ค่าเช่า – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 26 Nov 2024 13:35:32 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ตลาดคอนโดหรูเดือด! ‘SCOPE Langsuan’ ทุบสถิติค่าเช่าสูงสุดในกรุงเทพฯ 2,500 บาท/ตร.ม. สะท้อนศักยภาพ ‘หลังสวน’ แมนฮัตตันเมืองไทย https://thestandard.co/scope-langsuan-luxury-condo-record/ Tue, 26 Nov 2024 13:35:32 +0000 https://thestandard.co/?p=1013158 SCOPE Langsuan

ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักช […]

The post ตลาดคอนโดหรูเดือด! ‘SCOPE Langsuan’ ทุบสถิติค่าเช่าสูงสุดในกรุงเทพฯ 2,500 บาท/ตร.ม. สะท้อนศักยภาพ ‘หลังสวน’ แมนฮัตตันเมืองไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCOPE Langsuan

ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีในกรุงเทพฯ ล่าสุดวงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์สั่นสะเทือน เมื่อโครงการ ‘SCOPE Langsuan’ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการทำลายสถิติราคาปล่อยเช่าต่อตารางเมตรสูงสุดในกรุงเทพฯ ที่ 2,500 บาท สะท้อนถึงศักยภาพของทำเลหลังสวนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นแมนฮัตตันแห่งกรุงเทพฯ

 

ปรากฏการณ์นี้สอดรับกับรายงานล่าสุดของ Expat Insider 2024 โดย InterNations ที่จัดให้ไทยเป็นประเทศที่ชาวต่างชาติต้องการมาอยู่อาศัยและทำงานมากเป็นอันดับ 6 จาก 53 ประเทศทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงความน่าสนใจของตลาดอสังหาระดับพรีเมียมในไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติ

 

ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการสามารถทำราคาเช่าได้สูงสุดในตลาดเป็นผลมาจากทำเลศักยภาพบนถนนหลังสวน ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีราคาที่ดินแพงที่สุดในประเทศ และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ด้านชัชวาลย์ วัฒนะโชติ นักวิเคราะห์การลงทุนจากช่อง Kim Property Live วิเคราะห์ว่า ย่านหลังสวนถือเป็นทำเลที่มีความต้องการสูงสุดในใจกลางกรุงเทพฯ โดยเฉพาะโครงการที่เป็น Freehold ซึ่งเหลืออยู่น้อยมากในปัจจุบัน ประกอบกับการที่ประเทศไทยกำลังเป็นที่จับตาของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้มูลค่าอสังหาในย่านนี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด

 

ความโดดเด่นของโครงการยังอยู่ที่การเป็นที่ดิน Freehold ผืนท้ายๆ ในย่านหลังสวน ซึ่งถือเป็นทำเลที่มีมูลค่าสูงและหายากในกรุงเทพฯ ด้วยทำเลศักยภาพที่อยู่ห่างจาก BTS สถานีชิดลมเพียง 140 เมตร และสวนลุมพินี 900 เมตร พร้อมการเชื่อมต่อสะดวกทั้ง BTS และ MRT เข้าถึงย่านธุรกิจสำคัญ (CBD) ทั้งสุขุมวิท สีลม และสยาม

 

“ความต้องการที่อยู่อาศัยในย่านหลังสวนยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยข้อจำกัดด้านการพัฒนาที่ดินในย่านใจกลางเมืองที่หนาแน่น ประกอบกับที่ดินแบบ Freehold ที่เหลืออยู่น้อยมาก ทำให้โครงการได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ” ยงยุทธกล่าว พร้อมชี้ว่า ในช่วงที่ผ่านมามีกระแสความต้องการจากผู้ซื้อชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินในระยะยาว

 

ความต้องการของตลาดเปลี่ยน

 

ปัจจัยที่น่าสนใจอีกประการคือการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการอยู่อาศัยในยุคหลังโรคโควิด ที่ผู้อยู่อาศัยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากขึ้น ต้องการพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการที่โครงการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ถึง 2,500 ตารางเมตร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครอบคลุมทุกมิติของการใช้ชีวิต

 

ทั้งนี้ โครงการเหลือยูนิตให้เลือกเพียง 20% สุดท้าย แบ่งเป็นห้องขนาด 1 ห้องนอน 83 ตารางเมตร ราคา 44 ล้านบาท และ 2 ห้องนอน 154 ตารางเมตร ราคา 88 ล้านบาท โดยมี 4 ยูนิตที่มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished จากดีไซเนอร์ระดับโลก Thomas Juul-Hansen มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

 

การทำสถิติราคาเช่าสูงสุดครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงศักยภาพของโครงการ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของตลาดอสังหาระดับไฮเอนด์ในไทยที่กำลังได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในย่านใจกลางเมืองที่มีข้อจำกัดด้านที่ดิน ทำให้อุปทานของโครงการ Freehold มีจำกัด ในขณะที่อุปสงค์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

ปรากฏการณ์นี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาโครงการอสังหาในอนาคต ที่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และการให้บริการที่ครบวงจร มากกว่าการแข่งขันด้านราคาเพียงอย่างเดียว

The post ตลาดคอนโดหรูเดือด! ‘SCOPE Langsuan’ ทุบสถิติค่าเช่าสูงสุดในกรุงเทพฯ 2,500 บาท/ตร.ม. สะท้อนศักยภาพ ‘หลังสวน’ แมนฮัตตันเมืองไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ERW – ตลาดกังวลเกี่ยวกับค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นมากเกินไป https://thestandard.co/erw-market-concerned-rising-lease-costs/ Fri, 12 Jul 2024 07:36:47 +0000 https://thestandard.co/?p=956888

เกิดอะไรขึ้น:   เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา หน […]

The post ERW – ตลาดกังวลเกี่ยวกับค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นมากเกินไป appeared first on THE STANDARD.

]]>

เกิดอะไรขึ้น:

 

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ทันหุ้นรายงานว่า กระทรวงการคลังโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้มอบหมายให้บริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด (100% ถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง) หาแนวทางในการบริหารสินทรัพย์คือที่ดินโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาต่อสัญญาเช่าให้เกิดความคุ้มค่า

 

รายละเอียดการเช่าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ถือหุ้นโดย ERW สัดส่วน 73.64% และบริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด สัดส่วน 26.36% (เป็นเจ้าของที่ดินและอาคารโรงแรม) ERW เป็นผู้เช่าเพื่อดำเนินกิจการโรงแรม โดยโรงแรมนี้เป็นโรงแรมหลัก คิดเป็น 15-20% ของรายได้ ERW

 

สัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี สิ้นสุดลงในเดือนกรกฎาคม 2564 และ ERW มีสิทธิต่อสัญญาเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปได้อีก 20 ปี สัญญาระยะยาว 20 ปียังอยู่ในระหว่างการเจรจา ซึ่งในระหว่างนี้ ERW ได้ทำการต่อสัญญาเช่าลักษณะปีต่อปี

 

ข่าวนี้ทำให้ตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับค่าเช่าที่มีแนวโน้มปรับขึ้นหลังจากต่อสัญญา อย่างไรก็ดี InnovestX Research เชื่อว่าการขึ้นค่าเช่าสะท้อนในการดำเนินงานของโรงแรมไปแล้ว เมื่ออิงกับที่ได้ประเมิน ค่าเช่ารายปีในปัจจุบันของโรงแรมดังกล่าวอยู่ที่ ~100 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าจำนวน ~14 ล้านบาท ในปี 2564 (ปีสุดท้ายของสัญญาเช่าระยะยาว 30 ปี) ค่อนข้างมากแล้ว การต่อสัญญาเช่ามีแนวโน้มจะทำให้ค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้น

 

แต่การวิเคราะห์ความอ่อนไหวบ่งชี้ว่าค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น 10% จะสามารถชดเชยได้ด้วยการปรับ ARR ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 1% ซึ่งมองว่าสามารถทำได้ เพราะอัตราการเข้าพักของโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ อยู่ในระดับสูงที่ ~80% ในปี 2566 และสามารถปรับ ARR เพิ่มขึ้นได้ผ่านการปรับปรุงห้องพัก

 

กระทบอย่างไร:

 

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ราคาหุ้น ERW ปรับลง 2.79% สู่ระดับ 4.18 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 0.25% สู่ระดับ 1,323.28 จุด

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:

 

InnovestX Research คาดการณ์กำไรปกติ 2Q67 ของ ERW ที่ 142 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%YoY แต่ลดลง 51%QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญคือกลุ่มโรงแรม 3-5 ดาว ซึ่งได้ประเมินว่า RevPAR จะเติบโต 5%YoY (แต่ลดลง 14%QoQ) โดยได้รับการสนับสนุนจาก ARR ที่เพิ่มขึ้น 6%YoY (แต่ลดลง 9%QoQ) และอัตราการเข้าพักที่แข็งแกร่งที่ 80% สำหรับปี 2567 ยังคงประมาณการกำไรปกติไว้ที่ 873 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 17%YoY)

 

กลยุทธ์การลงทุน:

 

ให้คำแนะนำ Tactical Call ระยะ 3 เดือน สำหรับ ERW ที่ OUTPERFORM ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2567 ที่ 6.20 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้น ERW ปรับตัวลดลง 3% เมื่อวานนี้ (11 กรกฎาคม) โดยซื้อขายที่ PE ปี 2567 ระดับ 23 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต (38 เท่า) และค่า Median ของหุ้นกลุ่มโรงแรม (31 เท่า)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการเดินทาง, ความไม่แน่นอนทางการเมือง และต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร ความเสี่ยง ESG คือการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ (E)

The post ERW – ตลาดกังวลเกี่ยวกับค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นมากเกินไป appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ค่าเช่าที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ พุ่งขึ้น 18.1% จากปีก่อน | THE STANDARD WEALTH https://thestandard.co/morning-wealth-08062024/ Sat, 08 Jun 2024 02:00:21 +0000 https://thestandard.co/?p=942528

JLL ชี้ ค่าเช่าที่อยู่อาศัยของตลาดกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอ […]

The post ชมคลิป: ค่าเช่าที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ พุ่งขึ้น 18.1% จากปีก่อน | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>

JLL ชี้ ค่าเช่าที่อยู่อาศัยของตลาดกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เช่น โฮจิมินห์, จาการ์ตา กรุงเทพฯ และมะนิลา มีการเติบโตที่โดดเด่น โดยค่าเช่าที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ พุ่งขึ้น 18.1% จากปีก่อน ติดตามได้ใน Highlight นี้

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: ค่าเช่าที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ พุ่งขึ้น 18.1% จากปีก่อน | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
ค่าเช่าที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ พุ่งขึ้น 18.1% จากปีก่อน ด้วยค่าเช่าเฉลี่ย 8,300 บาทต่อตารางเมตรต่อปี https://thestandard.co/bangkok-rental-prices-surge-18-percent/ Sat, 01 Jun 2024 06:59:35 +0000 https://thestandard.co/?p=940160

จากรายงานฉบับล่าสุดของ JLL ซึ่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับที่ […]

The post ค่าเช่าที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ พุ่งขึ้น 18.1% จากปีก่อน ด้วยค่าเช่าเฉลี่ย 8,300 บาทต่อตารางเมตรต่อปี appeared first on THE STANDARD.

]]>

จากรายงานฉบับล่าสุดของ JLL ซึ่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยในกลุ่มประเทศเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งรวมทั้งในประเทศไทย 

 

Roddy Allan Asia-Pacific Chief Research Officer ของ JLL กล่าวว่า “ในระยะยาวเรายังคงมองตลาดที่มีชื่อเสียงมายาวนานอย่างฮ่องกงในเชิงบวก แต่หลักๆ เราเห็นการเติบโตของค่าเช่าที่โดดเด่นกว่าในตลาดกำลังพัฒนาของภูมิภาค เช่น โฮจิมินห์ จาการ์ตา กรุงเทพฯ และมะนิลา”

 

สำหรับกรุงเทพฯ อัตราการเติบโตของค่าเช่าที่อยู่อาศัยในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 18.1% โดยราคาค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8,300 บาทต่อตารางเมตรต่อปี

 

“ความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นสูงมาก ส่วนใหญ่การเพิ่มขึ้นของค่าเช่าเกิดขึ้นจากตลาดคอนโดมิเนียมหรู แต่โดยรวมแล้ว ความต้องการเช่าอพาร์ตเมนต์พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากสภาพแวดล้อมของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การกลับมาของการท่องเที่ยว และชาวต่างชาติที่เดินทางกลับมาทำงานในกรุงเทพฯ” Allan กล่าวกับ CNBC

 

นอกจากนี้ รายงานยังระบุอีกว่า ราคาขายที่พุ่งสูงขึ้น หนี้ครัวเรือน และอัตราดอกเบี้ยที่แข็งค่า เป็นปัจจัยกระตุ้นความต้องการเช่า ภายในสิ้นปี 2567 คาดว่าจะมีการเพิ่มยูนิตทั้งหมด 2,800 ยูนิต จาก 12 โครงการเข้าสู่ตลาดกรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าจะส่งเสริมการเติบโตของค่าเช่าให้สูงขึ้นไปอีก

 

ทั้งนี้ หากเทียบกับเมืองหลักๆ ของประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่

 

  • โฮจิมินห์ของเวียดนาม ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 5.9% อัตราค่าเช่าเฉลี่ย 4,400 บาทต่อตารางเมตรต่อปี
  • จาการ์ตาของอินโดนีเซีย ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 4.8% อัตราค่าเช่าเฉลี่ย 7,350 บาทต่อตารางเมตรต่อปี
  • มะนิลาของฟิลิปปินส์ ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 0.8% อัตราค่าเช่าเฉลี่ย 6,300 บาทต่อตารางเมตรต่อปี

 

อ้างอิง:

The post ค่าเช่าที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ พุ่งขึ้น 18.1% จากปีก่อน ด้วยค่าเช่าเฉลี่ย 8,300 บาทต่อตารางเมตรต่อปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
แก้ปัญหาแบบสมัยใหม่! นักศึกษาแคนาดายอมนั่งเครื่องบินไป-กลับสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อประหยัดค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ที่แพงเหลือเกินในแวนคูเวอร์ https://thestandard.co/canadian-students-fly-to-study/ Fri, 23 Feb 2024 03:36:18 +0000 https://thestandard.co/?p=903362

ทิม เชน นักศึกษามหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย (UBC) กลายเป […]

The post แก้ปัญหาแบบสมัยใหม่! นักศึกษาแคนาดายอมนั่งเครื่องบินไป-กลับสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อประหยัดค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ที่แพงเหลือเกินในแวนคูเวอร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ทิม เชน นักศึกษามหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย (UBC) กลายเป็นไวรัลหลังออกมาเปิดเผยเคล็ดลับประหยัดเงินว่า เขาเลือกจะบินไป-กลับระหว่างเมืองคาลการี บ้านเกิด และเมืองแวนคูเวอร์ ที่ตั้งของมหาวิทยาลัย สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อประหยัดค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ที่แพงเหลือเกิน

 

โดยปกติแล้วเชนมีตารางเรียนเพียง 2 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น การเดินทางด้วยเครื่องบินมีค่าใช้จ่ายเที่ยวละประมาณ 150 ดอลลาร์แคนาดา (ราว 3,900 บาท) รวมไป-กลับตกราว 1,200 ดอลลาร์แคนาดาต่อเดือน (ราว 39,000 บาท) แต่ถ้าเช่าอพาร์ตเมนต์แบบหนึ่งห้องนอนในเมืองแวนคูเวอร์จะแพงประมาณ 2,100 ดอลลาร์แคนาดาต่อเดือนเลยทีเดียว (ราว 69,000 บาท)

 

เรื่องราวถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ Reddit โดยเชนเล่าว่า “อย่างที่บอก ผมเรียนที่ UBC แต่บ้านอยู่คาลการีครับ ผมต้องไปมหาลัยแค่ 2 วันต่อสัปดาห์ (วันอังคารและวันพฤหัสบดี) ตอนเช้าจะบินไปแวนคูเวอร์ และบินกลับบ้านตอนกลางคืน ช่วงนี้บินกับ Air Canada ตลอด และเดือนมกราคมที่ผ่านมาก็บินไป-กลับแบบนี้ 7 รอบแล้ว ประหยัดค่าเช่ามากเพราะไม่ต้องเช่าที่พักในคาลการี (อยู่กับพ่อแม่) แค่ช่วยออกค่าสาธารณูปโภคบ้างเล็กน้อย และยังถูกกว่าเช่าอพาร์ตเมนต์ห้องนอนเดียวในแวนคูเวอร์เยอะเลย”

 

หลังจากที่โพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป มีผู้วิพากษ์วิจารณ์หลากหลาย บ้างก็ชื่นชมว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์ แต่หลายคนมองว่าการเดินทางโดยเครื่องบินบ่อยๆ นั้นค่อนข้างลำบากและเสียเวลา

 

มีผู้แสดงความคิดเห็นว่า “เดินทางวันละชั่วโมงไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่ต้องไปที่สนามบินบ่อยๆ คงน่ารำคาญน่าดู แถมตารางเวลาน่าจะยืดหยุ่นไม่ได้เท่าไรเลย ถ้าพลาดเที่ยวบินขึ้นมานี่คงปวดหัวน่าดู”

 

ขณะที่บางความเห็นบอกว่า “ปัญหาสมัยใหม่ย่อมต้องมีวิธีแก้แบบสมัยใหม่!”

 

ความเห็นอื่นๆ เช่น “ลองคิดดูว่าเด็กคนนี้ได้สะสมไมล์บินไปเท่าไรแล้ว อีกหน่อยถ้าไมล์เยอะๆ คงได้ใช้เวลาอยู่ตามเลานจ์ของสายการบิน ได้บินฟรี แถมได้อัปเกรดเป็น Business Class แน่ๆ” หรือ “เอาจริงๆ ก็พอทำได้นะ ไหนจะค่าเช่า ค่าอาหาร และค่าอื่นๆ ที่ต้องจ่ายในแวนคูเวอร์ แถมช่วงนี้น่าจะมีตั๋วเครื่องบินโปรโมชันเยอะ”

 

ปัญหาราคาที่พักอาศัยในเมืองแวนคูเวอร์แพงยับ จนมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย (UBC) ต้องออกมายอมรับถึงเรื่องดังกล่าว 

 

แอนดรูว์ พาร์ รองประธานฝ่ายที่พักนักศึกษาและบริการชุมชนของ UBC กล่าวว่า เขาเข้าใจหัวอกของนักศึกษาที่ต้องเผชิญกับวิกฤตที่พักอาศัยราคาสูงลิ่ว โดยระบุว่านี่เป็นแรงขับเคลื่อนให้ทางมหาวิทยาลัยกำลังหาทางสร้างที่พักที่มีราคาต่ำกว่าท้องตลาด

 

“เรารับทราบว่าการหาที่พักราคาจับต้องได้ในเมืองแวนคูเวอร์และเมืองเคโลว์นานั้นเป็นเรื่องท้าทายสำหรับนักศึกษาของเราบางส่วน รวมถึงผู้ที่ต้องเช่าบ้านในเมืองเหล่านี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองแวนคูเวอร์” พาร์ให้สัมภาษณ์กับ Daily Hive

 

ภายในเขตพื้นที่มหาวิทยาลัยมีหอพักบริการราว 13,505 เตียงสำหรับนักศึกษา ซึ่งมีราคาถูกกว่าการเช่าห้องนอกมหาวิทยาลัยเล็กน้อย นอกจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยยังมีแผนจะสร้างที่พักเพิ่ม รวมถึงพิจารณาสร้างที่พักอาศัยสำหรับนักศึกษาปริญญาโทด้วย

 

แต่แม้จะเป็นหอพักนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเอง ก็ยังไม่ได้รับการยกเว้นจากปัญหาค่าเช่าที่พุ่งสูงขึ้น นักศึกษามากมายที่พักอาศัยในหอพักได้รับอีเมลแจ้งว่าค่าเช่าจะปรับสูงขึ้น 5-6% ในภาคการศึกษานี้ ซึ่งสูงกว่าอัตรา 3.5% ที่ทางรัฐกำหนดไว้สำหรับการเช่าที่พักอาศัยปกติ สร้างความไม่พอใจให้แก่นักศึกษาจำนวนมาก

 

อ้างอิง:

The post แก้ปัญหาแบบสมัยใหม่! นักศึกษาแคนาดายอมนั่งเครื่องบินไป-กลับสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อประหยัดค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ที่แพงเหลือเกินในแวนคูเวอร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Fifth Avenue ที่มหานครนิวยอร์ก ยังคงเป็นถนนช้อปปิ้งที่มีค่าเช่าแพงที่สุดในโลก https://thestandard.co/fifth-avenue-highest-rent-in-the-world/ Sun, 26 Nov 2023 02:42:25 +0000 https://thestandard.co/?p=869881 Fifth Avenue

Fifth Avenue ถนนที่คราคร่ำไปด้วยแบรนด์สินค้าระดับไฮเอนด […]

The post Fifth Avenue ที่มหานครนิวยอร์ก ยังคงเป็นถนนช้อปปิ้งที่มีค่าเช่าแพงที่สุดในโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Fifth Avenue

Fifth Avenue ถนนที่คราคร่ำไปด้วยแบรนด์สินค้าระดับไฮเอนด์แห่งมหานครนิวยอร์ก ยังคงครองตำแหน่งแหล่งช้อปปิ้งที่มีค่าเช่าแพงที่สุดในโลก

 

จากการศึกษาของ Cushman & Wakefield พบว่า Fifth Avenue ยังคงครองตำแหน่งถนนช้อปปิ้งที่แพงที่สุดในโลกดังเดิม ตามมาด้วยย่าน Via Monte Napoleone หรือช้อปปิ้งสตรีทแห่งกรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ที่ขยับขึ้นมาจากอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้ว ด้วยยอดค่าเช่าร้านรีเทลที่สูงขึ้นถึง 20% ภายในปีเดียว ซึ่งนับเป็นราคา 18,000 ยูโร หรือราว 690,000 บาทต่อ 1 ตารางเมตร ในขณะที่ Tsim Sha Tsui Street ที่ฮ่องกง มีอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นเพียง 4% จากปี 2022 และลดลง 39% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนยุคโควิด

 

นอกจากการเปลี่ยนแปลงอันดับเพียงเล็กน้อยข้างต้นแล้ว ถนนช้อปปิ้งที่มีราคาแพงที่สุดในโลกในอันดับ Top 10 ก็ไม่ได้มีการขยับเขยื้อนใด โดยอันดับ 4 ยังคงตกเป็นของ New Bond Street ของกรุงลอนดอน ส่วนอันดับที่ 5 ก็คือถนน Champs-Élysées ที่ปารีส ที่มีค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 11,414 ยูโร หรือราว 438,000 บาทต่อ 1 ตารางเมตร

 

นอกจากนั้นยังมีถนนอื่นๆ ที่น่าจับตามอง เช่น Istiklal Avenue ของอิสตันบูล ประเทศตุรกี ที่ขยับอย่างก้าวกระโดดจากอันดับ 31 มาสู่อันดับที่ 20 ในปี 2023 ในขณะที่ Biblioteksgatan ถนนใจกลางกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ตกอันดับลงมาเล็กน้อยด้วยปัญหาค่าเงินภายในประเทศ ซึ่งถ้าหากโฟกัสไปที่ยุโรปเพียงแห่งเดียว จะพบว่าประเทศฝรั่งเศสได้ครองตำแหน่งถนนช้อปปิ้งที่แพงที่สุดในอันดับ Top 10 ไปกว่าครึ่งหนึ่ง โดยเป็นผลพวงมาจากความคึกคักในวงการลักชัวรีแห่งฝรั่งเศส ก่อนถึงช่วงงานโอลิมปิก ปารีส 2024 นั่นเอง

 

ภาพ: Tiffany & Co.

อ้างอิง:

The post Fifth Avenue ที่มหานครนิวยอร์ก ยังคงเป็นถนนช้อปปิ้งที่มีค่าเช่าแพงที่สุดในโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘McKinsey’ เตือน Work From Home ฉุดมูลค่าออฟฟิศทั่วโลก คาดราคาสำนักงานลดลงถึง 8 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2030 https://thestandard.co/mckinsey-remote-work-impact-real-estate/ Fri, 14 Jul 2023 03:50:32 +0000 https://thestandard.co/?p=817082 McKinsey Global Institute

รายงานฉบับใหม่ของ McKinsey Global Institute พบว่า กระแส […]

The post ‘McKinsey’ เตือน Work From Home ฉุดมูลค่าออฟฟิศทั่วโลก คาดราคาสำนักงานลดลงถึง 8 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2030 appeared first on THE STANDARD.

]]>
McKinsey Global Institute

รายงานฉบับใหม่ของ McKinsey Global Institute พบว่า กระแสการทำงานทางไกล หรือ Work From Home จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าอาคารสำนักงานในเมืองใหญ่ทั่วโลกถึง 8 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 เนื่องจากกระแสที่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศนั้น ทำให้อัตราว่างในสำนักงานสูงขึ้น จนผู้บริหารสำนักงานให้เช่าทั้งหลายจำเป็นต้องปรับลดค่าเช่าลงเพื่อดึงดูดให้คนหันมาเช่าสำนักงาน  

 

ทั้งนี้ รายงานของ McKinsey Global Institute พบว่า สัดส่วนการเข้าทำงานในออฟฟิศเฉลี่ยต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานในช่วงก่อนโควิดระบาดถึง 30% และมีเพียง 37% ของพนักงานที่เข้าออฟฟิศทุกวัน ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการทำงานในโลกอนาคตกำลังทำร้ายมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งเป็นตลาดที่อยู่ภายใต้ความตึงเครียดจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นอยู่แล้วในขณะนี้ 

 

เมื่อเดือนที่แล้ว HSBC ได้ประกาศแผนการลดขนาดสำนักงานใหญ่ทั่วโลกลงครึ่งหนึ่ง โดยเลิกเช่าอาคารสูงตระหง่านในย่านธุรกิจ Canary Wharf ของลอนดอน เพื่อเปลี่ยนเป็นอาคารขนาดเล็กกว่าที่อยู่ใกล้กับใจกลางเมือง

 

รายงานของ McKinsey ระบุว่า การทำงานแบบไฮบริดจะเป็นเทรนด์การทำงานใหม่ของโลกการทำงานในอนาคต และอสังหาริมทรัพย์ในเขตเมืองของเมืองใหญ่ทั่วโลก เช่น ปักกิ่ง, ฮิวสตัน, ลอนดอน, นิวยอร์ก, ปารีส, มิวนิก, ซานฟรานซิสโก, เซี่ยงไฮ้ และโตเกียว กำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก และความท้าทายเหล่านั้นอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางการเงินของเมือง ซึ่งหลายแห่งกำลังเผชิญกับปัญหาการไร้ที่อยู่อาศัย ความต้องการด้านการขนส่ง และปัญหาเร่งด่วนอื่นๆ

 

บริษัทที่ปรึกษารายนี้ได้ประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดจากความต้องการใช้ออฟฟิศทั่วโลกที่ลดลงว่า จะอยู่ที่ราว 8 แสนล้านดอลลาร์ หรือลดลงประมาณ 26% เมื่อเทียบกับมูลค่าก่อนโควิดระบาดในปี 2019 ซึ่งในกรณีที่สถานการณ์การทำงานทางไกลได้รับการยอมรับมากขึ้น McKinsey ประเมินว่ามูลค่าของพื้นที่สำนักงานอาจลดลงมากถึง 42%

 

McKinsey ย้ำว่า ผลกระทบต่อมูลค่าสำนักงานอาจรุนแรงยิ่งขึ้นหากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นทบต้น ในทำนองเดียวกัน ผลกระทบอาจรุนแรงขึ้นหากสถาบันการเงินที่มีปัญหา ตัดสินใจลดราคาทรัพย์สินที่ทางสถาบันการเงินเป็นผู้จัดหาเงินทุนหรือเป็นเจ้าของให้เร็วขึ้น

 

รายงานยังพบว่า มีความกังวลว่าการชะลอตัวของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์อาจทำให้บรรดาธนาคารขาดทุน ซึ่งเป็นเงินทุนสำหรับข้อตกลงของอุตสาหกรรมจำนวนมาก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่การให้สินเชื่อส่วนใหญ่มาจากธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งเงื่อนไขการให้สินเชื่อได้เริ่มมีความเข้มงวดขึ้นแล้ว

 

ยิ่งไปกว่านั้น ความต้องการพื้นที่สำนักงานที่ลดลงทำให้เจ้าของสามารถเก็บค่าเช่าได้ลดลง โดยเมืองต่างๆ ในสหรัฐอเมริกากำลังประสบปัญหาการลดลงอย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่ง McKinsey พบว่า เมื่อปีที่แล้วในซานฟรานซิสโกและนิวยอร์กมีค่าเช่าลดลง 28% และ 22% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2019

 

แม้ว่าอัตราที่ผู้คนย้ายออกจากเมืองได้กลับสู่แนวโน้มที่ลดลง แต่ McKinsey ชี้ว่า ‘คนที่จากไปไม่กี่คนจะกลับมา’ ทำให้ ‘แหล่งช้อปปิ้งในเมืองจะไม่สามารถฟื้นตัวเต็มที่’ ก่อนอ้างอิงถึงตัวเลขจำนวนคนเดินเท้าใกล้ร้านค้าในเขตเมืองที่ยังคงต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาด 10-20% ซึ่งส่วนหนึ่งได้แรงหนุนจากการเติบโตของการช้อปปิ้งออนไลน์

 

McKinsey แนะว่า เมืองต่างๆ สามารถปรับตัวให้เข้ากับความต้องการพื้นที่สำนักงานที่ลดลงได้ด้วยการ ‘ใช้วิธีแบบผสมผสาน’ คือการพัฒนาสำนักงานแบบอเนกประสงค์และพื้นที่ค้าปลีก และสร้างอาคารที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่ายเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน

 

อ้างอิง: 

The post ‘McKinsey’ เตือน Work From Home ฉุดมูลค่าออฟฟิศทั่วโลก คาดราคาสำนักงานลดลงถึง 8 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2030 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย! หวั่น อีลอน มัสก์ เบี้ยวจ่ายค่าเช่าสำนักงาน Twitter ทั่วโลก ทำเครดิตสินเชื่ออสังหา Goldman Sachs ดิ่ง https://thestandard.co/fears-elon-musk-defrauds-twitter-office-rent/ Mon, 12 Jun 2023 02:57:34 +0000 https://thestandard.co/?p=801917 ค่าเช่า สำนักงาน twitter

Goldman Sachs ธนาคารชั้นนำระดับโลก ได้รับผลกระทบจากการค […]

The post ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย! หวั่น อีลอน มัสก์ เบี้ยวจ่ายค่าเช่าสำนักงาน Twitter ทั่วโลก ทำเครดิตสินเชื่ออสังหา Goldman Sachs ดิ่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ค่าเช่า สำนักงาน twitter

Goldman Sachs ธนาคารชั้นนำระดับโลก ได้รับผลกระทบจากการค้างชำระสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ในไตรมาสแรกปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ อีลอน มัสก์ ปฏิเสธที่จะจ่ายค่าเช่าสำนักงานทั่วโลกของ Twitter ทำให้มูลค่าของเงินให้กู้ยืมแก่ผู้กู้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (CRE) ที่อยู่เบื้องหลังการชำระคืนเพิ่มขึ้น 612% ในไตรมาสแรกปีนี้มาอยู่ที่  840 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ CRE ที่ค้างชำระที่ทางอุตสาหกรรมธนาคารโดยรวม 

 

รายงานระบุว่า การค้างชำระที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจรับฝากเงินของ Goldman Sachs เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่บรรดาธนาคารคู่แข่งออกโรงเตือนเกี่ยวกับการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับอาคารสำนักงาน 

 

เนื่องจากแนวทางการทำงานที่หันไป Work from Home กันมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าภายหลังหลายบริษัทจะกลับมาทำงานในออฟฟิศมากขึ้น แต่การทำงานจากที่บ้านก็กลายเป็นทางเลือกที่หลายบริษัทเสนอให้กับพนักงาน

 

ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์มองว่า การค้างชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้นเป็นอีกสัญญาณหนึ่งของความผิดหวังที่ธนาคารต้องเผชิญ ในขณะที่พยายามกระจายธุรกิจของตนออกจากการมุ่งเน้นที่ข้อตกลงและการซื้อ-ขายแบบดั้งเดิม โดย Goldman Sachs เป็นหนึ่งในกลุ่มธนาคาร ซึ่งรวมถึง Citigroup และ Deutsche Bank ที่ให้เงินกู้มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์แก่ Columbia Property ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งดูแลอาคารสำนักงาน 7 แห่งในซานฟรานซิสโกและนิวยอร์ก รวมถึงสำนักงานขนาดใหญ่สำหรับ Twitter อีก 2 แห่ง 

 

ทั้งนี้ Twitter หยุดจ่ายค่าเช่าในเดือนพฤศจิกายน และ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของเครือข่ายโซเชียลมีเดียดังกล่าว ได้บอกกับพนักงานว่า ไม่มีความตั้งใจที่จะจ่ายค่าเช่าให้กับทาง Columbia Property ซึ่งกำลังฟ้องร้อง Twitter เกี่ยวกับการชำระเงินที่ขาดไป โดยขณะนี้ทั้ง Columbia Property และ Twitter ต่างปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใดๆ 

 

อย่างไรก็ตาม คริสโตเฟอร์ โกโตว์สกี นักวิเคราะห์การธนาคารแห่ง Oppenheimer กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากความเสี่ยงที่ค่อนข้างน้อยของ Goldman ในภาคส่วนนี้ สินเชื่อที่ไม่ดีจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายได้ โดยบัญชีสินเชื่อเพื่ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์มีสัดส่วนน้อยกว่า 20% ของบัญชีเงินกู้โดยรวมของ Goldman 

 

ถึงกระนั้น กว่า 10% ของสินเชื่อ CRE ที่ถืออยู่ในธนาคาร Goldman สาขาย่อย ซึ่งคิดเป็น 90% ของสินเชื่อโดยรวม อยู่ในรูปแบบของการค้างชำระตามข้อมูลของเว็บไซต์ Bankingregdata.com ในขณะที่ค่าเฉลี่ยการค้างชำระที่บริษัทอื่นน้อยกว่า 1%

 

Goldman Sachs ซึ่งกลายเป็นธนาคารที่ได้รับการควบคุมหลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน ได้ใช้เวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาในการจัดหาทรัพยากรมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ ปัจจุบันบริษัทมีสินเชื่อธนาคารเกือบ 1.8 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 3 พันล้านดอลลาร์เมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีที่แล้ว โดยในปี 2020 Goldman กล่าวว่า “การให้สินเชื่อขององค์กรเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญของบริษัท และเชื่อว่าสินเชื่อจะเป็นแหล่งที่มาที่สำคัญของบริษัทในอนาคต”

 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทางธนาคารได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยกำไรจากสินเชื่อของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3.7 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม การปล่อยสินเชื่อที่มากขึ้นยังเป็นแหล่งที่มาของความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจาก Goldman Sachs เต็มใจที่จะให้ยืมแก่ผู้กู้องค์กรที่มีความเสี่ยงมากกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์เพียงกว่า 65% ของ Goldman Sachs จัดอยู่ในผู้กู้ ‘ขยะ’ หรือ Junk ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสำหรับการลงทุน เทียบกับ 28% ของ JPMorgan Chase และ 17% ของ Citi 

 

ข้อมูลของ FDIC พบว่า ปริมาณสินเชื่อค้างชำระทั้งหมดของ Goldman Sachs เพิ่มขึ้นเป็น 3.2 พันล้านดอลลาร์ ณ สิ้นไตรมาสแรก หรือประมาณ 2% ของสินเชื่อคงค้าง เพิ่มขึ้นจาก 2.4 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยเว็บไซต์ Bankregdata.com ระบุว่า ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับบัตรเครดิตและสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคอื่นๆ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 65% ของสำรองหนี้สูญ

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Goldman Sachs ได้ส่งสัญญาณถึงความตั้งใจที่จะถอนตัวจากการให้กู้ยืมแก่ผู้บริโภค โดยการขายเงินกู้มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ที่เชื่อมโยงกับธนาคารเพื่อผู้บริโภคของ Marcus กระนั้น เดวิด แฟนเกอร์ ซึ่งติดตาม Goldman สำหรับบริษัทจัดอันดับตราสารหนี้ Moody’s Investors Service กล่าวว่า “แม้ว่าความต้องการความเสี่ยงของ Goldman อาจมีมากกว่าบริษัทอื่น แต่โดยทั่วไปแล้ว Goldman ก็มีความกระตือรือร้นในการจัดการความเสี่ยงมากกว่าที่อื่นๆ ด้วยเช่นกัน”

 

อ้างอิง:

The post ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย! หวั่น อีลอน มัสก์ เบี้ยวจ่ายค่าเช่าสำนักงาน Twitter ทั่วโลก ทำเครดิตสินเชื่ออสังหา Goldman Sachs ดิ่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Saint Laurent เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ร้านที่แพงที่สุดในลอนดอนที่ถนนบอนด์ ปีละ 557 ล้านบาท https://thestandard.co/saint-laurent-most-expensive-space-in-london/ Tue, 25 Apr 2023 05:00:41 +0000 https://thestandard.co/?p=780979 Saint Laurent

Saint Laurent ได้ตกลงเซ็นสัญญากับบริษัท O&H Propert […]

The post Saint Laurent เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ร้านที่แพงที่สุดในลอนดอนที่ถนนบอนด์ ปีละ 557 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
Saint Laurent

Saint Laurent ได้ตกลงเซ็นสัญญากับบริษัท O&H Properties ในการเช่าพื้นที่สำหรับทำร้านค้าที่ถนนบอนด์ ด้วยตัวเลขที่แพงที่สุดในลอนดอนถึงปีละ 13 ล้านปอนด์ หรือราว 557 ล้านบาท

 

โดยร้านแห่งใหม่นี้ของแบรนด์แฟชั่นสุดไอคอนิกจากฝรั่งเศสจะมีขนาดใหญ่ถึง 6 ชั้นตรงหัวมุมถนนบอนด์ตัดกับถนนกราฟตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในถนนที่เต็มไปด้วยแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ และในละแวกนั้นก็มีร้าน Chanel, Dior, Loro Piana และ Rimowa ตั้งอยู่ด้วย

 

ส่วนสถิติแบรนด์ก่อนหน้าก็คือ Ralph Lauren ยอมจ่ายค่าเช่าปีละ 11 ล้านปอนด์ หรือราว 471 ล้านบาทในปี 2016 เพื่อสร้างร้านแฟลกชิปแห่งใหม่ที่เต็มไปด้วยสินค้าและบริการพิเศษครบวงจร ตั้งแต่การสั่งตัดชุด ปรับแต่งเสื้อผ้า จำหน่ายสินค้าเด็ก และเฟอร์นิเจอร์ ครบทุกไลน์สินค้าของแบรนด์

 

สำหรับปี 2022 ทาง Kering บริษัทแม่ของ Saint Laurent ทำรายได้เข้าบริษัททั้งหมด 20,351 ล้านยูโร หรือราว 772,104 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มมาจากปี 2021 ที่เคยทำไว้ได้ 17,645 ล้านยูโร ประมาณ 15% ซึ่งในจำนวนของปีล่าสุดนี้ทางแบรนด์ทำไปได้ 3,300 ล้านยูโร และเห็นการเติบโตขึ้นถึง 31% จากปีก่อนหน้า จึงไม่แปลกใจที่ทางบริษัทจะยอมลงทุนเพื่อให้ได้ทำเลทองเสริมการเติบโตของแบรนด์

 

ภาพ: Michael Buckner / WWD / Penske Media via Getty Images

อ้างอิง:

The post Saint Laurent เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่ร้านที่แพงที่สุดในลอนดอนที่ถนนบอนด์ ปีละ 557 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
Twitter เร่ขายเครื่องชงกาแฟ หรือแม้แต่ ‘ป้ายไฟโลโก้ของบริษัท’ ที่มีคนเสนอราคาถึง 5.8 แสนบาท เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเช่าสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก https://thestandard.co/twitter-auctioning-espresso-machines-kegerators-as-company/ Wed, 18 Jan 2023 01:37:54 +0000 https://thestandard.co/?p=738675

ทั้งที่มีเจ้าของคนใหม่เป็นมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง แต่ดูเหม […]

The post Twitter เร่ขายเครื่องชงกาแฟ หรือแม้แต่ ‘ป้ายไฟโลโก้ของบริษัท’ ที่มีคนเสนอราคาถึง 5.8 แสนบาท เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเช่าสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก appeared first on THE STANDARD.

]]>

ทั้งที่มีเจ้าของคนใหม่เป็นมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่ง แต่ดูเหมือนว่าวิกฤตการเงินของ Twitter จะหนักหนากว่าที่คิด เพราะมีรายงานว่า มีการเปิดขายเครื่องใช้ในสำนักงาน ตั้งแต่เครื่องชงกาแฟ หรือแม้แต่ ‘ป้ายไฟโลโก้บริษัท’ เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเช่าสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก

 

CNBC รายงานว่า ผู้ซื้อที่สนใจสามารถอ่านรายการสินค้าที่ Twitter ต้องการจะขายผ่านทางเว็บไซต์ของ Heritage Global Partners ซึ่งกำลังดำเนินการประมูล

 

ในบรรดาอุปกรณ์ครัวมากมายที่ Twitter ขาย ได้แก่ เตาย่างแบบหมุนได้ ตู้เย็นหลายเครื่อง และเตาอบพิซซ่า อุปกรณ์สำนักงานบางส่วน รวมถึงโทรทัศน์ โต๊ะทำงาน และอุปกรณ์การประชุมจำนวนมาก

 

Twitter ยังขายป้ายไฟนีออนที่แสดงโลโก้นกของบริษัทอย่างชัดเจน ซึ่งพบว่ามีคนเสนอราคา 17,500 ดอลลาร์ หรือ 5.8 แสนบาท

 

อุปกรณ์ดังกล่าวมาจากสำนักงานของบริษัทในซานฟรานซิสโก และดูเหมือนจะเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าเจ้าของคนใหม่อย่าง อีลอน มัสก์ กำลังมองหาการลดค่าใช้จ่ายท่ามกลางปัญหาทางการเงินมากมาย เนื่องจากหลายบริษัทได้หยุดแคมเปญโฆษณาบน Twitter

 

แม้มัสก์จะเคยพูดว่า Twitter เดินพ้นปากเหวที่จะล้มละลายแล้วก็ตาม แต่ในเดือนธันวาคม The New York Times รายงานว่า Twitter ได้หยุดจ่ายค่าเช่าพื้นที่สำนักงานทั้งหมดของบริษัท


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


อ้างอิง:

The post Twitter เร่ขายเครื่องชงกาแฟ หรือแม้แต่ ‘ป้ายไฟโลโก้ของบริษัท’ ที่มีคนเสนอราคาถึง 5.8 แสนบาท เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเช่าสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก appeared first on THE STANDARD.

]]>