วันนี้ (9 ตุลาคม) ที่อาคารรัฐสภา เมื่อเวลา 16.05 น. การประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มี พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ซึ่งมีสมาชิกลุกขึ้นอภิปรายแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง ต่างสนับสนุนการกำหนดหลักเกณฑ์เสียงประชามติผ่านความเห็นชอบด้วยเสียงข้างมาก ยืนยันตามร่างของสภาผู้แทนราษฎร มีเพียงพรรคภูมิใจไทยที่อภิปรายสนับสนุนการปรับแก้ของวุฒิสภา

จากนั้นในที่ประชุมได้ลงมติ 348 ต่อ 0, งดออกเสียง 65 คน, ไม่ลงคะแนน 1 คน ไม่เห็นด้วยที่วุฒิสภาพิจารณาปรับแก้ให้ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น ซึ่งมีรายงานว่า สส. ที่งดออกเสียงส่วนใหญ่มาจากพรรคภูมิใจไทย

จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน 28 คน เป็นสัดส่วนของ สส. 14 คน และ สว. 14 คน เพื่อให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ

สำหรับรายชื่อคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ในสัดส่วน 28 คน แบ่งเป็น สส. 14 คน ตามสัดส่วนจำนวน สส. แต่ละพรรค ประกอบไปด้วย พรรคเพื่อไทย 4 คน คือ ประยุทธ์ ศิริพานิชย์, นพดล ปัทมะ, จาตุรนต์ ฉายแสง และ กฤช เอื้อวงศ์

พรรคประชาชน 4 คน คือ พริษฐ์ วัชรสินธุ, ณัฐวุฒิ บัวประทุม, ปกป้อง จันวิทย์ และ ณัชปกร นามเมือง

พรรคภูมิใจไทย 2 คน คือ กรวีร์ ปริศนานันทกุล และ มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช

ส่วนพรรคละ 1 คน ได้แก่ พรรครวมไทยสร้างชาติ คือ วิทยา แก้วภราดัย, พรรคพลังประชารัฐ คือ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์, พรรคประชาธิปัตย์ คือ ว่าที่ ร.ท. ยุทธการ รัตนมาศ และพรรคชาติไทยพัฒนา คือ นิกร จำนง

หลังจากที่ประชุมมีมติแล้วจะส่งเรื่องแจ้งไปยังวุฒิสภารับทราบ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกัน โดยวุฒิสภาจะนัดประชุมเพื่อเสนอรายชื่อบุคคลเข้าร่วมพิจารณาดำเนินการในคณะกรรมาธิการร่วม ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 15 ตุลาคมนี้

The post ที่ประชุม สส. ไม่เห็นด้วยกับ สว. ที่ให้ใช้เสียงข้างมาก 2 ชั้น งดออกเสียง 65 คน ส่วนใหญ่เป็น สส. ภูมิใจไทย appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (15 มกราคม) กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ หรือ Con for All เข้ายื่นหนังสือขอเข้าพบ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อหารือทางออกการทำประชามติเพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมี สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เป็นผู้รับหนังสือ

กลุ่ม Con for All ระบุว่า ตามที่คณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่นายกฯ เป็นผู้ลงนามออกคำสั่งแต่งตั้ง ได้แถลงสรุปผลการศึกษาแนวทางการทำประชามติไปเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2566 

“จากผลสรุปดังกล่าว ทำให้กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญอันประกอบไปด้วยองค์กรภาคประชาชนและภาคประชาสังคมไม่น้อยกว่า 43 องค์กร มีความรู้สึกผิดหวังและมีความห่วงกังวลต่ออนาคตการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เนื่องจากเห็นว่าแนวทางการทำประชามติดังกล่าวจะไม่เป็นที่ยอมรับจากทุกภาคส่วน

“เพราะเป็นการตั้งคำถามประชามติที่มีความกำกวมและมีประเด็นให้ต้องตัดสินใจมากกว่าหนึ่งประเด็นในหนึ่งคำถาม อันอาจนำไปสู่การบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชน หรือไม่สะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชน” กลุ่ม Con for All ระบุ

ตัวแทนของกลุ่ม Con for All ยังกล่าวด้วยว่า การตั้งคำถามประชามติในเชิงปิดกั้นความคิด ความเชื่อ ความฝัน ต่อการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในระหว่างการจัดออกเสียงประชามติ เนื่องจากตัวคำถามไม่ได้เปิดกว้างเพียงพอต่อประชาชนที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมือง รวมถึงเป็นการนำสถาบันฯ เข้ามาสู่ใจกลางความขัดแย้งของการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยไม่จำเป็น จนอาจกลายเป็นชนวนที่ทำให้การทำประชามติซึ่งเป็นประตูด่านแรกของการร่างรัฐธรรมนูญใหม่อย่างที่รัฐบาลมีความตั้งใจไม่ประสบความสำเร็จ

ด้วยเหตุนี้ ทางกลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญจึงมีความประสงค์ที่จะเข้าพบนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ในฐานะผู้มีอำนาจพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดออกเสียงประชามติฯ เพื่อหารือทางออกเกี่ยวกับแนวทางการทำประชามติ

ทั้งนี้ในวันนี้ทางกลุ่ม Con for All ได้นำป้ายไวนิลมีข้อความว่า “เปิดคำถามประชามติโดยประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ สสร. เลือกตั้ง 100%” พร้อมคำถามประชามติว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่า รัฐสภาต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน”

The post ‘Con for All’ ขอพบนายกฯ หารือแนวทางประชามติสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ appeared first on THE STANDARD.

นายกฯ ใหม่ แต่กลิ่นประยุทธ์ยังอยู่? จับตาแก้ รธน. ลุ้นคำถาม ปชช. ในประชามติ

ช่วงที่ 1: จับตาเสนอคำถามประชามติร่าง รธน. ใหม่ แก้ตุกติก พร้อมอ่านเกมการเมืองกับ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า

ช่วงที่ 2: เปิดใจ รสนา โตสิตระกูล จากคนสนับสนุนให้ทักษิณลาออก ผ่านมา 15 ปีเขาคิดเช่นไร?

พบกันในรายการ THE STANDARD NOW กับ อ๊อฟ ชัยนนท์ วันที่ 24 สิงหาคม 2566 เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD

The post ชมคลิป: นายกฯ ใหม่ แต่กลิ่นประยุทธ์ยังอยู่? จับตาแก้ รธน. ลุ้นคำถาม ปชช. ในประชามติ | THE STANDARD NOW appeared first on THE STANDARD.

ทางการออสเตรเลียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบาเนซี เผยคำถามสำคัญที่จะใช้ในการลงประชามติในช่วงปลายปี 2023 ว่าด้วยเรื่องการปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญออสเตรเลีย เพื่อรับรองสิทธิชนพื้นเมืองเป็นครั้งแรกในรอบ 122 ปี นับตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันประกาศใช้เมื่อปี 1901

ตลอดระยะเวลา 122 ปีที่ผ่านมา รัฐธรรมนูญออสเตรเลียไม่เคยระบุหรือยอมรับว่า ชนพื้นเมืองในออสเตรเลียถือเป็นประชากรดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในประเทศแห่งนี้มาอย่างยาวนานกว่า 65,000 ปี โดยปัจจุบันชนพื้นเมืองอย่างชาวอะบอริจิน (Aborigine) และชาวเกาะช่องแคบทอร์เรส (Torres Strait Islander) คิดเป็น 3.8% ของประชากรในออสเตรเลีย 

โดยคาดว่าการลงประชามติในครั้งนี้น่าจะจัดขึ้นราวช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2023 ซึ่งนอกจากจะเป็นการผลักดันเรื่องการรับรองสิทธิของชนพื้นเมืองแล้ว ยังจะปูทางไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษารัฐสภาว่าด้วยชนพื้นเมืองอย่าง ‘Aboriginal and Torres Strait Islander Voice’ ขึ้นอีกด้วย

อัลบาเนซีระบุว่า “วันนี้คือผลลัพธ์ของการทำงานอย่างอดทนและกระตือรือร้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้โอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์และสร้างอนาคตที่ดีกว่าเป็นของพวกคุณแล้ว ชาวออสเตรเลีย”

ทางด้านนักประวัติศาสตร์ชี้ว่า ‘Great Australian Silence’ เป็นคำศัพท์ที่ได้รับการบัญญัติขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เพื่อใช้อธิบายถึงความพยายามในการลบล้างมุมมองและประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ของชนชาวพื้นเมืองให้หายไปจากประวัติศาสตร์กระแสหลักของออสเตรเลีย

แม้กระแสการลงประชามติในช่วงปลายปีนี้จะเป็นไปในทิศทางบวก แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญออสเตรเลียไม่เคยเป็นเรื่องง่าย โดยการลงประชามติราว 4 ใน 5 ของออสเตรเลียล้วนไม่ประสบผลสำเร็จ มีเพียง 8 จากทั้งหมด 44 ครั้งเท่านั้น ที่ได้รับมติเห็นชอบจากพลเมืองออสเตรเลีย 

การลงประชามติครั้งล่าสุดของออสเตรเลียเกิดขึ้นในปี 1999 เป็นการลงประชามติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญเพื่อจัดตั้งสาธารณรัฐ และแทนที่ระบอบกษัตริย์ของสหราชอาณาจักรด้วยระบอบประธานาธิบดีในฐานะประมุขแห่งรัฐ โดยพลเมืองออสเตรเลียมีมติคัดค้านข้อเสนอดังกล่าว

ผลสำรวจล่าสุดโดย The Guardian เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (21 มีนาคม) ชี้ว่า เสียงสนับสนุนต่อประเด็นชนพื้นเมืองในออสเตรเลียลดลง 5% จากการสำรวจความคิดเห็นครั้งก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ตาม พลเมืองออสเตรเลียราว 59% ยังคงเป็นเสียงข้างมากที่สนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญเพื่อรองรับสิทธิชนพื้นเมืองเป็นครั้งแรก

ภาพ: Tamati Smith / Getty Images

อ้างอิง:

• https://edition.cnn.com/2023/03/22/australia/australia-indigenous-voice-parliament-first-referendum-intl-hnk 
• https://www.aljazeera.com/news/2023/3/23/australia-unveils-referendum-question-on-indigenous-recognition 
• https://www.theguardian.com/australia-news/2023/mar/21/guardian-essential-poll-support-for-aukus-and-indigenous-voice-declines

The post ออสเตรเลียเผยคำถามลงประชามติ 2023 “คุณเห็นชอบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อรับรองสิทธิชนพื้นเมืองหรือไม่” appeared first on THE STANDARD.

แอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เดินหน้าขอแรงสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ ภายในที่ประชุมรัฐสภาครั้งแรกในวันนี้ (6 กุมภาพันธ์) เพื่อผลักดันการลงประชามติระดับชาติในช่วงปลายปี 2023 ที่จะมีส่วนช่วยทำให้เกิดการรับรองสิทธิของชนพื้นเมืองขึ้นในออสเตรเลีย

การลงประชามติดังกล่าวจะช่วยปูทางไปสู่การจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านสิทธิของชนพื้นเมืองในรัฐสภาออสเตรเลีย รวมถึงการเปิดโอกาสให้ชนพื้นเมืองมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น หากผลประชามติเป็นไปในทิศทางบวกจะนำไปสู่การปรับแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อรับรองสิทธิของกลุ่มชนพื้นเมืองออสเตรเลียเป็นครั้งแรกอีกด้วย 

ผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดโดยหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของออสเตรเลียชี้ว่า พลเมืองออสเตรเลียราว 56% ที่ตอบแบบสอบถาม สนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติด้านสิทธิชนพื้นเมืองในรัฐธรรมนูญ ขณะที่อีก 37% ต่อต้านการแก้ไขดังกล่าว

อัลบาเนซีระบุว่า ผมเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าชาวออสเตรเลียจะใช้โอกาสที่พวกเขามีในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ลงคะแนนสนับสนุนการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพื่อมุ่งหน้าไปสู่เส้นทางของการปรองดองกันภายในออสเตรเลีย โอกาสในครั้งนี้อาจมีส่วนช่วยทำให้พลเมืองกลุ่มที่ขาดแคลนโอกาสมากที่สุดในประเทศมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น โดยเขามองว่าประเด็นนี้ควรอยู่เหนือประเด็นทางการเมืองทั้งหมด และปูทางไปสู่แนวทางปรองดองของชนทุกกลุ่มภายในออสเตรเลีย

นับตั้งแต่ออสเตรเลียประกาศเอกราชจากสหราชอาณาจักรในช่วงต้นทศวรรษ 1900 ออสเตรเลียเคยมีมติเห็นชอบกับผลประชามติเพียง 8 ครั้งเท่านั้น โดยการลงคะแนนเสียงของพลเมืองออสเตรเลียครั้งล่าสุดคือ การลงมติเห็นชอบการประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมในออสเตรเลียเมื่อปี 2017 ด้วยมติสนับสนุน 61.60% ส่งผลให้คู่รัก LGBTQIAN+ ในออสเตรเลียสามารถสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคมปีเดียวกันนั้น

โดยชาวอะบอริจินถือเป็นหนึ่งในชนพื้นเมืองออสเตรเลียกลุ่มแรกที่อาศัยอยู่บนทวีปแห่งนี้มานานกว่า 60,000 ปี ก่อนที่จะต้องเชิญหน้ากับการกดขี่ในยุคที่ตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษ ปัจจุบันมีชนพื้นเมืองราว 1 ล้านรายอาศัยอยู่ในออสเตรเลีย

แฟ้มภาพ: Tamati Smith / Getty Images

อ้างอิง:

• https://www.reuters.com/world/asia-pacific/australia-pm-pushes-bipartisan-support-indigenous-referendum-2023-02-06/ 
• https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-12-31/australia-pushes-for-landmark-indigenous-referendum-in-2023 
• https://www.aa.com.tr/en/asia-pacific/australia-to-hold-referendum-to-formally-recognize-indigenous-peoples-as-first-citizens/2805387 

The post นายกฯ ออสเตรเลีย เดินหน้าผลักดันการลงประชามติระดับชาติ เพื่อรับรองสิทธิของชนพื้นเมือง appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (3 พฤศจิกายน) สภาผู้แทนราษฎรลงมติเกี่ยวกับญัตติด่วนด้วยวาจาของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ที่เสนอให้มีการจัดประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้งเพื่อถามประชาชนว่า ‘เห็นด้วยหรือไม่ ให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน’

โดยผลการลงมติปรากฏว่า ที่ประชุม เห็นด้วย 323 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 7 เสียง ไม่ลงคะแนน 7 เสียง ดังนั้นเป็นอันว่าที่ประชุมเห็นด้วยต่อญัตติดังกล่าวเพื่อส่งเป็นข้อเสนอแนะไปสู่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องส่งไปให้สมาชิกวุฒิสภาพิจารณาอีกครั้ง

อ้างอิง:

• https://pis.parliament.go.th/PARFileDownloadProxy/download?s=Q_m-LaxVrDI0xc68rjm7p64u_SdwWrdJgSSJ9pO4ScL_U2ZtUmneXcwK1cn16aY-n6_mB13VdWog7aQXlbYpN7X9HzNBa_JfIOh5JfFwKqk03dXDgqpTRgpH8iZuvvdSx-D5C31MT4OxkagGUbFNdlN1ZoapxoX8Tkw%3D&ref=2043864&n=1
• https://pis.parliament.go.th/PARFileDownloadProxy/download?s=ZWuJS9VOyJYvkTTkfpsTJkCw-WZNodxaqJwTnteTXqcUwyCATc7X-fpKa8vMBpWvanQL12xNmXek5GjoKjTB2PIndy95U1f6S_qGGjtaXyORRYvehQI0HhOxD9jfF9Se7nmaTLAHI_ksssBXvpl9awAjGXcXBp9xixo%3D&ref=2043868&n=1
• https://thestandard.co/itim-parit-council-vote/

The post ส.ส. เสียงข้างมาก เห็นด้วยกับญัตติให้ทำประชามติขอแก้ รธน. ไปพร้อมกับการเลือกตั้ง ส่งต่อให้ ส.ว. ก่อนเสนอ ครม. appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (3 พฤศจิกายน) พริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า วันนี้สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติเกี่ยวกับข้อเสนอของพรรคก้าวไกล ให้มีการจัดประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้งเพื่อถามประชาชนว่า ‘เห็นด้วยหรือไม่ ให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน’

พริษฐ์ระบุว่า ตนและพรรคก้าวไกลยืนยันมาตลอด และได้ยืนยันอีกครั้งในการเปิดตัวนโยบาย ‘การเมืองไทยก้าวหน้า’ ว่าหากประเทศไทยจะออกจากวิกฤตทางการเมือง เราจำเป็นต้องจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย มีกติกาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และถูกขีดเขียนร่วมกันโดยประชาชนทุกคนเพราะรัฐธรรมนูญ 2560 มีทั้งที่มา-กระบวนการ-เนื้อหา ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ถูกใช้เป็นเครื่องมือของระบอบประยุทธ์ในการสืบทอดอำนาจ ผ่านการถูกเขียนขึ้นโดยคนไม่กี่คนที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้ง ผ่านประชามติเมื่อปี 2559 ที่ดำเนินไปอย่างไม่เสรีและไม่เป็นธรรม และผ่านการฝังกลไกที่สามารถถูกใช้ในการกดทับเสียงของประชาชนได้ (เช่น สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ คสช. แต่งตั้ง / ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ที่ ส.ว. รับรอง / ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี)

หากเรายึดตามกติกาในรัฐธรรมนูญ ปี 2560 และการตีความของรัฐสภาต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 กระบวนการที่จะนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ ต้องเริ่มต้นจากการจัดทำประชามติ เพื่อถามประชาชนว่าเห็นด้วยให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ โดยพรรคก้าวไกลเสนอให้จัดประชามติดังกล่าวในวันเดียวกับวันเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า ซึ่งเป็นช่องทางที่เปิดไว้ในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ 2564 เพราะ

1. ในเชิงปฏิบัติ: จะช่วยประหยัดงบประมาณ และสะดวกสำหรับประชาชนในการใช้สิทธิ

2. ในเชิงหลักการ: จะทำให้กระบวนการการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เกิดขึ้นได้เร็วที่สุด

3. ในเชิงสัญลักษณ์: จะทำให้วันเลือกตั้งมีความหมายมากขึ้น เพราะไม่ใช่แค่โอกาสในการเปลี่ยนนายกฯ หรือเปลี่ยนรัฐบาล แต่คือโอกาสในการเปลี่ยนกติกาสูงสุดของประเทศให้เป็นประชาธิปไตย

หากเราทบทวนการลงมติและคำพูดของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากทุกพรรค ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา การได้เสียงข้างมากจากสภาผู้แทนราษฎรไม่ควรเป็นเรื่องยาก เพราะ

1. เมื่อ 2 ปีที่แล้ว (พฤศจิกายน 2563): รัฐสภาเคยลงมติรับหลักการญัตติที่เสนอให้มี สสร. มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในวาระที่ 1 ด้วยคะแนนเสียงอย่างท่วมท้นถึง 647 จาก 732 (88%) ของสมาชิกรัฐสภา หรือ 471 จาก 487 (97%) ของ ส.ส.

2. เมื่อ 1.5 ปีที่แล้ว (มีนาคม 2564): รัฐสภา – นำโดย ส.ว. และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ – คว่ำญัตติดังกล่าวเกี่ยวกับ สสร. ในวาระที่ 3 โดยการหยิบยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาอ้างว่าต้องจัดทำประชามติก่อน

3. เมื่อ 1.5 เดือนที่แล้ว (กันยายน 2565): ส.ส. แทบทุกพรรคอภิปรายสนับสนุน และ 95% ของ ส.ส. ที่ลงมติ ลงมติเห็นชอบกับข้อเสนอของพรรคก้าวไกลที่เสนอให้จัดประชามติดังกล่าวในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง เพียงแต่การลงมติไม่สมบูรณ์เพราะจำนวนคนลงมติไม่ครบองค์ประชุม (มีผู้ลงมติ 227 คน)

แม้ไม่ควรมีเหตุผลอะไรที่ ส.ส. จะกลับลำจากสิ่งที่เคยลงมติหรือเคยพูดไว้ แต่การลงมติคว่ำ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เมื่อวานนี้ ได้แสดงให้เห็นว่าพวกเรายังคงต้องร่วมกันจับตามองอย่างใกล้ชิด และเรียกร้องให้ ส.ส. เกือบทุกคนที่เคยเห็นชอบกับการจัดประชามติและการมี สสร. ให้ลงมติเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง

หากจะไม่ใช่เป็นการลงมติเพราะความเชื่อของท่านในการนับหนึ่งไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ขอให้เป็นการลงมติเพื่อรักษาและรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวท่านเองในอดีต

พริษฐ์ระบุด้วยว่า นอกจากการลุ้นการลงมติของ ส.ส. ในสภาฯ (ซึ่งหากผ่านแล้วต้องไปต่อที่วุฒิสภา) ทุกคนสามารถขับเคลื่อนได้อีกช่องทางผ่านการลงชื่อด้วยตนเองที่ลิงก์ www.resetthailand.org เพื่ออาศัยกลไก พ.ร.บ.ประชามติ 2564 ในการยื่นข้อเสนอตรงไปที่คณะรัฐมนตรีให้จัดประชามติพร้อมเลือกตั้ง แม้ปัจจุบัน เราได้รายชื่อเกิน 50,000 ตามที่กฎหมายกำหนดแล้วภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่เพื่อความรัดกุมในกรณีที่บางรายชื่ออาจไม่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ ตนจึงอยากขอแรงประชาชนช่วยกันลงชื่อให้ทะลุ 60,000 รายชื่อ ก่อนที่เราจะนำทั้งหมดไปยื่นที่คณะะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร็วๆ นี้

The post ไอติม ชวนจับตาการลงมติของสภาวันนี้ หลังก้าวไกลเสนอให้จัดประชามติแก้ รธน. พร้อมเลือกตั้ง appeared first on THE STANDARD.

รัสเซียเปิดฉากการลงประชามติเพื่อผนวกพื้นที่บางส่วนของยูเครนเข้ากับรัสเซีย ขณะที่รัฐบาลกรุงเคียฟและชาติตะวันตกออกมาประณามการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็นเรื่องตบตา พร้อมประกาศจะไม่ยอมรับผลการลงประชามติ 

การออกเสียงลงประชามติ ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 4 วัน เริ่มต้นขึ้นในวันศุกร์ที่แคว้นลูฮันสก์ โดเนตสก์ เคอร์ซอน และซาปอริซเชีย ทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน ซึ่งเป็น 4 แคว้นของยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครองอยู่ โดยพื้นที่เหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ของดินแดนยูเครน 

สำนักข่าว TASS รายงานอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคนหนึ่งว่า แคว้นโดเนตสก์มีผู้ออกมาลงคะแนน 23.6% ในวันศุกร์ ขณะที่สำนักข่าว Interfax รายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งท้องถิ่นว่า มีผู้ออกมาลงคะแนนกว่า 20.5% และ 15% ในแคว้นซาปอริซเซีย และเคอร์ซอนตามลำดับ 

“ในความเห็นของเรา นั่นเพียงพอแล้วสำหรับวันแรกของการลงคะแนน” มารินา ซาคาโรวา หัวหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้งของแคว้นเคอร์ซอนที่แต่งตั้งโดยรัสเซีย กล่าว

นอกจากการลงประชามติในพื้นที่ของแต่ละแคว้นแล้ว ยังมีการจัดตั้งหน่วยเลือกตั้งในมอสโก เพื่อให้ประชาชนที่มาจากแคว้นเหล่านี้ และปัจจุบันไปอาศัยอยู่ในรัสเซียได้ออกเสียงด้วย โดยมีผู้สนับสนุนการแยกตัวออกมาชุมนุมในกรุงมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่อเชิญชวนให้ผู้มีสิทธิออกไปลงประชามติ

อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งเจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยว่า ประชาชนใน 4 แคว้นถูกห้ามไม่ให้ออกจากพื้นที่จนกว่าการลงคะแนนเสียงจะสิ้นสุดลง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มติดอาวุธบุกไปตามบ้านของชาวบ้าน และกลุ่มพนักงานถูกข่มขู่คุกคามไม่ให้ออกไปร่วมลงประชามติ

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน กล่าวว่า การจัดประชามติจะถูกโลกประณามเช่นเดียวกับการเรียกระดมพลของรัสเซียที่เริ่มต้นขึ้นในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงในไครเมีย และพื้นที่อื่นๆ ของยูเครนที่ถูกรัสเซียยึดครอง

รายงานข่าวระบุว่า การทำประชามติเพื่อผนวกดินแดนของยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียนั้นถูกจัดขึ้นอย่างเร่งรีบ หลังจากยูเครนยึดพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือกลับคืนไปได้ในการตอบโต้เมื่อต้นเดือนนี้

การผนวกรวมทั้ง 4 แคว้นดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย จะทำให้ดินแดนเหล่านั้นไม่สามารถกลับคืนสู่ยูเครนได้ และรัสเซียสามารถใช้ทุกวิถีทางเพื่อปกป้องดินแดนเหล่านี้ ซึ่งอาจรวมถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์

ภาพ: Stringer / Anadolu Agency via Getty Images

อ้างอิง:

• https://www.reuters.com/world/europe/ukraine-marches-farther-into-liberated-lands-separatist-calls-urgent-referendum-2022-09-19/

The post รัสเซียเปิดคูหาลงประชามติ 4 แคว้นยูเครน ขณะที่เคียฟแฉ ประชาชนถูกบังคับ appeared first on THE STANDARD.

นายกรัฐมนตรีมักดาเลนา แอนเดอร์สสัน แห่งสวีเดน เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (29 เมษายน) ว่ารัฐบาลสวีเดนไม่มีแผนที่จะจัดการลงประชามติสอบถามความคิดเห็นประชาชน หากรัฐสภามีมติเห็นชอบให้รัฐบาลเดินหน้าสมัครเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) 

การรุกรานยูเครนของรัสเซียทำให้ทั้งสวีเดนและฟินแลนด์ต้องทบทวนความเชื่อที่มีมาช้านานว่า ความเป็นกลางทางทหารเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการประกันความมั่นคงของชาติ โดยคาดว่าทั้งสองประเทศจะตัดสินใจเกี่ยวกับการเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

แอนเดอร์สสันกล่าวว่า การลงประชามติ “ไม่ใช่ความคิดที่ดี”

“ดิฉันไม่คิดว่ามันเป็นประเด็นที่เหมาะสำหรับการลงประชามติ” นายกฯ สวีเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าว “มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติที่เป็นความลับ ด้วยเหตุนี้จึงมีประเด็นและข้อเท็จจริงสำคัญๆ ที่ไม่สามารถอภิปรายและเปิดเผยได้ในการลงประชามติ”

รัฐสภาสวีเดนกำลังทบทวนนโยบายความมั่นคง โดยคาดว่าจะมีการเปิดเผยรายงานการทบทวนดังกล่าวในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 

ทั้งนี้ พรรคสังคมประชาธิปไตย (Social Democrats) ของแอนเดอร์สสัน กำลังพิจารณาว่าทางพรรคจะยกเลิกการคัดค้านการเป็นสมาชิก NATO หรือไม่ โดยพรรคสังคมประชาธิปไตยถูกมองว่าเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสวีเดนในการสมัครเข้าร่วมเป็นพันธมิตร NATO ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 30 ชาติ ท่ามกลางเสียงข้างมากในรัฐสภาที่สนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิก

ขณะที่หัวหน้าพรรคกลาง (Moderates) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักของสวีเดน ปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้มีการลงประชามติในประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน

“ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง…ไม่ได้ไร้เดียงสาเกี่ยวกับรัสเซีย” อูล์ฟ คริสเตอร์สสัน กล่าวกับหนังสือพิมพ์ Aftonbladet เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ในโอกาสการโต้วาทีกับ นูชิ แดดโกสตาร์ หัวหน้าพรรคซ้าย (Left Party) “เห็นได้ชัดว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวสวีเดนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และได้ข้อสรุปแล้ว” 

ด้านแดดโกสตาร์ ซึ่งพรรคของเขาต่อต้านการเป็นสมาชิก NATO บอกกับ Aftonbladet ว่าชาวสวีเดนควรมีสิทธิแสดงความคิดเห็นในการตัดสินใจเรื่องดังกล่าว

“เรื่องนี้…ต้องกลับไปที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คำถามนี้จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนที่เป็นประชาธิปไตยอย่างมาก” หัวหน้าพรรคซ้ายกล่าว

ผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดย Demoskop และเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ Aftonbladet เมื่อวันที่ 20 เมษายน แสดงให้เห็นว่าชาวสวีเดน 57% เห็นด้วยกับการเข้าร่วม NATO เพิ่มขึ้นจาก 51% ในเดือนมีนาคม

ทั้งนี้ สวีเดนจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกันยายนนี้

ภาพ: Nicolas Economou / NurPhoto via Getty Images

อ้างอิง:

• https://www.reuters.com/world/europe/swedish-pm-rejects-referendum-possible-nato-membership-2022-04-28/ 

The post นายกฯ สวีเดนปฏิเสธทำประชามติถามประชาชน กรณีเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (22 มิถุนายน) มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยวันนี้มีวาระการประชุมที่สำคัญ คือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. …. (เพิ่มเติม) ที่ค้างมากจากการประชุมในสมัยประชุมที่แล้ว เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำประชามติเพื่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

การอภิปรายในส่วนของที่ประชุมได้มีการสลับกันอภิปรายระหว่าง ส.ส. และ ส.ว. ในส่วนของการแปรญัตติ ที่มีการสงวนความเห็นของกรรมาธิการวิสามัญ และในส่วนของสมาชิกที่ต้องการให้มีการปรับแก้

หลังการอภิปรายจนครบทั้ง 67 มาตรา พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานที่ประชุมได้ให้สมาชิกลงมติ โดยผลการลงมติ ปรากฏว่าที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา

มีมติเห็นด้วย 611 คะแนน
ไม่เห็นด้วย 4 คะแนน
งดออกเสียง 2 คะแนน
ไม่ลงคะแนนเสียง 1 คะแนน

เป็นอันว่าที่ประชุมเห็นชอบให้ผ่านร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ในวาระที่ 3 สำหรับร่าง พ.ร.บ. ที่ได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว ให้นายกรัฐมนตรีนําขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย และเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับเป็นกฎหมายได้

สำหรับเนื้อหาและรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ. สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่

The post ที่ประชุมรัฐสภามีมติผ่านร่าง พ.ร.บ. ออกเสียงประชามติ เตรียมประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป appeared first on THE STANDARD.