กล้วยเวียดนามบุกตลาดญี่ปุ่นมากขึ้น จากปัจจัยสินค้าราคาต่ำแต่มีคุณภาพสูง รวมถึงเป็นสมาชิก CPTPP จึงมีอุปสรรคภาษีต่ำ เบียดส่วนแบ่งกล้วยฟิลิปปินส์ไม่ยาก

จากตัวเลขสถิติการค้าญี่ปุ่นพบว่า ญี่ปุ่นนำเข้ากล้วยเวียดนามเพิ่มเป็น 33,000 ตันในปี 2024 มากกว่าระดับในปี 2019 ถึง 14 เท่า ครองส่วนแบ่งตลาดกล้วยในญี่ปุ่นจาก 0.2% เป็น 3.2%

โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกกล้วยเวียดนามในเขตโตเกียวเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้เป็นเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับภาพรวม แต่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เมื่อเทียบกับกล้วยส่วนใหญ่ที่นำเข้าจากฟิลิปปินส์

ผู้ค้าส่ง (Wholesaler) รายหนึ่งจากตลาดโอตะ (Ota Market) ที่กรุงโตเกียว กล่าวว่า ในตลาดมีกล้วยจากเวียดนามให้เห็นบ่อยขึ้น โดยมีปริมาณการนำเข้าเป็นรองเพียงฟิลิปปินส์และเอกวาดอร์เท่านั้น

ขณะที่ผู้ค้าส่งอีกรายหนึ่งระบุว่า ด้วยคุณภาพที่ดีและมีราคาต่ำ กล้วยเวียดนามจึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เนื่องจากว่า เวียดนามมีต้นทุนการปลูกกล้วยที่ต่ำกว่าฟิลิปปินส์ และประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อื่นๆ และยังมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ใกล้กับญี่ปุ่นมากกว่าประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกาอย่าง เม็กซิโก หรือเอกวาดอร์อีกด้วย ต้นทุนการขนส่งจึงต่ำกว่า

เชนร้านสะดวกซื้อในกรุงโตเกียวทดลองจำหน่ายกล้วยเวียดนามในปี 2023 และค้นพบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกซื้อกล้วยเวียดนามมากที่สุด ขณะที่ร้านสะดวกซื้ออีกเชนหนึ่งขายกล้วยเวียดนามถูกกว่ากล้วยฟิลิปปินส์ถึง 10%

สาเหตุที่กล้วยฟิลิปปินส์ครองตลาดญี่ปุ่นได้ เกิดจากความพยายามร่วมกันสร้างอุปทานกล้วยให้มีเสถียรภาพ ระหว่างผู้นำเข้าจากญี่ปุ่นและเกษตรกรในฟิลิปปินส์ จนครองส่วนแบ่งตลาดกล้วยในญี่ปุ่นได้มากถึง 90% ในช่วงต้นทศวรรษ 2010

อย่างไรก็ตาม ด้วยโรคพืช ตลอดจนสภาพอากาศที่แปรปรวน ผสมกับค่าแรงที่สูงขึ้นตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ญี่ปุ่นนำเข้ากล้วยฟิลิปปินส์ลดลงเหลือส่วนแบ่งเพียง 75% ในปี 2024

ผู้ค้าส่งรายหนึ่งระบุว่า คุณภาพกล้วยฟิลิปปินส์ไม่มีความสม่ำเสมอ จึงลดการนำเข้าลง ขณะที่เวียดนามแม้เพิ่งเริ่มผลิตกล้วยได้ไม่นานมานี้ แต่กลับมีคุณภาพสูง และไม่ติดโรคพืช นอกจากนี้ ยิ่งต้นกล้วยเพิ่งปลูกใหม่ ผลที่ได้ยิ่งสดและอยู่ได้นาน

ญี่ปุ่นและเวียดนามเป็นสมาชิกของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP ญี่ปุ่นจึงเรียกเก็บภาษีกล้วยนำเข้าจากเวียดนามเพียง 5.4% และจะมีการปรับลดลงอีกในอนาคต จนลดลงอย่างสมบูรณ์ในปี 2028 ขณะที่กำแพงภาษีกล้วยฟิลิปปินส์อยู่ระหว่าง 8-18% กล้วยเวียดนามจึงมีความได้เปรียบสูงกว่า

อ้างอิง:

• https://asia.nikkei.com/business/food-beverage/vietnam-takes-bite-out-of-philippine-bananas-market-share-in-japan

The post กล้วยเวียดนามบุกตลาดญี่ปุ่น เบียดส่วนแบ่งกล้วยฟิลิปปินส์ appeared first on THE STANDARD.

แม้ในโลกยุคใหม่จะเต็มไปด้วยเจลพลังงาน เครื่องดื่มฟื้นฟู หรืออาหารเสริมที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของนักกีฬาโดยเฉพาะ 

แต่ ‘กล้วย’ ผลไม้ธรรมดาๆ กลับยังคงเป็นของโปรดประจำสนามแข่งของเหล่านักกีฬาทั่วโลก

เรามักเห็นนักวิ่งมาราธอน นักปั่นจักรยาน หรือนักฟุตบอลระดับโลก หยิบกล้วยขึ้นมากินกลางเกมอย่างเป็นเรื่องปกติ

แต่มันแค่เรื่องของความเคยชิน? หรือมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่เบื้องหลังผลไม้สีเหลืองนี้?

THE STANDARD SPORT ขอพาไปไขคำตอบ ว่าเพราะอะไรกล้วยจึงยังครองใจในฐานะแหล่งพลังงานชั้นเยี่ยมของนักกีฬา…แบบที่อาหารเสริมใดๆ ก็ยังมาแทนที่ได้ไม่ง่ายเลย

The post ทำไม ‘กล้วย’ ยังครองใจนักกีฬา แม้โลกนี้มีอาหารเสริมพลังงานมากมาย? appeared first on THE STANDARD.

เคยเป็นไหมช่วงประจำเดือนมาทีไร เหมือนโลกทั้งใบพัง ทุกอย่างมันทรมานและวุ่นวายไปหมด บางคนปวดท้องจนตัวงอ แถมอารมณ์ยังเหวี่ยงขึ้นๆ ลงๆ แต่รู้ไหมว่าผลไม้ที่หาง่ายในบ้านเราอย่าง ‘กล้วย’ ช่วยบรรเทาอาการปวดนี้ได้นะ 

ทำไมกล้วยถึงเป็นตัวท็อปสำหรับช่วงวันแดงเดือด?

เพราะกล้วยมีแมกนีเซียมสูง และเจ้าแมกนีเซียมที่อัดแน่นอยู่ในกล้วยนี่แหละ คือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมดลูกที่มักจะหดเกร็งจนทำให้เกิดอาการปวดท้องขั้นสุดยอด นอกจากนี้แมกนีเซียมยังช่วยปลอบประโลมระบบประสาทให้สงบลง ลดอาการวิตกกังวลและอารมณ์แปรปรวนช่วงมีประจำเดือนได้อีกด้วย 

ในกล้วยยังมีวิตามิน B6 และโพแทสเซียม ที่มีคุณสมบัติลดบวม ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ ทำให้เราหงุดหงิดน้อยลง จัดการกับความรู้สึกไม่สบายใจได้ดีขึ้น ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าหรือความเชื่อส่วนบุคคล แต่เป็นข้อมูลที่อ้างอิงจากงานวิจัยและแหล่งข้อมูลทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือระดับโลก อย่าง National Institutes of Health (สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา) และ Journal of Obstetrics & Gynaecology Research (วารสารวิจัยสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา) ซึ่งล้วนเป็นสถาบันและวารสารที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์สากลเลยนะ  

ภาพ:  Shutterstock

The post สาวๆ รู้ไหม ‘กล้วย’ คือซูเปอร์ฮีโร่บรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้ appeared first on THE STANDARD.

วันนี้ (7 มีนาคม) ชัชวาล แพทยาไทย สส. ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทย แสดงความคิดเห็นต่อแนวคิดที่ให้ชาวนาเปลี่ยนจากการปลูกข้าวไปปลูกกล้วยเพื่อแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ โดยระบุว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้จริง เนื่องจากมีปัจจัยด้านโครงสร้างการผลิต ต้นทุน ความเสี่ยงทางการเกษตร และปัญหาด้านตลาดที่ต้องคำนึงถึง

ชัชวาลกล่าวว่า ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ และเป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวนาไทย การเปลี่ยนไปปลูกกล้วยต้องอาศัยเงินลงทุนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าพันธุ์ ค่าปรับปรุงพื้นที่ และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา อีกทั้งกล้วยยังเป็นพืชที่อ่อนไหวต่อโรค โดยเฉพาะโรคตายพราย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลผลิตอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ ด้านตลาดก็มีอุปสรรคสำคัญ แม้ว่าญี่ปุ่นจะมีความต้องการกล้วยสูง แต่การแข่งขันในตลาดนี้รุนแรง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเอกวาดอร์เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าไทย ทำให้ไทยแข่งขันได้ยาก

“การแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำต้องมองให้รอบด้าน ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนชนิดพืชเพาะปลูก แต่ควรมีมาตรการที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก” ชัชวาลกล่าว พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรม ดังนี้

1. ปรับปรุงคุณภาพข้าวและส่งเสริมข้าวพรีเมียมข้าวคุณภาพสูง เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวออร์แกนิก เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างความแตกต่างในตลาด

2. เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากข้าวโดยส่งเสริมการแปรรูป เช่น ข้าวเพื่อสุขภาพ แป้งข้าว อาหารสำเร็จรูป เพื่อให้ข้าวไทยมีช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย

3. ขยายตลาดส่งออกใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา และขยายโควตาส่งออกไปยุโรป

4. ลดต้นทุนการผลิตโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรมาใช้ เช่น เครื่องจักรสมัยใหม่ ปุ๋ยชีวภาพ และระบบน้ำอัจฉริยะ รวมถึงขยายระบบชลประทานเพื่อรองรับการเพาะปลูกในทุกฤดู

5. เพิ่มอำนาจต่อรองของชาวนาโดยรัฐต้องจริงจังในการสนับสนุนการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์เพื่อให้ชาวนามีอำนาจต่อรองกับพ่อค้าคนกลาง รวมถึงสนับสนุนงบประมาณ ในการหมุนเวียนเช่นการรับซื้อผลผลิต ของพี่น้องชาวไร่ชาวนาชาวสวน

6. นโยบายการบริหารความเสี่ยงซึ่งรัฐควรมีมาตรการที่ช่วยให้ชาวนามีรายได้ที่มั่นคง แทนการผลักดันให้เปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่น 

ชัชวาลย้ำว่า กระทรวงพาณิชย์ควรเร่งกำหนดยุทธศาสตร์ระยะยาวในการสร้างความมั่นคงให้กับชาวนาไทย โดยการพัฒนาโครงสร้างการผลิตและการตลาดของข้าวไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลก มากกว่าการเสนอให้เปลี่ยนพืชเพาะปลูก ซึ่งอาจทำให้เกษตรกรต้องเผชิญกับความเสี่ยงใหม่ที่ยากต่อการรับมือ

“ชาวนาไทยไม่ได้ต้องการแค่คำแนะนำให้เปลี่ยนพืชเพาะปลูก แต่ต้องการนโยบายที่ยั่งยืน และช่วยให้พวกเขาสามารถอยู่ได้อย่างมั่นคงในระยะยาว” ชัชวาลกล่าว

The post ชัชวาล ไทยสร้างไทย สวน รมว.พาณิชย์ ชี้ ชาวนาไม่ต้องการเปลี่ยนจากการปลูกข้าวมาเป็นกล้วย แต่ต้องการราคาที่เป็นธรรม appeared first on THE STANDARD.

รู้หรือยัง เวลาไหนดีที่สุดในการกินกล้วย เพื่อสร้างสมดุลของคุณค่าทางโภชนาการและสุขภาพทางเดินอาหาร

กล้วยเป็นแหล่งสารอาหารและใยอาหารที่ยอดเยี่ยม และคนทั่วโลกก็ชอบที่กล้วยหากินง่ายและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินบี1, บี 2, บี 6 วิตามินซี โพแทสเซียม และแมกนีเซียม คนที่ใส่ใจสุขภาพอาจสงสัยว่าเวลาที่เหมาะสมในการกินกล้วยเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดคือกินตอนไหนดี? LIFE จึงรวบรวมเคล็ดลับและความรู้เกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกินกล้วยดังนี้ 

• กินกล้วยตอนเช้า มีข้อดีคือปริมาณไฟเบอร์ในกล้วยจะช่วยชะลอการย่อยอาหาร ทำให้อิ่มท้อง กระเพาะและลำไส้ทำงานน้อย ทำให้ร่างกายได้รับพลังงาน และดีต่อระบบขับถ่าย นอกจากนี้กล้วยยังมีวิตามินบี 1 และบี 2 ที่ช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน มีคาร์โบไฮเดรตชนิดดีต่อร่างกายด้วย 

• กินกล้วยหลังออกกำลังกาย ส่งผลดีต่อการเติมพลังงานที่สูญเสียไป และช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย กล้วยให้คาร์โบไฮเดรตที่จำเป็นในการฟื้นฟูระดับไกลโคเจนในร่างกาย โพแทสเซียมที่มีอยู่ในกล้วยยังมีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและป้องกันตะคริว อย่าลืมจับคู่กล้วยกับโปรตีนเชก หรือการเสิร์ฟพร้อมกรีกโยเกิร์ตสามารถเป็นของว่างหลังออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม จะได้ทั้งสมดุลของคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย 

• กินเป็นอาหารว่างยามเย็นได้เพื่อดับหิวตอนดึก เพราะกล้วยมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้อง กล้วยยังมีทริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่สามารถช่วยในการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมรูปแบบการนอนหลับ ทำให้คลายความเครียดของระบบประสาท รู้สึกผ่อนคลาย และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น แนะนำว่าควรกินไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน

The post LIFE TIP: The Best Time to Eat a Banana เวลาที่ดีที่สุดในการกินกล้วย appeared first on THE STANDARD.

แน่นอนว่าทุกครั้งที่กินกล้วย สิ่งที่หลายคนเลือกที่จะทิ้งก็คือ ‘เปลือก’ แต่ล่าสุดในหลายประเทศทั่วโลกได้มีความคิดริเริ่มที่จะนำเปลือกกล้วยเหลือทิ้งเหล่านั้นมาทำเป็นอาหาร และทำเป็น ‘เบคอน’ ทดแทนได้

ซึ่งหลายคนก็มีข้อโต้แย้งกับแนวคิดที่นำเปลือกกล้วยมาทดแทนเนื้อสัตว์ แต่การทำเช่นนี้ถือเป็นที่ยอมรับในวัฒนธรรมทั่วโลก อย่างในบราซิลได้นำเปลือกกล้วยมาใช้แทน ‘เนื้อย่าง’ โดยใช้สูตรดั้งเดิมของประเทศเขาที่เรียกว่า Carne Louca นอกจากนี้ยังรวมไปถึงอินเดียและบังกลาเทศที่ใช้ส่วนต่างๆ ของต้นกล้วยมาทำเป็นอาหาร

ยิ่งถ้าใครเป็นมังสวิรัติอาจชอบเบคอนที่ทำจากเปลือกกล้วย เพราะนอกจากจะสามารถทดแทนได้อย่างยั่งยืนแล้ว มันก็ไม่ก่อให้เกิดขยะ ที่สำคัญ HuffPost ระบุว่า เนื้อวัวและเนื้อหมูทำหน้าที่เป็นโปรตีนที่แย่ที่สุดต่อสิ่งแวดล้อม 

ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากเช่นกันในการทำให้เปลือกกล้วยมีลักษณะ กลิ่น และรสชาติคล้ายคลึงกับเบคอนมากที่สุด โดย Real Simple ได้สร้างสารทดแทนเบคอนขึ้นมา โดยนำเปลือกกล้วยไปหมักด้วยซอส Worcestershire สูตรมังสวิรัติ ควันเหลว ผงหัวหอม กระเทียม และเครื่องปรุงรสบาร์บีคิวทั่วไป หรือสามารถปรับสูตรได้ตามต้องการ จากนั้นนำเปลือกกล้วยไปหมักเป็นเวลา 10 นาทีถึง 3 ชั่วโมง และทอดในกระทะไฟปานกลาง

เพียงเท่านี้ก็สามารถทานเบคอนที่ทำมาจากเปลือกกล้วยได้

ภาพ: Shutterstock

อ้างอิง:

• https://www.tastingtable.com/1081113/you-can-make-a-vegan-bacon-substitute-from-banana-peels/

The post มังสวิรัติก็กินเบคอนได้ กับ ‘เบคอนเปลือกกล้วย’ ไม่ก่อให้เกิดขยะเหลือทิ้ง แถมยังดีต่อสิ่งแวดล้อม appeared first on THE STANDARD.

ผลไม้แต่ละชนิดก็มีรสชาติที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่หวาน ขม และเปรี้ยว ขึ้นอยู่กับระยะเวลาหรือสายพันธุ์ ซึ่งความหลากหลายของรสชาติเหล่านี้ทำให้ผลไม้หลายชนิดสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มได้ทั่วไป ไปจนถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เป็นอันรู้กันว่าหากพูดถึงไวน์จะต้องนึกถึงองุ่น ซึ่งไม่เพียงแต่องุ่นเท่านั้นที่สามารถนำมาหมักได้ ยังรวมไปถึงสับปะรด, ฝรั่ง, มะละกอ, ส้มเขียวหวาน และอะโวคาโด เป็นต้น หรือแม้แต่ผลไม้ที่หลายคนนึกไม่ถึงอย่างกล้วย ก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เช่นกัน 

ตามบทความที่ตีพิมพ์โดยสภาวิจัยแห่งชาติระบุว่า เราสามารถพบแอลกอฮอล์ได้ในกล้วยที่สุกเกินไป โดย SFGate เปิดเผยว่า ที่อุณหภูมิ 60 องศาฟาเรนไฮต์ กล้วยจะสุกเต็มที่ในเวลา 8 วันนับจากวันที่ดึงผลกล้วยออกจากต้น เมื่อเปลือกกล้วยเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลนั่นแปลว่าสามารถนำกล้วยไปทำขนมหวานได้ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งกล้วยจะเริ่มเก็บแอลกอฮอล์ไว้

กระบวนการหมักในกล้วยเกิดขึ้นเมื่อเก็บกล้วยไว้ในอุณหภูมิที่อบอุ่น โดยยีสต์ในอากาศจะเปลี่ยนน้ำตาลของผลไม้เป็นแอลกอฮอล์และคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งใช้ในการทำไวน์หรือเบียร์บางประเทศในแอฟริกา ซึ่งกระบวนการหมักตามธรรมชาตินี้เรียกว่าการหมักเอทานอล โดยใช้น้ำตาลฟรุกโตส ซูโครส และน้ำตาลกลูโคส ที่มีอยู่ในกล้วย

ในอนาคตเราอาจได้ลิ้มลองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่หมักจากกล้วย เช่นเดียวกับไวน์จากองุ่นก็เป็นได้

อ้างอิง:

• https://www.tastingtable.com/1009336/the-scientific-reason-overripe-bananas-contain-alcohol/ 

The post วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า ใน ‘กล้วยสุก’ มี ‘แอลกอฮอล์’ appeared first on THE STANDARD.

ช่างภาพ THE STANDARD ลงพื้นที่สำรวจที่ดินใจกลางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในย่านต่างๆ เช่น ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย, ริมถนนพระราม 9, เพลินจิต, ประดิพัทธ์ และเจริญราษฎร์ ซึ่งแน่นอนว่าที่ดินในย่านที่กล่าวมานั้นย่อมมีราคาสูง โดยในปี 2565 จะมีการเก็บภาษีที่ดินแบบเต็มอัตรา หลังจาก 2 ปีก่อนหน้านี้มีการลดหย่อนจากสถานการณ์โควิดระบาด

สำหรับภาษีที่ดินแบ่งได้ 4 ประเภท ดังนี้

• ที่ดินใช้ทำเกษตรกรรม สำหรับการใช้ที่ดินเกษตรกรรม ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่เสียภาษีต่ำที่สุด และหากมีการทำเกษตรกรรมไม่เต็มพื้นที่ จะคิดการเสียภาษีตามสัดส่วนการใช้ประโยชน์ 
• บ้านพักอาศัย เป็นการใช้ที่ดินเพื่อให้บุคคลอยู่อาศัย เช่น บ้าน ตึกแถว ห้องชุด 
• ที่ดินใช้ประโยชน์อื่นๆ เป็นการใช้ประโยชน์ที่ดินนอกเหนือจากที่กำหนด เช่น พาณิชยกรรม, อุตสาหกรรม, อาคารสำนักงาน, โรงแรม, ร้านอาหาร และอื่นๆ
• ที่ดินรกร้างว่างเปล่า คือที่ทิ้งรกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์ในปีก่อนหน้าปีภาษี และหากปล่อยไว้ให้รกร้างติดต่อกันนาน 3 ปี อัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีก 0.3% ในทุกๆ 3 ปี โดยมีอัตราเพดานภาษีรวมไม่เกิน 3%

ดังนั้นจึงปฏิเสธได้ยากว่า กล้วย มะนาว หรือต้นอื่นๆ ที่ถูกนำมาปลูกในที่ดินมูลค่ามหาศาลกลาง กทม. ในหลายพื้นที่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะให้เข้าเงื่อนไขที่ดินเกษตรกรรม ซึ่งจะช่วยลดภาระทางษีได้ค่อนข้างมาก

The post ปลูกกล้วย-มะนาวบนพื้นที่ใจกลางมหานคร หลังรัฐเตรียมเก็บภาษีที่ดินเต็มจำนวน appeared first on THE STANDARD.

Hitachi จะช่วยฟาร์มกล้วยของออสเตรเลียในการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานทั้งหมดแบบดิจิทัล ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจัดจำหน่าย โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ​​เช่น Internet of Things (IoT) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและผลผลิตของฟาร์ม

Hitachi Vantara หน่วยงานด้านไอทีในสหรัฐฯ ของ Hitachi จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของ Bartle Frere Bananas ซึ่งเป็นฟาร์มกล้วยในรัฐควีนส์แลนด์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ด้วยโซลูชัน ‘Smart Farm’ แบบดิจิทัล 

Gavin Devaney เจ้าของฟาร์มกล่าวว่า การทำฟาร์มแบบยั่งยืนนั้นต้องการความโปร่งใสที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลในระดับสูง และความเข้าใจที่นำไปปฏิบัติได้จริง

ที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลกลายเป็นความจำเป็นเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้ผลิตอาหารเช่นกัน เนื่องจากแมชชีนเลิร์นนิง ระบบอัตโนมัติ และเทคโนโลยีเกิดใหม่อื่นๆ กำลังเปลี่ยนแปลงธุรกิจจากพื้นฐานในเกือบทุกอุตสาหกรรม

โดยฟาร์มจะใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมโดยสถานีตรวจสอบสภาพอากาศ และเซ็นเซอร์ความชื้นในดินเพื่อควบคุมระดับของน้ำ ระบบได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยกำหนดว่าเมื่อใดที่จะจ่ายน้ำให้กับพืชและจำนวนเท่าใด โดย Hitachi จินตนาการถึงขั้นการสร้างระบบน้ำแบบอัตโนมัติโดยใช้ AI เต็มรูปแบบในอนาคต

การปฏิสนธิของพืชผลถูกควบคุมโดยเทคโนโลยี IoT เซ็นเซอร์พลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนปั๊มระบายน้ำจะตรวจสอบปริมาณปุ๋ยที่ปล่อยลงสู่แม่น้ำเพื่อลดการไหลบ่าของปุ๋ย และจำกัดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของฟาร์ม ระบบจะรวมระบบที่คาดการณ์ว่ากล้วยจะพร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวเมื่อใด

ไม่เพียงเท่านั้นระบบจะติดตามห่วงโซ่อุปทานโดยใช้แท็กระบุความถี่วิทยุ (RFID) ที่ติดกับต้นกล้วย และจะติดตามผลไม้จากฟาร์มสู่ตลาด แท็กสามารถเก็บข้อมูลได้หลากหลาย และใช้คลื่นวิทยุในการถ่ายโอนข้อมูล อุปกรณ์ติดตามที่ใช้ฟังก์ชัน GPS และเซ็นเซอร์อุณหภูมิจะถูกนำมาใช้เพื่อให้กล้วยอยู่ในสภาพที่เหมาะสมที่สุดระหว่างการขนส่งอีกด้วย

อย่างไรก็ตามตลาดสำหรับโซลูชันการเกษตรอัจฉริยะยังคงมีศักยภาพอยู่มาก โดยอิงจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล สำหรับเทคโนโลยีการเกษตรของโลกคาดว่าจะมีมูลค่า 4.11 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2027 เพิ่มขึ้น 450% เมื่อเทียบกับปี 2019 ตามข้อมูลของ Global Information

Hitachi กำลังมองหาที่จะใช้ประโยชน์จากแนวโน้มนี้ โดยนำเสนอบริการแพลตฟอร์ม Lumada IoT ที่มุ่งเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นข้อมูลเชิงลึกเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงอื่นๆ โดย Hitachi วางแผนที่จะให้บริการ Lumada แก่ธุรกิจในหลากหลายภาคส่วน รวมถึงการเกษตร พร้อมคาดว่ายอดขายจะสูงถึง 1.58 ล้านล้านเยนในปีงบประมาณ 2021 เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อนหน้า

อ้างอิง:

• https://asia.nikkei.com/Business/Agriculture/Hitachi-tech-tools-bring-Australian-banana-into-digital-era 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

The post การเกษตรยุคดิจิทัล! Hitachi ใช้ IoT และ AI ในการปรับปรุงประสิทธิภาพและผลผลิตของ ‘ฟาร์มกล้วย’ ในออสเตรเลีย appeared first on THE STANDARD.

กล้วย หนึ่งในผลไม้ยอดฮิต รูปทรงเรียวงอ เปลือกสีเหลือง ปอกง่ายกินง่าย ที่ไม่ได้มีเพียงรสชาติอร่อย แต่ยังแฝงไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย อีกทั้งยังราคาไม่แพง

ทุกๆ วันพุธที่สามของเดือนเมษายนแต่ละปีจะถูกกำหนดให้เป็น วันกล้วยแห่งชาติ หรือ National Banana Day ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 21 เมษายน โดยเป็นวันที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองให้กับการมีอยู่ของกล้วยในทุกแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าทางโภชนาการที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย สรรพคุณที่ช่วยในการรักษาโรคภัยต่างๆ การใช้สอยประโยชน์ที่ทั้งสามารถเอาไปทำอาหาร ใช้เป็นอุปกรณ์หรือพร็อพสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ฯลฯ

ปัจจุบันยังไม่มีแหล่งข้อมูลที่บอกได้แน่ชัดว่าใครเป็นคนจัดตั้งวันกล้วยแห่งชาติขึ้น แต่ช่างเถอะ เรามาใช้โอกาสนี้ฉลองให้กับการมีอยู่ของกล้วยกันดีกว่า ส่วนวิธีการนั้นก็มีมากมาย อาจจะนำกล้วยมาทำอาหารกินกันในครอบครัว จะเหมากล้วยที่ตลาดไปให้สัตว์แถวบ้าน หรือจะใช้กล้วยเป็นพร็อพถ่ายรูปเก๋ๆ ด้วยการถือแล้วแอ็กชันท่าต่างๆ อะไรก็ได้แล้วแต่คุณสะดวกเลย

ภาพ: Australian Broadcasting Corporation

The post 21 เมษายน – วันกล้วยแห่งชาติ appeared first on THE STANDARD.