การข่มขู่ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 18 Oct 2025 11:16:32 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับเรื่อง สว.อังคณา ร้องขอให้คุ้มครองหลังถูกข่มขู่ พร้อมสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย-ดูแลความปลอดภัย https://thestandard.co/police-protect-senator-angkhana-threatened/ Sat, 18 Oct 2025 11:16:32 +0000 https://thestandard.co/?p=1132331 สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับเรื่อง สว. อังคณา ร้องขอให้คุ้มครองหลังถูกข่มขู่ พร้อมสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย-ดูแลความปลอดภัย

วันนี้ (18 ตุลาคม) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้ช่วยผู้บั […]

The post สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับเรื่อง สว.อังคณา ร้องขอให้คุ้มครองหลังถูกข่มขู่ พร้อมสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย-ดูแลความปลอดภัย appeared first on THE STANDARD.

]]>
สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับเรื่อง สว. อังคณา ร้องขอให้คุ้มครองหลังถูกข่มขู่ พร้อมสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย-ดูแลความปลอดภัย

วันนี้ (18 ตุลาคม) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รับทราบกรณีที่วันนี้ อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา และคณะนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน ได้เข้ายื่นเรื่องขอให้ ผบ.ตร.ดูแลความปลอดภัย

 

พร้อมดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่คุกคาม ข่มขู่ และใช้ความรุนแรงทางออนไลน์จากกรณีแสดงความคิดเห็นเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา โดยให้ดำเนินการตามกระบวนการในสืบสวนสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาและรวดเร็วที่สุด รวมถึงการดูแลความปลอดภัยด้วย

 

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเราให้ความสำคัญกับกรณีที่เกิดขึ้น ให้ความสำคัญกับสิทธิในการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนทุกคน ตำรวจมีหน้าที่ต้องปกป้องคุ้มครอง

 

อย่างไรก็ตาม เมื่ออังคณารู้สึกไม่ได้รับความปลอดภัยและร้องขอการคุ้มครอง ถือเป็นสิทธิการขอคุ้มครองความปลอดภัยภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 ซึ่งครอบคลุมทั้งตัวอังคณา และบุคคลใกล้ชิด โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการตามกระบวนการต่อไป

 

พล.ต.ท.ยิ่งยศ กล่าวด้วยว่า กรณีนี้จะดำเนินการตรวจและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่อังคณา อ้างว่ามีการข่มขู่ให้เกิดความตกใจกลัว การหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตัดต่อดัดแปลงภาพให้ผู้อื่นเสียหาย รวมทั้งการกระทำอื่น ๆ ที่ผิดกฎหมาย

The post สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับเรื่อง สว.อังคณา ร้องขอให้คุ้มครองหลังถูกข่มขู่ พร้อมสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย-ดูแลความปลอดภัย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตำรวจบุกจับ ‘ไฮโซลูกนัท’ ค้นบ้านพบอาวุธปืน-ยาเสพติดจำนวนมาก หลังมีผู้หญิงร้องเรียนถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกาย https://thestandard.co/nut-arrest-gun-cocaine/ Thu, 07 Aug 2025 03:39:00 +0000 https://thestandard.co/?p=1104673 luuknut-arrest-gun-cocaine

วันนี้ (7 สิงหาคม) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพ […]

The post ตำรวจบุกจับ ‘ไฮโซลูกนัท’ ค้นบ้านพบอาวุธปืน-ยาเสพติดจำนวนมาก หลังมีผู้หญิงร้องเรียนถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
luuknut-arrest-gun-cocaine

วันนี้ (7 สิงหาคม) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกับกองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย (อรินทราช 26) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาล(สน.)คลองตัน 

 

ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพัก 2 หลัง ย่านถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ตามหมายค้นศาลอาญาพระโขนง เพื่อจับกุม ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากหญิงสาวรายหนึ่งว่าถูกธนัตถ์ข่มขู่และทำร้ายร่างกาย

 

ผลการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวธนัตถ์ได้ โดยจากการตรวจค้นภายในบ้านพัก 2 หลัง พบของกลางจำนวนมาก ประกอบด้วย อาวุธปืนหลากหลายชนิด ทั้งปืนกึ่งอัตโนมัติ, ปืนลูกซอง, ปืนเล็กยาว และปืนไรเฟิล รวม 12 กระบอก นอกจากนี้ยังพบ เครื่องกระสุนปืน จำนวนมากถึง 1,940 นัด พร้อมด้วยแมกกาซีนอีกหลายสิบอัน นอกจากอาวุธแล้ว เจ้าหน้าที่ยังพบ โคเคนและอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ อีกจำนวนหนึ่ง

 

การเข้าตรวจค้นครั้งนี้สืบเนื่องจากมีหญิงสาวรายหนึ่งได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ กก.ดส. ว่าถูกธนัตถ์ข่มขู่และทำร้ายร่างกาย โดยธนัตถ์ได้บังคับให้เธอเสพยาเสพติด โดยใช้ปืนข่มขู่ เมื่อเธอไม่ยินยอมจึงถูกตบที่ศีรษะ เมื่อสบโอกาสที่ธนัตถ์หลับเพราะฤทธิ์ยา เธอจึงถ่ายภาพหลักฐานและหลบหนีออกมา ก่อนจะเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ขณะเข้าจับกุม ธนัตถ์อยู่ในอาการมึนเมาคล้ายคนเสพยา แต่ยังมีสติและสามารถพูดคุยรู้เรื่อง จากนั้นจึงได้นำตัวธนัตถ์พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย

 

ทั้งนี้ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรีได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายรายอื่นที่ถูกกระทำในลักษณะนี้จากบุคคลดังกล่าว เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมได้ที่ กก.ดส. หรือ สน.คลองตัน

The post ตำรวจบุกจับ ‘ไฮโซลูกนัท’ ค้นบ้านพบอาวุธปืน-ยาเสพติดจำนวนมาก หลังมีผู้หญิงร้องเรียนถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
Zhao Lusi ไม่อยากให้แฟนๆ ต้องเป็นกังวล หลังเธอเปิดเผยว่าต้นสังกัดพยายามข่มขู่เรื่องงาน https://thestandard.co/zhao-lusi-abuse-agency-scandal/ Mon, 04 Aug 2025 08:25:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1103429 Zhao Lusi ขณะพูดคุยกับแฟนคลับผ่านไลฟ์ หลังเปิดเผยปัญหากับต้นสังกัด

เมื่อวานนี้ (3 สิงหาคม) นักแสดงหญิงชาวจีนขวัญใจแฟนๆ ชาว […]

The post Zhao Lusi ไม่อยากให้แฟนๆ ต้องเป็นกังวล หลังเธอเปิดเผยว่าต้นสังกัดพยายามข่มขู่เรื่องงาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Zhao Lusi ขณะพูดคุยกับแฟนคลับผ่านไลฟ์ หลังเปิดเผยปัญหากับต้นสังกัด

เมื่อวานนี้ (3 สิงหาคม) นักแสดงหญิงชาวจีนขวัญใจแฟนๆ ชาวไทยอย่าง Zhao Lusi (จ้าวลู่ซือ) พูดคุยกับแฟนๆ ผ่านทางไลฟ์ เพื่อย้ำว่าไม่อยากให้แฟนคลับต้องกังวลหรือเป็นห่วง และเธอยังสบายดี หลังจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เธอเปิดเผยว่าต้นสังกัด Galaxy Cool Entertainment พยายามยักยอกเงิน และข่มขู่เธอด้วยคำพูดต่างๆ

 

เธอปรากฏตัวในไลฟ์ด้วยลุคสบายๆ นั่งทานมื้อกลางวัน พร้อมพูดคุยกับแฟนๆ ไปด้วยว่า “ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วตอนนี้ ที่ฉันมาไลฟ์ให้ดูวันนี้ก็เพราะอยากให้ทุกคนรู้ว่าตอนนี้ฉันไม่ได้บ้า และฉันโอเคแล้ว อย่าห่วงฉันไปเลยนะ

 

เรามาเติบโตในแบบที่เราอยากเป็นกันเถอะ คุณอย่าหงุดหงิดเพราะเรื่องฉันเลย ใช้ชีวิตของคุณให้มีความสุข ไม่อย่างนั้นฉันคงรู้สึกผิดแย่เลย อย่ากังวลกันไปนะ ถ้าผลลัพธ์มันออกมาไม่โอเค ฉันก็จะไปเปิดร้านบะหมี่เล็กๆ หรืออะไรก็ได้ที่ฉันสามารถทำไปได้ตลอดชีวิต”

 

โดยก่อนหน้านี้ Zhao Lusi เปิดเผยว่า ต้นสังกัดพยายามถอนเงิน 2.05 ล้านหยวน ออกจากบัญชีสตูดิโอส่วนตัวของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังไม่ช่วยเหลือเธอในช่วงที่เจ็บป่วยจากเรื่องสุขภาพและภาวะซึมเศร้า ทั้งๆ ที่พวกเขาตกลงว่าจะดูแลค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการยกเลิกการถ่ายโฆษณาต่างๆ ในช่วงเวลานั้น

 

สุขภาพของเธอในช่วงที่ผ่านมาย่ำแย่จากการทำงานหนัก น้ำหนักของเธอเหลือเพียง 36 กิโลกรัม ภาพถ่ายและวิดีโอที่ถูกแชร์บนโลกออนไลน์ต่างๆ ก็ทำให้เห็นว่าเธอไม่สามารถพูดได้ คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ ยืนไม่ไหวจนต้องนั่งรถเข็น และอาการก็เพิ่งดีขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

 

ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังข่มขู่เธอว่า ถ้าหากเปิดเผยเรื่องการพยายามยกเลิกสัญญาหรือการทำงานกับค่าย พวกเขาจะแบล็กลิสต์เธอในวงการบันเทิง แต่นักแสดงหญิงอย่าง Zhao Lusi ยืนยันว่า เธอจะไม่ทนกับสิ่งนี้ และเธอก็ออกมาเปิดเผยจนเกิดเป็นประเด็นที่พูดถึงอย่างมากบนโลกออนไลน์ฝั่งจีน

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (3 สิงหาคม) ค่ายก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง พวกเขาตกใจมากที่เธอทำแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาพวกเขาช่วยมาตลอด แต่นักแสดงหญิงรายนี้ก็ยืนยันว่า ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ที่เธอต้องไปหาหมอ เธอยังต้องไปด้วยตัวเอง และค่ายก็ไม่กล้าพอที่จะมาสื่อสารกับเธออย่างตรงไปตรงมาด้วยซ้ำ ส่วนบทสรุปของเรื่องนี้จะออกมาเป็นอย่างไร ต้องมาติดตามกันต่อไป

 

ภาพ: Zhao Lusi Studio / Weibo

อ้างอิง:

The post Zhao Lusi ไม่อยากให้แฟนๆ ต้องเป็นกังวล หลังเธอเปิดเผยว่าต้นสังกัดพยายามข่มขู่เรื่องงาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภูมิธรรมชี้ ตำรวจมีมาตรการ ดูแลได้ หลังวิโรจน์โดนข่มขู่เอาชีวิต ในศึกนายก อบจ.จันทบุรี https://thestandard.co/police-measures-wiroj-threat/ Sun, 12 Jan 2025 11:07:39 +0000 https://thestandard.co/?p=1029676 วิโรจน์ อบจ.จันทบุรี

วันนี้ (12 มกราคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ […]

The post ภูมิธรรมชี้ ตำรวจมีมาตรการ ดูแลได้ หลังวิโรจน์โดนข่มขู่เอาชีวิต ในศึกนายก อบจ.จันทบุรี appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิโรจน์ อบจ.จันทบุรี

วันนี้ (12 มกราคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาระบุว่า ถูกผู้ติดป้ายหาเสียงของผู้สมัครนายก อบจ.จันทบุรี ที่เป็นคู่แข่งขัน พูดจาในลักษณะข่มขู่หมายเอาชีวิตและได้แจ้งความแล้ว ในฐานะที่ดูแลความมั่นคงและบรรยากาศการเลือกตั้งนายก อบจ. นั้นมองว่า เราได้พูดให้มีความระมัดระวังว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งนโยบายที่ตนจะทำเรื่องการปราบผู้มีอิทธิพลในปีนี้เรารู้ว่าจะต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้วิโรจน์เป็นผู้ถูกคุกคามและการแจ้งความเป็นสิ่งที่เขาจะดำเนินการได้ 

 

เราเองในฐานะผู้รับรู้เรื่องราวและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานต้องไปสืบสวนสอบสวนดูว่าเรื่องนี้มีข้อเท็จจริงอะไรบ้างและเป็นอย่างไร รวมถึงต้องมีมาตรการขั้นต้นในการช่วยดูแลอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่ามาตรการเหล่านี้มีอยู่แล้ว แต่เมื่อมีเสียงขึ้นมา เราก็รับฟังและต้องลงไปดู ซึ่งมีทั้งเหตุการณ์จริงที่จะเกิดขึ้นและหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นได้ทั้งหมด ดังนั้นต้องดูความเป็นจริง และตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติเขาดำเนินการได้ 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนใหญ่เรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นกับพรรคประชาชน และที่ผ่านมาก็เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ ภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูข้อเท็จจริง จริงๆ ถ้าอะไรมันขัดกัน ไม่ใช่พรรคการเมือง อะไรที่ขัดกันก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ในสถานะความเป็นจริงทางอาชญากรรม ซึ่งไม่อยากให้แปลว่าเป็นเรื่องทางการเมือง

The post ภูมิธรรมชี้ ตำรวจมีมาตรการ ดูแลได้ หลังวิโรจน์โดนข่มขู่เอาชีวิต ในศึกนายก อบจ.จันทบุรี appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศูนย์ทนายฯ เผย มีชายโทรข่มขู่ จะบุกสำนักงานพร้อมอาวุธปืน หลังทำคดีขบวนเสด็จฯ https://thestandard.co/death-threats-royal-motorcade-case/ Wed, 14 Feb 2024 10:02:23 +0000 https://thestandard.co/?p=899827

วันนี้ (14 กุมภาพันธ์) เมื่อเวลา 14.30 น. ศูนย์ทนายความ […]

The post ศูนย์ทนายฯ เผย มีชายโทรข่มขู่ จะบุกสำนักงานพร้อมอาวุธปืน หลังทำคดีขบวนเสด็จฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (14 กุมภาพันธ์) เมื่อเวลา 14.30 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ทางศูนย์ฯ ถูกชายวัยกลางคนไม่ทราบชื่อโทรเข้าเบอร์โทรศัพท์ของสำนักงาน โดยใช้วาจาข่มขู่ รุนแรง เพื่อขอเบอร์ติดต่อทนายความที่ยื่นประกันตัว ตะวันและแฟรงค์ ในคดีขบวนเสด็จฯ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567

 

นอกจากนี้ศูนย์ทนายฯ ยังระบุถึงการข่มขู่ว่ากลุ่มของตนพร้อมจะบุกเข้ามาที่สำนักงานพร้อมอาวุธปืน

 

ทั้งนี้ศูนย์ทนายฯ ไม่ทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวคือผู้ใด หรือมีสังกัดใด จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

 

อ้างอิง:

The post ศูนย์ทนายฯ เผย มีชายโทรข่มขู่ จะบุกสำนักงานพร้อมอาวุธปืน หลังทำคดีขบวนเสด็จฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตำรวจขยายผลคดีข่มขู่เรียกเงิน 3 ล้าน พบทำเป็นขบวนการ มีหน่วยงานอื่นเคยถูกเรียกเงินหลักร้อยล้านบาท https://thestandard.co/expand-threat-case-demand-3-million-baht/ Mon, 29 Jan 2024 06:28:20 +0000 https://thestandard.co/?p=893372

วันนี้ (29 มกราคม) ภายหลังการประชุมชุดสืบสวนนำโดยตำรวจจ […]

The post ตำรวจขยายผลคดีข่มขู่เรียกเงิน 3 ล้าน พบทำเป็นขบวนการ มีหน่วยงานอื่นเคยถูกเรียกเงินหลักร้อยล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (29 มกราคม) ภายหลังการประชุมชุดสืบสวนนำโดยตำรวจจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

 

ในคดีที่ ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน, ยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และ พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรครวมไทยสร้างชาติ ถูกแจ้งข้อกล่าวหากรณีข่มขู่เรียกเงินจำนวน 3 ล้านบาทจาก ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการปลูกข้าว

 

พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า การสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมีความคืบหน้าไปอย่างมาก โดยเฉพาะคำให้การของอธิบดีกรมการข้าวที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก และยังมีพยานหลักฐานอื่นๆ อีกหลายส่วน

 

ซึ่งทำให้สามารถระบุถึงพฤติการณ์ของขบวนการดังกล่าวได้ชัดเจนว่ามีการวางแผนทำเป็นขั้นตอน ทั้งคนชี้เป้า คนเคลียร์ คนรับเงิน และยังพบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกหลายคน ซึ่งจะต้องเรียกเข้ามาสอบปากคำ โดยมีคนหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นคนให้ข้อมูลกับระดับผู้สั่งการในขบวนการดังกล่าวให้ทำการร้องเรียนในที่ต่างๆ และยังมีข้อมูลว่ามีหน่วยงานอื่นที่ถูกเรียกรับทรัพย์จากกลุ่มดังกล่าวในระดับร้อยล้านบาท แต่ยังไม่มีการจ่ายเงิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานดังกล่าวว่าจะเข้ามาให้ข้อมูลหรือไม่

 

ทั้งนี้ ตำรวจเชื่อว่าน่าจะมีผู้สั่งการในระดับที่สูงขึ้นไปอีกนอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ขอยืนยันว่าตำรวจยังต้องการตัว ‘ปลาใหญ่’ กว่านี้ แต่ไม่ขอระบุเป็นนักการเมืองหรือไม่ ส่วนกรณีของอธิบดีกรมฝนหลวงที่อาจจะถูกกลุ่มนี้เรียกรับเงินนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีมูล ซึ่งหากตำรวจพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงกรณีอื่นก็จะเปิดเผยให้รับทราบ

 

พล.ต.ต. จรูญเกียรติ กล่าวยืนยันว่า ชุดพนักงานสอบสวนยังไม่ได้รับแรงกดดันจากฝ่ายการเมืองมาแต่อย่างใด และยังไม่มีใครติดต่อมา ส่วนกรณีที่ในคลิปเสียงสนทนามีการกล่าวอ้างถึงบุคคลอื่นในขบวนการ เช่น นักข่าวหรือตำรวจ ก็อาจต้องเรียกมาชี้แจง แต่ผู้ต้องหาก็สามารถกล่าวอ้างหรือมีสิทธิ์พูดอย่างไรก็ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรับฟัง แต่จะดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ

The post ตำรวจขยายผลคดีข่มขู่เรียกเงิน 3 ล้าน พบทำเป็นขบวนการ มีหน่วยงานอื่นเคยถูกเรียกเงินหลักร้อยล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐบาลหนุนปราบพวกรับผลประโยชน์ ชี้คั่งค้างมานาน ส่วนคดี ‘เจ๋ง ดอกจิก’ ให้รับผิดตามกระบวนการ https://thestandard.co/phumtham-on-jeng-dokjik/ Sat, 27 Jan 2024 10:02:42 +0000 https://thestandard.co/?p=892988

วันนี้ (27 มกราคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ […]

The post รัฐบาลหนุนปราบพวกรับผลประโยชน์ ชี้คั่งค้างมานาน ส่วนคดี ‘เจ๋ง ดอกจิก’ ให้รับผิดตามกระบวนการ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (27 มกราคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีการเข้าจับกุม ยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ที่ทำเนียบรัฐบาล ฐานร่วมกันเป็นเจ้าหน้าที่รัฐและสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์ ว่าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เราเองก็สนับสนุนให้มีการปราบปรามเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว เพราะเป็นปัญหาที่คั่งค้างมานานและกระทบกระเทือนต่อการทำงานของหน่วยงานราชการต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความเชื่อมั่นด้วย ตนอยากให้ระบบตรงนี้หายไปมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถขับเคลื่อนไปได้ 

 

ไม่แทรกแซง ใครผิดรับโทษตามกฎหมาย

 

“กระบวนการยุติธรรมว่าไปเลยครับ ถึงตรงไหน ถ้าสรุปว่าอย่างไรก็รับผิดชอบไปตามกระบวนการ ไม่มีใครเข้าไปแทรกแซง และจะพยายามผลักดันอย่างเต็มที่” ภูมิธรรมกล่าว

 

เมื่อถามว่า ต่อไปนี้ต้องมีการตรวจสอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองมากขึ้นหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ปกติตอนนี้เรามีกระบวนการตรวจสอบในทุกตำแหน่งอยู่แล้ว แต่ก็มีบางส่วนที่อาจอยู่กับชาวบ้าน ทำให้ตรวจสอบยาก 

 

ทั้งนี้ในส่วนของรัฐมนตรีหรือตำแหน่งทางการเมือง ก่อนมาดำรงตำแหน่งมีหน่วยงานรับผิดชอบตรวจสอบอยู่แล้ว ถ้าพบว่ามีปัญหาก็ต้องจัดการ แต่บางคนเข้ามาแล้วหากเขาดำเนินการอะไรที่ผิดพลาดเพราะอยู่กับอำนาจและผลประโยชน์ ก็ต้องดำเนินการ ไม่มีปัญหาอะไร

 

เชื่อทุกคนรู้หน้าที่ ไม่ต้องกำชับพรรคร่วม 

 

เมื่อถามว่า เหตุการณ์นี้ก็เหมือนจะมีมูลหรือไม่ ไม่เช่นนั้น ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ก็คงไม่ออกไปร้อง และจะต้องมีการตรวจสอบลงลึกหรือไม่ ภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่อยากให้สรุปว่ามีหรือไม่มีมูล เราจะต้องคิดว่าปรักปรำหรือไม่ปรักปรำ ถ้าพบว่ามีปัญหาต้องจัดการ เป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่อยากให้มีการคาดการณ์ อยากให้เอาข้อเท็จจริงและไปตรวจสอบกันทุกฝ่าย ทำให้ชัดเจนขึ้น และดำเนินการไปตามกฎหมายตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่

 

ภูมิธรรมกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องพรรคร่วมรัฐบาล เป็นเรื่องของบุคคล บุคคลใดมีปัญหาก็ต้องดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นคนของพรรคใด ซึ่งที่ผ่านมาก็จะเห็นว่ามีทั้งที่เคยร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านที่ละเมิดและผิดกฎหมายต่างๆ ในหลายแบบ ต้องให้กระบวนการยุติธรรมจัดการและตัดสิน ยืนยันว่าไม่ต้องกำชับไปยังพรรคร่วมรัฐบาล เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าต้องดำเนินการ ใครทำผิดมา กระบวนการยุติธรรมก็ไม่ปล่อยไว้อยู่แล้ว

The post รัฐบาลหนุนปราบพวกรับผลประโยชน์ ชี้คั่งค้างมานาน ส่วนคดี ‘เจ๋ง ดอกจิก’ ให้รับผิดตามกระบวนการ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รู้จัก ‘ศรีสุวรรณ’ กับฉายานักร้องฟ้องไม่เลือก https://thestandard.co/key-messages-get-to-know-srisuwan/ Fri, 26 Jan 2024 11:32:50 +0000 https://thestandard.co/?p=892648

จับศรีสุวรรณคาบ้าน เรียก 3 ล้านแลกไม่ร้องเรียนอธิบดีกรม […]

The post รู้จัก ‘ศรีสุวรรณ’ กับฉายานักร้องฟ้องไม่เลือก appeared first on THE STANDARD.

]]>

จับศรีสุวรรณคาบ้าน เรียก 3 ล้านแลกไม่ร้องเรียนอธิบดีกรมการข้าว

 

กลายเป็นข่าวใหญ่ วันนี้ (26 มกราคม) เมื่อ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต. ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ นำกำลังเจ้าหน้าที่สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 

 

นำหมายค้นเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายจำนวน 3  จุดในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหาขบวนการนักเคลื่อนไหวหรือนักร้องเรียนข่มขู่เรียกเงินเจ้าหน้าที่รัฐแลกกับการไม่ร้องเรียนหรือกลั่นแกล้งให้ถูกตรวจสอบ

 

สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจาก ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ว่าได้ถูก ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน หรือนักเคลื่อนไหว พร้อมด้วย ยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และเป็นหนึ่งในคณะทำงานเขตราชการที่ 11 ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี พร้อม พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรครวมไทยสร้างชาติ 

 

หลังร่วมกันข่มขู่เรียกเงินจำนวน 3 ล้านบาท ก่อนจะมีการเจรจาต่อรองเหลือเพียง 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียนโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตด้านการปลูกข้าว และโครงการปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว โดยระบุว่าพบข้อพิรุธที่ส่อไปในทางทุจริต 

 

อธิบดีกรมการข้าวมั่นใจไม่ผิด แอบถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน

 

อย่างไรก็ตาม ณัฏฐกิตติ์มั่นใจว่าที่ผ่านมาตนบริหารงานหรือปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ถูกผู้ต้องหาทั้ง 3 รายกล่าวอ้างเพื่อข่มขู่ จึงมองว่าการถูกกระทำเช่นนี้ไม่เป็นธรรมแก่ตนเอง 

 

แต่ด้วยความที่เกรงว่าหากถูกร้องเรียนโจมตีบ่อยครั้งเข้าจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงยอมจ่ายเงินให้ครั้งแรกก่อนเป็นจำนวน 1.4 แสนบาท ก่อนแอบถ่ายคลิปวิดีโอตอนส่งมอบเงินเก็บไว้เป็นหลักฐาน 

 

จากนั้นจึงนำมามอบให้กับพนักงานสอบสวน ก่อนมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงจนเชื่อว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 รายมีพฤติกรรมดังกล่าวจริง จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางออกหมายจับศรีสุวรรณและพิมณัฏฐา 

 

ในข้อความผิดฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด พร้อมออกหมายจับยศวริศ ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อนวางแผนให้ผู้เสียหายทำการนัดหมายส่งมอบเงินงวดต่อมาอีก 5 แสนบาทไปส่งมอบให้ในวันนี้เพื่อซ้อนแผนเข้าจับกุม

 

ศรีสุวรรณไหวตัวทัน โยนซองเงินทิ้ง แต่ไม่รอด

 

เป้าหมายสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นจุดแรกเป็นบ้านพัก ตั้งอยู่ที่ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านพักของศรีสุวรรณ หลังจากผู้เสียหายส่งคนนำเงิน 5 แสนบาทไปส่งมอบให้กับภรรยาของศรีสุวรรณ กระทั่งเมื่อเห็นว่ามีการหยิบซองเงินเข้าไปภายในบ้านจริง ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นจับกุม 

 

มีรายงานว่าระหว่างนั้นศรีสุวรรณเกิดไหวตัวพยายามวิ่งนำซองเงินไปโยนทิ้งบริเวณข้างบ้าน เจ้าหน้าที่จึงวิ่งไล่ติดตามไปตรวจยึดกลับคืนมาได้ ก่อนแสดงหมายจับให้เจ้าตัวรับทราบและทำการควบคุมตัวพร้อมพามาตรวจค้นภายในบ้านพัก เพื่อค้นหาพยานหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติมทางคดี นอกจากนี้ยังได้เตรียมเชิญตัวภรรยาของศรีสุวรรณไปทำการสอบปากคำเพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่ 

 

ในวันที่นักร้องโดนร้องกลับ THE STANDARD ชวนทำความรู้จักกับนักร้องมือวางอันดับ 1 ที่ชื่อว่า ศรีสุวรรณ จรรยา บทสัมภาษณ์และข้อมูลในรายงานชิ้นนี้เรียบเรียงจากที่ศรีสุวรรณเคยให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ในปี 2565

 

ศรีสุวรรณ จรรยา เป็นใคร?

 

ศรีสุวรรณเรียกตัวเองว่าเป็น NGO นักเคลื่อนไหวผู้ต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมในสังคม ใช้ความรู้ทางกฎหมายที่ตนเรียนมาฟ้องร้องให้กับคดีมวลชน มีผลกระทบกับชาวบ้าน ไม่รับคดีส่วนบุคคล ทั้งชีวิตร้องมาแล้วกว่า 3,000-4,000 คดี ไม่คิดค่าดำเนินคดีกับชาวบ้าน แต่ก็มักได้รับสินน้ำใจตอบแทนมาเสมอ มีคดีใหญ่ๆ เป็นที่ประจักษ์อย่างเช่น คดีโรงงานที่มาบตาพุดรุกพื้นที่ชุมชน คดีระงับโครงการเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทของโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลประยุทธ์ เป็นต้น

 

ร้องได้ไม่เลือกหน้า ไม่เว้นแต่รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร

 

ศรีสุวรรณย้ำว่าตนเองไม่ได้เข้าข้างฝักฝ่ายใด ฟ้องได้หมดไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ตลอดจนองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญก็ยื่นตรวจสอบมาหมดแล้ว โดยในช่วงที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ศรีสุวรรณเผยว่าตนถูกทหารเข้ามาเยี่ยมพบถึง 20-30 ครั้ง และโดนเรียกไปปรับทัศนคติอีกหลายครั้ง ตนก็ไปตามหมายเรียก ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด

 

ไม่กลัวศัตรู? ฟ้องเพื่อยกประเด็นถกถาม ไม่ได้เป็นผู้ตัดสินถูก-ผิด

 

แม้ศรีสุวรรณจะฟ้องร้องใครต่อใครไปทั่ว แต่ก็ไม่หวั่นว่าจะมีศัตรูตามไล่ล่า ตนเปิดเผยว่าในยุคที่สื่อสารสนเทศครอบคลุมเช่นนี้ ตนถูกสะกดรอยตามได้ง่ายมาก แต่ตนก็หลบหลีกหนีมาได้โดยตลอด พร้อมย้ำว่าสิ่งที่ตนเองยื่นฟ้องร้องสู่กระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องที่ตั้งอยู่บนหลักกฎหมาย มองตามหลักข้อเท็จจริง ไม่คิดร้ายกลั่นแกล้งใคร ตนเองไม่ใช่ผู้ตัดสินคดี หวังเป็นเพียงผู้ตรวจตราความผิดปกติในสังคม (Watchdog) ให้สังคมได้ตระหนักรู้ ส่วนจะตัดสินผิด-ถูกอย่างไรก็สุดแท้แต่สังคมจะมอง

 

“สุดท้ายแล้ว ถึงเราจะถูกเกลียดชัง เราก็ยืนอยู่บนหลักกฎหมาย บนหลักข้อเท็จจริง กฎหมายไม่กลั่นแกล้งใครเป็นการเฉพาะ สิ่งที่เราร้องเรียนคือเป็นข้อสงสัยที่เราคิดว่ามันน่าจะขัดต่อกฎหมาย เราไม่ใช่ผู้ตัดสิน ไม่ใช่ผู้พิพากษา ผมไม่ใช่คนมีอำนาจวินิจฉัย ผมก็นำเรื่องที่ผมสงสัยแคลงใจนี้ร้องให้หน่วยงานที่เขามีหน้าที่ในการวินิจฉัยพิพากษาทำหน้าที่ ส่วนเขาจะทำอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขาเอง ถ้าเขาตอบมาได้เคลียร์ก็จบ บางเรื่องไม่จบก็ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ต่อไป”

 

ไม่อยากให้สังคมมีศรีสุวรรณแค่คนเดียว อยากให้มีสักหมื่นแสนคน

 

ศรีสุวรรณระบุว่าตนเองไม่ใช่คนดีเลิศประเสริฐ หากใครสงสัยในตัวของเขาก็สามารถตั้งคำถามได้เฉกเช่นคนธรรมดาทั่วไป แต่ตนมั่นใจดีแล้วว่าสิ่งที่ทำทุกวันนี้ไม่มีเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน สำคัญคือเราได้ทำให้เกิดความกระจ่างชัดขึ้นในสังคม ให้ได้มีคนเข้ามาชี้แจง และหวังว่าประชาชนจะออกมากล้าพูด กล้าร้อง เพราะสิทธิในการตรวจสอบรัฐไม่ได้อยู่แค่ศรีสุวรรณคนเดียว แต่อยู่ในตัวทุกคน

 

“ประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะเข้ามาร้องเรียน เข้ามาตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐโดยตลอด ไม่ได้เขียนว่าทำได้เฉพาะนายศรีสุวรรณคนเดียวเท่านั้น ทุกคนทำได้หมด แล้วผมอยากให้มีคนที่เป็นเหมือนศรีสุวรรณ คนที่หนึ่ง คนที่สอง คนที่หมื่นแสนทำหน้าที่เหล่านี้ มันจะทำให้ระบบคอร์รัปชันที่พยายามจะหาช่องทางหรือโอกาสในการที่จะคิดไม่ดีไม่ร้ายต่อประเทศชาติ มันถูกจับตาเหมือนมีตาสับปะรดคอยตรวจสอบมากขึ้น ผมว่ามันจะทำให้ประเทศเราได้รับการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีมากยิ่งขึ้น”

 

ไม่มีใครเป็นแบบอย่างนอกจากพ่อของตัวเอง

 

ศรีสุวรรณกล่าวว่าพ่อคือไอดอลเพียงคนเดียวของเขา พร้อมกับเล่าอย่างภาคภูมิใจว่า แม้พ่อจะจบแค่ ป.4 แต่ท่านเป็นนักอ่านตัวยง มักจะอธิบายเนื้อหายากๆ ในหนังสือ และวิพากษ์วิจารณ์นักการเมืองบนหน้าหนังสือพิมพ์ให้ฟังเป็นประจำ 

 

“ช่วงที่มีคดีความกับคนเยอะๆ เวลาพ่อผมไปศาลก็มักจะให้ผมติดสอยห้อยตามไปด้วย ผมก็เรียนรู้และซึมซับมา เพราะฉะนั้นไอดอลของผมจึงเป็นคุณพ่อ”

 

นอกจากร้องเรียนแล้ว ก็ชอบร้องเพลง

 

ศรีสุวรรณกล่าวว่าตนชอบร้องเพลง ในอดีตเป็นนักร้องเพลงสากลประจำวงดนตรีของมหาวิทยาลัย ปัจจุบันชอบร้องเพลงลูกทุ่ง โดยทุกเวทีไม่ว่าจะงานแต่งหรืองานบวช ตนจะต้องออกไปร้องเพลง สาวงามเมืองพิจิตร ของ สดใส รุ่งโพธิ์ทอง

 

ฝากถึงนักการเมืองให้ทำตามกฎหมาย

 

“กฎหมายว่าอย่างไรต้องเป็นไปตามนั้น ไม่ใช่ว่าท่านจะทะเลาะกันเฉพาะคู่ต่อสู้ทางการเมือง อย่างน้อยต้องมีบุคคลที่สามคือประชาชนอย่างผมคอยมอนิเตอร์พวกท่าน เหมือนสุนัขเฝ้าบ้าน (Watchdog) ถ้าท่านทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ไม่เป็นไปตามครรลองของกฎหมาย ผมซัดหมด ไม่เลือกที่รักมักที่ชังหรอก ถ้ามีอะไรที่ผมดำเนินการได้ก็จะฟ้องร้องดำเนินคดีทันที”

 

ศรีสุวรรณย้ำถึงข้าราชการว่า ต้องทำตามบทบาทหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด อย่าไหลตามคำพูดของนักการเมือง เพราะเจ้านายที่ต้องเคารพมากที่สุดคือประชาชน

 

“ผมทนทุกข์กับชาวบ้านมาเยอะ มีชาวบ้านมาร้องเรียนผมว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานรัฐ-นักการเมืองค่อนข้างจะเยอะ เราจึงต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ชาวบ้านได้รับความเป็นธรรม นี่คือบทบาทที่ผมพยายามทำมาโดยตลอด แต่ผมไม่ใช่เทวดาที่จะทำให้ทุกอย่างสำเร็จเสร็จสิ้นได้ บางเรื่องที่ผมทำมันก็ล้มเหลวหรือไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวัง แต่ผมไม่ท้อและทำต่อไป นี่คือสิ่งที่อยากฝากถึงนักการเมือง ไม่ว่าคุณจะรวยล้นฟ้า ใช้อำนาจล้นเมือง ศรีสุวรรณก็ไม่กลัวถูกตรวจสอบ”

 

หนึ่งในสิ่งที่ศรีสุวรรณอยากได้ในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย

 

“ผมไม่อยากให้มี 22 พฤษภาคม 2557 เกิดขึ้นอีกแล้วในสังคมไทย ความขัดแย้งในสังคมเป็นเรื่องปกติ แต่ผมไม่อยากให้มีอำนาจพิเศษหรืออำนาจนอกกฎหมายมาทำให้ระบบสังคมเกิดปัญหา ไม่อยากให้มีการรัฐประหาร ไม่อยากให้มีการปฏิวัติ ขอให้ความขัดแย้งอยู่บนพื้นฐานการใช้สิทธิใช้เสียงของพี่น้องประชาชน”

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

The post รู้จัก ‘ศรีสุวรรณ’ กับฉายานักร้องฟ้องไม่เลือก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตร. รวบ ‘เจ๋ง ดอกจิก’ คาทำเนียบ เจ้าตัวชี้แจงแค่ประสานให้ ‘ศรีสุวรรณ’ ปมข่มขู่เรียกรับเงิน https://thestandard.co/arrest-jeng-dok-jik-gov-house/ Fri, 26 Jan 2024 10:31:55 +0000 https://thestandard.co/?p=892622

วันนี้ (26 มกราคม) จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับก […]

The post ตร. รวบ ‘เจ๋ง ดอกจิก’ คาทำเนียบ เจ้าตัวชี้แจงแค่ประสานให้ ‘ศรีสุวรรณ’ ปมข่มขู่เรียกรับเงิน appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (26 มกราคม) จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เข้าจับกุม ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน กรณีข่มขู่เรียกรับเงิน เจ้าหน้าที่รัฐแลกกับการไม่ร้องเรียนหรือกลั่นแกล้ง ไม่ถูกตรวจสอบตามข้อร้องเรียนของ ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว รวมถึงฝ่ายการเมือง โดยมีรายงานว่ามีชื่อของ ยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 16.20 น. ภายในทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล และ สน.ดุสิต ได้เข้ามาพูดคุยและเชิญยศวริศขึ้นรถ เพื่อไปที่ สน.ดุสิต ทำการสอบสวนตามขั้นตอนและกระบวนการต่อไป

 

เบื้องต้นยศวริศระบุว่า ยังไม่ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่รู้เรื่องอะไร เพิ่งรู้เรื่องจากตำรวจ ตนมีหน้าที่ประสานให้ศรีสุวรรณเฉยๆ ซึ่งเรื่องนี้ต้องคุยกัน ไม่เป็นไร ยืนยันว่าชี้แจงได้ ขอย้ำว่าชี้แจงได้ไม่มีปัญหา

 

ขณะที่บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลเจ้าหน้าที่สอบสวนกลางได้มาเตรียมพร้อมบริเวณห้องปฏิบัติการสื่อมวลชน 1 และด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 ตั้งแต่ช่วงเที่ยง ซึ่งมีรายการว่า ยศวริศได้เดินทางเข้ามาที่ตึกบัญชาการ 1 ตั้งแต่ช่วงสายๆ เพื่อพบกับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

The post ตร. รวบ ‘เจ๋ง ดอกจิก’ คาทำเนียบ เจ้าตัวชี้แจงแค่ประสานให้ ‘ศรีสุวรรณ’ ปมข่มขู่เรียกรับเงิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุปสถานการณ์สื่อมวลชนรอบปี 2566 ‘ปีแห่งการปรับตัวของสื่อ’ กับเหตุ คุกคาม-ขู่ฆ่า-ฟ้องปิดปากนักข่าว https://thestandard.co/summary-of-thai-media-situation-in-2023/ Fri, 29 Dec 2023 08:35:05 +0000 https://thestandard.co/?p=882555

วันนี้ (29 ธันวาคม) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเ […]

The post สรุปสถานการณ์สื่อมวลชนรอบปี 2566 ‘ปีแห่งการปรับตัวของสื่อ’ กับเหตุ คุกคาม-ขู่ฆ่า-ฟ้องปิดปากนักข่าว appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (29 ธันวาคม) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย รายงานสถานการณ์สื่อมวลชนในรอบปี 2566 ‘ปีแห่งการปรับตัวของสื่อ’ ระบุว่า 

 

สถานการณ์สื่อมวลชนในปี 2566 ยังตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ ‘ปรับเปลี่ยน: ปรับตัว’ จากการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองและความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา 

 

โดยในปีนี้นับเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในรอบ 9 ปี จากรัฐบาล ‘พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ มาเป็นรัฐบาล ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ซึ่งเป็นผลจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ทำให้สื่อมวลชนหลายสำนักค่อยๆ ปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเน้นเนื้อหาเชิงสร้างสรรค์และเฉพาะเจาะจงเพื่อเข้าให้ตรงถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งของตัวเองและโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้และความอยู่รอด 

 

แต่ยังถูกตั้งข้อสังเกตว่าสื่อกระแสหลักยังมีจำนวนน้อยที่รายงานข่าวเชิงสืบสวน เพราะแรงกดดันด้านกำลังคนและการอยู่รอดในทางธุรกิจผ่านเรตติ้ง และจำนวนยอดคนดูและชมผ่านช่องทางต่างๆ

 

กฎหมายสื่อยังไม่ใช่ทางออก

 

แม้ว่ารัฐบาลชุดที่แล้วจะนำเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในช่วงท้ายๆ ของรัฐบาล แต่สุดท้ายร่างกฎหมายฉบับนี้ก็ตกไป โดยไม่ผ่านแม้กระทั่งวาระที่ 1 (วาระรับหลักการ) ด้วยเหตุผลในเรื่องขององค์ประชุมและเสียงที่ไม่เห็นด้วย ทั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนบางส่วนที่เห็นว่ากฎหมายนี้ยังไม่ใช่หนทางที่จะแก้ไขปัญหาการกำกับดูแลกันเองทางด้านจริยธรรมของสื่อมวลชน 

 

อีกทั้งยังไม่ไว้วางใจที่กฎหมายฉบับนี้ถูกนำเสนอโดยรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงอาจมีการแฝงการพยายามที่เข้ามาควบคุมสื่อมวลชนหรือไม่ ทำให้ปัญหาการกำกับดูแลกันเองของสื่อมวลชน จำเป็นที่จะต้องมีการระดมความเห็นหาแนวทางที่เหมาะสมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปในอนาคต

 

การแทรกแซง-ลิดรอนการแสดงความเห็นต่าง

 

บรรยากาศการเริ่มต้นหลัง ‘รัฐบาลใหม่’ ได้เข้ามาบริหารประเทศกว่า 3 เดือนเศษ แต่ก็มีสัญญาณการแทรกแซงการทำงานของสื่อมวลชนจากรัฐบาล โดยมีพฤติการณ์พยายามห้ามผู้มีความเห็นต่างใช้พื้นที่สื่อรัฐออกรายการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาล เช่น กรณี สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการเลือกตั้ง ที่ระบุมีบุคคลโทรศัพท์มานัดหมายขอสัมภาษณ์เรื่องการแจกเงินดิจิทัลผ่านสื่อของรัฐ จากนั้นก็มีโทรศัพท์มาขอยกเลิกการสัมภาษณ์โดยให้เหตุผลว่าผู้ใหญ่ในช่องเห็นว่ารัฐบาลถูกวิจารณ์เรื่องนี้มากแล้ว เกรงว่าจะทำให้เกิดความสับสนมากขึ้น 

 

หรือในกรณีที่ รศ.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่จะออกรายการ คุยตามข่าว แต่กลับไม่มีการออกอากาศในประเด็น ทักษิณ: ระเบิดเวลารัฐบาล? เพราะได้รับแจ้งจากผู้บริหารช่องสื่อของรัฐพิจารณาแล้วว่าสุ่มเสี่ยง ทำให้รัฐบาลไม่พึงพอใจจึงสั่งงดออกอากาศ ดังนั้นทั้ง 2 กรณีนี้จึงหมิ่นเหม่ต่อการที่รัฐบาลอาจใช้อำนาจแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนได้

 

ถูกคุกคามทางวาจา-ทำร้ายร่างกายสื่อ

 

ในปี 2566 ยังมีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงการจับขั้วรัฐบาล ทำให้สื่อมวลชนต้องทำงานภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง และในบางครั้งผู้ชุมนุมก็มีการคุกคามทำร้ายร่างกายสื่อมวลชนเกิดขึ้นมาต่อเนื่อง ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่นักข่าวถูกกักตัวในสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ระหว่างลงพื้นที่รายงานข่าว เป็นต้น 

 

หรือในกรณีที่แหล่งข่าวเปิดโต๊ะแถลงข่าวแล้วถูกตั้งคำถามแล้วไม่พอใจ พาลแสดงกิริยาและคำพูดเหยียดหยามนักข่าว ทั้งที่นักข่าวรายนั้นเพียงทำหน้าที่แสวงหาข้อเท็จจริงให้ถูกต้องและรอบด้าน ขณะที่ผู้แถลงข่าวก็มีสิทธิในการตอบคำถามหรือไม่ก็ได้ ถือเป็นสิทธิอันชอบธรรมของแต่ละฝ่าย แต่การคุกคามทางวาจาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ย่อมกระทบต่อเสรีภาพในการแสวงหาข่าวสารและข้อเท็จจริงของสื่อมวลชน

 

นักข่าวถูกขู่ฆ่าจากการนำเสนอข่าวสาร

 

เหตุการณ์บรรณาธิการข่าว และบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์รายวันทันหุ้น ถูกคนร้ายคุกคามข่มขู่ด้วยการส่งพัสดุมาที่บริษัท โดยภายในกล่องพบภาพของครอบครัวบรรณาธิการข่าว พร้อมกระสุนปืนไม่ทราบขนาด ระบุข้อความข่มขู่ และวันถัดมาคนร้ายก็บุกปาวัตถุคล้ายระเบิด 3 ลูกใส่ภายในบ้านบรรณาธิการบริหาร นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดเพชรบุรี ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ทำร้ายร่างกาย ยึดเอากล้องและโทรศัพท์ไปลบข้อมูลทิ้งทั้งหมด พร้อมข่มขู่จะเอาชีวิตถึงบ้าน และขับไล่ให้ออกจากพื้นที่ในระหว่างทำข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุบ่อดินถล่มทับคนงานเสียชีวิต 

 

หรือเหตุการณ์นักข่าวจังหวัดเพชรบูรณ์ถูกตีศีรษะบาดเจ็บสาหัส ปมชนวนเหตุจากการลงพื้นที่ตรวจสอบทำข่าวบ่อนพนัน รวมกรณีนายตำรวจยศ พ.ต.อ. ขู่ยิงนักข่าวหลังโทรศัพท์สัมภาษณ์ตำรวจนายนี้เกี่ยวกับคดีตำรวจทางหลวงถูกยิงเสียชีวิตในงานเลี้ยงสังสรรค์บ้านกำนันนก

 

ตัวอย่างเหตุการณ์ทั้งหมดนี้มีลักษณะการลิดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน และประชาชน จากการข่มขู่คุกคามด้วยวิธีนอกกฎหมาย และจงใจกดดันข่มขู่อันเนื่องมาจากการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน อันเป็นการคุกคามทำให้สื่อมวลชนรู้สึกไม่ปลอดภัยในการนำเสนอข่าวสารโดยตรง แทนที่จะใช้วิธีการทางกฎหมาย

 

ซึ่งสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการปกป้องคุ้มครองประชาชน และการใช้สิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน เพราะการคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชนเท่ากับเป็นการคุกคามเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริงของประชาชน และกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตานานาชาติ พร้อมเรียกร้องต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการคุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนและประชาชน

 

ฟ้องปิดปากสื่อมวลชนยังคงเกิดขึ้น

 

นอกจากกรณีที่สื่อมวลชนต้องทำงานอยู่บนความเสี่ยง ถูกทำร้าย ก็ยังพบว่าการฟ้องปิดปากสื่อมวลชนยังเป็นอีกวิธีที่ถูกนำมาใช้คุกคามการทำงานของสื่อมวลชน โดยเฉพาะในประเด็นความขัดแย้งบนฐานทรัพยากร โครงการพัฒนา และสิทธิแรงงาน โดยมาในรูปแบบการดำเนินคดีจากการเผยแพร่ข่าวเป็นส่วนใหญ่ เช่น สื่อมวลชนถูกฟ้องหมิ่นประมาท พร้อมเรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวนมาก แม้ว่าล่าสุดศาลจะยกฟ้อง แต่ก็ถือเป็นความพยายามในการใช้กระบวนการทางกฎหมายเข้ามาแทรกแซงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ด้วยการฟ้องร้องคดี และขอให้สื่อมวลชนยุติการเสนอข่าว

 

สื่อมวลชนถูกกล่าวหาว่ารับเงินแลกกับการนำเสนอข่าว

 

จากกรณีนายตำรวจท่านหนึ่งระบุว่าให้เงินกับนักข่าว 4 คน ที่ถูกกล่าวอ้างเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 ทำให้เกิดผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของสื่อมวลชนไทย จน 3 สภาวิชาชีพสื่อมวลชน ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนักข่าวรับเงินจากแหล่งข่าว โดยมี ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความฯ เป็นประธาน ดำเนินการตามผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสนอยังองค์กร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และต่อสาธารณะเพื่อเป็นแนวทางการทำงานของสื่อมวลชนให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง เหมาะสม ตามกรอบจริยธรรมวิชาชีพ 

 

โดยตั้งเป้าจะดำเนินการตรวจสอบให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในเวลา 90 วัน นับแต่แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ที่มีการนัดประชุมนัดแรกวันที่ 7 ธันวาคม 2566 โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องหลายคนมาให้ข้อมูล ก่อนที่คณะกรรมการฯ จะนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณาและสรุปผล พร้อมข้อเสนอต่อ 3 สภาวิชาชีพต่อไป

 

ยืนหยัดเป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนและสังคม

 

แม้ว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน สื่อมวลชนจะทำหน้าที่ภายใต้ภาวะแห่งความยากลำบาก แต่สื่อมวลชนส่วนใหญ่ยังคงทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชนและสังคมต่อไป เพื่อเป็นกลไกในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ทำหน้าที่ดูแลปกป้องสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชน ในการนำเสนอข่าวและภาพข่าวได้อย่างเสรีภายใต้กรอบของกฎหมาย และไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ตกเป็นข่าว

 

ด้วยหลักการทำหน้าที่ที่ต้องพึงตระหนักว่า ‘สื่อมวลชน’ มีความรับผิดชอบต่อสังคม และมีมาตรฐานทางวิชาชีพในการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนด้วยความถูกต้อง ครบถ้วน รอบด้าน และมีความสมดุลบนพื้นฐานของความเป็นจริง ด้วยความรับผิดชอบต่อสิทธิส่วนบุคคล ตามกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชน และประโยชน์สาธารณะตามที่ระบุในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล         

 

จากสถานการณ์สื่อในปี 2566 ดังกล่าว สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนร่วมวิชาชีพยืนหยัดต่อสู้กับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อรักษาไว้ซึ่งอุดมการณ์ของความเป็นสื่อมวลชนมืออาชีพ ที่มีหน้าที่นำเสนอข่าวสารข้อมูลเพื่อประชาชนส่วนรวม เพื่อประโยชน์สาธารณะ มีความรับผิดชอบ เคารพกฎหมาย และจริยธรรมแห่งวิชาชีพอย่างมั่นคงแน่วแน่ต่อไป

 

อ้างอิง: 

  • สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

The post สรุปสถานการณ์สื่อมวลชนรอบปี 2566 ‘ปีแห่งการปรับตัวของสื่อ’ กับเหตุ คุกคาม-ขู่ฆ่า-ฟ้องปิดปากนักข่าว appeared first on THE STANDARD.

]]>