คานเย่ เวสต์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 02 May 2023 23:56:27 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 นักลงทุนยื่นฟ้อง adidas เพราะเชื่อว่ากลุ่มผู้บริหารรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมสุดโต่งของ Ye แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวมากพอที่จะปกป้องธุรกิจและนักลงทุน https://thestandard.co/adidas-deceived-investors/ Tue, 02 May 2023 10:29:52 +0000 https://thestandard.co/?p=784190 adidas

เหล่านักลงทุนกำลังยื่นฟ้องร้อง adidas เพราะเชื่อว่ายักษ […]

The post นักลงทุนยื่นฟ้อง adidas เพราะเชื่อว่ากลุ่มผู้บริหารรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมสุดโต่งของ Ye แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวมากพอที่จะปกป้องธุรกิจและนักลงทุน appeared first on THE STANDARD.

]]>
adidas

เหล่านักลงทุนกำลังยื่นฟ้องร้อง adidas เพราะเชื่อว่ายักษ์กีฬาไม่ได้จัดการความเสี่ยงที่มาพร้อมการร่วมงานกับ Ye (หรือชื่อเดิม Kanye West) พวกเขาอ้างว่า adidas รู้เกี่ยวกับพฤติกรรมสุดโต่งของ Ye แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวมากพอที่จะปกป้องบริษัทและนักลงทุน

 

ในยุครุ่งเรือง ความร่วมมือของ adidas กับ Ye ส่งผลดีอย่างมากต่อบริษัท โดยคอลเล็กชันรองเท้าและเสื้อผ้า Yeezy กลายเป็นที่ชื่นชอบของสตรีทแวร์อย่างรวดเร็ว แต่รอยร้าวเริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ Ye แสดงความคิดเห็นที่เป็นที่ถกเถียงกันมากขึ้น

 

ในการสัมภาษณ์ Padcast ที่เผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคม 2022 เขาโอ้อวดว่า เขาสามารถกล่าวคำต่อต้านชาวยิวได้ และ adidas จะไม่ตัดสัมพันธ์กับเขา 

 

“ฉันพูดเรื่องต่อต้านยิวได้ และ adidas ก็ทิ้งฉันไม่ได้ แล้วไงต่อ”

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

คำพูดดังกล่าวทลายจุดแตกหัก เมื่อ adidas ตัดสินใจยุติความร่วมมือกับ Ye โดยประกาศเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า จะยุติการผลิตสินค้าแบรนด์ Yeezy ทันที และหยุดการจ่ายเงินทั้งหมดให้กับ Ye และบริษัทของเขา

 

adidas จะไม่ทนต่อการต่อต้านชาวยิวและคำพูดแสดงความเกลียดชังอื่นๆ แถลงการณ์ระบุในตอนนั้น “ความคิดเห็นและการกระทำล่าสุดของ Ye เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะเขาได้แสดงความเกลียดชังและเป็นอันตราย” โดยการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ adidas มีสินค้า Yeezy จำนวนมากถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 4.4 หมื่นล้านบาท ที่ยังค้างอยู่ในคลัง

 

สำหรับการยื่นฟ้องได้อ้างถึงรายงานจาก Wall Street Journal ระบุว่า ผู้บริหารของ adidas ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบของบริษัท ได้พูดคุยเกี่ยวกับความเสี่ยงในการทำงานกับ Ye เมื่อ 4 ปีก่อน แม้จะทราบเกี่ยวกับความเสี่ยงเหล่านี้ แต่บริษัทก็ยังคงเป็นหุ้นส่วนกับเขาต่อไป

 

หากศาลรับฟ้อง คดีดังกล่าวก็จะเกี่ยวข้องกับนักลงทุนที่ซื้อหุ้น adidas ระหว่างวันที่ 3 พฤษภาคม 2018 – 21 กุมภาพันธ์ 2023 โดยคดีนี้ถูกยื่นฟ้องโดย The Hampton Roads Shipping Association และ The International Longshoremen’s Association ที่อยู่ในเวอร์จิเนีย

 

กลุ่มเหล่านี้ซื้อหุ้น adidas จำนวน 2,837 หุ้นในช่วงต้นปี 2022 เป็นเงินมากกว่า 350,000 ดอลลาร์ จากนั้นพวกเขาก็ขายหุ้นในเดือนธันวาคม 2022 และขาดทุนไปประมาณ 175,000 ดอลลาร์

 

หลังยุติความร่วมมือกับ Ye ทาง adidas ได้ตัดสินใจให้ความสำคัญกับกีฬามากขึ้น เช่น บาสเกตบอล และฟุตบอล โดย Bjørn Gulden ซีอีโอคนใหม่ของบริษัท เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้ 

 

adidas ยังหวังว่า รองเท้าสนีกเกอร์รุ่นอื่นๆ เช่น Samba, Gazelle และ Spezial จะได้รับความนิยมมากขึ้นและชดเชยการสูญเสียแบรนด์ Yeezy

 

ภาพ: Jonathan Leibson / Getty Images for ADIDAS

อ้างอิง:

The post นักลงทุนยื่นฟ้อง adidas เพราะเชื่อว่ากลุ่มผู้บริหารรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมสุดโต่งของ Ye แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวมากพอที่จะปกป้องธุรกิจและนักลงทุน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ล้ำเส้นเกินไป? จากจดหมายขอโทษถึงคำขู่ฆ่า เปิดเบื้องลึกกรณีอื้อฉาวของ Balenciaga วิกฤตนี้ต้องลงทางไหนถึงเจ็บน้อยที่สุด? https://thestandard.co/balenciaga-bdsm-advert/ Thu, 15 Dec 2022 04:09:29 +0000 https://thestandard.co/?p=723993

Gabriele Galimberti เป็นช่างภาพหนุ่มหน้าเข้มผู้กดชัตเตอ […]

The post ล้ำเส้นเกินไป? จากจดหมายขอโทษถึงคำขู่ฆ่า เปิดเบื้องลึกกรณีอื้อฉาวของ Balenciaga วิกฤตนี้ต้องลงทางไหนถึงเจ็บน้อยที่สุด? appeared first on THE STANDARD.

]]>

Gabriele Galimberti เป็นช่างภาพหนุ่มหน้าเข้มผู้กดชัตเตอร์ถ่ายภาพเด็กหญิงตัวน้อยกำลังอุ้มตุ๊กตาหมีที่สวมโซ่ แส้ กุญแจมือ รวมถึงอุปกรณ์พันธนาการในธีม BDSM หรือ S&M สำหรับแคมเปญโฆษณาล่าสุดที่ Balenciaga เพิ่งระงับไป วันนี้ Galimberti เชื่อว่าความล่าช้าของแบรนด์ในการขอโทษเป็นตัวการสำคัญที่นำไปสู่ผลเสียอื่นตามมา ตัวอย่างเช่นคำขู่ฆ่าหลายพันข้อความที่เขาได้รับมา

 

Galimberti ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Guardian ว่า ทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่ใช้ในภาพ แต่ตัวเขาได้รับข้อความข่มขู่ เช่น “เรารู้ว่าแกอยู่ที่ไหน”, “เรากำลังจะมาฆ่าแกและลูกเมียแก”, “เราจะเผาบ้านแก”, “แกต้องฆ่าตัวตายไปซะ ไอ้พวกชอบใคร่เด็ก” โดยบอกว่ากว่า 90% ของข้อความมาจากผู้คนที่โกรธแค้นในสหรัฐฯ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

Galimberti ย้ำว่าตัวเขาทำงานกับภาพเด็กที่ถือตุ๊กตาหมีในชุดอุปกรณ์พันธนาการเท่านั้น แต่ไม่รวมแคมเปญ adidas x Balenciaga ที่มีกระเป๋าถือวางอยู่บนเอกสารระบุรายละเอียดเกี่ยวกับคดีภาพล่วงละเมิดเยาวชน อย่างไรก็ตาม แคมเปญทั้งสองมักถูกแชร์ร่วมกันบน Twitter ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า Galimberti ทำงานกับทั้ง 2 แคมเปญ เมื่อหลายสื่อนำภาพของทั้ง 2 แคมเปญจากโซเชียลมีเดียมาเผยแพร่พร้อมกัน ดังนั้นเพื่อปกป้องตัวเอง Galimberti จึงต้องฟ้องร้องสื่อใหญ่ 4 แห่งในเวลานี้

 

รายงานของ The Guardian สะท้อนว่าช่างภาพอย่าง Galimberti ไม่ค่อยใส่ใจในรูปลักษณ์ของสิ่งที่จะถ่ายในช่วงก่อนถ่ายทำ ด้วยความที่เป็นช่างภาพสารคดี จึงถ่ายภาพสิ่งที่พบเห็นโดยอัตโนมัติ ตรงนี้ Galimberti บอกว่าถ้าห้องเป็นสีแดงหรือสีเหลือง ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรในความคิดของเขา

 

ความเห็นนี้ถูกนำไปเชื่อมกับแถลงการณ์ที่เผยแพร่บน Instagram เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ซึ่ง Balenciaga กล่าวว่ากำลังดำเนินการทางกฎหมายกับทุกฝ่ายที่รับผิดชอบในการสร้างฉาก รวมถึงรายการที่ไม่ได้รับอนุญาตสำหรับการถ่ายภาพแคมเปญฤดูใบไม้ผลิ 2023 ของบริษัท โดยเวลานั้น Galimberti ได้โพสต์ข้อความตอบกลับ ปฏิเสธว่าเขาไม่มีส่วนในการตัดสินใจเกี่ยวกับวัตถุในภาพ

 

จนเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2022 ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์อย่าง Demna ได้ออกมาโพสต์ข้อความขอโทษและรับผิดชอบต่อภาพดังกล่าว แต่ Galimberti มองว่าจดหมายนี้ไม่มีผล เพราะความล่าช้าของ Balenciaga กำลังนำไปสู่ความเสียหายมากขึ้น โดยที่ผ่านมา Galimberti เล่าว่าได้เขียนอีเมลถึง Balenciaga ทุกวัน วันละ 2, 3 หรือ 4 ฉบับ เพื่อบอกว่ามีคนกำลังตามล่าเขาและครอบครัว แต่ Balenciaga กลับแนะนำให้ตั้งค่าบัญชี Instagram เป็นแบบส่วนตัวเพื่อจำกัดข้อความ

 

 

เบื้องหลังหลายซ้อน

Galimberti ยังเล่าถึงการทำงานที่เข้มงวดในกองถ่ายกับทีมงานของ Balenciaga ว่าดำเนินการขั้นแรกโดยให้ถ่ายภาพหุ่นจำลองในภาพทดสอบ ก่อนที่นางแบบเด็กจะถูกถ่ายภาพในท่าทางที่กำหนด โดย Galimberti เล่าว่าเมื่อถ่ายภาพบางส่วนแล้วจะมีการส่งต่อจากกล้องไปยัง ‘คอมพิวเตอร์ของใครบางคน’ จากนั้นจะส่งภาพถ่ายเหล่านี้ไปยัง ‘คนที่สำนักงานใหญ่ของ Balenciaga’ ซึ่งเมื่อได้รับคำตอบตกลง ทีมถ่ายทำจะเปลี่ยนหุ่นให้เป็นนางแบบเด็กตัวจริง 

 

Galimberti ไม่ทราบว่าคนที่อนุมัติรูปถ่ายทั้งหมดคือ Demna หรือไม่ และยืนยันว่าไม่ได้พบหรือพูดคุยกับนักออกแบบเลย นอกจากนี้ นางแบบเด็กที่ใช้ในการถ่ายทำคือบุตรหลานของพนักงาน Balenciaga ซึ่งติดตามไปในการถ่ายทำ จุดนี้ Galimberti กล่าวว่าผู้ปกครองของเด็กที่ถือตุ๊กตาหมีนั้นไม่ได้กังวลใจ และเมื่อทุกคนเห็นกระเป๋าเหล่านั้น ต่างบอกว่าเป็นการตกแต่งสไตล์พังก์ (Punk) ไม่มีใครกล่าวถึง BDSM สักคน

 

Galimberti เผยว่าตัวเขาเชื่อใจใน Balenciaga เต็มที่ และในเวลานั้นก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ ขณะเดียวกันนี่ยังเป็นครั้งแรกที่ Galimberti ทำงานในแคมเปญแฟชั่น หลังจากที่สร้างชื่อใน 2 โปรเจกต์ภาพชุดที่เป็นไวรัลทั้ง Toy Stories ซึ่งแสดงถึงเด็กที่ล้อมรอบด้วยของเล่น และภาพชุด The Ameriguns ซึ่งเปิดตัวในปี 2020 ด้วยภาพถ่ายชาวอเมริกันกับอาวุธปืนส่วนตัว จุดนี้ Galimberti เล่าว่า ในเวลานั้นผู้คนก็กล่าวหาว่า Galimberti เป็นบุคคลเกลียดปืน ซึ่งแม้เขาจะต่อต้านปืนจริง แต่การล่วงละเมิดเด็กนั้นเป็นข้อหาที่เขารับไม่ได้

 

Galimberti เล่าด้วยว่าเขารับงานของ Balenciaga เพราะค่าจ้างที่คิดเป็น 20 เท่าของค่าจ้างสำหรับงานสารคดี อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ถูกต่อต้าน ตัวเขาสูญเสียงานรวมถึงโปรเจกต์กับ National Geographic และงานนิทรรศการที่กำลังจะจัดขึ้นอย่างน่าเสียดาย

 

ขอโทษช้าเกิน?

หากมองย้อนไปถึงโพสต์ของ Demna เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Balenciaga บอกในบัญชี Instagram ของตัวเอง โดยใช้คำว่า “ขออภัยเป็นการส่วนตัว” สำหรับการเลือกแนวคิดทางศิลปะที่ไม่ถูกต้อง มีการใช้คำว่า “ผมต้องรับผิดชอบเอง” และการยอมรับว่า “เป็นสิ่งไม่เหมาะสมที่จะให้เด็กน้อยโปรโมตสิ่งของที่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา”

 

หัวเรือใหญ่ดีไซเนอร์ Balenciaga เสริมว่า แม้ว่าจะพยายามสร้างงานที่กระตุ้นความคิด แต่ Demna ก็ไม่เคยตั้งใจที่จะทำเรื่องเลวร้ายอย่างการล่วงละเมิดเด็ก โดยบอกว่าตัวเขาจำเป็นต้อง ‘เรียนรู้จากเรื่องนี้’ และขอให้ทุกคนเห็นความมุ่งมั่นของ Balenciaga ในการดำเนินการในอนาคต

 

“ไม่เพียงแต่เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่คล้ายคลึงกันในอนาคตเท่านั้น แต่ยังต้องรับผิดชอบในการปกป้องสวัสดิภาพเด็กในทุกวิถีทางที่เราสามารถทำได้”

 

ในวันเดียวกัน Balenciaga ก็ประกาศที่ Instagram ของแบรนด์เพื่อยืนยันว่าแบรนด์จะถอนฟ้องคดีมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์ เป็นการตัดสินใจที่จะไม่ดำเนินคดีกับช่างภาพและทีมครีเอทีฟของแคมเปญอื้อฉาวอีกต่อไป โดยแถลงการณ์ย้ำคำขอโทษของ Balenciaga ว่า “เราต้องการเรียนรู้ ช่วยเหลือ และมีส่วนร่วมในการปกป้องเยาวชน”

 

การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Balenciaga เคยออกแถลงการณ์บน Instagram แสดงความรับผิดชอบในการหาตัวคนผิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ด้วยการบอกว่าสิ่งของทั้งหมดที่รวมอยู่ในการถ่ายทำนี้ จัดทำโดย ‘บุคคลที่สาม’ สำหรับกรณีของแคมเปญ adidas x Balenciaga ที่มีกระเป๋าถือวางอยู่บนเอกสารระบุรายละเอียดเกี่ยวกับคดีภาพล่วงละเมิดเยาวชนนั้น 

 

มีการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าอุปกรณ์ประกอบฉากเหล่านี้เป็นเอกสารจำลอง แต่เมื่อเอกสารกลายเป็นเอกสารทางกฎหมายที่แท้จริงโดยไม่ได้รับการอนุมัติ แบรนด์จึงขอยอมรับว่าเป็นผลมาจากความประมาทเลินเล่อ ซึ่ง Balenciaga ได้ยื่นเรื่องเพื่อดำเนินการสอบสวนภายใน โดย Balenciaga จะมีแผนปฏิบัติการด้านอื่นที่จะทำคู่ไปด้วย นั่นคือการวางรากฐานกับองค์กรที่เชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองเด็ก เพื่อมุ่งยุติการล่วงละเมิดและการแสวงประโยชน์จากเด็กอย่างยั่งยืน

 

 

แถลงการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่คุณแม่ลูก 4 อย่าง Kim Kardashian ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแคมเปญ Balenciaga ใน Instagram Stories เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ว่า เธอพยายามทำความเข้าใจด้วยตัวเองว่าความไม่เหมาะสมนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หลังจากยอมอดทนรอในช่วง 2-3 วันก่อนหน้านี้เพื่อหาโอกาสพูดคุยกับทีมงาน แต่ที่สุดแล้วก็ทนไม่ไหว เพราะเธอหวั่นไหวกับ ‘ภาพที่รบกวนจิตใจ’ ของแคมเปญนี้ โดยกล่าวว่า “ความปลอดภัยของเด็กต้องได้รับการพิจารณาอย่างสูงสุด” และความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะทำให้ ‘การล่วงละเมิดเด็กในรูปแบบใดก็ตาม’ เป็นเรื่องปกตินั้นไม่ควรมีที่ยืนในสังคม

 

สาว Kardashian ยังเชื่อว่าทีม Balenciaga เข้าใจถึงความรุนแรงของสถานการณ์นี้ แต่เธอขอกลับมาประเมินความสัมพันธ์กับแบรนด์ Balenciaga อีกครั้ง โดยจะพิจารณาจากความตั้งใจของแบรนด์ว่าจะยอมรับผิดชอบในสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นหรือไม่

 

ที่มาความวุ่นวาย

การโพสต์ของ Kardashian เกิดขึ้นในช่วง 10 วันหลังจากวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ Balenciaga เริ่มปล่อยแคมเปญโปรโมตสินค้ากลุ่มของขวัญซึ่งถ่ายทำโดย Gabriele Galimberti วัตถุประสงค์ของแคมเปญคือเพื่อโปรโมตกล่องสุ่มของ Balenciaga ซึ่งมีทั้งชามอาหารสำหรับสุนัขดีไซน์แหวกแนว เชิงเทียนที่มีรูปร่างเหมือนกระป๋องเบียร์ รวมถึงสิ่งของที่ไม่เข้ากันอีกหลายชิ้น อย่างไรก็ตาม ภาพถ่ายที่ตั้งใจให้มองเป็นเรื่องตลกขบขันอย่างภาพเด็กน้อยกำลังถือตุ๊กตาหมีที่สวมเครื่องพันธนาการ ทั้งปลอกคอพร้อมตัวล็อกและสายรัดหนังนั้น มีนัยสื่อได้ถึงการมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก ซึ่งเป็นความหมายร้ายแรงที่นำไปสู่ความกังวลเป็นพิเศษ

 

ในโฆษณาอีกชิ้นของ Balenciaga ยิ่งรุนแรงไม่แพ้กัน เพราะหนึ่งในภาพจากแคมเปญฤดูใบไม้ผลิปี 2023 ซึ่งเตรียมเผยแพร่ในอีก 5 วันถัดมานั้นมีภาพกระเป๋าถือใบหนึ่งวางอยู่บนกองกระดาษ ปรากฏว่าหนึ่งในกระดาษนั้นเป็นเอกสารที่อ้างถึงคดีของศาลสูงสหรัฐฯ เกี่ยวกับภาพอนาจารเด็ก ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดความคิดเชื่อมโยงกัน เกิดเป็นภาพลบที่นำไปสู่การเรียกร้องให้ร่วมกันคว่ำบาตร Balenciaga ในวงกว้าง

 

กระแสคว่ำบาตร Balenciaga รอบนี้น่าสนใจเพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Demna ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของ Balenciaga ได้สร้างชื่อเสียงจากการดึงดูดความสนใจของชาวโลกครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยการตลาดที่แปลกประหลาด แหวกแนว และมักทำให้ประทับใจได้อย่างจริงจัง ซึ่งในบางกรณี Balenciaga ถือเป็นตัวอย่างที่พิสูจน์ได้ดีว่า กระแสข่าวลบสามารถใช้เป็นกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จได้

 

อย่างไรก็ตาม แคมเปญล่าสุดของ Balenciaga อาจจะเข้าข่าย ‘เล่นเกินเส้น’ ไป และการต่อต้าน Balenciaga ครั้งนี้ก็ร้ายแรงมากที่สุดในรอบหลายปี Balenciaga รู้ดีและเลือกที่จะไม่โอบรับความขัดแย้งอย่างที่ทำเป็นประจำ แต่ลุกขึ้นมาออกมาตรการควบคุมความเสียหาย ทั้งการลบรูปภาพออกจากทุกแพลตฟอร์ม การขออภัยที่ Instagram Stories (ในวันที่ 22 พฤศจิกายน) เพื่อจัดการกับกระแสต่อต้านอย่างเป็นทางการ 

 

Balenciaga ขออภัยอย่างจริงใจสำหรับทุกความผิดจากแคมเปญวันหยุดของแบรนด์ พร้อมกับเห็นด้วยว่ากระเป๋าตุ๊กตาหมีของแบรนด์นั้นไม่ควรให้นางแบบเด็กน้อยเป็นผู้นำเสนอในแคมเปญนี้ ขณะเดียวกันก็ได้กล่าวขอโทษสำหรับเอกสารที่เป็นปัญหา โดยยืนยันว่า Balenciaga ให้ความสำคัญกับปัญหาอย่างจริงจัง และกำลังดำเนินการทางกฎหมาย พร้อมกับประณามการล่วงละเมิดเด็กทุกรูปแบบ 

 

 

ลงแบบไหนเจ็บน้อยที่สุด 

ถึงแม้จะยกเลิกแคมเปญและขอโทษ แต่โลกยังไม่พร้อมที่จะให้อภัย นอกจากนี้ แถลงการณ์ของ Balenciaga ยังจุดประกายความโกรธแค้นมากขึ้น เนื่องจากมีบางกลุ่มวิจารณ์แบรนด์ว่าเบี่ยงเบนความรับผิดชอบด้วยการหาเรื่องฟ้องร้องบริษัทโปรดักชันที่อยู่เบื้องหลังอย่าง North Six และผู้ออกแบบฉาก Nicholas Des Jardins ในข้อหาเพิ่มเอกสารลงในการถ่ายทำโดยปราศจากความรู้หรือการอนุญาต ในขณะที่บางกลุ่มมองว่านี่อาจเป็นแผนการตลาดอีกแบบหนึ่งของ Balenciaga ก็ได้

 

Louis Pisano ผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นจุดประเด็นว่า Balenciaga ดูถูกชาวโลก เนื่องจากเชื่อว่าแคมเปญอื้อฉาวนั้นผ่านความเห็นชอบจากคนหลายคนรวมถึง Demna แต่ Balenciaga กำลังพยายามจับแพะรับบาปด้วยการค้นหา ‘ฝ่ายที่รับผิดชอบ’ ซึ่งเมื่อมีกระแสคว่ำบาตรมากขึ้น หลายคนจึงเริ่มตั้งคำถามว่านี่เป็นอุบัติเหตุจริงหรือ? เพราะท้ายที่สุดแล้ว Balenciaga กลับได้แสงสปอตไลต์ และเติบโตจากความโกลาหลที่ (อาจ) ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน

 

ก่อนหน้านี้ Balenciaga ถูกจับตามองเพราะไอเดียการจัดงานแฟชั่นโชว์ในสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่ เช่น พายุหิมะจำลอง บ่อโคลน และตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก เคยร่วมมือกับแฟรนไชส์การ์ตูน เช่น The Simpsons และเกมดังอย่าง Fortnite ในขณะเดียวกันก็เคยออกสินค้าที่เน้นการออกแบบที่ไม่มีใครทำ ตั้งแต่รองเท้าผ้าใบขาดวิ่น ไปจนถึงกระเป๋าหรูรูปถุงขยะ

 

สำหรับกรณีล่าสุด มีบางทฤษฎีเชื่อว่า Balenciaga กำลังทำการทดลองทางสังคม เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า Demna สามารถสานความหมายที่ล้ำลึกและแสบคันลงไปในงาน ทำให้บางคนรู้สึกยากที่จะเชื่อว่านี่คือการก้าวพลาด ไม่ใช่การทำอะไรก็ได้ที่จะดึงให้ Balenciaga ได้ขึ้นพาดหัวข่าว

 

บทสรุปว่า Balenciaga จะลงจากวิกฤตนี้ด้วยท่าไหนจึงจะเจ็บน้อยที่สุด คำตอบคือการรอให้เวลาเป็นตัวตัดสินว่า Balenciaga สามารถออกแอ็กชันได้อย่างถูกใจผู้บริโภคหรือไม่ เพราะตำรา Crisis Management ย้ำว่าการออกมาขอโทษนั้นไม่พอ แต่จะต้องทำงานถึงระดับโครงสร้าง เพื่อให้ผู้บริโภคสัมผัสได้ว่า Balenciaga ไม่เฟก

 

และพร้อมที่จะยืนหยัดเพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของเด็กทุกคน

 

ภาพ: Mike Kemp / In Pictures via Getty Images, Pierre Suu / GC Images, Asanka Ratnayake / Getty Images

อ้างอิง:

The post ล้ำเส้นเกินไป? จากจดหมายขอโทษถึงคำขู่ฆ่า เปิดเบื้องลึกกรณีอื้อฉาวของ Balenciaga วิกฤตนี้ต้องลงทางไหนถึงเจ็บน้อยที่สุด? appeared first on THE STANDARD.

]]>
บริษัทแม่ Parler ยุติการขายให้ คานเย เวสต์ ชี้ปัญหาธุรกิจที่เขาทำอยู่เป็นเหตุ จึงต้องรักษาผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย https://thestandard.co/kanye-west-parler-2/ Sat, 03 Dec 2022 07:52:48 +0000 https://thestandard.co/?p=719443

หลังจาก คานเย เวสต์ แรปเปอร์และแฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดังจา […]

The post บริษัทแม่ Parler ยุติการขายให้ คานเย เวสต์ ชี้ปัญหาธุรกิจที่เขาทำอยู่เป็นเหตุ จึงต้องรักษาผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย appeared first on THE STANDARD.

]]>

หลังจาก คานเย เวสต์ แรปเปอร์และแฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดังจากสหรัฐฯ ได้ประกาศถึงการเข้าซื้อกิจการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากคานเยเปลี่ยนชื่อเป็น Ye อย่างถูกกฎหมาย 

 

ล่าสุดบริษัทแม่ของ Parler ประกาศว่า ได้ยุติการขาย Parler ให้กับเขาแล้ว ซึ่งเป็นการตกลงร่วมกัน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย รวมถึงปัญหาทางธุรกิจที่คานเยกำลังดำเนินการอยู่ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการตัดสินใจร่วมกัน

 

สำหรับ Parler ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 และเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจำกัดความว่าตัวเองเป็นแอปที่มีการกรองน้อยและช่องทางที่มีเสรีทางการพูด จึงได้รับความนิยมจากนักการเมืองและสื่อมวลชนด้านอนุรักษนิยม โดยในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน Parler มุ่งให้ความสำคัญกับการหาโอกาส ทำให้แพลตฟอร์มเติบโตขึ้นในอนาคต

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจาก Adidas ผู้ผลิตชุดกีฬา ได้ยุติความร่วมมือกับ Ye รวมถึง Gap และ Balenciaga ก็สิ้นสุดลงเช่นกัน จากคำพูดของเขาที่ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ ส่งผลให้รายได้ของ Ye หายไปจำนวนมาก 

 

กระทั่งเมื่อต้นสัปดาห์ Ye อ้างในพอดแคสต์ฝ่ายขวาว่า Internal Revenue Service ได้อายัดบัญชีของเขาหลายบัญชี เนื่องจากใบเรียกเก็บภาษีค้างชำระมูลค่า 50 ล้านดอลลาร์

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

อ้างอิง:

The post บริษัทแม่ Parler ยุติการขายให้ คานเย เวสต์ ชี้ปัญหาธุรกิจที่เขาทำอยู่เป็นเหตุ จึงต้องรักษาผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย appeared first on THE STANDARD.

]]>
adidas เร่งสอบสวนกรณีจดหมายนิรนามกล่าวหาว่าแบรนด์เพิกเฉยต่อพฤติกรรม ‘คานเย เวสต์’ แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็น Ye ถูกต้องตามกฎหมาย แบรนด์ก็ไม่ควรยอม https://thestandard.co/adidas-kanye-west-investigation/ Sat, 26 Nov 2022 02:52:32 +0000 https://thestandard.co/?p=715711

adidas เร่งสอบสวนจดหมายที่ถูกส่งจากอดีตพนักงานระดับสูงข […]

The post adidas เร่งสอบสวนกรณีจดหมายนิรนามกล่าวหาว่าแบรนด์เพิกเฉยต่อพฤติกรรม ‘คานเย เวสต์’ แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็น Ye ถูกต้องตามกฎหมาย แบรนด์ก็ไม่ควรยอม appeared first on THE STANDARD.

]]>

adidas เร่งสอบสวนจดหมายที่ถูกส่งจากอดีตพนักงานระดับสูงของ Yeezy ที่กล่าวหาว่าแบรนด์เพิกเฉยต่อพฤติกรรม ‘คานเย เวสต์’ แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็น Ye ถูกต้องตามกฎหมาย แบรนด์ก็ไม่ควรยอม 

 

CNN รายงานว่า หลังจาก adidas ประกาศยุติความสัมพันธ์กับ คานเย เวสต์ ไปเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุดได้รับจดหมายที่ถูกส่งจากอดีตพนักงานระดับสูงของ Yeezy ถึงสมาชิกคณะกรรมการบริหาร adidas เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 

 

ในเนื้อหาระบุว่า สมาชิกคณะกรรมการของ adidas เพิกเฉยต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของแรปเปอร์รายดังกล่าว ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อเป็น Ye ถูกต้องตามกฎหมาย ในการเป็นหุ้นส่วนกับแบรนด์ Yeezy ซึ่งเป็นแบรนด์ในบริษัทย่อยแล้วก็ตาม

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ขณะเดียวกัน ในจดหมายยังบอกอีกว่า เรื่องวุ่นวายที่ คานเย เวสต์ สร้างขึ้นถือว่าเป็นพิษต่อสังคม และเป็นสิ่งที่พนักงานของ adidas ไม่ควรอยู่ภายใต้ข้อบังคับ และผู้นำของ adidas ก็ไม่ควรยอมตาม

 

adidas กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าข้อกล่าวหาในจดหมายนิรนามนั้นเป็นความจริงหรือไม่ แต่บริษัทจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และจะเริ่มเปิดการสอบสวนข้อกล่าวหาเรื่องการประพฤติมิชอบต่อ คานเยเวสต์ ทันที

 

หากย้อนกลับไปในช่วงที่ผ่านมา adidas ยุติการเป็นหุ้นส่วนกับ คานเย เวสต์ หลังจากที่เขาได้กล่าวคำปราศรัยต่อต้านกลุ่มยิวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา 

 

จนกระทั่งในช่วงปลายเดือนตุลาคม คานเย เวสต์ ได้กล่าวถึงความคิดเห็นที่ต่อต้านการนับถือศาสนา รวมถึงสิ่งที่เขาพูดถึง จอร์จ ฟลอยด์ และ Black Lives Matter ในวิดีโอความยาว 16 นาทีที่แชร์โดย WmgLab Records บน YouTube และดูเหมือนว่าจะถูกบันทึกในช่วงหนึ่งหลังจากที่ adidas ยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเขา

 

ทั้งนี้ คานเย เวสต์ มองว่า adidas กำลังกลัวว่าทุกคนกำลังจับกลุ่มกับเขา และเขามีสิทธิ์ที่จะออกแบบในสิ่งที่เขาต้องการ 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ในวิดีโอ คานเย เวสต์ ไม่ได้ขอโทษต่อคำพูดที่เหยียดเชื้อชาติ แต่ดูเหมือนว่าจะพยายามทำตัวออกห่างจากกลุ่มที่เกลียดชัง พร้อมบอกว่าตนเองไม่มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่เกลียดชังใดๆ หรือหากความเกลียดชังเกิดขึ้นกับชาวยิวคนใดก็ไม่เกี่ยวกับเขา เพราะเขาเรียกร้องให้ทุกคนมีความรัก

 

และตอนนี้ คานเย เวสต์ ก็ยังไม่มีทนายความหรือนักประชาสัมพันธ์ที่จะออกมาเป็นตัวแทนของเขาในเรื่องดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับ adidas ได้เซ็นสัญญาร่วมมือกับ คานเย เวสต์ มาตั้งแต่ปี 2556 จนกระทั่งในปี 2559 adidas ได้ขยายความสัมพันธ์กับแรปเปอร์รายนี้ โดยเรียกว่าเป็นความร่วมมือที่สำคัญที่สุดที่เคยสร้างมาระหว่างแบรนด์ที่ไม่ใช่นักกีฬาและแบรนด์กีฬา

 

อ้างอิง:

The post adidas เร่งสอบสวนกรณีจดหมายนิรนามกล่าวหาว่าแบรนด์เพิกเฉยต่อพฤติกรรม ‘คานเย เวสต์’ แม้จะเปลี่ยนชื่อเป็น Ye ถูกต้องตามกฎหมาย แบรนด์ก็ไม่ควรยอม appeared first on THE STANDARD.

]]>
คานเย เวสต์ ประกาศ ‘เปิดท้าย’ ขายเสื้อผ้า Balenciaga, adidas และ GAP ในราคาราว 700 บาท หลังถูกแบรนด์ตัดสัมพันธ์ https://thestandard.co/kanye-west-garage-sales/ Thu, 24 Nov 2022 06:56:02 +0000 https://thestandard.co/?p=714818 Balenciaga

‘Ye’ หรือชื่อเก่า คานเย เวสต์ ศิลปินและแฟชั่นดีไซเนอร์ช […]

The post คานเย เวสต์ ประกาศ ‘เปิดท้าย’ ขายเสื้อผ้า Balenciaga, adidas และ GAP ในราคาราว 700 บาท หลังถูกแบรนด์ตัดสัมพันธ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Balenciaga

‘Ye’ หรือชื่อเก่า คานเย เวสต์ ศิลปินและแฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดังจากอเมริกาบอกว่า เขาจะขายเสื้อฮู้ด Balenciaga, adidas และ GAP ในราคา 20 ดอลลาร์ หรือราว 700 บาท ในวิดีโอที่เผยแพร่โดยเว็บข่าวติดตามดาราอย่าง X17

 

ในวิดีโอ Ye ได้พาทัวร์เวิร์กช็อปของเขาในลอสแอนเจลิส มีพนักงาน 10 คนที่กำลังเย็บผ้าอยู่ และเสื้อผ้าหลายร้อยตัวถูกแขวนอยู่บนราวหรือกองไว้บนพื้น ซึ่งพนักงานหลายคนติดป้ายแคมเปญ ‘Ye24’ ของเขา โดย Ye ยืนยันว่าจะลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2024

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

“ผมจะขายเสื้อฮู้ดทั้งหมด 100 ตัว ตั้งแต่ Balenciaga, Yeezy, GAP และ adidas” เขากล่าว “และทุกตัวจะมีราคา 20 ดอลลาร์”

 

เนื่องจากบริษัทต่างๆ พากันยุติความสัมพันธ์กับเขาหลังแสดงความคิดเห็นต่อต้านชาวยิวเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นเหตุให้ adidas ต้องลดการคาดการณ์กำไรของปี 2022 ลงครึ่งหนึ่ง

 

ทั้งนี้ Ye อธิบายที่มาของเสื้อฮู้ดราคา 20 ดอลลาร์ว่า “เราต้องแน่ใจว่าทุกคนได้ส่วนแบ่ง อาหาร น้ำ และการศึกษาในระดับเดียวกันทั้งหมด” และเสริมว่า “เรากำลังสร้างโอกาส เรากำลังก้าวข้ามอดีต เรากำลังมุ่งสู่อนาคต”

 

ในวิดีโอเขายังแสดงเสื้อแจ็กเก็ตใหม่ที่เขาออกแบบ โดยมอบให้ช่างภาพหนึ่งตัวเป็นของขวัญก่อนจะแก้ชื่อใหม่ให้เขาว่า Ye

 

ภาพ: MEGA/GC Images

อ้างอิง:

The post คานเย เวสต์ ประกาศ ‘เปิดท้าย’ ขายเสื้อผ้า Balenciaga, adidas และ GAP ในราคาราว 700 บาท หลังถูกแบรนด์ตัดสัมพันธ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรณีศึกษา ‘adidas vs. Ye’ เพราะอะไรแบรนด์จึงตัดขาดกับเซเลบริตี้ได้ยาก (พอๆ กับตัดใจจากเธอ) https://thestandard.co/adidas-vs-kanye-west/ Wed, 09 Nov 2022 05:48:39 +0000 https://thestandard.co/?p=706371 adidas

เวลาผ่านมาร่วมสัปดาห์แล้วนับจากที่ adidas ประกาศตัดขาดจ […]

The post กรณีศึกษา ‘adidas vs. Ye’ เพราะอะไรแบรนด์จึงตัดขาดกับเซเลบริตี้ได้ยาก (พอๆ กับตัดใจจากเธอ) appeared first on THE STANDARD.

]]>
adidas

เวลาผ่านมาร่วมสัปดาห์แล้วนับจากที่ adidas ประกาศตัดขาดจาก คานเย เวสต์ หรือ ‘Ye’ ศิลปินแรปเปอร์และสุดยอดดีไซเนอร์ที่ทรงอิทธิพลในวงการสตรีทแฟชั่นที่สุดคนหนึ่งของโลก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สะเทือนวงการเป็นอย่างยิ่ง

 

ในคำอธิบายของแบรนด์กีฬาดังจากเยอรมนีนั้น การตัดสินใจยุติความสัมพันธ์และความร่วมมือที่มีมาตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งส่งผลต่อรายได้มหาศาลกว่า 10% เลยทีเดียวนั้น มาจากการที่ Ye ได้แสดงออกอย่างไม่เหมาะสมหลายต่อหลายครั้งในกรณีเรื่องของการแสดงจุดยืนต่อต้านชาวยิว สร้างความเกลียดชังในสังคม 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


เหล่านี้เป็นสิ่งที่ adidas บอกว่า “ไม่สามารถยอมรับได้ เป็นการสร้างความเกลียดชังและเป็นอันตรายอย่างยิ่ง และทำลายการให้คุณค่าต่อความหลากหลายและการมีส่วนร่วม รวมถึงการเคารพซึ่งกันและกันและความยุติธรรม” 

 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่หลายคนสงสัยคือการที่ adidas ใช้ระยะเวลายาวนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ในการทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย ก่อนที่จะมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดในการตัด Ye ออกจากสารบบ ว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้ยิ่งดำเนินการช้ามากเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียต่อแบรนด์มากขึ้นเท่านั้น

 

สิ่งที่เกิดขึ้นจริงในกระบวนการหลังฉากนั้น การยกเลิกสัญญาระหว่างกันโดยเฉพาะกับเซเลบริตี้ผู้มีชื่อเสียงที่มีผลประโยชน์มหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น มีความยาก ซับซ้อน และละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่ง การดำเนินการใดๆ นั้นยากกว่าแค่พูดเฉยๆ มาก

 

ตัวอย่างกรณีของ Ye ซึ่งเป็นเรื่องของมนุษยชนถือเป็นเรื่องที่มีผลกระทบรุนแรงและรวดเร็ว ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่แบรนด์ไม่ได้มีการเตรียมตัวที่จะรับมือใดๆ มาก่อน ดังนั้น สิ่งที่แบรนด์จะทำคือต้องมีการประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบที่สุด

 

มาร์ก ดิมาสซิโม ผู้ก่อตั้ง ‘DiMassimo Goldstein’ เอเจนซีดังในนิวยอร์ก ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “สถานการณ์แบบนี้ลูกค้าก็ไม่ต่างอะไรจากคนที่มืดแปดด้าน” และสิ่งที่จะทำคือการให้เอเจนซี่ประเมินความคิดเห็นและความรู้สึกของสังคมว่าควรที่จะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยจะทำควบคู่ไปกับการประเมินเป็นการภายในถึงวิธีการหาทางตอบโต้

 

ปัญหาที่จะเกิดขึ้นคือหากความร่วมมือระหว่างแบรนด์กับคนมีชื่อเสียงนั้นไม่ได้เป็นแค่การจ้างให้เป็นพรีเซนเตอร์ แต่เป็นการร่วมกันออกแบบผลิตภัณฑ์โดยใช้ชื่อของเซเลบริตี้ (เหมือน Yeezy ของ Ye) หรือหนักกว่านั้นคือการที่มีหุ้นส่วนในบริษัทด้วยก็จะยิ่งหาทางออกได้ยากขึ้นเท่านั้น

 

“ถ้าคนเหล่านี้มีส่วนเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ด้วย สิ่งที่ทำได้คือการหยุดไลน์การผลิตไปก่อนจะดีกว่าการถอดชื่อของพวกเขาออกเฉยๆ” ดิมาสซิโมกล่าว ก่อนจะบอกว่าแบรนด์เองจะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘เงื่อนไขทางจริยธรรม’ ที่จะเป็นเกราะคุ้มภัยในการสั่งยกเลิกสัญญาในเวลาที่คนที่เป็นตัวแทนนั้นประพฤติไม่เหมาะสมและสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของแบรนด์

 

มากกว่านั้นคือการที่ถ้อยคำที่ระบุลงไปตามเงื่อนไขในสัญญาอาจมีความคลุมเครือไม่ชัดเจน ซึ่งคราวนี้จะต้องเป็นคิวของทางทนายที่จะต้องต่อสู้กันระหว่างแบรนด์กับฝ่ายของเซเลบริตี้ว่า ตกลงแล้วแบรนด์สามารถสั่งยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ ซึ่งตรงนี้ต้องใช้เวลาในการตีความรวมถึงเวลาที่แบรนด์จะต้องตัดสินใจด้วยว่าจะเดินหมากอย่างไรต่อไป

 

ไม่นับในเรื่องของการจ่ายเงินค่าเสียหายที่แบรนด์จะเรียกร้องต่อเซเลบริตี้ที่มีปัญหาฐานทำผิดต่อสัญญาส่งผลให้ไม่สามารถทำตามสิ่งที่ได้มีการตกลงกันไว้ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะพูดคุยกันลงตัวได้ง่าย ส่วนใหญ่หากคิดที่จะเรียกร้องกันจริงๆ ต้องให้ศาลตัดสิน

 

เรียกได้ว่าการจะเซ็นสัญญากับคนดังเพื่อมาช่วยขายของหรือเสริมภาพลักษณ์นั้น ยากทั้งตอนเจรจาคว้าตัวมาจับมือกัน และยากยิ่งขึ้นในวันที่ต้องการจะปล่อยมือเพราะเกิดมีปัญหาขึ้นมา เพียงแต่ในกรณีของ adidas กับ Ye แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมันเลยจุดที่จะสามารถทำความเข้าใจกันได้ใหม่

 

ดังนั้น ถึงจะตัดขาดกันยากพอๆ กับตัดใจจากเธอ แต่บางทีนี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว…

 

ภาพ: Paco Freire/SOPA Images/LightRocket via Getty Images

อ้างอิง: 

The post กรณีศึกษา ‘adidas vs. Ye’ เพราะอะไรแบรนด์จึงตัดขาดกับเซเลบริตี้ได้ยาก (พอๆ กับตัดใจจากเธอ) appeared first on THE STANDARD.

]]>
ราคา adidas Yeezy เป็นอย่างไร หลัง adidas ประกาศตัดความสัมพันธ์ คานเย่ เวสต์ (Kanye West) https://thestandard.co/adidas-yeezy-prices/ Fri, 04 Nov 2022 10:36:15 +0000 https://thestandard.co/?p=704508 adidas Yeezy

หลังผ่านช่วงชุลมุนจากข่าวการประกาศตัดความสัมพันธ์ระหว่า […]

The post ราคา adidas Yeezy เป็นอย่างไร หลัง adidas ประกาศตัดความสัมพันธ์ คานเย่ เวสต์ (Kanye West) appeared first on THE STANDARD.

]]>
adidas Yeezy

หลังผ่านช่วงชุลมุนจากข่าวการประกาศตัดความสัมพันธ์ระหว่าง adidas และ คานเย่ เวสต์ (Kanye West) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา คำถามที่ตามมาก็คืออนาคตของราคารองเท้า adidas Yeezy จะเป็นอย่างไร เพราะแม้ adidas จะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การออกแบบทั้งหมด ทั้งสีเดิมและสีใหม่ แต่หากมีการผลิตสินค้าล็อตใหม่ก็จะไม่มีความเชื่อมโยงกับ Kanye West อีกต่อไป จึงทำให้ adidas Yeezy กลายเป็นของสะสมที่จะมีน้อยลงเรื่อยๆ ในทันที

 

adidas ปล่อยรองเท้าผ้าใบรุ่นแรกร่วมกับ Kanye West คือ Boost 750 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2015 หลังจากนั้น adidas Yeezy ก็กลายเป็นที่นิยมในหมู่นักเล่นรองเท้าผ้าใบ และเป็นแบรนด์หลัก 1 ใน 3 ของตลาดขายต่อร่วมกับ Nike และ Jordan ครองสัดส่วนยอดขายถึง 90% ของตลาดที่มีมูลค่าสูงถึง 1.52 แสนล้านบาท เฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ ต่อมาในช่วงหลังที่ adidas เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น ทำให้ราคาของ Yeezy ในตลาดรองราคาเริ่มปรับตัวลดลง จนกระทั่งเมื่อมีข่าวช็อกวงการ ทำให้ adidas Yeezy กลับมามีกระแสอีกครั้ง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


จากข้อมูลของ WANTD ผู้รวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ตลาดรองพบว่า ในเช้าวันที่ 25 ตุลาคม 9 ใน 25 รองเท้าผ้าใบที่ขายดีที่สุดในเว็บไซต์ขายต่อคือ Yeezy และหนึ่งชั่วโมงหลังจากการประกาศข่าว รองเท้าผ้าใบรุ่น Yeezy Boost 700 ก็ครองตำแหน่งที่ 2 ในรายการรองเท้าผ้าใบที่ขายดีที่สุดใน eBay ถัดจากนั้นอีกหนึ่งวัน คำค้นหาว่า ‘ขาย Yeezy’ ใน Google ก็พุ่งสูงขึ้นเกือบ 600% ทั่วโลก นั่นหมายความว่ารองเท้า Yeezy กำลังล้นตลาดขายต่อเนื่องจากนักสะสมจำนวนมากที่ขนรองเท้าออกมาขายเพื่อทำกำไร และอีกจำหนวนหนึ่งก็ไม่อยากเชื่อมโยงกับแรปเปอร์ฉาวคนนี้อีกต่อไป

 

อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์นี้ทำให้ราคารองเท้า adidas Yeezy ปรับตัวเพิ่มขึ้นราวๆ 10-30% โดยเฉพาะในรุ่นยอดนิยมอย่าง Yeezy Boost 350 V2 และปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าตามรายงานของ Bloomberg ที่อ้างถึงข้อมูลจาก WANTD ในขณะที่บางรุ่นราคาขายปรับตัวลดลง อย่างเช่นในแพลตฟอร์มขายต่อออนไลน์ Grailed มีรองเท้า Yeezy บางรุ่นที่ลดราคาลงกว่า 30% ส่วนใน StockX รองเท้าผ้าใบ Yeezy ที่ได้รับความนิยมสูงสุด 8 อันดับแรก มีราคาขายล่าสุดลดลงในวันที่ประกาศข่าว

 

โดยปกติเมื่อรองเท้าเลิกผลิตหรือดีไซเนอร์มีอันต้องจากไป มักจะดันราคารองเท้าให้สูงขึ้น อย่างกรณีรองเท้าของ Virgil Abloh ที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่เขาเสียชีวิต แต่สำหรับกรณีของ Kanye West นั้นแตกต่างออกไป ทำให้นักสะสมแยกออกเป็นสองกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่เชื่อว่าในอีก 1 ปีข้างหน้าเมื่อเรื่องซาลง ราคาเฉลี่ยของ Yeezy จะสูงถึง 15,000 บาทต่อคู่ กับอีกกลุ่มที่เทขาย Yeezy และจะไม่สวมอีกต่อไป เพราะกลัวถูกครหาว่าเหยียดเชื้อชาติเหมือนแรปเปอร์เจ้าปัญหา อย่างไรก็ดี กิจกรรมการซื้อขาย Yeezy น่าจะคึกคักไปอีกในหนึ่งเดือนต่อจากนี้

 

สำรวจราคารองเท้า adidas Yeezy รุ่นยอดนิยม บน StockX

 

adidas Yeezy Boost 750 Chocolate/Gum

 

adidas Yeezy

 

วันที่ 25 ตุลาคม ราคา 31,000 บาท 

ล่าสุดราคา 38,000 บาท

รองเท้าหุ้มข้อหนังกลับสีน้ำตาลมาพร้อมสายรัดเวลโครและซิปด้านข้าง ซึ่ง Boost 750 เป็นหนึ่งในรุ่นที่ขายดีที่สุดของ adidas Yeezy โดยรองเท้าไซส์ 10 ขายไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ในราคา 33,500 บาท (ก่อนหน้านั้นราคาอยู่ที่ราว 26,000 บาท) และล่าสุดขายไปในราคา 38,000 บาท

 

adidas Yeezy Boost 700 Solid Gray/Chalk

 

adidas Yeezy

 

วันที่ 25 ตุลาคม ราคา 14,000 บาท 

ล่าสุดราคา 14,500 บาท

หนึ่งในรองเท้า Yeezy ที่มีการซื้อขายสูงสุดนับตั้งแต่ข่าวการแยกทางประกาศออกมา โดย Yeezy Boost 700 Solid Gray/Chalk เคยทำราคาได้สูงสุดถึง 15,400 บาท เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา

 

adidas Yeezy Boost 350 MoonRock

 

adidas Yeezy

 

วันที่ 25 ตุลาคม ราคา 30,860 บาท 

ล่าสุดราคา 31,500 บาท

Yeezy รุ่นพิเศษมาในโทนเทาอ่อนและเทาเข้ม มาพร้อมพื้นยางเบาเป็นพิเศษ ราคาก่อนหน้านี้เคยอยู่ที่ราวๆ 27,600 บาท และขยับขึ้นเป็น 30,860 บาท ส่วนปัจจุบันอยู่ที่ 31,500 บาท สำหรับไซส์ 9

 

adidas Yeezy Boost Light Grey 

 

adidas Yeezy

 

วันที่ 25 ตุลาคม ราคา 39,500 บาท 

ล่าสุดราคา 45,400 บาท

รองเท้าหนังกลับหุ้มข้อที่มาพร้อมสียอดนิยมคือสีเทา พร้อมกับระบบกันกระแทกช่วยให้ใส่สบายเท้า และเป็นรองเท้าราคาแรงของ Yeezy อยู่แล้ว ในเดือนกันยายน รองเท้าคู่นี้มีราคาอยู่ที่ 42,500 บาท และราคาตกลงไปนิดหน่อยในวันที่ 25 ตุลาคม ที่ 39,500 บาท จากนั้นก็ดีดสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ที่ 45,400 บาท

 

adidas Yeezy Boost 350 V2 Black

 

adidas Yeezy

 

วันที่ 25 ตุลาคม ราคา 16,500 บาท 

ล่าสุดราคา 14,500 บาท 

Yeezy รุ่นยอดนิยม เคยมีราคาขายอยู่ที่ 14,800 บาท ก่อนประกาศข่าวในวันที่ 25 ตุลาคม ทำให้ราคาขึ้นไปแตะที่ 16,500 บาท และทำราคาได้สูงสุดในอีกสามวันถัดมาที่ 19,300 บาท ก่อนราคาจะปรับตัวลงไปปิดที่ 14,500 บาท เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

The post ราคา adidas Yeezy เป็นอย่างไร หลัง adidas ประกาศตัดความสัมพันธ์ คานเย่ เวสต์ (Kanye West) appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘adidas’ ยุติร่วมงานกับ คานเย่ เวสต์ ( Kanye West ) มองเรื่องจริยธรรมเหนือรายได้ แม้กระทบยอดขายถึง 9.3 พันล้านบาท คาด Nike จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ https://thestandard.co/adidas-cancel-kanye-west/ Sun, 30 Oct 2022 06:59:06 +0000 https://thestandard.co/?p=701938

หลังจากบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Gap, JPMorgan Chase, Balenciag […]

The post ‘adidas’ ยุติร่วมงานกับ คานเย่ เวสต์ ( Kanye West ) มองเรื่องจริยธรรมเหนือรายได้ แม้กระทบยอดขายถึง 9.3 พันล้านบาท คาด Nike จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

หลังจากบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Gap, JPMorgan Chase, Balenciaga, Vogue และ Twitter ประกาศตัดสัมพันธ์กับแรปเปอร์ชื่อดัง Kanye West ไปหมาดๆ 

 

ล่าสุด adidas แบรนด์กีฬาสัญชาติเยอรมัน ได้ยุติการร่วมงานกับ คานเย่ เวสต์ ( Kanye West ) ด้วยเช่นกัน รวมถึงจะเลิกผลิตรองเท้า Yeezy ที่ทั้ง 2 ฝั่งทำร่วมกัน แม้จะได้รับความนิยมไปทั่วโลกก็ตาม โดยมีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


Business Insider รายงานว่า หลังจาก adidas ยุติความเป็นหุ้นส่วนกับ Yeezy แน่นอนว่าแบรนด์ที่ได้รับผลประโยชน์ที่ชัดเจนสุดคือแบรนด์รองเท้าอย่าง Nike ซึ่งเป็นคู่แข่ง อาจได้รับแรงหนุนจากการตอบรับจากเหล่าสนีกเกอร์บางกลุ่ม เห็นได้จากลูกค้าที่ซื้อ Yeezy ประมาณ 2-3 คู่ในทุกๆ ปี ซึ่งพบว่าตัวเองมีงบในการซื้อเพิ่มอีก 100 ดอลลาร์สหรัฐในทุกปี ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจนำเงินไปซื้อ Nike Jordan และอาจทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น

 

Tom Nikic รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัท Wedbush Securities บอกว่า adidas นับว่าเป็นบริษัทล่าสุดที่ไม่ร่วมงานกับ Kanye West สาเหตุหลักก็ล้วนมาจากพฤติกรรมที่เขาใส่เสื้อ White Lives Matter ซึ่งเป็นการต่อต้านมูฟเมนต์ Black Lives Matter ในงานปารีสแฟชั่นวีค แสดงความคิดเห็นเหยียดและต่อต้านชาวยิวอยู่บ่อยครั้งจนเป็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก 

 

ขณะเดียวกัน adidas กล่าวในงานแถลงการณ์ว่า จะไม่ทนต่อการกระทำของ Kanye West ที่ต่อต้านชาวยิวและมีคำพูดแสดงความเกลียดชังอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เป็นอันตราย และถือเป็นการฝ่าฝืนค่านิยมของบริษัทในเรื่องการเคารพซึ่งกันและกัน

 

แน่นอนว่าการยุติความสัมพันธ์ในครั้งนี้ในระยะสั้นคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อรายได้บริษัทในปี 2022 สูงถึง 246 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9.3 พันล้านบาท โดยเฉพาะในไตรมาส 4 รองเท้า Yeezy ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 200-600 ดอลลาร์สหรัฐ ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะสามารถนำไปขายต่อได้ในราคาที่สูง

 

พร้อมกันนี้ adidas ยังคงร่วมมือกับศิลปินอย่าง Beyonce และ Bad Bunny ที่เป็นตัวช่วยสนับสนุนแบรนด์ รวมไปถึงการเดินหน้าพัฒนาโปรดักต์และนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์บรรดานักช้อปสนีกเกอร์

 

Tom Nikic กล่าวต่ออีกว่า ต่อจากนี้แบรนด์อื่นๆ อาจให้ความสำคัญกับเรื่องศีลธรรมและจริยธรรมเหนือรายได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วแบรนด์รองเท้าก็คือแบรนด์แฟชั่นที่ต้องผลักดันภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความเท่และทันสมัย

 

ทางด้าน Kanye West ก็ได้รับผลกระทบด้านการเงิน จากการสูญเสียความมั่งคั่ง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเวลาเพียง 1 วัน หลังจาก adidas, Balenciaga และ Gap ยุติความสัมพันธ์

 

ถึงแม้เขาจะเป็นคนดังที่มีอิทธิพลและเคยสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับหลายแบรนด์ แต่พฤติกรรมด้านลบ ทำให้แบรนด์ตัดสินใจตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในระยะยาว

 

อ้างอิง:

The post ‘adidas’ ยุติร่วมงานกับ คานเย่ เวสต์ ( Kanye West ) มองเรื่องจริยธรรมเหนือรายได้ แม้กระทบยอดขายถึง 9.3 พันล้านบาท คาด Nike จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
จุดจบของ คานเย่ เวสต์ ( Kanye West ) และ Yeezy กับเหตุผลที่ adidas และแบรนด์ต่างๆ ไม่ขอจับมือกับแฟชั่นไอคอนจอมอันตรายอีกต่อไป https://thestandard.co/kanye-west-adidas-ends/ Fri, 28 Oct 2022 05:47:04 +0000 https://thestandard.co/?p=701275

คำนิยามของชีวิต คานเย่ เวสต์ ในช่วงนี้คือ บางคนใช้เวลาช […]

The post จุดจบของ คานเย่ เวสต์ ( Kanye West ) และ Yeezy กับเหตุผลที่ adidas และแบรนด์ต่างๆ ไม่ขอจับมือกับแฟชั่นไอคอนจอมอันตรายอีกต่อไป appeared first on THE STANDARD.

]]>

คำนิยามของชีวิต คานเย่ เวสต์ ในช่วงนี้คือ บางคนใช้เวลาชั่วชีวิตเพื่อสร้างทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมา ขณะที่บางคนใช้เวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์และถ้อยคำไม่กี่คำทำลายทุกอย่างที่สร้างมาทั้งชีวิต 

 

คำกล่าวข้างต้นไม่ใช่เรื่องเกินเลยจากความจริง เพราะเราต่างได้เห็นการล่มสลายอาณาจักรของแรปเปอร์และดีไซเนอร์ชื่อก้องระดับตำนานของโลก Kanye West หรือชื่อที่เขาอยากให้ทุกคนเรียกว่า ‘Ye’ ที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่นาน

 

โดยเฉพาะหลังการประกาศของ adidas บริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬาที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของ Ye ซึ่งสร้างความมั่งคั่งให้แก่เขาอย่างมากมายมหาศาลตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา แต่ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีไม่สามารถทัดทานกระแสการแบน Ye ที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมแฟชั่นได้อีกต่อไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


ถ้อยคำจาก adidas ระบุว่า “บริษัทจะไม่อดทนต่อลัทธิต่อต้านยิวและวาทะสร้างความเกลียดชังทุกชนิด” พร้อมระบุว่า “ความคิดเห็นและการกระทำของ Ye ในช่วงที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ สร้างความเกลียดชังและเป็นอันตรายอย่างยิ่ง”

 

เช่นนั้นเองที่รองเท้าและสินค้าทุกอย่างที่เป็นไลน์ของ Yeezy สินค้าแฟชั่นสตรีทยอดฮิตที่สาวกต่างใฝ่ฝันจะได้มีครอบครองได้ถูกถอดจากระบบของ adidas ทั้งหมดโดยมีผลในทันที ไม่ต่างกับแบรนด์แฟชั่นอื่นๆ ที่ปฏิเสธที่จะร่วมงานกับศิลปินผู้นี้อีกต่อไป

 

เรื่องราวทั้งหมดมีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร Ye ไปทำอะไรเข้า และผลของการกระทำที่เขาต้องยอมรับคืออะไร จนถึงเหตุผลที่ทำไมแบรนด์ต่างๆ จึงตัดสินใจที่จะไม่ขอร่วมมือกับศิลปินระดับโลกที่สามารถสร้างรายได้มหาศาลให้กับแบรนด์อีกต่อไป

 

มาร่วมกันย้อนดูกรณีศึกษาครั้งนี้ไปด้วยกัน!

 

 

คำท้าทายจากชายผู้บ้าคลั่ง

จุดเริ่มต้นของทุกอย่างถูกมองว่าน่าจะเกิดจากเสื้อยืดตัวเดียวที่ Ye สวมใส่ไปงาน Paris Fashion Week

 

เสื้อยืดตัวนั้นมีข้อความว่า ‘White Lives Matter’ ซึ่งเป็นการยอกย้อนต่อมอตโตของการต่อสู้การเหยียดสีผิว ‘Black Lives Matter’ ที่เคยเป็นกระแสคึกโครมในช่วงปี 2020 ที่เป็นการจุดประกายการต่อสู้เรื่องการเหยียดสีผิวมาจนถึงปัจจุบันในทุกวงการ

 

การแสดงออกถึงจุดยืนในเรื่องของการเหยียดสีผิวหรือชนชาติใดก็ตามเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในยุคปัจจุบัน และเป็นสิ่งที่แบรนด์ไม่สามารถยอมรับได้ ซึ่งนั่นทำให้ทาง adidas ได้มีการประกาศว่าจะมีการทบทวนการร่วมมือกับ Ye และแบรนด์ Yeezy ของเขา

 

ท่าทีของแบรนด์กีฬาดังจากเยอรมนีเหมือนเป็นการราดน้ำมันบนกองไฟ โดยเฉพาะกับคนที่มีไฟแห่งความบ้าคลั่งอย่าง Ye ที่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ

 

ไม่กี่วันต่อมา เขาแสดงความคิดเห็นบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Instagram และ Twitter ในเชิงการต่อต้านยิว และผลที่เกิดขึ้นคือทั้ง Instagram และ Twitter สั่งระงับบัญชีผู้ใช้งานของเขาทันที เพราะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้โดยเด็ดขาด

 

Ye คลุ้มคลั่งหนักถึงขั้นไปซื้อ Parler แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของฝ่ายขวา โดยไม่มีการเปิดเผยจำนวนเงินแต่อย่างใด

 

ก่อนที่เขาจะออกรายการพอดแคสต์ Drink Champs ในช่วงหลังจากนั้นโดยที่มีการพูดจารุนแรงชนิดที่ฟังไม่ได้เลยเกี่ยวกับชาวยิว เท่านั้นไม่พอ ยังมีการพูดพาดพิงถึง George Floyd ชายผิวดำที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและกระทำเกินกว่าเหตุจนถึงแก่ชีวิต ที่เป็นประกายไฟแรกของกระแส Black Lives Matter ว่าจริงๆ แล้วตายจากการฉีดยา Fentanyl

 

แต่ส่วนที่พีคที่สุดของการสัมภาษณ์คือ การที่ Ye ท้าทาย adidas ให้ยุติความร่วมมือกันไปเลย

 

“เรื่องของการจะเป็น adidas ผมจะพูดเหยียดคนยิวแค่ไหนก็ได้ แต่ adidas ก็เคยตีจากผม แล้วยังไงล่ะ?”

 

 

เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชัง

ความจริงแล้วเสื้อยืด White Lives Matter ที่เขาใส่นั้นไม่ได้เป็นปัญหาเดียวที่ Ye ก่อในชีวิตนี้

 

ทั้งชีวิตของแรปเปอร์และแฟชั่นสตรีทไอคอนผู้นี้เต็มไปด้วยปัญหาและเรื่องราวดราม่ามากมาย ซึ่ง Ye เคยบอกว่า สารพันปัญหาในชีวิตของเขาเกิดจากโรคไบโพลาร์ เพียงแต่สิ่งที่เขาทำนั้นมันไม่ได้เกิดผลกระทบต่อแค่เขาเพียงคนเดียว

 

แม้แต่ศิลปินสาวอย่าง Taylor Swift ก็เคยเจ็บปวดกับบาดแผลที่ฝังลึกในใจ เมื่อถูกแรปเปอร์คนดังขึ้นไปแย่งไมค์ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีการประกาศรางวัล VMA เมื่อปี 2009 เพื่อบอกว่า Beyoncé สมควรที่จะได้เป็นผู้รับรางวัลนี้มากกว่า

 

ขณะที่คำพูดคำจา การแสดงออกของเขา โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องของการต่อต้านชาวยิวบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งไม่ได้เพิ่งทำ แต่ทำมาสักพัก นั้นได้กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ของความเกลียดชังที่งอกงามขึ้นในจิตใจที่มืดดำของคนบางส่วน ซึ่งสอดคล้องกับกระแสการต่อต้านชาวยิวที่เพิ่มสูงขึ้นในสหรัฐอเมริกา

 

ตามรายงานจาก Anti-Defamation League (ADL) องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่า มีเหตุการณ์การเหยียดชาวยิวถึง 2,717 ครั้งในปี 2021 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2020 ถึง 34% และเป็นจำนวนเคสที่เยอะที่สุดนับตั้งแต่ที่ ADL ได้มีการสำรวจมาตั้งแต่ปี 1979 โดยคาดว่าจำนวนเคสในปี 2022 จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกหลังเกิดเหตุการณ์ที่คนร้ายมุสลิมหัวรุนแรงได้จับตัวประกันในโบสถ์ยิวที่เท็กซัสเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

 

เสียงของคนอย่าง Ye นั้นทรงพลัง และควรจะใช้ในทางสร้างสรรค์ เพื่อช่วยให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น

 

ไม่ใช่เพื่อทำลายความดีงามอย่างที่เขากำลังทำ

 

การตอบโต้ที่ดุเดือด

การแสดงท่าทีต่อต้านชาวยิวของ Ye ทำให้ ADL ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง adidas ให้ยุติความร่วมมือกับ Ye และแบรนด์ Yeezy เป็นการด่วน

 

เหตุผลคือศิลปินเจ้าของรางวัล Grammys 24 รายการ และยังมีผลงานที่ขายได้ในระดับ Platinum Records อีกมากมายนั้นไม่ได้เป็นแค่ศิลปินธรรมดา หากแต่เป็น ‘ไอคอน’ บุคคลผู้ทรงอิทธิพลต่อโลกใบนี้ ซึ่งการพูดเพื่อสร้างความเกลียดชังนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปล่อยผ่านได้

 

 

ความจริงเรื่องนี้ adidas รับรู้และทดไว้ในใจอยู่นาน หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายเริ่มมีรอยร้าวตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ซึ่ง Ye กล่าวหาว่า adidas ได้ขโมยผลงานการออกแบบของเขาไป มีการกล่าวพาดพิงถึง Kasper Rørsted ใน Twitter และยังกลับมาเล่นงานแบรนด์จากเยอรมนีอีกผ่านวิดีโอสุดพิลึกความยาว 30 นาที เกี่ยวกับเรื่องการประชุมร่วมกับผู้บริหารของ adidas ที่เขาสับเละไม่มีชิ้นดี

 

ขณะที่ทางฝ่ายของ adidas เองตามรายงานจาก Washington Post ระบุว่า ภายในพนักงานทั้งอดีตและปัจจุบันเองก็มีปัญหาในการร่วมงานกับ Ye มาตลอดในหลากหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องของ yeezysupply.com ที่จำหน่ายผลงานการออกแบบของ Ye ซึ่งสุดท้ายมีอายุแค่ 10 เดือน เนื่องจากศิลปินผู้นี้มักจะแทรกแซงการทำงานหลังคิดอะไรใหม่ๆ ออกเสมอ

 

อย่างไรก็ดี adidas ไม่ได้เป็นแบรนด์เดียวที่มีปัญหากับ Ye เพราะยังมีแบรนด์ระดับโลกอย่าง Balenciaga และ Gap ที่ตัดสินใจ ‘ไม่ทน’ กับแฟชั่นไอคอนคนนี้ และมีการดำเนินการในช่วงระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

 

โดยเริ่มจาก Gap ที่ความสัมพันธ์เหมือนจะใกล้ชิดกว่า โดยมีสัญญาการร่วมมือในสัญญาพันธมิตรธุรกิจเป็นระยะเวลาถึง 10 ปีด้วยกัน แต่นับจากที่เริ่มจับมือกันในปี 2020 ทางด้าน Gap ก็มีปัญหากับ Ye มาโดยตลอด จนทำให้สุดท้ายมีการถอดรายการสินค้า Yeezy Gap ออกจากร้านทั้งหมดรวมถึงในเว็บไซต์ด้วยในเดือนกันยายน      

 

จากนั้นคือกรณีของ Balenciaga ได้ร่วมมือกับ Ye จากความสัมพันธ์ของเขากับ Demna Gvasalia ดีไซเนอร์ที่เป็นไดเรกเตอร์ของแบรนด์หรู และมีการประกาศร่วมมือกันใต้แบรนด์ Yeezy Gap Engineered by Balenciaga แต่จากการสร้างความเกลียดชังของ Ye ทำให้ Balenciaga ตัดสินใจที่จะยุติความร่วมมือทุกอย่าง 

 

“Balenciaga ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ หรือมีแผนการใดๆ สำหรับโครงการในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับศิลปินคนนี้อีกต่อไป”

 

นอกจากแบรนด์สินค้าแล้ว Vogue Runway แพลตฟอร์มที่บันทึกแฟชั่นและนิตยสาร Vogue ก็ประกาศว่าจะไม่ร่วมงานกับ Ye อีกต่อไปในอนาคต ขณะที่สตูดิโอ MRC ซึ่งกำลังถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับชีวิตของแรปเปอร์ระดับตำนาน ก็ยุติแผนการดังกล่าวทันที เช่นเดียวกับ CAA เอเจนซีที่ดูแลศิลปินที่เขาเซ็นสัญญาให้ดูแล ก็ยกเลิกสัญญาเช่นกัน

 

แม้แต่บุคคลในวงการกีฬาอย่าง Aaron Donald ผู้เล่นจากทีมอเมริกันฟุตบอลแอลเอ แรมส์ และ Jaylen Brown นักบาสเกตบอลจากทีมบอสตัน เซลติกส์ ก็ได้ประกาศผ่าน Twitter ว่า ได้ยุติความสัมพันธ์กับ Donda Sports บริษัทเอเจนซีของ Ye ด้วย

 

เมื่อไม่มีใครเอาเขาอีกแล้ว จึงเหลือแค่เพียง adidas ที่ทุกคนจับตาดูว่าจะมีท่าทีอย่างไร

 

เสาหลักที่หักโค่น

ถึงแม้ adidas จะพยายามอย่างยิ่งยวดในการอดทนต่อ Ye และคาดหวังว่าบางทีการออกมายอมรับผิดหรือการขอโทษสักครั้งต่อการกระทำที่ผ่านมา อาจทำให้กระแสต่อต้านในตัวศิลปินผู้นี้อ่อนลงบ้าง แต่เมื่อไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ อย่างที่ควรจะเป็น การตัดสินใจขั้นเด็ดขาดจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ความล่าช้าในการจัดการกับ Ye ที่ผ่านมา เป็นเพราะการตัดสินใจใดๆ นั้นจะส่งผลกระทบมหาศาลต่อรายได้ของบริษัททันที เพราะสินค้า Yeezy นั้นสามารถจำหน่ายได้มากมายมหาศาล

 

 

แต่เมื่อเดินทางมาถึงจุดที่ไม่อาจหวนคืนได้อีกแล้ว adidas จึงประกาศยุติความร่วมมือ พร้อมแสดงจุดยืนที่อยู่ตรงกันข้ามกับ Ye ถึงแม้ว่าการแสดงออกของเขาในการต่อต้านชาวยิวนั้นจะไม่ได้ต่างอะไรจาก อาดอฟ ดาสเลอร์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ adidas ที่เคยเข้าร่วมกองทัพนาซีและเป็นหนึ่งในยุวชนฮิตเลอร์มาก่อนก็ตาม

 

หุ้นของ adidas ตกลง 2.4% ทันทีหลังออกแถลงการณ์ในวันอังคาร (25 ตุลาคม) แม้ว่าหุ้นจะตกมาถึง 20% ในรอบเดือนที่ผ่านมา และตกลงมามากกว่า 60% ในปีนี้ ซึ่ง Ye สร้างปัญหาอย่างแสนสาหัสก็ตาม ในขณะที่นักวิเคราะห์อย่าง David Swartz จาก Morningstar ประเมินว่า การตัดสินหักด้ามพร้าด้วยเข่าของ adidas นั้นจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของแบรนด์อย่างมาก

 

โดยมีการประเมินว่า สินค้าของ Yeezy นั้นคิดเป็น 10% ของผลกำไร 2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.54 หมื่นล้านบาท) เลยทีเดียว แต่สวาร์ตซ์​เชื่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเป็นผลกระทบระยะสั้นในตัวเลขรายได้ที่อาจลดลงราว 247 ล้านดอลลาร์

 

แต่พวกเขาได้รับเสียงปรบมือกึกก้องที่กล้าจะตอกตะปูปิดฝาโลงให้วายร้ายผู้นี้ในโลกของแฟชั่นเสียที

 

ขณะที่ฝ่ายที่เสียหายร้ายแรงกว่าคือ Ye ที่ Forbes รายงานว่า เขาได้สูญเสียสถานะ ‘เศรษฐีพันล้าน’ ทันที โดยความมั่งคั่งของเขาเหลือแค่ 400 ล้านดอลลาร์เท่านั้น จากเดิมที่เคยมีถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยตามการประเมินของ Forbes ความร่ำรวยนั้นเหลือแค่จากกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์, เงินสด, ผลงานเพลง และหุ้นอีก 5% ในบริษัท Skims ของอดีตภรรยา Kim Kardashian

 

ยังไม่มีใครรู้ว่าอนาคตของ Ye และ Yeezy จะเป็นอย่างไร ถึงแม้เขาจะประกาศว่าจะเดินหน้าแบรนด์ของตัวเองตั้งแต่ช่วงก่อสงครามกับ adidas แล้วก็ตาม

 

สิ่งสำคัญกว่าที่แบรนด์ต้องรักษาไว้

ในเรื่องของฝีมือและวิสัยทัศน์แล้วไม่มีใครกังขา Ye อย่างแน่นอน เขาคืออัจฉริยะผู้สร้างสรรค์ที่เหมือนเดินทางมาจากโลกแห่งอนาคต และมี Midas Touch ที่หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แบรนด์ต่างๆ อยากได้ตัวเขามาร่วมมือด้วย เพราะรู้ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นจากแนวคิดของ Ye และมีคำว่า Yeezy ประทับอยู่นั้น จะเป็นสินค้าที่ขายดี ซึ่งก็เริ่มตั้งแต่ Nike ก่อนจะมาเป็น adidas รวมถึง Gap และ Balenciaga

 

แต่สำหรับแบรนด์แล้ว เรื่องของรายได้อาจไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดเท่ากับภาพลักษณ์และการร่วมมือกับคนที่ภาพลักษณ์เลวร้ายในระดับที่สังคมไม่อาจยอมรับได้อย่าง Ye เป็นเรื่องต้องห้ามลำดับแรกๆ ของแบรนด์อยู่แล้ว

 

นอกจากนี้แบรนด์ยังต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคมด้วย และนั่นคือเหตุผลสำคัญที่สุดที่พวกเขาไม่สามารถร่วมมือกับอัจฉริยะอย่าง Ye ได้อีกต่อไป

 

ในขณะที่ Ye เอง เรื่องนี้คือบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเช่นกัน เพราะวันนี้สภาพของเขาแทบไม่ต่างจากอาชญากรผู้ชั่วร้ายระดับประวัติศาสตร์ ที่ถูกลากตัวนำมาขึ้นลานประหารกลางเมืองต่อหน้าสายตาของผู้คนมากมาย

 

บนโลกใบนี้มันมีสิ่งที่เรียกว่าเสรีภาพในการแสดงออกอยู่ก็จริง แต่ไม่ได้รวมถึงการแสดงออกหรือวาทะที่สร้างความเกลียดชังให้แก่โลกใบนี้

 

หรือหากยืนยันที่จะทำแบบนั้น ก็ขอให้พร้อมที่จะรับผลของการกระทำที่จะตามมาให้ได้ก็พอ

 

ภาพ: Gary Gershoff, Neilson Barnard, Jonathan Leibson / Getty Images

อ้างอิง:

The post จุดจบของ คานเย่ เวสต์ ( Kanye West ) และ Yeezy กับเหตุผลที่ adidas และแบรนด์ต่างๆ ไม่ขอจับมือกับแฟชั่นไอคอนจอมอันตรายอีกต่อไป appeared first on THE STANDARD.

]]>
Kanye West สูญเสียสถานะเศรษฐีพันล้านของ Forbes หลัง adidas ยุติความสัมพันธ์จากโพสต์ข้อความเหยียดชาวยิว https://thestandard.co/kanye-west-adidas-racist-jews/ Wed, 26 Oct 2022 08:39:34 +0000 https://thestandard.co/?p=700410 Kanye West

หลังจากที่ Kanye West (คานเย เวสต์) โพสต์ข้อความเหยียดช […]

The post Kanye West สูญเสียสถานะเศรษฐีพันล้านของ Forbes หลัง adidas ยุติความสัมพันธ์จากโพสต์ข้อความเหยียดชาวยิว appeared first on THE STANDARD.

]]>
Kanye West

หลังจากที่ Kanye West (คานเย เวสต์) โพสต์ข้อความเหยียดชาวยิวและให้ข้อมูลที่ผิดพลาดเกี่ยวกับชาวยิวไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้หลายฝ่ายทั้งองค์กร แบรนด์ และสื่อแฟชั่น อย่าง Balenciaga, Gap และนิตยสาร Vogue ที่ต่างออกมายุติความสัมพันธ์กับแรปเปอร์วัย 45 ปี 

 

รวมไปถึงแบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่จากเยอรมนีอย่าง adidas คู่ค้าคนสำคัญของ Yeezy ที่เขาก่อตั้ง ได้ประกาศยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่มีมาตั้งแต่ปี 2013 อย่างเป็นทางการและเด็ดขาดในวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


ซึ่งทำให้ Kaye West สูญเสียสถานะเศรษฐีพันล้านที่จัดทำขึ้นโดยนิตรสาร Forbes โดยปริยาย โดยทางนิตยสารรายงานว่าดีล Yeezy กับ adidas มีมูลค่าสูงถึง 1.5 พันล้านบาท หรือราว 5.65 หมื่นล้านบาท ทำให้ทรัพย์สินโดยประมาณของ Kanye ลงมาเหลือที่ 4 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่มาจากเงินของลิขสิทธิ์ผลงานเพลง อสังหาริมทรัพย์ และเงินสด

 

โดยทางแบรนด์ได้แถลงว่า “adidas จะไม่ทนต่อลัทธิต่อต้านชาวยิว และคำพูดเกลียดชังทุกรูปแบบ ข้อความและท่าทีของ Ye เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เต็มไปด้วยความเกลียดชังและอันตราย และขัดต่อค่านิยมของบริษัทในเรื่องความหลากหลาย การรวมผู้คนไว้เข้าด้วยกัน การเคารพซึ่งกันและกัน และความยุติธรรม

 

“หลังจากการพิจารณาที่ถี่ถ้วนแล้ว ทางบริษัทขอตัดสินใจยุติความร่วมมือระหว่าง Ye โดยทันที หยุดการผลิตสินค้า Yeezy และการจ่ายค่าตอบแทนให้ Ye และบริษัทของเขา adidas ขอยุติการดำเนินธุรกิจ adidas Yeezy โดยมีผลบังคับใช้ทันที”

 

การเคลื่อนไหวของ adidas ต่อ Kanye West เป็นที่จับตามองเป็นพิเศษ ก็เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งรายได้สำคัญของ Kanye แล้ว คือท่าทีของแบรนด์ต่อกรณีลัทธิต่อต้านชาวยิว (Antisemitism) ที่อดีตของ adidas ที่ผู้ก่อตั้งชาวเยอรมันอย่าง Adolf Dassler มีประวัติเป็นสมาชิกของพรรคนาซี พรรคแรงงานสังคมนิยมแห่งชาติเยอรมัน หรือพรรคนาซีที่มีประวัติศาสตร์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งมีระบุอยู่ในหนังสือ Sneaker Wars ของ Barbara Smit ที่เล่าประวัติการก่อตั้งแบรนด์และความขัดแย้งของพี่น้อง Dassler ที่ภายหลังแยกทางกันไปก่อตั้งแบรนด์ adidas และ Puma 

 

บวกกับการให้สัมภาษณ์ของ Kanye ผ่านทางรายการพอดแคสต์ Drink Champs เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาที่เขากล่าวว่า “ระหว่างผมกับ adidas คือผมสามารถพูดอะไรก็ได้เกี่ยวกับลัทธิต่อต้านชาวยิว adidas ก็ไม่ทำอะไรผมหรอก” 

 

ยังไม่นับรวมภายในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาที่ Kanye โพสต์แสดงความไม่พอใจและการทำงานที่ไม่ลงรอยกับทีมงานของ adidas ผ่านอินสตาแกรม ไปจนถึงที่กรณีเสื้อยืด White Lives Matter ที่โชว์ของ Yeezy ที่ทำให้แบรนด์ต้องกลับมาพิจารณาความสัมพันธ์ครั้งใหญ่ ก่อนตัดสินใจลงดาบในที่สุด

 

ภาพ: Taylor Hill / FilmMagic

อ้างอิง:

The post Kanye West สูญเสียสถานะเศรษฐีพันล้านของ Forbes หลัง adidas ยุติความสัมพันธ์จากโพสต์ข้อความเหยียดชาวยิว appeared first on THE STANDARD.

]]>