การคุ้มครองเงินฝาก – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 19 Jan 2023 07:41:43 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 สคฝ. พร้อมให้ความคุ้มครองเงินฝากลูกค้า Virtual Bank 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อ 1 ธนาคาร https://thestandard.co/dpa-protection-virtual-bank/ Thu, 19 Jan 2023 07:41:43 +0000 https://thestandard.co/?p=739356

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) กางโรดแมป 5 ปี เดินหน้าภาร […]

The post สคฝ. พร้อมให้ความคุ้มครองเงินฝากลูกค้า Virtual Bank 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อ 1 ธนาคาร appeared first on THE STANDARD.

]]>

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) กางโรดแมป 5 ปี เดินหน้าภารกิจคุ้มครองเงินฝาก ครอบคลุม Virtual Bank โดยกำหนดวงเงินคุ้มครองที่ 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อ 1 ธนาคาร เช่นเดียวกับเงินฝากในธนาคารปกติ

 

ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) หรือ DPA เปิดเผยว่า สถาบันมีแผนปรับทิศทางการดำเนินงานให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมทางการเงินและการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ อาทิ ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา หรือ Virtual Bank ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย อันเป็นผลจากการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัลและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

 

โดยปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกได้ออกหลักเกณฑ์ใบอนุญาตให้มีการจัดตั้ง Virtual Bank เช่น ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, อังกฤษ เป็นต้น สำหรับ Virtual Bank ในประเทศไทยนั้น การฝากเงินของผู้ฝากจะได้รับความคุ้มครองจาก สคฝ. ตามวงเงินคุ้มครองที่กฎหมายกำหนด จำนวน 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อ 1 สถาบันการเงิน เช่นเดียวกับการฝากเงินในธนาคารแบบดั้งเดิม

 

“Virtual Bank อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงินฯ เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ทำให้ สคฝ. มีหน้าที่ต้องให้การคุ้มครองเงินฝากตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งต่างจากกรณีของ e-Money หรือเงินใน e-Wallet ต่างๆ ซึ่งอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ระบบการชำระเงินฯ ทำให้เงินในส่วนนั้นไม่ได้รับการคุ้มครองจาก สคฝ.” ทรงพลระบุ

 

ทรงพลกล่าวอีกว่า ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ สคฝ. จะเริ่มขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของนวัตกรรมทางการเงินและการให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล สร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้ผู้ฝากและประชาชน โดยภายใต้แผนดังกล่าวจะประกอบไปด้วย 4 กลยุทธ์สำคัญ ประกอบด้วย

 

ยุทธศาสตร์ที่ 1 พร้อมคุ้มครองผู้ฝากอย่างมีประสิทธิภาพตามพันธกิจการคุ้มครองเงินฝากด้านการจ่ายคืนและชำระบัญชี เมื่อเกิดวิกฤตสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต กระบวนการจ่ายคืนผู้ฝากต้องสะดวกรวดเร็ว ผ่านช่องทางที่ทันสมัย ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด สถาบันฯ มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองทั้ง 32 แห่ง (รายชื่อสถาบันการเงินตามเอกสารแนบ) เพื่อทดสอบการรับส่งไฟล์ข้อมูลสถาบันการเงิน ผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล พร้อมระบบประมวลผลข้อมูลและระบบปฏิบัติงานจ่ายคืนผู้ฝาก

 

“กฎหมายระบุให้ สคฝ. ต้องจ่ายคืนเงินฝากให้กับผู้ฝากเงินภายใน 30 วัน เมื่อเกิดวิกฤตสถาบันการเงินถูกเพิกถอนใบอนุญาต แต่เรามีเป้าหมายภายในที่ต้องการจะจ่ายคืนเงินให้ได้ภายใน 7 วัน” ทรงพลกล่าว

 

ยุทธศาสตร์ที่ 2 พร้อมสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนให้มั่นใจในระบบคุ้มครองเงินฝากและเสริมภูมิคุ้มกันด้านการเงิน โดยการสื่อสารผ่านช่องทางและวิธีที่แตกต่างให้เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่วงวัย รวมถึงการผนึกกำลังกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อขยายขอบเขตการเข้าถึงและสร้างการตระหนักรู้ให้กับผู้ฝากและประชาชน และการสร้างความร่วมมือด้านการสื่อสารกับหน่วยงานในเครือข่ายความมั่นคงทางการเงิน (FSN) ได้แก่ กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย

 

ยุทธศาสตร์ที่ 3 พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ผ่านการเตรียมความพร้อมในด้านการปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานในเครือข่ายความมั่นคงทางการเงิน และมีการพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลเงินฝากเชิงลึก (Data Analytics) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการวิจัยและวิเคราะห์สถานการณ์เงินฝาก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน

 

ยุทธศาสตร์ที่ 4 พร้อมพัฒนาศักยภาพองค์กรให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องและมีธรรมาภิบาล ทั้งด้านบุคลากรและระบบเทคโนโลยีดิจิทัล มาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต โดยเฉพาะระบบปฏิบัติงานจ่ายคืนผู้ฝากและระบบปฏิบัติการภายในต่างๆ ที่เชื่อมต่อกับช่องทางการสื่อสาร เพื่อให้สถาบันฯ มีความพร้อมในการดำเนินงานตามพันธกิจอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ให้ข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องต่อผู้ฝากและประชาชน

 

นอกจากนี้ สคฝ. ยังมีการเปิดเผยข้อมูลสถิติเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 พบว่ามีจำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง 16.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 จำนวน 5.25 แสนล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 3.36% โดยส่วนใหญ่มาจากการพักเงินในบัญชีเงินฝากของผู้ฝากรายใหญ่และกองทุนในช่วงที่ตลาดการเงินมีความผันผวน และภาคธุรกิจที่นำเงินมาพักไว้ในบัญชีเงินฝากเพื่อสร้างสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจ โดยคาดว่าในปีนี้เงินฝากจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของสถาบันการเงิน

 

ขณะที่จำนวนผู้ฝากที่ได้รับการคุ้มครองมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 89.66 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 3.83 ล้านราย คิดเป็นการเติบโต 4.46% โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของผู้ฝากบุคคลธรรมดาที่มีเงินฝากน้อยกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวนคิดเป็นสัดส่วน 98.01% (87.88 ล้านราย) ของจำนวนผู้ฝากทั้งหมด ปัจจุบันกองทุนคุ้มครองเงินฝากมีจำนวนรวม 1.37 แสนล้านบาท มีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง เข้มแข็งและมั่นคง พร้อมคุ้มครองเงินฝากแก่ผู้ฝาก

The post สคฝ. พร้อมให้ความคุ้มครองเงินฝากลูกค้า Virtual Bank 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อ 1 ธนาคาร appeared first on THE STANDARD.

]]>
ttb analytics เผยลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากทำเศรษฐีเงินล้านแห่แตกบัญชี คาดสภาพคล่องล้นอาจกดดอกเบี้ยแคมเปญพิเศษต่ำยาวถึงต้นปีหน้า https://thestandard.co/ttb-analytics-reduce-deposit-protection/ Mon, 18 Oct 2021 01:27:36 +0000 https://thestandard.co/?p=549184 วงเงินคุ้มครองเงินฝาก

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (ttb analytics) เปิดเผยข้อ […]

The post ttb analytics เผยลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากทำเศรษฐีเงินล้านแห่แตกบัญชี คาดสภาพคล่องล้นอาจกดดอกเบี้ยแคมเปญพิเศษต่ำยาวถึงต้นปีหน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
วงเงินคุ้มครองเงินฝาก

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (ttb analytics) เปิดเผยข้อมูลการโยกย้ายเงินฝากของผู้ฝากรายย่อยในประเทศไทย ภายหลังจากที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) ปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากจาก 5 ล้านบาทต่อบัญชีต่อสถาบันการเงิน ลงมาอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อสถาบันการเงิน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยพบว่าในเดือนสิงหาคมได้เกิดการโยกย้ายเงินฝากจากบัญชีเงินฝากรายย่อยที่มีเงินฝากสูงกว่า 1 ล้านบาท ไปยังบัญชีที่มีเงินฝากต่ำกว่า 1 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วง 4-5 เดือนก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

 

“เราพบว่าในเดือนสิงหาคมเดือนเดียวมีเงินฝากรายย่อยจากบัญชีเงินฝากที่มีเงินสูงกว่า 1 ล้านบาท ไหลออก 4.17 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเดือนก่อนหน้าที่มีบัญชีเงินฝากเกิน 1  ล้านบาท ไหลออกเพียงแค่ 3.2 พันล้านบาทหลายเท่าตัว และหากมองย้อนหลังไปถึงเดือนมีนาคม จะพบว่าบัญชีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท มีการเติบโตเฉลี่ยถึงเดือนละ 5 หมื่นล้านบาท ในทางกลับกัน เราก็พบว่าบัญชีเงินฝากที่มีเงินต่ำกว่า 1 ล้านบาท ในเดือนสิงหาคมก็มีการขยายตัวขึ้นเกือบ 5 หมื่นล้านบาท เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่มีเงินฝากไหลเข้าเพียง 7.3 พันล้านบาท” นริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบีระบุ

 

นริศกล่าวว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นผลมาจากพฤติกรรมของผู้ฝากเงินที่เปลี่ยนไป มีการแตกบัญชีมากขึ้น หลัง สคฝ. ประกาศลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือบัญชีละ 1 ล้านบาท 

 

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าการโยกย้ายเงินฝากและแตกบัญชีของผู้ฝากเงินที่เกิดขึ้นจะเป็นภาวะชั่วคราวที่เกิดขึ้นในเดือนสิงหาคมเท่านั้น โดยภาวะเงินฝากในเดือนกันยายนและตุลาคมน่าจะปรับตัวกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากผู้ฝากเงินที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทได้ปรับตัวไปแล้วเป็นส่วนใหญ่

 

หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบีระบุอีกว่า ข้อมูลภาพรวมเงินฝากทั้งระบบในปัจจุบันที่มีอยู่สูงถึง 14.88 ล้านบาท สะท้อนถึงสภาพคล่องที่ล้นระบบ โดยนับจากต้นปีที่ผ่านมาเงินฝากในระบบมีการเติบโตขึ้น 3% ขณะที่สินเชื่อขยายตัวได้เพียง 2% ทำให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝาก หรือ LTD ของทั้งระบบลดต่ำลงมาอยู่ที่ 93% เทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิดที่ LTD จะอยู่ที่ 97-98% มาอย่างต่อเนื่อง

 

“เงินฝากที่ล้นระบบในเวลานี้เป็นผลสืบเนื่องมาตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่คนกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิดกันมากจนแห่เอาเงินออกจากตลาดหุ้นและกองทุนรวมมากขึ้น 7 แสนล้านบาท ซึ่งจำนวนนี้ไหลเข้ามายังเงินฝากและยังไม่ไหลกลับไป เนื่องจากคนยังกังวลกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่สูงและหลากหลาย ทั้งในเรื่องราคาน้ำมัน ปัญหาอสังหาริมทรัพย์ในจีน และโอกาสที่จะเกิด Stagflation ทำให้ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือ Risk Appetite ของคนยังอยู่ในระดับต่ำและเลือกที่จะกำเงินสดเอาไว้ก่อน” นริศกล่าว

 

นริศระบุอีกว่า สภาพคล่องที่ยังค้างอยู่ในธนาคารพาณิชย์เป็นจำนวนมากเช่นนี้น่าจะกดดันให้ดอกเบี้ยเงินฝาก ซึ่งรวมถึงเงินฝากพิเศษต่างๆ อยู่ในระดับต่ำไปจนถึงต้นปีหน้าเป็นอย่างน้อย โดยเชื่อว่าหากเรื่องการถอน QE ของสหรัฐฯ และวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีนมีความชัดเจนขึ้น ก็จะช่วยให้ Risk Appetite ของคนเพิ่มขึ้น กล้าเอาเงินกลับไปใส่ตลาดทุนและกองทุนอีกครั้ง

 

“สถานการณ์เงินฝากในตอนนี้สะท้อนถึงความกังวลของคนต่อภาวะเศรษฐกิจที่สูง เพราะนอกจากการโยกเงินจากตลาดหุ้นและกองทุนมาอยู่ในเงินฝากแล้ว เรายังเห็นการโยกเงินฝากประจำมาเป็นเงินฝากออมทรัพย์ซึ่งดอกเบี้ยต่ำมากขึ้นด้วย โดยปัจจุบัน 70% ของเงินฝากรายย่อยของไทยเป็นบัญชีออมทรัพย์” นริศกล่าว

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post ttb analytics เผยลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากทำเศรษฐีเงินล้านแห่แตกบัญชี คาดสภาพคล่องล้นอาจกดดอกเบี้ยแคมเปญพิเศษต่ำยาวถึงต้นปีหน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: Where to move my deposit to? | Morning Wealth 7 กันยายน 2564 https://thestandard.co/morning-wealth-07092021-2/ Tue, 07 Sep 2021 05:01:55 +0000 https://thestandard.co/?p=533885 deposit

ปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้น แต่ดอกเบี้ยต่ำ และการคุ้มครองเงิ […]

The post ชมคลิป: Where to move my deposit to? | Morning Wealth 7 กันยายน 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>
deposit

ปริมาณเงินฝากเพิ่มขึ้น แต่ดอกเบี้ยต่ำ และการคุ้มครองเงินฝากลดลง ผู้ฝากเงินควรทำอย่างไร? พูดคุยกับ ศรชัย สุเนต์ตา CFA ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย SCB-CIO และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Office and Product ธนาคารไทยพาณิชย์

 

ติดตามรายการ Morning Wealth ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.00-08.00 น. ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

The post ชมคลิป: Where to move my deposit to? | Morning Wealth 7 กันยายน 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ลดคุ้มครองเงินฝาก’ เหล่าเศรษฐีเริ่มโยกเข้า ‘กองบอนด์รัฐ’ ชี้ แม้ผลตอบแทนต่ำ แต่ความเสี่ยงน้อย คล้ายฝากเงิน https://thestandard.co/reduce-deposit-protection-causing-the-rich-people-to-start-rocking-gov-bond/ Sun, 22 Aug 2021 11:28:02 +0000 https://thestandard.co/?p=527846 Government Bond

หลังสถาบันคุ้มครองเงินฝากได้ปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝาก […]

The post ‘ลดคุ้มครองเงินฝาก’ เหล่าเศรษฐีเริ่มโยกเข้า ‘กองบอนด์รัฐ’ ชี้ แม้ผลตอบแทนต่ำ แต่ความเสี่ยงน้อย คล้ายฝากเงิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Government Bond

หลังสถาบันคุ้มครองเงินฝากได้ปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากจาก 5 ล้านบาท เหลือ 1 ล้านบาท ต่อสถาบันการเงิน ซึ่งเริ่มบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า ผู้ฝากเงินบางรายที่มีเงินฝากจำนวนมากเริ่มจะย้ายเงินเข้าสู่กองทุนตราสารหนี้บ้างแล้ว

 

สาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า จากกรณีลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคารนั้น ขณะนี้เริ่มเห็นเงินบางส่วนเข้ามาลงทุนกองทุนตราสารหนี้เพิ่มขึ้น แม้จะยังไม่ใช่ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเงินฝากบางส่วนไหลเข้าสู่กองทุนตราสารหนี้ภาครัฐ เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ แม้ว่าผลตอบแทนจะต่ำแต่เจ้าของเงินฝากโดยส่วนมากให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากกว่า 

 

“เงินฝากน่าจะไหลมาที่กองทุนตราสารหนี้ภาครัฐ เพราะคาแรกเตอร์เหมือนกับการฝากเงินคือความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนก็ต่ำเช่น อย่างไรก็ตามเชื่อว่า เงินฝากจะไม่ได้เกิดการโยกไปสู่สินทรัพย์อื่นๆ เยอะ เพราะเรื่องการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากนั้นเป็นที่รับรู้กันมาตลอดอยู่แล้ว อีกทั้งคนมีเงินจำนวนมากก็กระจายเงินฝากไปหลายๆ แบงก์ โดยเฉพาะแบงก์รัฐในช่วงที่ผ่านมา”

 

สาห์รัชกล่าวว่า ด้วยผลตอบแทนจากเงินฝากและตราสารหนี้รัฐบาลที่ค่อนข้างต่ำ ก็เชื่อว่าจะมีกลุ่มเจ้าของเงินฝากบางส่วนที่ปรับพฤติกรรม และ Seek for Yield มากขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้น่าจะมีการขยายไปสู่กองทุนตราสารหนี้เอกชนหรือหุ้นกู้ภาคเอกชนเครดิตต่ำ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นกู้เอกชนเคตรดิตต่ำ นักลงทุนหรือเจ้าของเงินฝากต้องระมัดระวังในการลงทุนอย่างสูง

 

ในส่วนของการโยกเงินเข้าสู่กองทุนหุ้นนั้น ส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าจะมี เพราะเป้าหมายเจ้าของเงินฝากคือต้องการความปลอดภัย ซึ่งสินทรัพย์ประเภทหุ้นและกองทุนหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่เสี่ยงสูงเกินเกินไป

 

เสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ผู้อำนวยการฝ่ายค้าตราสารการเงิน บล.บัวหลวง กล่าวว่า หลังมีการประกาศลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท ก็เริ่มเห็นเงินไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ภาครัฐ แต่จำนวนไม่มากนัก เนื่องจากเจ้าของเงินฝากส่วนมากได้บริหารจัดการบัญชีเงินฝากไว้เรียบร้อยแล้ว 

 

โดยเงินฝากจะถูกโยกมาสู่กองทุนตราสารหนี้ภาครัฐเป็นส่วนมาก เพราะมีความปลอดภัยสูง ความเสี่ยงต่ำ ซึ่งผลตอบแทนก็ต่ำด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังเริ่มมีการโยกเงินฝากมาสู่กองทุนตราสารหนี้แบบผสมผสานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกองผสมหุ้นกู้เอกชน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้น แต่ผลตอบแทนก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน 

 

“เชื่อว่า เมื่อเจ้าของเงินฝากเริ่มเปิดรับความเสี่ยงเพิ่ม ก็น่าจะสนใจกองทุนตราสารหนี้แบบผสมผสานเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันอัตราผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากและตราสารสารหนี้ภาครัฐอยู่ในระดับที่ต่ำมาก” 

 

เสริมศักดิ์กล่าวว่า กองทุน Fixed Term หรือกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ ก็เป็นอีกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ได้รับความสนใจจากเจ้าของเงินฝาก สะท้อนจาก บลจ. ที่มีธนาคารเป็นบริษัทแม่ ได้เสนอขายกองทุนประเภทนี้กันมากขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ส่วนมากกำหนดอายุโครงการ 6 เดือน – 1 ปี ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก และเสนอขายได้เต็มมูลค่าโครงการในเวลาอันสั้น 

 

ส่วนการโยกเงินฝากมาลงทุนในกองทุนหุ้นน่าจะใช้เวลาอีกพอสมควรในการหาความรู้ให้ตัวเองและยอมเปิดรับความเสี่ยงจากการลงทุน

The post ‘ลดคุ้มครองเงินฝาก’ เหล่าเศรษฐีเริ่มโยกเข้า ‘กองบอนด์รัฐ’ ชี้ แม้ผลตอบแทนต่ำ แต่ความเสี่ยงน้อย คล้ายฝากเงิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ลดคุ้มครองเงินฝาก’ เหลือ 1 ล้านบาท ครอบคลุมบัญชีอะไรบ้าง? https://thestandard.co/reduce-deposit-protection/ Tue, 10 Aug 2021 14:56:35 +0000 https://thestandard.co/?p=523968 คุ้มครองเงินฝาก

วันนี้ (11ส.ค.64) นับเป็นวันแรกที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก […]

The post ‘ลดคุ้มครองเงินฝาก’ เหลือ 1 ล้านบาท ครอบคลุมบัญชีอะไรบ้าง? appeared first on THE STANDARD.

]]>
คุ้มครองเงินฝาก

วันนี้ (11ส.ค.64) นับเป็นวันแรกที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) จะปรับลดการคุ้มครองเงินฝากที่ผู้ฝากแต่ละรายมีอยู่ในสถาบันการเงินแต่ละแห่งเหลือ 1 ล้านบาท จากเดิมที่คุ้มครองอยู่ที่ 5 ล้านบาท โดยการปรับลดวงเงินคุ้มครองฯ ดังกล่าว เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ตามมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสถาบันคุ้มครองเงินฝาก พ.ศ. 2551 ที่จะทยอยปรับลดวงเงินจากการคุ้มครองเต็มจำนวนเป็นขั้นบันไดลงมา เพื่อให้ประชาชนได้มีเวลาปรับตัว 

 

โดย สคฝ. ให้เหตุผลว่า การกำหนดระดับวงเงินความคุ้มครองเงินฝากดังกล่าวสอดคล้องกับหลักการของระบบการคุ้มครองเงินฝากที่มีประสิทธิผล ซึ่งช่วยให้ทั้งผู้ฝากเงินและสถาบันการเงินไม่ละเลยการบริหารความเสี่ยง จากเดิมที่อาศัยระบบคุ้มครองเงินฝากในการทำหน้าที่ดูแลความเสี่ยงทั้งหมดแทน 

 

นอกจากนี้ การจำกัดวงเงินคุ้มครองที่ได้ครอบคลุมผู้ฝากเงินรายย่อยส่วนใหญ่ (98% ของผู้ฝากเงินทั้งระบบ) จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำและลดภาระงบประมาณของภาครัฐไม่ให้สูงเกินจำเป็น ทำให้ภาครัฐสามารถจัดสรรงบประมาณไปสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้ตรงจุด 

 

แต่หลายคนอาจยังสงสัยและมีคำถามว่าหลังจากวันที่ 11 ส.ค.นี้ บัญชีเงินฝากของตัวเองยังเข้าข่ายได้รับการคุ้มครองอยู่หรือไม่และเงินฝากประเภทใดบ้างที่ได้รับการคุ้มครองหรือไม่ได้รับการคุ้มครอง THE STANDARD WEALTH พาไปไขข้อข้องใจ

 

 

ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร

The post ‘ลดคุ้มครองเงินฝาก’ เหลือ 1 ล้านบาท ครอบคลุมบัญชีอะไรบ้าง? appeared first on THE STANDARD.

]]>
สคฝ. ชี้ไร้สัญญาณโยกเงินฝาก หลังลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาท เล็งขยายการดูแลครอบคลุมถึง E-Money https://thestandard.co/dpa-no-signal-to-move-deposits-after-reducing-the-amount-of-protection/ Sat, 07 Aug 2021 10:59:18 +0000 https://thestandard.co/?p=522779 Deposit protection

ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ( […]

The post สคฝ. ชี้ไร้สัญญาณโยกเงินฝาก หลังลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาท เล็งขยายการดูแลครอบคลุมถึง E-Money appeared first on THE STANDARD.

]]>
Deposit protection

ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ สคฝ. มีการประชาสัมพันธ์เรื่องการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากลงมาอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อรายสถาบันการเงิน ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายในวันที่ 11 สิงหาคม 2564 จนถึงขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการเคลื่อนย้ายของเงินฝากในระบบที่มีนัยสำคัญแต่อย่างใด โดยการเคลื่อนย้ายของเงินฝากยังคงเป็นไปตามผลตอบแทนในตลาดตามปกติ

 

ทรงพล กล่าวว่า การลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากของ สคฝ. ในช่วงนี้ผ่านมาได้มีการกำหนดระยะเวลาแบบขั้นบันไดเพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัวอยู่แล้ว สำหรับการปรับลดวงเงินคุ้มครองจาก 5 ล้านบาทต่อบัญชีต่อรายสถาบันการเงินลงมาเหลือ 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อรายสถาบันการเงิน ตามกำหนดการเดิมจะต้องปรับลดลงในปี 2563 แต่ก็ได้มีการผ่อนปรนมาบังคับใช้ในปีนี้แทน จึงเชื่อว่าประชาชนส่วนหนึ่งมีความเข้าใจอยู่แล้ว 

 

ขณะเดียวกันแม้จะลดวงเงินฝากคุ้มครองมาที่ 1 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงินแล้ว แต่จำนวนบัญชีเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเดิมจำนวนก็ยังสูงถึง 98.05% เมื่อประกอบกับสถานะการเงินของธนาคารพาณิชย์ไทยที่แข็งแกร่งมีเงินกองทุนอยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้ฝากเงินไม่เกิดการวิตกกังวลและตื่นตระหนก

 

“ที่ผ่านมา สคฝ. ได้ทยอยปรับคุ้มครองเงินฝากตามที่กฎหมายกำหนด แต่เมื่อดูสถิติการฝากเงินย้อนหลังจะพบว่าเงินฝากในระบบยังคงโตต่อเนื่อง โดยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เงินฝากเติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 4-6% อาจจะมีปีที่แล้วที่เติบโตได้ 2% ซึ่งเป็นผลจากโควิด” ทรงพล กล่าว

 

ทรงพล กล่าวอีกว่า โดยปกติแล้วการกำหนดการกำหนดวงเงินคุ้มครองเงินฝากที่เหมาะสมจะพิจารณาจากปัจจัยหลายด้าน เช่น รายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชากร โดยตัวเลขวงเงินคุ้มครองที่ 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อรายสถาบันการเงินถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2551 ทำให้ในอนาคตหากคนไทยมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพิ่มขึ้นก็มีความเป็นไปได้ที่วงเงินคุ้มครองเงินฝากจะถูกปรับขึ้นให้สอดคล้องกัน

 

“การปรับลดวงเงินคุ้มครองให้ต่ำลงอีกจาก 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อรายสถาบันการเงินคงไม่เกิดขึ้น แต่การทบทวนวงเงินคุ้มครองอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งน่าจะเป็นการปรับขึ้นให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและรายได้ของประชากรในประเทศ” ทรงพล กล่าว

 

ผู้อำนวยการ สคฝ. กล่าวด้วยว่า นอกจากการให้ความคุ้มครองบัญชีเงินฝากสกุลเงินบาทในสถาบันการเงิน 35 แห่งแล้ว ขณะนี้ สคฝ. ยังอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางในการขยายการคุ้มครองเงินฝากไปยังกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) ต่างๆ ที่ได้รับการอนุญาตเปิดกิจการตามกฎหมายใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ด้วย เนื่องจากปัจจุบันการทำธุรกรรมผ่าน E-Money มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่กลับยังไม่อยู่ในเกณฑ์การคุ้มครองของ สคฝ. 

 

ทั้งนี้จากสถิติในปีที่ผ่านมาพบว่า คนไทยมีการใช้จ่ายด้วยเงินอิเล็กทรอนิกส์(E-Money) ผ่าน E-Wallet ของผู้ให้บริการเอกชนมากกว่า 40 ล้านบัญชี โดยมีการเติมเงินใช้จ่ายมากกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ไม่นับรวมการใช้ E-Money ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและแอปพลิเคชันเป๋าตัง ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของรัฐบาล สะท้อนว่ามีการการเติบโตของการใช้ E-Money มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

The post สคฝ. ชี้ไร้สัญญาณโยกเงินฝาก หลังลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาท เล็งขยายการดูแลครอบคลุมถึง E-Money appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศูนย์วิจัยกสิกรฯ เชื่อคนไม่ตระหนก ‘ลดคุ้มครองเงินฝาก’ เหลือ 1 ล้าน แต่กลุ่มสูงวัยอาจย้ายไปฝากกับแบงก์รัฐมากขึ้น https://thestandard.co/kasikorn-research-believe-people-not-panic-reduce-deposit-protection/ Sat, 07 Aug 2021 03:00:34 +0000 https://thestandard.co/?p=522558 Reduce deposit protection

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การลดวงเงินคุ้มครองเงินฝา […]

The post ศูนย์วิจัยกสิกรฯ เชื่อคนไม่ตระหนก ‘ลดคุ้มครองเงินฝาก’ เหลือ 1 ล้าน แต่กลุ่มสูงวัยอาจย้ายไปฝากกับแบงก์รัฐมากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
Reduce deposit protection

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า การลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากลงมาอยู่ที่ 1 ล้านบาทต่อบัญชีต่อรายสถาบันการเงิน ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายในวันที่ 11 สิงหาคม 2564 จะไม่ก่อให้เกิดการโยกย้ายเงินฝากในวงกว้าง โดยเชื่อว่าผลกระทบต่อการย้ายเงินฝากน่าจะอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ไทยยังมีสถานะสภาพคล่องและเงินทุนที่แข็งแกร่ง ทำให้ยังเป็นตัวเลือกที่ดีในการฝากเงินและสร้างความมั่นใจให้ผู้ฝากว่าจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน พร้อมผลตอบแทนในอัตราที่กำหนด 

 

นอกจากนี้การฝากเงินที่ธนาคารพาณิชย์ยังตอบโจทย์มากกว่าเรื่องของความมั่นคง นั่นคือความสะดวกสบายในการใช้บริการทางการเงินอื่นๆ ทั้งโอนเงิน ชำระเงิน รวมถึงเป็นรากฐานข้อมูลการทำธุรกรรมเพื่อใช้บริการสินเชื่อในอนาคต หรือเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ

 

ทั้งนี้เมื่อย้อนกลับมาดูสถานะทางการเงินของระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมธนาคารพาณิชย์จดทะเบียนในไทยและสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ) พบว่า 

 

สถานะระบบแบงก์ไทยยังเข้มแข็งเทียบกับต่างชาติได้ แม้จะมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์โควิด โดยมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงรวมสูงถึง 20.12% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ประมาณ 11-12% รวมถึงมีการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง (% LCR) ที่ 195.14% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ปัจจุบันของทางการที่ 100%

 

ดังนั้นแม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์โควิดที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่ด้วยสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤตปี 2540 อย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับมีเกณฑ์การผ่อนปรนจากทางการ อาทิ ความยืดหยุ่นในการจัดชั้นหนี้ และการกันสำรองหนี้ด้อยคุณภาพในระดับสูงถึง 1.49 เท่าของ NPL ระบบธนาคารไทยจะยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนได้ โดยที่ยังทำหน้าที่เกื้อกูลช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบและทำหน้าที่ปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้ที่ยังมีธุรกิจอยู่ ประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและสามารถส่งมอบเงินฝากพร้อมผลตอบแทนคืนให้ผู้ฝากได้ทุกบาททุกสตางค์  

 

นอกจากนี้แม้จะลดวงเงินฝากคุ้มครองมาที่ 1 ล้านบาทต่อรายต่อสถาบันการเงิน แต่ความครอบคลุมจำนวนบัญชีเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ยังสูงถึงกว่า 98.0% โดยครอบคลุมผู้ฝากเงิน 82.1 ล้านราย สอดคล้องกับหลักการของการคุ้มครองเงินฝากที่ให้สวัสดิการดูแลพื้นฐานกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ

 

ขณะที่หากมองในมิติเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์ ความคุ้มครองจะครอบคลุมประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 1 ใน 5 ของเงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์รวมทั้งหมด เนื่องจากประกอบด้วยบัญชีบุคคลรายย่อยที่มีฐานะ บัญชีเงินฝากกลุ่มสถาบันหรือธุรกิจที่มีมูลค่าเงินฝากต่อบัญชีจำนวนมากกว่า 1 ล้านบาทในสัดส่วนอีก 4 ใน 5 ที่เหลือ ซึ่งมองว่ากลุ่มผู้ฝากเหล่านี้มีความรู้เพียงพอที่จะดูแลความมั่งคั่งของตนให้ปลอดภัยได้ รับความเสี่ยงจากการออม/ลงทุนได้มากกว่า รวมถึงใช้บัญชีเงินฝากเพื่อเป็นทางผ่านของธุรกรรมการเงินเพื่อธุรกิจมากกว่าการออมเพื่อได้รับความคุ้มครองเงินต้นและดอกเบี้ย

 

สำหรับแนวโน้มเงินฝากในระยะที่เหลือของปี 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เงินฝากในระบบธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มเติบโตในกรอบ 3.5-4.5% เทียบกับอัตราการเติบโตที่ประมาณ 3.6%YoY ณ เดือนมิถุนายน 2564 โดยสาเหตุที่ทำให้เงินฝากเติบโตในกรอบจำกัด มาจาก 1. ผลกระทบจากโควิดหลายระลอก ซึ่งคาดว่าจะกระทบอัตราการขยายตัวของเงินฝากในกลุ่มเงินฝากที่มียอดคงค้างต่อบัญชีไม่สูงมากนัก เนื่องจากรายได้ที่ลดลง/หายไป ทำให้ภาระหนี้เพิ่มและอาจต้องพึ่งเงินออมในการประคองการใช้จ่ายจำเป็น และ 2. การกระจายการลงทุนไปสู่ช่องทางอื่นๆ ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งน่าจะอธิบายอัตราการเติบโตของเงินฝากในกลุ่มที่มียอดคงค้างต่อบัญชีในระดับสูง ที่เห็นการเติบโตชะลอลงค่อนข้างชัดเจน นอกเหนือไปจากการที่ผู้ฝากกลุ่มนี้ ซึ่งคงปะปนด้วยผู้ที่มีธุรกิจส่วนตัว จะนำเงินออมไปประคองธุรกิจบางส่วนเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไป หากเทียบกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐนั้น การที่มีรัฐช่วยสร้างความมั่นใจในการคุ้มครองเงินฝาก อาจช่วยเพิ่มโอกาสและขีดความสามารถของสถาบันการเงินเฉพาะกิจในการดึงเงินฝากมูลค่าสูงและจากกลุ่มผู้ฝากที่พึ่งเงินออมเพื่อเกษียณอายุ อันอาจมีผลต่อการกำหนดอัตราผลตอบแทนเงินฝากของธนาคารพาณิชย์สำหรับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวให้แข่งขันได้มากขึ้น 

 

นอกเหนือจากนั้น คาดว่าธนาคารพาณิชย์คงเน้นการนำเสนอบริการที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุน ทั้งที่ผ่านผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าและระบบอัตโนมัติในลักษณะ Application หรือ Robo Advisors เพื่อเปิดทางเลือกของการลงทุนที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงทางเลือกที่ดูแลเงินต้นและสร้างผลตอบแทนที่แข่งขันได้กับเงินฝากที่ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐมากขึ้น เพื่อรักษาฐานลูกค้าเงินฝากส่วนที่เกินจากความคุ้มครองขั้นต่ำด้วย

The post ศูนย์วิจัยกสิกรฯ เชื่อคนไม่ตระหนก ‘ลดคุ้มครองเงินฝาก’ เหลือ 1 ล้าน แต่กลุ่มสูงวัยอาจย้ายไปฝากกับแบงก์รัฐมากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
กูรูมั่นใจ สคฝ. ‘ลดคุ้มครองเงินฝาก’ ไม่กระทบผู้ออม เผยอาจมีบางรายโยกเข้าตลาดตราสารหนี้แทน https://thestandard.co/guru-confident-reduce-deposit-protection-will-not-effect-savers/ Thu, 05 Aug 2021 02:46:58 +0000 https://thestandard.co/?p=521660 เงินฝาก

จากกรณีที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เตรียมปรับลดวงเง […]

The post กูรูมั่นใจ สคฝ. ‘ลดคุ้มครองเงินฝาก’ ไม่กระทบผู้ออม เผยอาจมีบางรายโยกเข้าตลาดตราสารหนี้แทน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เงินฝาก

จากกรณีที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เตรียมปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากจาก 5 ล้านบาทต่อ 1 ราย มาเหลือ 1 ล้านบาทต่อ 1 ราย อย่างไรก็ดี วงเงินคุ้มครองที่ 1 ล้านบาท ยังคงครอบคลุมผู้ฝากเต็มจำนวน 82.07 ล้านราย คิดเป็น 98.03% ของผู้ฝากทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

 

วิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า แผนในการปรับลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากมีมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ที่ผ่านมาก็เลื่อนกำหนดเวลามาเป็นระยะๆ ซึ่งก็ช่วยให้ประชาชนสามารถปรับตัวได้ล่วงหน้า ทำให้ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจึงมีน้อยมาก 

 

อย่างไรก็ตาม อาจมีลูกค้าบางส่วนขยับไปลงทุนกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นบ้าง ด้วยผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับเงินฝาก และถึงแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบันจะค่อนข้างต่ำ แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังคงฝากเงินไว้ค่อนข้างมาก ซึ่งการปรับเปลี่ยนในส่วนนี้น่าจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป 

 

“ที่ผ่านมาเราพยายามให้ความรู้และทางเลือกในการหาแหล่งวางเงินมากขึ้น และให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว ซึ่งก็เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงบ้างทั้งจากผู้ฝากรายใหญ่และรายเล็ก” 

 

ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ มองว่า การลดวงเงินคุ้มครองในครั้งนี้ผู้ฝากส่วนใหญ่ยังได้รับความคุ้มครองเต็มจำนวน เนื่องจากสัดส่วนคนรวยในไทยยังน้อยอยู่มาก เพราะฉะนั้นคงจะไม่ทำให้เกิดความกังวลใดๆ และไม่น่าจะมีการโยกย้ายเงินฝากมากนัก ขณะที่กลุ่มคนซึ่งมีเงินฝากเกินกว่า 1 ล้านบาทในสัดส่วนอีกราว 2% กลุ่มเหล่านี้น่าจะมีการวางแผนการเงินในระดับหนึ่งแล้ว 

 

ทั้งนี้การลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเป็นประเด็นที่มีการวางแผนไว้อยู่แล้ว จึงไม่น่าจะทำให้เกิดความตกใจใดๆ และในส่วนของคนที่มีเงินมากก็อาจจะไม่ได้ฝากเงินไว้มากนักด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำติดดิน น่าจะมีการกระจายอยู่ในหลายสินทรัพย์อยู่ก่อนแล้ว ทั้งในส่วนของตราสารทุน ตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ

 

“ในส่วนของผู้ที่มีเงินฝากเกินกว่าวงเงินคุ้มครอง เงินส่วนนี้น่าจะเป็นเรื่องของการสำรองสภาพคล่องมากกว่า อาจเห็นเงินบางส่วนโยกจากแบงก์ไปตลาดการเงินบ้าง แต่ในแง่ของความปลอดภัย แบงก์น่าจะยังเป็นคำตอบอยู่” 

The post กูรูมั่นใจ สคฝ. ‘ลดคุ้มครองเงินฝาก’ ไม่กระทบผู้ออม เผยอาจมีบางรายโยกเข้าตลาดตราสารหนี้แทน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เริ่ม 11 ส.ค. นี้! เกณฑ์ใหม่ลดคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร ด้าน สคฝ. ชี้ยังคุ้มครอง 98% ของผู้ฝากทั้งระบบเต็มจำนวน https://thestandard.co/reduce-deposit-protection-to-1-million-baht-per-person-per-bank-11aug/ Wed, 04 Aug 2021 05:19:25 +0000 https://thestandard.co/?p=521262 คุ้มครองเงินฝาก

ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ( […]

The post เริ่ม 11 ส.ค. นี้! เกณฑ์ใหม่ลดคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร ด้าน สคฝ. ชี้ยังคุ้มครอง 98% ของผู้ฝากทั้งระบบเต็มจำนวน appeared first on THE STANDARD.

]]>
คุ้มครองเงินฝาก

ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ผู้ฝากเงินในสถาบันการเงินภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝากจะได้รับความคุ้มครองเงินฝากตามกฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นวงเงินที่กำหนดตามกฎหมาย โดยลดลงจากวงเงินคุ้มครองก่อนหน้านี้ที่ 5 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อสถาบันการเงิน

 

ทั้งนี้ วงเงินคุ้มครองที่ 1 ล้านบาท มีผู้ฝากที่ได้รับความคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวน 82.07 ล้านราย คิดเป็น 98.03% ของผู้ฝากทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

 

สำหรับข้อมูลเงินฝาก ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ผู้ฝากในระบบสถาบันการเงินภายใต้ความคุ้มครองของสถาบันมีจำนวนทั้งหมด 83.72 ล้านราย เมื่อเปรียบเทียบกับสิ้นปีก่อน พบว่าจำนวนผู้ฝากเพิ่มขึ้น 1,337,334 ราย หรือเพิ่มขึ้น 1.62% โดยจำนวนผู้ฝากที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นผู้ฝากรายย่อยซึ่งมีเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท คิดเป็น 97% ของจำนวนผู้ฝากที่เพิ่มขึ้น และเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองมีจำนวนทั้งสิ้น 15.28 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 347,940 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.33% จากสิ้นปีก่อน

 

สำหรับสถาบันคุ้มครองเงินฝาก หรือ DPA มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองเงินฝากแก่ผู้ฝากทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่ฝากเงินเป็นสกุลเงินบาทกับสถาบันการเงินของไทยภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งประกอบด้วยธนาคารพาณิชย์ไทย 18 แห่ง สาขาธนาคารต่างประเทศ 12 แห่ง บริษัทเงินทุน 2 แห่ง และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ 3 แห่ง รวมทั้งสิ้น 35 แห่ง ซึ่งจะคุ้มครองทันทีในลักษณะ 1 รายชื่อผู้ฝากต่อ 1 สถาบันการเงิน โดยคุ้มครองบัญชีเงินฝาก 5 ประเภท ได้แก่ 1. เงินฝากกระแสรายวัน 2. เงินฝากออมทรัพย์ 3. เงินฝากประจำ 4. บัตรเงินฝาก และ 5. ใบรับฝากเงิน โดยบัญชีเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครองต้องเป็นสกุลเงินบาทเท่านั้น ทั้งนี้ หากสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองเงินฝากถูกเพิกถอนใบอนุญาต ผู้ฝากจะได้รับเงินฝากคืนภายใน 30 วัน ตามวงเงินที่กฎหมายกำหนด

The post เริ่ม 11 ส.ค. นี้! เกณฑ์ใหม่ลดคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร ด้าน สคฝ. ชี้ยังคุ้มครอง 98% ของผู้ฝากทั้งระบบเต็มจำนวน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ทำความรู้จัก ‘สถาบันคุ้มครองเงินฝาก’ | HIGHLIGHT 23 ธันวาคม 2563 https://thestandard.co/morning-wealth-23122020-4/ Wed, 23 Dec 2020 06:21:22 +0000 https://thestandard.co/?p=434972 ทำความรู้จัก ‘สถาบันคุ้มครองเงินฝาก’ | HIGHLIGHT

‘สถาบันคุ้มครองเงินฝาก’ คือใคร ทำไมจึงต้องมีการคุ้มครอง […]

The post ชมคลิป: ทำความรู้จัก ‘สถาบันคุ้มครองเงินฝาก’ | HIGHLIGHT 23 ธันวาคม 2563 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทำความรู้จัก ‘สถาบันคุ้มครองเงินฝาก’ | HIGHLIGHT
  • ‘สถาบันคุ้มครองเงินฝาก’ คือใคร ทำไมจึงต้องมีการคุ้มครองเงินฝาก รวมถึงความสำคัญและประโยชน์ของการคุ้มครองเงินฝาก พูดคุยกับ ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ใน Highlight นี้

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 น. ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: ทำความรู้จัก ‘สถาบันคุ้มครองเงินฝาก’ | HIGHLIGHT 23 ธันวาคม 2563 appeared first on THE STANDARD.

]]>