เกิดเหตุคนร้ายขับรถพุ่งใส่ฝูงชนในตลาดคริสต์มาสภายในเมืองมัคเดอบวร์ค (Magdeburg) ของเยอรมนี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 68 คน ซึ่งในจำนวนนี้อาการสาหัส 15 คน

ภายหลังเกิดเหตุตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายไว้ได้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นชายสัญชาติซาอุดีอาระเบียวัย 50 ปี ที่ทำงานเป็นแพทย์ในเยอรมนีมาตั้งแต่ปี 2006

เบื้องต้นพบว่าชายดังกล่าวเช่ารถมาก่อนจะก่อเหตุ ขณะที่ทางการเชื่อว่าเป็นการลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว แต่ผู้เชี่ยวชาญของหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายชี้ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะปฏิเสธว่าไม่มีเครือข่ายหรือผู้ร่วมวางแผนก่อเหตุรายอื่นๆ

ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย โพสต์แถลงการณ์ผ่าน X ประณามการก่อเหตุโจมตีดังกล่าว พร้อมทั้งยืนยันจุดยืนในการต่อต้านความรุนแรง และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต

อ้างอิง:

• https://www.bbc.com/news/live/c1j08p44w9kt
• https://edition.cnn.com/world/live-news/magdeburg-germany-christmas-market-deaths-12-20-24/index.html

The post คนร้ายขับรถพุ่งชนตลาดคริสต์มาสในเยอรมนี เสียชีวิตแล้ว 2 คน บาดเจ็บ 68 คน appeared first on THE STANDARD.

วานนี้ (31 ตุลาคม) พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) ส่งชุดสืบนครบาลปลอมตัวเป็นผีแฝงตัวเป็นพนักงานโรงภาพยนตร์เพื่อเข้าจับกุมคนร้ายที่มีหมายจับคดีลักทรัพย์ มูลค่าความเสียหายหลักแสนบาท โดยสามารถจับกุมได้ในโรงภาพยนตร์ขณะชมภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องหนึ่ง

โดย วันชัย อายุ 32 ปี ภูมิลำเนาเขตสาทร จังหวัดกรุงเทพมหานคร คือผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.1007/2566 ลงวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ถูกกล่าวหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่จำนงให้เป็นทางคนเข้าหรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นด้วยประการใดๆ

พบมีประวัติต้องโทษกว่า 4 คดี ประกอบด้วย จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1, ขับรถในขณะเมาสุรา, เล่นการพนัน (ทายผลฟุตบอล) และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน

สำหรับการจับกุมครั้งนี้เนื่องจากชุดสืบสวนได้ติดตามผู้ต้องหาและได้เบาะแสสำคัญว่าผู้ต้องหาจะพาเพื่อนสาวไปชมภาพยนตร์ ตำรวจจึงได้แฝงตัวเป็นพนักงานโรงภาพยนตร์และดักรอที่บริเวณด้านหน้า ซึ่งผู้ต้องหาขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปชมภาพยนตร์ได้แวะถ่ายรูปกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ปลอมตัวด้วยชุดผี ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ชัดเจน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปจับกุมตัวผู้ต้องหาในโรงภาพยนตร์เป็นลำดับต่อไป

ด้าน พล.ต.ต. ธีรเดช กล่าวว่า การปฏิบัติงานสืบสวนและจับกุมคนร้ายโดยอาศัยช่วงเทศกาลฮาโลวีนเพื่อแยกคนร้ายออกจากสังคมในกรุงเทพฯ เพราะมีมิจฉาชีพมากมายหลากหลายประเภท หากประชาชนพบว่ามีเบาะแสการกระทำความผิด ท่านสามารถแจ้งมายังเพจเฟซบุ๊ก ‘สืบนครบาล IDMB’ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชนเราทำทันที

The post ตำรวจปลอมตัวใส่ชุดผีจับคนร้ายลักทรัพย์ขณะดูหนังผีในคืนฮาโลวีน appeared first on THE STANDARD.

ตำรวจเกาหลีใต้เปิดเผยวานนี้ (3 สิงหาคม) ว่าเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดไล่แทงคนที่บริเวณใกล้สถานีรถไฟใต้ดินซอฮยอน (Seohyeon) ในเมืองซองนัม ห่างจากกรุงโซลประมาณ 20 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดที่มีร้านค้าและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และมีผู้คนสัญจรไปมาจำนวนมาก โดยมีผู้ถูกแทง 9 คน และอีก 5 คน ถูกรถยนต์ที่คาดว่าจะเป็นของคนร้ายขับชนจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่ง 12 คน มีอาการสาหัส และมี 2 คน ที่อาจมีภาวะสมองตาย 

ตำรวจระบุว่าสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยว่าเป็นคนร้ายได้หลังเกิดเหตุราว 5 นาที โดยเป็นชายวัยประมาณ 20 ปี ชื่อสกุล ชเว ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการขนส่ง แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดอื่นๆ

ขณะที่โฆษกของประธานาธิบดียุนซอกยอล (Yoon Suk Yeol) แถลงในวันนี้ว่า ประธานาธิบดียุนซอกยอล ได้สั่งการให้ระดมกำลังตำรวจทั้งหมดเข้าควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเข้มงวด

“เหตุการณ์ไล่แทงที่สถานีรถไฟใต้ดินซอฮยอนเป็นการก่อการร้ายต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์” ยุนกล่าว พร้อมสั่งให้มีการเพิ่มมาตรการป้องกัน เนื่องจากมีการโพสต์คำขู่ก่ออาชญากรรมเลียนแบบหลายครั้งทางออนไลน์

ทั้งนี้ เมืองซองนัมเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่าเป็นเมืองที่มีถนนและย่านที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัย โดยเหตุการณ์คนร้ายใช้อาวุธมีดไล่แทงคนภายในเมืองครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ก็เกิดเหตุคนร้ายใช้มีดไล่แทงจนมีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 3 คน

ภาพ: Yonhap via REUTERS

อ้างอิง:

• https://en.yna.co.kr/view/AEN20230804002100315?section=national/politics
• https://www.channelnewsasia.com/asia/seoul-stabbing-south-korea-thirteen-3675351

The post เกาหลีใต้ระทึก มือมีดไล่แทง-ขับรถชนคนใกล้กรุงโซล บาดเจ็บ 14 คน สาหัส 12 คน appeared first on THE STANDARD.