การเวนคืนที่ดิน – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sun, 09 Feb 2025 06:43:30 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ทรัมป์ระงับเงินช่วยเหลือแอฟริกาใต้ อ้างกฎหมายเวนคืนที่ดินเลือกปฏิบัติต่อชาวแอฟริกันผิวขาว https://thestandard.co/trump-freeze-aid-south-africa/ Sun, 09 Feb 2025 05:49:45 +0000 https://thestandard.co/?p=1039968

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งพิ […]

The post ทรัมป์ระงับเงินช่วยเหลือแอฟริกาใต้ อ้างกฎหมายเวนคืนที่ดินเลือกปฏิบัติต่อชาวแอฟริกันผิวขาว appeared first on THE STANDARD.

]]>

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามในคำสั่งพิเศษเมื่อวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระงับความช่วยเหลือแก่แอฟริกาใต้ โดยอ้างถึงกฎหมายที่อนุญาตให้รัฐบาลเข้ายึดที่ดินจากชนกลุ่มน้อยทางเชื้อชาติ โดยเฉพาะชาวไร่ผิวขาวโดยไม่มีการชดเชย นอกจากนี้ คำสั่งยังพาดพิงถึงจุดยืนของแอฟริกาใต้ที่ต่อต้านอิสราเอลและสงครามในฉนวนกาซา

 

คำสั่งดังกล่าวระบุว่า สหรัฐฯ จะไม่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่แอฟริกาใต้ หากยังคงดำเนินนโยบายที่ทรัมป์อ้างว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและแสดงให้เห็นถึงการไม่เคารพพลเมืองของตนเอง พร้อมสั่งให้หน่วยงานของสหรัฐฯ ยุติการให้ความช่วยเหลือแก่แอฟริกาใต้ เว้นแต่จะมีเหตุจำเป็น

 

นอกจากนี้ คำสั่งของทรัมป์ยังสั่งการให้สหรัฐฯ ช่วยเหลือชาวแอฟริกันที่สืบเชื้อสายจากยุโรป ซึ่งกำลังอพยพออกจากแอฟริกาใต้เนื่องจากถูกเลือกปฏิบัติ โดยให้ความช่วยเหลือผ่านโครงการผู้ลี้ภัย

 

ด้านกระทรวงการต่างประเทศของแอฟริกาใต้ออกแถลงการณ์ว่า คำสั่งของทรัมป์เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งและขาดความถูกต้องของข้อเท็จจริง โดยไม่ได้คำนึงถึงประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดของแอฟริกาใต้ที่เคยถูกล่าอาณานิคมและเผชิญกับยุคการแบ่งแยกสีผิว (Apartheid) ในแถลงการณ์ของกระทรวงยังระบุอีกด้วยว่า “น่าขันที่คำสั่งพิเศษของสหรัฐฯ กลับให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่กลุ่มที่ยังคงมีความได้เปรียบทางเศรษฐกิจมากที่สุด ในขณะที่ชาวอเมริกันจากพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลกที่เผชิญความทุกข์ยากจริงๆ กลับถูกปฏิเสธสิทธิในการลี้ภัย

 

ไซริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ เผยว่า เขาได้พูดคุยกับ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวแอฟริกาใต้ เกี่ยวกับข้อมูลที่ผิดและการบิดเบือนเกี่ยวกับแอฟริกาใต้ พร้อมเน้นย้ำว่า ประเทศของเขายึดมั่นในหลักนิติรัฐ ความยุติธรรม และความเท่าเทียมกัน

 

ทั้งนี้ ในอดีตนโยบายแบ่งแยกสีผิวบังคับให้ชาวแอฟริกันผิวดำและกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ต้องถูกไล่ออกจากที่ดิน เพื่อเปิดทางให้คนผิวขาวใช้งาน หลังจากสิ้นสุดยุค Apartheid ในปี 1994 รัฐธรรมนูญของแอฟริกาใต้กำหนดให้มีการปฏิรูปที่ดินเพื่อแก้ไขปัญหานี้

 

ปัจจุบันคนผิวดำซึ่งเป็นประชากรกว่า 80% ของประเทศ ยังคงเป็นกลุ่มที่เผชิญปัญหาความยากจนและการว่างงานอย่างรุนแรง ขณะที่ยังถือครองที่ดินเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ล่าสุดรามาโฟซาลงนามบังคับใช้กฎหมายที่อนุญาตให้รัฐบาลสามารถเวนคืนที่ดินได้โดยไม่มีค่าชดเชยในบางกรณี

 

อย่างไรก็ตาม คำสั่งของทรัมป์เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลของเขาระงับความช่วยเหลือจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด และกำลังเดินหน้ายกเลิกหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID)

 

ขณะที่ก่อนหน้านี้แอฟริกาใต้เพิ่งยื่นคำร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) กล่าวหาอิสราเอลว่าก่ออาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา โดยระบุว่า ผู้นำอิสราเอลมีเจตนาทำลายล้างชาวปาเลสไตน์ในกาซา และเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งให้ยุติการโจมตีทางทหาร

 

ภาพ: Photo by Andrew Harnik / Getty Images

อ้างอิง:

The post ทรัมป์ระงับเงินช่วยเหลือแอฟริกาใต้ อ้างกฎหมายเวนคืนที่ดินเลือกปฏิบัติต่อชาวแอฟริกันผิวขาว appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุทินสั่งกรมโยธาฯ ศึกษาผลกระทบเพิ่มเติมเวนคืนที่ดินริมแม่น้ำสาย จังหวัดเชียงราย เชื่องบ 3 พันกว่าล้านบาทคุ้มค่า แก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาว https://thestandard.co/land-expropriation-sai-river-study/ Tue, 29 Oct 2024 08:36:58 +0000 https://thestandard.co/?p=1001354

วันนี้ (29 ตุลาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ […]

The post อนุทินสั่งกรมโยธาฯ ศึกษาผลกระทบเพิ่มเติมเวนคืนที่ดินริมแม่น้ำสาย จังหวัดเชียงราย เชื่องบ 3 พันกว่าล้านบาทคุ้มค่า แก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาว appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (29 ตุลาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความชัดเจนหลังมีกระแสข่าวรัฐบาลจะเวนคืนที่ดิน รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างริมแม่น้ำสายเข้ามาประมาณ 40 เมตร ยาว 2 กิโลเมตร บริเวณอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยระบุว่า เรื่องนี้จะไปดูเรื่องการบุกรุกพื้นที่มากกว่าว่าจะแก้ไขอย่างไร ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมืองกำลังไปวางแนวอยู่ และกำลังศึกษาการวางแผนงานทำเขื่อนกันน้ำกันดิน ซึ่งจะพาดผ่านตามแนวอำเภอแม่สาย คาดว่าจะใช้งบประมาณ 3 พันกว่าล้านบาท 

 

ทั้งนี้ หากศึกษาให้ดีเชื่อว่าโครงการนี้จะคุ้มค่าและแก้ไขปัญหาได้ดี เพราะทุกวันนี้หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ รัฐบาลเสียเงินมากกว่า 3 พันกว่าล้านบาทและได้แต่เยียวยา ซึ่งปีหน้าก็อาจต้องเสียงบอีก

 

อนุทินกล่าวต่อว่า หลังจากนี้ต้องไปจัดการเรื่องการรุกล้ำพื้นที่ที่ผิดกฎหมายให้เรียบร้อย และมีเรื่องการเวนคืนที่ดินด้วย ซึ่งต้องไปสำรวจอะไรให้เรียบร้อยก่อน

 

เมื่อถามว่า การรุกล้ำและการเวนคืนจะมีการเยียวยาหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า การรุกล้ำไม่มีการเยียวยา แต่ต้องแนะนำให้บุคคลเหล่านั้นไปหาที่อยู่ใหม่ ส่วนเรื่องการเวนคืนต้องไปดูว่าหากแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้ รัฐบาลก็มีความจำเป็นต้องเยียวยา ซึ่งเมื่อวานนี้ (28 ตุลาคม) กรมโยธาธิการและผังเมืองเพิ่งมารายงานผลการศึกษา แต่ตนให้ไปศึกษาเพิ่มเติมว่าจะมีครัวเรือนกี่ครัวเรือน ประชากรกี่คน ธุรกิจกี่อย่าง ซึ่งบริเวณนั้นมีตลาดสายลมจอยอยู่ และเชื่อว่าจะใช้เวลาศึกษาไม่นาน แต่จะใช้เวลาของบนาน โดยต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เนื่องจากเรื่องนี้ใช้งบกลางไม่ได้เพราะเกิน 1 ปี จึงต้องผลักดันให้ใช้งบประมาณปกติ ซึ่งต้องไปพูดคุยกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ด้วย อย่างไรก็ตาม ตนเร่งรัดเรื่องนี้เพราะถือว่าเป็นปัญหาที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขในระยะยาว

The post อนุทินสั่งกรมโยธาฯ ศึกษาผลกระทบเพิ่มเติมเวนคืนที่ดินริมแม่น้ำสาย จังหวัดเชียงราย เชื่องบ 3 พันกว่าล้านบาทคุ้มค่า แก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทำความรู้จัก ‘เขตทาง’ ในผังเมือง ตัวแปรปมเวนคืนที่ดิน https://thestandard.co/life/road-zone-expropriation-of-land Fri, 26 Jan 2024 11:36:00 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=892650 เขตทาง

‘การเวนคืน’ ที่ดินหรือถนนกลายเป็นปัญหาที่หลายคนกังวลใจห […]

The post ทำความรู้จัก ‘เขตทาง’ ในผังเมือง ตัวแปรปมเวนคืนที่ดิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เขตทาง

‘การเวนคืน’ ที่ดินหรือถนนกลายเป็นปัญหาที่หลายคนกังวลใจหลังได้เห็นการกำหนดประเภทเขตทางในร่าง ‘ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ปรับปรุงครั้งที่ 4’ เพราะจากนี้ไปสิ่งก่อสร้างที่เกิดขึ้นจะต้องสัมพันธ์กับความกว้างของถนนนั้นๆ

 

ถ้าหากบ้านเราอยู่ในเขตทางประเภทดังกล่าวจะต้องถูกเวนคืนที่เพื่อให้ถนนกว้างตามที่กำหนดหรือไม่?

 

ประเด็นนี้ วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ระบุไว้เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2567 ว่า “กทม. จะไม่มีการเวนคืนที่กรณีเป็นสิ่งปลูกสร้างเดิมที่คงอยู่ในลักษณะเดิมในถนนเส้นนั้น แต่จะมีการกำหนดสิ่งก่อสร้างที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ให้ย่นระยะไปจากถนน เพื่อไม่ให้เมืองมีความแออัด”

 

THE STANDARD ชวนทำความเข้าใจเรื่องของ ‘เขตทาง’ และองค์ประกอบต่างๆที่ควรรู้ 

 

เขตทาง

 

ภาพประกอบ: เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

The post ทำความรู้จัก ‘เขตทาง’ ในผังเมือง ตัวแปรปมเวนคืนที่ดิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
“แลนด์บริดจ์มาทำลายคนท้องถิ่นอย่างสิ้นเชิง” เสียงจากชาวบ้านที่รัฐยังรับฟังไม่มากพอ https://thestandard.co/voices-from-villagers-to-land-bridge/ Tue, 23 Jan 2024 04:37:37 +0000 https://thestandard.co/?p=890955

22 มกราคม 2567 คือวันที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ […]

The post “แลนด์บริดจ์มาทำลายคนท้องถิ่นอย่างสิ้นเชิง” เสียงจากชาวบ้านที่รัฐยังรับฟังไม่มากพอ appeared first on THE STANDARD.

]]>

22 มกราคม 2567 คือวันที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน ตำบลม่วงกลวง อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง นับเป็นการลงพื้นที่เพื่อดูสถานที่จริงซึ่งใช้ในการก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ ‘แลนด์บริดจ์’ เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มีการโปรโมตโครงการ

 

ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤศจิกายนปี 2566 นายกรัฐมนตรีเริ่มเดินสายโรดโชว์ทำหน้าที่เซลส์แมนอันดับ 1 ในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย และอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะล่าสุด สมาพันธรัฐสวิส

 

เศรษฐายืนยันอย่างหนักแน่นว่า “นี่ถือเป็นโอกาสสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะชาวระนอง แต่เป็นโอกาสของจังหวัดแถบฝั่งอันดามันทั้งหลาย ควบคู่ไปกับการพัฒนาภาคใต้ทั้งภูมิภาค รัฐบาลมีความเชื่อมั่นว่าจะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนและคนไทยทั้งประเทศ” ขณะเดียวกันรัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทุกคน

 

THE STANDARD พูดคุยกับ สมบูรณ์ คำแหง ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) และ สมโชค จุงจาตุรันต์ คณะทำงานเครือข่ายรักษ์พะโต๊ะ ถึงการรับฟังความเห็นของภาครัฐ ในการลงพื้นที่จังหวัดระนอง ทำไมถึงต้องคัดค้านโครงการแลนด์บริดจ์ และค้านเพื่ออะไร 

 

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ติดตามพื้นที่โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเล อ่าวไทย-อันดามัน ที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน จังหวัดระนอง
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 

ภาพ: สำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี

 

บอกแต่ด้านดี ไม่ตอบโจทย์ 

 

สมบูรณ์เริ่มเล่าให้ฟังว่า ในช่วงสิงหาคม 2566 มีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นและเชิญชาวบ้านที่อยู่ในรัศมีของโครงการมารับฟังว่า แลนด์บริดจ์คืออะไร จะเป็นอย่างไร ชาวบ้านที่โดนเวนคืนที่ดินคือใคร สิ่งที่บอกมีเพียงด้านดี เป็นโครงการของรัฐบาลที่จะสร้างความเจริญให้กับภาคใต้ ชาวบ้านจะต้องเสียสละ 

 

ในฐานะคนที่ติดตามเรื่องนี้มานาน สมบูรณ์มองว่า สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เพราะมีแต่ด้านดี ไม่บอกถึงข้อเสียของโครงการ อาทิ การขนถ่ายสินค้าไปอีกฝั่งมีความเห็นค้านของนักวิชาการ ผู้ประกอบการเดินเรือก็ออกมาบอกว่าไม่น่าจะตอบโจทย์ 

 

ทั้งในการเชิญมารับฟังความคิดเห็น รัฐจะมีข้อมูลว่าที่ดินเป็นของใคร อยู่ในโครงการแลนด์บริดจ์หรือไม่ แล้วเชิญเจ้าของที่เหล่านั้นมาร่วมรับฟัง 

 

แต่…เจ้าของที่ดินต้องที่มีโฉนดเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่มีก็ไม่ถูกเชิญ ทั้งนี้เมื่อมาดูความเป็นจริงจะพบด้วยว่า ในภาคใต้ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในพื้นที่ ฉะนั้นที่บอกว่าเป็นการรับฟังผู้ได้รับผลกระทบจึงยังไม่ถูกต้อง 

 

สมบูรณ์กล่าวอีกว่า ชาวบ้านบางคนไปอย่างงงๆ ไปลงชื่อให้ และสุดท้ายรัฐบาลก็เหมาว่ามาลงชื่อหมดแล้ว นี่คือปัญหาที่เราอยากให้นายกรัฐมนตรีรับฟัง ไม่ใช่พิธีกรรมเพื่อรับรองให้เดินหน้าโครงการ โดยไม่สนใจไยดีความทุกข์ร้อนของชาวบ้านว่าจะเสียที่ดินไปเท่าไร

 

สมบูรณ์ยังตั้งคำถามด้วยว่า การที่นายกรัฐมนตรีเดินสายโรดโชว์โครงการนี้ไปในหลายประเทศ เป็นการเคารพความคิดเห็นของประชาชนหรือไม่ ทำไมถึงไม่ฟัง และในรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งผ่านการประชุมมากว่า 10 ครั้ง เชิญหน่วยงานต่างๆ มาชี้แจง และลงพื้นที่จริง กลับไม่พบข้อมูลความทุกข์ร้อนของชาวบ้านเท่าที่ควร ตนจึงไม่แปลกที่ 4 สส. ของพรรคก้าวไกลประกาศลาออกจาก กมธ.วิสามัญแลนด์บริดจ์นี้

 

4 สส. ก้าวไกล ลาออก กมธ.แลนด์บริดจ์ หลัง กมธ. อนุมัติรายงานศึกษา ที่รัฐสภา

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2567 

ภาพ: พรรคก้าวไกล

 

ศึกษาเป็นแค่องค์ประกอบ ให้รัฐบรรลุเป้าหมาย

 

โครงการแลนด์บริดจ์ตั้งงบประมาณเพื่อศึกษาและจัดรับฟังความคิดเห็นใน 4 โครงการ คือ

 

  1. โครงการท่าเรือน้ำลึก2 ฝั่ง แหลมอ่าวอ่าง อันดามัน จังหวัดระนอง และแหลมริ่ว อ่าวไทย จังหวัดชุมพร โดยมีสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ทำหน้าที่จัดรับฟังความคิดเห็น
  2. โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ช่วงชุมพร-ระนอง (MR8) โดยมีกรมทางหลวง ทำหน้าที่จัดรับฟังความคิดเห็น
  3. โครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าระหว่างกันด้วยระบบราง (รถไฟทางคู่) โดยมีการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทำหน้าที่จัดรับฟังความคิดเห็น
  4. สร้างการขนส่งแบบ Pipeline หรือการขนส่งโดยใช้ระบบท่อ โดยมีการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เป็นผู้รับผิดชอบ

 

สมบูรณ์กล่าวว่า ชาวบ้านกำลังกังขางานวิชาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะในขณะที่การศึกษาโครงการเหล่านี้ยังไม่แล้วเสร็จ กมธ.วิสามัญแลนด์บริดจ์ ได้สรุปรายงานไปแล้ว ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า หรือจริงๆ รัฐบาลตั้งโครงการศึกษาเพื่อให้ครบถ้วนตามกฎหมายเท่านั้น  

 

“โครงการใหญ่ คนทั้งจังหวัดระนองและชุมพรควรมีสิทธิรับรู้เรื่องพวกนี้ คนในภาคใต้ทั้งภาคควรมีสิทธิรับรู้ เพราะว่าเป็นโครงการอภิมหาโปรเจกต์ สร้างผลกระทบต่อคนจำนวนมหาศาล” สมบูรณ์กล่าว

 

สมบูรณ์ คำแหง ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) นำชาวบ้านคัดค้านโครงการแลนด์บริดจ์ ที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน จังหวัดระนอง

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 

ภาพ: THE STANDARD

 

เวนคืนที่ดินภาคใต้ เคยสูงถึงตารางวาละ 1.5 ล้านบาท

 

ในปี 2561 กระทรวงคมนาคมจะเร่งผลักดันโครงการลงทุนก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายหาดใหญ่-ชายแดนไทย-มาเลเซีย (สะเดา) ระยะทาง 62.59 กิโลเมตร ในเวลานั้น ตลอดแนวเส้นทางจะต้องเวนคืนที่ดินเพื่อสร้างถนนใหม่

 

เบื้องต้นที่ปรึกษาประเมินว่าจะมีค่าเวนคืน 6,974 ล้านบาท แต่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาที่ดินปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นมาก ล่าสุดที่ดินบริเวณด่านสะเดาแห่งที่ 2 อยู่ที่ตารางวาละ 1.5 ล้านบาท อีกทั้งยังต้องจ่ายค่าทดแทนให้กับเจ้าของสวนยางที่ถูกเวนคืนด้วย

 

สมบูรณ์ระบุว่า เหตุการณ์นี้ตอนนั้นชาวบ้านอำเภอสะเดาไม่ยอม ออกมาประท้วงจนรัฐบาลยอมถอยต้องเวนคืนที่ดินในราคาหลักล้าน แต่การประเมินที่ดินสำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ในพื้นที่แห่งนี้กลับได้เพียง 3 แสนบาทเท่านั้น ที่กล่าวมาไม่ได้เพื่อต่อรองราคา แต่พวกเราคือชาวสวนที่ไม่พร้อมไปอยู่ในเมือง ไม่พร้อมไปอยู่กรุงเทพฯ นายกรัฐมนตรีเศรษฐารู้หรือไม่ว่ามีคนได้รับผลกระทบจำนวนเท่าไร ไม่ใช่บอกแค่ว่าประเทศจะดีขึ้น และยอมให้ต่างชาติได้สัมปทาน 50+49 ปี 

 

สมบูรณ์ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “ผมไม่เชื่อว่าแลนด์บริดจ์จะเกิดขึ้นได้ง่ายในประเทศไทยด้วยเหตุผล ข้อมูลทางวิชาการ แต่เชื่อว่าหากคนในพื้นที่รับรู้เกี่ยวกับโครงการมากขึ้นเสียงก็จะดังขึ้น”

 

ขณะที่สมโชค คณะทำงานเครือข่ายรักษ์พะโต๊ะ กล่าวถึงการเวนคืนที่ดินโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในส่วนของพื้นที่จังหวัดชุมพรว่า โครงการที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่คือ รถไฟรางคู่ ซึ่งส่วนตัว บ้านของตนห่างจากโครงการเพียง 800 เมตร กลับไม่ได้รับหนังสือให้เข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นจากโครงการที่ต้องครอบคลุมการรับฟังในระยะ 5 กิโลเมตร 

 

แต่สมโชคก็ยังทราบกำหนดการรับฟัง และพยายามเข้าร่วมสังเกตการณ์ทุกครั้ง ทำให้รู้ว่ามีบางคนมีชื่อแต่ไม่ทราบว่าได้รับหนังสือเข้าร่วม บางคนอยู่ในพื้นที่โครงการแต่ไม่ได้รับหนังสือ 

 

“ผมขอเรียกมันว่า กิกะโปรเจกต์ เพราะงบประมาณ​ 1 ใน 3 ของประเทศถูกนำมาใช้ในโครงการนี้ ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่าทำโครงการขนาดนี้ทำไมไม่เปิดเผยภาพรวม ผมต้องมาถอดบทเรียนมาจากโครงการแลนด์บริดจ์กระบี่-ขนอมแทน ทำให้ทราบว่ามีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม 3 ที่ที่อยู่ในโครงการ แต่ที่ผ่านมา สนข. พูดเพียงแต่ว่านิคมอุตสาหกรรมหลังท่า ซึ่งมีการเขียนว่า Pipeline และมีคนถาม สนข. เรื่องปิโตรเคมีและโรงกลั่น สนข. ตอบว่าไม่มี” สมโชคกล่าว 

 

ขณะที่การชี้แจงงบประมาณปี 2567 ของนายกรัฐมนตรีช่วงหนึ่ง มีการพูดถึงโครงการแลนด์บริดจ์ว่า ถ้าเกิดขึ้นจริงจะมีประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีความมั่นคงทางพลังงานสูงมาก จะมาสร้างโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานที่เป็นผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจากน้ำมันนั้น สมโชคบอกว่า สิ่งนี้ทำให้อนุมานได้ว่าเป็นปิโตรเคมี จึงเกิดข้อสงสัย นายกรัฐมนตรีกับ สนข. ได้หารือกันหรือไม่ หรือสร้างข้อมูลเท็จให้ประชาชนสับสน

 

โครงการแลนด์บริดจ์

ภาพ: กระทรวงคมนาคม

 

คนพะโต๊ะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ

 

สมโชคให้ข้อมูลในฐานะคนพะโต๊ะด้วยว่า เป็นดินแดนที่ทิศเหนือและทิศใต้มีภูเขาล้อมรอบ ทิศตะวันออกติดอ่าวไทย ทิศตะวันตกติดทะเลอันดามัน หากนิคมอุตสาหกรรมเกิดในจังหวัดระนองและอำเภอหลังสวนจะก่อให้เกิดมลพิษ ทุกสิ่งจะมารวมกันที่อำเภอพะโต๊ะ เพราะมีภูมิประเทศเป็นแอ่ง

 

ขณะที่ประชากรในอำเภอพะโต๊ะ 97.36% มีอาชีพทำสวน และ 2.64% มีอาชีพเกษตรกรรม มีรายได้ที่มั่นคงตลอดปี เนื่องจาก

 

รายได้ประจำวัน: จากการกรีดยาง

รายได้ประจำสัปดาห์: จากกล้วยเล็บมือนาง กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทอง 

รายได้ประจำ 15 วัน: จากปาล์มน้ำมัน

รายได้ประจำปี: จากทุเรียน มังคุด กาแฟพันธุ์โรบัสต้า ลองกอง 

 

ทุเรียน ผลไม้หนึ่งในผลผลิตของชาวพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร

ภาพ: AFP Photo

 

“แลนด์บริดจ์มาทำลายคนท้องถิ่นอย่างสิ้นเชิง”

 

“โครงการแลนด์บริดจ์ไม่ได้มาสร้างอาชีพ แต่มาทำลายอาชีพคนท้องถิ่นอย่างสิ้นเชิง จากนายจ้างไปสู่ลูกจ้าง มาเป็นผม ท่านรับได้ไหมครับ รายได้ในจังหวัดชุมพร เฉพาะอำเภอพะโต๊ะประมาณ 4 พันล้านบาท เป็นอันดับ 1 ของ GDP มาจากเกษตร 50% การท่องเที่ยว 40% อุตสาหกรรมแค่ 10% รายได้ต่อหัวต่อคนเฉลี่ย 26,000 บาท เราหลุดกับดักรายได้ปานกลางมานานแล้ว และเงินล้านไม่ได้เกินฝันสำหรับคนพะโต๊ะ” สมโชคกล่าว 

 

สมโชคยังบอกด้วยว่า คนพะโต๊ะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำที่เราจับต้องได้ ไม่เหมือนอุตสาหกรรมที่รัฐบาลภูมิใจ ขอให้ลองมองย้อนกลับไปว่า หากรัฐเวนคืนที่ดินจำนวนเงินที่ได้ก็ไม่สามารถทดแทนได้กับความอุดมสมบูรณ์ และหากไม่ขายสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตไปได้จนกว่าตนจะตาย และที่สำคัญเป็นมรดกให้ลูกหลาน 

 

ทุเรียนที่ทำรายได้หลักแสน แต่รัฐบาลบอกว่าจะเวนคืนให้ต้นละ 18,470 บาท คิดว่าชาวบ้านจะอยากได้หรือไม่ หากโครงการนี้เกิดขึ้นจะตัดผ่านแม่น้ำทำให้ทางน้ำเปลี่ยน และมีการขุดเจาะอุโมงค์ทำให้แหล่งน้ำใต้ดินเปลี่ยน การเกษตรในพื้นที่จะได้รับผลกระทบ สัตว์ป่าและพื้นที่ป่าได้รับผลกระทบ ซึ่ง สนข. ไม่เคยพูดถึงในส่วนนี้ 

 

“พื้นที่พะโต๊ะบ้านผม มีความบอบช้ำมาจากสัมปทานเหมืองแร่ดีบุกและสัมปทานป่าไม้ เราบอบช้ำมาเยอะมาก รัฐบาลมีแต่เอาทรัพยากรของเราไปให้กลุ่มทุน แต่ไม่เคยมาดูแลเรา” สมโชคกล่าว

 

กลุ่มคัดค้านขึ้นป้ายข้อความ NO LANDBRIDGE ต้อนรับนายกรัฐมนตรี ที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน จังหวัดระนอง

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567

ภาพ: THE STANDARD

 

แลนด์บริดจ์ สู่กฎหมาย SEC

 

สมโชคระบุว่า การที่ สนข. ให้ข้อมูลว่า หากโครงการแลนด์บริดจ์เกิดขึ้น คนในพื้นที่ชุมพร-ระนองจะเกิดการจ้างงานกว่า 2.8 แสนคน รัฐและ สนข. กำหนดได้อย่างไรว่าบริษัทใดจะรับคนไทย ในเมื่อร่าง พ.ร.บ.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ที่เสนอโดย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สิทธิผู้ประกอบการ จึงต้องถามว่าตำแหน่งงานของประชาชนจะอยู่ในส่วนไหน 

 

รัฐมุ่งเรื่อง GDP มากเกินไป หากเปรียบเทียบกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) GDP ที่มองว่าสูงในจังหวัดระยอง ลึกลงไป กลุ่มที่จะได้คือนายทุน ขณะที่ชาวบ้านได้รับมะเร็งทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ จนเป็นอันดับ 1 ของประเทศ คณะกรรมการ EEC สนข. หรือรัฐบาลไม่เคยช่วยเหลือประชาชน จนต้องไปฟ้องศาล เพื่อประกาศให้พื้นที่มาบตาพุดเป็นพื้นที่ควบคุมมลพิษ แต่ก็ควบคุมไม่ได้ เพราะมีกฎหมายพิเศษควบคุมในพื้นที่ EEC 

 

“มันเป็น พ.ร.บ. พิเศษสำหรับกลุ่มทุน แต่เป็นกฎหมายที่เข่นฆ่าพี่น้องประชาชนคนท้องถิ่นอย่างสิ้นเชิง และอีกไม่นานจะเอา พ.ร.บ. SEC มาใช้กับพื้นที่ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และที่แล้วร้ายกว่านั้นคือในกฎหมายนี้ระบุว่า หากมีพื้นที่ไหนขยายเป็นนิคมอุตสาหกรรมได้ แค่ประกาศให้ ครม. รับทราบ เพราะกฎหมาย SEC นี้ยกเลิกกฎหมายเก่า 19 ฉบับ ครอบคลุม 16 กระทรวง ผมจึงต้องค้าน SEC และแลนด์บริดจ์” สมโชคกล่าว

 

ด้านสมบูรณ์กล่าวด้วยว่า ภายใต้โครงการแลนด์บริดจ์ พรรคภูมิใจไทยกำลังเสนอกฎหมาย SEC และมีร่างกฎหมายของรัฐบาลอีกฉบับ ซึ่งจะอำนวยให้โครงการแลนด์บริดจ์เกิดได้ง่ายขึ้น ที่ผ่านมาเราปล่อยให้มีกฎหมายนี้ได้อย่างไร หากกฎหมายนี้เคลื่อนไปยังภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหนือ กลาง ใต้ อีสาน จะเป็นการยอมรับอำนาจพิเศษเพื่อเอื้อประโยชน์ให้นักลงทุนต่างชาติมากเกินไปหรือไม่

 

นายกรัฐมนตรีรับหนังสือจากกลุ่มคัดค้านโครงการแลนด์บริดจ์ ที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน จังหวัดระนอง

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567

ภาพ: THE STANDARD

 

รัฐบาลฟังทุกความเห็น

 

วานนี้ (22 มกราคม) นายกรัฐมนตรีกล่าวระหว่างการลงพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติแหลมสน ตำบลม่วงกลวง อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง ว่า “ไม่ต้องห่วงครับ ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ แลนด์บริดจ์เป็นโอกาส แต่ว่าการมีโอกาสก็ต้องให้โอกาสกับคนในพื้นที่เช่นเดียวกันในการแสดงความคิดเห็น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทุกคน” 

 

ขณะที่ตัวแทนคนไทยพลัดถิ่น จังหวัดระนองกล่าวระหว่างยื่นหนังสือคัดค้าน ไม่เห็นด้วยกับโครงการว่า  “ที่มาวันนี้ อยากจะจับมือกับท่านนายกฯ เพราะเห็นว่าท่านนายกฯ เป็นคนดี ทะเลสวยไหมคะ ที่แลนด์บริดจ์จะมาลงทำท่าน้ำลึก มันตรงกับบ้านมะเป๊ะๆ เลย แล้วที่ทำกินของมะตรงนั้น ท่านขอชะลอไปก่อนได้ไหมคะ” 

 

แลนด์บริดจ์ กระทบพื้นที่ใดบ้าง

 

เพราะสิ่งที่ตัวแทนคนไทยพลัดถิ่นพูด ไม่ต่างกับที่สมโชคเปิดเผยให้ THE STANDARD ฟังว่า พื้นที่เหล่านี้คือที่ทำกิน โอโซน และชีวิตของคนระนอง-ชุมพร 

 

เพราะคนใต้ส่วนใหญ่มีอาชีพไม่กี่อย่างคือ การทำประมง การท่องเที่ยว และการปลูกพืชผลทางการเกษตร อาชีพเหล่านี้จะยังคงอยู่ หากรัฐบาลแค่เข้ามาเปลี่ยนศักยภาพ งบประมาณแลนด์บริดจ์สามารถพัฒนาศักยภาพของพี่น้องชุมพร-ระนองให้ยั่งยืนได้โดยไม่ต้องย้ายไปไหน 

 

แต่หากทำโครงการแลนด์บริดจ์ รัฐบาลทราบหรือไม่ว่าจะมีสิ่งใดที่จะหายไปบ้าง 

 

  • ประมงพื้นบ้าน บริเวณแหลมอ่าวอ่างที่หล่อเลี้ยงคนชุมชน 6 อำเภอ 
  • แหล่งต้นน้ำอำเภอพะโต๊ะ กระทบต่อพื้นที่เกษตร แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และสัตว์ป่า
  • ที่นาของชาวบ้านในพื้นที่ที่โครงการพาดผ่าน
  • พื้นที่อุทยานและป่าสงวนแห่งชาติ ได้แก่
  1. ป่าพรุใหญ่ ป่าเลนคลองริ่ว อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร
  2. ป่าพะโต๊ะ ป่าปังหวาน และป่าปากทรง อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร
  3. ป่าเลนคลองม่วงกลวง บ้านบางเบน-บ้านอ่าวเคย ตำบลม่วงกลวง จังหวัดระนอง
  4. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าควนแม่ยายหม่อน บ้านห้วยปลิง และบ้านช้างแหก ตำบลราชกรูด จังหวัดระนอง
  5. ป่าคลองหินกอง และป่าคลองม่วงกลวง บ้านคลองของ ตำบลราชกรูด จังหวัดระนอง
  6. บ้านอ่าวเคย บ้านบางเบน ตำบลม่วงกลวง จังหวัดระนอง
  7. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะระนอง และอุทยานแห่งชาติแหลมสน จังหวัดระนอง
  8. แรมซาร์ไซต์ อุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากน้ำกระบุรี-ปากคลองกะเปอร์ ตำบลราชกรูด ตำบลม่วงกลวง จังหวัดระนอง
  9. ป่าชายเลน พื้นที่เตรียมประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จังหวัดระนอง 
  • พื้นที่ทะเลและชายฝั่ง 
  1. ถมทะเล ชุมพร-ระนอง รวม 12,783 ไร่
  2. ขุดลอกร่องน้ำ รวมกว่า 270 ล้านลูกบาศก์เมตร
  3. แนวปะการังเกาะพิทักษ์ เกาะคราม จังหวัดชุมพร และเกาะพยาม จังหวัดระนอง
  4. แหล่งหญ้าทะเล เกาะพยาม จังหวัดระนอง
  5. ป่าชายเลนตามมติ ครม. ปี 2543 ตำบลบางน้ำจืด จังหวัดชุมพร และตำบลราชกรูด, ตำบลม่วงกลวง จังหวัดระนอง

 

  • แหล่งต้นน้ำพื้นที่ชุ่มน้ำ 1A ในอำเภอหลังสวน อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร
  • พื้นที่ปลูกทุเรียน 25,153.26 ไร่
  • พื้นที่ปลูกมังคุด 8,022.07 ไร่
  • พื้นที่ปลูกยางพารา 37,315.32 ไร่
  • พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน 49,085.41 ไร่
  • พื้นที่เกษตรรวม 119,576.06 ไร่

 

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมกิจกรรม Thailand Landbridge: Connecting ASEAN with the World ที่สมาพันธรัฐสวิส
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2567 

ภาพ: สำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี

 

คัดค้านด้วย 4 เหตุผล

 

จากที่กล่าวมา สมโชคระบุว่า ขอคัดค้านโครงการแลนด์บริดจ์ด้วย 4 เหตุผล คือ

 

  • ไม่คุ้มค่าการลงทุน: ไม่ตอบโจทย์นักเดินเรือ ไม่ตอบโจทย์ผู้ขนส่ง
  • ไม่เหมาะสม: กระทบต่อระบบนิเวศ ธรรมชาติ และพื้นที่ทำมาหากินของชาวบ้าน
  • ไม่โปร่งใส ขาดธรรมาภิบาล: ประชาชนไม่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เลือกที่จะเอาใครก็ได้มาแสดงความคิดเห็น
  • โครงการแลนด์บริดจ์อยู่ภายใต้กฎหมาย SEC: ซึ่งมีเนื้อหาสอดคล้องกับ EEC โดยมีนักการเมืองบางกลุ่มพยายามผลักดันเรื่องนี้เป็นอย่างมาก และมองว่ากระทบต่อคนในพื้นที่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง 

 

“เราไม่คัดค้าน เราสนับสนุน ถ้าคุณพัฒนาแล้วเจริญ ทำให้คนในพื้นที่มีฐานะดีขึ้น ร่ำรวยขึ้น มีความมั่นคงในอาชีพ เลี้ยงครอบครัวได้อย่างสุขสบาย เรายินดี ทุกวันนี้กลุ่มพะโต๊ะเปลี่ยนคอนเซปต์จะเน้นเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เพราะนายกฯ ไปโรดโชว์ใช้ภาษาอังกฤษ เมื่อรัฐบาลใช้ภาษาอังกฤษเช่นไร เราก็ใช้ภาษาอังกฤษเช่นเดียวกัน ว่าโครงการนี้มันขาดธรรมาภิบาล ไม่ถูกต้องตามกระบวนการ” สมโชคกล่าว

 

แกนนำเครือข่ายพะโต๊ะกล่าวด้วยว่า ตนขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีศึกษาผลกระทบในเชิงยุทธศาสตร์ (SEA) และให้นายกรัฐมนตรีหยุดโรดโชว์ เพราะผลการศึกษายังไม่แล้วเสร็จ แต่นายกรัฐมนตรีกลับปักธงต้องการจะสร้างโครงการนี้ ทำให้ตนมองว่ากระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EIA และ EHIA) ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตขาดความชอบธรรมว่านายกรัฐมนตรีต้องการโครงการนี้ 

 

ทั้งนี้ขอให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณารับใช้พี่น้องประชาชน ไม่ใช่กลุ่มการเมือง สผ. จะเป็นตรายางให้กับกลุ่มใดขอให้ไปพิจารณาให้ดีว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เม็ดเงินเท่าไรก็ไม่สามารถฟื้นฟูเยียวยาระบบนิเวศได้ มีแต่เวลาเท่านั้น 

 

สมโชคยังมองด้วยว่า ภายใต้ข้อความว่าสัมปทาน รัฐมีหน้าที่ขับไล่ประชาชนด้วยการจ่ายค่าเวนคืน เป็นการขับไล่ประชาชนไม่ต่างจากดินแดนฉนวนกาซา ประชาชนจะไปอยู่ที่ไหน รัฐบาลต้องคิดให้ดี อพยพคนหลายหมื่นหลานแสนไร่ ประชาชนจะไปอยู่ที่ไหน นอกจากนี้ตนยังมองเห็นประโยชน์ของต่างชาติที่จะได้สิทธิครอบครองสิทธิเข้าถึงทรัพยากรในพื้นที่ที่เราหวงแหน 

 

สุดท้ายขอถามกลับไปยังรัฐบาลว่า ผลประโยชน์ GDP ตกอยู่ที่ใคร อยู่ที่คนไทยหรือกลุ่มทุน 

 

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ติดตามพื้นที่โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน ที่อุทยานแห่งชาติแหลมสน จังหวัดระนอง
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 

ภาพ: สำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี

 

เตรียมนอนค้างทำเนียบ-ยื่นหนังสือถึงสถานทูตทั่วโลกค้านแลนด์บริดจ์

 

แกนนำเครือข่ายพะโต๊ะเปิดเผยด้วยว่า การพบปะกับนายกรัฐมนตรีจะเกิดขึ้นหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่เสร็จสิ้น โดยเวลาประมาณ 11.30 น. วันนี้ (23 มกราคม) ทางเครือข่ายมีจุดประสงค์ในการพูดคุย 3 ประเด็น ดังนี้

 

  1. ปกป้องนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ไม่ให้โดน หนู (อนุทิน) หลอกจากความจริงบางประการ เพราะตนมองว่าบางโครงการที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในรัฐบาลที่แล้ว และ สนข. ก็อยู่ภายใต้การดูแลของศักดิ์สยาม มีการเร่งรัดการศึกษามาตลอด
  2. อยากให้นายกรัฐมนตรีเจอกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 
  3. ไม่ต้องการเวนคืนที่ดินเพื่อทำโครงการแลนด์บริดจ์ แต่ต้องการให้มีการพัฒนาศักยภาพในพื้นที่เท่านั้น
  4. ถ้านายกรัฐมนตรียืนยันที่จะทำโครงการแลนด์บริดจ์ ตนยินดีที่จะปักหลักค้างคืนหน้าทำเนียบรัฐบาล และยินดีส่งหนังสือถึงสถานทูตทุกที่ทั่วโลกให้เห็นว่าโครงการนี้ขาดธรรมาภิบาล รัฐบาลมีหน้าที่โรดโชว์ แต่ตนมีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า กระทบ ทอดทิ้ง และขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน

 

อ้างอิง:

The post “แลนด์บริดจ์มาทำลายคนท้องถิ่นอย่างสิ้นเชิง” เสียงจากชาวบ้านที่รัฐยังรับฟังไม่มากพอ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชาวอารีย์ขอค้าน ‘เวนคืนที่ดินขยายถนน’ คนทำไม่ได้ใช้ คนต้องใช้กำลังไม่มีที่อยู่ https://thestandard.co/ari-residents-oppose-land-expropriation/ Thu, 18 Jan 2024 09:56:19 +0000 https://thestandard.co/?p=889331

วันนี้ (18 มกราคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำ […]

The post ชาวอารีย์ขอค้าน ‘เวนคืนที่ดินขยายถนน’ คนทำไม่ได้ใช้ คนต้องใช้กำลังไม่มีที่อยู่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (18 มกราคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำรวจทางเดินเท้าและที่พักอาศัยตลอดแนวถนนพระรามที่ 6 ซอยอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร หลังพบว่ามีผู้พักอาศัยออกมาคัดค้านแผนงานขยายถนนจากเดิมให้มีความกว้างเพิ่มขึ้นเป็น 16 เมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงจาก ‘ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ปรับปรุงครั้งที่ 4’ 

 

วรารัตน์ ไทยเดช ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปรับเปลี่ยนผังเมือง กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงผังเมืองในรอบนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นส่วนหนึ่งที่เราไม่เห็นด้วยเพราะที่ผ่านมาไม่เคยรับรู้ข้อมูลใดๆ การที่ตนและลูกบ้านหลายคนรู้ข้อมูลเพราะกลุ่มอนุรักษ์พญาไทที่มาแจ้งว่าจะมีการตัดถนนใหม่ และปรากฏว่าอาคารชุดผาสุขที่ตนอาศัยอยู่ได้รับผลกระทบโดยตรง

 

“ไม่ว่าจะขยายพื้นที่ถนน 16 เมตร หรือ 8 เมตร ก็ถือว่าได้รับผลกระทบโดยตรง อาคารที่พักอาศัยแห่งนี้มีคนอาศัยอยู่เป็นร้อยชีวิต ทั้งหมดได้รับผลกระทบหมด” วรารัตน์กล่าว

 

วรารัตน์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้เข้าประชุมเพื่อเสนอความคิดเห็นตามที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าการที่ตนได้ไปเป็นการบอกต่อกันของคนในกลุ่ม ไม่ได้มีจดหมายของ กทม. มาบอก

 

คำถามคือ ทำไมก่อนหน้านี้ไม่มีการส่งเอกสารใดๆ ให้กับผู้พักอาศัยหรือชาวบ้านในพื้นที่ให้ได้รับเรื่องเลย ถ้าย้อนกลับไปตอนที่คุณจะเลือกตั้ง ตอนที่จะขึ้นภาษี คุณส่งเอกสารประชาสัมพันธ์ต่างๆ ได้ แต่ทำไมเรื่องนี้ถึงไม่มี ตนมองว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม

 

วรารัตน์กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาได้ไปสอบถามกับผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเหมือนกัน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าไม่มีใครทราบข้อมูลนี้ การที่ กทม. บอกว่ามีเว็บไซต์ให้เข้าไปตรวจสอบ คนที่อาศัยอยู่มานานแล้วที่เป็นผู้สูงอายุต่างก็เข้าไม่ถึง

 

ตนเองเคยถามทางฝั่ง กทม. เช่นกันว่าต้องมีการล่ารายชื่อกี่รายชื่อ กี่แผ่น ถึงจะสามารถคัดค้านการเวนคืนที่ดินนี้ได้ แต่ต้องยอมรับว่าเวทีการประชุมที่จัดไม่มีการตอบข้อสงสัยใดๆ ได้เลย ซึ่งจากนี้ตนและผู้พักอาศัยจะยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าคัดค้านการเวนคืนที่ดินต่อไป

 

“จนถึงวันนี้ไม่มีตัวแทนจากกรุงเทพฯ ไม่ว่าฝ่ายใดมาพูดคุยกับผู้พักอาศัยในย่านนี้ หรือถามไถ่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป มีคนเคยไปถามที่เขตว่าที่ผ่านมาเคยประชาสัมพันธ์อย่างไร ก็ได้รับคำตอบว่ามีปิดประกาศใบเล็กๆ ที่เขตแล้ว การที่คุณติดให้เขต เขตไม่ใช่พื้นที่ที่ประชาชนจะเดินเข้าเดินออกบ่อยๆ จะมีใครสังเกตเห็นได้อย่างไร” วรารัตน์กล่าว

 

ขณะเดียวกันสมาชิกในกลุ่มสาธารณะ ‘อารีย์ Community’ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่า การขยายถนนจะมีการขยายทั้งสองฝั่งตั้งแต่ซอยพหลโยธิน 5 ตรงปากทางเข้าถนนใหญ่ ผ่านโค้งหักศอก 2 โค้ง ยาวไปเรื่อยถึงกรมประชาสัมพันธ์ มุ่งสู่ถนนพระรามที่ 6 ซึ่งจะสร้างผลกระทบให้กับประชาชนราวๆ 1,000 คนโดยประมาณ

 

อีกทั้งการเวนคืนคือเรื่องจริง ไม่มีเอกสารเป็นจดหมายถึงหน้าบ้าน แต่สำนักการวางผังและพัฒนาเมืองมีการแจ้งบนเว็บไซต์ ซึ่งถ้าคนไม่เข้าไปก็ไม่รู้ หรือมีแปะที่บอร์ดที่เขต แต่ใครจะไปดู

 

The post ชาวอารีย์ขอค้าน ‘เวนคืนที่ดินขยายถนน’ คนทำไม่ได้ใช้ คนต้องใช้กำลังไม่มีที่อยู่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘บุญร่มไทร’ ชุมชนริมทางรถไฟใจกลางเมือง จากพื้นที่ไล่รื้อ สู่การยืดเยื้อผลประโยชน์ https://thestandard.co/boon-rom-sai-community-2/ Wed, 11 Jan 2023 07:41:44 +0000 https://thestandard.co/?p=735755 ชุมชนบุญร่มไทร

เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ทีมช่างภาพ THE STANDARD ไ […]

The post ‘บุญร่มไทร’ ชุมชนริมทางรถไฟใจกลางเมือง จากพื้นที่ไล่รื้อ สู่การยืดเยื้อผลประโยชน์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชุมชนบุญร่มไทร

เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ทีมช่างภาพ THE STANDARD ได้ลงพื้นที่สำรวจความเปลี่ยนแปลงล่าสุดของ ‘ชุมชนบุญร่มไทร’ ชุมชนที่ตั้งอยู่ริมทางรถไฟระหว่างถนนพญาไทไปจนถึงถนนพระรามที่ 6 มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร 

 

ชุมชนนี้ถือเป็นชุมชนลำดับต้นๆ ที่อยู่ในแผนงานเรียกคืนพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในพื้นที่โดยรอบตามกฎหมาย รวมทั้งพื้นที่ดังกล่าวจะต้องถูกเตรียมให้พร้อมสำหรับ ‘โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก’ หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) ที่จะมีการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา 

 

สำหรับโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงดังกล่าวจะอาศัยโครงสร้างและแนวเดินรถไฟเดิมของ รฟท. และสร้างทางเดินรถไฟส่วนต่อขยาย 2 ช่วง คือ

 

  1. ตั้งแต่สถานีลาดกระบังไปยังสนามบินอู่ตะเภา 

 

  1. จากสถานีพญาไทไปยังสนามบินดอนเมือง โดยจะมีศูนย์กลางอยู่ที่สถานีมักกะสัน

 

ในวันที่สำรวจ ทีมช่างภาพพบว่าบ้านเรือนหลายหลังถูกรื้อถอนและปรับพื้นที่เรียบร้อยไม่เหลือเค้าโครงเดิม แต่มีบ้านหลายหลังที่ยังใช้ชีวิตอยู่ตามปกติ

 

หนึ่งในผู้อาศัยเล่าให้เราฟังว่า ถึงตอนนี้หลายครอบครัวจะย้ายออกไปตามกำหนดเวลาที่ รฟท. ขีดเส้นไว้ เขาเองก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะตัวเขาและหลายครอบครัวเชื่อว่ายังพอมีทางเรียกร้อง 

 

“เขาคงได้เงินไปไม่น้อย ถึงได้ยอม แต่ละคนได้ไม่เท่ากัน” ผู้อาศัยรายนี้กล่าวกับเราว่า วันนี้พื้นที่นี้ไม่ได้เป็นเพียงที่อยู่อาศัยธรรมดา แต่กลายเป็นพื้นที่การเมืองของทุกคนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง

 

 

The post ‘บุญร่มไทร’ ชุมชนริมทางรถไฟใจกลางเมือง จากพื้นที่ไล่รื้อ สู่การยืดเยื้อผลประโยชน์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
พิธา ลงพื้นที่เชียงใหม่ เก็บข้อมูลที่อยู่อาศัย ระบุที่ดินอยู่ในมือรัฐ-คนรวยมากเกินไป https://thestandard.co/pita-visits-chiang-mai/ Sat, 10 Dec 2022 08:57:39 +0000 https://thestandard.co/?p=722262

วันนี้ (10 ธันวาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทน […]

The post พิธา ลงพื้นที่เชียงใหม่ เก็บข้อมูลที่อยู่อาศัย ระบุที่ดินอยู่ในมือรัฐ-คนรวยมากเกินไป appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (10 ธันวาคม) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ชุมชนสามัคคีพัฒนา บริเวณหลังวัดโลกโมฬี ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นชุมชนแออัดของผู้มีรายได้น้อย โดยชุมชนดังกล่าวมีแนวโน้มจะรื้อถอนและย้ายชาวบ้านออกจากพื้นที่ เพื่อพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์

 

พิธาเปิดเผยว่า ลงพื้นที่วันนี้รู้สึกย้อนแย้ง เพราะเดิมจะมาร่วมงาน Chiang Mai Design Week พูดคุยเรื่อง Soft Power ความคิดสร้างสรรค์ แต่ในขณะเดียวกันพื้นที่ที่จัดงานมีการดึงดูดนักท่องเที่ยว ยกให้เป็นเมืองน่าอยู่ เมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม แต่ประชาชนยังมีปัญหาเรื่องปากท้อง ที่อยู่อาศัย หรือที่เรียกว่าคนจนเมือง ซึ่งพบได้ในทุกจังหวัด แต่ประชาชนกลุ่มนี้ในจังหวัดเชียงใหม่กลับเป็นคนที่ถูกหลงลืมจากเมืองที่มีการพัฒนา ลักษณะคล้ายๆ กันกับปทุมธานี ที่มีบ้านอยู่บนคลองเหมือนเชียงใหม่ มีการแย่งการใช้ที่ดิน สภาพที่เห็นในวันนี้มีอยู่ทั่วประเทศจนชินตา ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ควรมีภาพอย่างนี้อยู่ในประเทศไทย 

 

ทั้งนี้ บริเวณพื้นที่คลองแม่ข่าจะได้รับการพัฒนาปรับภูมิทัศน์ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการย้ายถิ่นฐานและค่าชดเชย ซึ่งในหลักการการดูแลคนจนเมืองนั้น ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด แต่การดูแลของภาครัฐนั้น อย่างน้อยประชาชนต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม อีกทั้งการโยกย้ายที่อยู่ควรพิจารณาเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการเรียนหนังสือ เพราะหากย้ายไปยังที่ดินที่รัฐมีอยู่ แต่ไกลจากที่อยู่เดิมคงไม่ได้ เพราะประชาชนมีที่ทำงานหรือเรียนหนังสือตามที่อยู่เดิมมานานหลายสิบปี 

 

สำหรับการแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยในระยะสั้น การลงพื้นที่ในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการ เพราะต้องการให้แน่ใจว่ากระบวนการแก้ไขเป็นไปตามที่ได้รับรายงานในสภา ซึ่งหากไม่ลงพื้นที่จะมีเพียงรายงานว่าไม่พบปัญหา มีการดูแลอย่างเต็มที่ ดังนั้นการลงพื้นที่ทำให้ทราบข้อเท็จจริง ได้รับฟังปัญหาและข้อมูลหลากหลายด้านจากชาวบ้าน ว่าเหมือนเช่นที่ได้รับรายงานหรือไม่

 

พิธากล่าวต่อไปว่า การแก้ไขปัญหาระยะยาวจะต้องผลักดันเรื่องรัฐสวัสดิการ การปลดล็อกท้องถิ่น เพื่อให้คนในพื้นที่ดูแลแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น ที่ผ่านมามีข่าวสลัม 4 ภาค สมัชชาคนจน ยื่นหนังสือไปยังกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ผู้ที่มารับเรื่องก็จะเป็นข้าราชการจากส่วนกลาง ซึ่งเมื่อถึงวาระก็จะโยกย้าย มีเพียงการรายงานปลัดกระทรวง แต่ประชาชนไม่ได้รับข้อมูล และหน่วยงานในพื้นที่ก็ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ แต่หากปลดล็อกท้องถิ่นให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด หรือมีการเลือกตั้งในท้องถิ่น ก็จะมีผู้รับผิดชอบสามารถดำเนินการได้โดยคนในพื้นที่ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น เมื่อครบวาระ 4 ปีประชาชนก็สามารถเลือกใหม่ได้

 

การดำเนินการหลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ เข้าหารือที่สภา ให้ข้าราชการที่รับผิดชอบทราบว่ามีผู้แทนรู้ปัญหาหรือข้อมูลต่างๆ แล้ว และจะใช้กลไกของกรรมาธิการ ซึ่งพรรคก้าวไกลอยู่ในกรรมาธิการคณะหลายคณะ อาทิ กรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อขับเคลื่อน 3 เรื่อง ได้แก่

 

  1. การมีส่วนร่วมของประชาชน
  2. มีการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการ
  3. มีการชดเชยที่เหมาะสม 

 

รวมทั้งจะมีการผลักดัน 3 เรื่อง คือ 1. การปลดล็อกที่ดิน 2. รัฐสวัสดิการ 3. การกระจายอำนาจ ควบคู่ไปด้วย

 

“โดยทั่วไปแล้วรัฐจะถือครองที่ดินประมาณร้อยละ 30 ของที่ดินทั้งประเทศ แต่ในประเทศไทยพบว่ารัฐบาลถือครองที่ดินมากเกินไป เพราะที่ดินของประเทศกว่า 320 ล้านไร่ พบว่ารัฐบาลถือครองที่ดินมากกว่าร้อยละ 60 ของที่ดินทั้งหมด โดยเป็นที่ดินที่ทหารถือครองกว่า 8 ล้านไร่ อีกทั้งยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มคนรวยอีกกว่า 6 แสนไร่ ซึ่งจริงๆ แล้วที่ดินของประเทศไทยจำนวน 320 ล้านไร่ หากเอามาแบ่งเฉลี่ยแล้วมีเพียงพอต่อประชาชนทั้งประเทศอย่างแน่นอน” พิธากล่าวในที่สุด

 

 

เรื่องและภาพ: พงศ์มนัส ทาศิริ

The post พิธา ลงพื้นที่เชียงใหม่ เก็บข้อมูลที่อยู่อาศัย ระบุที่ดินอยู่ในมือรัฐ-คนรวยมากเกินไป appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: คนจนโดนไล่ที่ใน กทม. ผู้ว่าฯ กทม. แก้อย่างไร? https://thestandard.co/bkk-election-2022-rosana-tositrakul-12/ Sun, 15 May 2022 09:54:15 +0000 https://thestandard.co/?p=629119 รสนา โตสิตระกูล

เสียงจากตัวแทนคลองเตย ถึงเหล่าผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. &nbs […]

The post ชมคลิป: คนจนโดนไล่ที่ใน กทม. ผู้ว่าฯ กทม. แก้อย่างไร? appeared first on THE STANDARD.

]]>
รสนา โตสิตระกูล

เสียงจากตัวแทนคลองเตย ถึงเหล่าผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.

 

นิตยา พร้อมพอชื่นบุญ ตัวแทนชุมชนเครือข่ายที่อยู่อาศัยคลองเตย ถามเหล่าผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ถึงปัญหาคนจนไม่มีที่อยู่ กลางวันทำงานงกๆ ตกเย็นก็โดนไล่ที่ เริ่มแก้อย่างไรดี ฟังคำตอบจาก รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 7

 

ชมสดทุกช่องทางของ THE STANDARD

The post ชมคลิป: คนจนโดนไล่ที่ใน กทม. ผู้ว่าฯ กทม. แก้อย่างไร? appeared first on THE STANDARD.

]]>
เตรียมเวนคืนที่ดินบางแค-บางหว้า สร้างเขื่อนขยายคลองพระยาราชมนตรี แก้น้ำท่วม กทม. ครม. อนุมัติร่างกฎหมายแล้ว https://thestandard.co/expropriateland-in-bang-khae-bang-wa-for-build-dam/ Tue, 18 Jan 2022 12:59:49 +0000 https://thestandard.co/?p=583967 บางแค-บางหว้า

วันนี้ (18 มกราคม) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายก […]

The post เตรียมเวนคืนที่ดินบางแค-บางหว้า สร้างเขื่อนขยายคลองพระยาราชมนตรี แก้น้ำท่วม กทม. ครม. อนุมัติร่างกฎหมายแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
บางแค-บางหว้า

วันนี้ (18 มกราคม) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบางแค เขตบางแค และแขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ

 

มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในแขวงบางแค เขตบางแค และแขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยให้เจ้าหน้าที่หรือพนักงานที่มีสิทธิเข้าไปสำรวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเวนคืนให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อขยายคลองและก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กบริเวณคลองพระยาราชมนตรี ตั้งแต่ช่วงคลองหนองใหญ่ถึงคลองภาษีเจริญ มีความกว้าง 60 เมตร ยาวประมาณ 1,600 เมตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำและแก้ปัญหาน้ำท่วมขังใน กทม.  

 

ทั้งนี้ร่างพระราชกฤษฎีกามีกำหนดบังคับใช้ 4 ปี เริ่มต้นเข้าสำรวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืนภายใน 180 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้บังคับใช้

 

รัชดากล่าวด้วยว่า เมื่อการขยายคลองและก่อสร้างเขื่อนบริเวณคลองพระยาราชมนตรีแล้วเสร็จ จะช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังเป็นเวลานานในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของ กทม. และปริมณฑล อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำจากคลองพระยาราชมนตรีและคลองภาษีเจริญ ลงสู่โครงการแก้มลิงคลองมหาชัย-คลองสนามชัย อันเนื่องมาจากพระราชดำริด้วย

The post เตรียมเวนคืนที่ดินบางแค-บางหว้า สร้างเขื่อนขยายคลองพระยาราชมนตรี แก้น้ำท่วม กทม. ครม. อนุมัติร่างกฎหมายแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ครม. อนุมัติเวนคืนที่ดินฯ 350 ไร่ เตรียมสร้างถนนเชื่อมต่อถนนนครอินทร์-ศาลายา แก้ปัญหารถติดถนนกาญจนาภิเษก-บรมราชชนนี https://thestandard.co/cabinet-approves-the-expropriation-of-350-rai-of-land/ Tue, 20 Oct 2020 08:47:44 +0000 https://thestandard.co/?p=410262

วันนี้ (20 ตุลาคม) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายก […]

The post ครม. อนุมัติเวนคืนที่ดินฯ 350 ไร่ เตรียมสร้างถนนเชื่อมต่อถนนนครอินทร์-ศาลายา แก้ปัญหารถติดถนนกาญจนาภิเษก-บรมราชชนนี appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (20 ตุลาคม) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในตำบลบางใหญ่ ตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่, ตำบลบางคูเวียง ตำบลปลายบาง ตำบลศาลากลาง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ดังกล่าว ประมาณ 350 ไร่ และมีอาคารสิ่งปลูกสร้างที่ถูกเวนคืน ประมาณ 87 รายการ สำหรับดำเนินการก่อสร้างถนนใหม่ เชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท นฐ.5035 กับทางหลวงชนบท นบ.1020 หรือถนนนครอินทร์ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนกาญจนาภิเษกและถนนบรมราชชนนี รวมถึงรองรับการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดนนทบุรีและจังหวัดนครปฐมในอนาคต

 

สำหรับรายละเอียดโครงการถนนเชื่อมต่อถนนนครอินทร์-ศาลายา จังหวัดนนทบุรีและจังหวัดนครปฐม กรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินการสำรวจและออกแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเป็นการก่อสร้างถนนใหม่ ขนาด 6 ช่องจราจร โดยใช้งบประมาณ 8,722 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์ 29 ล้านบาท ค่าทดแทนอสังหาริมทรัพย์ 4,392 ล้านบาท และค่าก่อสร้าง 4,301 ล้านบาท 

 

รัชดากล่าว เพิ่มเติมว่า กรมทางหลวงชนบทได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผลการรับฟังความคิดเห็นโดยรวมต่อโครงการมีผู้เห็นด้วยร้อยละ 83.8 ทั้งนี้ ในลำดับต่อไป จะส่งร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มีผลบังคับใช้ กรมทางหลวงชนบทจะเริ่มการสำรวจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 จ่ายเงินทดแทนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปี 2565-2566 และดำเนินการก่อสร้างในปี 2567-2569

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

The post ครม. อนุมัติเวนคืนที่ดินฯ 350 ไร่ เตรียมสร้างถนนเชื่อมต่อถนนนครอินทร์-ศาลายา แก้ปัญหารถติดถนนกาญจนาภิเษก-บรมราชชนนี appeared first on THE STANDARD.

]]>