำนวน 2 ใบ
  8. หนังสือเดินทาง / บัตรประชาชน / เอกสารที่เกี่ยวข้อง 14 รายการ
  9. รถยนต์ จำนวน 2 คัน
  10. วัตถุคล้ายทองคำ 5 รายการ และเอกสารอื่นๆ จำนวน 125 รายการ

 

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงปลาย พ.ศ. 2566 มีผู้เสียหายซึ่งเป็นชายชาวจีน เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลางเพื่อร้องขอความเป็นธรรม ในกรณีที่ผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจรีดทรัพย์ เรียกเงินเป็นจำนวน 5 ล้าน เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี

 

ซึ่งมูลเหตุในคดีนี้ สืบเนื่องมาจากในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ผู้เสียหายเข้าไปยังกลุ่มเฟซบุ๊กของคนจีน โดยพบเฟซบุ๊กประกาศแจ้งว่าสามารถจัดทำบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน และเอกสารอื่นๆ ของไทยให้กับคนจีนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยคิดค่าดำเนินการประมาณ​ 1 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายหลงเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำบัตรและเอกสารประจำตัวที่ถูกต้องตามกฎหมายจริง ผู้เสียหายจึงติดต่อเข้าไปพูดคุยและตกลงทำบัตรประชาชน จากนั้นจึงมีการนัดหมายให้ผู้เสียหายเดินทางไปทำบัตรประชาชนที่สำนักงานเทศบาลจังหวัดในพื้นที่ภาคอีสาน 

 

ต่อมาเมื่อถึงวันนัดหมาย ผู้เสียหายเดินทางไปที่สำนักงานเทศบาลดังกล่าว และพบลี พร้อมกับเอ้ (แฟนสาว) โดยลีพาผู้เสียหายไปทำบัตรประชาชนที่สำนักงานเทศบาลดังกล่าว โดยมีขั้นตอนการถ่ายรูปและสแกนรอยนิ้วมือเหมือนกับการทำบัตรประชาชนทั่วไป แต่จะไม่มีการให้กรอกข้อมูลเอกสารใดๆ ซึ่งภายหลังจากที่ผู้เสียหายทำตามขั้นตอนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ลีจึงได้นำบัตรประชาชนที่ปรากฏรูปหน้าผู้เสียหายมามอบให้กับผู้เสียหายพร้อมกับสำเนาทะเบียนบ้านอีก 1 ฉบับ (ซึ่งข้อมูลตามบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านดังกล่าวปรากฏชื่อคนไทยคนเดียวกัน) หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงชำระค่าดำเนินการ โดยมอบเงินสดจำนวน 1.1 ล้านบาทให้กับลี

 

ต่อมาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ผู้เสียหายตกลงให้ลีช่วยทำหนังสือเดินทางให้กับผู้เสียหาย โดยลีนัดหมายให้ผู้เสียหายมาทำหนังสือเดินทางที่กรมการกงสุล แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อผู้เสียหายเดินทางมาถึงที่นัดหมาย มีกลุ่มชายไม่ทราบชื่อพาผู้เสียหายไปนั่งรอที่ร้านกาแฟภายในกรมการกงสุล จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 3 นาย เข้ามาควบคุมตัวผู้เสียหาย และนำตัวผู้เสียหายไปที่ทำการแห่งหนึ่ง โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มนี้แจ้งกับผู้เสียหายให้ทราบว่าจะต้องถูกดำเนินคดีเนื่องจากปลอมเอกสาร ซึ่งหากผู้เสียหายไม่อยากถูกดำเนินคดี ให้ผู้เสียหายนำเงินมาจ่ายจำนวน 5 ล้านบาท 

 

ผู้เสียหายจึงต่อรองราคาจนกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจตกลงให้จ่ายเงินจำนวน 2 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ผู้เสียหายโอนเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัล USDT จำนวน 55,555 USDT (เปรียบเทียบเป็นเงินไทยจำนวน 2 ล้านบาท) เข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลตามหมายเลขที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งไว้ ก่อนจะปล่อยตัวผู้เสียหายไป และหลังจากเกิดเหตุผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายกลุ่มดังกล่าว

 

จากการสืบสวนของคณะทำงาน พบว่าในส่วนของการหลอกลวงผู้เสียหายให้ไปทำบัตรประชาชนนั้น มีกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันก่อเหตุหลายกลุ่ม ดังนี้ 

 

  1. กลุ่มผู้ชักชวนและดำเนินการพาผู้เสียหายไปทำบัตรประชาชน โดยกลุ่มนี้มีลีและเอ้เป็นผู้ร่วมขบวนการ

 

  1. กลุ่มจัดหาบัตรประชาชนที่จะนำมาสวมสิทธิให้กับผู้เสียหาย โดยจากการตรวจสอบพบว่า เจ้าของบัตรประชาชนเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริง และพบว่ามีการไปขอทำบัตรประชาชนใหม่หลังจากขายบัตรเพียงไม่กี่วัน จึงน่าเชื่อว่าน่าจะมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำในครั้งนี้ 

 

  1. เจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่ทำบัตรประชาชน โดยเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนให้ความช่วยเหลือในการกระทำผิดของขบวนการดังกล่าว

 

ในส่วนของกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรีดเอาทรัพย์ผู้เสียหายนั้น พบว่ามีกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันก่อเหตุหลายคน ดังนี้ 

 

  1. คนชี้เป้า มีหน้าที่ระบุตำแหน่งและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้เสียหาย

 

  1. กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รีดเอาทรัพย์ผู้เสียหาย 

 

  1. เส้นทางการเงินจากการประทุษร้าย พบมีการผ่องถ่ายกันหลายทอด และถอนเงินออกที่บริษัทนอมินี จากการสืบสวนน่าเชื่อว่าคนในขบวนการเป็นผู้ชี้เป้าให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ และเข้าทำการรีดทรัพย์ผู้เสียหายอีกทอดหนึ่ง

 

และจากการสืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบข้อมูลประวัติลี มีหมายแดงติดตัวในความผิดเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์ชาวจีน มูลค่าความเสียหาย 3,000 ล้านหยวน (คิดเป็นเงินไทยมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท) โดยลีก่อเหตุที่ประเทศจีนในช่วง พ.ศ. 2558-2562 ก่อนจะหลบหนีเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2564 ซึ่งในระหว่างที่ลีอาศัยอยู่ในประเทศไทย ลีสวมบัตรหัวศูนย์ หรือบัตรขาว หรือบัตรบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน ระบุชื่อเป็น จิน ไทยลื้อ เพื่อให้ตนเองมีสิทธิต่างๆ เทียบเท่ากับคนไทย

 

จากนั้นจึงนำรูปแบบวิธีการที่ตนเองเคยสวมบัตรขาวมาใช้ในการเปิดเพจพาคนจีนไปทำเอกสารและบัตรประจำตัวต่างๆ ในคดีนี้ นอกจากนี้ยังพบว่าลีประกอบธุรกิจให้บริการต่อวีซ่าที่ บริษัท อันเจีย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจอีกด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลบริษัทดังกล่าว พบว่ามีการจดทะเบียนสถานที่จัดตั้งซ้ำกับบริษัทอื่นอีก 14 บริษัท โดยบริษัทเหล่านี้มีกลุ่มคนไทยเป็นนอมินี ถือหุ้นบริษัทโดยไม่ได้มีการลงทุนหุ้นจริง

 

ในส่วนของกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รีดเอาทรัพย์ผู้เสียหายนั้น มีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจนทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในกลุ่มดังกล่าวจำนวน 4 นาย ถูกจับกุมดำเนินคดีกรณีเรียกรับเงินสินบนจากชาวจีนจำนวน 10 ล้านบาท เมื่อ พ.ศ. 2566 ซึ่งรูปแบบพฤติการณ์ในการก่อเหตุคล้ายกับคดีของผู้เสียหายรายนี้ด้วยเช่นกัน

 

ในส่วนของกลุ่มจัดหาบัตรประชาชน พบว่ามีนายหน้าทำหน้าที่จัดหาบัตรประชาชนของคนไทยมาเพื่อใช้ในการสวมบัตร ซึ่งผู้ที่ขายบัตรประชาชนจะได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการหลอกลวงผู้เสียหายทำบัตรประชาชน และกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รีดเอาทรัพย์ผู้เสียหาย โดยศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาจำนวนทั้งสิ้น 6 หมายจับ

 

จากการสอบสวนเบื้องต้นให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

 

ตำรวจจับขบวนการ ‘จีนดำ’ ทำบัตรประชาชน-พาสปอร์ตเถื่อน ตำรวจจับขบวนการ ‘จีนดำ’ ทำบัตรประชาชน-พาสปอร์ตเถื่อน ตำรวจจับขบวนการ ‘จีนดำ’ ทำบัตรประชาชน-พาสปอร์ตเถื่อน ตำรวจจับขบวนการ ‘จีนดำ’ ทำบัตรประชาชน-พาสปอร์ตเถื่อน

The post ตำรวจจับขบวนการ ‘จีนดำ’ ทำบัตรประชาชน-พาสปอร์ตเถื่อน ร่วมมือตำรวจตบทรัพย์คนจีนในประเทศไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>