กีฬาแข่งจักรยานยนต์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 18 Nov 2024 13:42:06 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 น้ำตาแห่งความฝันของ ฆอร์เก มาร์ติน แชมป์โลกโมโตจีพีผู้มีชีวิตเหมือนอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกา https://thestandard.co/jorge-martin-motogp-champion-dreams/ Mon, 18 Nov 2024 13:42:06 +0000 https://thestandard.co/?p=1010110 jorge martin

น้ำตาแห่งความฝันของ ฆอร์เก มาร์ติน แชมป์โลกโมโตจีพี ผู้ […]

The post น้ำตาแห่งความฝันของ ฆอร์เก มาร์ติน แชมป์โลกโมโตจีพีผู้มีชีวิตเหมือนอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกา appeared first on THE STANDARD.

]]>
jorge martin

น้ำตาแห่งความฝันของ ฆอร์เก มาร์ติน แชมป์โลกโมโตจีพี ผู้มีชีวิตเหมือนอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกา

 

“ช่วง 2-3 รอบสุดท้าย ผมแทบขี่ไม่ได้เลย ผมเริ่มร้องไห้นิดหน่อยแล้ว มันเป็นการแข่งขันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์อย่างแท้จริง มันเป็นการเดินทางที่ยาวนาน มีทั้งอุบัติเหตุและอาการบาดเจ็บมากมาย และในที่สุดเราก็มาถึงจุดนี้แล้ว” 

 

ฆอร์เก มาร์ติน นักบิดชาวสเปนวัย 26 ปีจากทีมพรีมา พราแมค เรซซิง อธิบายถึงความรู้สึกของเขาหลังได้ขึ้นชื่อว่า ‘แชมป์โลก’ จากการจบอันดับที่ 3 ในเรซสุดท้ายของฤดูกาลที่เซอร์กิตเดอบาร์เซโลนา-กาตาลุญญา ซึ่งทำให้เขาเก็บเพิ่มเป็น 508 คะแนน คว้าแชมป์โลก โดยเอาชนะคู่ปรับและเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง ฟรานเชสโก บัญญายา ไปได้ 10 คะแนน

 

มาร์ตินทำตามความฝันในวัยเด็กของเขาได้สำเร็จ ก่อนเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อฤดูกาลหน้าเขาตกลงย้ายไปร่วมทีมอาพริเลีย เรซซิง ซึ่งนั่นจะทำให้เขาไม่ได้ควบรถของดูคาติอีกต่อไป

 

แต่ถึงอย่างนั้นชีวิตของเขาก่อนเดินทางมาถึงความสำเร็จในวันนี้ก็มีอะไรมากมายที่ต้องฝ่าฟัน และหลายครั้งอุปสรรคที่เจอก็เหมือนทำให้ชีวิตของเขาต้องอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกาก็มิปาน

 

ความฝันแต่วัยเยาว์และจุดหักเหครั้งสำคัญ

 

ฆอร์เก มาร์ติน

 

“ผมชอบมอเตอร์ไซค์มาโดยตลอดและมันเหมือนเกม คือเริ่มต้นอย่างช้าๆ แล้วผมก็เร็วขึ้น แล้วผมก็ชนะ ได้รับการเลื่อนขั้นไปสู่การแข่งขันชิงแชมป์ครั้งต่อไป จากนั้นก็ชิงแชมป์ครั้งต่อไป…”

 

มาร์ตินสรุปชีวิตนักขับของเขาอย่างราบเรียบเช่นนั้น แม้มันจะเป็นความจริงอย่างยากจะปฏิเสธ และเป็นเส้นทางที่นักแข่งอาชีพทุกคนต้องเดินไป ทว่าสิ่งที่เขาสรุปออกมามันขาดทั้งรายละเอียด สีสัน และข้อมูลบางอย่างที่หล่อหลอมเขาให้เป็น ‘ฆอร์เก มาร์ติน แชมป์โลกโมโตจีพี’ แบบที่เรารู้จักกันในวันนี้

 

เขาเกิดในช่วงปลายยุค 90 และเติบโตมาจนรู้ความปลายยุค 2000 และต้นยุค 2010 ทำให้ชีวิตของเขาคุ้นชินกับชื่อของนักบิดระดับตำนานหลายคนอย่าง วาเลนติโน รอสซี, เคซีย์ สโตเนอร์, ฆอร์เก ลอเรนโซ และแม้แต่ มาร์ค มาร์เกซ

 

ความสนใจของเขาได้รับการเติมเต็มอย่างสมบูรณ์แบบจากครอบครัว ทำให้เขาตั้งใจที่จะไปในเส้นทางนักบิดจนสุดทางตั้งแต่ยังเด็ก

 

มาร์ตินกล่าวว่า “ครอบครัวของผมทุ่มเทอย่างหนักเพื่อสิ่งนี้ ผมมาจากมาดริด ดังนั้นการเดินทางจากที่นั่นไปยังสนามแข่งในย่านชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บาเลนเซีย และบาร์เซโลนา เราต้องเดินทางทุกสุดสัปดาห์ ทั้งพ่อและแม่ของผมทำงานตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ดังนั้นมันจึงยากมาก แม้ว่าสำหรับผมแล้ว ผมแค่เล่นๆ ไปเรื่อยๆ ก็ตาม”

 

ชีวิตของมาร์ตินเหมือนจะราบรื่นและสงบสุข จนกระทั่งเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก พ่อของเขาตกงาน และเงินที่ใช้ไปแข่งขันก็หมดลง

 

มาร์ตินในวัย 15 ปี ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง และเลือกที่จะเดินตามความฝันต่อไป โดยสมัครเข้าร่วมการแข่งขันคัดเลือกเพื่อแข่งขันในศึกเรดบูล โมโตจีพี รุกกี้ส์ คัพ การแข่งขันสำหรับนักบิดหน้าใหม่ และเป็นเวทีสู่การแข่งขันชิงแชมป์ 125 ซีซี หรือโมโตทรี ในโมโตจีพีต่อไป

 

มาร์ตินเริ่มต้นสนามแรกในศึกเรดบูล โมโตจีพี รุกกี้ส์ คัพ ได้อย่างเหลือเชื่อ เพราะเขาล้มตั้งแต่การแข่งขันสนามแรกในเซอร์กิโต เดอ เฆเรซ ฤดูกาล 2012 แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีพัฒนาการที่ดีจนสามารถจบอันดับ 12 ในตารางคะแนนรวมของฤดูกาลแรกที่แข่งขันได้สำเร็จ

 

ในฤดูกาลต่อมา มาร์ตินสามารถปีนขึ้นมาจบอันดับ 2 และในฤดูกาลที่ 3 เมื่อปี 2014 มาร์ตินก็คว้าแชมป์ในศึกรุกกี้ส์ คัพ ได้สำเร็จ ทำให้เขาเดินทางไปสู่บทต่อไปของชีวิต นั่นคือการเป็นนักขับโมโตทรี

 

เพื่อน คู่แข่ง เส้นทางอาชีพ และสิ่งที่หล่อหลอมจนกลายเป็น ‘มาร์ติเนเตอร์’

 

 

มาร์ตินเริ่มต้นเส้นทางในโมโตทรีกับทีมมหินทรา ซึ่งที่นั่นเองเขามีเพื่อนร่วมทีมชื่อ ฟรานเชสโก บัญญายา ในตอนนั้นเขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเพื่อนร่วมทีมคนนี้จะเป็นคู่แข่งที่ร้ายกาจที่สุดในอาชีพของเขา และเป็นคนที่ทำให้เขาต้องผิดหวังจากแชมป์โลกในปี 2023

 

ไม่ใช่แค่ ‘เป็กโก’ เท่านั้นที่เขาต้องเจอในโมโตทรี เพราะอีกหลายชื่อที่เขาต้องแข่งขันด้วยในตอนนั้นกลายเป็นคู่แข่งในปัจจุบันของเขาในตอนนี้ ทั้ง เอเนีย บาสเตียนินี, แบรด บินเดอร์, ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร, โยอัน เมียร์ และ ฟาบิโอ ดิ จิอันนันโตนิโอ 

 

ผลงานของมาร์ตินกับมหินทราไม่ดีนัก โดยในปี 2015 เขาจบอันดับ 17 และปี 2016 เขาจบอันดับ 16 โดยมีเพียงโพเดียมเดียวจาก 34 เรซเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อย้ายทีมไปยังเกรซินี โมโตทรี เขาก็พิสูจน์ว่า 2 ปีแรกในโมโตทรีที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ได้เป็นเพราะฝีมือหรือพรสวรรค์ของเขา เพราะในปี 2017 มาร์ตินควบรถฮอนด้าจบอันดับ 4 และในปี 2018 เขาคว้าแชมป์โมโตทรีได้สำเร็จ

 

แชมป์โลกโมโตทรีหยิบยื่นโอกาสสู่โมโตทูให้เขาไปสู่ทีมเรดบูล เคทีเอ็ม และเขาอยู่ที่นั่นเพียง 2 ปีก็โดนดึงสู่โมโตจีพีกับทีมพรีมา พราแมค เรซซิง

 

ผลงานและศักยภาพของเขาเพียงพอที่จะทำให้เขาได้ที่นั่งในประเภทพรีเมียร์กับทีมพราแมคในปี 2021 แต่การจะบอกว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตในโมโตจีพีที่วุ่นวายนั้น ยังถือว่าพูดน้อยเกินไปด้วยซ้ำ

 

มาร์ตินประสบอุบัติเหตุตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาขึ้นไปคร่อมรถดูคาติ เดสโมเซดิซี หมายเลข 89 ของเขา หลังจากนั้นเขาต้องเจอกับอาการบาดเจ็บมากมาย ทั้งกระดูกแข้งและกระดูกน่องหัก รวมไปถึงกระดูกมือหักหลายครั้ง ซึ่งเป็นปัญหาหลักในการกลับมาขี่มอเตอร์ไซค์อีกครั้ง

 

เขากล่าวต่อว่า “สิ่งที่ยากที่สุดในการเอาชนะคือความเจ็บปวดทั้งหมดที่เกิดขึ้นในร่างกาย ผมมีปัญหาบางอย่าง แม้กระทั่งตอนที่ผมชนะการแข่งขันครั้งแรกในชีวิต ผมก็ยังต้องต่อสู้กับปัญหาพวกนี้”

 

หลังจากขึ้นโพเดียมในศึกโมโตจีพีครั้งแรกในชีวิตที่ออสเตรียนกรังด์ปรีซ์ในวันที่ 15 สิงหาคม 2021 สัปดาห์ต่อมาเขาก็ยังต้องไปเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล และโดยรวมแล้วฤดูกาลแรกของเขาในโมโตจีพี เขาได้แข่งขันไปเพียง 14 เรซเท่านั้น

 

แต่ความใจสู้ที่เข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นและเจ็บตัวบ่อยครั้งนี่เองที่นำมาซึ่งฉายาที่ทุกคนรู้จักกันมายาวนานจวบจนปัจจุบัน นั่นคือ ‘มาร์ติเนเตอร์’ ซึ่งมาจากชื่อของเขาอย่าง มาร์ติน บวกกับ เทอร์มิเนเตอร์ หรือคนเหล็ก ภาพยนตร์ชื่อดังในฮอลลีวูดนั่นเอง

 

แชมป์โลกโมโตจีพีที่สม่ำเสมอที่สุด

 

 

ประสบการณ์เฉียดแชมป์โลกของเขาเกิดขึ้นในปี 2023 และอย่างที่ทุกคนรู้กันดี นั่นคือในสนามสุดท้ายที่บาเลนเซียกรังด์ปรีซ์ มาร์ตินมอบแชมป์ให้บัญญายาแบบไม่ได้ลุ้น หลังตัวเองพลาดท่าล้มลงในรอบที่ 6 ทำให้เขาไม่ได้ลุ้นแชมป์จนสุดทาง

 

นั่นเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดสำหรับมาร์ติน แต่มันก็เป็นบทเรียนครั้งสำคัญด้วย และที่น่าประทับใจคือเขาเรียนรู้จากมันได้อย่างดี

 

มาร์ตินกล่าวว่า “บางครั้งผมต้องใจเย็นลง ผ่อนคลาย และพยายามวิเคราะห์สถานการณ์ให้ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ฤดูกาลที่แล้วที่ผมนำอยู่ 3 วินาที (และล้ม) มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะทำแบบนั้น”

 

“อารมณ์ การควบคุมแรงกระตุ้น และการจัดการช่วงเวลาสำคัญ เป็นแง่มุมบางประการที่ผมพัฒนาขึ้นมากที่สุด”

 

สิ่งที่สนับสนุนแนวคิดนั้นของมาร์ตินได้ดีที่สุดคือผลงานของเขาในฤดูกาลนี้ เขาจบอันดับ 1 เพียงแค่ 3 สนามเท่านั้น ซึ่งมันน้อยกว่าปีที่แล้วอยู่ 1 เรซด้วยซ้ำ แต่เขากลับเป็นแชมป์โลกได้ในบั้นปลาย

 

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมาร์ตินจัดการช่วงเวลาสำคัญได้ดีแบบที่เขาบอก เขาอดทนมากขึ้น สุขุมมากขึ้น และเลือกที่จะไม่เสี่ยงในจังหวะที่ไม่ควรเสี่ยงอีกต่อไป

 

ผลที่ได้คือการที่เขาจบโพเดียมมากถึง 16 จาก 20 สนามในปีนี้ และเป็นการจบอันดับที่ 2 ถึง 10 สนาม แม้ว่าเป็กโกจะคว้าแชมป์ได้ถึง 11 สนาม แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะคว้าแชมป์ เพราะเขาล้มมากกว่ามาร์ติน 1 สนาม (มาร์ตินล้ม 2 สนาม บัญญายาล้ม 3 สนาม) 

 

1 สนามที่มาร์ตินล้มน้อยกว่า นำมาซึ่งคะแนนช่องว่าง 10 คะแนนที่บัญญายามีน้อยกว่าจนไม่สามารถป้องกันแชมป์โลกไว้ได้ แม้ว่าจบอันดับ 1 ถึง 11 สนามก็ตาม

 

สิ่งที่มาร์ตินทำนั่นคือเรียนรู้จากความผิดพลาดและทำผลงานให้สม่ำเสมอขึ้น เขาล้มน้อยลงอย่างชัดเจน และความสม่ำเสมอนี่เองที่ทำให้เขาเอาชนะพรสวรรค์ราวปีศาจของบัญญายาได้ในท้ายที่สุด

 

ก้าวต่อไปที่ต้องรอดูปลายทาง

 

 

บทสรุปของโมโตจีพีฤดูกาล 2024 จบลงด้วยการคว้าแชมป์ของดูคาติในทุกประเภท โดยแชมป์บุคคลอย่างมาร์ตินก็ขับรถดูคาติ แชมป์ประเภททีมก็ของทีมโรงงานดูคาติอย่างดูคาติ เลโนโว และแชมป์ผู้ผลิตก็ยังเป็นของค่ายดูคาติที่ทิ้งห่างเคทีเอ็มขาดลอยเกือบ 400 แต้ม

 

นั่นหมายความว่าโมโตจีพีในยุคสมัยนี้เป็นของดูคาติอย่างแท้จริง ซึ่งที่เป็นแบบนี้ก็ไม่ได้เพิ่งมาเป็นด้วย เพราะดูคาติคว้าแชมป์ในประเภททีมผู้ผลิตมาแล้ว 5 สมัยซ้อน ขณะที่ในประเภททีม 4 ปีหลังสุดทีมที่ชนะก็ใช้รถของดูคาติ

 

ดังนั้นอนาคตของมาร์ตินที่กำลังจะย้ายไปร่วมทีมอาพริเลีย เรซซิง ในฤดูกาลหน้า ย่อมต้องถูกตั้งคำถามถึงศักยภาพในการป้องกันแชมป์โลกของตัวเอง เมื่อไม่ได้ควบรถดูคาติ เดสโมเซดิซี อีกต่อไป

 

แต่สิ่งที่แลกมากับการย้ายทีมครั้งนี้จะทำให้มาร์ตินกลายเป็นนักบิดของทีมโรงงานอย่างเต็มตัว หลังเป็นแชมป์ในนามทีมอิสระอย่างพรีมา พราแมค เรซซิง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 23 ปีที่มีนักบิดจากทีมอิสระครองแชมป์โลกได้สำเร็จ โดยคนล่าสุดที่ทำได้ต้องย้อนไปในสมัยที่ ‘เดอะด็อกเตอร์’ วาเลนติโน รอสซี คว้าแชมป์ในนามนาสโตร อัซซูร์โร เมื่อปี 2001 เลยทีเดียว

 

ขณะที่เส้นทางสายใหม่จะรอเขาอยู่ในอนาคตอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่เขาเปิดเผยว่า สิ่งที่เขาจะทำหลังคว้าแชมป์โลกคือการเตรียมตัวให้พร้อมมากกว่าการฉลองอย่างยิ่งใหญ่

 

“ผมอยากสนุกกับกระบวนการการทำงาน สนุกกับการฝึกซ้อม และในท้ายที่สุดแล้ว ชัยชนะคือผลที่ตามมาจากการทำเช่นนั้น หากคุณทำงานทุกอย่างด้วยดี คุณจะมีสมาธิ ผลที่ตามมาก็คือคุณจะชนะ ดังนั้นผมไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับชัยชนะ ผมหมกมุ่นอยู่กับกระบวนการมากกว่า”

 

อ้างอิง:

 

The post น้ำตาแห่งความฝันของ ฆอร์เก มาร์ติน แชมป์โลกโมโตจีพีผู้มีชีวิตเหมือนอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ก้อง-สมเกียรติ จันทรา คว้าแชมป์โมโตทู เจแปนิส กรังด์ปรีซ์ https://thestandard.co/somkiat-chantra-won-moto2-japanese-grand-prix/ Sun, 01 Oct 2023 06:02:51 +0000 https://thestandard.co/?p=848891 สมเกียรติ จันทรา

วันนี้ (1 ตุลาคม) ก้อง-สมเกียรติ จันทรา คว้าแชมป์การแข่ […]

The post ก้อง-สมเกียรติ จันทรา คว้าแชมป์โมโตทู เจแปนิส กรังด์ปรีซ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมเกียรติ จันทรา

วันนี้ (1 ตุลาคม) ก้อง-สมเกียรติ จันทรา คว้าแชมป์การแข่งขันโมโตทู รายการเจแปนิส กรังด์ปรีซ์ ได้สำเร็จ ในการแข่งขันรอบเมนเรซ เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา

 

โดยการแข่งขันสนามนี้มีขึ้นที่สนามโมบิลิตี้ รีสอร์ต โมเตงิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสมเกียรติได้ออกสตาร์ทจากตำแหน่งหัวแถวหลังคว้าโพลโพสิชันมาในรอบควอลิฟายเมื่อวานนี้ (30 กันยายน)

 

การแข่งขันในรอบเมนเรซปรากฏว่า สมเกียรติ นักบิดชาวไทยจากทีมอิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีมเอเชีย อาศัยความได้เปรียบจากการออกสตาร์ท พร้อมบิดคว้าแชมป์สนามนี้ได้สำเร็จ โดยทำเวลาได้ 35 นาที 19.273 วินาที

 

โดยนี่เป็นการคว้าแชมป์เรซแรกในฤดูกาลนี้ของสมเกียรติ และยังเป็นแชมป์เรซแรกของทีมอิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีมเอเชียด้วยเช่นกัน

 

อันดับ 2 เป็น ไอ โอกูระ เพื่อนร่วมทีมชาวญี่ปุ่นที่ตามหลังมา 1.353 วินาที และที่ 3 เป็น เปโดร อคอสตา นักบิดชาวสเปนจากทีมเรดบูลล์ เคทีเอ็ม อาโฆ ตามหลังผู้ชนะ 3.080 วินาที

 

การคว้าแชมป์สนามนี้ทำให้สมเกียรติเก็บเพิ่มเป็น 116 คะแนน ขึ้นมารั้งอันดับ 6 ในอันดับตารางคะแนนรวมโมโตทู ขณะที่ผู้นำยังเป็น เปโดร อคอสตา มี 252 คะแนน

 

โดยการแข่งขันในสนามต่อไปจะเป็นรายการกรังด์ปรีซ์ออฟอินโดนีเซีย ที่สนามมันดาลิกา อินเตอร์เนชันแนล สตรีท เซอร์กิต ประเทศอินโดนีเซีย วันที่ 15 ตุลาคมนี้

 

อ้างอิง: 

 

The post ก้อง-สมเกียรติ จันทรา คว้าแชมป์โมโตทู เจแปนิส กรังด์ปรีซ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมบรรยากาศ พิตวอล์ก ศึกโออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ก่อนรอบชิงชนะเลิศโมโตจีพีวันนี้ https://thestandard.co/pit-walk-or-thailand-grand-prix/ Sun, 02 Oct 2022 06:33:05 +0000 https://thestandard.co/?p=689745 Pit Walk

วันนี้ (2 ตุลาคม) ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต […]

The post ชมบรรยากาศ พิตวอล์ก ศึกโออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ก่อนรอบชิงชนะเลิศโมโตจีพีวันนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Pit Walk

วันนี้ (2 ตุลาคม) ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ช่วงเช้าที่ผ่านมาเป็นการเปิดกิจกรรมพิตวอล์ก (Pit Walk) ให้แฟนกีฬาได้มีโอกาสรับชมการเตรียมพร้อมของทีมโมโตจีพีก่อนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศทั้งรุ่นโมโตจีพี โมโตทู และโมโตทรี ในช่วงบ่ายวันนี้

 

สำหรับไฮไลต์ของการแข่งขันโออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2022 รอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม จะเป็นการเชียร์ ‘ก้อง สมเกียรติ’ นักแข่งชาวไทยที่คว้าโพลโพสิชันเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของนักแข่งไทยในรุ่นโมโตทู ให้คว้าโพเดียมได้ตามเป้าหมายในสนามโฮมเรซ ในรอบชิงชนะเลิศจะแข่งขันในเวลา 13.20 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD 36 

 

ส่วนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของโมโตจีพีจะแข่งขันในเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกัน 

 

Pit Walk Pit Walk

 

Supported by Nikon Sales (Thailand)

The post ชมบรรยากาศ พิตวอล์ก ศึกโออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ก่อนรอบชิงชนะเลิศโมโตจีพีวันนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ก้อง สมเกียรติ ฟีเวอร์’ แฟนกีฬาชาวไทยพบนักแข่งไทยคนแรกที่คว้าโพลโพสิชันในรุ่นโมโตทู https://thestandard.co/kong-somkiat-thailand-grand-prix/ Sun, 02 Oct 2022 02:30:52 +0000 https://thestandard.co/?p=689599 ก้อง สมเกียรติ

วานนี้ (1 ตุลาคม) ในช่วงหัวค่ำ แฟนกีฬาชาวไทยได้มีโอกาสพ […]

The post ‘ก้อง สมเกียรติ ฟีเวอร์’ แฟนกีฬาชาวไทยพบนักแข่งไทยคนแรกที่คว้าโพลโพสิชันในรุ่นโมโตทู appeared first on THE STANDARD.

]]>
ก้อง สมเกียรติ

วานนี้ (1 ตุลาคม) ในช่วงหัวค่ำ แฟนกีฬาชาวไทยได้มีโอกาสพบกับ ก้อง-สมเกียรติ จันทรา นักแข่งโมโตทูไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าโพลโพสิชันได้สำเร็จในการแข่งขันโออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2022 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ 

 

โดยภายในงานมีตแอนด์กรี๊ดของ Honda ปีนี้ ในการแข่งขันโมโตจีพีสนามที่ 17 ของฤดูกาลที่กลับมาแข่งขันที่จังหวัดบุรีรัมย์ประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีนับตั้งแต่วิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด แฟนกีฬาชาวไทยได้มาร่วมแสดงความยินดีกับ ก้อง สมเกียรติ นักแข่งชาวไทยที่ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมในรอบควอลิฟายวันนี้ 

 

นอกจากนี้ มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัยชาวสแปนิช และ โปล เอสปาร์กาโร จากเรปโซล ฮอนด้า, อเล็กซ์ มาร์เกซ จากแอลซีอาร์ ฮอนด้า ได้ร่วมกิจกรรม พร้อมกับแจกลายเซ็นให้กับแฟนกีฬาชาวไทย 

 

สำหรับไฮไลต์ของการแข่งขันโออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2022 รอบชิงชนะเลิศในวันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม จะเป็นการเชียร์ ก้อง สมเกียรติ นักแข่งชาวไทยที่คว้าโพลโพสิชันเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของนักแข่งไทยในรุ่นโมโตทู ให้คว้าโพเดียมได้ตามเป้าหมายในสนามโฮมเรซ ซึ่งรอบชิงชนะเลิศจะแข่งขันในเวลา 13.20 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD 36 

 

ส่วนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของโมโตจีพีจะแข่งขันในเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกัน 

 

ก้อง สมเกียรติ

 

Supported by Nikon Sales (Thailand)

The post ‘ก้อง สมเกียรติ ฟีเวอร์’ แฟนกีฬาชาวไทยพบนักแข่งไทยคนแรกที่คว้าโพลโพสิชันในรุ่นโมโตทู appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ก้อง สมเกียรติ’ เข้ารอบควอลิฟาย Q2 ในอันดับที่ 4 เตรียมลงสนามช่วงบ่ายวันนี้ที่บุรีรัมย์ https://thestandard.co/kong-somkiat-q2/ Sat, 01 Oct 2022 06:36:35 +0000 https://thestandard.co/?p=689455

วันนี้ (1 ตุลาคม) เป็นการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแ […]

The post ‘ก้อง สมเกียรติ’ เข้ารอบควอลิฟาย Q2 ในอันดับที่ 4 เตรียมลงสนามช่วงบ่ายวันนี้ที่บุรีรัมย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (1 ตุลาคม) เป็นการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2022 สนาม 17 รายการโออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ โดยช่วงเช้าที่ผ่านมาเป็นรอบซ้อมครั้งที่ 3 หรือ Free Practice 3 (FP3) ของทั้งรุ่นโมโตทรี โมโตทู และโมโตจีพี 

 

ไฮไลต์ของวันนี้อยู่ที่ ก้อง-สมเกียรติ จันทรา นักบิดไทยจากโครงการ ‘ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม’ หมายเลข 35 ที่วันนี้ลงฝึกซ้อมในเซสชันดังกล่าวด้วยหมวกลายไทยเป็นครั้งแรก เพื่อสื่อถึงความเป็นไทยบนสนามแข่งไทยในรายการระดับโลก 

 

ส่วนผลการซ้อม FP3 ‘ก้อง สมเกียรติ’ คว้าอันดับที่ 4 ในตารางเวลาแบบคอมไบน์ไทม์ จากผลงานรวมทั้ง FP1, FP2 และ FP3 ส่งผลให้เขาผ่านเข้ารอบ Q2 โดยตรง ซึ่งการจับเวลาเพื่อหาอันดับการสตาร์ทการแข่งขันนั้นจะมีขึ้นในเวลา 13.55 น.

 

THE STANDARD ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ไซมอน แพตเทอร์สัน นักข่าวต่างประเทศที่ติตตามโมโตจีพีมาเป็นเวลากว่า 7 ปี และเป็นนักเขียนให้กับ The Race สื่อโมโตจีพีจากอังกฤษ ถึงความประทับใจที่สื่อต่างประเทศมีต่อ ‘ก้อง สมเกียรติ’ กับผลงาน 4 โพเดียมในฤดูกาลนี้ ซึ่งไซมอนมองว่าสมเกียรติสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ 

 

“เรารู้สึกดีมากที่เห็นก้องพัฒนาขึ้นมาเป็นตำแหน่งโพลอย่างต่อเนื่อง เป็นที่รักของทุกคน มีบุคลิกที่เข้าถึงง่ายในกีฬาชนิดนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนที่จะช่วยให้กีฬาชนิดนี้เติบโตขึ้นไปอีก 

 

“เขายังอยู่ในทีมที่แข็งแกร่งซึ่งช่วยเขาได้มาก ในบางครั้งคนที่อยู่ในทีมที่แข็งแกร่งมักจะถูกเพื่อนร่วมทีมบดบัง แต่ก้องทำได้ดีมากจนก้าวขึ้นมาเทียบเท่ากับเพื่อนร่วมทีมในปีนี้ พวกเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะติดตามผลงานของก้องต่อไปในอนาคต” 

 

ส่วนรุ่นโมโตจีพี ฆอร์เก มาร์ติน จากทีมดูคาติ นำจ่าฝูงหลังจบ FP3 ตามด้วย แจ็ค มิลเลอร์ จากทีมดูคาติเช่นกัน และ โยฮันน์ ซาร์โก ในอันดับที่ 3 รวมถึงจาก 10 อันดับแรกเป็นนักแข่งของดูคาติไปแล้ว 7 จาก 10 คัน 

 

ส่วน ฟาบิโอ กวาตาราโร แชมป์โลก ทำเวลารวมได้อันดับที่ 5 และ มาร์ค มาร์เกซ ได้ลำดับที่ 12 ต้องไปแข่งขันในรอบ Q1 ในช่วงบ่ายวันนี้ 

 

 

Supported by Nikon Sales (Thailand)

The post ‘ก้อง สมเกียรติ’ เข้ารอบควอลิฟาย Q2 ในอันดับที่ 4 เตรียมลงสนามช่วงบ่ายวันนี้ที่บุรีรัมย์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
อำลา ‘The Doctor’ วาเลนติโน รอสซี สนามสุดท้ายของสุดยอดนักบิดตลอดกาล https://thestandard.co/the-doctor-valentino-rossi/ Sun, 14 Nov 2021 11:04:49 +0000 https://thestandard.co/?p=559674 Valentino Rossi

หลัง 26 ปีในชีวิตนักแข่ง 432 รายการที่ลงแข่งขัน 115 สนา […]

The post อำลา ‘The Doctor’ วาเลนติโน รอสซี สนามสุดท้ายของสุดยอดนักบิดตลอดกาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
Valentino Rossi

หลัง 26 ปีในชีวิตนักแข่ง 432 รายการที่ลงแข่งขัน 115 สนามที่พิชิตชัย และแชมป์โลก 9 สมัย วันนี้คือวันสุดท้ายในชีวิตนักบิดของ ‘The Doctor’ วาเลนติโน รอสซี สุดยอดนักแข่งจักรยานยนต์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่ง และเป็นขวัญใจของแฟนๆ หลายล้านคนทั่วโลก

 

โดยหลังจากที่รอสซีได้ประกาศเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่าฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายสำหรับเขาในฐานะนักแข่ง ทำให้การแข่งขันที่บาเลนเซีย ประเทศสเปน ในวันนี้ (14 พฤศจิกายน) จะเป็นการรูดม่านปิดฉากตำนานอย่างเป็นทางการ

 

แม้จะเป็นสิ่งที่น่าเสียดายในความรู้สึกของแฟนๆ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสุดยอดนักบิดชาวอิตาลีผู้นี้ได้สร้างปรากฏการณ์มาแล้วมากมาย สร้างสีสันให้แก่การแข่งขัน ‘โมโตจีพี’ ให้สดสวย ชนิดที่ไม่มีนักแข่งคนใดเคยทำได้มาก่อน

 

รอสซีได้รับการเปรียบเปรยว่าเป็นดัง ‘มาร์โค โปโล แห่งยุคโมเดิร์น’ เพราะเป็นชาวอิตาลีที่สร้างชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วโลก สามารถเปลี่ยนแปลงวงการแข่งจักรยานยนต์โมโตจีพีให้กลายเป็นกีฬารูปโฉมใหม่ที่สนุกเร้าใจขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน

 

สถานะของเขาเทียบเท่าตำนานมอเตอร์สปอร์ตอย่าง มิชาเอล ชูมัคเกอร์, ไอร์ตัน เซนนา, จาโคโม อกอสตินี, ไมค์ เฮลวูด และมิค ดูฮัน

 

รอสซี เริ่มต้นชีวิตนักบิดของเขาในปี 1996 ในการแข่งขันรุ่น 125 ซีซี ที่เซปัง อินเตอร์เนชันนัล เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย โดยแม้จะเริ่มในกริดลำดับที่ 13 แต่ก็สามารถเข้าเส้นชัยเป็นอับดับที่ 6 ได้ ทำให้เริ่มเป็นที่จับตามองในฐานะรุกกี้ที่โดดเด่นคนหนึ่ง

 

หลังจากนั้นไอ้หนุ่มจากเมือง Tavullia (ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ที่แฟนเดนตายของรอสซีจะต้องไปเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากถึงปีละ 20,000 คน) ทำผลงานได้โดดเด่นต่อเนื่องจนเลื่อนมาสู่รุ่น 250 ซีซี และ 500 ซีซี ซึ่งเขาสามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้ทั้งหมด และเป็นนักบิดคนที่ 2 ที่สามารถคว้าแชมป์ครบทุกรุ่นได้ต่อจาก ฟิล รีด (ยุคหลังจากนั้นมี มาร์ค มาร์เกซ ที่คว้าแชมป์รุ่น 125 ซีซี, โมโตทู และโมโตจีพี)

 

ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงรายการแข่งขันเข้าสู่ยุคใหม่ในชื่อโมโตจีพี (MotoGP) แต่รอสซีก็ยังคงเป็นสุดยอดนักบิดไร้เทียมทาน และเป็นยุคทองของเขาอย่างแท้จริงเมื่อเขาสามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้ถึง 5 ปีติดต่อกัน (2001-2005)

 

นี่เป็นช่วงที่คนทั้งโลกไม่ว่าจะสนใจกีฬามอเตอร์สปอร์ตหรือไม่อย่างน้อยต้องเคยได้ยินชื่อของ วาเลนติโน รอสซี อารมณ์เดียวกับที่เคยได้ยินชื่อของ ไมเคิล จอร์แดน,​ ไทเกอร์ วูดส์ หรือมิชาเอล ชูมัคเกอร์

 

สิ่งที่ทำให้รอสซีแตกต่างจากนักบิดผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ คือการเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เป็นคนสนุก มีสีสัน เต็มไปด้วยพลังบวกที่พร้อมจะส่งต่อให้แฟนๆ ทุกคน เรียกได้ว่าไม่ได้ยอดเยี่ยมแค่พรสวรรค์ในการขับขี่ แต่ยังมีความเป็นนักเอ็นเตอร์เทนในตัวเองด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนๆ หลงรัก

 

ปรากฏการณ์ ‘Cult of Rossi’ นั้นมีให้เห็นทั่วทุกมุมโลก ที่โตเกียวมีร้านค้าที่ตกแต่งเป็นธีมของนักแข่งชาวอิตาลี, ในทะเลแคริบเบียนเราจะได้เห็นสินค้าของเขาวางขายตามชายหาดหรือเป็นสติกเกอร์ติดหลังรถ แม้กระทั่งหมู่บ้านเล็กๆ ในเชสเชียร์ ประเทศอังกฤษ ก็จะได้เห็นธงของเขาโบกสะบัดอยู่ทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะเกี่ยวข้องใดๆ กับสถานที่เลย

 

ไม่ใช่เฉพาะแฟนกีฬาเท่านั้นที่ชื่นชอบในตัวเขา นักแสดงฮอลลีวูดอย่าง แบรด พิตต์ หรือ ทอม ครูซ เองก็นับถือรอสซีเป็นไอดอล และมีอาการตื่นเต้นที่ได้เจอกันทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นสุดยอดนักแสดงที่มีแฟนๆ หลายล้านคนทั่วโลก

 

ทั้งนี้ หลังจากครองความยิ่งใหญ่คนเดียวกับแชมป์โลก 5 สมัยติดต่อกัน รอสซีมาคว้าแชมป์ในระดับสูงสุดโมโตจีพีได้อีก 2 สมัยในปี 2008 และ 2009 แต่เริ่มเผชิญกับคู่แข่งที่ก้าวขึ้นมาท้าชิงอย่าง นิกกี้ เฮย์เดน​ (ผู้ล่วงลับจากอุบัติเหตุเมื่อ 4 ปีก่อน), เคซีย์ สโตเนอร์ ก่อนจะถึงยุคของ ฮอร์เก ลอเรนโซ เพื่อนร่วมทีมยามาฮ่า และ มาร์ค มาร์เกซ ในยุคต่อมา ซึ่งแม้จะไม่เคยกลับมาครองแชมป์โลกได้อีกเลย แต่รอสซีก็แสดงให้เห็นถึงหัวใจนักสู้ของเขาที่ไม่ยอมแพ้แม้ว่าสังขารจะร่วงโรยไปตามวัยแค่ไหนก็ตาม

 

จนกระทั่งถึงปีนี้ – ในวัย 42 ปี – ที่รอสซีเริ่มยอมรับว่าหมดเวลาสำหรับเขาจริงๆ แล้วในฐานะการเป็นนักแข่ง

 

แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะบอกลาวงการไปตลอดกาล เพราะรอสซีมีทีม ‘Sky Racing Team VR46’ ซึ่งจะลงแข่งในระดับโมโตจีพีในปีหน้า ฤดูกาล 2022 เป็นต้นไป ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าจะทุ่มสรรพกำลังที่มีเพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์นักบิดรุ่นใหม่มาสร้างสีสันให้แก่วงการ

 

หรืออาจจะรวมถึงการเปลี่ยนไปขับรถแข่งแทนตามที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมรักการแข่งรถ ดังนั้นผมอาจจะเปลี่ยนไปขับรถแข่งแทนในปีหน้า แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินใจ ผมรู้สึกว่าผมจะต้องเป็นนักบิดหรือนักขับไปตลอดชีวิตที่เหลือของผม”

 

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามชื่อและเรื่องราวมากมายตลอด 26 ปีที่โลดแล่นในการเป็นนักบิดของ วาเลนติโน รอสซี คือสิ่งที่แฟนๆ ทั่วโลกจะไม่มีวันลืม

 

ไม่ใช่แค่เพียงการเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่เป็นคนที่มีแฟนรักมากที่สุดคนหนึ่ง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักแค่ไหนก็ตาม

 

และทุกคนพร้อมจะร่วมแสดงความยินดีกับ The Last Dance การเต้นรำครั้งสุดท้ายของรอสซีที่บาเลนเซียในวันนี้

 

สถิติที่น่าสนใจของ ‘The Doctor’

  • วาเลนติโน รอสซี เป็นนักบิดคนเดียวในโลกที่คว้าแชมป์ครบ 4 รุ่น (125, 250, 500 และโมโตจีพี)
  • รอสซี เป็น 1 ใน 2 นักแข่งที่คว้าแชมป์ทั้งรถเครื่อง 2 สูบและ 4 สูบ
  • The Doctor เคยขึ้นโพเดียมมาแล้วทั้งหมด 235 ครั้ง (ทุกรุ่น) มากที่สุดตลอดกาล
  • ‘VR46’ ลงแข่งมาแล้วทั้งสิ้น 38 สนามแข่งทั่วโลก และคว้าแชมป์ (อย่างน้อยหนึ่งครั้ง) ใน 29 สนาม ไม่เคยมีนักบิดคนไหนที่จะทำได้แบบนี้มาก่อน

 

อ้างอิง:

The post อำลา ‘The Doctor’ วาเลนติโน รอสซี สนามสุดท้ายของสุดยอดนักบิดตลอดกาล appeared first on THE STANDARD.

]]>