วันนี้ (24 มกราคม) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายก […]
The post กรมปศุสัตว์ คุมเข้มตรวจสต๊อกหมู แจงเนื้อหมู 13.41 ล้านกิโลกรัม มาจากห้องเย็น 539 แห่ง appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (24 มกราคม) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ติดตามตรวจสอบปริมาณสุกรในห้องเย็นทั่วประเทศอย่างเข้มงวด โดยเป็นการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ปกครอง และเจ้าหน้าที่พาณิชย์
ซึ่งตัวเลขล่าสุด ณ วันที่ 23 มกราคม 2564 กรมปศุสัตว์รายงานว่า ได้มีการดำเนินการทั้งหมดไปแล้ว 539 แห่ง (ตัวเลขสะสมนับตั้งแต่วันที่ 20-23 มกราคม) พบเนื้อสุกรรวม 13.41 ล้านกิโลกรัม และทางกรมจะเดินหน้าตรวจสอบห้องเย็นที่มีสินค้าปศุสัตว์ที่เหลือให้ครบ ซึ่งมีอีกประมาณห้าร้อยกว่าแห่ง หากตรวจสอบโดยละเอียดพบมีการกักตุน ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด และเนื้อสุกรจะถูกสั่งให้จำหน่ายตามราคาที่ทางการกำหนดต่อไป
สำหรับข้อมูลการเลี้ยงสุกรในปัจจุบัน ณ เดือนมกราคม 2565 กรมปศุสัตว์รายงาน มีเกษตรกรผู้เลี้ยง 1.07 แสนราย จำนวนสุกร 10.84 ล้านตัว แบ่งเป็น สุกรพ่อพันธุ์ 4.9 หมื่นตัว สุกรแม่พันธ์ุ 9.79 แสนตัว และสุกรขุน 9.56 ล้านตัว และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่า จำนวนสุกรทั้งหมดลดลงร้อยละ 11.81 แยกเป็น สุกรพ่อพันธุ์ลดลงร้อยละ 41.1 สุกรแม่พันธ์ุลดลงร้อยละ 11.16 จำนวนสุกรขุนลดลง ร้อยละ 13.9 และในปีนี้มีการขยายการเลี้ยงสุกรในพื้นที่ใหม่ ส่วนพื้นที่เดิมที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญมีการเลี้ยงลดลง ฟาร์มขนาดกลางมีจำนวนเกษตรกรเพิ่มขึ้นและขยายการเลี้ยงเพื่อให้ได้ปริมาณที่เหมาะสม ส่วนฟาร์มขนาดใหญ่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่แต่เป็นการเลี้ยงที่ลดความหนาแน่นของสุกรในฟาร์ม
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการควบคู่ไปกับการป้องกันการกักตุนเนื้อสุกร รัฐบาลยังเร่งดำเนินการหลายมาตรการเพื่อแก้ปัญหาเนื้อสุกรราคาแพง ซึ่งประกอบด้วยมาตรการหลายระยะ ดังนี้
อย่างไรก็ตาม รัชดากล่าวด้วยว่า จากข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมกันเข้าไปตรวจสต๊อกเนื้อสุกร หากพบการกักตุนหรือฉวยโอกาสขึ้นราคาจะถูกดำเนินคดีขั้นสูงสุด กรณีที่ตรวจพบว่ามีการรายงานตัวเลขการครอบครองเนื้อสุกรไม่ตรงกับที่แจ้งพาณิชย์จังหวัด จะเข้าข่ายเป็นการกักตุนหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบอย่างละเอียด
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 กำหนดว่า กรณีที่ไม่แจ้งปริมาณสต๊อกถือว่ามีความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 2,000 บาท ตลอดระยะเวลาฝ่าฝืน ส่วนในกรณที่แจ้งแล้วต้องตรวจสอบต่อไปว่าแจ้งด้วยข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ หากแจ้งด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จจะมีความผิดอีกเช่นกัน
หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการกักตุน ซึ่งหมายถึงการปฏิเสธการจำหน่าย ทั้งที่มีสินค้าและมีผู้ขอซื้อสินค้าเข้ามาแต่ไม่จำหน่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากประชาชนพบการกระทำความผิดหรือสงสัยว่าเป็นการกระทำความผิด ขอให้แจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 06 3225 6888 เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ลงไปตรวจสอบและดำเนินการได้ทันที
The post กรมปศุสัตว์ คุมเข้มตรวจสต๊อกหมู แจงเนื้อหมู 13.41 ล้านกิโลกรัม มาจากห้องเย็น 539 แห่ง appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (22 มกราคม) น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ […]
The post พบอีก 2 บริษัทในพื้นที่นครปฐมกักตุนหมู 6 หมื่นกว่ากิโลกรัม กรมปศุสัตว์สั่งอายัด ไม่มีหลักฐานมาแสดงเจอดำเนินคดี appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (22 มกราคม) น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษพญาไท ด่านกักกันสัตว์สระบุรี ด่านกักกันสัตว์พระนครศรีอยุธยา ด่านกักกันสัตว์สุพรรณบุรี สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ในการตรวจสอบห้องเย็น เพื่อป้องกันกรณีที่อาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า โดยในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบการกักตุนซากสุกรในห้องเย็นจำนวน 2 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม
เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบบริษัท C (นามสมมติ) เป็นโรงงานตัดแต่งเนื้อสัตว์ และมีห้องเย็นของตนเอง พบมีการจัดเก็บซากสุกรจำนวน 288,828.6 กิโลกรัม พนักงานเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบเอกสารเคลื่อนย้าย พบมีซากสุกรบางส่วนจำนวน 56,898 กิโลกรัม ได้นำไปฝากจัดเก็บห้องเย็นภายนอกแห่งหนึ่ง ไม่มีเอกสารเคลื่อนย้ายซากสัตว์ และทางบริษัทยังไม่ได้แจ้งจำนวนกักตุนต่อกรมการค้าภายใน พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้อายัดซากสุกรจำนวน 56,898 กิโลกรัมไว้ที่ห้องเย็นดังกล่าว
พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลเข้าตรวจสอบบริษัท D (นามสมมติ) มีลักษณะเป็นโรงงานตัดแต่งเนื้อสัตว์และรับฝากเนื้อ (ห้องเย็น) พบมีซากสุกรจัดเก็บจำนวน 56,388.66 กิโลกรัม และยังไม่ได้แจ้งต่อกรมการค้าภายใน พนักงานจึงขอตรวจสอบเอกสารการเคลื่อนย้าย พบว่าซากสุกรจำนวน 10,088 กิโลกรัม ไม่มีเอกสารเคลื่อนย้ายซากสัตว์ พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้อายัดซากสุกรจำนวน 10,088 กิโลกรัม ทางบริษัทยังไม่ได้แจ้งการกักตุนสินค้าให้กรมการค้าภายในทราบ
ซึ่งหากเจ้าของบริษัทเนื้อสุกรที่อายัดไว้ไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงได้ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ 2558 มาตรา 22 โทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือพบเห็นการกระทำผิดด้านปศุสัตว์ โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับข้อมูล หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน DLD4.0 หรือสายด่วนกรมปศุสัตว์ 06 3225 6888 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
The post พบอีก 2 บริษัทในพื้นที่นครปฐมกักตุนหมู 6 หมื่นกว่ากิโลกรัม กรมปศุสัตว์สั่งอายัด ไม่มีหลักฐานมาแสดงเจอดำเนินคดี appeared first on THE STANDARD.
]]>จากกรณีที่วานนี้ (20 มกราคม) กรมปศุสัตว์จังหวัดสงขลาและ […]
The post เบทาโกร ชี้แจงเก็บเนื้อหมู 2.1 แสนกิโลกรัม เป็นการจัดการสินค้าปกติ ยันแจ้งปริมาณให้พาณิชย์ทราบล่วงหน้าแล้ว appeared first on THE STANDARD.
]]>จากกรณีที่วานนี้ (20 มกราคม) กรมปศุสัตว์จังหวัดสงขลาและชุดด่านกักกันสัตว์สงขลาได้เข้าตรวจสอบห้องแช่เย็นเนื้อสัตว์ของบริษัท ปิติซีฟูดส์ จำกัด ตรวจสอบพบเนื้อหมูแช่แข็ง 211,360 กิโลกรัมอยู่ภายในห้องเย็น และทราบภายหลังว่าเป็นการรับฝากสินค้าจากบริษัท เบทาโกร
ช่วงค่ำวันเดียวกัน บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) มีเอกสารชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น ระบุว่า จากกรณีที่ปรากฏรายงานข่าวการเข้าตรวจสอบบริษัทห้องเย็นแห่งหนึ่งใน จ.สงขลา และพบว่ามีการเก็บรักษาเนื้อสุกรจากบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง จำนวน 201,650 กิโลกรัมในห้องเย็นดังกล่าวนั้น
บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า การจัดเก็บรักษาเนื้อสุกรของบริษัท เบทาโกร เกษตรอุตสาหกรรม พัทลุง และสาขาในกลุ่ม ในบริษัทห้องเย็นตามที่ระบุในรายงานข่าว เป็นการจัดการสินค้าคงคลังตามแนวทางการปฏิบัติโดยปกติ ภายใต้มาตรฐานการจัดส่งสินค้า เพื่อการสำรองสินค้ารองรับการจัดส่ง 5-7 วันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สินค้ามีความสดใหม่จนถึงมือผู้บริโภค โดยครอบคลุมพื้นที่จัดส่งในภาคใต้ตอนล่างมากกว่า 8 จังหวัด
ทั้งนี้บริษัทได้มีการแจ้งข้อมูลปริมาณเนื้อสุกรทั้งหมดที่เก็บในห้องเย็นนั้นต่อกระทรวงพาณิชย์ให้รับทราบล่วงหน้า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565 จำนวน 211,361 กิโลกรัม ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 1/2565 ที่ระบุให้ “ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่งที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว ห้องเย็นที่มีการเก็บสต๊อกเกิน 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป ให้ดำเนินการแจ้งสต๊อกให้กรมการค้าภายในรับทราบ รวมทั้งแจ้งราคาในทุก 7 วัน โดยเริ่มวันที่ 10 มกราคม 2565 เป็นต้นไป”
The post เบทาโกร ชี้แจงเก็บเนื้อหมู 2.1 แสนกิโลกรัม เป็นการจัดการสินค้าปกติ ยันแจ้งปริมาณให้พาณิชย์ทราบล่วงหน้าแล้ว appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (20 มกราคม) ตามที่กรมปศุสัตว์จังหวัดสงขลาและชุดด […]
The post เนื้อหมูกว่า 2 แสนกิโลกรัมที่สงขลา เป็นของเบทาโกรมาฝากห้องแช่เย็น อยู่ระหว่างตรวจสอบเข้าข่ายกักตุนหรือไม่ appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (20 มกราคม) ตามที่กรมปศุสัตว์จังหวัดสงขลาและชุดด่านกักกันสัตว์สงขลาได้เข้าตรวจสอบห้องแช่เย็นเนื้อสัตว์ของบริษัท ปิติซีฟูดส์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 125/1 หมู่ที่ 5 ถนนสงขลา-ปัตตานี ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา พบเนื้อหมูแช่แข็ง 211,360 กิโลกรัมอยู่ภายในห้องเย็นของบริษัท ซึ่งได้เปิดให้บริการห้องเย็นสำหรับพ่อค้าที่จะใช้บริการห้องเย็นเพื่อแช่แข็งเนื้อสัตว์จำนวนมาก เบื้องต้นกรมปศุสัตว์จังหวัดสงขลาได้สั่งอายัดเนื้อหมูแช่แข็งทั้งหมดเพื่อดำเนินการตรวจสอบแล้ว
เจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า เบื้องต้นในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตอนนี้ได้มีสินค้าตกค้างอยู่ประมาณ 2 แสนกว่ากิโลกรัม เป็นของบริษัท เบทาโกร ขณะนี้กำลังให้ทางบริษัทชี้แจงว่าเนื้อหมูที่ค้างจากสาเหตุเพราะอะไร ซึ่งบริษัท ปิติซีฟูดส์ จำกัด เป็นบริษัทรับฝาก มีทั้งเนื้อหมู ไก่ ปลา และสินค้าประเภทซีฟู้ด ซึ่งมีสาขาที่จังหวัดพัทลุง โดยในชั้นนี้จะเป็นเรื่องของการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทางเจ้าของบริษัททั้งสองบริษัท และหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะลงตรวจสอบห้องเย็นทุกพื้นที่ในจังหวัดสงขลา หลังจากทราบว่ามีหลายบริษัทที่ทำในลักษณะนี้ ซึ่งได้วางแผนในการเข้าตรวจสอบจนถึงสิ้นเดือนมกราคมนี้ ตอนนี้ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบเอกสารที่ทางบริษัทได้นำมาให้ดูอย่างละเอียด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่ประเมินเข้าข่ายกักตุนหรือไม่ เพราะหมูไม่ออกไปจากคลังสินค้าเลย
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลากล่าวว่า มีเนื้อหมูออกไปจากคลังสินค้าบางส่วนแต่ไม่มาก โดยเจ้าหน้าที่จะดูอย่างละเอียด และให้ทั้งสองบริษัทมาชี้แจงอย่างละเอียด เพื่อจะได้พิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่ อย่างไร ซึ่งถ้าตรวจพบว่าเป็นความผิด ก็จะมีความผิดทั้งผู้ฝากและผู้รับฝากตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
The post เนื้อหมูกว่า 2 แสนกิโลกรัมที่สงขลา เป็นของเบทาโกรมาฝากห้องแช่เย็น อยู่ระหว่างตรวจสอบเข้าข่ายกักตุนหรือไม่ appeared first on THE STANDARD.
]]>มูห์ยิดดิน ยัซซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวในที่ประชุม […]
The post นายกฯ มาเลเซียเรียกร้องประเทศร่ำรวยอย่ากักตุนวัคซีน ปฏิรูประบบยา รับมือโรคระบาดร้ายแรงในอนาคต appeared first on THE STANDARD.
]]>มูห์ยิดดิน ยัซซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวในที่ประชุม Future of Asia ของ Nikkei ในกรุงโตเกียวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า ประเทศที่ร่ำรวยไม่ควรกักตุนวัคซีนและสิทธิบัตร พร้อมเรียกร้องให้นานาประเทศเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียม เพื่อยุติวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 พร้อมทั้งเสนอให้มีการยกเครื่องระบบเภสัชกรรมเพื่ออนาคต
ผู้นำมาเลเซียกล่าวว่า อุปสรรคที่มนุษย์สร้างขึ้นกำลังขัดขวางความพยายามในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเอาชนะการกลายพันธุ์ของไวรัสที่กำลังทำให้วัคซีนที่มีอยู่ ‘ล้าสมัย’
“ประเทศที่ร่ำรวยที่สุด 27 ประเทศมีวัคซีนสัดส่วน 35.5% ถึงแม้ว่าประเทศเหล่านี้จะมีประชากรคิดเป็นเพียง 10.5% ของทั่วโลก ประเทศเหล่านี้มีวัคซีนมากเกินพอที่จะฉีดให้ประชากรนอกประเทศของตน” ยัซซิน กล่าว
เขากล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนแล้ว 1.23 พันล้านโดสใน 174 ประเทศ ซึ่งจำนวนนี้มี 252 ล้านโดส หรือ 20% ที่ฉีดในสหรัฐฯ เพียงประเทศเดียว
ยัซซินยกตัวอย่างว่า ประเทศในเอเชียมีความใจกว้างมากขึ้นในการแบ่งปันวัคซีน โดยจีนและอินเดียส่งออกวัคซีนราว 200 ล้านโดส และ 66 ล้านโดสตามลำดับ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 48% และ 34% ของการผลิตวัคซีนของสองประเทศ ส่วนสัดส่วนของการส่งออกไปต่างประเทศของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรอยู่ที่ 1.1% และ 4% ตามลำดับเท่านั้น
เขาแสดงความเห็นว่าเอเชียควรรับบทนำในการละเว้นการคุ้มครองสิทธิบัตรเพื่อเปิดทางให้สามารถผลิตยาในราคาที่ถูกกว่าสำหรับโรคร้ายแรงตั้งแต่โควิด-19 ไปจนถึง HIV/เอดส์
ในการนี้ยัซซินยังกล่าวยินดีที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ สนับสนุนการยกเว้นการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ชั่วคราว โดยเขากล่าวว่า นี่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระบบสิทธิบัตรยาทั่วโลก
“การหยุดเกียร์ชั่วคราวนั้นไม่เพียงพอ หน้าที่ของเราคือการรื้อถอนทั้งหมด” เขากล่าวเสริมว่า การที่เอเชียจะป้องกันและต่อสู้กับโรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนจากแนวทางชาตินิยมไปสู่บริการสุขภาพที่ลงทุนด้านสุขภาพเพื่อสาธารณประโยชน์ทั่วโลก”
ทั้งนี้การเข้าร่วมประชุมเวที Future of Asia ของ Nikkei ของยัซซินครั้งนี้ถือเป็นการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมขององค์กรสื่อต่างชาติครั้งแรกนับตั้งแต่เขารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเดือนมีนาคม 2020 ซึ่งนอกจากผู้นำมาเลเซียแล้ว ยังมีผู้นำอีกหลายคนที่เตรียมมาให้มุมมองเกี่ยวกับความท้าทายของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวมถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย, ฝั่ม มิญ จิ๊ญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขณะที่สิงคโปร์ส่ง เฮงสวีเกียต รองนายกรัฐมนตรีเข้าร่วม ส่วน โยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีกำหนดกล่าวในช่วงท้ายของการประชุมวันนี้ ซึ่งงานจะมีไปจนถึงวันศุกร์
ภาพ: Malaysian Ministry of Health / Handout / Anadolu Agency via Getty Images
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
The post นายกฯ มาเลเซียเรียกร้องประเทศร่ำรวยอย่ากักตุนวัคซีน ปฏิรูประบบยา รับมือโรคระบาดร้ายแรงในอนาคต appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (2 มีนาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตร […]
The post ประยุทธ์ ยันไม่มีการกักตุนวัคซีนให้ VIP แจงเป้าฉีดวัคซีน 60% ของจำนวนประชากร appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (2 มีนาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสข่าวการกักตุนวัคซีนต้านโควิด-19 ให้บุคคล VIP ว่า ต้องไปดูรายละเอียดอีกครั้ง ตนไม่ได้สั่งแบบนั้น กระทรวงสาธารณสุขก็ไม่ได้สั่งแบบนั้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงแรกยังมีปัญหาอยู่บ้าง เนื่องจากวัคซีนที่เข้ามามีจำนวนจำกัด แต่ต่อไปทุกอย่างจะดีขึ้นเอง วันนี้ได้อนุมัติงบประมาณการจัดหาวัคซีนในล็อตที่สองแล้ว และคาดว่าจะฉีดให้ครบ 60% ของคนในประเทศ ซึ่งไม่ถึงคน 66 ล้านคนอยู่แล้ว เพราะต้องตัดเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีออกไป เพราะฉะนั้นตัวเลข 60% คือตัวเลขสุดท้าย และขอให้เชื่อมั่นในการจัดหาและฉีดวัคซีน ส่วนการบริหารจัดการใดๆ ก็ตามเป็นเรื่องของแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัด ซึ่งต้องให้เกิดความโปร่งใสเป็นธรรมมากที่สุด ตนยืนยันว่าไม่มีนโยบายกักเก็บวัคซีนไว้ให้ใคร
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศหลายอย่างก็ดีขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องมาตรการของรัฐช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมายอดจองโรงแรมต่างๆ ก็สูงขึ้น มาตรการคนละครึ่ง มาตรการเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่เรามีอยู่ เพียงแต่ขอความเข้าใจจากประชาชนอันเป็นที่รักยิ่งของตน ช่วยกันทำให้ประเทศชาติเข้มแข็ง อย่ามุ่งหมายแต่ทำลายกัน ประเทศไทยเป็นดินแดนที่อยู่อาศัยประกอบอาชีพของพวกเรามายาวนาน เพราะฉะนั้นอะไรก็ตามที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ตนไม่ต้องการจะให้เกิดความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น วันนี้ตนก็พูดกับคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ขอบคุณที่ร่วมกันทำงานให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
The post ประยุทธ์ ยันไม่มีการกักตุนวัคซีนให้ VIP แจงเป้าฉีดวัคซีน 60% ของจำนวนประชากร appeared first on THE STANDARD.
]]>เมื่อมีกระแสข่าวลือว่า จะมีคำสั่งล็อกดาวน์ ห้ามคนออกจาก […]
The post ชมคลิป “ผักพอแน่นอน ไม่ต้องกักตุน” คำยืนยันจากแม่ค้าตลาดไท ในวิกฤตโควิด-19 appeared first on THE STANDARD.
]]>เมื่อมีกระแสข่าวลือว่า จะมีคำสั่งล็อกดาวน์ ห้ามคนออกจากบ้านเพื่อป้องกันโควิด-19
ก่อให้เกิดกระแสการกักตุนสินค้าเป็นการใหญ่ ทั้งอาหารแห้งและอาหารสด
แต่สำหรับผักแล้ว แม่ค้าในตลาดไทยืนยันว่า “ผักพอแน่นอน ไม่ต้องกักตุน”
The post ชมคลิป “ผักพอแน่นอน ไม่ต้องกักตุน” คำยืนยันจากแม่ค้าตลาดไท ในวิกฤตโควิด-19 appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (8 เมษายน) ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม รายงานว่ […]
The post ตำรวจจับประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ คดีกักตุน-ค้าหน้ากากอนามัย appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (8 เมษายน) ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม รายงานว่ากองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) นำทีมโดย พล.ต.ต. ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำหมายศาลเข้าจับกุม พันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ในฐานะหัวหน้าขบวนการกักตุนและค้าหน้ากากออนไลน์รายใหญ่ของประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจค้น
สำหรับ พันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ ถูกอ้างว่าเกี่ยวโยงกับการกักตุนหน้ากากอนามัยเพื่อค้ากำไร โดยสายตรวจกรมการค้าภายในได้ตรวจสอบแล้วพบการกักตุนหน้ากาก จากนั้นได้ออกหมายเรียกมาดำเนินคดี ข้อหาไม่แจ้งปริมาณการเก็บสินค้าคงเหลือ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
The post ตำรวจจับประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ คดีกักตุน-ค้าหน้ากากอนามัย appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (31 มีนาคม) นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนาย […]
The post ครม. อนุมัติตั้ง รมว.มหาดไทย เป็นประธานคณะกรรมการสำรวจการกักตุนสินค้า appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (31 มีนาคม) นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2497 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ และแต่งตั้งคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497 ขึ้นใหม่ โดยมีองค์ประกอบ ดังนี้
โดยให้สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ตามพระราชบัญญัติสำรวจการกักตุนโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2497
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
The post ครม. อนุมัติตั้ง รมว.มหาดไทย เป็นประธานคณะกรรมการสำรวจการกักตุนสินค้า appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (17 มีนาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล จุรินทร์ ลักษณวิศิษ […]
The post จุรินทร์เสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจตรวจสอบการกักตุนสินค้า appeared first on THE STANDARD.
]]>วันนี้ (17 มีนาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา ตนได้เชิญส่วนราชการและตัวแทนผู้ผลิต 43 ราย มาหารือเพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจเรื่องการผลิตและการกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคไปยังประชาชน รวมทั้งร้านค้าปลีก ค้าส่ง คอนวีเนียนสโตร์ ขณะที่ล่าสุดเมื่อวานนี้ (16 มีนาคม) ในช่วงบ่ายได้มีการหารือกับเจ้าหน้าที่ประจำในการดำเนินการอีกด้วย
“สิ่งหนึ่งที่เป็นห่วงก็คือเกรงว่าจะมีการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค วันนี้ผมจะขอความเห็นจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าควรมีการตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้และให้ปฏิบัติภารกิจกระจายไปทั่วประเทศ สำหรับส่วนกลางคิดว่าปลัดกระทรวงพาณิชย์ควรจะได้เป็นประธานคณะทำงาน และระดับจังหวัดก็ควรมีผู้ว่าราชการจังหวัดหรือรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมายเป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการกำกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
“สำหรับการดำเนินการที่เกี่ยวกับการจับกุมกรณีกักตุนสินค้า ขายเกินราคา หรือค้ากำไรเกินควร จะมีฝ่ายความมั่นคงอันประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครองท้องที่ หน่วยงานปกครองท้องถิ่น ส่วนราชการอื่น รวมทั้งพาณิชย์จังหวัด จะได้มาช่วยกันเป็นหูเป็นตาและใช้อำนาจตามกฎหมายในการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค ขายเกินราคา และค้ากำไรเกินควรต่อไป” จุรินทร์กล่าว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
The post จุรินทร์เสนอ ครม. ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจตรวจสอบการกักตุนสินค้า appeared first on THE STANDARD.
]]>