จรวด – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 25 Jul 2025 07:51:35 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ทบ.แจงเหตุจรวด BM-21 ตกในพื้นที่อ.น้ำยืน ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ คาดประชาชนอพยพแล้ว https://thestandard.co/bm21-rocket-ubon-damage/ Fri, 25 Jul 2025 07:51:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1099857 bm21-rocket-ubon-damage

วันนี้ (25 กรกฎาคม) พ.อ. ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทั […]

The post ทบ.แจงเหตุจรวด BM-21 ตกในพื้นที่อ.น้ำยืน ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ คาดประชาชนอพยพแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
bm21-rocket-ubon-damage

วันนี้ (25 กรกฎาคม) พ.อ. ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีเมื่อเวลา 08.50 น. ของวันนี้ เกิดเหตุกระสุนจรวด BM-21 ตกลงในพื้นที่บ้านเรือนประชาชน หมู่ 5 ตำบลศรีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี รวมจำนวน 3 จุด ได้แก่

จุดที่ 1 ตกใส่บ้านพักหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย 

จุดที่ 2 ตกใส่บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ได้รับความเสียหาย 

จุดที่ 3 ตกใส่ถนนภายในหมู่บ้าน ได้รับความเสียหาย

 

เบื้องต้นไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่าประชาชนได้อพยพไปยังศูนย์พักพิง ซึ่งจัดตั้งโดยฝ่ายปกครองอำเภอน้ำยืน ก่อนหน้านี้แล้ว

 

 จรวด BM-21 ตกในพื้นที่อุบลราชธานี  จรวด BM-21 ตกในพื้นที่อุบลราชธานี  จรวด BM-21 ตกในพื้นที่อุบลราชธานี  จรวด BM-21 ตกในพื้นที่อุบลราชธานี  จรวด BM-21 ตกในพื้นที่อุบลราชธานี

The post ทบ.แจงเหตุจรวด BM-21 ตกในพื้นที่อ.น้ำยืน ไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บ คาดประชาชนอพยพแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
จากฝันสู่ห้วงอวกาศ วิศวกรผู้สร้างจรวดคนไทยในเยอรมนี เอม-อาชว์ ปลื้มปัญญา https://thestandard.co/thai-rocket-engineer-europe/ Fri, 18 Jul 2025 11:46:54 +0000 https://thestandard.co/?p=1097913 thai-rocket-engineer-europe

“ความยากของการสร้างจรวดคือ ต้องควบคุมการระเบิดให้มีเสถี […]

The post จากฝันสู่ห้วงอวกาศ วิศวกรผู้สร้างจรวดคนไทยในเยอรมนี เอม-อาชว์ ปลื้มปัญญา appeared first on THE STANDARD.

]]>
thai-rocket-engineer-europe

“ความยากของการสร้างจรวดคือ ต้องควบคุมการระเบิดให้มีเสถียรภาพ วัสดุต้องทนต่อความร้อน ทนแรงดันสูงและต้องพัฒนาระบบควบคุมการระเบิดแบบหมุนวนได้ นี่ถือเป็นงานวิจัยที่จะสร้าง breakthrough ให้กับวงการอวกาศ และหากประสบความสำเร็จจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ”

 

ในโลกที่การแข่งขันด้านอวกาศไม่ใช่แค่เรื่องของ NASA หรือ SpaceX อีกต่อไป ยุโรปกำลังเร่งเครื่องอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ตกขบวนและในสมรภูมิแห่งนี้ มีคนไทยคนหนึ่งที่สร้างเครื่องยนต์จรวดอวกาศให้กับบริษัทสัญชาติยุโรปนั่นคือ

 

อาชว์ ปลื้มปัญญา หรือ เอม หนึ่งในวิศวกรระบบขับเคลื่อนของ Rocket Factory Augsburg (RFA) สตาร์ทอัพด้านจรวดสัญชาติเยอรมนีอันดับต้นๆ ของยุโรป เขาเป็นคนไทยไม่กี่คนที่ได้มีโอกาสพัฒนาเครื่องยนต์จรวดจริง ตั้งแต่ประกอบ ทดสอบ ไปจนถึงผลิตเพื่อเตรียมส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร

 

เส้นทางของเขาเริ่มต้นจากเด็กที่เติบโตในครอบครัวที่ผูกพันกับการบิน จากนักเรียนไทยในมหาวิทยาลัยเพอร์ดู (Purdue University) ที่ได้ลงมือ “ออกแบบและระเบิดท่อทดลอง” จนไปถึงการร่วมขับเคลื่อนวงการสตาร์ทอัพอวกาศยุโรปให้เดินหน้า

 

THE STANDARD ชวนคุยกับอาชว์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ความหลงใหลในจรวด เบื้องหลังชีวิตการทำงานในอุตสาหกรรมอวกาศจริง ข้อจำกัด ความผิดพลาด ความหวัง และคำถามสำคัญว่า “อวกาศไทยจะไปต่ออย่างไร?”

 

เพราะการสร้างจรวดอาจไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่มันคือเรื่องของการกล้าสร้างเส้นทางใหม่ในโลกที่ไม่มีทางเดิน

 

อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจจรวด

 

อาชว์: จริงๆ ครอบครัวอยู่ในแวดวงนี้ เริ่มจากคุณทวดเป็นทหารอากาศสมัยสงครามอินโดจีน คุณปู่เป็นนายพลทหารอากาศ น้องของคุณย่าก็เป็นนักบินรบเหมือนกันครับแล้วก็เป็นรุ่นคุณพ่อคุณลุงทั้งคู่ก็เป็นนักบินการบินไทยทั้งคู่

 

คุณแม่ก็ทำการบินไทยก็คือวนๆ อยู่ในนี้ครับ ตอนเด็กๆ ก็อยากเป็นนักบินเหมือนพ่อ ช่วงประมาณมัธยมปลายเริ่มผมก็มีความสนใจเรื่องอวกาศ ดู YouTube ข่าวการปล่อยจรวด NASA ดูหนัง Gravity ทำให้ผมมีความอยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้นในด้านนี้

 

ตอนนั้นผมเรียนสาธิตเกษตรอินเตอร์ตั้งแต่ป.1 ถึงม.6 ผมไม่ได้เรียนเก่งท็อปห้องอะไรตลอด แต่จะเป็นเด็กที่พอมีความสนใจอะไรแล้วจะอยากต่อยอดตรงนั้นให้ลึกขึ้น พอช่วงมหาลัยสอบได้ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมยานยนต์ ที่จุฬาฯ ประมาณ 1 ปี ก็รู้สึกไม่ค่อยตรง ผมรู้สึกว่ามันยังก้าวไปในระดับที่ผมอยากไปไม่ได้ ด้วยทรัพยากร สภาพแวดล้อม เพราะต้องเข้าใจว่าอวกาศบ้านเรามันมีน้อยมากสำหรับการเรียนการสอน

 

พอถึงเทอม 2 เราเห็นน้องๆ ที่สาธิตเกษตรรุ่นต่อไปที่เขาจะสมัครเข้ามหาวิทยาลัยที่อเมริกากัน ผมคิดว่ามันเปิดโลกทัศน์ทั้งในด้าน professional และ self-development ผมรู้สึกว่าน่าสนใจ เลยตั้งใจสมัครดู ซึ่งก็คือมหาวิทยาลัย Purdue ตอนนั้นลำบากมากจริงๆ เพราะการที่จะ transfer เข้ามักจะคำนึง GPA จากจุฬาฯที่ผมไม่ได้ตั้งใจเรียนช่วงนั้นเป็นหลัก พอไปสอบต่อที่อเมริกาแบบเด็กซิ่วเข้าไปมันยาก ผมยื่นคะแนนไป รู้ว่าไม่ติดวิศวะที่นั่นอยู่แล้วมันแข่งขันกันเยอะ ผมเลยเข้าทางลัดเรียกว่า undeclared ก็คือเข้าไปในสาขาที่ยังไม่ได้ declare ว่าอยากเรียนอะไร มันมีสำหรับเด็กที่ยังไม่ทราบว่าตัวเองอยากเรียนอะไร จากนั้นค่อยไปเริ่มเรียนคณะวิศวกรรมอวกาศ เรียนปี 1 ใหม่ เพราะหน่วยกิตจากจุฬาฯโอนเทียบไม่ได้

 

อาชว์ วัฒนธีรานุกูล วิศวกรไทยใน Rocket Factory Augsburg

 

มหาวิทยาลัย Purdue สอนอะไรเรา 

 

อาชว์: มหาวิทยาลัยเพอร์ดู มีประวัติศาสตร์ทางด้านอวกาศมายาวนานมาก ถ้านับจำนวนนักบินอวกาศที่เป็นเด็กจบจากเพอร์ดู มีจำนวนมากที่สุดเป็นอันดับสองของอเมริกา รองจาก MIT เพอร์ดูมีศิษย์เก่าอย่าง Neil Armstrong คือคนแรกที่เหยียบดวงจันทร์และคนล่าสุดที่เหยียบดวงจันทร์คือ Eugene Cernan และยังมี Gus Grissom กับ Roger Chaffee ที่เสียชีวิตในอุบัติเหตุทดสอบภารกิจ Apollo 1 รวมไปถึงวิศวกรระดับต่ำจนถึงระดับบริหารอีกนับไม่ถ้วนที่ทำงานให้กับ NASA, SpaceX, Blue Origin, Lockheed Martin, Orbital ATK, ISRO, JAXA ฯลฯ

 

เมื่อเรียนจบเด็กที่มีสัญชาติอเมริกันที่นี่จะมีบริษัทมาทาบทามไป เงินเดือนก็น่าจะสักแสนดอลลาร์ต่อปีขึ้นไป ความประทับใจที่เรียนที่นี่คือ Professor มีความรู้ทางด้านนั้นๆ ครอบคลุมเกือบทั้งหมดที่เราอยากเรียนรู้ มี Lab ที่ทำเกี่ยวกับ Propulsion ก็คือพวกเครื่องยนต์จรวด เครื่องยนต์เครื่องบิน เป็นต้น ชื่อว่า Zucrow Laboratories ที่มีขีดความสามารถสูงที่สุดในประเทศเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ

 

การเรียนการสอนก็จะ open-ended มากกว่าที่เราต้องทำเป็น teamwork ค้นคว้าด้วยตัวเองหา unique solution ไม่ใช่คำตอบตายตัวอะไรอย่างนี้ครับ ทำให้เหมือนนักเรียนได้ inspire ในการเป็นวิศวกรจริงๆ ในการแก้ปัญหา เราได้เป็น owner ของการคิดและการริเริ่มนำเสนอ Aerospace มี 2 สาขาหลักๆ คือเครื่องบินกับอวกาศ ผมจุดประกายความชอบมาจากกระสวยอวกาศกับเครื่องยนต์ ผมชอบความที่มันเป็น hardware ที่มันมีความซับซ้อนสูงและจับต้องได้

 

มีประสบการณ์ที่ท้าทายตอนเรียนป.โทบ้างมั้ย

 

อาชว์: ตอนป. โทผมลงเรียนลึกขึ้นด้าน Rocket Propulsion มีคลาสที่ประทับใจคือ AAE-53900 Advanced Rocket Propulsion หรือการออกแบบเครื่องยนต์จรวดสอนโดยศาสตราจารย์ Timothée Pourpoint ถ้านักเรียนคนไหนอยากไปอยู่ SpaceX หรือ NASA พัฒนาเครื่องยนต์จรวด คุณต้องลงคลาสนี้ อันที่ท้าทายที่สุดคือการที่ต้องเขียนโค้ดเพื่อที่จะ simulate และ analyze การถ่ายเทความร้อนภายใน nozzle จรวดที่มีการหล่อเย็นด้วยเชื้อเพลิง (heat transfer in regenerative cooled rocket nozzle) ก่อนจบคลาสก็จะมี project ใหญ่ๆ อีกสองอันซึ่งนำความรู้ทั้งหมดมาวิเคราะห์ engine architecture ในภาพใหญ่แต่จะลงรายละเอียดในแง่มุม

 

ให้หลังมาปีหนึ่งตอนนั้นผมทำ final project สำหรับคลาส Air-Breathing Hypersonic Propulsion กับ Professor Heister แล้วสะดุดตาเขาเพราะเป็นนักเรียนคนแรกที่โค้ด simulation ของ flow field ในสองมิติโดยผมใช้ method of characteristics ในการจำลอง rotating detonation flow ในช่องเผาไหม้ เขาเลยไปแนะนำให้ Professor Pourpoint รับไปเป็น Teaching Assistant (TA) ช่วยสอนคลาส Advanced Rocket Propulsion การได้ช่วยสอนทำให้ผมได้เข้าใจเนื้อหามากกว่าการเป็นนักเรียนด้วยซ้ำไป นักเรียนหลายๆ คนผมยังติดต่ออยู่โดยคนที่มีสัญชาติอเมริกันก็ไปทำงาน NASA SpaceX กับ Blue Origin ก็มีไม่น้อย

 

อาชว์ วัฒนธีรานุกูล วิศวกรไทยใน Rocket Factory Augsburg

ภาพถ่ายร่วมกับศาสตราจารย์ Timothée Pourpoint

 

มีคลาสไหนที่ได้ลงมือทดลองจริงบ้างไหม

 

ผมลงคลาสนึงที่ประทับใจคือ Design, Build, Test สอนโดย Professor Carson Slabaugh ที่คุมทีมวิจัย Rotating Detonation Engine (RDE) คือจะทำเครื่องยนต์จรวดแบบใหม่ในวงการเครื่องยนต์จรวดที่กำลังได้รับความสนใจจากนักวิจัยหลายแห่ง ปกติกลไกการเผาไหม้จะมีสองแบบคือแบบปกติและการระเบิด (Detonation) การเผาไหม้แบบปกติ เครื่องยนต์จรวดทั่วไปที่เห็นในการปล่อยจรวดใช้การเผาไหม้แบบปกติ มีความเร็วต่ำกว่าความเร็วเสียงและเห็นเป็นเปลวไฟที่พวยพุ่งออกมาจากท้ายจรวด

 

แต่การระเบิด (Detonation) จะเป็นการเผาไหม้ที่มีความเร็วสูงกว่าความเร็วเสียง มีแรงดันขับเคลื่อนที่สูงกว่าการเผาไหม้แบบปกติหลายเท่า และมีการเกิดคลื่นช็อก (Shock wave) ออกมาด้วย โดยทั่วไปแล้ว วิศวกรมักจะพยายามหลีกเลี่ยงการเกิด Detonation ในเครื่องยนต์จรวดแบบดั้งเดิม เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นสามารถทำลายเครื่องยนต์ได้ทันที

ซึ่ง Rotating Detonation Engine จะเป็นแนวคิดที่จะนำเอาพลังงานจากการระเบิดมาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยออกแบบให้เกิดการระเบิดหมุนเวียนเป็นวงรอบภายในห้องเผาไหม้ คลื่นการระเบิดจะหมุนไปเรื่อยๆ ในทิศทางเดียวกัน เหมือนเป็นคลื่นที่เคลื่อนที่เป็นวงและสามารถควบคุมการระเบิดให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ ข้อดีของ RDE คือ ประสิทธิภาพสูงขึ้น ประหยัดเชื้อเพลิงได้มากกว่า สร้างแรงดันที่สูงกว่าการเผาไหม้แบบปกติ ซึ่งความยากคือ ต้องควบคุมการระเบิดให้มีเสถียรภาพ วัสดุที่ใช้ต้องทนต่อความร้อนและแรงดันสูงมากและต้องพัฒนาระบบควบคุมที่สามารถจัดการกับการระเบิดแบบหมุนวนได้ นี่ถือเป็นงานวิจัยที่มีศักยภาพที่จะสร้าง breakthrough ให้กับวงการอวกาศ และหากประสบความสำเร็จจะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ

 

อาชว์ วัฒนธีรานุกูล วิศวกรไทยใน Rocket Factory Augsburg

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับ hardware จริงๆ เพราะก่อนหน้านี้โจทย์ที่ได้มาในกระดาษจะไม่พูดถึงโครงสร้างหรือชิ้นส่วนมากนัก จะโฟกัสที่การคำนวณหาค่าโดยไม่คำนึงถึงวิธีผลิตหรือประกอบ โจทย์ของทีมคือการออกแบบประกอบและทดสอบ hardware ที่สามารถใช้วิเคราะห์การระเบิดของส่วนผสมระหว่าง ammonia และแก๊สออกซิเจน (detonation characteristics of premixed ammonia-gaseous oxygen) โดยแท่นทดลองถูกออกแบบให้เป็น detonation tube ตั้งชื่อว่า BookStick มีขนาดท่อลดหลั่นกันลงไปเพื่อที่จะศึกษา quenching length ของการระเบิด และมีเซนเซอร์ตลอดลำท่อเพื่อที่จะวัดความเร็วของ detonation front งบในการพัฒนา $6,000

 

เรามีเวลาแค่สี่เดือนเลยต้องเร่งมือ มีหลายๆ อย่างที่ไม่เข้าที่เข้าทางแต่สุดท้ายเรา confirm ได้ว่าสามารถ detonate ส่วนผสม ammonia ในท่อสำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแล็บ อาจารย์ยังเอ่ยปากชมว่าเป็นทีมที่มี teamwork ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่สำคัญมากในการทำงานสายนี้

 

ความท้าทายในการทำงานด้านจรวดคืออะไร

 

อาชว์: แน่นอนว่าเขาให้เฉพาะคนอเมริกันมาทำงานด้านนี้ครับ เพราะเขาถือว่าเป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ ดังนั้นเขาไม่อนุญาตให้คนสัญชาติอื่นมาทำงานบริษัทด้านจรวดในอเมริกาครับ ถือเป็นความลับ แค่ฝึกงานก็ไม่ได้ ขั้นต่ำจะต้องเป็น permanent resident หรือมีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยอย่างถูกกฎหมาย เพราะด้วยข้อบังคับ ITAR (International Traffic in Arms Regulations) จรวดไม่ว่าจะใช้ขนส่งอะไรก็ยังถือว่าเป็นยุทโธปกรณ์

 

แต่ถ้าฝั่งยุโรปก็จะเปิดกว้างมากกว่าในการรับคนสัญชาติอื่น เรียนจบเลยตัดสินใจสมัครงานที่ RFA (Rocket Factory Augsburg) บริษัทสตาร์ทอัพด้านอวกาศสัญชาติเยอรมัน ติดอันดับ Top ของยุโรปเลยครับ ทุกประเทศอยากตาม SpaceX ให้ทัน ยุโรปก็ตื่นตัว ทีนี้เยอรมนีจะมี 2 บริษัทที่นำหน้าทางยุโรปเลยก็คือ RFA กับ

 

อาชว์ วัฒนธีรานุกูล วิศวกรไทยใน Rocket Factory Augsburg

 

RFA เป็นบริษัท spin-off มาจากบริษัท OHB SE กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีอวกาศสัญชาติเยอรมัน-ยุโรปที่โด่งดังในการผลิตดาวเทียม เพราะในยุโรปเองเล็งเห็นความล้าหลังในเทคโนโลยีจุดนี้จึงอยากกระตุ้นบริษัทที่สามารถปล่อยดาวเทียมของตัวเองได้ ดาวเทียมเล็กๆ อยากมี VC เข้ามา แต่ต้องเป็น Strategic Investor หมายความว่าไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ใครจะมาลงทุนก็ลงได้ ต้องผ่าน OHB SE ก่อน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไม RFA ทุนเลยน้อยกว่า start-up บางบริษัทที่กำลังแข่งขันกันภายในทวีป ดังนั้นเราต้องทำทุกอย่างให้ฉลาดในสภาวะที่มีทรัพยากรจำกัด

 

ถ้าได้ยินข่าวดังของ RFA ปีที่แล้วมีการทดสอบก่อนที่จะปล่อยจรวดจริงๆ ก็เกิดอุบัติเหตุ อาจพูดได้ไม่มากว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่มันมีบางอย่างเกี่ยวกับดีไซน์ของ turbopump ที่ก่อให้เกิด oxygen fire ที่ควบคุมไม่อยู่ ในขณะที่ทดสอบ static hotfire ของจรวดขั้นที่หนึ่ง (Stage 1) ซึ่งจุดเครื่องยนต์ 9 เครื่องพร้อมกัน สุดท้ายสูญเสียจรวดขั้นที่หนึ่งพร้อมกับเครื่องยนต์ทั้งหมดไป เป็นการสูญเสียที่ใหญ่ของบริษัทแต่ไม่มีใครเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บนะครับ เรามี standard ที่ผมค่อนข้างเชื่อมั่นอยู่แล้ว เคราะห์ดีที่จรวดขั้นที่สองและสามยังปลอดภัยดี ส่วนฐานปล่อยได้รับความเสียหายแค่เล็กน้อย

 

ผมเรียกว่ามันก็เป็นการทดสอบที่ล้มเหลวดีกว่า ไม่ใช่อุบัติเหตุ นี่เป็นเรื่องปกติของการทดสอบจรวดและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา R&D ไม่ว่าจะเป็น hardware ไหนๆ ที่นักลงทุนและผู้มีอำนาจจะต้องเข้าใจครับ

 

ช่วงที่ทำงานเป็นวิศวกรด้านจรวดทำอะไรบ้าง

 

อาชว์ วัฒนธีรานุกูล วิศวกรไทยใน Rocket Factory Augsburg

 

อาชว์: ณ ตอนนั้นน่ะ ผมเข้าไปเริ่มงานในจุดที่เพิ่งจะทดสอบเครื่องยนต์จรวดสำเร็จรอบแรก บริษัทฯ ได้ทำการพัฒนาเครื่องยนต์จรวดให้สำเร็จก่อนเพราะมันเป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุดและพัฒนายากที่สุด เมื่อทดสอบผ่านขั้นต่อไปคือการสร้างเครื่องยนต์เป็น production ก็คือผลิตเครื่องตัวนี้เพิ่ม 10 กว่าตัว เพื่อที่จะเอามาใส่จรวดจริงๆ ในการปล่อยจรวดครั้งแรก

 

ผมเข้าไปฝึกงานตอนนั้น ไม่ได้มีความรู้มากมายในด้านอุตสาหกรรมนั้น เริ่มตั้งแต่งานลูกกระจ๊อกที่สุดเลยก็คือไปคุม storage ของ flight hardware มันก็จะมีห้องโกดังเล็กๆ อันหนึ่งที่แบบเก็บชิ้นส่วนทุกอย่างที่จะนำมาประกอบเป็นเครื่องยนต์จรวด

 

ผมก็ไปนั่งนับสกรูว่าอันนี้มันมีกี่อันเพราะมันไม่ตรงกับใน system ก็ไปเรียนรู้ว่าชิ้นนี้เรียกว่าอะไร system code ของมันคืออะไร มันไปใช้อยู่ตรงไหน ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่าคุ้มแล้ว อย่างน้อยก็เป็นคนไทยที่ได้มาทำจุดนี้ ถึงงานมันจะโง่มากไปหน่อย แต่ผมได้เรียนรู้จากพื้นฐานมากๆ ผมได้เรียนรู้ทุกชิ้นของจรวดที่มีอยู่ ชิ้นส่วน 800 กว่าชิ้นที่ไม่เหมือนกัน รู้ว่าคืออะไร ประกอบเข้ามาตรงไหน

 

ทำอยู่ประมาณ 3 เดือนก็ถูกเลื่อนมาทำหน้าที่คล้ายๆ โฟร์แมนในไซต์ก่อสร้างทำให้ได้ใช้สมองมากขึ้น งานผมคือการเป็นสะพานเชื่อมระหว่าง design engineer กับ assembly technician คล้ายสถาปนิกกับวิศวกรออกแบบตึกต้องทำงานร่วมกัน แต่สองส่วนนี้มันไม่ได้เชื่อมกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ผมต้องคอยคุมว่า เอ้ย ชิ้นนี้มีปัญหาแล้วนะ ปัญหาใหญ่ๆ ก็ต้องปรึกษากับเจ้าของระบบหรือเรียกว่า system owner ซึ่งเป็นคนออกแบบหรือรับผิดชอบสูงสุดของระบบนั้นๆ เช่น turbopump preburner หรือวาล์วต่างๆ ปัญหาเล็กๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วผมก็จะเรียนรู้และนำการแก้มาใช้ได้ทันทีเลย ความน่าสนใจคือพอได้ทำงานกับคนหลายสัญชาติ เราก็ได้เห็นวิธีคิดเขา แต่ละคนคิดแก้ปัญหายังไง

 

อาชว์ วัฒนธีรานุกูล วิศวกรไทยใน Rocket Factory Augsburg

 

พอทำต่อมาได้อีกสักพักหนึ่งผมถูกเลื่อนขึ้นมาคุม engine production ทั้งหมดเป็นคนแรกเพราะเป็นเครื่องยนต์ล็อตแรกของบริษัท ซึ่งเป็นงานที่กดดันสูง เพราะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการจากการผลิตต้นแบบ (Prototyping) ไปสู่การผลิตจำนวนมาก (Serial Production) ให้มีประสิทธิภาพและส่งมอบทันเวลา หน้าที่ของผมคือรับชิ้นส่วนมาประกอบ ทดสอบ และทำ QC ซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทายจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทางวิศวกรรม จนในที่สุดผมและทีมก็สามารถส่งมอบเครื่องยนต์ Helix ทั้ง 14 เครื่องได้สำเร็จ โดยทุกเครื่องผ่านการทดสอบการจุดระเบิดครั้งแรก ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญและเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในชีวิตการทำงานของผม

 

เนื่องจากการทำตำแหน่งนี้อาศัยการ manage คนและทรัพยากรเป็นหลัก และทำให้มีความรู้กว้างแต่ไม่ลึกในด้านใดด้านหนึ่ง ผมเลยขอหัวหน้าเปลี่ยนตำแหน่งลงมาทำอะไรที่จะได้มีความเป็นเจ้าของของ hardware มากขึ้น ผมเลยได้เปลี่ยนมาเป็น system owner (วิศวกรที่รับผิดชอบเกี่ยวกับระบบใดระบบหนึ่ง) อย่างคนนี้เขาทำ pump คนนี้ทำท่อ เป็นต้น มันจะมีวาล์ว (วาล์วสำหรับเปิด-ปิดหรือควบคุมการไหลของเชื้อเพลิงและแก๊สต่างๆ) หลายตัว ผมก็ได้เป็น system owner สำหรับ 2 อย่างก็คือหลักๆ ทำวาล์วเชื้อเพลิงหลัก (main fuel valve) แล้วก็วาล์วควบคุม (flow control valves) เวลาครึ่งหนึ่งใช้ไปกับการแก้ปัญหาและพัฒนาระบบที่เป็นเจ้าของอีกครึ่งหนึ่งผมยังใช้ไปกับการสนับสนุนคนคุม engine production คนใหม่ในตำแหน่ง advisor เพราะถือว่ายังมีความสำคัญสูงสุดของบริษัทอยู่ เหนือไปกว่าการพัฒนาคือการผลิต product ที่ใช้งานให้ได้ก่อน

 

อาชว์ วัฒนธีรานุกูล วิศวกรไทยใน Rocket Factory Augsburg

 

ถามว่าทำงานที่นี่แตกต่างจากที่อื่นอย่างไร ผมรู้สึกว่าหลายๆ บริษัทจะทดสอบทุกอย่างให้ชัวร์ก่อน ความเสี่ยงจะต่ำ เพราะทุกอย่างต้องเป๊ะก่อน requirement สำหรับ system ของเขาเป็นหลายๆ ช่อง เขาก็ติ๊กหมดเลย และเพราะงบประมาณสูงด้วยเลยต้องระมัดระวัง แต่ RFA ไม่ได้มีงบเยอะขนาดนั้น บางช่องที่ไม่ได้ติ๊ก ก็เทสต์ใหม่ จนมันเวิร์ก เหมือนปรัชญาของ SpaceX ที่บอกว่าเขาไม่ได้ไปทำทุกอย่างให้มันเวิร์กก่อน คือมันไม่ต้องสร้างเป๊ะมาก แต่คือเทสต์ไปเรื่อยๆ จะได้รู้ว่าจุดไหนผิดถูกแล้วก็จะได้แก้จุดนั้น ถ้าคุณใช้เวลาในการดีไซน์มากเท่าไรมันไม่เห็นเป็นรูปธรรมสักที อย่าง COO ของบริษัทเขาจะพูดเสมอเลยว่าอย่า simulate อะไรที่สามารถทดสอบจริงได้เพราะทำเป็นพันชั่วโมงมันก็ให้คำตอบไม่ตรงเท่ากับการทดสอบจริง

 

ผมดีใจนะที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการส่งมอบเครื่องยนต์จรวดให้นำไปใช้ในการทดสอบ ถึงแม้จะล้มเหลวจากสาเหตุอื่นจนสูญเสียไป 9 เครื่องและตัวจรวด Stage 1 แต่นั่นถือเป็นก้าวแรกที่เราสามารถพยายามส่งมอบของที่มีความ reliable สูงในการนำไปใช้ซึ่งไม่ใช่แค่การขับเคลื่อนบริษัทเท่านั้นแต่คือขับเคลื่อนทั้งยุโรป เพราะว่าทั้งทวีปยุโรปมีแค่ไม่กี่บริษัทที่ทำได้ นี่คือความแตกต่างที่เราสร้างและ RFA จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับยุโรป

 

ในอนาคตเราจะทำจรวดที่มีแรงขับเคลื่อนเยอะกว่านี้ requirement ก็จะสูงกว่านี้ แรงดันก็จะสูงกว่านี้ ปีที่แล้วมันใกล้สำเร็จมากๆ แล้ว ก็ยังมีความหวังว่าจะได้เห็นมันได้ launch เป็นจรวดลำแรกจากพื้นดิน EU ปล่อยขึ้นที่พัฒนาโดยภาคเอกชนก่อนสิ้นปีนี้ อันนี้คือภารกิจที่อยากจะทำให้สำเร็จ

 

อาชว์ วัฒนธีรานุกูล วิศวกรไทยใน Rocket Factory Augsburg

 

มองอวกาศประเทศไทยอย่างไร

 

อาชว์: ผมคิดว่าคนไทยที่มีอำนาจในการให้งบประมาณอาจยังไม่เข้าใจ R&D มากพอ การที่อุตสาหกรรมหรือการวิจัยเติบโตได้คือต้องไม่หวังผลทุกรอบ มันไม่ได้ contribute to product ที่ทำเงินได้เอามาก่อน มันเป็นพื้นฐานในการต่อยอดขึ้นไปทำ application แล้วก็เป็น industry ต่อไปได้

 

ประเทศไทยเราต้องมี Heavy Industry ที่เป็นเจ้าของเป็น OEM เป็นผู้พัฒนา ยิ่งเราเริ่มช้าเรายิ่งตกขบวน ไม่ใช่ว่าคุณอยากพัฒนา product ที่เป็น end application แต่ว่าคุณไม่มี industry รองรับถามว่าถ้าเราไปซื้อของจีน ของอินเดียมาแบบนั้นได้ไหม ได้ แต่มันไม่คล่องตัวและไม่ยั่งยืนเท่าการที่จะมี Supplier ภายในประเทศ รวมถึงระบบการศึกษาที่ต้องยกระดับด้วยเพื่อให้เด็กไทยมี analytical mindset ที่สำคัญมากในการเรียนวิชา STEM

 

ผมพยายามเก็บประสบการณ์ทำงานจากต่างประเทศแล้วกลับมาสร้าง infrastructure ให้กับประเทศไทยด้าน space economy แน่นอน เรื่องจรวดผมรู้อยู่แล้วว่ามันทำไม่ได้ ก็คงต้องดูว่าเทคโนโลยีไหนที่มันทำเงินได้และเป็น expertise ของตัวเองด้วย แต่คงไม่ถึงกับแบบเป็น product ที่เป็นจรวดเป็นลำ ผมเป็นคนที่อยากต้องพัฒนาอะไรไปด้วยจริงๆ อาจจะกลับมาทำสตาร์ทอัพ supply chain ชิ้นส่วนด้านจรวดและสอนหนังสือไปด้วยก็เป็นไปได้ครับ ขึ้นอยู่กับการผลักดันจากทางภาครัฐเพราะผมก็ไม่สามารถจะช่วยประเทศชาติได้ถ้าต้องมาขาดทุนส่วนตัวในการพัฒนาประเทศ มันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ส่วนผมมีหน้าที่ใช้ความรู้ขับเคลื่อนสังคมตามกำลังที่มี

 

วิศวกรอวกาศถ้าสร้างจรวดได้แปลว่าสร้างอะไรก็ได้บนโลกใบนี้

 

อาชว์: ผมคิดว่าศาสตร์ของผมก็จะ Old School นิดหนึ่ง อย่างน้อยมันอาจจะมีสิ่งที่เหมือนกันคือพื้นฐานความรู้ในการทำและคิดแก้ไขปัญหาบางอย่างที่มันเหมือนกัน มันสามารถประยุกต์ใช้สร้างสิ่งต่างๆ ได้ วิศวกรถ้าให้นิยามก็ต้องเป็นคนที่เข้าใจ first principles คือหลักแก่นแท้ของศาสตร์แต่ละอันคือคุณเข้าใจตรงนี้แล้วคุณประยุกต์มาใช้ให้ถูกต้องนั่นคือวิศวะในการแก้ปัญหาซึ่ง Elon Musk เคยพูดเรื่องนี้บ่อยๆ

 

อยากฝากอะไรถึงน้องๆ หรือคนที่ไม่ได้ทำงานด้านนี้แต่สนใจด้านอวกาศ

 

ผมโชคดีมากๆ ที่ทางบ้านมีทุนพอที่จะส่งผมไปเรียนต่อที่อเมริกาโดยไม่ต้องไปดิ้นรนหาทุนเอาเอง จากจุดนั้นจนถึงวันนี้ผมค่อยเดินอีกครึ่งทางต่อมาด้วยตัวเอง สำหรับน้องๆ คนไทยหลายๆ คนผมรู้ว่ามันลำบากที่จะต้องเดินด้วยตัวเองทั้งทางตั้งแต่แรกจนจบ แต่มันเป็นไปได้ ผมไม่อยากจะดูแคลนการศึกษาประเทศไทยแต่ดูจาก ranking มหาวิทยาลัยแค่ภายในทวีปต้องยอมรับว่าเรายังล้าหลังอยู่มาก ผมสนับสนุนว่าถ้ามีโอกาสอยากจะให้ออกมาสัมผัสการศึกษาในประเทศที่ขึ้นชื่อในศาสตร์ที่ตัวเองสนใจ

 

สิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับชีวิตผมล้วนแล้วมาจากการที่ได้ท้าทาย comfort zone ตัวเอง การที่ได้ทำอะไรที่ตัวเองไม่ถนัดหรือคุ้นชินคือการที่ได้ผลักดันตัวเองไปในทางที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่แค่ในทางการงานแต่ในชีวิตประจำวันด้วย สำคัญที่สุดคืออย่านิ่งนอนใจว่าโอกาสมันจะตกใส่ตัวเอง มันไม่มีวันเกิดขึ้นถ้าเราไม่กระตือรือร้นไขว่คว้ามันเอง สำหรับน้องๆ ที่มี passion กับอะไรสักอย่าง อยากจะบอกให้ take action เพราะยิ่งรอนานยิ่งจะเฉื่อย การจะส่งอะไรไปดวงจันทร์ถ้าเล็งวงโคจรนั้นพลาดไปแค่องศาเดียวสุดท้ายจะคลาดเป้าหมายไปเกือบหมื่นกิโลเมตร ถ้าเรามีจุดมุ่งหมายแล้วก็ควรจะปรับโคจรตัวเองแต่เนิ่นๆ แล้วก็ปรับไปเรื่อยๆ ระหว่างทางด้วย ที่สุดแล้วต้องถามตัวเองลึกๆ ก่อนว่าจุดหมายของเราคืออะไรแล้วก็อย่าชะล่าใจในการวิ่งตามมัน

 

สุดท้ายอยากฝากมอตโตที่ผมชอบในภาษาละติน ซึ่งเป็นคติที่ผลักดันให้ผมกล้าหาหนทางเดินต่อไปได้คือ “Aut viam inveniam aut faciam” (I shall either find a way or make one) แปลว่า “ฉันจะหาทางให้ไปถึงจุดหมาย แต่ถ้าเส้นทางนั้นไม่มี ก็ต้องสร้างมันขึ้นมาเอง” 

The post จากฝันสู่ห้วงอวกาศ วิศวกรผู้สร้างจรวดคนไทยในเยอรมนี เอม-อาชว์ ปลื้มปัญญา appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุปข้อมูลการพบแสงประหลาดเหนือท้องฟ้าไทย มาจากเครื่องยนต์จรวดสหรัฐฯ-จีน https://thestandard.co/mysterious-lights-thailand-sky-us-china-rocket-engine/ Thu, 26 Dec 2024 02:18:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1023920 แสงประหลาด

ในช่วงหัวค่ำวันที่ 16 และ 21 ธันวาคม มีรายงานการพบเห็นแ […]

The post สรุปข้อมูลการพบแสงประหลาดเหนือท้องฟ้าไทย มาจากเครื่องยนต์จรวดสหรัฐฯ-จีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
แสงประหลาด

ในช่วงหัวค่ำวันที่ 16 และ 21 ธันวาคม มีรายงานการพบเห็นแสงประหลาดสีขาวพร่ามัวเหนือท้องฟ้าหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย นำไปสู่การตั้งคำถามถึงที่มาของแสงปริศนาดังกล่าว

 

จากการตรวจสอบข้อมูลผ่านภาพถ่ายและวิดีโอที่ปรากฏบนโซเชียลมีเดีย พบว่าเหตุการณ์ทั้งสองเป็นช่วงเวลาที่มีการเดินเครื่องยนต์ของจรวด โดยแสงดังกล่าวสะท้อนเข้ากับแสงจากดวงอาทิตย์ ส่งผลให้ผู้คนบนโลกสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้

 

สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม เกิดขึ้นเวลาประมาณ 19.00 น. เป็นแสงที่มีลักษณะคล้ายกับดาวหางสว่าง ปรากฏเคลื่อนที่ไปทางทิศเหนือ โดยจากการตรวจสอบข้อมูลการปล่อยจรวด พบว่าสอดคล้องกับภารกิจนำส่งดาวเทียมชุดแรกของเครือข่ายดาวเทียม SatNet Guowang โดยจรวด Long March 5B จากฐานปล่อยดาวเทียม Wenchang ของประเทศจีน

 

แม้เวลาการปล่อยจรวด Long March 5B เกิดขึ้นในช่วงเวลา 17.00 น. แต่จากการตรวจสอบ พบว่าภารกิจดังกล่าวใช้จรวดส่วนบน Yuanzheng-2 เพื่อนำพาดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรต่ำรอบโลก หรือ Low Earth Orbit ซึ่งใช้เวลาประมาณ 90 นาทีในการโคจรรอบโลกครบ 1 รอบ สอดคล้องกับช่วงเวลาที่พบเห็นแสงปริศนาดังกล่าวเหนือท้องฟ้าประเทศไทย

 

ด้านเหตุการณ์วันที่ 21 ธันวาคม เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 19.40 น. พบเห็นแสงสีขาวที่ถูกห้อมล้อมด้วยฝ้าอยู่รอบๆ คล้ายการเดินเครื่องยนต์ของจรวดเช่นเดียวกับวันที่ 16 ธันวาคม

 

จากการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม พบว่าบริษัท SpaceX นำส่งจรวด Falcon 9 ขึ้นบินในภารกิจ Bandwagon-2 สำหรับการนำส่งดาวเทียมจากหน่วยงานต่างๆ เข้าสู่วงโคจรต่ำรอบโลกเมื่อเวลา 18.34 น. โดยจรวดส่วนที่ 2 ของ Falcon 9 เดินเครื่องยนต์หลายครั้งหลังจากออกเดินทางขึ้นสู่วงโคจร เพื่อนำส่งดาวเทียมของลูกค้าเข้าสู่วงโคจรที่ต้องการ สอดคล้องกับช่วงเวลาและรูปร่างของแสงที่ปรากฏเหนือท้องฟ้าไทย

 

นอกจากนี้ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NARIT) สมาคมดาราศาสตร์ไทย และนักดาราศาสตร์สมัครเล่นที่ติดตามการนำส่งวัตถุขึ้นสู่วงโคจร รายงานสอดคล้องกันว่า แสงประหลาดที่มองเห็นในวันที่ 16 ธันวาคม มาจากจรวด Long March 5B ของจีน และในวันที่ 21 ธันวาคม มาจากจรวด Falcon 9 โดยไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น ฝนดาวตก ดาวหาง หรือดาวเคราะห์น้อยพุ่งใส่ชั้นบรรยากาศโลก

 

ทั้งนี้ การมองเห็นลำแสงจากเครื่องยนต์ของจรวดไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ โดยเฉพาะภารกิจที่มีการเดินเครื่องยนต์ในช่วงเวลาหัวค่ำ และมีวิถีโคจรผ่านน่านฟ้าของไทย อย่างเช่นเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม เมื่อจรวด Ariane 5 นำส่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ ก็มีรายงานการพบเห็นช่วงเวลาที่จรวดเดินเครื่องยนต์จากพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทยเช่นกัน

 

สำหรับในปี 2024 มีการนำส่งจรวดขึ้นสู่วงโคจรรวมทั้งสิ้น 255 เที่ยวบิน (สถิติ ณ วันที่ 25 ธันวาคม) นับเป็นศักราชที่นำส่งจรวดสำหรับภารกิจไปโคจรรอบโลกได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้มีโอกาสมองเห็นแสงจากเครื่องยนต์จรวดได้มากกว่าเดิม โดยจรวดส่วนที่ 2 เหล่านี้มักอยู่สูงมากกว่า 100 กิโลเมตรจากพื้นดิน และไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อผู้สังเกตจากพื้นโลก

 

ภาพ: NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

อ้างอิง:

The post สรุปข้อมูลการพบแสงประหลาดเหนือท้องฟ้าไทย มาจากเครื่องยนต์จรวดสหรัฐฯ-จีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
อิสราเอลชี้ ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดถล่มสนามฟุตบอลในที่ราบสูงโกลัน ทำเด็ก-วัยรุ่นเสียชีวิต 12 คน https://thestandard.co/hezbollah-golan-heights-attack/ Sun, 28 Jul 2024 09:17:04 +0000 https://thestandard.co/?p=964172 อิสราเอล

ทางการ อิสราเอล รายงานว่ามีเด็กและวัยรุ่นอย่างน้อย 12 ค […]

The post อิสราเอลชี้ ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดถล่มสนามฟุตบอลในที่ราบสูงโกลัน ทำเด็ก-วัยรุ่นเสียชีวิต 12 คน appeared first on THE STANDARD.

]]>
อิสราเอล

ทางการ อิสราเอล รายงานว่ามีเด็กและวัยรุ่นอย่างน้อย 12 คน เสียชีวิตจากเหตุจรวดหลายลูกโจมตีใส่สนามฟุตบอลภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในที่ราบสูงโกลัน ซึ่งเป็นพื้นที่ปกครองของอิสราเอล

 

เบื้องต้นอิสราเอลระบุว่าจรวดที่ยิงโจมตีใส่หมู่บ้านดังกล่าวมีประมาณ 30 ลูก โดยยิงข้ามมาจากเลบานอน และกล่าวหากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว ขณะที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นฝ่ายยิงจรวด

 

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ กองทัพอิสราเอลได้ส่งเครื่องบินรบปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในหลายจุด รวมถึงคลังอาวุธและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของฮิซบอลเลาะห์ แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ

 

โดยความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนเพิ่มมากขึ้น และมีการโจมตีข้ามพรมแดนเป็นระยะ นับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-กาซาปะทุขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ท่ามกลางความหวั่นวิตกว่าสถานการณ์อาจรุนแรงจนขยายเป็นสงครามอีกแนวรบของอิสราเอล

 

อิสราเอล อิสราเอล อิสราเอล

 

อ้างอิง:

The post อิสราเอลชี้ ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวดถล่มสนามฟุตบอลในที่ราบสูงโกลัน ทำเด็ก-วัยรุ่นเสียชีวิต 12 คน appeared first on THE STANDARD.

]]>
จรวดหลายลำกล้องนำวิถี DTI-1G ฝีมือคนไทย ทดสอบยิงเข้าเป้า ก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ https://thestandard.co/dti-1g-multi-barreled-guided-missile/ Tue, 04 Jun 2024 13:07:47 +0000 https://thestandard.co/?p=941204

สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ หรือ DTI แถลงว่าสถาบันฯ ปร […]

The post จรวดหลายลำกล้องนำวิถี DTI-1G ฝีมือคนไทย ทดสอบยิงเข้าเป้า ก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>

สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ หรือ DTI แถลงว่าสถาบันฯ ประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงจรวดหลายลำกล้องนำวิถี DTI-1G ที่ประเทศจีน ทั้งจากรถยิงที่ประกอบจากการจัดหาเทคโนโลยีจากจีน และรถยิงที่ผลิตในประเทศโดยอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ลูกจรวดเข้าเป้าทุกลูก ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของ DTI โดยในขั้นต่อไปคือการส่งมอบระบบจรวดหลายลำกล้องให้กับกองทัพบก ซึ่งถือว่าบรรลุเป้าหมายของโครงการที่ดำเนินการมาเป็นเวลากว่าสิบปี

 

จรวดหลายลำกล้อง หรือ Multiple Launch Rocket System (MLRS) เป็นอาวุธพื้นสู่พื้นที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ลักษณะของระบบจรวดหลายลำกล้องมุ่งหวังทำลายเป้าหมายเป็นพื้นที่ เนื่องจากจรวดจะมีความแม่นยำต่ำกว่าปืนใหญ่ แต่สามารถยิงได้ทีละหลายนัดให้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายที่กำหนด ต่อมาจึงมีการพัฒนาให้จรวดมีระบบนำวิถีเพื่อสร้างความแม่นยำให้มากขึ้น

 

 

ระบบจรวดหลายลำกล้องที่เราน่าจะคุ้นเคยกันก็เช่น M142 HIMARS และ M270 MLRS ของสหรัฐอเมริกาที่ปฏิบัติงานอยู่ในยูเครน เช่นเดียวกับ BM-21 Grad, BM-27 Uragan และ BM-30 Smerch ของรัสเซียที่ใช้ในยูเครนเช่นกัน ในอาเซียนนั้นมีหลายประเทศที่ใช้งานระบบจรวดหลายลำกล้อง เช่น เมียนมามีระบบจรวด SY-400, Type-81 และ Type-90 ที่ผลิตในจีน M-1991 ที่ผลิตในเกาหลีเหนือ หรือ MAM-01 และ MAM-02 ที่เมียนมาผลิตเอง สปป.ลาว และกัมพูชามี BM-21 และ Type-81 ใช้งาน เช่นเดียวกับเวียดนาม ส่วนมาเลเซียมี Astros ที่ผลิตในบราซิล ส่วนอินโดนีเซียใช้งาน Astros II ส่วนฟิลิปปินส์กำลังมีโครงการจัดหาจรวดหลายลำกล้องเข้าประจำการเช่นกัน

 

สำหรับประเทศไทย กองทัพบกไทยมีจรวดหลายลำกล้องรุ่นแรกเข้าประจำการคือ YW306 ซึ่งเป็นจรวดหลายลำกล้องขนาด 130 มม. ที่ติดตั้งบนยานเกราะ Type-85 ที่ผลิตในจีน ต่อมาภายหลังการปะทะกับกัมพูชาในกรณีพิพาทปราสาทพระวิหารซึ่งกัมพูชาใช้จรวด BM-21 ยิงต่อสู้กับปืนใหญ่ของไทย ทำให้กองทัพบกไทยนำบทเรียนในการรบมาจัดหาจรวดหลายลำกล้อง SR4 จากจีน ซึ่งใช้จรวดขนาด 122 มม. แบบเดียวกับ BM-21 เข้ามาใช้งาน

 

เช่นเดียวกันเมื่อกว่าสิบปีก่อน กองทัพบกมีความพยายามในการจัดหาจรวดหลายลำกล้องแบบใหม่เข้าประจำการ ซึ่งกระทรวงกลาโหมเห็นว่าจรวดเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญและควรจะผลิตได้เอง จึงกำหนดให้โครงการนี้เป็นโครงการยุทธศาสตร์ของประเทศ และจัดหาจรวดหลายลำกล้อง WS-1B จากจีน พร้อมร่างแผนแม่บทการพัฒนาจรวดเพื่อความมั่นคงเพื่อเป็นแผนที่นำทางให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีจรวดในประเทศไทย และจัดตั้งศูนย์วิจัยเทคโนโลยีจรวดขึ้น ซึ่งต่อมาได้ยกระดับเป็นสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศนั่นเอง

 

จึงกล่าวได้ว่าจรวดกลายลำกล้องเป็นต้นกำเนิดให้ประเทศไทยมีหน่วยวิจัยที่ทำหน้าที่วิจัยเทคโนโลยีป้องกันประเทศโดยเฉพาะ โดยนอกจากการจัดหาเทคโนโลยีการประกอบและผลิตจรวดหลายลำกล้อง WS-1B ขนาด 302 มม. ที่ถูกตั้งชื่อว่า DTI-1 แล้ว ยังมีการจัดสร้างสายการผลิตลูกจรวดที่นครสวรรค์และลพบุรี ซึ่งใช้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเป็นหนึ่งในสายการผลิตจรวดไม่กี่สายการผลิตในอาเซียนเพื่อรองรับการวิจัยหรือผลิตจรวดในอนาคต รวมถึงทำวิศวกรรมย้อนกลับเพื่อให้สามารถออกแบบ พัฒนา และผลิตจรวดหลายลำกล้องในประเทศไทยได้

 

แต่ทั้งนี้ ข้อจำกัดของจรวด WS-1B คือแม้จะมีระยะยิงที่ไกลคือ 180 กิโลเมตร แต่ยิงได้เพียงทีละ 4 นัด และมีความแม่นยำไม่มากนักเนื่องจากจรวดไม่นำวิถี ซึ่งการทำสงครามในปัจจุบันนั้นจะต้องระมัดระวังผลกระทบของสงครามต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน จึงทำให้เกิดแนวคิดการพัฒนาจรวดกลายลำกล้องนำวิถีขึ้น และนำมาสู่โครงการ DTI-1G ที่ทำการจัดหาเทคโนโลยีจรวดหลายลำกล้องนำวิถีจากจีน และจัดหาระบบควบคุมการยิงจากจีนมาติดตั้งเพื่อให้จรวดมีความแม่นยำ ซึ่งอย่างที่เราเห็นในการทดสอบที่สนามทดสอบในจีนก็คือการนำวิถีประสบความสำเร็จไปด้วยดี

 

นอกจากนั้น DTI ยังมีโครงการพัฒนาจรวด D11A ซึ่งเป็นการจัดหาเทคโนโลยีจรวด PULS จากอิสราเอลเช่นกัน โดยระบบจรวดแบบนี้จะมีข้อได้เปรียบคือสามารถใช้จรวดได้หลายขนาดบนแท่นยิงเดียวกัน รวมถึงยังพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตจรวดขนาด 122 มม. แบบ DTI-2 เพื่อใช้งานกับจรวด SR4 ของกองทัพบกด้วย

 

จรวดในลักษณะนี้แม้ว่าจะไม่ได้ง่ายที่จะพัฒนา แต่ก็ถือว่าไม่ได้ยากเกินกำลังของประเทศไทยนัก โดยเฉพาะไทยที่ใช้วิธีจัดหาหรือซื้อเทคโนโลยีการออกแบบและผลิตจรวดจากต่างประเทศเข้ามา ซึ่งเป็นทางลัดเพื่อไม่ต้องทำวิจัยใหม่ตั้งแต่ต้น และถ้าไทยสามารถออกแบบและผลิตได้เอง ก็ถือว่าจะเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านอาวุธจริงๆ จากการที่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยสามารถพัฒนาระบบอาวุธใช้งานได้

 

แต่แม้ว่างานการวิจัยและผลิตจรวดกลายลำกล้องที่ผ่านมาจะถือว่าประสบความสำเร็จ ก็ยังมีงานที่ต้องทำอีกมากในการทำให้ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการผลิตจริงๆ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีระบบนำวิถีที่ควรจะมีการวิจัยเทคโนโลยีนี้เพื่อให้ไทยมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง การพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตวัตถุดิบที่เป็นต้นกำเนิดของการผลิตจรวดให้สามารถผลิตได้ในประเทศหรือเพิ่มความหลากหลายของแหล่งที่มาของวัตถุดิบ และที่สำคัญก็คือการสนับสนุนจากภาครัฐหรือกองทัพในฐานะผู้ใช้ โดยเฉพาะในเมื่อประเทศไทยมีขีดความสามารถในการผลิตระบบอาวุธได้ในประเทศแล้ว กองทัพก็จำเป็นที่จะต้องสนับสนุนในการจัดหาเข้าประจำการ และควรจัดหาเข้าประจำการด้วยจำนวนที่มากพอที่จะคุ้มค่าในการผลิตและพัฒนา คือไม่ใช่จัดหาแค่เพียง 1-2 ระบบเท่านั้น แต่ควรพิจารณาจัดหาเข้ามาให้มากพอ และไม่ควรจัดหาจรวดหลายลำกล้องจากต่างประเทศเข้ามาอีกแล้ว เพราะไม่เช่นนั้นการลงทุนวิจัยและพัฒนาของไทยก็จะสูญเปล่าอย่างน่าเสียดาย

 

ซึ่งตรงนี้ก็เป็นโจทย์ของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมในการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศให้จริงจังและต่อเนื่องต่อไป

 

ภาพ: สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI)

The post จรวดหลายลำกล้องนำวิถี DTI-1G ฝีมือคนไทย ทดสอบยิงเข้าเป้า ก้าวสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
จรวด Delta IV Heavy ขึ้นบินเป็นครั้งสุดท้าย ปิดตำนาน 60 ปีตระกูลจรวด Delta https://thestandard.co/nrol-70-delta-iv-heavy/ Thu, 11 Apr 2024 05:45:28 +0000 https://thestandard.co/?p=921815 จรวด Delta

เมื่อเวลา 23.53 น. ของวันที่ 9 เมษายน ตามเวลาประเทศไทย […]

The post จรวด Delta IV Heavy ขึ้นบินเป็นครั้งสุดท้าย ปิดตำนาน 60 ปีตระกูลจรวด Delta appeared first on THE STANDARD.

]]>
จรวด Delta

เมื่อเวลา 23.53 น. ของวันที่ 9 เมษายน ตามเวลาประเทศไทย United Launch Alliance ปล่อยจรวด Delta IV Heavy ในภารกิจ NROL-70 เดินทางขึ้นจากฐานปล่อย 37 ของสถานีกองทัพอวกาศสหรัฐฯ แหลมคาเนเวอรัล ได้สำเร็จ

 

ภารกิจดังกล่าวนับเป็นการขึ้นบินครั้งสุดท้ายของจรวดตระกูล Delta ที่ถือเป็นส่วนสำคัญของโครงการสำรวจอวกาศสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มนำส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศเป็นครั้งแรกในปี 1960 ก่อนรับผิดชอบนำส่งยานอวกาศและภารกิจต่างๆ มาแล้วทั้งสิ้น 389 ครั้ง ตลอดช่วงเวลากว่า 64 ปีที่ผ่านมา

 

ภารกิจ NROL-70 เป็นการนำส่งดาวเทียมสอดแนมลับของ National Reconnaissance Office หรือ NRO ขึ้นสู่วงโคจร โดยนับเป็นการนำส่งดาวเทียมให้กับ NRO เป็นเที่ยวบินที่ 35 ของ ULA เพื่อสนับสนุนภารกิจความมั่นคงของประเทศ ทำให้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดวงโคจร มวล หรือแม้แต่การเผยแพร่ภาพของดาวเทียมดังกล่าว

 

โทนี บรูโน ซีอีโอของ ULA ระบุว่า “จรวดตระกูล Delta มีบทบาทสำคัญในวิวัฒนาการของภารกิจสำรวจอวกาศมาตั้งแต่ยุค 1960 ทำให้ภารกิจสุดท้ายของ Delta เป็นดั่งสัญญาณวิวัฒนาการของ ULA ไปสู่จรวดตระกูลใหม่อย่าง Vulcan ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม”

 

ก่อนหน้านี้ จรวด Delta IV Heavy เคยส่งยาน Orion เดินทางขึ้นสู่วงโคจรรอบโลก ในภารกิจ EFT-1 ซึ่งเป็นการทดสอบระบบยานอวกาศสำหรับภารกิจส่งมนุษย์กลับไปดวงจันทร์ เช่นเดียวกับยาน Parker Solar Probe ออกเดินทางไปสำรวจดวงอาทิตย์อย่างใกล้ชิด และภารกิจลับของกองทัพอวกาศสหรัฐฯ กับ NRO รวมทั้งสิ้น 16 เที่ยวบิน

 

ภาพ: ULA

อ้างอิง:

The post จรวด Delta IV Heavy ขึ้นบินเป็นครั้งสุดท้าย ปิดตำนาน 60 ปีตระกูลจรวด Delta appeared first on THE STANDARD.

]]>
SpaceX ล้มเหลวรอบ 2 ทดสอบปล่อยจรวดยักษ์ Starship สู่อวกาศ https://thestandard.co/spacex-starship-launched-test-flight/ Sun, 19 Nov 2023 06:20:10 +0000 https://thestandard.co/?p=867284 SpaceX

บริษัท SpaceX ของสหรัฐฯ ประสบความล้มเหลวอีกครั้งในการทด […]

The post SpaceX ล้มเหลวรอบ 2 ทดสอบปล่อยจรวดยักษ์ Starship สู่อวกาศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
SpaceX

บริษัท SpaceX ของสหรัฐฯ ประสบความล้มเหลวอีกครั้งในการทดสอบปล่อยจรวดบรรทุกยาน Starship ขึ้นสู่อวกาศ ในการทดสอบรอบที่ 2 วานนี้ (18 พฤศจิกายน) ที่ฐานปล่อยจรวด Starbase ของ SpaceX ใกล้เมืองโบคาชิกา ในรัฐเท็กซัส

 

โดยจรวด Starship ซึ่งเป็นจรวด Super Heavy แบบ 2 ขั้น (Two-Stage Rocketship) ความสูง 121 เมตร ประกอบด้วยส่วนเครื่องยนต์ Booster และส่วนของยานอวกาศ Starship ซึ่งพัฒนาขึ้นด้วยเป้าหมายนำส่งนักบินอวกาศไปยังดวงจันทร์หรือที่อื่นๆ ในอวกาศ

 

การทดสอบครั้งนี้ทำได้ดีกว่าการทดสอบครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนที่จบลงด้วยการระเบิด โดยเป้าหมายคือนำส่งยาน Starship สู่อวกาศ และควบคุมจรวดกลับสู่พื้นโลก ซึ่งส่วน Booster ของจรวดประสบความสำเร็จในการแยกตัวออกจากส่วนของยาน Starship แต่เกิดระเบิดเหนืออ่าวเม็กซิโกเพียงไม่นานหลังจากแยกตัว

 

ขณะเดียวกันยาน Starship ได้ทะยานขึ้นสู่อวกาศ แต่ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ทางทีมควบคุมแผนทดสอบปล่อยจรวดก็ประกาศว่าได้สูญเสียการติดต่อกับตัวยาน

 

ทั้งนี้ วิศวกรของ SpaceX เชื่อว่าคำสั่งยุติการบินอัตโนมัติถูกกระตุ้นให้ทำงานเพื่อทำลายจรวด แม้ว่าจะยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน

 

จากการตรวจสอบภาพจากกล้องตรวจสอบการทำงานของ Booster พบว่าเกิดการระเบิดขึ้น 1 ครั้ง ในช่วง 8 นาทีแรกของภารกิจทดสอบ ซึ่งขณะนั้นจรวดอยู่ที่ระดับความสูงเหนือพื้นดินราว 148 กิโลเมตร

 

ขณะที่การสืบสวนความล้มเหลวในการทดสอบจรวดจะมีขึ้นภายใต้การนำของ SpaceX ภายใต้การดูแลของสำนักงานการบินแห่งชาติ (Federal Aviation Administration: FAA) ของสหรัฐฯ ซึ่งหลังจากนี้ FAA จะต้องมีการตรวจสอบและอนุมัติแผนของ SpaceX เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความล้มเหลวในการทดสอบขึ้นอีก

 

ภาพ: REUTERS / Joe Skipper

อ้างอิง:

The post SpaceX ล้มเหลวรอบ 2 ทดสอบปล่อยจรวดยักษ์ Starship สู่อวกาศ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เซเลนสกีเดินทางพบซูนัค ด้านอังกฤษให้คำมั่น จะส่งอาวุธให้ยูเครนเพิ่มอีก https://thestandard.co/zelenskyy-travels-to-meet-sunak/ Tue, 16 May 2023 07:00:11 +0000 https://thestandard.co/?p=791121 Zelenskyy-Sunak

วานนี้ (15 พฤษภาคม) อังกฤษประกาศว่า ทางการจะส่งมิสไซล์ป […]

The post เซเลนสกีเดินทางพบซูนัค ด้านอังกฤษให้คำมั่น จะส่งอาวุธให้ยูเครนเพิ่มอีก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Zelenskyy-Sunak

วานนี้ (15 พฤษภาคม) อังกฤษประกาศว่า ทางการจะส่งมิสไซล์ป้องกันภัยทางอากาศหลายร้อยลูกและโดรนติดอาวุธอีกหลายร้อยลำให้กับยูเครน เพิ่มเติมจากที่ให้คำมั่นว่าจะส่งจรวดนำวิถีจากอากาศสู่พื้น Storm Shadow เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้จะส่งผลให้อังกฤษเป็นชาติที่ส่งอาวุธให้กับยูเครนมากที่สุดในโลก

 

โดยวานนี้ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ได้เดินทางถึงอังกฤษเพื่อเข้าพบนายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค หลังเพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนเยอรมนีในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้า โดยเซเลนสกียังคงมาในชุดเครื่องแบบทหารสีเขียวที่เป็นเอกลักษณ์ และสวมกอดกับผู้นำอังกฤษท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น

 

ผู้นำยูเครนได้พูดคุยกับซูนัคเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ณ สถานที่พักผ่อนของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงลอนดอน โดยเซเลนสกีกล่าวว่า ยูเครนและอังกฤษเป็น ‘พันธมิตรที่แท้จริง’ ขณะที่โฆษกของซูนัคกล่าวว่า บรรยากาศการหารือของทั้งคู่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นมิตร

 

สำหรับจรวดนำวิถีจากอากาศสู่พื้น Storm Shadow ซึ่งอังกฤษได้ให้สัญญาว่าจะส่งมอบให้ยูเครนก่อนหน้านี้ เป็นอาวุธที่สามารถทำลายฐานที่มั่นหรือจุดประจำการต่างๆ ที่ทหารรัสเซียปฏิบัติการอยู่ในยูเครนได้ ซึ่งหากยูเครนสามารถทำลายศูนย์บัญชาการ ตลอดจนศูนย์กลางโลจิสติกส์ และคลังกระสุนของรัสเซียที่อยู่ในดินแดนของตนเองได้ ก็จะทำให้การส่งกำลังเสริมไปยังแนวหน้าของรัสเซียกลายเป็นอัมพาต ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ยูเครนเคยทำสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่งในสมรภูมิเคอร์ซอนเมื่อปี 2022 และบีบให้รัสเซียต้องล่าถอยออกจากพื้นที่ดังกล่าว

 

ในการหารือระหว่างสองผู้นำ เซเลนสกียังคงย้ำชัดถึงจุดยืนเดิมว่า ชาติตะวันตกควรส่งเครื่องบินรบให้กับยูเครน เพื่อเป็นอาวุธสำคัญที่จะพลิกเกมในสมรภูมิรบกับรัสเซีย ซึ่งบัดนี้กินเวลายืดเยื้อมานานถึง 14 เดือนแล้ว แต่ถึงเช่นนั้นชาติตะวันตกและอังกฤษเองก็ยังคงบ่ายเบี่ยง โดยซูนัคกล่าวว่า การจัดส่งเครื่องบินรบไม่ใช่สิ่งที่จะ ‘สามารถทำได้อย่างตรงไปตรงมา’ แต่อังกฤษจะช่วยฝึกอบรมการบินขั้นต้นให้กับนักบินของยูเครนช่วงฤดูร้อนนี้ และจะพยายามประสานงานกับประเทศอื่นๆ เพื่อให้มีการจัดส่ง F-16 ให้กับยูเครน

 

ปัจจุบันฝ่ายของยูเครนได้เดินหน้าเตรียมการตอบโต้รัสเซียอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เซเลนสกีเปิดเผยกับสำนักข่าว BBC ว่า ยูเครนต้องการอาวุธเพิ่มอีกก่อนที่จะสามารถเปิดฉากการจู่โจมได้

 

อนึ่ง ประเด็นการจัดส่งเครื่องบินรบให้กับยูเครนนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนและมีความอ่อนไหวสูงสำหรับชาติพันธมิตร NATO โดยการฝึกอบรมให้ทหารยูเครนสามารถขับเครื่องบินรบของ NATO ได้นั้นใช้เวลานานหลายเดือน ขณะที่การขนส่งและการซ่อมบำรุงก็มีความยุ่งยาก บวกกับรันเวย์ของเครื่องบินที่จะต้องถูกปรับให้เหมาะสม 

 

และที่สำคัญที่สุดคือ NATO จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการจัดส่งอาวุธบางประเภทให้กับยูเครน เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตนเองต้องเข้าไปพัวพันในสงครามโดยตรง เพราะการจัดส่งเครื่องบินรบอาจถูกรัสเซียมองว่าเป็นการยั่วยุครั้งรุนแรงได้

 

ภาพ: Ukrainian Presidency / Handout / Anadolu Agency via Getty Images

อ้างอิง:

The post เซเลนสกีเดินทางพบซูนัค ด้านอังกฤษให้คำมั่น จะส่งอาวุธให้ยูเครนเพิ่มอีก appeared first on THE STANDARD.

]]>
รอก่อนนะดวงจันทร์! ‘จรวด Starship’ ของ SpaceX ระเบิดใน 4 นาทีหลังขึ้นบินทดสอบครั้งแรก ย้ำนี่ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นการเรียนรู้ https://thestandard.co/starship-spacex-explodes/ Fri, 21 Apr 2023 03:56:26 +0000 https://thestandard.co/?p=779353 จรวด Starship

ช่วงเวลาสั้นๆ ในเช้าวันพฤหัสบดี (20 เมษายน) SpaceX ของ […]

The post รอก่อนนะดวงจันทร์! ‘จรวด Starship’ ของ SpaceX ระเบิดใน 4 นาทีหลังขึ้นบินทดสอบครั้งแรก ย้ำนี่ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นการเรียนรู้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
จรวด Starship

ช่วงเวลาสั้นๆ ในเช้าวันพฤหัสบดี (20 เมษายน) SpaceX ของ อีลอน มัสก์ ทำให้โลกได้เห็นว่าอนาคตของการเดินทางในอวกาศจะเป็นอย่างไร เมื่อจรวด Starship ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่มืดครึ้มของเท็กซัส

 

การระเบิดของยานยักษ์เพียง 4 นาทีหลังจากปล่อยยาน แสดงให้เห็นว่ายังมีหนทางอีกยาวไกลแค่ไหนก่อนที่ความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ SpaceX (หรือมัสก์) ซึ่งก็คือการขนส่งผู้คนไปยังดวงจันทร์และที่ไกลออกไปอย่างดาวอังคารอาจจะเป็นจริง

 

วิศวกรของ SpaceX ยังคงแยกแยะสิ่งที่ผิดพลาดกับยานไร้คนขับ ในช่วงกลางของเครื่องยนต์ Raptor 2-3 เครื่อง จากทั้งหมด 33 เครื่องที่ดูเหมือนจะลุกเป็นไฟภายใน 3 นาทีหลังจากทะยานขึ้น ทว่าการบินสั้นๆ ทำให้เกิดข้อมูลมากมายสำหรับวิศวกรเพื่อทำความเข้าใจว่าจรวดนั้นทำงานอย่างไร

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

“ทุกความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ตลอดประวัติศาสตร์ล้วนต้องการความเสี่ยงในระดับหนึ่ง เพราะความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ย่อมมาพร้อมกับรางวัลอันยิ่งใหญ่” บิลล์ เนลสัน ผู้ดูแลระบบของ NASA ได้กล่าวยินดีกับ SpaceX ผ่าน Twitter

 

ด้าน แดเนียล ดัมบัคเคอร์ ผู้อำนวยการบริหารของสถาบันการบินและอวกาศแห่งอเมริกา และอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ NASA ได้ออกมากล่าวว่า “นี่มันไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นประสบการณ์การเรียนรู้อย่างหนึ่ง”

 

แม้ว่าการทดสอบจะสิ้นสุดลงก่อนกำหนด แต่ SpaceX ก็คว้าชัยชนะครั้งใหญ่มาได้ นี่เป็นครั้งแรกที่บูสเตอร์ ซึ่งเป็นถังเชื้อเพลิงทรงกระบอกขนาดใหญ่ที่บรรจุตัวขับดันที่จำเป็นต่อการหลุดพ้นจากแรงโน้มถ่วงของโลก สามารถบินขึ้นไปในอากาศได้จริงๆ และ SpaceX ยังคงรวบรวมข้อมูลที่มีค่าในการบิน ซึ่งจะสามารถนำไปใช้กับการบินทดสอบครั้งถัดไป

 

“ขอแสดงความยินดีกับทีม SpaceX ในการเปิดตัวการทดสอบที่น่าตื่นเต้น” อีลอน มัสก์ ในฐานะผู้ก่อตั้ง SpaceX กล่าวบน Twitter “เราได้เรียนรู้มากมายสำหรับการเปิดตัวการทดสอบครั้งต่อไปในอีกไม่กี่เดือน”

 

น้อยครั้งนักที่จรวดเชิงพาณิชย์จะประสบความสำเร็จในการบินอย่างเต็มที่ในระหว่างการเปิดตัวครั้งแรก และ SpaceX เองก็ประสบกับการสูญเสียจรวด Falcon 1 ถึง 3 ครั้ง ก่อนที่จะขึ้นสู่วงโคจรได้สำเร็จในความพยายามครั้งที่ 4 

 

แม้ครั้งนี้จะประสบความล้มเหลว SpaceX ก็ยังคงเป็นบริษัทที่โดดเด่นในการบินอวกาศทั่วโลก จรวดได้เดินทางสู่อวกาศไปแล้ว 25 ครั้งในปี 2023 โดยการปล่อยครั้งล่าสุดสำเร็จในวันพุธ (19 เมษายน)

 

อย่างไรก็ตาม ท่าทีดังกล่าวของมัสก์ทำให้หลายฝ่ายคาดว่า เจ้าตัวจะยังคงเดินหน้าทดลองปล่อยจรวด Starship ต่อไป เพื่อบรรลุเป้าหมายของ SpaceX ในการขนส่งมนุษย์อวกาศ ดาวเทียม และยานอวกาศสู่ห้วงอวกาศ รวมทั้งการสำรวจดวงจันทร์ตามโครงการขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA)

 

แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้นอาจใช้เวลาหลายปีและเงินหลายพันล้านดอลลาร์จึงจะสำเร็จ ซึ่งต้องอาศัยความก้าวหน้าทางวิศวกรรมที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน สิ่งที่ต้องจับตาคือ เป็นการยากที่จะประเมินว่า SpaceX ใช้เงินไปเท่าไรกับ Starship และอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกเท่าไรเพื่อเติมเต็มความทะเยอทะยานของมัสก์

 

อีกหนึ่งความท้าทายคือสำหรับเที่ยวบินที่มีลูกเรือ SpaceX จะต้องแสดงให้เห็นว่ายานอวกาศสามารถกลับมายังโลกได้เหมือนเดิมและลงจอดได้ ที่สำคัญยังคงต้องพัฒนาระบบช่วยชีวิตที่สามารถจัดหาออกซิเจน น้ำ และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ต้องการเพื่อความอยู่รอด ขณะเดียวกันบางทีความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการหาวิธีเติมเชื้อเพลิงให้กับ Starship ในอวกาศ

 

ยังไม่ชัดเจนว่าการใช้ Starship เพื่อลงจอดบนดวงจันทร์ในปี 2025 จะเป็นไปตามแผนเดิมอยู่ไหม เพราะ SpaceX ได้ผ่านกำหนดเส้นตายของ Starship มากมายในอดีต รวมถึงเที่ยวบินโดยสารเที่ยวแรกที่ควรจะมีขึ้นในช่วงต้นปีนี้ ทั้งที่นักท่องเที่ยวที่ร่ำรวยได้วางเงินมัดจำการเดินทางสำหรับท่องเที่ยวในอวกาศไว้แล้ว

 

ภาพ: Courtesy of SpaceX / Twitter

อ้างอิง:

The post รอก่อนนะดวงจันทร์! ‘จรวด Starship’ ของ SpaceX ระเบิดใน 4 นาทีหลังขึ้นบินทดสอบครั้งแรก ย้ำนี่ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นการเรียนรู้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
จรวดยักษ์ Starship ของ SpaceX ระเบิดระหว่างการทดสอบบิน https://thestandard.co/starship-explodes-during-test-flight/ Fri, 21 Apr 2023 02:06:03 +0000 https://thestandard.co/?p=779268 จรวด Starship

วานนี้ (20 เมษายน) จรวด Starship ของ SpaceX เกิดระเบิดข […]

The post จรวดยักษ์ Starship ของ SpaceX ระเบิดระหว่างการทดสอบบิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
จรวด Starship

วานนี้ (20 เมษายน) จรวด Starship ของ SpaceX เกิดระเบิดขึ้นเพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่ปล่อยออกจากฐานปล่อยจรวด Starbase ที่โบคาชิกา รัฐเท็กซัส ในภารกิจทดสอบบินแบบไร้มนุษย์ขึ้นไปบนยานด้วย ก่อนที่จรวดดังกล่าวจะตกลงบริเวณอ่าวเม็กซิโก

 

โดยในการทดสอบครั้งแรกนั้น จรวด Starship บินขึ้นจากฐานประมาณ 40 กิโลเมตร แต่หลังจากนั้นก็เกิดปัญหาเครื่องยนต์บางส่วนดับ รวมถึงปัญหาการแยกตัวของบูสเตอร์ Super Heavy กับตัวยานล้มเหลว ก่อนที่จรวดจะเริ่มเสียการควบคุมและเกิดระเบิดขึ้นในเวลาประมาณ 4 นาที หลังจากที่ปล่อยตัวจากฐาน

 

แต่ถึงเช่นนั้น ทาง SpaceX ถือว่าการทดสอบดังกล่าวได้บรรลุวัตถุประสงค์หลักในการปล่อยจรวดลำยักษ์ซึ่งมีความสูงเกือบ 120 เมตรขึ้นบิน ทำให้ทีมเจ้าหน้าที่สามารถเก็บข้อมูลเพื่อนำไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาระบบต่อไป โดยแผนการของ Starship นั้นคือการทะยานสู่ห้วงอวกาศเหนือโลกของเราอย่างน้อย 150 กิโลเมตร ก่อนที่ยานจะกลับมาสู่ชั้นบรรยากาศ และตกลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกใกล้กับฮาวาย

 

ด้าน อีลอน มัสก์ ได้แสดงความยินดีกับทีมงาน SpaceX ผ่านทางทวิตเตอร์ โดยกล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับทีมงาน SpaceX กับการทดสอบจรวด Starship ที่น่าตื่นเต้น เราได้เรียนรู้อะไรมากมายก่อนที่จะทำการทดสอบครั้งต่อไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า”

 

ขณะที่ บิล เนลสัน ผู้อำนวยการของ NASA ก็แสดงความยินดีกับ SpaceX ด้วยเช่นกัน โดยกล่าวว่า “ทุกความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของเรานั้น จะต้องมีความเสี่ยงที่ถูกคิดคำนวณมาเป็นอย่างดีแล้ว เพราะความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับรางวัลที่ยิ่งใหญ่”

 

สำหรับภารกิจที่เกิดขึ้นวานนี้ถือเป็นความพยายามครั้งที่ 2 หลังจากที่เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา SpaceX ต้องประกาศยกเลิกการปล่อยจรวด Starship เพียงไม่กี่นาทีก่อนกำหนดการ เนื่องจากพบปัญหาวาล์วแรงดันเย็นจัดจนแข็งตัว

 

ทั้งนี้ Starship เป็นจรวดที่จะถูกนำไปใช้ในภารกิจ Artemis III ซึ่งเป็นการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ที่จะพามนุษย์โลกขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์อีกครั้ง โดยคาดว่าภารกิจสำคัญนี้จะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในเดือนธันวาคม 2025

 

ภาพ: Joe Skipper / Reuters

อ้างอิง:

The post จรวดยักษ์ Starship ของ SpaceX ระเบิดระหว่างการทดสอบบิน appeared first on THE STANDARD.

]]>