ค่าธรรมเนียม – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 26 Sep 2024 06:14:27 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 จากยุคทองสู่ยุคที่มืดมน! Shopee และ Tokopedia ขึ้นค่าธรรมเนียมร้านค้าในอินโดนีเซีย สูงสุด 10% หวังเพิ่มกำไร-ฝ่าสมรภูมิแข่งเดือด https://thestandard.co/shopee-tokopedia-indo-10-percent/ Thu, 26 Sep 2024 06:14:27 +0000 https://thestandard.co/?p=988281

Nikkei Asia รายงานว่า ในช่วงยุคทองของแพลตฟอร์ม e-Commer […]

The post จากยุคทองสู่ยุคที่มืดมน! Shopee และ Tokopedia ขึ้นค่าธรรมเนียมร้านค้าในอินโดนีเซีย สูงสุด 10% หวังเพิ่มกำไร-ฝ่าสมรภูมิแข่งเดือด appeared first on THE STANDARD.

]]>

Nikkei Asia รายงานว่า ในช่วงยุคทองของแพลตฟอร์ม e-Commerce ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าหลายๆ แพลตฟอร์มพยายามกำหนดค่าธรรมเนียมที่ต่ำเพื่อดึงร้านค้าเข้ามา แต่วันนี้สภาพตลาดเปลี่ยนไปและมีผู้เล่นหน้าใหม่กระโดดเข้ามา ทำให้การแข่งขันยิ่งทวีคูณมากขึ้น

 

กระทั่งล่าสุด Shopee และ Tokopedia ประกาศขึ้นค่าธรรมเนียมร้านค้าในอินโดนีเซียสูงสุดถึง 10% ของราคาขาย ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าหรือประเภทผู้ขาย จากเดิมที่เคยเก็บสูงสุดเพียง 6.5% แต่ในเดือนเดียวกัน Shopee เพิ่มค่าคอมมิชชันให้แก่ผู้ขายบางรายในอินโดนีเซียเช่นกัน

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการปรับกลยุทธ์เพื่อให้ธุรกิจทำรายได้และกำไรได้มากขึ้น และเป็นอีกหนึ่งในการปรับตัวรับมือกับแรงกดดันหลังจากโควิดคลี่คลายและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ จากเดิมที่เคยซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ก็กลับไปซื้อสินค้าจากหน้าร้านเพิ่มขึ้น ทำให้การเติบโตของยอดขายชะลอตัวลง

 

โดย Shopee และ Tokopedia ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจปรับขึ้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว แต่ Kai Wang นักวิเคราะห์หุ้นอาวุโสจาก Morningstar กล่าวว่า หลังจากกำไรสุทธิของทั้ง 2 แพลตฟอร์มลดลง การปรับขึ้นค่าธรรมเนียมจึงเป็นทางเลือกที่ต้องทำเพื่อเพิ่มผลกำไร แม้ร้านค้าจะไม่พอใจก็ตาม

 

ทั้งนี้ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แพลตฟอร์มคู่แข่งหลายค่ายทั้ง Lazada และ TikTok ปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมกันไปแล้ว แต่สิ่งที่หลายค่ายยังทำอยู่คือการขึ้น ค่าคอมมิชชัน โดยในเดือนกรกฎาคมปีนี้ Shopee ก็ปรับขึ้นค่าคอมมิชชันในมาเลเซียไปแล้ว

 

เมื่อไม่นานมานี้ Shopee ร่วมกับ YouTube เปิดตัวบริการช้อปปิ้งออนไลน์ในอินโดนีเซีย ซึ่งผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าที่เห็นในเว็บไซต์สตรีมมิงผ่านลิงก์ของ Shopee โดยทั้งสองบริษัทยังมีแผนที่จะขยายความร่วมมือนี้ไปยังตลาดในประเทศอื่นๆ เช่น ไทยและเวียดนาม

 

ฝั่งบรรดานักวิเคราะห์คาดว่า แม้ว่าจะมีผู้ค้าบางรายไม่พอใจ แต่ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอย่างมีนัยสำคัญ

 

ฟังเสียงสะท้อนจากร้านค้าบนแพลตฟอร์มในสิงคโปร์ เป็นชายวัย 35 ปีที่ขายเสื้อผ้าบน TikTok Shop แสดงความเห็นว่า ตนจะยังคงขายบนแพลตฟอร์มต่อไป เนื่องจากการสร้างช่องทางขายของตนเองอาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าและเสียเวลามากกว่าในการทำการตลาดและการจัดส่งสินค้า ดังนั้นต้องยอมจ่ายเพิ่มหากต้องการเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

 

ขณะที่ร้านค้าบางรายหันไปเปิดช่องทางขายเป็นของตัวเอง เจ้าของร้านค้าบนแพลตฟอร์มชาวมาเลเซียระบุว่า เขาขายสินค้าบน Shopee และ Lazada มานาน 2 ปี และขายบน TikTok Shop 1 ปี เมื่อ 3 เดือนก่อนเขาตัดสินใจปิดร้านค้าออนไลน์ทั้งหมด เนื่องจากค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นและกรอบเวลาการจัดส่งที่เข้มงวดมากขึ้น ทำให้ต้นสูงขึ้นและกำไรลดลงจนไม่สามารถแบกรับได้ไหว

 

Jianggan Li ซีอีโอของบริษัทที่ปรึกษา Momentum Works ในสิงคโปร์ กล่าวว่า ในระยะสั้นไม่ได้มองว่าการขึ้นค่าคอมมิชชันจะส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมหรือจำนวนผู้ค้าที่มีอยู่บนแพลตฟอร์ม

 

ตั้งแต่ช่วงปี 2010 แพลตฟอร์มอย่าง Tokopedia, Lazada และ Shopee แข่งขันกันด้วยการเสนอส่วนลด โปรโมชัน และค่าคอมมิชชันที่ต่ำ เพื่อดึงดูดความสนใจจนทำให้มีร้านค้าเข้ามาจำนวนมาก

 

แต่หลังจากโควิดคลี่คลายบวกกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น สิ่งเหล่านี้บังคับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต้องลดการใช้จ่ายและลดจำนวนพนักงานอย่างรวดเร็ว เพื่อปรับปรุงผลกำไร เนื่องจากนักลงทุนเริ่มหลีกเลี่ยงบริษัทเทคโนโลยีที่ยังขาดทุน

 

แต่การแข่งขันกลับทวีความรุนแรงขึ้นในปี 2021 เมื่อ TikTok ได้เปิดตัวบริการ e-Commerce ของตัวเองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้ฟังก์ชันการไลฟ์ที่ได้รับความนิยมและเพิ่มฐานลูกค้าขนาดใหญ่ พร้อมเสนอค่าคอมมิชชันที่ต่ำกว่า ทำให้ TikTok เติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในสินค้าหมวดความงามและแฟชั่น

 

สิ่งนี้ทำให้ Shopee ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคต้องเปิดเกมรุกด้วยการลงทุนเพิ่มฟังก์ชันการไลฟ์ที่คล้ายกันเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด รวมไปถึง Tokopedia ที่ต้องเผชิญความยากลำบากในการตามให้ทันเทรนด์การแข่งขันจนในที่สุดก็ประกาศขายหุ้น 75% ให้กับ TikTok เมื่อเดือนธันวาคมปี 2023 โดยการซื้อกิจการจะแล้วเสร็จในปีนี้

 

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูล Momentum Works ในปี 2023 Shopee ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำด้วยส่วนแบ่งตลาด 48% เมื่อพิจารณาจากปริมาณการค้า สินค้ารวมในภูมิภาค ตามมาด้วย Lazada ที่มีส่วนแบ่ง 16.4% ขณะที่ TikTok และ Tokopedia มีส่วนแบ่งเท่ากันที่ 14.2%

 

อ้างอิง:

The post จากยุคทองสู่ยุคที่มืดมน! Shopee และ Tokopedia ขึ้นค่าธรรมเนียมร้านค้าในอินโดนีเซีย สูงสุด 10% หวังเพิ่มกำไร-ฝ่าสมรภูมิแข่งเดือด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ลมหายใจใหม่! มาตรการรัฐปลุกชีพตลาดอสังหา ฝ่าวิกฤตหนี้ครัวเรือน https://thestandard.co/household-debt-thailand/ Thu, 30 May 2024 07:16:26 +0000 https://thestandard.co/?p=939257 หนี้ครัวเรือน

ในยามที่ทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและภาระ หนี้ครัว […]

The post ลมหายใจใหม่! มาตรการรัฐปลุกชีพตลาดอสังหา ฝ่าวิกฤตหนี้ครัวเรือน appeared first on THE STANDARD.

]]>
หนี้ครัวเรือน

ในยามที่ทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและภาระ หนี้ครัวเรือน ที่ทะยานสูงเป็นประวัติการณ์กำลังบั่นทอนกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่งผลให้ธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความท้าทาย ผู้ประกอบการต่างประสบกับการปฏิเสธสินเชื่อช่วงไตรมาส 1/67 ที่สูงถึง 30-40% โดยเฉพาะในตลาดระดับแมส

 

ด้วยเหตุนี้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐจึงเสมือนลมหายใจใหม่ที่ช่วยสร้างความหวังให้กับทั้งธุรกิจและผู้บริโภคอีกครั้ง

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 


 

การลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยไม่เกิน 7 ล้านบาท (จากเดิมที่ 3 ล้านบาท) เหลือเพียง 0.01% จะช่วยให้ผู้บริโภคระดับกลางเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะสู้ค่าธรรมเนียมเหล่านี้ไม่ไหว สนใจที่จะซื้อที่อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น

 

ด้านโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home และ Happy Life ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่นำเสนอดอกเบี้ยพิเศษเพียง 2.98-3% ก็จะช่วยเปิดประตูสู่บ้านหลังแรกของผู้มีรายได้น้อย

 

มาตรการทั้งหมดนี้เชื่อว่าจะช่วยระบาย Backlog ของแต่ละผู้ประกอบการได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสสำหรับผู้พัฒนาอสังหาในการรับรู้รายได้มากขึ้น รวมถึงการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น

 

ความช่วยเหลือจากรัฐแก่ภาคอสังหานี้เปรียบเสมือนก้อนหินที่ถูกโยนลงไปในบึง ส่งผลเป็นระลอกคลื่นไปทั่วทั้งผืนน้ำ ตลาดคอนโดมิเนียมในเมืองกลับมาคึกคัก โครงการใหม่ๆ เริ่มเปิดตัว ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาให้ความสนใจ

 

ส่วนการเลือกซื้อบ้านตามแนวราบ แม้จะชะลอตัวบ้างแต่ก็ไม่หยุดนิ่ง โดยผู้บริโภคให้ความสำคัญกับทำเลดี การออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่ลงตัว ตอบรับไลฟ์สไตล์ และความต้องการทั้งความเป็นส่วนตัวและพื้นที่ส่วนกลางที่ครบครัน

 

การเข้ามาช่วยตลาดอสังหาซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 5-6% ของ GDP (ตั้งแต่ปี 2562-2566) ไม่ได้แค่เพิ่มตัวเลขทางเศรษฐกิจเท่านั้น หากแต่ยังฟื้นคืนชีพให้ธุรกิจต่อเนื่องอีกหลายสิบประเภท ตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง ตกแต่งภายใน ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ ที่สำคัญคือการช่วยสร้างงานและกระจายรายได้สู่แรงงานนับแสนชีวิตทั่วประเทศ

 

อย่างไรก็ดี แม้มาตรการกระตุ้นจะน่ายินดี แต่เงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดของธนาคารก็ยังคงเป็นข้อจำกัดที่ต้องจับตาในสถานการณ์ที่เงินเฟ้อและดอกเบี้ยพุ่งสูง จึงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ว่าทำไมธนาคารต้องรัดกุมกว่าเดิม เพื่อลดความเสี่ยงหนี้เสีย ซึ่งจะสร้างผลกระทบระยะยาวต่อเศรษฐกิจในภาพรวม

 

ท่ามกลางทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องปรับตัว ใช้ความคิดสร้างสรรค์ และทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อพัฒนาโครงการที่ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย หากแต่เป็นคำตอบของการใช้ชีวิตที่ลงตัวในทุกมิติ ผู้ประกอบการที่คว้าโอกาสทางธุรกิจ พร้อมปรับแผนให้สอดรับกับมาตรการของรัฐ จะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันท่ามกลางสถานการณ์ท้าทายเช่นนี้

 

อย่าง ‘เอพี (ไทยแลนด์)’ ที่ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการ เพื่อนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภคทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด

 

มาตรการกระตุ้นอสังหาจากภาครัฐไม่เพียงช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น หากแต่ยังส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ความท้าทายสำคัญอยู่ที่การขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ และการสร้างสมดุลระหว่างการกระตุ้นการใช้จ่ายกับการควบคุมความเสี่ยงในระบบการเงิน

 

สิ่งที่ต้องจับตามองคือความสามารถของผู้ประกอบการในการปรับตัวและคว้าโอกาส ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดทิศทางการฟื้นตัวของตลาดอสังหา และเป็นกุญแจสำคัญที่จะกำหนดว่าใครจะก้าวข้ามพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ใครจะไขว่คว้าความสำเร็จจากความเปลี่ยนแปลง ก้าวสู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ในระยะยาว

The post ลมหายใจใหม่! มาตรการรัฐปลุกชีพตลาดอสังหา ฝ่าวิกฤตหนี้ครัวเรือน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Ethereum อัปเกรดระบบครั้งใหญ่ในรอบปี ช่วยลดค่าธรรมเนียมการใช้เครือข่ายลง 90-95% https://thestandard.co/ethereum-dencun-upgrade-reduce-data-fees/ Thu, 14 Mar 2024 10:55:51 +0000 https://thestandard.co/?p=910978 Ethereum อัพเกรดระบบ

ในช่วงวันพุธที่ผ่านมา (13 มีนาคม) Ethereum ได้มีการอนุม […]

The post Ethereum อัปเกรดระบบครั้งใหญ่ในรอบปี ช่วยลดค่าธรรมเนียมการใช้เครือข่ายลง 90-95% appeared first on THE STANDARD.

]]>
Ethereum อัพเกรดระบบ

ในช่วงวันพุธที่ผ่านมา (13 มีนาคม) Ethereum ได้มีการอนุมัติการ อัปเกรดระบบ ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปีที่เรียกว่า ‘Dencun’ หลังการอัปเกรด ‘Shapella’ ในช่วงปีก่อน (2023) ซึ่ง ‘Dencun’ จะเข้ามาทำให้ค่าธรรมเนียมบนเลเยอร์ 2 ของ Ethereum (เช่น Arbitrum, Optimism หรือ Polygon) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อทำให้สามารถขยายฐานผู้ใช้งานได้มากขึ้น

 

โดยในการอัปเกรด Dencun เป็นการรวมคำของ 2 การอัปเกรดเข้าไว้ด้วยกัน คือ ‘Deneb อัปเกรด’ และ ‘Cancun อัปเกรด’ เป็นไปตามข้อเสนอ ‘EIP’ (Ethereum Improvement Proposal 4844) 9 รูปแบบ ได้แก่ EIP-1153, EIP-4788, EIP-4844, EIP-5656, EIP-6780, EIP-7044, EIP-7045, EIP-7514 และ EIP-7516

 

และจะมุ่งเน้นตามข้อเสนอ EIP-4844 หรือ ‘Proto-Danksharding’ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการบันทึกข้อมูลธุรกรรมของเครือข่าย Ethereum พร้อมกับข้อเสนออื่นๆ ที่จะขยายเครือข่ายทำให้สามารถรองรับธุรกรรมต่อหนึ่งหน่วยเวลาได้มากขึ้น เพื่อให้สามารถลดต้นทุนในการทำธุรกรรมลงอย่างมาก

 

เนื่องจากว่าการทำธุรกรรมบนเลเยอร์ 2 ของ Ethereum จะมีค่าใช้จ่าย 2 ส่วน คือค่าการบันทึกธุรกรรมบนเลเยอร์ 2 กับค่าธรรมเนียมการดำเนินการธุรกรรมบนเลเยอร์ 1 ซึ่งกว่า 90% ของค่าธรรมเนียมมาจากส่วนแรก

 

ซึ่งทาง Jesse Pollak ผู้ก่อตั้ง Base เครือข่ายเลเยอร์ 2 บน Coinbase ให้สัมภาษณ์กับ CoinDesk ว่าภายหลังการอัปเกรดดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนการทำธุรกรรมบนเลเยอร์ 2 ลดลงกว่า 90-95% หากผู้ใช้งานยังคงใช้งานในระดับเดิม

 

ภายหลังการอัปเกรดเสร็จสมบูรณ์ช่วงคืนที่ผ่านมา (13 มีนาคม) ราคา Ethereum กลับไม่ตอบสนองในเชิงบวก โดยราคาปรับตัวลงเล็กน้อยราว 0.5% มาเคลื่อนไหวบริเวณ 3,968 ดอลลาร์ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมากว่า 50% ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน

 

อ้างอิง:

The post Ethereum อัปเกรดระบบครั้งใหญ่ในรอบปี ช่วยลดค่าธรรมเนียมการใช้เครือข่ายลง 90-95% appeared first on THE STANDARD.

]]>
ญี่ปุ่นเตรียมเก็บค่าธรรมเนียมขึ้นภูเขาไฟฟูจิ https://thestandard.co/life/japan-collecting-mount-fuji-fee Sun, 10 Mar 2024 08:16:27 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=909411 ภูเขาไฟฟูจิ

ต่อไปใครคิดจะปีนภูเขาไฟฟูจิต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มและ […]

The post ญี่ปุ่นเตรียมเก็บค่าธรรมเนียมขึ้นภูเขาไฟฟูจิ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภูเขาไฟฟูจิ

ต่อไปใครคิดจะปีนภูเขาไฟฟูจิต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มและจองคิวล่วงหน้า

 

กระแสความนิยมในการขึ้นภูเขาไฟฟูจิของนักปีนเขาเพิ่มขึ้นมากหลังช่วงโควิด พานให้ภาครัฐของญี่ปุ่นต้องออกกฎจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว รวมถึงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการปีนต่อคน

 

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2024 เป็นต้นไป ภูเขาไฟฟูจิจำกัดให้นักปีนเขาสามารถขึ้นเขารายวันได้ไม่เกินวันละ 4,000 คน นอกจากนั้นรัฐบาลท้องถิ่นของจังหวัดยามานาชิลงมติให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขึ้นเขาอีกคนละ 2,000 เยน หรือราว 500 บาท และไม่เพียงแค่นั้น ทางรัฐบาลยังออกกฎห้ามนักปีนเขาขึ้นเขาระหว่างเวลา 16.00-02.00 น. รวมถึงยังจ้างไกด์ท้องถิ่นเพิ่มเพื่อดูแลนักปีนเขาให้ปฏิบัติตามกฎตลอดเส้นทางด้วย

 

ทั้งหมดก็เพื่อหวังลดปริมาณนักเดินทาง ลดอุบัติเหตุ และนำเงินส่วนนั้นไปบำรุงรักษาเส้นทางเดินป่า หรือสร้างที่พักพิงฉุกเฉินในกรณีที่ภูเขาไฟฟูจิระเบิดในอนาคต

 

ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาสูง 3,776 เมตร และมีสถานะเป็นภูเขาไฟมีชีวิตอยู่ ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 13 โดย UNESCO ในปี 2013 ในฐานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจทางศิลปะ ฤดูปีนเขาสำหรับภูเขาไฟฟูจิมักเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน ในปี 2023 มีนักปีนเขาทั้งหมด 221,322 คนขึ้นไปบนภูเขาฟูจิ และมักเลือกขึ้นในเส้นทางโยชิดะที่กำลังเป็นปัญหามากในตอนนี้

 

ส่วนที่เราเห็นเป็นภาพจาก Hoshinoya Fuji ที่พักหรูในจังหวัดยามานาชิที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากห้องพัก ใครสนใจสามารถตามไปพักได้ที่ https://hoshinoresorts.com/en/hotels/hoshinoyafuji

 

ภาพ: Hoshinoya Fuji

อ้างอิง:

The post ญี่ปุ่นเตรียมเก็บค่าธรรมเนียมขึ้นภูเขาไฟฟูจิ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดีเดย์ 1 พฤษภาคม! บัตรเครดิตไทยเตรียมเก็บค่าธรรมเนียมแปลงเงินต่างประเทศเป็นเงินบาท 1% ของยอดใช้จ่าย https://thestandard.co/thai-credit-card-foreign-currency-conversion-fee/ Sat, 02 Mar 2024 08:12:26 +0000 https://thestandard.co/?p=906435

เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์และบริษัทผู้ […]

The post ดีเดย์ 1 พฤษภาคม! บัตรเครดิตไทยเตรียมเก็บค่าธรรมเนียมแปลงเงินต่างประเทศเป็นเงินบาท 1% ของยอดใช้จ่าย appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์และบริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตหลายแห่ง ประกาศการเตรียมเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาทเพิ่มเติม

 

โดยธนาคารพาณิชย์ที่ประกาศดังกล่าวออกมาแล้ว เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารทหารไทยธนชาต รวมทั้งผู้ให้บริการบัตรเครดิตอย่างอิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) และบัตรกรุงไทย เป็นต้น

 

รายละเอียดสำคัญของการประกาศในครั้งนี้คือ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 รายการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต วีซ่า / มาสเตอร์การ์ด ในการซื้อสินค้า และ/หรือ บริการด้วยสกุลเงินบาท ที่ร้านค้าและร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ รวมทั้งการกดเงินสดด้วยสกุลเงินบาทผ่านตู้ ATM ในต่างประเทศ จะถูกเรียกเก็บ ‘ค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท’ ในอัตรา 1% ของยอดใช้จ่าย / ยอดกดเงินสด 

 

อ้างอิง:

The post ดีเดย์ 1 พฤษภาคม! บัตรเครดิตไทยเตรียมเก็บค่าธรรมเนียมแปลงเงินต่างประเทศเป็นเงินบาท 1% ของยอดใช้จ่าย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธุรกิจ SME ต้องระวัง! บูสต์โพสต์ Facebook หรือ Instagram ผ่าน iOS จะต้องจ่ายเพิ่ม 30% แถมหักเงินล่วงหน้าด้วย https://thestandard.co/pay-extra-to-boost-posts-via-ios/ Tue, 20 Feb 2024 03:33:52 +0000 https://thestandard.co/?p=902011

Meta Platforms, Inc. ปล่อยแนวทางใหม่สำหรับธุรกิจขนาดเล็ […]

The post ธุรกิจ SME ต้องระวัง! บูสต์โพสต์ Facebook หรือ Instagram ผ่าน iOS จะต้องจ่ายเพิ่ม 30% แถมหักเงินล่วงหน้าด้วย appeared first on THE STANDARD.

]]>

Meta Platforms, Inc. ปล่อยแนวทางใหม่สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ลงโฆษณาบน Facebook และ Instagram โดยมุ่งช่วยให้ธุรกิจต่างๆ หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมจาก Apple Inc.

 

โดย Meta แนะนำให้ธุรกิจขนาดเล็กซื้อโฆษณาผ่านเว็บเบราว์เซอร์แทนที่จะซื้อผ่านแอปมือถือ Facebook หรือ Instagram บนระบบ iOS ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้หลีกเลี่ยงค่าคอมมิชชันที่คิดเป็นตัวเลข 30% ของ Apple ที่ Meta ชี้ว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนนี้

 

นโยบายใหม่ของ Apple กำหนดให้ผู้ลงโฆษณาต้องใช้ฟีเจอร์ In-App Purchase เมื่อใดก็ตามที่มีการชำระเงินเพื่อ ‘บูสต์โพสต์’ บนโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นการเพิ่มการมองเห็นเนื้อหานั้นๆ โดย Apple จะหักค่าใช้จ่ายสูงถึง 30% สำหรับการซื้อในแอปผ่านซอฟต์แวร์ iOS หมายความว่า Meta จะสูญเสียรายได้ส่วนหนึ่งให้กับ Apple

 

การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ ซึ่ง Apple ประกาศครั้งแรกในปี 2022 เป็นการเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคที่กลายเป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Silicon Valley ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดย Meta กล่าวหา Apple ว่า ‘บ่อนทำลายผู้อื่นในเศรษฐกิจดิจิทัล’ ตัวของ Mark Zuckerberg ผู้เป็นซีอีโอของ Meta เองก็วิพากษ์วิจารณ์ Apple อยู่บ่อยครั้งในการควบคุม App Store มากเกินไป

 

โฆษกของ Apple ชี้แจงว่า บริษัทมีแนวทางที่ชัดเจนและสอดคล้องกันสำหรับนักพัฒนาภายใน App Store ซึ่งใช้กับทุกคน รวมถึงได้ดำเนินการร่วมกับ Meta มานานกว่าหนึ่งปีเพื่อให้โอกาสบริษัทโซเชียลมีเดียรายนี้ปฏิบัติตามการเปลี่ยนแปลงกฎดังกล่าว

 

ด้าน Tim Cook ซีอีโอของของ Apple เป็นอีกคนที่วิพากษ์หลักปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวของ Meta ซึ่งอาศัยข้อมูลผู้ใช้ในการขายโฆษณา และเคยสร้างความเสียหายให้แก่รายได้ของ Meta มาแล้ว โดยในปี 2021 การปรับแต่งของ iOS ที่จำกัดการเก็บข้อมูลของบุคคลที่สามนำไปสู่การสูญเสียรายได้โฆษณาของ Meta ประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3 แสนล้านบาท 

 

Apple ยังได้รับคำวิจารณ์ในวงกว้างเกี่ยวกับนโยบายของบริษัท เช่น Spotify Technology SA และ Epic Games Inc. ผู้ผลิตเกม Fortnite กล่าวว่า กฎของ App Store นั้นไม่เป็นธรรม และเมื่อเร็วๆ นี้ Apple ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางในยุโรปเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นจะนำมาซึ่งเสียงวิจารณ์เพิ่มขึ้นก็ตาม

 

ความขัดแย้งระหว่าง Meta และ Apple มีอย่างต่อเนื่องและยาวนานหลายปี อย่างในปีนี้ Zuckerberg วิพากษ์วิจารณ์แผนของ Apple ที่จะอนุญาตให้เกิด App Store ของบุคคลที่สามบนอุปกรณ์มือถือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายฉบับใหม่ของยุโรป โดยเขามองว่าข้อเสนอของ Apple นั้นยากเกินไปที่จะให้บริษัทใดให้ความสนใจอย่างจริงจัง

 

นอกจากนี้ Zuckerberg ยังวิจารณ์ชุดแว่นตาพร้อมหูฟัง Vision Pro ของ Apple ว่ามีราคาแพงเกินไปที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่มีแอปให้เลือกใช้จำกัด สวมใส่ไม่สบาย และยังต้องใช้แบตเตอรี่เชื่อมต่อด้วยสาย โดยระบุว่าเทียบแล้วอุปกรณ์ Quest 3 ของ Meta ดีกว่าอย่างมาก

 

นโยบายใหม่ของ Apple จะมีผลบังคับใช้ในสหรัฐอเมริกาก่อน จากนั้นจึงขยายไปยังประเทศอื่นๆ ขณะที่การเปลี่ยนแปลงนี้จะยังกำหนดให้ผู้ลงโฆษณาจ่ายเงินค่าโฆษณาล่วงหน้าเมื่อซื้อผ่านแอป iOS ซึ่ง Meta ให้ข้อมูลว่าจะเป็นการส่งผลกระทบโดยส่วนใหญ่ต่อผู้ลงโฆษณารายย่อยที่อาศัยการ ‘บูสต์โพสต์’ เป็นช่องทางโฆษณาหลัก

 

อ้างอิง:

The post ธุรกิจ SME ต้องระวัง! บูสต์โพสต์ Facebook หรือ Instagram ผ่าน iOS จะต้องจ่ายเพิ่ม 30% แถมหักเงินล่วงหน้าด้วย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศรีลังกายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวจาก 7 ประเทศ รวมไทย มีผลตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2024 https://thestandard.co/sri-lanka-tourist-visa-fee-waived/ Sat, 02 Dec 2023 07:20:06 +0000 https://thestandard.co/?p=872659 ศรีลังกา

สำนักตรวจคนเข้าเมืองและการย้ายถิ่นฐานของศรีลังกาประกาศย […]

The post ศรีลังกายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวจาก 7 ประเทศ รวมไทย มีผลตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2024 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศรีลังกา

สำนักตรวจคนเข้าเมืองและการย้ายถิ่นฐานของศรีลังกาประกาศยกเว้น ‘ค่าธรรมเนียมวีซ่า’ สำหรับนักท่องเที่ยวผู้พำนักอาศัยในประเทศจีน อินเดีย อินโดนีเซีย รัสเซีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น และไทย โดยเริ่มบังคับใช้ทันทีตั้งแต่วันนี้ และมีผลจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2024

 

ผู้อยู่อาศัยในประเทศข้างต้นซึ่งมีหนังสือเดินทางนักการทูต หนังสือเดินทางราชการ หนังสือเดินทางกึ่งราชการ รวมถึงหนังสือเดินทางธรรมดาล้วนเป็นผู้มีคุณสมบัติที่สามารถเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้ โดยจะต้องยื่นเรื่องในระบบอนุมัติการเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETA) ที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย ก่อนเดินทางไปถึงศรีลังกา

 

ภายใต้โครงการนำร่องที่มีขึ้นเพื่อสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวขึ้นมาใหม่นี้ นักท่องเที่ยวจะได้รับวีซ่าระยะเวลา 30 วัน และสามารถเดินทางเข้า-ออกได้ 2 ครั้ง นับตั้งแต่วันที่เดินทางถึงศรีลังกาครั้งแรกภายใน 30 วัน 

 

โดยภาคการท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้จากต่างประเทศที่สำคัญของศรีลังกา ซึ่งกำลังมีส่วนกระตุ้นรายได้จากการท่องเที่ยวที่ถดถอยอย่างมากในช่วงปี 2020-2022 เนื่องจากการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด รวมถึงผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตทางการเมืองภายในประเทศ

 

ภาพ: Xinhua Thai News Service

อ้างอิง: 

  • Xinhua Thai News Service

The post ศรีลังกายกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวจาก 7 ประเทศ รวมไทย มีผลตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคม 2024 appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐบาลภูฏานปรับค่าธรรมเนียมเพื่อความยั่งยืนใหม่ ส่งผลให้เราเที่ยวภูฏานถูกลงเกือบ 50% https://thestandard.co/bhutan-government-adjusting-fee/ Mon, 28 Aug 2023 08:09:12 +0000 https://thestandard.co/?p=834565 ภูฏาน

หรือนี่คือโอกาสอันดีที่เราจะไปเที่ยวภูฏานสักครั้ง? &nbs […]

The post รัฐบาลภูฏานปรับค่าธรรมเนียมเพื่อความยั่งยืนใหม่ ส่งผลให้เราเที่ยวภูฏานถูกลงเกือบ 50% appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภูฏาน

หรือนี่คือโอกาสอันดีที่เราจะไปเที่ยวภูฏานสักครั้ง?

 

ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศภูฏานจะได้รับส่วนลดอัตราค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDF) ในราคาใหม่ จาก 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อคืน เหลือเพียง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อคืน โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม 2570 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า 

 

การปรับค่าธรรมเนียม SDF ในครั้งนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากรัฐบาลของภูฏานเล็งเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ก่อให้เกิดการจ้างงานและเอื้อประโยชน์ให้แก่อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมากมาย โดยนโยบายปรับลดค่าธรรมเนียม 50 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อคืน สำหรับผู้ใหญ่ และ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อคืน สำหรับเด็ก 6-12 ปี และไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ สำหรับเด็กอายุไม่ถึง 6 ปี

 

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่เข้าพักบริเวณแถบชายแดนของภูฏานเป็นเวลา 24 ชั่วโมง จะยังคงได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมเช่นเดิม 

 

ส่วนนักท่องเที่ยวท่านใดที่ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียม SDF ไปเรียบร้อยแล้วก่อนการเดินทาง จะมีสิทธิ์ได้รับเงินส่วนเกินคืน

 

สำหรับใครที่สนใจไปเที่ยวภูฏาน สามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่ https://bhutan.travel

 

ภาพ: Shutterstock

The post รัฐบาลภูฏานปรับค่าธรรมเนียมเพื่อความยั่งยืนใหม่ ส่งผลให้เราเที่ยวภูฏานถูกลงเกือบ 50% appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบ ‘การถ่ายทำภาพยนตร์และสื่อบันเทิง’ สามารถใช้พื้นที่สาธารณะได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม https://thestandard.co/entertainment-medias-use-public-spaces-free-charge/ Wed, 21 Jun 2023 10:55:26 +0000 https://thestandard.co/?p=806257 กรุงเทพมหานคร

เพจเฟซบุ๊ก หวังสร้างเมือง ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด […]

The post กรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบ ‘การถ่ายทำภาพยนตร์และสื่อบันเทิง’ สามารถใช้พื้นที่สาธารณะได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรุงเทพมหานคร

เพจเฟซบุ๊ก หวังสร้างเมือง ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับประเด็นการถ่ายทำภาพยนตร์และสื่อบันเทิงในพื้นที่สาธารณะ ในกรุงเทพมหานคร โดยกองถ่ายสามารถขออนุญาตถ่ายทำในพื้นที่สาธารณะได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม (แต่สามารถเรียกเก็บค่าปรับได้ หากผู้ขออนุญาตฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของพื้นที่ที่ได้ประกาศไว้) 

 

โดยสามารถติดต่อกับสวนสาธารณะนั้นๆ สำนักงานเขตพื้นที่ หรือสำนักสิ่งแวดล้อม และผู้อำนวยการเขตอนุมัติไม่ควรเกิน 3 วันทำการ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุน Soft Power ในเมือง ส่วน Next Step คือการทำ One Stop Service สำหรับการถ่ายทำ ร่วมกับหน่วยงานนอกอำนาจกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง 

 

ก่อนหน้านี้ทางกรุงเทพมหานครได้แต่งตั้งคณะทำงานการถ่ายทำภาพยนตร์และสื่อบันเทิงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และได้จัดการประชุมหารือเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566 โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการอนุญาตการถ่ายทำภาพยนตร์และสื่อบันเทิงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยมีรายละเอียดฉบับเต็มระบุว่า 

 

  1. แนวทางการขออนุญาตการถ่ายทำภาพยนตร์และสื่อบันเทิงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

 

1.1 พื้นที่สวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร ดังนี้

1.1.1 ผู้ขออนุญาติต้องสำรวจพื้นที่สวนสาธารณะที่จะขอใช้

1.1.2 การขออนุญาต ผู้ขออนุญาตสามารถติดต่อกับสวนสาธารณะนั้นๆ หรือสำนักสิ่งแวดล้อม

1.1.3 ผู้ขออนุญาตต้องยื่นคำขอก่อนใช้พื้นที่อย่างน้อย 7 วันทำการ เมื่อได้รับการอนุญาตแล้วให้ชำระค่าใช้จ่ายที่สำนักสิ่งแวดล้อม ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) 

 

อำนาจในการอนุญาตให้ใช้สวนสาธารณะกรุงเทพมหานครเป็นของผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม และการอนุญาตไม่ควรเกิน 3 วันทำการนับตั้งแต่วันยื่นขออนุญาต หากเกินจากนั้นต้องแจ้งเหตุผลให้ผู้ขออนุญาตทราบ ทั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการดำเนินงานของสวนสาธารณะ พ.ศ. 2562, ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง การจัดระเบียบในสวนสาธารณะ พ.ศ. 2546, พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 และระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยอัตราค่าบริการ วิธีการเงื่อนไข ในการลดหย่อนค่าบริการ พ.ศ. 2544 รวมทั้งกฎหมายและระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 

 

1.2 พื้นที่สาธารณะในกรุงเทพมหานครดำเนินการ ดังนี้ 

1.2.1 ผู้ขออนุญาตทำหนังสือถึงสำนักงานเขตพื้นที่ 

1.2.2 เมื่อผู้อำนวยการเขตอนุญาตแล้ว ไม่สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมได้ แต่สามารถเรียกเก็บค่าปรับได้หากผู้ขออนุญาตฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของพื้นที่ที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 19 “ห้ามมิให้ผู้ใดตั้ง วาง หรือกองวัตถุใดๆ บนถนน เว้นแต่เป็นการกระทำในบริเวณที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศกำหนดด้วยความเห็นชอบของเจ้าพนักงานจราจร” ประกอบกับมาตรา 57 “ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 19 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท” และมาตรา 39 วรรคหนึ่ง “ห้ามมิให้ผู้ใดติดตั้ง ตาก วาง หรือแขวนสิ่งใดๆ ในที่สาธารณะ เว้นแต่ได้รับหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นการกระทำของราชการส่วนท้องถิ่น ราชการส่วนอื่นหรือรัฐวิสาหกิจ หรือของหน่วยงานที่มีอำนาจกระทำได้ หรือเป็นการวางไว้เพียงชั่วคราว” และวรรคสอง “การติดตั้ง ตาก วาง หรือแขวนสิ่งใดๆ ในที่สาธารณะโดยมิได้มีหนังสืออนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือได้รับอนุญาตแต่มิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในการอนุญาต ให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ผู้กระทำการตามวรรคหนึ่งปลดหรือรื้อถอนภายในเวลาที่กำหนด ถ้าผู้นั้นละเลย เพิกเฉย นอกจากมีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ให้เจ้าหน้าที่พนักงานท้องถิ่นหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัตินี้ต่อไป” ประกอบกับมาตรา 54 “ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 39 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท” แห่งพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 

 

อำนาจในการอนุญาตให้ใช้พื้นที่สาธารณะในกรุงเทพมหานครเป็นของผู้อำนวยการเขต และการอนุญาตไม่ควรเกิน 3 วันทำการนับตั้งแต่วันยื่นขออนุญาต หากเกินจากนั้นต้องแจ้งเหตุและผลให้ผู้ขออนุญาตทราบ 

 

1.3 พื้นที่เอกชน ผู้ขออนุญาตสามารถติดต่อขออนุญาตกับเจ้าของพื้นที่เอกชนนั้นๆ 

 

  1. ให้หน่วยงานและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

 

2.1 สำนักสิ่งแวดล้อมและสำนักงานเขต พิจารณาการอนุญาตตามแนวทางตามข้อเท็จจริง 1 

2.2 สำนักเทศกิจ ชี้แจงแนวทางการอนุญาตการถ่ายทำภาพยนตร์และสื่อบันเทิงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในที่ประชุมคณะบริหารสำนักเทศกิจและหัวหน้าฝ่ายสำนักงานเขต (แนวดิ่ง) เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และกำชับการอนุญาตไม่ควรเกิน 3 วันทำการนับตั้งแต่วันที่ยื่นขออนุญาต หากเกินจากนั้นต้องแจ้งเหตุผลให้ผู้ขออนุญาตทราบ 

 

ข้อพิจารณาและเสนอแนะ สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวพิจารณาแล้ว เพื่อให้เป็นไปตามมติที่ประชุมดังกล่าว เห็นควรมอบหมายหน่วยงานและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ 

 

  1. สำนักสิ่งแวดล้อมและสำนักงานเขต ดำเนินการตามข้อเท็จจริง 2.1

 

  1. สำนักเทศกิจ ดำเนินการตามข้อเท็จจริง 2.2 

 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา หากเห็นชอบโปรดสั่งการ แล้วสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวจะได้ดำเนินการต่อไป 

 

  

 

นอกจากนี้ เพจหวังสร้างเมืองยังได้โพสต์ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือกันระหว่างไอดอลกรุ๊ป BNK48 กับกรุงเทพมหานคร ในการส่งเสริมการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอเพลง สัญญานะ ในย่านสำคัญของกรุงเทพมหานคร เช่น ย่านตลาดน้อย, ย่านบางลำพู, ย่านพาหุรัด, ย่านเยาวราช, สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา, ลานคนเมือง และเสาชิงช้า เพื่อโปรโมตย่านสำคัญต่างๆ 

 

อ้างอิง:

The post กรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบ ‘การถ่ายทำภาพยนตร์และสื่อบันเทิง’ สามารถใช้พื้นที่สาธารณะได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไม่มี ‘ค่าธรรมเนียมขยะ’ มาแอบแฝงอีกต่อไป Live Nation และ SeatGeek ให้คำมั่นด้านความโปร่งใสในการกำหนดราคาตั๋ว https://thestandard.co/pricing-fees-live-nation-seatgeek/ Fri, 16 Jun 2023 08:21:02 +0000 https://thestandard.co/?p=804501 บริษัทขายตั๋ว

บริษัทขายตั๋ว เช่น Live Nation และ SeatGeek เพิ่งให้คำม […]

The post ไม่มี ‘ค่าธรรมเนียมขยะ’ มาแอบแฝงอีกต่อไป Live Nation และ SeatGeek ให้คำมั่นด้านความโปร่งใสในการกำหนดราคาตั๋ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
บริษัทขายตั๋ว

บริษัทขายตั๋ว เช่น Live Nation และ SeatGeek เพิ่งให้คำมั่นว่าจะโปร่งใสมากขึ้นในเรื่องของราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ตกลงที่จะแสดงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมทั้งหมด รวมถึงค่าบริการและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ล่วงหน้าเมื่อลูกค้าซื้อตั๋ว สิ่งนี้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากตามปกติแล้วค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะถูกเพิ่มในขั้นตอนการชำระเงินขั้นสุดท้าย ซึ่งมักจะทำให้ลูกค้าประหลาดใจ

 

การเปลี่ยนแปลงแนวทางนี้ได้รับการประกาศที่ทำเนียบขาว โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าว ก่อนหน้านี้เขาเคยวิพากษ์วิจารณ์การเรียกเก็บเงินที่ไม่คาดคิดประเภทนี้ ซึ่งเขาระบุว่าเป็น ‘ค่าธรรมเนียมขยะ’

 

ในคำพูดของเขา ค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจเป็นการหลอกลวงและเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เขายังเน้นย้ำด้วยว่า สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อบุคคลในชนชั้นแรงงาน และอาจทำให้ครอบครัวจัดการการเงินได้ยากขึ้นอย่างมาก

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องชี้แจงว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจะถูกลบออกทั้งหมด แต่บริษัทจำหน่ายตั๋วได้ตกลงที่จะแจ้งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้ลูกค้าทราบตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยวิธีนี้ เมื่อลูกค้าตัดสินใจว่าจะซื้อตั๋วหรือไม่ พวกเขาจะสามารถเข้าใจค่าใช้จ่ายทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้ทราบขั้นตอนการตัดสินใจมากขึ้น

 

นโยบายใหม่จะใช้กับตั๋วที่ขายในสถานที่กว่า 200 แห่งที่ Live Nation เป็นเจ้าของ ที่สำคัญ Live Nation ยังเป็นเจ้าของ Ticketmaster ด้วย แต่การกำหนดราคาที่โปร่งใสไม่จำเป็นต้องใช้กับตั๋วทั้งหมดที่ Ticketmaster ขาย 

 

ในอดีต Ticketmaster ระบุว่า จะควบคุมค่าธรรมเนียมบางส่วนที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคเท่านั้น ในขณะที่ส่วนอื่นๆ จะเรียกเก็บจากสถานที่และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ดังนั้น เพื่อให้ Ticketmaster ใช้การกำหนดราคาที่โปร่งใสอย่างสมบูรณ์สำหรับตั๋วทั้งหมด จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกสถานที่ที่ร่วมงานด้วย

 

ค่าธรรมเนียมได้เข้ามาเพิ่มราคาค่าตั๋วเป็นอย่างมาก ในความเป็นจริง รายงานเมื่อปี 2018 โดยสำนักงานความรับผิดชอบของรัฐบาลประเมินว่า ค่าธรรมเนียมคิดเป็นประมาณ 27% ของราคาตั๋ว

 

SeatGeek บริษัทจำหน่ายตั๋ว ก็วางแผนที่จะเพิ่มความโปร่งใสด้านราคา โดยจะแนะนำคุณสมบัติใหม่ให้กับแพลตฟอร์ม เพื่อทำให้ราคาตั๋วชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับลูกค้า บริษัทมีตัวเลือกในการรวมค่าธรรมเนียมล่วงหน้า แต่ตอนนี้ได้ตกลงที่จะทำให้คุณสมบัตินี้ชัดเจนยิ่งขึ้นในระหว่างกระบวนการซื้อ

 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาของค่าธรรมเนียมที่น่าแปลกใจไม่ได้จำกัดเฉพาะอุตสาหกรรมตั๋วเข้าชมงานเท่านั้น ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นเรื่องปกติเช่นกันเมื่อผู้คนซื้อตั๋วเครื่องบินหรือจองห้องพักในโรงแรม และยังสามารถเรียกเก็บจากธนาคารและผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย 

 

ดังนั้น ฝ่ายบริหารของไบเดนจึงกำลังผลักดันให้เกิดความโปร่งใสในการกำหนดราคาที่เพิ่มขึ้นในภาคส่วนต่างๆ ไบเดนยังเป็นผู้สนับสนุน ‘กฎหมายป้องกันค่าธรรมเนียมขยะ’ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่เสนอในสภาคองเกรส ที่กำหนดให้บริษัทต่างๆ ต้องแสดงค่าธรรมเนียมล่วงหน้า และดำเนินการเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่มากเกินไป

 

แม้จะมีทิศทางเชิงบวก แต่การใช้การกำหนดราคาอย่างโปร่งใสไม่ใช่กระบวนการที่ราบรื่นเสมอไปสำหรับบริษัทต่างๆ อย่างเช่น ในปี 2014 StubHub พยายามแสดงค่าธรรมเนียมทั้งหมดล่วงหน้า แต่กระนั้นพวกเขาก็พบว่าลูกค้าเริ่มเปลี่ยนไปใช้เว็บไซต์จำหน่ายตั๋วอื่นๆ เนื่องจากตั๋วของ StubHub ดูเหมือนจะมีราคาแพงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกัน 

 

Ticketmaster สะท้อนข้อกังวลนี้โดยอธิบายว่า การเป็นบริษัทเดียวที่แสดงค่าธรรมเนียมทั้งหมดล่วงหน้าอาจทำให้ราคาของพวกเขาดูสูงขึ้น แม้ว่าต้นทุนรวมจะเท่ากันหรือน้อยกว่าคู่แข่งก็ตาม นี่เป็นความท้าทายสำคัญที่อุตสาหกรรมต้องเผชิญในขณะที่พวกเขามุ่งสู่การกำหนดราคาที่โปร่งใสมากขึ้น

 

อ้างอิง:

The post ไม่มี ‘ค่าธรรมเนียมขยะ’ มาแอบแฝงอีกต่อไป Live Nation และ SeatGeek ให้คำมั่นด้านความโปร่งใสในการกำหนดราคาตั๋ว appeared first on THE STANDARD.

]]>