กานต์นิธิ ทองธนากุล – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 24 Mar 2022 10:49:53 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล เตรียมชงสรรพากรเก็บภาษี Transaction Tax จากแพลตฟอร์ม 0.1% ส่วนระยะเร่งด่วนรอบภาษีนี้ขอเอาขาดทุนหักกำไรได้ https://thestandard.co/thaidigitalasset-transaction-tax/ Thu, 13 Jan 2022 08:48:18 +0000 https://thestandard.co/?p=582156 สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล

กานต์นิธิ ทองธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน Merkl […]

The post สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล เตรียมชงสรรพากรเก็บภาษี Transaction Tax จากแพลตฟอร์ม 0.1% ส่วนระยะเร่งด่วนรอบภาษีนี้ขอเอาขาดทุนหักกำไรได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล

กานต์นิธิ ทองธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน Merkle Capital และผู้ก่อตั้งเพจ Kim DeFi Daddy และ Bitcoin Addict Thailand ในฐานะกรรมการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย เปิดเผยในรายการ The Secret Sauce ว่าจากการสอบถามของสมาคมกับผู้เกี่ยวข้องถึงแนวทางการจัดเก็บภาษีสินทรัพย์ดิจิทัลที่เหมาะสมกับประเทศไทยเพื่อยื่นเสนอให้กรมสรรพากรได้พิจารณา เบื้องต้นมีความเห็นที่ตรงกันว่า ควรอยู่ในรูปแบบของ Transaction Tax ในอัตรา 0.1%

 

เขากล่าวด้วยว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการ Exchange ไทยมีการเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขายหรือ Transaction Fee ที่อัตรา 0.25% ต่อธุรกรรม ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับ Exchange อื่นๆ โดยเรื่องนี้สะท้อนได้จากรายได้ของ Exchange รายใหญ่เจ้าหนึ่งซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายได้สูงถึง 4-5 พันล้านบาท ทำให้สมาคมมองว่ารายได้ส่วนนี้จะสามารถหักเป็น Transaction Fee เพื่อส่งมอบให้กับกรมสรรพากรเป็น Final Tax ไปเลยได้หรือไม่

 

“โดยส่วนตัวมองว่า แนวทางนี้น่าจะทำให้นักเทรด นักขุด สบายใจได้มากขึ้นว่าทุกธุรกรรมที่เกิดขึ้นพวกเขามีการเสียภาษีอย่างถูกต้องแล้ว จะได้ไม่ต้องมากังวลว่าจะเสีย VAT หรือเสียอะไรอีกในอนาคต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องมีการสอบถามความเห็นจากผู้ประกอบการ Exchange ด้วย เพราะเขาได้รับผลกระทบ” กานต์นิธิกล่าว

 

กานต์นิธิกล่าวอีกว่า การที่กฎหมายภาษีคริปโตในปัจจุบันกำหนดให้มีการหัก 15% ล่วงหน้านั้น ในทางปฏิบัติแทบเป็นไปไม่ได้เลยหรือทำได้ยากมาก เนื่องจากผู้ขายไม่รู้ว่าขายคริปโตให้ใคร เพราะเป็นการขายผ่าน Exchange ที่มีการแบ่งออร์เดอร์ แม้ว่าจะโยนภาระตรงนี้ออกไปให้ Exchange เป็นคนทำก็ยังอาจมีปัญหาตามมาได้อยู่ดี เช่น นาย ก. กดซื้อบิทคอยน์หนึ่งเหรียญ มีการหัก 15% ออกไปแล้ว แต่ได้ไม่ครบ Exchange จะต้องมาชี้แจงอีกว่าทำไมไม่ครบ นักลงทุนก็จะเกิดคำถามอีกว่าที่หักไปถูกต้องแล้วหรือไม่

 

“เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นเราจึงพยายามหาโซลูชันที่มันเป็น Final Tax จริงๆ แต่ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในช่วงหารือกัน ยังไม่ใช่ข้อสรุปสุดท้าย” กานต์นิธิกล่าว

 

ขณะที่ ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทางสมาคมได้แบ่งการพูดคุยประเด็นเรื่องภาษีออกเป็น 2 ประเด็น คือสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมาจนถึงปัจจุบันกับเรื่องในอนาคต โดยประเด็นแรก เช่น ความชัดเจนเรื่องมุมมองของภาครัฐที่มีต่อสินทรัพย์ดิจิทัล การจะปรับให้เอาส่วนที่ขาดทุนมาหักกำไรได้หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องเร่งเคลียร์ให้จบก่อน เพราะความตั้งใจของกรมสรรพากรคือต้องมีความชัดเจนภายในเดือนนี้ เพื่อให้คนยื่นภาษีทันภายในไตรมาสแรก

 

“ในส่วนนี้สรรพากรจะช่วยร่างคำถามที่เป็นลักษณะออปชันให้ เพื่อให้เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ โดยสมาคมจะทำหน้าที่รวบรวมความเห็นจากผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่าย นอกจากนี้สมาคมจะมีการจัดทำวิดีโออธิบายด้วยว่าแต่ละออปชันที่สรรพากรเสนอมาหมายถึงอะไร แล้วจะส่งผลอย่างไร เพื่อให้คนเลือกถูก เป็นการเอาภาษากฎหมายมาทำให้เข้าใจง่ายๆ” ศุภกฤษฎ์กล่าว

 

ศุภกฤษฎ์กล่าวว่า ในระยะเร่งด่วนหรือสำหรับการยื่นภาษีในรอบนี้สมาคมจะเสนอให้สามารถเอากำไร ขาดทุน มาหักลบกันได้ และไม่ต้องไปไล่ทำภาษีหัก ณ ที่จ่าย แต่ในอนาคตจะเสนอให้ปรับมาเก็บแบบ Transaction Tax ขณะเดียวกันยังอยากเห็นภาษีสำหรับบริษัทในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องการเข้ามาเปิดในเมืองไทยเป็น 0% เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นฮับของสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาค

 

“นอกจากภาษีแล้วเราควรมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ เพื่อดึงดูดบริษัทเหล่านี้ด้วย เช่น วีซ่าหรือพื้นที่พิเศษอย่าง EECi ซึ่งหากไทยได้บริษัทเหล่านี้เข้ามา คนเก่งจะตามเข้ามา ช่วยสร้างงานให้กับคนในประเทศ เป็นโอกาสที่เราจะสร้างอุตสาหกรรมยุคใหม่ขึ้นมาในประเทศ” ศุภกฤษฎ์กล่าว

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

The post สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล เตรียมชงสรรพากรเก็บภาษี Transaction Tax จากแพลตฟอร์ม 0.1% ส่วนระยะเร่งด่วนรอบภาษีนี้ขอเอาขาดทุนหักกำไรได้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กูรูมอง รัฐรีดภาษีคริปโตไม่กระทบการเทรดของคนไทย ชี้การคำนวณภาษียังทำได้ยากในทางปฏิบัติ แนะรัฐปรับรูปแบบให้ชัดเจน เข้าใจง่าย https://thestandard.co/cryptocurrency-tax-calculations-are-still-difficult/ Tue, 04 Jan 2022 10:58:54 +0000 https://thestandard.co/?p=578857 ภาษีคริปโต

กานต์นิธิ ทองธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน Merkl […]

The post กูรูมอง รัฐรีดภาษีคริปโตไม่กระทบการเทรดของคนไทย ชี้การคำนวณภาษียังทำได้ยากในทางปฏิบัติ แนะรัฐปรับรูปแบบให้ชัดเจน เข้าใจง่าย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภาษีคริปโต

กานต์นิธิ ทองธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน Merkle Capital และผู้ก่อตั้งเพจ Kim DeFi Daddy และ Bitcoin Addict Thailand ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ถึงกรณีที่กรมสรรพากรออกมากำชับให้ผู้ที่มีกำไรจากการเทรดคริปโตจะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% ของกำไร (Capital Gain) และต้องยื่นแบบแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี พร้อมระบุว่า ทางกรมมีระบบ Data Analytics ที่สามารถตรวจสอบได้กรณีที่มีการหลบเลี่ยงว่า โดยส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในคริปโตของคนไทย เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ออกมาตั้งแต่ปี 2561 แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาการลงทุนในคริปโตอาจยังไม่แพร่หลายนักในเมืองไทย จึงทำให้กฎหมายตัวนี้ไม่ได้รับความสนใจมากนัก

 

“ผมคิดว่าประเด็นที่ทำให้คนกลับมาสนใจกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลตัวนี้อีกครั้งเป็นเพราะในปี 2564 คนไทยเริ่มเข้ามาลงทุนในคริปโตมากขึ้น พอรู้ว่าอาจต้องเสียภาษีก็เลยเกิดความกังวล ไม่อยากต้องจ่าย โดยส่วนตัวผมรายงานทุกปี กรอกในช่องที่ให้กรอกก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพราะมองว่าเป็นหน้าที่ของคนไทยที่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว” กานต์นิธิกล่าว

 

อย่างไรก็ดี กานต์นิธิยอมรับว่า การเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% จากการเทรดคริปโตในทางปฏิบัติยังทำได้ยาก โดยปกติ Exchange ต้องมีหน้าที่ช่วยคำนวณให้กับลูกค้า แต่ในทางปฏิบัติก็ยังไม่มีเจ้าใดที่ทำได้ เพราะการคำนวณต้นทุน กำไร ไม่สามารถคำนวณได้แบบทันทีทันใด แต่ต้องเช็กข้อมูลย้อนหลังต่อเนื่องกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการที่กฎหมายระบุเอาไว้เช่นนี้ก็เปรียบเหมือนเป็นการผลักภาระไปให้ลูกค้าเป็นคนทำเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว จึงอาจต้องติดตามดูว่ากรมสรรพากรจะมีวิธีการบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างไร

 

ด้าน เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งซิปเม็กซ์ (Zipmex) ประเทศไทย กล่าวว่า การเก็บภาษีคริปโตไม่ใช่เรื่องใหม่และมีหลายประเทศที่ทำอยู่ แต่การที่ไทยกำหนดให้ผู้ที่เทรดคริปโตจะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15% ของกำไร และต้องยื่นแบบแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี รวมถึงผู้ขายสินค้าและบริการต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายด้วยในกรณีที่ใช้คริปโตในการชำระ สะท้อนว่าภาครัฐมองคริปโตเป็นทั้งสินค้าและสินทรัพย์ ซึ่งอาจจะต่างจากคนอื่น

 

“ผมเข้าใจว่าการที่กฎหมายเรากำหนดให้ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายด้วย เพราะภาครัฐอาจไม่ต้องการให้มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้จ่ายหรือเอามาลงทุนเก็งกำไรกันเยอะ เพราะแบงก์ชาติก็ได้ออกมาระบุชัดว่าไม่สนับสนุนให้ใช้คริปโตชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ถือเป็นผลกระทบเชิงลบต่อการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลไทย เพราะคงไม่มีใครอยากใช้คริปโตชำระสินค้าถ้าต้องเสียภาษี ต้องมีภาระรายงานการหักภาษี” เอกลาภกล่าว

 

เอกลาภระบุว่า โดยส่วนตัวมองว่าการเก็บภาษีคริปโตและการที่กฎหมายระบุให้มีหน้าที่ต้องรายงานภาษีถือเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพราะบางครั้งการเก็บภาษีก็ช่วยพัฒนาวงการได้ แต่ประเด็นที่อยากให้มีความชัดเจนมากขึ้นจากปัจจุบันคือ เวลารายงานจะมีวิธีคำนวณอย่างไร เพราะยังไม่มีความชัดเจน และการออกมาอธิบายจากหน่วยงานรัฐ เช่น กรณีถ้าซื้อ Stable Coin มาแล้วราคาขึ้นตามเงินดอลลาร์ จะถือเป็นกำไรหรือไม่ หรือกรณีถ้าถือข้ามปีจะคิดเป็นกำไรหรือไม่ ถ้าขายแล้วนำเงินไปลงทุนต่อแล้วขาดทุนจะคำนวณอย่างไร

 

“วิธีการและการคำนวณภาษีควรจะมีความกระชับ ชัดเจน และเข้าใจง่าย หลายคนที่ผมรู้จักอยากเสียภาษี แต่ไม่รู้ว่าจะคำนวณอย่างไร ในฐานะผู้ให้บริการ Exchange ตลอดปีที่ผ่านมา Zipmex ก็มีความพยายามพัฒนาระบบที่จะช่วยคำนวณกำไรขาดทุน แต่ต้องบอกเลยว่าเป็นเรื่องที่ยากมากๆ กรณีที่กรมสรรพากรบอกว่ามีระบบ Data Analytics ที่สามารถตรวจสอบได้ ถ้ามีอัลกอริทึมที่ล้ำสมัยได้ขนาดนี้จริง ก็จะดีต่อวงการมาก” เอกลาภกล่าว

The post กูรูมอง รัฐรีดภาษีคริปโตไม่กระทบการเทรดของคนไทย ชี้การคำนวณภาษียังทำได้ยากในทางปฏิบัติ แนะรัฐปรับรูปแบบให้ชัดเจน เข้าใจง่าย appeared first on THE STANDARD.

]]>
กูรูคริปโตฯ มองดีลไทยพาณิชย์ซื้อหุ้นบิทคับ ออนไลน์ Win-Win ทั้งสองฝ่าย ช่วยส่งเสริมวงการคริปโตฯ ไทยให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น https://thestandard.co/scb-deal-bitkub-shares-win-win-for-both-parties/ Thu, 04 Nov 2021 01:20:21 +0000 https://thestandard.co/?p=555944 SCB

การยอมขายหุ้นในสัดส่วนถึง 51% ใน Bitkub Online ให้กับกล […]

The post กูรูคริปโตฯ มองดีลไทยพาณิชย์ซื้อหุ้นบิทคับ ออนไลน์ Win-Win ทั้งสองฝ่าย ช่วยส่งเสริมวงการคริปโตฯ ไทยให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCB

การยอมขายหุ้นในสัดส่วนถึง 51% ใน Bitkub Online ให้กับกลุ่มไทยพาณิชย์ ด้วยมูลค่า 1.78 หมื่นล้านบาท ซึ่งเปรียบเสมือนการยอมสูญเสียความเป็นเจ้าของในธุรกิจสตาร์ทอัพที่ก่อร่างสร้างมากับมือของ ท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ซีอีโอวัย 31 ปี ถือเป็นดีลที่สร้างความประหลาดใจและน่าสนใจไม่น้อยของคนที่อยู่ในแวดวงคริปโตเคอร์เรนซี 

 

เพราะแม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยมีการขายหุ้นในธุรกิจ Exchange และ Broker ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลเจ้าอื่นๆ ให้กับผู้เล่นรายใหญ่เกิดขึ้นบ้าง เช่น การเข้าถือหุ้นใน Zipmex ของกรุงศรี ฟินโนเวต และการเข้ามาถือหุ้นบางส่วนใน Bitazza ของ Lightnet Group แต่ก็ไม่เคยเห็นสัดส่วนตัวเลขที่สูงถึง 51% 

 

ล่าสุดรายการ The Secret Sauce ได้เชิญ กานต์นิธิ ทองธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน Merkle Capital และผู้ก่อตั้งเพจ Kim DeFi Daddy และ Bitcoin Addict Thailand มาร่วมพูดคุยและวิเคราะห์ถึงดีลสะเทือนวงการในครั้งนี้ โดยกานต์นิธิได้ให้ความเห็นว่า โดยส่วนตัวก็รู้สึกประหลาดใจกับการยอมขายหุ้น 51% ของ Bitkub เช่นกัน 

 

อย่างไรก็ดี หากมองในแง่ผลประโยชน์ทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ต้องถือว่าดีลนี้เป็น Win-Win เนื่องจากไทยพาณิชย์เองมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ และมีเป้าหมายจะเปลี่ยนตัวเองจากธนาคารมาเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน ขณะที่ Bitkub เองก็เป็น Digital Asset Exchange อันดับ 1 ของไทย ครอบครองฐานผู้ใช้มากกว่า 90% ทำให้ทั้งสองสามารถต่อยอดธุรกิจระหว่างกันได้ไม่ยาก

 

“ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันไทยพาณิชย์มีฐานลูกค้าอยู่ 16 ล้านราย ถ้าในอนาคตสัก 10% จากจำนวนนี้เกิดอยากเทรดคริปโตเคอร์เรนซี ก็จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าและรายได้ค่าธรรมเนียมให้ Bitkub ได้ ขณะที่ไทยพาณิชย์อาจใช้ Bitkub ต่อยอดไปยังธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ นอกจากการเป็น Exchange เปรียบเสมือนเกตเวย์ไปสู่โลก DeFi อื่นๆ” กานต์นิธิกล่าว

 

อีกหนึ่งปัจจัยที่กานต์นิธิมองว่าทำให้เกิดดีลนี้ขึ้นได้ คือ ที่ผ่านมาเวลา Bitkub พยายามจะทำอะไรใหม่ๆ เช่น Fan Tokens, Meme Tokens และ NFTs ก็มักจะเจออุปสรรคติดขัดเรื่องข้อบังคับและข้อกฎหมายจากหน่วยงานกำกับ ทำให้ Bitkub อาจรู้สึกถึงข้อจำกัดตรงนี้ ดังนั้น การที่มีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาร่วมทุนอาจจะช่วยเพิ่มจุดแข็งในการพูดคุยกับหน่วยงานกำกับ ทำให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มของตัวเองได้มากขึ้น

 

“เรื่องนี้คงต้องจับตาดูว่าการเข้ามาของ Big Player อย่างไทยพาณิชย์ จะทำให้กำแพงกฎเกณฑ์ต่างๆ ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งเราหวังให้เป็นอย่างนั้น เพราะมันจะช่วยยกระดับระบบนิเวศหรือ Digital Asset Ecosystem ของไทยให้ไปได้ไกลกว่าการเทรดหรือรับซื้อขายอย่างเดียว” กานต์นิธิกล่าว

 

กานต์นิธิวิเคราะห์อีกว่า แผนการเข้า IPO ของ Bitkub ก็อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการพิจารณาดีลนี้ เนื่องจากการซื้อขายหุ้นในสัดส่วน 51% มีมูลค่าถึง 1.75 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้มูลค่ารวมของ BitKub เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 3 หมื่นล้านบาท กลายเป็น Unicorn ตัวที่สองของไทย ซึ่งการมูลค่าบริษัทที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลดีต่อการทำ IPO ในอนาคต และจะสร้างบรรทัดฐานให้กับ Exchange เจ้าอื่นๆในการระดมทุนระยะข้างหน้า

 

เมื่อถามถึงผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจากการที่ธุรกิจรายใหญ่สองเจ้ามาจับมือกัน กานต์นิธิกล่าวว่า แน่นอนว่าเรื่องนี้จะยิ่งสร้างความได้เปรียบให้กับ Bitkub ซึ่งเดิมก็ถือว่ามีสัดส่วนยูสเซอร์สูงที่สุดอยู่แล้ว ทำให้ Exchange เจ้าอื่นคงอยู่นิ่งเฉยได้ลำบาก และอาจต้องเริ่มคิดว่าจะเปิดรับให้ Big Player เข้ามาถือหุ้นหรือเป็นพันธมิตรหรือไม่

 

“ปัจจุบัน Bitkub ยังคิดค่าธรรมเนียมสูงกว่าคู่แข่งเจ้าอื่น ทำให้ในอนาคตยูสเซอร์อาจหันไปใช้บริการเจ้าอื่น การแข่งขันตรงนี้จะเกิดขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภค” กานต์นิธิกล่าว

 

กานต์นิธิสรุปว่า ในภาพรวมเชื่อว่าดีลนี้จะช่วยส่งเสริมให้วงการคริปโตเคอร์เรนซีไทยเป็นที่ยอมรับมากขึ้น และการที่ผู้เล่นรายใหญ่อย่างไทยพาณิชย์กระโดดลงมาเล่นเองจะทำให้คนกล้าลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีจะแมสขึ้น อย่างไรก็ดี เรื่องนี้จะมาคู่กับความเสี่ยงด้วยเช่นกัน เพราะการที่มีนักลงทุนมือใหม่เข้ามาในวงการมากขึ้น อาจทำให้กลุ่มมิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาหลอกลวง ซึ่งการส่งเสริมให้ความรู้แก่นักลงทุนจะเป็นเรื่องจำเป็นมาก

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post กูรูคริปโตฯ มองดีลไทยพาณิชย์ซื้อหุ้นบิทคับ ออนไลน์ Win-Win ทั้งสองฝ่าย ช่วยส่งเสริมวงการคริปโตฯ ไทยให้เป็นที่ยอมรับมากขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
กูรู DeFi เผยเทคนิคการเลือก ‘คู่เหรียญ’ ทำ Yield Farming กับเคล็ดลับ ‘ฟาร์ม’ อย่างไรไม่ให้เป็นชาวดอย https://thestandard.co/defi-unveiled-pair-of-coins-technique-and-yield-farming/ Fri, 13 Aug 2021 10:37:49 +0000 https://thestandard.co/?p=524856 DeFi

คนที่เคยลงทุนผ่านการทำ Yield Farming ในระบบการเงินแบบไร […]

The post กูรู DeFi เผยเทคนิคการเลือก ‘คู่เหรียญ’ ทำ Yield Farming กับเคล็ดลับ ‘ฟาร์ม’ อย่างไรไม่ให้เป็นชาวดอย appeared first on THE STANDARD.

]]>
DeFi

คนที่เคยลงทุนผ่านการทำ Yield Farming ในระบบการเงินแบบไร้ตัวกลาง หรือ DeFi (Decentralized Finance) คงจะคุ้นเคยกับผลตอบแทนในระดับ 10-20% ต่อปี หรือบางฟาร์มอาจให้ผลตอบแทนที่มากกว่า 200-300% ต่อปี โดยผลตอบแทนเหล่านี้คือผลตอบแทนที่ได้รับเมื่อเทียบกับจำนวนเหรียญที่นำไปฟาร์ม ซึ่งก็คล้ายกับกรณีที่เรานำเงินไปฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์แล้วได้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยนั่นเอง

 

เพียงแต่ในโลก DeFi แม้บางฟาร์มจะให้ผลตอบแทนสูงหลัก 200-300% ขึ้นไป แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ลงทุนจะมี ‘กำไร’ จากการลงทุนนั้นๆ เสมอไป สาเหตุเพราะในโลก DeFi และคริปโตเคอร์เรนซี ราคาเหรียญที่เราซื้อเพื่อนำไปฟาร์มมีราคาเหวี่ยงขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา เปรียบเทียบก็เหมือนกับเราเอาเงินบาทไปฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ในต่างประเทศ แม้จะได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าแต่ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้เช่นกัน 

 

ช่วงหลังมานี้จะพบว่า ‘นักลงทุนรายใหม่’ กระโดดเข้าสู่โลก DeFi ผ่านการทำ Yield Farming มากขึ้นเรื่อยๆ และมีไม่น้อยที่ต้องขาดทุนเพราะหลงใหลไปกับตัวเลขผลตอบแทนของหลายๆ ฟาร์มที่โชว์ในระดับหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงของราคาเหรียญที่เหวี่ยงขึ้นลง ทำให้หลายรายต้องบาดเจ็บ ขาดทุน กลายเป็นชาวดอยในท้ายที่สุด 

 

THE STANDARD WEALTH ชวนไปหาคำตอบและเทคนิคการเลือกเหรียญ หรือ ‘คู่เหรียญ’ ในการทำฟาร์ม จาก ‘กูรู’ ในโลกคริปโตฯ เพื่อเรียนรู้ว่า ‘ฟาร์มอย่างไรไม่ให้ขาดทุน’

 

คิม-กานต์นิธิ ทองธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน Merkle Capital ผู้ก่อตั้งเพจ Bitcoin Addict Thailand และเพจ Kim DeFi Daddy กรรมการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย อธิบายให้ฟังว่า จริงๆ แล้ว DeFi ก็คือสถาบันการเงินรูปแบบหนึ่ง เหมือนกับที่ทุกคนฝากเงินกันอยู่ เพียงแต่รูปแบบของ DeFi ไม่มีตัวกลางที่เป็นสถาบันการเงินอย่างธนาคารพาณิชย์เท่านั้น 

 

ดังนั้นหากมองในมุมนี้ ‘การฟาร์มเหรียญ’ จึงคล้ายกับ ‘การฝากเงิน’ นั่นเอง ซึ่งการฝากเงินก็ไม่ควรมีความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง หากนักลงทุนเลือกไปลงทุน หรือฟาร์มในแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย เช่น การเลือกคู่เหรียญที่เป็น Stablecoin หรือเหรียญที่มีสินทรัพย์หนุนหลังอยู่ อาทิ USDT, BUSD, USDC และ UST การลงทุนฟาร์มเหรียญเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องความผันผวนของราคาเหรียญได้อย่างมาก และช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการเป็นชาวดอยได้อย่างดี

 

“ตัวเหรียญที่เราไปฝากนั้นจะอิงกับค่าเงินดอลลาร์ ความผันผวนจึงค่อนข้างต่ำ และให้ผลตอบแทนที่ดีในระดับ 10-20% ต่อปี ซึ่งนับว่าไม่น้อยเมื่อเทียบกับการฝากเงินในรูปแบบเก่าที่ได้ผลตอบแทนไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ”

 

นอกจากนี้คิมยังเตือนด้วยว่า อย่าหลงไปกับตัวเลข APR (Annual Percentage Rate หรืออัตราผลตอบแทนร้อยละต่อปี) ที่สูง ซึ่งบางฟาร์มอาจโชว์ APR ในระดับ 300% ต่อปี แต่เหรียญที่ต้องนำมาฟาร์มเหล่านี้ไม่ใช่ Stablecoin และมักจะมีการเคลื่อนไหวของราคาที่ผันผวนสูง ดังนั้นแม้ผู้ลงทุนได้ผลตอบแทนจากการทำฟาร์มในระดับ 300% ต่อปี แต่ถ้าราคาเหรียญปรับตัวลงแรงๆ ก็เสี่ยงที่จะขาดทุนหนักได้เช่นกัน

 

สำหรับนักลงทุน ‘สายซิ่ง’ ที่ต้องการเลือกคู่เหรียญซึ่งไม่ใช่ Stablecoin แต่ยังสามารถลงทุนได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ขาดทุนมากจนเกินไปนั้น คิมแนะนำว่าควรเลือกเหรียญที่มีสภาพคล่องสูงๆ และมีมาร์เก็ตแคปมากๆ เพราะสะท้อนว่าเป็นเหรียญที่คนยอมรับ ดังนั้นแม้ราคาจะมีความผันผวนสูงบ้าง แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าเหรียญที่เพิ่งเกิดใหม่ ซึ่งยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ตัวเอง 

 

“เหรียญที่เพิ่งเกิดใหม่หรือที่มีสภาพคล่องต่ำ มาร์เก็ตแคปไม่สูงมาก เหรียญเหล่านี้มักจะยังไม่เคยเผชิญแรงขายหนักๆ มาก่อน ถ้าวันใดเกิดมีคนเทขายออกมาพร้อมๆ กัน จนตลาดเกิด Panic Sell ก็อาจทำให้ราคาเหรียญลงมาได้มากกว่า 80-90% หรือบางเหรียญอาจจะเสื่อมมูลค่าไปเลยก็ได้ การลงทุนในเหรียญเหล่านี้จึงต้องระมัดระวังอย่างสูง”

 

คิมบอกด้วยว่า ถ้าไปดูเหรียญที่มีมูลค่าสูงๆ เช่น Bitcoin, Ethereum หรือ BNB จะเห็นว่าเหรียญเหล่านี้ผ่านความผันผวนครั้งใหญ่ๆ มาหลายครั้ง แต่ก็ยังมีดีมานด์หรือความต้องการซื้อเหรียญอยู่ตลอดเวลา ราคาจึงสามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว และไม่เหวี่ยงมากเท่าเหรียญเกิดใหม่อื่นๆ 

 

อย่างไรก็ตามนักลงทุนต้องไม่ลืมว่า การลงทุนในทุกสินทรัพย์มีความเสี่ยง เช่นเดียวกับการลงทุนในโลก DeFi ก็ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโลก DeFi ด้วยเช่นกัน

The post กูรู DeFi เผยเทคนิคการเลือก ‘คู่เหรียญ’ ทำ Yield Farming กับเคล็ดลับ ‘ฟาร์ม’ อย่างไรไม่ให้เป็นชาวดอย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ทริกเลือกแพลตฟอร์มทำฟาร์ม https://thestandard.co/morning-wealth-25052021-3/ Tue, 25 May 2021 05:08:51 +0000 https://thestandard.co/?p=492626 Cryptocurrency

คิม-กานต์นิธิ ทองธนากุล เจ้าของเพจ Kim DeFi Daddy และ B […]

The post ชมคลิป: ทริกเลือกแพลตฟอร์มทำฟาร์ม appeared first on THE STANDARD.

]]>
Cryptocurrency
  • คิม-กานต์นิธิ ทองธนากุล เจ้าของเพจ Kim DeFi Daddy และ Bitcoin Addict Thailand ให้ข้อมูลกับ THE STANDARD WEALTH ถึงข้อสังเกต 5 ข้อ ที่นักลงทุนคริปโตฯ สายฟาร์ม ควรนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงทุน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง จะมีอะไรบ้างติดตามได้ใน Highlight นี้

 

ติดตามได้ในรายการ Morning Wealth วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 เวลา 07.00-08.00 น. ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/


ไม่พลาดข่าวไฮไลต์ประจำวัน มาเป็นเพื่อนกับ THE STANDARD WEALTH ในไลน์ คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

The post ชมคลิป: ทริกเลือกแพลตฟอร์มทำฟาร์ม appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ทำความรู้จัก THT สเตเบิลคอยน์สกุลเงินบาท https://thestandard.co/morning-wealth-16032021-2/ Tue, 16 Mar 2021 05:00:50 +0000 https://thestandard.co/?p=465384 ชมคลิป: ทำความรู้จัก THT สเตเบิลคอยน์สกุลเงินบาท

ทำความรู้จักเหรียญ THT หรือไทยบาทดิจิทัล คืออะไร เกี่ยว […]

The post ชมคลิป: ทำความรู้จัก THT สเตเบิลคอยน์สกุลเงินบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ทำความรู้จัก THT สเตเบิลคอยน์สกุลเงินบาท
  • ทำความรู้จักเหรียญ THT หรือไทยบาทดิจิทัล คืออะไร เกี่ยวข้องกับระบบการเงินการลงทุนบ้านเราอย่างไร กับ กานต์นิธิ ทองธนากุล เจ้าของเพจ Kim DeFi Daddy และ Bitcoin Addict

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 . ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: ทำความรู้จัก THT สเตเบิลคอยน์สกุลเงินบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ทำความรู้จัก ‘THT’ สกุลเงินบาทในโลก DeFi | Morning Wealth 16 มีนาคม 2564 https://thestandard.co/morning-wealth-16032021/ Tue, 16 Mar 2021 01:15:52 +0000 https://thestandard.co/?p=465325 ชมคลิป: ทำความรู้จัก ‘THT’ สกุลเงินบาทในโลก DeFi | Morning Wealth 16 มีนาคม 2564

ทำความรู้จักเหรียญ THT หรือ ไทยบาทดิจิทัล คืออะไร เกี่ย […]

The post ชมคลิป: ทำความรู้จัก ‘THT’ สกุลเงินบาทในโลก DeFi | Morning Wealth 16 มีนาคม 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ทำความรู้จัก ‘THT’ สกุลเงินบาทในโลก DeFi | Morning Wealth 16 มีนาคม 2564
  • ทำความรู้จักเหรียญ THT หรือ ไทยบาทดิจิทัล คืออะไร เกี่ยวข้องกับระบบการเงิน การลงทุนบ้านเราอย่างไร กับ กานต์นิธิ ทองธนากุล เจ้าของเพจ Kim DeFi Daddy และ Bitcoin Addict
  • เปิดเทรนด์โลก ‘Blockchain และอนาคตของโลกการเงินที่ไม่พึ่งธนาคาร หรือ DeFi’ กับ ไพลิน วิชากูล Principal, Venture Capital, SCB 10X
  • วิเคราะห์ หุ้นหรือบริษัทจดทะเบียนไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในเมียนมา ได้รับผลกระทบจากการเมืองภายในที่ยืดเยื้ออย่างไรบ้าง

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 . ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: ทำความรู้จัก ‘THT’ สกุลเงินบาทในโลก DeFi | Morning Wealth 16 มีนาคม 2564 appeared first on THE STANDARD.

]]>