Timothée Chalamet เปิดเผยในรายการ All Things Considered ทางช่องวิทยุของ NPR ว่า ในช่วงเวลาที่เขารับบทเป็น Bob Dylan โฟล์กไอคอนแห่งยุค ในภาพยนตร์เรื่อง A Complete Unknown เขาไม่ได้แค่ทุ่มเทให้กับการแสดงหรือการเล่นดนตรีให้เหมือนกับ Bob Dylan เท่านั้น แต่เรื่องทางกายภาพ ทั้งรูปร่าง ทรงผม และการไว้เล็บ ก็ต้องเหมือน และเขาต้องทำน้ำหนักให้เพิ่มขึ้นกว่า 20 ปอนด์ เพื่อให้มีรูปร่างคล้ายคลึงที่สุดด้วย

เดิมทีแล้วในช่วงพรีโปรดักชันของภาพยนตร์เรื่องนี้จะใช้เวลาแค่ 4 เดือนเท่านั้น แต่เนื่องจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด จึงทำให้ระยะเวลาในการเตรียมงานโปรดักชันต้องล่าช้าออกไป แต่ก็ทำให้นักแสดงมีเวลาในการทำสิ่งต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

“จากเดิมที่มีการเตรียมงานเพียง 4 เดือน กลายเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานถึง 5 ปี ซึ่งตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมผ่านทุกอุปสรรคที่มีไปได้หมดแล้ว” Timothée Chalamet กล่าว

เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า “อย่างที่ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้ ผมเปลี่ยนแปลงทุกอย่างอย่างเต็มที่ ผมทำงานทั้งหมดที่จำเป็นต้องทำ เหมือนกับที่คุณว่านั่นแหละ ทั้งเรื่องร่างกายและลักษณะบุคลิกต่างๆ แต่สิ่งที่เรายังไม่ค่อยได้พูดถึงมากนักก็คือผมต้องเพิ่มน้ำหนัก 20 ปอนด์ เชื่อไหมล่ะ ผมผอมกว่าเขาอีก”

พิธีกรยังถามเขาต่อเกี่ยวกับส่วนที่ยากที่สุดในการรับบทนี้ เขาจึงตอบว่า “มันเป็นเรื่องของกระบวนการซึมซับน่ะ จริงๆ แล้วผมไม่ได้แบ่งแยกประเภทหรือมีมาตรวัดให้กับการเตรียมตัวส่วนต่างๆ ที่ผมกำลังเรียนรู้นะ ผมพยายามทำทุกๆ อย่างพร้อมกัน และทางที่ผมจะเข้าถึงได้ก็คือเสียงดนตรี”

ในปี 2025 Timothée Chalamet ได้เข้าชิงรางวัล Oscars สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Best Actor) จากการรับบทในภาพยนตร์เรื่องนี้ พร้อมสร้างอีกหนึ่งประวัติศาสตร์สำคัญด้วยการเป็นผู้เข้าชิงรางวัลสาขานี้ที่มีอายุน้อยที่สุดถึง 2 ครั้งนับตั้งแต่ James Dean เคยทำสถิติไว้เมื่อปี 1956 และ 1957

ภาพ: Jose Perez / Bauer-Griffin / GC Images

อ้างอิง:

• https://people.com/timothee-chalamet-gained-20-lbs-to-play-bob-dylan-in-a-complete-unknown-8781930

The post Timothée Chalamet ต้องเพิ่มน้ำหนัก 20 ปอนด์เพื่อรับบท Bob Dylan ใน A Complete Unknown appeared first on THE STANDARD.

ถึงแม้ว่า Timothée Chalamet จะเป็นนักแสดงชื่อดังที่มีผลงานคุณภาพหรือทำรายได้สูงในยุคนี้ แต่เขาเพิ่งเปิดใจเป็นครั้งแรกกับรายการสัมภาษณ์ของ Zane Lowe ว่า ในช่วงเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักแสดง เอเจนต์ของเขาเคยขอให้เพิ่มน้ำหนัก เพื่อที่เขาจะได้ออดิชันรับบทบาทจากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์หรืองานแสดงที่ทำเงินมากขึ้น

เขากล่าวว่า “ถ้าผมไปออดิชันในภาพยนตร์อย่าง The Maze Runner หรือ Divergent พวกภาพยนตร์แนวๆ นั้นที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผมกำลังเริ่มเข้าวงการ พวกฟีดแบ็กที่เกิดขึ้นก็จะเป็นทำนองว่า “โอ้ หุ่นของคุณยังไม่ใช่นะ” ดังนั้นต้นสังกัดของผมก็จะโทรมาหา แล้วบอกผมว่า “นายต้องเพิ่มน้ำหนักหน่อยนะ คือไม่ต้องเพิ่มเยอะอะไรมาก แต่เข้าใจเรื่องนี้ใช่ไหม?’”

นอกจากประเด็นเรื่องน้ำหนักแล้ว Timothée ยังพูดถึงการรับบทบาทใหม่ในภาพยนตร์ชีวประวัติของ Bob Dylan ที่มีชื่อว่า A Complete Unknown อีกว่า การแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เขาเรียนรู้อะไรหลายอย่าง ยิ่งโดยเฉพาะกับการที่คนเราต้องรู้ว่าอะไรที่เหมาะสมกับตัวเราเอง และวิธีการทำงานของเราก็ควรจะสื่อถึงตัวตนของเราเองด้วย 

“สำหรับผม นี่คือเรื่องของการหาภาพยนตร์ที่มันเฉพาะตัวมากๆ อย่างเรื่อง Call Me By Your Name, Beautiful Boy, Lady Bird, Little Women, Miss Stevens และ Hot Summer Nights ทั้งหมดนั้นคือภาพยนตร์ที่มีทุนไม่มาก แต่ผมไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี แต่ภาพยนตร์เหล่านี้เริ่มต้นขึ้นจากพื้นที่ของโรงละคร นั่นแหละ ที่นี่คือพื้นที่ที่ผมตามหาจังหวะของผม ความมั่นใจของผม ความลื่นไหล หรืออะไรก็ตามที่คุณอยากจะเรียกมัน” 

A Complete Unknown เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติของ Bob Dylan ที่นำแสดงโดย Timothée Chalamet ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราวในยุค 1960 ที่ศิลปินอย่าง Bob Dylan เดินทางมานิวยอร์กเพื่อเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักดนตรีด้วยกีตาร์คู่ใจ โดยเขาเริ่มโด่งดังจากการเล่นดนตรีโฟล์กที่เป็นดนตรีกระแสหลักในขณะนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาค้นพบตัวเอง ว่าเขาอยากเล่นดนตรีร็อกมากกว่าดนตรีโฟล์ก และการตัดสินใจครั้งนั้นก็เปลี่ยนแปลงโลกดนตรีไปตลอดกาล

ภาพ: Joe Maher / Getty Images

อ้างอิง:

• https://www.hollywoodreporter.com/movies/movie-news/timothee-chalamet-gain-weight-bob-dylan-a-complete-unknown-1236058855/

The post Timothée Chalamet เคยถูกเอเจนต์ขอให้เพิ่มน้ำหนักช่วงแรกที่เข้าวงการ เพื่อออดิชันภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ appeared first on THE STANDARD.

คริสเตียน เบล ขึ้นชื่อในฐานะนักแสดงที่ทุ่มทุนกับบทบาทมากที่สุด ถึงขั้นยอมลดน้ำหนักและเพิ่มน้ำหนัก ให้เข้ากับคาแรกเตอร์ที่รับเล่น ล่าสุด เขาปรากฏตัวในภาพยนตร์ Vice ในบท ดิก เชนีย์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่เขาต้องเพิ่มน้ำหนักถึง 40 กิโลกรัม เพื่อรับบทนี้

คริสเตียน เบล สูง 183 เซนติเมตร น้ำหนัก 82 กิโลกรัม ซึ่งเป็นสัดส่วนโดยปกติ เขาเริ่มต้นสร้างสถิติลดน้ำหนักสุดขั้วในภาพยนตร์ The Machinist ปี 2004 ที่เขาต้องกินเพียงแอปเปิ้ล น้ำ กาแฟ และวิสกี้ 1 แก้วต่อวัน ทำให้น้ำหนักลดลงไปถึง 28 กิโลกรัม และจบที่น้ำหนักเหลือเพียง 54 กิโลกรัมเท่านั้น

หลังจากนั้นเขายังต้องรีบกลับมาฟิตหุ่นเพื่อรับบทใน Batman Begins ปี 2005 ซึ่งคริสเตียน เบล ใช้เวลาเพียง 6 เดือนในการเพิ่มน้ำหนัก และทำให้รูปร่างกลับมาสมบูรณ์ที่สุด เขาใช้ Personal Trainer ในการเพิ่มน้ำหนักถึง 45 กิโลกรัม ผ่านการยกน้ำหนักและกินอาหารเยอะมากๆ สุดท้ายเขาเพิ่มน้ำหนักขึ้นเยอะมากเสียจนพอกลับมาลองสวมชุดแบทแมนแล้วใส่ไม่ได้ จนต้องกลับไปลดน้ำหนักใหม่อีกนิด

เบลผ่านการรับบทที่ต้องลดน้ำหนักและฟิตหุ่นไปมาอยู่หลายเรื่องตลอดปี 2005-2012 จนกระทั่งเขารับบท เออร์วิง โรเซนเฟลด์ ใน American Hustle ปี 2013 ที่เขาต้องเพิ่มน้ำหนักอย่างจริงจัง เพื่อโชว์หน้าท้องที่ใหญ่เสียจนคนดูเข้าใจว่าของปลอม เขาให้สัมภาษณ์ว่าต้องกินโดนัทและชีสเบอร์เกอร์เยอะมากๆ เห็นอะไรอยู่ตรงหน้าก็ต้องกินทั้งหมด

มีหลายคนมองว่า เขาใช้การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักเพื่อรับแสดงในภาพยนตร์เป็น ‘กิมมิก’ ซึ่งเบลให้สัมภาษณ์ว่า “เชื่อผม ผมไม่ได้ขวนขวายหาบทแบบนี้ ถ้ามันมีบทเข้ามา ผมก็ได้แต่คิดว่า…โอ๊ย ต้องทำอีกแล้ว เพราะผมมักตกหลุมรักหนังหรือคาแรกเตอร์นั้นๆ และสุดท้ายผมก็คิดว่าผมต้องทำ ผมว่ามันน่าขำมากที่บางคนมองว่ามันเป็นกิมมิก… มันดูข่มกันมาก พวกเขาไม่เข้าใจกันเหรอว่า มันทรมานขนาดไหนในการทำสิ่งนี้… มันไม่ง่าย มันไม่สนุก มันแย่มาก”

ภาพประกอบ: Nisakorn R.

The post Christian Bale กับพัฒนาการผอมสุด-อ้วนสุดให้สมบทบาท appeared first on THE STANDARD.