วันนี้ (3 ธันวาคม) พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ ดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR แถลงผลปฏิบัติการทลายโรงบรรจุปิโตรเลียมเหลวผิดกฎหมายรายใหญ่ในจังหวัดนครราชสีมาและขอนแก่น พร้อมตรวจยึดของกลางถังก๊าซปลอมและไม่ได้มาตรฐานรวมกว่า 1,500 ใบ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 4.2 ล้านบาท

พล.ต.ท. จิรภพ เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้น OR เข้าแจ้งความกับตำรวจสอบสวนกลางว่ามีผู้ประกอบการหลายรายที่ลักลอบนำถังก๊าซปลอม มอก. ปลอม และถังที่หมดอายุ ไปให้บริการกับพี่น้องประชาชน ซึ่งเรื่องดังกล่าวอันตรายมาก เหมือนเอาระเบิดไปตั้งไว้ในบ้าน เจ้าหน้าที่ไม่อยากให้วัวหายแล้วล้อมคอก จึงต้องปราบปรามเพื่อไม่ให้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมในอนาคต เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการร่วมกันจับกุมผู้กระทำความผิด

พล.ต.ต. โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ประสานกับ OR เข้าตรวจค้นโรงบรรจุก๊าซในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและขอนแก่น รวมถึงโกดังเก็บของที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถตรวจยึดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตถังก๊าซปลอม พร้อมถังก๊าซหุงต้มที่มีเครื่องหมายการค้า ‘ก๊าซหุงต้ม ปตท.’ และเครื่องหมาย มอก. ปลอม รวมถึงถังก๊าซที่หมดอายุใช้งาน รวมทั้งหมดกว่า 1,500 ใบ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ เช่น พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและปรับ

โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดเพิ่มเติม และตรวจสอบโรงบรรจุก๊าซทั่วประเทศที่อาจเกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงหรือบรรจุถังก๊าซผิดกฎหมาย

ด้านดิษทัตกล่าวเสริมว่า OR ให้ข้อมูลและร่วมสนับสนุนปฏิบัติการครั้งนี้ พร้อมลงพื้นที่เตือนภัยประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเกี่ยวกับอันตรายจากถังก๊าซปลอม พร้อมแนะนำวิธีสังเกตถังก๊าซหุงต้ม ปตท. ของแท้ ซึ่งต้องมีซีลทอง, QR Code และรหัส 10 หลัก การันตีความปลอดภัย

OR ยังเน้นย้ำให้ผู้บริโภคซื้อถังก๊าซหุงต้ม ปตท. จากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และหากผู้ใดพบการจำหน่ายถังก๊าซปลอมหรือผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน ปคบ. 1135 ตลอด 24 ชั่วโมง

The post ตำรวจทลายโรงบรรจุก๊าซหุงต้มเถื่อน ใช้ถังหมดอายุ-ปลอม มอก. ส่งขายตามบ้านประชาชน appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (14 มีนาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. เห็นชอบโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม สำหรับผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐอีก 20 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 สำหรับผู้ใช้สิทธิ 7.5 ล้านราย รวมเป็นเงิน 150 ล้านบาท

อนุชากล่าวเพิ่มเติมว่า ครม. เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม สำหรับผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ โดยปรับเพิ่มความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 จากเดิม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เพิ่มอีก 20 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน รวมเป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2566 เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคา LPG ที่อยู่ในระดับสูง และลดภาระค่าครองชีพสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย 

โดยคาดว่าผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐกลุ่มใหม่จะเริ่มใช้สิทธิได้ในวันที่ 1 เมษายน 2566 

The post ครม. ช่วยลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม เพิ่มเป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผล 1 เม.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

ในวันนี้รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของแต่ละประเทศในยุโรปมีนัดหารือเกี่ยวกับนโยบายที่จะกำหนดเพดานราคาก๊าซ ซึ่งล่าสุดยังไม่ได้ข้อสรุปจากความเห็นที่แตกออกเป็นสองฝั่ง

ผู้นำของแต่ละประเทศพยายามที่จะผลักดันให้เกิดข้อสรุปเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว หลังจากที่ใช้เวลาหารือมาหลายเดือน และผ่านการประชุมเร่งด่วนมาแล้วถึงสองครั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ภาวะ เศรษฐกิจถดถอย อาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด เปิดกลยุทธ์รับมือเน้น Predict-Prepare-Perform
• ‘ไบเดน’ ปัดเศรษฐกิจโลกตกต่ำไม่ได้มาจากดอลลาร์แข็ง แต่มาจากนโยบายที่ผิดพลาดของประเทศอื่น
• ภาระ ‘ผ่อนบ้าน’ อาจเป็นพายุลูกใหม่ซ้ำเติมเศรษฐกิจโลก เมื่อดอกเบี้ยบ้านแพงสุดรอบ 15 ปี

ทั้งนี้ ข้อเสนอล่าสุดที่เกิดขึ้นคือ การกำหนดเพดานราคาก๊าซล่วงหน้า หากราคาก๊าซอิงจาก Dutch Title Transfer Facility (TTF) สูงเกินกว่า 188 ยูโรต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง 3 วันติดต่อกัน ซึ่งเป็นระดับเพดานที่ต่ำกว่าข้อเสนอก่อนหน้านี้อย่างมากที่ระดับ 275 ยูโรต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง 

โดยรายละเอียดเบื้องต้นของข้อเสนอดังกล่าวคือ เมื่อราคาก๊าซทะลุระดับ 188 ยูโรต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง ราคาก๊าซ LNG จะถูกจำกัดให้เพิ่มขึ้นได้อีกไม่เกิน 35 ยูโรต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง อิงจากราคาของ TTF 

ทินเน ฟาน เดอ สแตรเทน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของเบลเยียม กล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอนาคตและความมั่นคงด้านพลังงาน เป็นเรื่องเกี่ยวกับราคาที่เราสามารถจ่ายไหว ซึ่งจะเป็นการหลีกเลี่ยงการหยุดพัฒนาของภาคอุตสาหกรรม”

แต่ในมุมของเยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และออสเตรีย กลัวว่าการกำหนดเพดานราคาก๊าซจะส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมพลังงาน และยิ่งทำให้การขนส่งก๊าซมายังยุโรปลดลงไปอีก 

โรเบิร์ต ฮาเบค รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี กล่าวว่า “ไม่มีใครในเยอรมนีไม่อยากเห็นก๊าซราคาถูกลง แต่เรารู้ว่าจะต้องระมัดระวังที่จะไม่ทำสิ่งที่ผิดเพื่อให้มาซึ่งสิ่งที่ดี” 

ต้นทุนด้านพลังงานของประเทศต่างๆ ในยุโรปเพิ่มขึ้นราว 1 ล้านล้านดอลลาร์ จากผลกระทบของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และดูเหมือนว่าวิกฤตพลังงานที่รุนแรงที่สุดในรอบศตวรรษอาจเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น 

เมื่อฤดูหนาวนี้ผ่านไป ยุโรปจำเป็นจะต้องเพิ่มนำเข้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมสต๊อกที่เหลือไม่มากนัก โดยการนำเข้าล็อตใหม่นี้จะไม่สามารถนำเข้าจากรัสเซียดังเช่นในอดีต ขณะเดียวกันอุปทานพลังงานในตลาดดูเหมือนจะตึงตัวต่อไปจนกระทั่งปี 2026 ซึ่งจะเป็นช่วงที่การผลิตจากฝั่งสหรัฐฯ และกาตาร์ จะเริ่มออกสู่ตลาด นั่นหมายความว่าราคาพลังงานจะยังคงสูงต่อไป 

Bruegel บริษัทวิจัยด้านนโยบายเศรษฐกิจในเบลเยียม ประเมินว่า รัฐบาลของแต่ละประเทศในยุโรปสามารถที่จะช่วยแบ่งเบาภาระของภาคธุรกิจและประชาชนด้วยเงินมากที่สุดกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์ แต่ด้วยต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยและเศรษฐกิจที่ดูเหมือนจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ทำให้การใส่เงินช่วยเหลือที่เพิ่มขึ้นมากกว่าอาจจะไม่สามารถทำได้ ทำให้วิกฤตด้านพลังงานจะยังคงอยู่ต่อไปอีกหลายปี

มาร์ติน เดเวนิช ผู้อำนวยการของบริษัทที่ปรึกษาอย่าง S-RM กล่าวว่า “เมื่อคุณเพิ่มการช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน ซึ่งคิดเป็นเงินจำนวนมหาศาล จะส่งผลให้รัฐบาลแต่ละประเทศบริหารจัดการวิกฤตได้ยากขึ้นในปีหน้า”

ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ประเทศต่างๆ ในยุโรปต่างใส่เงินช่วยบรรเทาผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นให้กับธุรกิจและประชาชน คิดเป็นเงินกว่า 700 ล้านยูโร ในขณะที่ทุนสำรองสำหรับการช่วยเหลือของแต่ละประเทศก็เริ่มตึงตัวแล้ว สะท้อนจากประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปกว่าครึ่งหนึ่งที่รายงานออกมาว่า หนี้สาธารณะของประเทศพุ่งขึ้นสูงกว่า 60% ของ GDP 

ทั้งนี้ Bloomberg ประเมินว่า ต้นทุนพลังงานในยุโรปแพงขึ้นคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่การเร่งเติมสต๊อกในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาสามารถบรรเทาปัญหาอุปทานตึงตัวได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น 

เมื่อสัปดาห์ก่อนเยอรมนีรายงานว่า ปริมาณพลังงานที่เหลืออยู่อาจไม่เพียงพอต่อระดับการบริโภค ขณะที่บริษัทต่างๆ รวมทั้งครัวเรือนต่างถูกขอให้ลดการใช้ลง โดยยุโรปพยายามควบคุมให้การใช้พลังงานไม่เกิน 5 หมื่นล้านคิวบิกเมตรในปีนี้ แต่ปัญหาที่ยังอยู่คือปริมาณก๊าซที่ดูเหมือนจะไม่เพียงพอในปี 2023 ซึ่ง IEA ประเมินว่ายังขาดอยู่อีกราว 2.7 หมื่นล้านคิวบิกเมตร จากการประเมินว่าการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียจะลดลงเหลือศูนย์ และการนำเข้าก๊าซ LNG จากจีนจะกลับไปสู่ระดับเดียวกับปี 2021 

ด้านคณะกรรมาธิการยุโรปได้กำหนดระดับพลังงานสำรองไว้ที่ 45% ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่พลังงานจะเกลี้ยงเมื่อจบฤดูหนาว แต่หากฤดูหนาวครั้งนี้ไม่หนาวมาก เป้าหมายของปริมาณสำรองจะอยู่ที่ 55% 

เจมี รัช ประธานทีมเศรษฐกิจยุโรปของ Bloomberg Economics กล่าวว่า ราคาก๊าซล่วงหน้าเฉลี่ยของยุโรปอยู่ที่ 135 ยูโรต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง ลดลงจากจุดสูงสุดที่ราว 345 ยูโรต่อเมกะวัตต์ชั่วโมงเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หากราคาพุ่งกลับไปที่ระดับ 210 ยูโรต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง ต้นทุนการนำเข้าพลังงานจะคิดเป็น 5% ของ GDP ยุโรป 

ในขณะที่ เวโรนิกา กริมม์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลเยอรมนี กล่าวว่า “ภารกิจสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้หลุดออกจากวิกฤตนี้ได้คือ เราต้องเร่งขยายพลังงานทดแทนอย่างมาก” 

อ้างอิง:

• Europe’s $1 Trillion Energy Bill Only Marks Start of the Crisis – Bloomberg
• https://www.reuters.com/business/energy/eu-countries-make-final-push-gas-price-cap-deal-this-year-2022-12-19/

The post จับตายุโรปกำหนดเพดาน ‘ราคาก๊าซ’ หลังต้นทุนพุ่ง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่วิกฤตพลังงานอาจลากยาวถึงปี 2026 appeared first on THE STANDARD.

วันที่ (13 กันยายน) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการเร่งด่วนด้านพลังงาน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์พลังงานไปจนถึงเดือนธันวาคม 2565 ประกอบด้วยการขยายมาตรการที่กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2565 รวมทั้งมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านไฟฟ้าสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft รายละเอียดดังนี้ 

การขยายมาตรการไปถึงเดือนธันวาคม 2565 

1. มาตรการช่วยเหลือด้านราคาก๊าซ LPG ประกอบด้วยการขยายระยะเวลาส่วนลดราคาก๊าซ LPG แก่ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่เกิน 100 บาทต่อรายต่อเดือน และส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จาก 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เพิ่มขึ้นอีก 55 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน รวมเป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิ์ลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มประมาณ 5.5 ล้านราย งบประมาณประมาณ 302.5 ล้านบาท

2. มาตรการบริหารราคาน้ำมันดีเชล คงอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลโดยใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 เพื่อบริหารจัดการราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

สำหรับมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านไฟฟ้า เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน โดยการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าของกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่ค่าไฟฟ้าประจำเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ดังนี้

1. กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง ให้ส่วนลดค่า Ft จำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย

2. กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 301-500 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นคนชั้นกลาง ให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft ร้อยละ 75 คือ จำนวน 51.50 สตางค์ต่อหน่วย

3. กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 351-400 หน่วย ให้ส่วนลดค่า Ft ร้อยละ 45 คือ จำนวน 30.90 สตางค์ต่อหน่วยต่อเดือน 

4. ผู้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 401-500 หน่วย ให้ส่วนลดค่า Ft ร้อยละ 15 คือ จำนวน 10.30 สตางค์ต่อหน่วย

คาดว่าจะใช้งบประมาณ 9,128.41 ล้านบาท 

“มาตรการบรรเทาผลกระทบหลายมาตรการจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายนนี้ ในขณะที่แนวโน้มสถานการณ์ที่ราคาพลังงาน ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ราคาค่าไฟฟ้า รัฐบาลจึงตั้งใจจะช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนทั่วไปและประชาชนที่มีรายได้น้อยอย่างต่อเนื่อง และภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบด้วย” อนุชากล่าว

The post ครม. เคาะต่ออายุมาตรการเร่งด่วน ลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม-ช่วยเหลือค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (1 กันยายน) วันแรกที่ก๊าซหุงต้มขึ้นราคาอีกกิโลกรัมละ 1 บาท ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ซึ่งก๊าซหุงต้มมีการปรับราคาเป็นครั้งที่ 6 ในรอบปี 2565 โดยที่มีการเริ่มปรับราคามาตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมา ปัจจุบันก๊าซหุงต้มที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายขนาด 15 กิโลกรัม มีราคาอยู่ที่ 408 บาทต่อถัง

THE STANDARD สำรวจตลาด พูดคุยกับผู้ประกอบการและพ่อค้าแม่ค้า เพื่อพูดคุยถึงผลกระทบที่ได้รับจากการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มครั้งนี้

เจ้าของร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มในตลาดบางใหญ่ กล่าวกับทีมข่าวว่า ในฐานะผู้ขายคือรับมาและขายไปอาจไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่คนที่ได้รับผลกระทบคือลูกค้า มีการบ่นกับการขึ้นราคาที่สูงขึ้น แต่ไม่สามารถเลิกใช้ได้เพราะก๊าซก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ในปี 2565 มีการขึ้นราคาเป็นครั้งที่ 6

ขณะที่เจ้าของร้านขายอาหารตามสั่งระบุถึงการปรับขึ้นราคาก๊าซในวันนี้ว่า ได้รับผลกระทบอย่างมาก พร้อมมองถึงราคาก๊าซหุงต้มในปัจจุบันที่สูงขึ้นกว่า 400 บาทนั้นแพงไป แต่ก็ยังไม่คิดปรับราคาเพราะปัจจุบันก็มีการค้าขายที่ไม่ดีมากนัก

ส่วนเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวอีกรายระบุว่า ต้องใช้ก๊าซอยู่ตลอดเวลา พร้อมมองว่าราคาก๊าซหุงต้มขณะนี้ 15 กิโลกรัม ราคาอยู่ที่ 408 บาทนั้นราคาสูงเกินไป ในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี ค้าขายไม่ค่อยได้ คนที่ได้รับผลกระทบคือพ่อค้าแม่ค้า โดยมีการปรับราคาอาหารไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งไม่สามารถปรับราคาให้มากขึ้นได้เพราะต้องคำนึงถึงผู้บริโภคด้วย ปรับเยอะก็เดือดร้อน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลมีการพิจารณาในการปรับลดราคาลงด้วย

The post ดีเดย์ 1 ก.ย. ก๊าซหุงต้มขึ้นราคาอีกกิโลกรัมละ 1 บาท พ่อค้าแม่ค้าโอด ส่งสัญญาณถึงรัฐบาล ขึ้นแล้วลงด้วย appeared first on THE STANDARD.

LIVE: เตรียมรับแรงกระแทก ค่าไฟฟ้า-ก๊าซหุงต้ม ขึ้นแล้ว-ลงได้ไหม?

ร่วมพูดคุยกับ มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ส.ส. บัญชีรายชื่อ ปชป. และอดีตที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ หลังค่าไฟฟ้าจะปรับเพิ่มค่าเอฟที 68.66 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย (รอบเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565) และก๊าซหุงต้มขึ้นอีกกิโลกรัมละ 1 บาท ส่งผลให้ถัง 15 กิโลกรัม ราคาพุ่งเป็น 408 บาทต่อถัง ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับเปิดใจหลังจากวันนี้รายงานตัวในฐานะ ส.ส. บัญชีรายชื่อที่สภาเป็นครั้งแรก

พบกันในรายการ THE STANDARD NOW กับ อ๊อฟ ชัยนนท์ วันนี้ 31 สิงหาคม เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD

The post ชมคลิป: เตรียมรับแรงกระแทก ค่าไฟฟ้า-ก๊าซหุงต้ม ขึ้นแล้ว-ลงได้ไหม? | THE STANDARD NOW appeared first on THE STANDARD.

กุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ในวันนี้ (15 มิถุนายน) มีมติเห็นชอบให้ทยอยปรับขึ้นค่าก๊าซหุงต้ม (LPG) รวม 3 ครั้ง ในอัตรากิโลกรัมละ 1 บาทต่อเดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 ซึ่งการปรับขึ้นราคาในครั้งนี้มีผลให้ราคาก๊าซ LPG ขนาดถัง 15 กิโลกรัม จะมีราคาเพิ่มจาก 363 บาทต่อถัง เป็น 378 บาทต่อถังในเดือนกรกฎาคม และจะทยอยขึ้นอีกเดือนละ 1 บาทไปจนถึงเดือนกันยายน 2565

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ประสานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อพิจารณาบริหารจัดการเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับแนวทางการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซ LPG ต่อไป และมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ประสาน ปตท. ขอความร่วมมือขยายระยะเวลาช่วยเหลือส่วนลดราคาก๊าซ LPG แก่ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ ปตท. ดำเนินการอยู่ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565

​นอกจากนี้ที่ประชุม กบง. มีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 3 เดือน ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 ถึงเดือนกันยายน 2565 โดยมอบหมายให้ ธพ. จัดทำคำขอรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้สำหรับดำเนินโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 55 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 ถึงเดือนกันยายน 2565 สำหรับผู้ใช้สิทธิ 4 ล้านราย รวมเงินงบประมาณ 220 ล้านบาท

กุลิศกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาก๊าซ NGV ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยให้กระทรวงพลังงานขอความอนุเคราะห์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม และคงราคาขายปลีกก๊าซ NGV โครงการเอ็นจีวี เพื่อลมหายใจเดียวกัน ให้กับผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม ต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2565 ถึงวันที่ 15 กันยายน 2565

​

นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงาน จากสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครนในปัจจุบันได้ส่งผลให้ราคาพลังงานในตลาดโลกอยู่ในระดับสูง และมีความผันผวนอย่างรุนแรง 

ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้น ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 โดยกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันให้เป็นไปตามสัดส่วนการผสมของกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ดังนี้ 

• น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 7 โดยปริมาตร
• น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 10 โดยปริมาตร 
• น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 20 โดยปริมาตร 

นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลหมุนเร็วไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร โดยที่ประชุมมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ ประสานสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง นำเสนอคณะกรรมการ กบน. ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในการบริหารจัดการอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เพื่อให้ค่าการตลาดของน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลหมุนเร็วแต่ละชนิดไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร และมอบหมายให้ ธพ. ออกประกาศ ธพ. เรื่อง กำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันดีเซล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. 2565 ให้สอดคล้องกับมาตรการบรรเทาผลกระทบ

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

• Twitter: twitter.com/standard_wealth
• Instagram: instagram.com/thestandardwealth
• Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

The post กบง. เคาะขึ้นราคาก๊าซ LPG อีกเดือนละ 1 บาทต่อกิโลกรัม รวม 3 เดือน เริ่ม 1 กรกฎาคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

สถานีโทรทัศน์ CNN เปิดเผยบทวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานที่มองว่า การแข่งขันเพื่อแย่งชิงหาแหล่งก๊าซธรรมชาติทางเลือกแทนที่รัสเซียของยุโรป กำลังผลักดันให้โลกเผชิญกับปัญหาขาดแคลนพลังงานในฤดูหนาว และอาจจะส่งผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดต่อประเทศยากจนในภูมิภาคเอเชีย

ติดตามรายการ Morning Wealth ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-08.00 น. ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post ชมคลิป: คาดวิกฤตพลังงานจุดชนวนแย่งชิงก๊าซ ดันราคาพุ่งกระทบชาติเอเชีย appeared first on THE STANDARD.

บรรดาสมาชิกกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ 7 ประเทศ หรือกลุ่ม G7 ลงความเห็นปฏิเสธข้อเรียกร้องของรัฐบาลรัสเซีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่แสดงความจำนงต้องการให้ประเทศหรือบริษัทที่สั่งซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียชำระค่าสินค้าด้วยสกุลเงินรูเบิลเท่านั้น

สำนักข่าว Kyodo รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของกลุ่ม G7 ซึ่งประกอบด้วยอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ได้ลงมติเห็นชอบร่วมกันระหว่างการประชุมฉุกเฉินที่จะไม่ยินยอมทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าวของทางรัสเซีย

แถลงการณ์ระบุว่า ข้อเสนอของรัสเซียเป็นการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว และเป็นการละเมิดสัญญาที่มีอยู่ ก่อนย้ำว่าการชำระค่าก๊าซธรรมชาติด้วยเงินสกุลรูเบิลของรัสเซียนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ โดยรัฐบาลที่เกี่ยวข้องจะร้องขอความร่วมมือจากบรรดาบริษัทต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากข้อเรียกร้องนี้ของรัสเซียว่าอย่ายอมทำตามโดยเด็ดขาด

นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า สถานการณ์ในขณะนี้ก็ขึ้นอยู่กับรัสเซียเองว่าจะตัดสินใจยุติการขายก๊าซเพราะการปฎิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งท่าทีของรัสเซียล่าสุด ทาง ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลกรุงมอสโก ออกมาระบุว่า รัสเซียไม่ยินยอมส่งก๊าซให้ฟรีๆ และรัสเซียไม่ได้ต้องการทำการกุศลใดๆ กับทางยุโรป

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ทางประธานาธิบดีปูตินออกโรงประกาศว่าประเทศต่างๆ ที่ทำการ ‘อันไม่เป็นมิตร’ ต่อรัสเซียจะต้องจ่ายเงินค่าก๊าซธรรมชาติเป็นเงินรูเบิลเท่านั้น ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวที่ทำให้ธนาคารกลางของประเทศที่เกี่ยวข้องต้องเร่งศึกษาหาทางช่วยให้ผู้ซื้อแลกเงินรูเบิลมาใช้น่าจะส่งผลให้ค่าเงินเฟ้อในรัสเซียยิ่งพุ่งสูงขึ้นไปอีก ซึ่งจะไม่เป็นการดีต่อเศรษฐกิจของประเทศรวมทั้งของยุโรปด้วย

ปัจจุบัน ยุโรปนำเข้าก๊าซธรรมชาติสัดส่วน 40% และน้ำมันสัดส่วน 25% ที่ใช้ในภูมิภาคมาจากรัสเซีย โดยหลังเกิดสงครามในยูเครนขึ้น ยุโรปได้เร่งหาทางลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียอย่างรีบด่วนแล้ว

แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมของรัสเซียเหมือนจะถูกโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ล่าสุด ซูฮาอิล อัล-มาซโรอี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ออกมาเน้นย้ำยืนยันว่ารัสเซียยังคงเป็นสมาชิกที่เหนียวแน่นของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่กับชาติพันธมิตร หรือที่เรียกกันว่า OPEC+ อย่างที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้

ความเห็นดังกล่าวมีขึ้นระหว่างที่รัฐมนตรีพลังงาน UAE ให้สัมภาษณ์กับทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่ารัสเซียยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม OPEC+ เสมอ แม้ว่าประเด็นการโจมตียูเครนจะทำให้รัฐบาลรัสเซียโดนลงโทษด้วยมาตรการคว่ำบาตร แต่ในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่อาจปฎิเสธข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีชาติใดในโลกนี้ที่จะสามารถมาทดแทนการผลิตพลังงานของรัสเซียได้

ทั้งนี้ นอกจากจะย้ำว่ารัสเซียยังคงเป็นสมาชิกของกลุ่ม OPEC+ เสมอแล้ว ทางมาซโรอียังกล่าวว่า จำเป็นที่นานาประเทศยังคงต้องให้เกียรติและเคารพการตัดสินใจของรัสเซียด้วย

ในส่วนของทิศทางราคาน้ำมันในขณะนี้กำลังปรับตัวลดลงอย่างมาก โดยเปิดตลาดรับสัปดาห์ใหม่ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสลดลงไปแล้ว 7% ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือลดลงไปแล้ว 6.8% เนื่องจากตลาดมีปัจจัยใหม่ให้ต้องกังวล นั่นคือการระบาดระลอกใหม่ของโควิดในจีน ที่ทำให้เมืองใหญ่อย่างนครเซี่ยงไฮ้ต้องกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกระลอก

ไมเคิล ทราน กรรมการผู้จัดการบริษัทกลยุทธ์การลงทุน RBC Capital Markets กล่าวว่า สถานกาณ์การระบาดของไวรัสโควิดทำให้จีนกลายเป็นปัจจัยที่นักลงทุนต่างหวาดกลัว เพราะการระบาดของจีนจะส่งผลต่อปริมาณความต้องการบริโภคพลังงาน ซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงเปราะบางอยู่แล้วจากภาวะเงินเฟ้อสูง การติดขัดในห่วงโซ่การผลิต และการบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย

ทั้งนี้ ทรานอธิบายว่า เศรษฐกิจโลกในเวลานี้จำเป็นต้องพึ่งพาแรงขับเคลื่อนจากจีน ดังนั้นการที่เศรษฐกิจจีนมีแววหยุดชะงักย่อมไม่เป็นผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกโดยรวม

อ้างอิง: 

• https://english.kyodonews.net/news/2022/03/8d6cda383933-urgent-g-7-agrees-to-reject-russias-demand-to-pay-for-gas-in-rubles.html
• https://www.cnbc.com/2022/03/28/russia-will-always-be-a-part-of-opec-uae-energy-minister-says.html 
• https://edition.cnn.com/2022/03/28/business/oil-prices-covid-shanghai/index.html

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post G7 ลงมติปัดข้อเรียกร้องรัสเซีย ย้ำจะไม่ยอมชำระค่าก๊าซเป็นเงินสกุลรูเบิลเด็ดขาด appeared first on THE STANDARD.

คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ไฟเขียวขึ้นก๊าซหุงต้ม 15 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม แต่อุดหนุนให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่ม 55 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน พร้อมสั่งแยกดีเซลหมุนเร็วพรีเมียมออกจากน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว หวังลดการชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในดีเซลหมุนเร็วพรีเมียม 

ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มี สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน มีมติเห็นชอบให้ทยอยปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) 3 ครั้ง โดยปรับขึ้นเดือนละ 1 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ทำให้ราคาขายปลีกจะปรับขึ้นเป็น 333 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม จากปัจจุบันตรึงราคาก๊าซ LPG ไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม 

โดยตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้จ่ายเงินชดเชยก๊าซ LPG รวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 22,614 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันฐานะกองทุนฯ ในส่วนของบัญชีก๊าซ LPG ติดลบสูงถึง 28,093 ล้านบาท ซึ่งหากปัจจุบันไม่มีการอุดหนุน ราคาก๊าซ LPG จะอยู่ที่ 463 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม เพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

อย่างไรก็ตาม เพื่อมิให้ส่งผลต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนมากเกินไป ที่ประชุม กบง. ได้เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคาก๊าซ LPG โครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซ LPG แก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 

โดยให้ความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซ LPG แก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 55 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เพิ่มเติมจาก 45 บาท เป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน และให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ขอความร่วมมือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ขยายระยะเวลาช่วยเหลือส่วนลดราคาก๊าซ LPG แก่ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ ปตท. ดำเนินการอยู่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2565

โดยมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานจัดทำคำขอรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 200 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคาก๊าซ LPG

สุพัฒนพงษ์กล่าวว่า กบง. ยังกำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันให้เป็นไปตามสัดส่วนการผสมของกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B7 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 7 โดยปริมาตรน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 10 โดยปริมาตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 และไม่สูงกว่าร้อยละ 20 โดยปริมาตร และยังคงขอความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมันให้คงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน 2565

ขณะเดียวกันยังเห็นชอบหลักการให้แยกชนิดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วพรีเมียมออกจากน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยมีแนวทางจะลดการชดเชยจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในดีเซลหมุนเร็วพรีเมียม และมอบให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ไปดำเนินการในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอ กบง. ต่อไป

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post กบง. เดินหน้าขึ้นก๊าซหุงต้ม 15 บาท เริ่ม 1 เม.ย. นี้ พร้อมสั่งแยกดีเซลหมุนเร็วพรีเมียมออก หวังลดการอุดหนุน appeared first on THE STANDARD.