คู่มือมนุษย์ยุค AI: Infinite Scaler – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 16 Oct 2025 07:36:51 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Solo Unicorn ในโลกจริง? เปิด Case Study สร้างแบรนด์ยาดม ด้วย 1 คน + 1 AI https://thestandard.co/ai-solo-unicorn-case-study/ Thu, 16 Oct 2025 07:36:51 +0000 https://thestandard.co/?p=1131399 nuanose-ai-solo-unicorn-case-study

“ธุรกิจพันล้านดอลลาร์ ที่สำเร็จได้จากแค่ผู้ประกอบการ + […]

The post Solo Unicorn ในโลกจริง? เปิด Case Study สร้างแบรนด์ยาดม ด้วย 1 คน + 1 AI appeared first on THE STANDARD.

]]>
nuanose-ai-solo-unicorn-case-study

“ธุรกิจพันล้านดอลลาร์ ที่สำเร็จได้จากแค่ผู้ประกอบการ + AI”

 

คือนิยามของ ‘Solo Unicorn’ ที่ Sam Altman เคยพูดไว้ ซึ่งไม่ว่าใครได้ฟังก็คงจะปักใจเชื่อไปแล้วว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน ธุรกิจระดับยูนิคอร์นที่ไหนจะใช้คนเพียงแค่นี้ ซึ่งปัจจุบันก็คงจริงตามนั้น ยังไม่มีใครที่ประสบความสำเร็จจากโมเดล ‘Solo Unicorn’ ที่ว่าได้เลย

 

ทว่าดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ ได้แบ่งปันประสบการณ์การลองท้าทายตัวเองในโจทย์ ‘1 ไอเดียธุรกิจ + หนึ่งคน + 1 เดือน + กองทัพ AI’ เพื่อสร้างแบรนด์ยาดมสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชื่อ ‘nuanose’ ไว้ในหนังสือ ‘คู่มือมนุษย์ยุค AI: Infinite Scaler’ ซึ่งแม้จะไปไม่ถึงฝั่งฝันคำว่า Unicorn แต่ก็เป็น Case Study การใช้ AI ทลายขีดจำกัดด้านการทำงานได้ดีสำหรับคนอยากเริ่มต้นทำธุรกิจ

 

จากของชำร่วยสู่ไอเดียธุรกิจ

 

จุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้มาจากการที่ ดร.ณภัทร เคยสั่งทำยาดมเป็นของชำร่วยให้ลูกค้าที่ปวดหัวกับปัญหา Big Data แต่กลับได้รับความสนใจและติดต่อกลับมาเพื่อขอ ‘เติมยาดม’ จึงกลายเป็นไอเดียตั้งต้นในการสร้าง ‘นัวโนส’ แบรนด์ยาดมสมัยใหม่ที่เข้าถึงคนเมืองที่เหนื่อยล้า

 

ดร.ณภัทร ใช้ AI Agent ที่ชื่อว่า ‘มานูเอล’ เป็นคู่หูในการระดมสมองและทำงาน ตั้งแต่การสร้างสรรค์ชื่อ ‘นัวโนส’ ที่มาจากคำว่า ‘nua’ หมายถึงการกอดหรือใกล้ชิด ผสมกับ ‘Nose’ และ Tagline ที่สื่อถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่อย่าง Aroma of Prosperity หรือ ‘หอมกลิ่นความเจริญ’

 

จากไอเดียสู่สินค้าจริงใน 24 ชั่วโมง

 

สิ่งที่น่าทึ่งคือกระบวนการสร้างแบรนด์ที่ปกติใช้เวลานานกลับรวดเร็วอย่างยิ่งเมื่อมี AI เข้ามาช่วย

 

ภายในเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ดร.ณภัทร สามารถออกแบบโลโก้, สร้างเนื้อหา, และทำเว็บไซต์เสร็จเกือบทั้งหมด โดยใช้มานูเอลในการเขียนข้อความ, Midjourney AI สำหรับสร้างภาพ และ Swipe Pages ในการทำเว็บไซต์

 

ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ทุกสิ่งที่จำเป็นต่อการสั่งผลิตสำเร็จ และถูกส่งแบบเป็นไฟล์ .ai ไปให้ผู้ผลิตทันที สำหรับนำเสนอและแจกจ่ายในงาน The Secret Sauce 

 

AI Agent ในบทบาทพนักงานขาย

 

ในการจำลองการขาย ได้มีการสร้าง Manuel Sales Agent ที่ทำหน้าที่เป็นพนักงานขายใน LINE OA

 

ลูกค้าสามารถพิมพ์สั่งยาดมด้วยภาษาพูดทั่วไป และ AI จะช่วยแนะนำกลิ่นที่เหมาะกับแต่ละคน

 

AI สามารถรับออร์เดอร์, รวมราคา, แจ้งข้อมูลที่อยู่ และจบกระบวนการซื้อขายทั้งหมดได้ภายใน LINE อีกด้วย

 

แม้แบรนด์ NuaNose จะยังห่างไกลจากคำว่า Unicorn แต่ประสบการณ์นี้พิสูจน์ให้เห็นว่า AI คือเครื่องมือขยายขอบเขตความสามารถที่แท้จริง คนที่ไม่มีพื้นฐานในอุตสาหกรรมรีเทลและไม่ได้เป็นนักออกแบบ ก็สามารถเริ่มต้นธุรกิจและพัฒนาสินค้าได้ไกลในเวลาจำกัด 

 

โลกข้างหน้าเป็นโลก ‘Not Normal’ และวิธีการสร้างธุรกิจที่ดี ได้เปลี่ยนไปแล้วด้วย AI การท้าทายนี้เป็นเสมือน “กำลังใจ” ให้ผู้คนกล้าที่จะลองทำไอเดียที่ไม่ธรรมดา เพราะหากล้มเหลวก็สามารถมูฟออนได้อย่างรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ

The post Solo Unicorn ในโลกจริง? เปิด Case Study สร้างแบรนด์ยาดม ด้วย 1 คน + 1 AI appeared first on THE STANDARD.

]]>
ความรักและจิตวิญญาณ คำตอบสุดท้ายของมนุษย์ยุค AI: ถอดบทเรียนจาก Session ‘เหลืออะไรให้มนุษย์ทำบ้างในยุค AI’ https://thestandard.co/human-guide-in-ai-era/ Fri, 26 Sep 2025 01:00:36 +0000 https://thestandard.co/?p=1122869 human-guide-in-ai-era

ไม่มีใครเถียงแล้วว่า AI กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในหลายเรื […]

The post ความรักและจิตวิญญาณ คำตอบสุดท้ายของมนุษย์ยุค AI: ถอดบทเรียนจาก Session ‘เหลืออะไรให้มนุษย์ทำบ้างในยุค AI’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
human-guide-in-ai-era

ไม่มีใครเถียงแล้วว่า AI กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในหลายเรื่อง และก็ไม่แปลกที่หลายคนจะเริ่มตั้งคำถามว่ามันจะมาแย่งงานเราหมดหรือเปล่า?

 

ในงานเปิดตัวหนังสือ ‘คู่มือมนุษย์ในยุค AI: Infinite Scaler’ ของ ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ ได้ชวน เคน-นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ และ แป้งร่ำ-ชมพูนุท ดีประวัติ (บรรณาธิการหนังสือ) มาคุยกันในเวที Panel Talk ตั้งคำถามใหญ่ระดับชีวิตว่า เมื่อ AI เก่งขึ้นเรื่อยๆ มนุษย์ยังเหลืออะไรให้ทำ? และที่สำคัญกว่านั้น คุณค่าความเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน?

 

ความกลัวเป็นแรงผลักให้เราเรียนรู้

 

ความกลัวการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องใหม่ มนุษย์เคยกลัวมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ยุคเครื่องจักรเข้ามาแทนแรงงานคน แต่ทุกครั้งที่เรากลัวคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้

 

เพราะเมื่อเรากลัว เราจะตั้งคำถาม พยายามเข้าใจสิ่งใหม่ๆ และสุดท้ายก็เปลี่ยนความกลัวเป็นโอกาส

การมาถึงของ AI จึงไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นเหมือนแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้เราต้องย้อนกลับมามองตัวเองใหม่ ว่าเรามีค่าเพราะอะไร และเราอยากใช้ชีวิตแบบไหน?

 

AI คือเครื่องมือ ไม่ใช่ตัวแทน

 

AI เหมือนคลื่นลูกใหญ่ที่ถาโถมเข้ามาในทุกวงการ แต่สิ่งที่หลายคนลืมคือ มันไม่ได้เกิดมาเพื่อแย่งงานเราทั้งหมด

 

AI เก่งในเรื่องที่มนุษย์ไม่ถนัด เช่น งานซ้ำๆ งานที่ไม่ต้องใช้หัวใจ แต่ในทางกลับกัน มันเปิดพื้นที่ให้เรากลับมาใช้เวลาไปกับสิ่งที่สำคัญจริงๆ

 

หัวใจสำคัญของ AI คือมันจะช่วยแบ่งเบาภาระ ให้มนุษย์ได้มีเวลาคิด สร้าง และเติบโตในแบบที่เราเป็นนั่นเอง

 

‘กันและกัน’ คือแต้มต่อของมนุษย์

 

เมื่อ AI เข้าถึงข้อมูลได้เร็วกว่า คิดวิเคราะห์ได้แม่นกว่า เราคงไม่ต้องแข่งกับมันด้วยความฉลาดอีกต่อไป แต่ก็ยังมีสิ่งที่มันอาจไม่มีวันได้ ได้แก่

  • ความหมาย (Meaning) – AI ไม่เข้าใจว่าเบื้องหลังงานสร้างสรรค์คือความตั้งใจและแรงบันดาลใจ
  • ความสัมพันธ์ (Relationships) – ความผูกพัน ความเข้าอกเข้าใจ หรือแค่การฟังใครสักคนด้วยใจจริง AI ก็ยังทำไม่ได้
  • จริยธรรมและความรับผิดชอบ (Responsibility & Ethics) – มนุษย์เท่านั้นที่เลือกได้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร สวนทางกับ AI ที่แค่ทำตามคำสั่ง
  • แรงเสียดทาน (Friction) – ความไม่สมบูรณ์แบบ ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์ที่มีเรื่องเล่า

 

ความรักและจิตวิญญาณ คือสิ่งที่ AI ไม่มีวันเลียนแบบ

 

สุดท้ายแล้ว คำถาม “เรายังเหลืออะไรให้ทำในยุค AI?” อาจไม่ได้อยู่ที่เราจะต้องเก่งกว่า หรืออัปสกิลตลอดเวลา

 

แต่อยู่ที่ว่า…เรายังรักเป็นอยู่ไหม? เรายังเข้าใจคนข้างๆ ได้ไหม?


เรายังมีความฝัน ความหวัง และจิตวิญญาณในการใช้ชีวิตอยู่หรือเปล่า?

 

เพราะ AI อาจเก่งเรื่องการแก้ปัญหา แต่มันไม่เคยปลอบใจใครได้ ไม่เคยทำให้ใครรู้สึกว่ามีคนเข้าใจเราได้จริงๆ

 

ดังนั้น AI ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่มันชวนให้เรากลับมาทบทวนตัวเองมากขึ้น ว่าอะไรคือสิ่งที่มีความหมายจริงๆ สำหรับเรา และเราจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ไปด้วยหัวใจแบบไหน

 

The post ความรักและจิตวิญญาณ คำตอบสุดท้ายของมนุษย์ยุค AI: ถอดบทเรียนจาก Session ‘เหลืออะไรให้มนุษย์ทำบ้างในยุค AI’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรอบคิดพัฒนาทักษะให้เหมือน ‘บ่มไวน์’ อยู่รอดอย่างมีคุณค่าในยุค AI https://thestandard.co/ai-infinite-scaler-human-skills-ai-era/ Tue, 23 Sep 2025 09:43:06 +0000 https://thestandard.co/?p=1121902 AI: Infinite Scaler

ในโลกที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี AI กำลังวิ่งแซงหน้าเรา […]

The post กรอบคิดพัฒนาทักษะให้เหมือน ‘บ่มไวน์’ อยู่รอดอย่างมีคุณค่าในยุค AI appeared first on THE STANDARD.

]]>
AI: Infinite Scaler

ในโลกที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี AI กำลังวิ่งแซงหน้าเราไปทุกวัน คุณเคยหยุดคิดไหมว่า ‘ทักษะ’ ที่เรามีอยู่ในวันนี้ จะยังมีคุณค่าอยู่หรือเปล่าในอีก 5 ปีข้างหน้า?

 

หนังสือ ‘คู่มือมนุษย์ยุค AI: Infinite Scaler’ โดยดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ เปรียบเปรยการพัฒนาทักษะในโลกยุคใหม่ ว่าต้องเหมือน ‘ไวน์แดงชั้นเลิศ’ ที่ยิ่งบ่มนานก็ยิ่งทรงคุณค่า นุ่มลึก ซับซ้อน และหายาก ไม่ใช่ ‘โยเกิร์ต’ ที่แม้จะอร่อยเลิศเพียงใดก็จะหมดอายุในไม่ช้า

 

ทักษะไหนในยุค AI ที่ต้องบ่มรอ

 

การจะเป็นมนุษย์ที่สร้างคุณค่าได้ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทนั้น ไม่ใช่แค่การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เท่านั้น แต่คือการบ่มเพาะคุณสมบัติที่ AI ยังไม่สามารถเลียนแบบได้อย่างสมบูรณ์แบบ ได้แก่

 

🔸 ทักษะที่ไม่ใช่ความรู้ (Non-cognitive Skills) และทักษะทางสังคม (Social Skills)

ทุกวันนี้ข้อมูลหาได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้ว ทักษะด้านอารมณ์และสังคมจึงมีราคาสูงขึ้นอย่างมหาศาล เพราะ AI ไม่สามารถสัมผัสถึงความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ หรือสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้ การเป็นคนที่มีทักษะในการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม และการสร้างความสัมพันธ์ จึงเป็นสิ่งล้ำค่าที่ AI ยังเข้ามาแทนที่ไม่ได้

 

🔸ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ หรือ We-Q) คือความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น ไม่ใช่แค่การควบคุมอารมณ์ของตัวเองเท่านั้น แต่เป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีให้ทีมสามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้เสมอ

 

🔸 ความฉลาดทางเศรษฐกิจ (Economic IQ) คือทักษะการตัดสินใจ การจัดสรรทรัพยากร และการเลือกใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง ซึ่งในยุคที่ข้อมูลมีมากมายจนล้นหลาม ความสามารถในการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดคือสิ่งที่จะสร้างความแตกต่างได้อย่างแท้จริง และนี่คือสิ่งที่คุณควรลงทุนเวลาและพลังงานไปกับมัน

 

🔸สร้างพอร์ตโฟลิโอของคุณเองตั้งแต่วันนี้

อย่าฝากอนาคตทั้งหมดไว้กับเงินเดือนเพียงอย่างเดียว เพราะอัตราผลตอบแทนจากทุนมักจะสูงกว่าอัตราการเติบโตของค่าจ้าง การเริ่มต้นลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้น, อสังหาริมทรัพย์, หรือแม้แต่ธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง จะช่วยให้คุณสามารถสร้างความมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว

 

5 ทักษะที่สอนให้คนไทยตามทันโลก

 

นอกจากทักษะที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีทักษะพื้นฐานอีก 5 ประการที่ควรปลูกฝังในตัวเราและลูกหลาน เพื่อให้พร้อมรับมือกับทุกความเปลี่ยนแปลง

 

🔸สอนให้ใฝ่รู้: โลกยุคใหม่ต้องการคนที่เปิดใจเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพราะความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้นทุกวัน

 

🔸สอนให้เรียนรู้เป็น: ทุกคนมีวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน การค้นหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองจะทำให้การพัฒนาทักษะเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

 

🔸สอนว่า ‘ความรู้’ ไม่เท่ากับ ‘ความคิด’: ความรู้เป็นแค่ข้อมูล แต่ความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ และการแก้ไขปัญหา คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีคุณค่าและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้

 

🔸สอนให้เถียงอย่างมีเหตุผล: การถกเถียงด้วยข้อมูลและตรรกะคือทักษะสำคัญที่ช่วยพัฒนาความคิดอย่างเป็นระบบและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ดีขึ้น

 

🔸สอนให้เขียน: การเขียนไม่ได้เป็นแค่ทักษะทางภาษา แต่คือกระบวนการคิดที่ช่วยให้เราจัดระเบียบความคิด สื่อสารเรื่องที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย และเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการโน้มน้าวใจผู้อื่น

 

How to บ่มไวน์ เริ่มง่ายๆ วันนี้เลย

 

🔸เลือกหนึ่งด้านในชีวิตที่ยังไม่ทันยุคหรือไม่สร้างสรรค์ แล้วเขียนขั้นตอนเล็กๆ สำหรับเปลี่ยนแปลงตนเอง

 

🔸ใช้เวลา 15 นาทีในแต่ละวัน คิดหรือทดลองเรื่องใหม่ๆ

 

🔸เขียนทักษะ 3 อย่างที่มีตอนนี้ ซึ่งคนชมว่าดี แล้วลองประเมินว่ามันเป็นทักษะที่ยืนยาวเหมือนไวน์ หรืออายุสั้นเหมือนโยเกิร์ต

 

🔸เลือกทักษะยืนยาวที่อยากพัฒนา และใช้เวลา 30 นาทีในวันพรุ่งนี้สำหรับเริ่มต้นก้าวแรกของการฝึกฝน

 

🔸ลองจินตนาการตลาดแรงงานในอีก 10 ปีข้างหน้า ว่าทักษะใดที่จะเป็นที่นิยม และทักษะใดที่กำลังจะถูกทิ้งร้าง 

 

อนาคตกำลังจะถูกกำหนดโดยผู้ที่สามารถปรับตัวและพัฒนาตัวเองได้เร็วที่สุด อย่าให้ความกลัวมาบั่นทอนศักยภาพของคุณ เพราะการลงทุนในทักษะที่ไม่มีวันหมดอายุ คือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดเสมอ

 

เมื่อคุณพร้อมที่จะเริ่มบ่มไวน์ในตัวคุณเองแล้ว คุณจะพบว่าโลกนี้ยังมีโอกาสอีกมากมายที่รอให้คุณไปค้นพบและสร้างสรรค์มันขึ้นมาด้วยมือของคุณเอง

The post กรอบคิดพัฒนาทักษะให้เหมือน ‘บ่มไวน์’ อยู่รอดอย่างมีคุณค่าในยุค AI appeared first on THE STANDARD.

]]>
บริหาร เงิน-ทักษะ-เวลา หรือ ‘สามเป็นไปไม่ได้’ อย่างไรให้สมดุล จากหนังสือ ‘คู่มือมนุษย์ยุค AI: Infinite Scaler’ https://thestandard.co/ai-infinite-scaler/ Thu, 11 Sep 2025 04:11:43 +0000 https://thestandard.co/?p=1118072 AI: Infinite Scaler

เคยสังเกตไหมว่าความสำเร็จในหน้าที่การงาน ความมั่งคั่ง แ […]

The post บริหาร เงิน-ทักษะ-เวลา หรือ ‘สามเป็นไปไม่ได้’ อย่างไรให้สมดุล จากหนังสือ ‘คู่มือมนุษย์ยุค AI: Infinite Scaler’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
AI: Infinite Scaler

เคยสังเกตไหมว่าความสำเร็จในหน้าที่การงาน ความมั่งคั่ง และเวลาที่จะใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ เหตุใดสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นได้พร้อมกัน?

 

คำตอบของคำถามนี้ไม่ได้อยู่ที่โชคชะตา แต่อยู่ในแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่เรียกว่า ‘สามเป็นไปไม่ได้’ (Impossible Trinity) ซึ่งดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ ผู้เขียนหนังสือ ‘คู่มือมนุษย์ยุค AI: Infinite Scaler’ ได้นำมาเปรียบเทียบกับชีวิตของเราในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และใกล้ตัว

 

เมื่อ ‘สามเป็นไปไม่ได้’ ไม่ได้อยู่แค่ในตำราเศรษฐศาสตร์

 

ย้อนไปในปี 1997 นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการที่ประเทศไทยพยายามจะควบคุม 3 สิ่งไปพร้อมกัน ได้แก่ การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนคงที่, การปล่อยให้เงินทุนเคลื่อนย้ายเสรี, และการกำหนดนโยบายการเงินได้อย่างอิสระ 

 

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว 3 สิ่งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันได้ นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า ‘สามเป็นไปไม่ได้’ หรือ Impossible Trinity

 

ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐศาสตร์ แต่ในชีวิตของเราก็มี ‘สามเป็นไปไม่ได้’ เช่นกัน เพียงแต่เปลี่ยนจากเรื่องเศรษฐกิจมาเป็น 3 ทุนชีวิตสำคัญ ได้แก่ เวลา ทักษะ และเงิน

 

เวลา: ทุนชีวิตที่ทุกคนมีเท่ากันตอนเกิด แต่เมื่อโตขึ้นเวลาจะผันผวนและยิ่งหายากขึ้นเรื่อย ๆ

 

ทักษะ: เครื่องมือทำมาหากิน บางอย่างมีติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่หลายอย่างต้องใช้เวลาและเงินเพื่อฝึกฝน

 

เงิน: สะพานที่จะพาเราไปสู่เป้าหมายต่าง ๆ และบางครั้งก็เป็นทางลัดที่จะ ‘ซื้อ’ ทั้งเวลาและทักษะได้

 

ปัญหาคือ 3 สิ่งนี้มักไม่มาพร้อมกันในสัดส่วนที่สมดุลเลยในทุกช่วงชีวิตของเรา

 

ในวัยเรียน เราอาจมีเวลามากมาย แต่ขาดทักษะและเงิน พอเรียนจบ เราอาจคิดว่ามี ทักษะที่ดีพอ แต่กลับยังไม่มีเงิน เมื่อมีงานทำและมีรายได้ เราอาจต้องทำงานหนักจน ไม่มีเวลาให้ตัวเองและคนที่เรารัก กระทั่งวันที่เราประสบความสำเร็จ มีทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่สุดท้าย เวลาก็ยังเป็นสิ่งที่ขาดแคลนอยู่ดี

 

AI คือ ‘โอกาสทอง’ ที่จะทำลายวงจรสามเป็นไปไม่ได้

 

ชีวิตเปรียบเสมือนการเดินทางที่เราต้องบริหาร 3 ทุนนี้ไปตลอดเส้นทาง และในยุค AI เราอาจเกิดความกลัวว่าทุกอย่างจะยิ่งยากขึ้น เพราะ AI สามารถทำงานหลายอย่างได้ดีและเร็วกว่ามนุษย์มาก จนหลายบริษัทอาจลดพนักงานลง นี่คือสถานการณ์ที่ทำให้ภูเขาแห่งความสำเร็จดูสูงชันขึ้นไปอีก

 

แต่ดร.ณภัทรกลับมองว่า นี่คือโอกาสที่จะทำลาย ‘สามเป็นไปไม่ได้’ ในชีวิตของเรา เพราะ AI จะเข้ามาช่วยบริหารและเชื่อมต่อ 3 ทุนชีวิตนี้ให้เราได้ดีขึ้น

 

แล้วเราจะเริ่มต้นอย่างไร?

 

1. ประเมินสามเหลี่ยมของคุณ: ลองมองดูว่าตอนนี้คุณมี เวลา ทักษะ และเงิน อยู่ในระดับไหน และอะไรคือสิ่งที่ขาดแคลนมากที่สุด

 

2. ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ โดยเน้นจุดอ่อน: แทนที่จะพยายามแก้ไขทุกอย่างพร้อมกัน ลองเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ที่เป็นจุดอ่อนที่สุด เช่น จัดเวลา 30 นาทีต่อวันเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ หรือตั้งเป้าหมายการออมเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ

 

3. ปรับมุมมองต่อปัญหา: วิเคราะห์ว่าความขัดแย้งใดในชีวิตที่สามารถรับมือได้ เช่น เงิน VS เวลา เลือกที่จะเน้นพัฒนาในด้านหนึ่ง ขณะที่ประนีประนอมกับอีกด้าน

 

ในยุคที่ AI เปลี่ยนเกมชีวิตมนุษย์ เราไม่จำเป็นต้องยอมรับว่าสามทุนนี้ไม่มีวันสมดุลอีกต่อไป แค่ต้องเข้าใจโจทย์ใหม่ และมีเข็มทิศที่ดี

 

พบคำตอบการใช้ ‘สามเป็นไปไม่ได้’ เป็นเข็มทิศนำทางชีวิตในยุค AI และจะใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยบริหาร 3 ทุนชีวิตนี้ให้สมดุลได้อย่างไร? อ่านต่อได้ในหนังสือ ‘คู่มือมนุษย์ยุค AI: Infinite Scaler’

The post บริหาร เงิน-ทักษะ-เวลา หรือ ‘สามเป็นไปไม่ได้’ อย่างไรให้สมดุล จากหนังสือ ‘คู่มือมนุษย์ยุค AI: Infinite Scaler’ appeared first on THE STANDARD.

]]>