ความรุนแรง – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 01 Dec 2025 05:42:28 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 บทเรียนจากอุทกภัยที่หาดใหญ่ ในมุมมองของธุรกิจประกันภัย https://thestandard.co/insurance-lessons-hat-yai-flood/ Mon, 01 Dec 2025 05:42:28 +0000 https://thestandard.co/?p=1150124 บทเรียนจากอุทกภัยที่ หาดใหญ่ ในมุมมองของธุรกิจประกันภัย

เหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ที่หาดใหญ่ในปี 2568 นี้ เป็นหน […]

The post บทเรียนจากอุทกภัยที่หาดใหญ่ ในมุมมองของธุรกิจประกันภัย appeared first on THE STANDARD.

]]>
บทเรียนจากอุทกภัยที่ หาดใหญ่ ในมุมมองของธุรกิจประกันภัย

เหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ที่หาดใหญ่ในปี 2568 นี้ เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนอันชัดเจนว่า โลกในยุคโลกร้อนกำลังก้าวเข้าสู่สภาวะที่บริษัทประกันภัยไม่อาจประเมินความเสี่ยงแบบเดิมได้อีกต่อไป การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกส่งผลโดยตรงให้ความถี่ของภัยพิบัติต่างๆ เพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม พายุ แผ่นดินไหว หรือภัยธรรมชาติรูปแบบใหม่ที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม สิ่งนี้ทำให้แบบจำลองความเสี่ยงที่เคยใช้ได้ผลในอดีตเริ่มไม่เพียงพอ เพราะ frequency ของเหตุการณ์ CAT (Catastrophe) เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเกินกว่าประวัติศาสตร์จะรองรับ การคำนวณเบี้ยประกันภัยจึงต้องพึ่งพาแบบจำลองเชิงสถิติและข้อมูลสภาพภูมิอากาศแบบเรียลไทม์มากขึ้น เพื่อสะท้อนระดับความเสี่ยงที่แท้จริงและรองรับความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

แม้ความถี่จะเพิ่มสูงขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความรุนแรงของเหตุการณ์ (severity) สามารถบรรเทาหรือจำกัดความเสียหายได้ หากภาครัฐหรือสังคมมีระบบบริหารจัดการที่ดี มีการเตรียมพร้อมล่วงหน้า และมีเทคโนโลยีช่วยสนับสนุน เช่น ระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning System: EWS) การจัดการน้ำแบบองค์รวม การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในระดับพื้นที่และระดับประเทศ รวมถึงขั้นตอนการอพยพที่เป็นมาตรฐานสากล สำหรับมุมของนักคณิตศาสตร์ประกันภัย สิ่งเหล่านี้ช่วยลด expected loss และลด tail risk ของเหตุการณ์ CAT ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความเสถียรของบริษัทประกันภัย และการบริหารความเสี่ยงทั้งระบบ บริษัทประกันภัยที่ลงทุนในเทคโนโลยี EWS หรือร่วมมือกับภาครัฐในการสร้างระบบจัดการความเสี่ยงน่าจะได้ประโยชน์ทั้งเชิงสังคมและเชิงธุรกิจ เพราะช่วยลดความรุนแรงของเหตุการณ์ในอนาคตได้จริง

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีระบบช่วยลดความรุนแรง แต่ความจริงอีกด้านคือ เบี้ยประกันภัยในอนาคตหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะต้องเพิ่มสูงขึ้น จากทั้งความถี่ที่มากขึ้นและความรุนแรงที่ยังสูงอยู่ในหลายพื้นที่ ค่าเบี้ยที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่เพียงเพราะบริษัทต้องคุ้มครองความเสี่ยงที่ใหญ่ขึ้น แต่ยังรวมถึงต้นทุนประกันภัยต่อ (Reinsurance) ที่มีแนวโน้มจะสูงขึ้นทั่วโลก หลังจากเหตุการณ์ CAT หลายประเทศเกิดถี่ขึ้นพร้อมกัน ทำให้ reinsurer ต้องปรับราคาให้สอดคล้องกับความเสี่ยง ส่วนของนักคณิตศาสตร์ประกันภัยนั้น ต้องสะท้อนทั้งความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นและสถานการณ์ตลาดประกันภัยต่อในแบบจำลองราคา (pricing model) รวมถึงต้องประเมินภาระหนี้สินตามมาตรฐานบัญชีใหม่ๆ เช่น TFRS 17 ที่ต้องตั้ง “ความเสี่ยง” เป็นตัวเงินอย่างชัดเจนผ่าน Risk Adjustment ซึ่งยิ่งทำให้ต้นทุนของกรมธรรม์ที่เกี่ยวกับภัยธรรมชาติสูงขึ้นตามไปด้วย

 

เมื่อเปรียบเทียบความเสียหายของอุทกภัยรอบนี้กับเหตุการณ์แผ่นดินไหวช่วงต้นปี 2568 จะพบว่าผลกระทบแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แผ่นดินไหวเกิดขึ้นรวดเร็วและกระทบเฉพาะอาคารสูงหรือโครงสร้างบางประเภท ขณะที่น้ำท่วมครั้งนี้ลากยาวหลายวันและกินพื้นที่กว้าง ทำให้วงจรของความเสียหายยืดเยื้อ ทั้งต่อบ้านพักอาศัย โรงงาน ร้านค้า ธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานระดับจังหวัด มุมของนักคณิตศาสตร์ประกันภัยจึงต้องมองว่า severity ของน้ำท่วมครั้งนี้แม้อาจจะไม่รุนแรงแบบเฉียบพลันเหมือนแผ่นดินไหว แต่เป็นภัยที่สร้างผลกระทบสะสมต่อเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง และทำให้ incurred claims มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นเป็นหลายรอบ ทั้งจากการเคลมซ่อมแซมครั้งแรก และความเสียหายต่อเนื่อง เช่น ความชื้น ระบบไฟฟ้าเสียหาย หรือการหยุดดำเนินงานของธุรกิจ (Business Interruption) ซึ่งเป็นความคืบหน้าที่อุตสาหกรรมประกันภัยต้องให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ขณะเดียวกัน เหตุการณ์ซ้ำซ้อนของทั้งแผ่นดินไหวเมื่อต้นปีและน้ำท่วมครั้งนี้ทำให้ความตื่นตัวของประชาชนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนเริ่มเห็นว่าความเสี่ยงที่เคยคิดว่า “ไม่น่าจะเกิด” กำลังเกิดขึ้นจริง และเกิดถี่กว่าที่คิด ทั้งบ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ และธุรกิจ SME น่าจะเริ่มมองหาประกันทรัพย์สินและประกันน้ำท่วมมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญของบริษัทประกันภัยในการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ครอบคลุมทั้งไฟไหม้ น้ำท่วม และแผ่นดินไหวในแบบบูรณาการ เพื่อรองรับรูปแบบภัยในยุคสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง การออกแบบผลิตภัณฑ์เช่นนี้ต้องอาศัย actuarial pricing ที่ละเอียดมากขึ้น ใช้ข้อมูลพื้นที่ (location-based risk data) ภาพถ่ายดาวเทียม และข้อมูลฝนรายชั่วโมง เพื่อให้ราคาเหมาะสมกับความเสี่ยงจริงในแต่ละโซน ไม่ใช่ราคาเฉลี่ยทั้งประเทศแบบเดิม

 

ท้ายที่สุด จากในมุมมองส่วนตัวที่มองในภาพรวมแล้ว ความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งนี้สำหรับธุรกิจประกันภัยน่าจะสูงกว่าความเสียหายจากแผ่นดินไหว ไม่ใช่เพียงเพราะความเสียหายจากตัวทรัพย์สินเท่านั้น แต่รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวที่หยุดชะงัก การขนส่งที่ติดขัด และผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการในวงกว้าง มุมมองนักคณิตศาสตร์ประกันภัยจึงต้องพิจารณาทั้ง direct loss และ indirect loss ซึ่งส่งผลต่อความเสถียรของอุตสาหกรรมในภาพรวม เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ชัดเจนว่าอุตสาหกรรมประกันภัยอาจต้องปรับตัว ไม่ใช่แค่ตั้งราคาตามความเสี่ยงใหม่ แต่อาจต้องเตรียมพร้อมในการเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับจ่ายเคลม มาเป็นผู้ช่วยในการผลักดันการบริหารความเสี่ยงให้กับสังคมในอนาคต ผ่านเทคโนโลยี ข้อมูล และการทำงานเชิงรุกกับภาครัฐและชุมชน เพื่อให้ระบบประกันภัยสามารถรองรับโลกยุคใหม่ที่ภัยพิบัติกำลังมาแรงและถี่ขึ้นกว่าเดิมอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนในระยะยาวอีกด้วย

 

สามารถอ่านการเคลมภัยพิบัติอื่นๆ ได้ที่: https://www.actuarialbusiness.com/th/knowledge/article13th

The post บทเรียนจากอุทกภัยที่หาดใหญ่ ในมุมมองของธุรกิจประกันภัย appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมสุขภาพจิต แนะวิธีดูแลใจเด็กและเยาวชน หลังเผชิญเหตุรุนแรง https://thestandard.co/dmh-child-mental-health-aid/ Mon, 04 Aug 2025 03:03:03 +0000 https://thestandard.co/?p=1103236 dmh-child-mental-health-aid

วันนี้ (4 สิงหาคม) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ให้คำแ […]

The post กรมสุขภาพจิต แนะวิธีดูแลใจเด็กและเยาวชน หลังเผชิญเหตุรุนแรง appeared first on THE STANDARD.

]]>
dmh-child-mental-health-aid

วันนี้ (4 สิงหาคม) กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ให้คำแนะนำในการดูแลจิตใจเด็กและเยาวชนที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ความรุนแรง โดยเน้นย้ำว่าเด็กเป็นกลุ่มเสี่ยงด้านสุขภาพจิตที่ต้องการความเข้าใจและการดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ

 

กรมสุขภาพจิตชี้ว่า เด็กและเยาวชนมีความเปราะบางทางจิตใจเป็นพิเศษเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์รุนแรง เนื่องจาก:

 

  • เข้าใจเหตุการณ์ได้ยาก: เด็กอาจยังไม่สามารถประมวลผลหรือทำความเข้าใจถึงสาเหตุและผลกระทบของเหตุการณ์รุนแรงได้อย่างถ่องแท้
  • ควบคุมอารมณ์ไม่ได้: พวกเขาอาจยังไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ที่รุนแรง เช่น ความกลัว ความโกรธ หรือความเศร้า ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าผู้ใหญ่
  • ขาดประสบการณ์รับมือ: เด็กๆ ยังไม่มีประสบการณ์ในการรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากหรือวิกฤต ซึ่งอาจทำให้รู้สึกสับสนและไร้หนทาง

 

การเผชิญกับเหตุการณ์รุนแรงอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อเด็กและเยาวชน ทั้งในด้านสุขภาพจิต พัฒนาการ การเรียน และพฤติกรรม ดังนี้:

 

  • ปัญหาสุขภาพจิต: อาจพบอาการซึมเศร้า วิตกกังวล นอนหลับยาก ฝันร้าย หรือมีอาการเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ (PTSD)
  • ปัญหาพัฒนาการ: พัฒนาการบางอย่างอาจหยุดชะงัก หรือเกิดภาวะถดถอย เช่น เด็กที่เคยเลิกใส่ผ้าอ้อมแล้วอาจกลับมาใส่ใหม่
  • ปัญหาการเรียน: สมาธิสั้นลง ผลการเรียนตกต่ำ หรืออาจมีพฤติกรรมหนีเรียน
  • ปัญหาพฤติกรรม: อาจแสดงออกด้วยความก้าวร้าว เก็บตัว ไม่สุงสิงกับใคร หรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอื่นๆ

 

กรมสุขภาพจิตแนะนำบทบาทสำคัญของพ่อแม่และผู้ปกครองในการช่วยเหลือดูแลจิตใจเด็กที่เผชิญเหตุการณ์รุนแรง ดังนี้:

 

  • เปิดโอกาสให้เด็กเล่าเรื่อง: สนับสนุนให้เด็กได้พูดคุย ระบายความรู้สึกและความคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่บังคับหรือกดดัน
  • อยู่ใกล้ชิด ให้ความรู้สึกปลอดภัย: สร้างบรรยากาศที่อบอุ่น ปลอดภัย และให้ความมั่นใจว่าเด็กจะได้รับการปกป้องดูแล
  • ลดการพูดซ้ำเรื่องเหตุการณ์: หลีกเลี่ยงการพูดถึงรายละเอียดของเหตุการณ์รุนแรงซ้ำๆ เพราะอาจกระตุ้นความทรงจำและอารมณ์ที่ไม่ดีให้กลับมาอีก
  • จัดกิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจ: ชวนเด็กทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ ผ่อนคลาย หรือกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กรู้สึกว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตได้ เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจให้กลับมาเป็นปกติ

 

หากพ่อแม่หรือผู้ปกครองสังเกตพบความผิดปกติทางอารมณ์หรือพฤติกรรมของเด็กที่คงอยู่นาน หรือมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด โดยสามารถ:

 

  • ติดต่อสายด่วนสุขภาพจิต 1323
  • ปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน

 

กรมสุขภาพจิตย้ำว่า จิตใจของเด็กๆ ต้องการคนเข้าใจและเคียงข้างเสมอ การให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีจะช่วยให้เด็กสามารถผ่านพ้นวิกฤตและกลับมามีสุขภาพจิตที่ดีได้ในที่สุด

อ้างอิง :

The post กรมสุขภาพจิต แนะวิธีดูแลใจเด็กและเยาวชน หลังเผชิญเหตุรุนแรง appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิธีรับมือกับ ‘ความกังวลสะสม’ จากข่าวร้ายที่มีความรุนแรง https://thestandard.co/life/how-to-cope-with-bad-news-anxiety/ Thu, 24 Jul 2025 11:05:47 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1099434 ความกังวล

เมื่อต้องเผชิญกับข่าวสารที่ตึงเครียดและเต็มไปด้วยความไม […]

The post วิธีรับมือกับ ‘ความกังวลสะสม’ จากข่าวร้ายที่มีความรุนแรง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ความกังวล

เมื่อต้องเผชิญกับข่าวสารที่ตึงเครียดและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง เช่นข่าวความรุนแรงที่ปรากฏตามฟีดโซเชียล ความรู้สึกกังวล และความเครียดสามารถสะสมจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตได้ LIFE จึงขอแนะนำวิธีปรับใจและรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างสร้างสรรค์ เพื่อช่วยให้คุณสามารถกลับมามีสภาวะจิตใจที่สงบและมั่นคงอีกครั้ง

 

1. สร้าง ‘พื้นที่ปลอดภัย’ จากข่าว

การรับรู้ข่าวสารเป็นสิ่งจำเป็น แต่การเสพข่าวมากเกินไปก็อาจเป็นพิษต่อจิตใจได้ ลองกำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจนสำหรับการรับข่าวสาร เช่น วันละ 1-2 ครั้ง และเลือกช่องทางที่เชื่อถือได้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้น ให้ ‘งด’ การเปิดดูหรือเลื่อนดูข่าวที่ไม่จำเป็น เพื่อเป็นการสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางจิตใจให้ห่างจากความเครียด

 

2. จดจ่อกับสิ่งที่ควบคุมได้

หลายครั้งความกังวลเกิดจากการที่เราไปจดจ่อกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ลองเปลี่ยนมุมมองมาให้ความสนใจกับสิ่งที่เราสามารถทำได้ในชีวิตประจำวันแทน เช่น การดูแลสุขภาพตัวเอง การทำงาน หรือการใช้เวลากับครอบครัว การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกมีพลังและควบคุมชีวิตตัวเองได้มากขึ้น แทนที่จะรู้สึก Powerless หรือหมดหนทาง

 

3. หาทางระบายความรู้สึกอย่างสร้างสรรค์

การเก็บความรู้สึกเครียดไว้คนเดียวจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง ลองหาทางระบายความรู้สึกออกมาในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เช่น การพูดคุยกับคนใกล้ชิดที่ไว้ใจ, การเขียนบันทึก, การฝึกสมาธิ, หันไปทำกิจกรรมฮีลใจอย่างการปลูกต้นไม้, เล่นดนตรี, หรือทำอาหาร การได้ทำกิจกรรมที่ทำให้เราเพลิดเพลินจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากความเครียดและเติมเต็มพลังบวกให้กับจิตใจได้

 

4. ฝึกทำสมาธิและการหายใจ

เมื่อรู้สึกว่าความกังวลกำลังถาโถม ลองใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเพื่อฝึกสมาธิและการหายใจอย่างมีสติ การหายใจเข้า-ออกลึกๆ อย่างช้าๆ จะช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและทำให้ระบบประสาทสงบลงได้ ซึ่งเทคนิคนี้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการจัดการกับความเครียดเฉียบพลันและช่วยให้คุณกลับสู่สภาวะสมดุลทางอารมณ์ได้เร็วขึ้น

 

ในช่วงเวลาที่เปราะบางเช่นนี้ การดูแลสุขภาพจิตใจเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย การปรับพฤติกรรมและนำวิธีเหล่านี้ไปใช้จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความกังวลได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากไปได้อย่างเข้มแข็ง

The post วิธีรับมือกับ ‘ความกังวลสะสม’ จากข่าวร้ายที่มีความรุนแรง appeared first on THE STANDARD.

]]>
กกต. ประณามเหตุใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้งสงขลา เตรียมดำเนินคดีผู้กระทำผิด https://thestandard.co/songkhla-election-violence-investigation/ Mon, 12 May 2025 05:23:43 +0000 https://thestandard.co/?p=1073378 songkhla-election-violence-investigation

วันนี้ (12 พฤษภาคม) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เผยแ […]

The post กกต. ประณามเหตุใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้งสงขลา เตรียมดำเนินคดีผู้กระทำผิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
songkhla-election-violence-investigation

วันนี้ (12 พฤษภาคม) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เผยแพร่เอกสารระบุถึงกรณีที่ ด.ต. นิสาธิต คงเทพ สังกัดกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 ได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล
และนายกเทศมนตรีตำบลพะวง หน่วยเลือกตั้งที่ 7 หมู่ที่ 2 ตำบลพะวง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ถูกกลุ่มบุคคลทำร้ายร่างกาย เนื่องจากห้ามและชี้แจงไม่ให้บุคคลที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้งเข้ามาภายในหน่วยเลือกตั้ง ทำให้เกิดความไม่พอใจ และต่อมามีกลุ่มคนเข้ามาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บในขณะปฏิบัติหน้าที่ และเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลสงขลานั้น

 

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอแสดงความห่วงใยและเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบในการเลือกตั้ง สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกตั้งอย่างรับผิดชอบและแข็งขัน และจะดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายอย่างเต็มที่

 

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งมีระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยเงินชดเชยผู้ประสบภัยเนื่องจากการปฏิบัติงานเลือกตั้ง พ.ศ. 2555 กำหนดให้ผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ มีสิทธิได้รับเงินบำรุงขวัญและเงินชดเชยให้แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บ ดังนี้

 

  1. เงินบำรุงขวัญ กรณีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส รายละ 10,000 บาท หรือกรณีที่ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส รายละ 5,000 บาท

 

  1. เงินชดเชย กรณีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงทุพพลภาพ หรือเจ็บป่วยเรื้อรังจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ ไม่เกินรายละ 100,000 บาท

 

ทั้งนี้ ร.ต.อ. สมนึก กุลมณี ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสงขลา และคณะ เป็นผู้แทนของคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มอบกระเช้าผลไม้และเงินบำรุงขวัญ จำนวน 5,000 บาท พร้อมด้วยเงินสมทบของพนักงานสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสงขลา จำนวน 10,000 บาท รวมทั้งสิ้น 15,000 บาท เพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้นแก่ ด.ต. นิสาธิต และจะดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริง เอกสารหลักฐาน และรายงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณาตามระเบียบดังกล่าว และเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกตั้งที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้อง และยืนยันว่าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจะไม่เพิกเฉยต่อความเสียหายที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนการเลือกตั้ง

 

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนให้ร่วมกันสร้างบรรยากาศการเลือกตั้งที่ปราศจากความรุนแรง สุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย เพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน

The post กกต. ประณามเหตุใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้งสงขลา เตรียมดำเนินคดีผู้กระทำผิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ ออกแถลงการณ์ต่อเหตุความไม่สงบ หนุนพูดคุยสันติภาพแสวงหาทางออกทางการเมืองร่วมกัน https://thestandard.co/house-committee-southern-peace-dialogue-political-solution/ Wed, 07 May 2025 06:34:28 +0000 https://thestandard.co/?p=1071959 จาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพชายแดนใต้ พร้อมพรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะกรรมาธิการฯ แถลงจุดยืนต่อเหตุการณ์ความรุนแรงล่าสุดในพื้นที่

วันนี้ (7 พฤษภาคม) ที่อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญเ […]

The post กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ ออกแถลงการณ์ต่อเหตุความไม่สงบ หนุนพูดคุยสันติภาพแสวงหาทางออกทางการเมืองร่วมกัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
จาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพชายแดนใต้ พร้อมพรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะกรรมาธิการฯ แถลงจุดยืนต่อเหตุการณ์ความรุนแรงล่าสุดในพื้นที่

วันนี้ (7 พฤษภาคม) ที่อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย จาตุรนต์ ฉายแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ว่า การจัดทำข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯ เป็นข้อเสนอในเชิงภาพรวม เพื่อแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว ที่ผ่านมาเราจึงไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นเฉพาะเรื่องหรือเหตุการณ์เฉพาะหน้า

 

อย่างไรก็ตาม กรณีความรุนแรงล่าสุดนี้ เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจ และประชาชนสามจังหวัดชายแดนใต้ กังวลในความปลอดภัยและทรัพย์สิน ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศก็มีความกังวลว่า ความไม่สงบหรือความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอดีตจะกลับมาหรือลุกลามบานปลาย

 

โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้มีการหารือกัน เพื่อแสดงความคิดเห็นที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาและทำให้เกิดการตั้งสติ เพื่อให้สังคมไทยช่วยกันคิดหาทางออกจากปัญหา และคุ้มครองให้ความปลอดภัยต่อประชาชน รวมถึงมีการนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด และสอดคล้องกับหลักนิติธรรม ตลอดจนกระบวนการซึ่งพยายามทำให้เกิดความร่วมมือกับทุกฝ่ายทุกภาคส่วนเพื่อพูดคุยสันติภาพ และทราบว่าฝ่ายรัฐบาลขณะนี้ มีความคิดนโยบายที่จะดำเนินการพูดคุยด้วย

 

จาตุรนต์ย้ำว่า กระบวนการพูดคุยสันติภาพอย่างเป็นทางการเริ่มอย่างเป็นกิจจะลักษณะในปี 2556 และยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน เพียงการมีการหยุดชะงักในการตั้งคณะพูดคุย เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีแต่ละครั้ง ต้องมีการตั้งคณะตามระเบียบบริหารราชการของรัฐบาลใหม่

 

ดังนั้น เราอยากให้สังคมเกิดความเข้าใจว่า ปัญหาความขัดแย้ง ความไม่สงบในชายแดนใต้ เป็นเรื่องที่ซับซ้อน สะสมมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งหลายฝ่ายกำลังพูดถึงการทบทวนว่าการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ไม่ประสบความสำเร็จ หรือประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนอย่างไร เป็นเพราะเหตุใด ซึ่งเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เราจะจัดทำรายงานเพื่อนำข้อเสนอเข้าสู่สภา และส่งต่อไปยังรัฐบาลต่อไป

 

ขณะที่ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการฯ ได้อ่านแถลงการณ์ของคณะกรรมาธิการฯ ต่อความรุนแรงระลอกล่าสุดในพื้นที่ชายแดนใต้ ระบุว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยมีการสังหารพลเรือน เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ รวมถึงพระสงฆ์ในศาสนาพุทธและครูสอนศาสนาอิสลาม ซึ่งได้สร้างความสะเทือนใจประชาชนในวงกว้างและทำให้สถานการณ์ชายแดนใต้อยู่ในภาวะเปราะบางอย่างยิ่ง ประชาชนในพื้นที่ต้องอยู่ในภาวะหวาดระแวง วิตกกังวลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ในสภาวะเช่นนี้ การใช้สติและเหตุผลในการเผชิญเหตุเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อยุติความรุนแรงและแสวงหาทางออกอย่างสันติวิธี

 

คณะกรรมาธิการฯ ขอแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ ดังนี้

 

  1. คณะกรรมาธิการฯ ขอประณามการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบและขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อทุกความสูญเสีย เราขอให้หยุดการกระทำดังกล่าวโดยทันที เพราะการใช้ความรุนแรงไม่เพียงขัดต่อหลักกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน หลักการทาง มนุษยธรรม แต่ยังบ่อนทำลายกระบวนการสร้างสันติภาพอย่างรุนแรง

 

  1. คณะกรรมาธิการฯ ยืนยันว่า ต้องมีการนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว

 

ที่สุด และดำเนินการตามหลักนิติธรรมและความโปร่งใส การให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในทุกภาคส่วน ซึ่งจะเป็นบันไดขั้นแรกสู่การคลี่คลายสถานการณ์ ลดความหวาดวิตก ไม่ไว้วางใจกันในพื้นที่

 

  1. คณะกรรมาธิการฯ ขอให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินมาตรการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ความคุ้มครองและความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

 

  1. คณะกรรมาธิการฯ ขอสนับสนุนให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการพูดคุย

 

สันติภาพ เพื่อยุติความรุนแรงและสร้างบรรยากาศเพื่อนำไปสู่การแสวงหาทางออกทางการเมืองร่วมกันอย่างสันติภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ

 

  1. คณะกรรมาธิการฯ ตระหนักว่าปัญหาความขัดแย้งรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้

 

มีความซับซ้อนและต้องการแนวทางการสร้างสันติภาพในหลากหลายมิติ รวมทั้งต้องการการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกภาคส่วน คณะกรรมาธิการฯ กำลังเร่งจัดทำรายงานที่ครอบคลุมข้อเสนอทั้งระยะสั้นและระยะยาวอย่างเป็นระบบ เพื่อการสร้างสันติภาพในชายแดนใต้อย่างยั่งยืน

The post กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ ออกแถลงการณ์ต่อเหตุความไม่สงบ หนุนพูดคุยสันติภาพแสวงหาทางออกทางการเมืองร่วมกัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
สำนักจุฬาราชมนตรีออกแถลงการณ์ประณามเหตุรุนแรงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม จี้เร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ https://thestandard.co/southern-thailand-violence-chularajamontri-statement/ Wed, 07 May 2025 01:15:52 +0000 https://thestandard.co/?p=1071829 สำนักจุฬาราชมนตรี

วานนี้ (6 พฤษภาคม) สำนักจุฬาราชมนตรีออกแถลงการณ์ ระบุ เ […]

The post สำนักจุฬาราชมนตรีออกแถลงการณ์ประณามเหตุรุนแรงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม จี้เร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สำนักจุฬาราชมนตรี

วานนี้ (6 พฤษภาคม) สำนักจุฬาราชมนตรีออกแถลงการณ์ ระบุ เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้อันนำไปสู่การฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยมในช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความเศร้าสลดแก่ประชาชนชาวไทยอีกครั้งหนึ่ง ด้วยคนร้ายได้กระทำต่อผู้อ่อนแอ ผู้พิการ คนชรา ผู้หญิง นักเรียนศาสนา และเณร ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับความขัดแย้ง และกลุ่มผู้อ่อนแอเหล่านี้จะต้องได้รับการปกป้องในทุกกรณี จากเหตุการณ์ความรุนแรงในทุกรูปแบบ

 

สำนักจุฬาราชมนตรีขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างถึงที่สุด และขอประกาศด้วยถ้อยคำที่ชัดเจนที่สุดว่า ไม่มีเหตุผล ข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าข้ออ้างทางการเมือง ชาติพันธุ์ ศาสนา หรือประวัติศาสตร์ในการก่ออาชญากรรมอันโหดเหี้ยมเช่นนี้

 

ในบริบทของพื้นที่ซึ่งมุสลิมผู้นับถือศาสนาอิสลามเป็นชนกลุ่มใหญ่ การฆ่าชีวิตนอกจากจะผิดกฎหมายบ้านเมือง และต้องได้รับโทษทางอาญาขั้นสูงสุดแล้ว ยังถือเป็นความผิดทางศาสนาอย่างร้ายแรง ด้วยพระองค์อัลเลาะห์ (ซ.บ.) ได้ตรัสไว้ในบทอัลอิสรออ์ โองการที่ 33 ความว่า ‘พวกเจ้าอย่าฆ่าชีวิตซึ่งอัลเลาะห์ทรงตราห้ามไว้ นอกจากโดยมีสิทธิอันชอบธรรม’

 

สำนักจุฬาราชมนตรีขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัว ญาติพี่น้องของผู้บาดเจ็บ ผู้สูญเสีย และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว และขอให้ประชาชนช่วยกันดูแลสอดส่องความผิดปกติและเป็นหูเป็นตาให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

 

ขอเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงในทุกรูปแบบ และใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหาอันเรื้อรังนี้ ด้วยเจตจำนงอันแน่วแน่ และความหวังอันเต็มเปี่ยม เพื่อสังคมไทยได้เดินต่อไปข้างหน้า และส่งผ่านอนาคตที่ดีให้แก่คนรุ่นต่อไป

The post สำนักจุฬาราชมนตรีออกแถลงการณ์ประณามเหตุรุนแรงจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม จี้เร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เมื่อเสียงปืนลั่น เสียงสันติภาพแผ่วลงหรือไม่? ประมวลสถานการณ์และจุดยืนต่อเหตุรุนแรงชายแดนภาคใต้ https://thestandard.co/violence-southern-thailand-peace-process/ Tue, 06 May 2025 11:50:09 +0000 https://thestandard.co/?p=1071781 เหตุความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและกระบวนการสันติภาพที่หยุดชะงักมาเกือบหนึ่งปี

ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน 2568 เหตุความสงบและคลื่นความ […]

The post เมื่อเสียงปืนลั่น เสียงสันติภาพแผ่วลงหรือไม่? ประมวลสถานการณ์และจุดยืนต่อเหตุรุนแรงชายแดนภาคใต้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เหตุความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและกระบวนการสันติภาพที่หยุดชะงักมาเกือบหนึ่งปี

ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน 2568 เหตุความสงบและคลื่นความรุนแรงถาโถมเข้าสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้ง ความขัดแย้งที่ไม่เคยจางหายกลับถูกตอกย้ำด้วยสถานการณ์น่าสะเทือนใจ ‘เหตุไม่สงบ’ เริ่มรุนแรงขึ้นจนเข้าขั้น ‘การก่อการร้าย’ โดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเท่านั้น แต่เสมือนว่าพุ่งเป้าไปที่พลเรือนและกลุ่มเปราะบาง ที่ตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้งที่ฝังลึก

 

เสียงปืนปะทุ คร่าผู้บริสุทธิ์

 

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ขณะที่รถกระบะของตำรวจอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา นำพระภิกษุและสามเณรออกบิณฑบาต คนร้ายสองคนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ก่อนกราดยิงเข้ากระจกฝั่งซ้าย ทำให้สามเณรรูปหนึ่ง อายุ 16 ปี มรณภาพขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล และสามเณรรายอื่นได้รับบาดเจ็บอีก 5 รูป

ต่อมาเมื่อ 2 พฤษภาคม 2568 เกิดเหตุคนร้ายยิงประชาชนชาวไทยพุทธในพื้นที่อำเภอจะแนะ และอำเภอตากใบ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย และบาดเจ็บ 3 ราย โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตของเหตุการณ์ดังกล่าว มีหญิงชราอายุ 76 ปี ซึ่งพิการทางสายตา และเด็กหญิงอายุเพียง 9 ขวบ รวมอยู่ด้วย

 

สถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรง เมื่อมีรายงานการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนคดีความมั่นคง กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดบริเวณบ้านไอร์ซือเระ ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บาดเจ็บ จำนวน 3 ราย และต่อมาเจ้าหน้าที่ 1 รายได้เสียชีวิตลง

 

BRN ย้ำไม่มีนโยบาย ‘พุ่งเป้าพลเรือน’

 

ในวันที่ 3 พฤษภาคม สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ พร้อมทั้งยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการที่จะดำเนินมาตรการทุกวิถีทางเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

 

“สมช. ตระหนักดีว่า เพียงคำพูดไม่อาจทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นหายไป แต่ขอให้คำมั่นว่าภาครัฐจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุด และจะมุ่งผลักดันมาตรการคุ้มครองและปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างเต็มกำลังความสามารถ” ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุ

 

ในอีกด้านหนึ่ง ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (BRN) ซึ่งถูกเพ่งเล็งอย่างกว้างขวางว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการสูญเสียชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ พร้อมทั้งยืนยันว่าเป้าหมายของการต่อสู้ของพวกเขาไม่ใช่การทำร้ายพลเรือน 

 

“BRN ขอเน้นย้ำว่า เราไม่มีนโยบายโจมตีเป้าหมายพลเรือน และยังคงยึดมั่นในหลักการของการต่อสู้ที่ให้เกียรติต่อชีวิต ศักดิ์ศรี และสิทธิมนุษยชนของทุกฝ่าย เป็นนโยบายการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรีของประชาชนมลายูปาตานี”

 

แถลงการณ์ของ BRN ยังระบุว่า จะยึดมั่นในสิทธิแห่งการกำหนดอนาคตตนเองของประชาชนมลายูปาตานี และจะเดินหน้าต่อสู้ต่อไปโดยเคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากล และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มุ่งเน้นการสร้างพื้นที่ทางการเมืองที่ยุติธรรมและครอบคลุม เพื่อให้ประชาชนสามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้โดยปราศจากการกดขี่จากรัฐไทย

 

พร้อมเจรจาใต้เงื่อนไข รัฐไทยไม่แบ่งแยก

 

จากห่วงโซ่ของสถานการณ์ภาคใต้อันร้อนระอุ รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากสังคมทุกภาคส่วน โดยเฉพาะความคืบหน้าและประสิทธิภาพของกระบวนการเจรจาพูดคุยเพื่อสันติภาพ 

 

ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงเงื่อนไขในการพูดคุยไว้ว่า “ต้องหยุดความรุนแรงจริงๆ ไม่ใช่เกมการเมือง”

 

รองนายกฯ ย้ำว่าไทยยินดีที่จะเจรจาพูดคุยภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐเป็นรัฐเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ดังนั้น “การจะเจรจาเพื่อเป็นรัฐปาตานี หรือรัฐอะไรก็ตาม เราไม่พร้อมเจรจาด้วย” 

 

ขณะที่ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มองกรณีที่ผู้สูญเสียเป็นชาวไทยพุทธจำนวนมาก ว่าขอให้มีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของศาสนา แต่การกระทำกับกลุ่มเปราะบางเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง พร้อมย้ำว่า หลักการสูงสุดในการแก้ปัญหาคือ “ต้องเอาความปลอดภัยและอยู่ดีกินดีของประชาชนเป็นหลัก”

 

นอกจากนี้ภูมิธรรมยังมอบหมาย พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเคยเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก และอดีตเลขา สมช. ให้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 และหน่วยงานในพื้นที่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดการดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมาส่วนใหญ่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นผู้รับผิดชอบ 

 

สำหรับ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกรูป พร้อมมอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้กำกับดูแลประเด็นนี้อย่างเข้มข้นแล้ว ทั้งนี้ ยังขอสื่อมวลชนช่วยในเรื่องแบ่งคำพูด เชื้อชาติ ศาสนา เพราะทุกคนก็คือคนที่มีครอบครัว ไม่ควรมาแบ่งแยก และความรุนแรงก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น ทุกชีวิตที่เสียไป มีคุณค่าและมีความหมายต้องช่วยกัน ทำความเข้าใจในเรื่องนี้ 

 

อย่างไรก็ตาม บิดาของนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ได้แสดงออกถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และความพร้อมที่จะร่วมมือกันขับเคลื่อนกระบวนการพูดคุยสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งดูมีแนวโน้มดีขึ้น ก่อนเหตุรุนแรงจะหวนมาปะทุหนักข้ออีกครั้งหลังเดือนรอมฎอนผ่านพ้นไป

 

ฝ่ายค้านชี้ ความรุนแรงจะตอกย้ำอคติ

 

ด้านพรรคประชาชน แกนนำหลักของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ออกจดหมายเปิดผนึกในนามพรรค ซึ่งแสดงออกถึงการสนับสนุนให้เปิดพื้นที่เพื่อเจรจา โดยในช่วงหนึ่งใช้คำว่า “ขบวนการที่คิดว่ากำลังต่อสู้เพื่อพี่น้องมลายูมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร องค์กรไหน”

 

พรรคประชาชนชี้ว่า การสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักศาสนา กฎหมาย และมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อีกทั้งยังส่งผลร้ายแรงต่อการสร้างสันติภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ ความรุนแรงต่อพลเรือนจะสร้างความเกลียดชังและอคติต่อชาวมลายูมุสลิม บดบังความเข้าใจในความอยุติธรรมที่พวกเขาเคยได้รับ ผลักสังคมไปสู่การตอบโต้ที่ไม่สิ้นสุด และบ่อนทำลายความชอบธรรมทางการเมืองของการต่อสู้ 

 

“พรรคประชาชนจึงเรียกร้องให้หยุดการสังหารพลเรือนโดยทันที ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการพูดคุยสันติภาพ และขบวนการต่อสู้ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองและแสดงความพร้อมที่จะใช้กระบวนการทางการเมืองในการแก้ไขปัญหา”

 

พรรคประชาชนยังมีความเห็นต่อรัฐบาลว่า การที่ความรุนแรงปะทุขึ้นอีกครั้งอาจมีสาเหตุจากความไม่ชัดเจนในยุทธศาสตร์ของรัฐบาลเกี่ยวกับการสร้างความยุติธรรม นิติรัฐ และสันติภาพ โดยเฉพาะการปล่อยให้กระบวนการพูดคุยหยุดชะงักไปเกือบ 1 ปี พรรคประชาชนจึงเรียกร้องให้รัฐบาลกลับมาสานต่อกระบวนการพูดคุยโดยเร็ว โดยต้องรับฟังเสียงประชาชนทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ และจัดเวทีคู่ขนานเพื่อให้ทั้งชาวพุทธและมุสลิมมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของกระบวนการสันติภาพร่วมกัน

 

ขณะเดียวกัน กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้วิจารณ์ทั้งการดำเนินการที่เพิกเฉยของรัฐบาลไทย พร้อมประณามการกระทำของผู้ก่อเหตุร้าย ซึ่งหากเป็น BRN จริง กัณวีร์ชี้ว่า การสังหารผู้บริสุทธิ์คือการทำลายกระบวนการสันติภาพของกลุ่มที่อ้างว่าตนเองเป็นนักรบ จะยิ่งทำให้คนในพื้นที่ระแวง หวาดกลัว และจะไม่มีใครยอมรับ 

 

“รัฐไทยก็ทำให้มืด คู่เจรจาอย่าง BRN ก็ทำให้มืด แล้วประชาชนเจ้าของพื้นที่ที่ต้องอยู่กับปัญหาทุกวัน จะหาแสงสว่างของสันติภาพได้จากไหน สถานการณ์มันกลายเป็นอาชญากรรมสงครามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” กัณวีร์ระบุในช่วงหนึ่ง

 

คนพื้นที่ประสานเสียง ต้องการเจรจา

 

ดร.ชญานิษฐ์ พูลยรัตน์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ให้มุมมองว่า การหยุดชะงักของกระบวนการเจรจาสันติภาพที่ยาวนานเกือบ 1 ปี เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจนำไปสู่การปะทุของความรุนแรงระลอกใหม่ ข้อมูลจาก Deep South Watch ที่แสดงให้เห็นถึงสถิติเหตุการณ์ความไม่สงบที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่มีการเริ่มต้นกระบวนการเจรจาในปี 2556 เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า การพูดคุยเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดความรุนแรง 

 

ดร.ชญานิษฐ์ ยังวิพากษ์วิจารณ์เงื่อนไขของรัฐบาลในการพูดคุยกับ ‘ตัวจริง’ ว่าเป็นอุปสรรคต่อการเริ่มต้นกระบวนการ และตั้งคำถามถึงความพยายามของรัฐบาลในการทำความเข้าใจโครงสร้างและความซับซ้อนของกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ นอกจากนี้เธอยังเตือนถึงอันตรายของกระแสการสร้างความเกลียดชังแบบเหมารวมต่อชาวมุสลิม ซึ่งจะยิ่งทำให้สันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม

 

“ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น หากยังไม่เกิดกระบวนการพูดคุยกันอีก อาจแปลความได้ว่าทั้งรัฐบาลไทยและขบวนการติดอาวุธไม่ได้มีเจตจำนงที่จะสร้างสันติภาพอย่างแท้จริง ผลคือความชอบธรรมของทั้งรัฐบาลและขบวนการจะลดลงเรื่อยๆ และทั้งสองฝ่ายก็จะไม่ได้เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างที่พยายามกล่าวอ้างมาโดยตลอด เพราะขณะนี้ประชาชนประสานเสียงต้องการให้เกิดการพูดคุย ฉะนั้นการพูดคุยเร็วเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีกับทุกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น” นักวิชาการธรรมศาสตร์กล่าว

 

ดร.ชญานิษฐ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเหตุการณ์ความรุนแรงต่อพลเรือนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ภาคประชาสังคมและประชาชนกลุ่มต่างๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่เป็นชาวมลายูและไทยพุทธ ต่างก็แสดงความต้องการไปในทิศทางเดียวกัน คือเรียกร้องให้รัฐบาลและขบวนการกลับสู่กระบวนการเจรจาสันติภาพโดยเร็ว ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเครือข่ายวิชาการ PEACE SURVEY นับตั้งแต่ปี 2559-2566 รวมทั้งสิ้น 7 ครั้ง โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นทั้งชาวมลายูและคนไทยพุทธ อายุ 18-70 ปี จำนวนรวมกว่า 10,581 คน ทั่วจังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั้ง 7 ครั้ง สนับสนุนให้ใช้การพูดคุยสันติภาพเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาความรุนแรง และไม่เคยมีผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนครั้งใดเลยที่ได้รับคำตอบว่าสนับสนุนการพูดคุยสันติภาพน้อยกว่าร้อยละ 55 

 

“ความไม่สงบจนเป็นผลให้มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนไม่น้อยนั้นถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง แม้ว่าหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าอาจจะเป็นการกระทำจากขบวนการ BRN แต่ล่าสุดขบวนการ BRN ก็ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเหตุรุนแรงและยืนยันไม่มุ่งโจมตีพลเรือน แม้ว่าการปะทุขึ้นของความรุนแรงในปี 2547 จะสามารถทำความเข้าใจได้ว่าเป็นผลมาจากประวัติศาสตร์และความรู้สึกที่ได้รับการกดขี่หรือถูกกระทำ แต่ก็คงไม่มีเป้าหมายไหนจะสูงส่งพอที่จะอนุญาตให้คุณทำร้ายคนชรา เด็ก และผู้พิการได้ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถยอมรับได้” ดร.ชญานิษฐ์ กล่าว 

 

ทั้งนี้ แม้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ในทางหนึ่งจะเป็นการต่อสู้กันทางอาวุธ แต่ในอีกมุมก็ยังเป็นพื้นที่ของการต่อสู้ทางการเมืองด้วย เพราะทั้งรัฐไทยและขบวนการติดอาวุธ ต่างฝ่ายต่างก็ต้องพยายามช่วงชิงความชอบธรรมระหว่างกันด้วย ส่วนตัวมองว่า การที่ขบวนการติดอาวุธทำเช่นนี้ย่อมส่งผลให้ตัวขบวนการฯ ต้องสูญเสียความชอบธรรมทางการเมืองไป ถือเป็นความพ่ายแพ้ทางการเมืองอย่างสำคัญ

The post เมื่อเสียงปืนลั่น เสียงสันติภาพแผ่วลงหรือไม่? ประมวลสถานการณ์และจุดยืนต่อเหตุรุนแรงชายแดนภาคใต้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
พรรคประชาชนจังหวัดสงขลาเรียกร้องรัฐบาลจริงจังแก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนใต้ หาทางออกผ่านการพูดคุย ย้ำความรุนแรงไม่เคยเป็นคำตอบ https://thestandard.co/songkhla-peoples-party-southern-peace/ Thu, 24 Apr 2025 11:52:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1067930 songkhla-peoples-party-southern-peace

วันนี้ (24 เมษายน) พรรคประชาชนจังหวัดสงขลา ออกแถลงการณ์ […]

The post พรรคประชาชนจังหวัดสงขลาเรียกร้องรัฐบาลจริงจังแก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนใต้ หาทางออกผ่านการพูดคุย ย้ำความรุนแรงไม่เคยเป็นคำตอบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
songkhla-peoples-party-southern-peace

วันนี้ (24 เมษายน) พรรคประชาชนจังหวัดสงขลา ออกแถลงการณ์เรื่องเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ช่วงตั้งวันที่ 18 เมษายน 2568 จนถึงวันที่ 22 เมษายน 2568 ส่งผลให้สามเณรที่อยู่ระหว่างการบรรพชาในช่วงปิดภาคเรียนมรณภาพ 1 รูป และได้รับบาดเจ็บอีก 1 รูป 

 

โดยแถลงการณ์ระบุตอนหนึ่งว่า พรรคประชาชนจังหวัดสงขลา ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้สูญเสีย และไม่เห็นด้วยกับการกระทำอันโหดร้าย และการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบอย่างถึงที่สุด เหตุการณ์ครั้งนี้มิใช่เพียงเหตุการณ์ที่แยกขาดกับสถานการณ์โดยภาพรวม หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มความรุนแรงที่ทวีความถี่และความรุนแรงมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทุกฝ่ายควรตระหนักและร่วมกันเฝ้าระวังอย่างจริงจัง 

 

การที่บุคคลในสมณเพศ ผู้นำศาสนา หรือครูสอนศาสนา ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีหรือได้รับผลกระทบจากความรุนแรงนั้นยังมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ที่สั่นคลอนความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน เป็นเรื่องที่บั่นทอนบรรยากาศแห่งการอยู่ร่วมกัน และอาจนำไปสู่การแบ่งขั้วแบ่งข้างทางสังคม สร้างความรู้สึกบาดหมางในหมู่ประชาชนผู้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศาสนา และความเชื่อ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์โดยรวมมีแนวโน้มเลวร้ายลง และยากต่อการคลี่คลายมากยิ่งขึ้น

 

ด้าน วิจักษณ์ พฤกษ์สุริยา รองเลขาธิการพรรคประชาชน สัดส่วนภาคใต้ กล่าวว่า ตอนนี้เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ บทเรียนจากอดีตชี้ชัดว่าพลเรือนและประชาชนผู้บริสุทธิ์มักเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างสาหัสจากวงจรความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราจึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างโปร่งใส สืบสวนหาข้อเท็จจริง และนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็ว 

 

พร้อมกันนี้ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงจังในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ โดยยึดแนวทางทางการเมืองเป็นหลัก ให้ความสำคัญกับการแสวงหาทางออกผ่านการพูดคุย การสร้างความเข้าใจ และการลดความเกลียดชัง เราขอย้ำอย่างหนักแน่นว่า ความรุนแรงไม่เคยเป็นคำตอบของปัญหาใด ๆ และการใช้ความรุนแรงโต้ตอบกับความรุนแรงจะนำมาซึ่งหายนะ และทำให้เราเข้าใกล้สันติภาพที่ทุกฝ่ายปรารถนายากขึ้น

The post พรรคประชาชนจังหวัดสงขลาเรียกร้องรัฐบาลจริงจังแก้ปัญหาความไม่สงบชายแดนใต้ หาทางออกผ่านการพูดคุย ย้ำความรุนแรงไม่เคยเป็นคำตอบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัวใหม่ คุ้มครองเหยื่อทางเพศ เพิ่มโทษผู้กระทำผิด https://thestandard.co/new-domestic-violence-law-approved/ Sat, 22 Mar 2025 09:36:10 +0000 https://thestandard.co/?p=1055119

เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา การประชุมคณะรัฐมนตรี (คร […]

The post ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัวใหม่ คุ้มครองเหยื่อทางเพศ เพิ่มโทษผู้กระทำผิด appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. …. ซึ่งเป็นการแก้ไขกฎหมายปี 2550 โดยปรับนิยามความรุนแรงในครอบครัว นอกจากการทำร้ายร่างกาย จิตใจ และสุขภาพแล้ว ให้ครอบคลุมถึงการล่วงเกิน หรือคุกคามทางเพศ และการกระทำที่มุ่งประสงค์ให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ สุขภาพ หรือทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย

 

พร้อมเพิ่มอัตราโทษปรับ ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย การดูหมิ่น หรือการบังคับให้กระทำหรือไม่กระทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย หรือศีลธรรมต่อบุคคลในครอบครัว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับจากเดิมไม่เกิน 6,000 บาท เพิ่มเป็นปรับสูงสุด 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

หากทำผิดซ้ำภายใน 3 ปี หรือกระทำต่อเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องรับโทษหนักกว่าที่กำหนดไว้ไม่เกินกึ่งหนึ่ง รวมทั้งกำหนดมาตรการให้ผู้ถูกกระทำได้รับความช่วยเหลือจากกลไกที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย เช่น การยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวให้คุ้มครองสวัสดิภาพผู้ที่จะถูกกระทำตามสมควรแก่กรณี ซึ่งเดิมไม่ได้มีกำหนดไว้

The post ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัวใหม่ คุ้มครองเหยื่อทางเพศ เพิ่มโทษผู้กระทำผิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
สถานทูตจีนลั่น ‘สงครามภาษี สงครามการค้า ไม่ว่าจะสงครามอะไร’ ก็พร้อมสู้สหรัฐฯ ความขัดแย้งจ่อทวีความรุนแรง https://thestandard.co/china-us-trade-war-escalation-2025/ Thu, 06 Mar 2025 04:30:19 +0000 https://thestandard.co/?p=1049168 สถานทูตจีนประกาศพร้อมสู้สหรัฐฯ ในทุกสงคราม หลังตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าเกษตรสหรัฐฯ

ความขัดแย้งจ่อทวีความรุนแรง หลังสถานทูตจีนในสหรัฐอเมริก […]

The post สถานทูตจีนลั่น ‘สงครามภาษี สงครามการค้า ไม่ว่าจะสงครามอะไร’ ก็พร้อมสู้สหรัฐฯ ความขัดแย้งจ่อทวีความรุนแรง appeared first on THE STANDARD.

]]>
สถานทูตจีนประกาศพร้อมสู้สหรัฐฯ ในทุกสงคราม หลังตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าเกษตรสหรัฐฯ

ความขัดแย้งจ่อทวีความรุนแรง หลังสถานทูตจีนในสหรัฐอเมริกาลั่น พร้อมสู้สหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็น ‘สงครามประเภทใด’ หลังจีนเพิ่งประกาศขึ้นภาษีตอบโต้สินค้าเกษตรสหรัฐฯ ในอัตรา 10-15% ด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่าจีนพุ่งเป้าขึ้นภาษีสินค้าเกษตรเป็นการเพิ่มความไม่พอใจต่อ Donald Trump ในเหล่าเกษตรกรอเมริกัน ซึ่งเป็นฐานเสียงพรรครีพับลิกัน

 

สถานทูตจีนในสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบน X เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่นว่า “หากสหรัฐฯ ต้องการทำสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามภาษีนำเข้า สงครามการค้า หรือสงครามประเภทอื่นใด เราก็พร้อมที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด” สะท้อนถึงท่าทีที่แข็งกร้าวมากขึ้นต่อสหรัฐฯ

 

ในเวลาต่อมาโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนก็ออกมากล่าวเสริมว่า ข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลที่สหรัฐฯ ใช้ในการกำหนดกำแพงภาษีนั้นเป็น “ข้ออ้างที่ไร้สาระ”

 

“หากสหรัฐฯ มีวาระอื่นอยู่ในใจและต้องการทำร้ายผลประโยชน์ของจีน เราก็พร้อมที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด เราขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดใช้อำนาจครอบงำ และกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้องในการเจรจาและการให้ความร่วมมือโดยเร็วที่สุด” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าว

 

คำกล่าวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ Trump ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนเพิ่มขึ้นเป็น 20%

 

ขณะที่จีนประกาศขึ้นภาษีตอบโต้สหรัฐฯ ทันที โดยเรียกเก็บภาษีบางรายการจากสหรัฐฯ ในอัตรา 10-15% เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ซึ่งครอบคลุมสินค้าจำพวกอาหารและเกษตร เช่น เนื้อไก่ ผ้าฝ้าย รวมถึงถั่วเหลืองที่เคยถูกใช้เป็นเครื่องมือของจีนในการตอบโต้สหรัฐฯ ในสงครามการค้ารอบก่อน ตลอดจนประกาศกำหนดข้อจำกัดการส่งออกสินค้าใหม่หลายรายการที่ไปยังหน่วยงานต่างๆ ของสหรัฐฯ

 

Gabriel Wildau กรรมการผู้จัดการของ Teneo ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาในสหรัฐฯ กล่าวว่า การตอบโต้ทางภาษีของรัฐบาลปักกิ่ง โดยกำหนดเป้าหมายไปที่ผลิตภัณฑ์เกษตรของสหรัฐฯ สะท้อนถึงความพยายามที่จะสร้างแรงกดดันทางการเมืองต่อ Trump ผ่านเหล่าเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนหลักของพรรครีพับลิกัน

 

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเป็นสินค้าส่งออกที่ครองสัดส่วนใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ที่ไปยังประเทศจีน โดยถั่วเหลือง ซึ่งปักกิ่งกำหนดอัตราภาษีใหม่ 10% เป็นสินค้าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐฯ มากที่สุด และสหรัฐฯ เป็นแหล่งนำเข้าถั่วเหลืองเป็นอันดับ 2 ของจีน

 

Ting Lu หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของ Nomura ประมาณการว่า อัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนโดยเฉลี่ยของสหรัฐฯ อาจมีแนวโน้มพุ่งสูงถึง 33% จากเดิมที่ประมาณ 13% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่ Trump จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม

 

อ้างอิง:

The post สถานทูตจีนลั่น ‘สงครามภาษี สงครามการค้า ไม่ว่าจะสงครามอะไร’ ก็พร้อมสู้สหรัฐฯ ความขัดแย้งจ่อทวีความรุนแรง appeared first on THE STANDARD.

]]>